เรื่องเด่น วัดไผ่ล้อม ต้นแบบ ทำวัตรสวดมนต์ เช้า-เย็น เคร่งครัดพระธรรมวินัย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 15 มีนาคม 2018.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    b8a5e0b989e0b8ade0b8a1-e0b895e0b989e0b899e0b981e0b89ae0b89a-e0b897e0b8b3e0b8a7e0b8b1e0b895e0b8a3.jpg

    วัดไผ่ล้อม ต้นแบบ ทำวัตรสวดมนต์ เช้า-เย็น เคร่งครัดพระธรรมวินัย ‘นโยบายเจ้าอาวาส‘ “พระทุกรูปต้องทำงาน อยู่ให้วัดอาศัย ไม่ใช่อาศัยวัดอยู่”

    ห้วงนี้มีกระแสข่าวเลื่องลือแพร่สะพัดไปทั่วจังหวัดนครปฐม และเริ่มแผ่กระจายไปทั่วประเทศแล้วในขณะนี้ ในขณะนี้เป็นที่กล่าวขานในหมู่คณะสงฆ์และคณะพระสังฆาธิการ กรณีเรื่องกิจของสงฆ์ ที่ทุกวัดยึดถือปฏิบัติเคร่งครัดมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เป็นกรณีศึกษาที่พระสงฆ์ที่บรรพชาอปสมบทบวชเรียนเข้ามาแล้ว ล้วนต้องทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น

    เฉกเช่นในอดีตจวบจนถึงยุคปัจจุบัน ล้วนมีให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม และผู้ที่สัมผัสได้ในวัตรปฏิบัติเฉกเช่นนี้ ก็คือญาติโยมพุทธศาสนิกชนในชุมชนคนใกล้วัด อุบาสกอุบาสิกา และหมู่คณะสงฆ์ด้วยกันนั่นเอง!!!

    ยกตัวอย่างวัดในจังหวัดนครปฐม ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าพระทุกรูปในวัดห้ามขาดกิจของสงฆ์คือการทำวัตรสวดมนต์ จนเป็นที่เลื่องลือว่าเคร่งครัดในกรณีนี้มากที่สุดก็คือ ที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ที่มีพระเดชพระคุณพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพ่อน้ำฝน ในฐานะเจ้าอาวาส อธิบดีสงฆ์ของวัดแห่งนี้ ที่ท่านมีนโยบายผนวกกับกุศโลบาย พระรูปไหนไม่ทำวัตรสวดมนต์ เจ้าอาวาส “ปรับเงินปัจจัยทันที” โดยไม่มีข้อแม้

    วิธีการนี้ไม่ได้บังคับ แต่เป็นมติท่ามกลางหมู่สงฆ์ในวัด ที่เน้นย้ำว่าต้องเคร่งครัด ตามกฎระเบียบวินัยร่างขึ้นไว้เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวัดไผ่ล้อม เหมือนกฎหมายสงฆ์ กฎหมายบ้านเมืองที่ทุกคนต้องเคารพศรัทธายึดถือปฏิบัติอย่างจริงใจและเต็มใจ แต่นี่เป็นกฎของวัดไผ่ล้อม ซึ่งไม่แตกต่างจากกฎทั่วไปของในแต่ละองค์กร แต่เป็นการเพิ่มมิติใหม่จุดประกายจุดไฟในใจคน มีการทำประชามติถามไถ่ปรึกษาหาข้อยุติตกลง โดยอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะคืออยู่อย่างประชาธิปไตย ปกครองแบบประชาธิปไตย ภายใต้เหตุผล

    นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วัดไผ่ล้อม นับเป็นวัดต้นแบบ ที่ยึดถือปฏิบัติในด้านการทำวัตรสวดมนต์ ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีกฏระเบียบที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นต้นแบบแห่งการทำวัตรสวดมนต์ที่เคร่งครัด จริงจัง เข้มข้น ด้วยความเมตตาเอาใจใส่ จากพระเดชพระคุณ เจ้าอาวาส ที่มุ่งมั่นทำจริงจัง

    ส่งผลให้การทำวัตรสวดมนต์ของวัดไผ่ล้อม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคณะสงฆ์เมืองนครปฐม และต้องขออนุโมทนาบุญจากใจจริง ที่ทุกวัดได้นำไปเป็นแบบอย่าง ส่วนวิธีการนั้น ทางวัดใช้การปรับเงิน ถ้าไม่ลงทำวัตรปรับ 500 บาท แล้วนำเงินที่ปรับตั้งไว้เป็นกองทุน สำหรับไว้ทำอาหารถวายเป็นภัตตาหารเพล ในโอกาสที่พระสงฆ์ทำงานในกิจกรรมต่างๆ หรือวันไหนไม่มีกิจนิมนต์ออกไปสวดมนต์ฉันเพลข้างนอก ก็ถือเป็นการทำบุญถวายเพลได้เลยเช่นกัน

    ในอดีตที่ผ่านมาการทำวัตรสวดมนต์ของพระสงฆ์วัดไผ่ล้อม พระเณรส่วนใหญ่ขี้เกียจไม่ยอมทำ อ้างสารพัด และสุดท้ายเริ่มขาดหายไปจนหมด เมื่อหลวงพี่น้ำฝน ท่านเริ่มออกกฎจริงจัง อีกทั้งยังเน้นย้ำอีกหนึ่งนโยบายคือพระทกรูปต้องอยู่ให้วัดอาศัย ไม่ใช่อยู่เพื่ออาศัยวัด ทุกรูปต้องทำงาน ทุกรูปมีหน้าที่ ยกตัวอย่าง ล้างโบสถ์ กวาดลานวัด เก็บขยะ ล้างท่อ ล้างห้องน้ำ ตัดต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ทาสี ซ่อมประปา เป็นต้น นี่คือผลพวงที่ดี ที่ทำให้วัดสะอาด พระอยู่ในระเบียบวินัย เคร่งครัดทั้งทางโลกและทางธรรม ที่สำคัญต้องเรียนหนังสือทุกรูปเช่นกัน

    พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพ่อน้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ตามที่มีข้อสงสัยว่าทำไมพระวัดไผ่ล้อม ถึงทำวัตรเช้าเย็นเป็นระเบียบ ถามอาตมาว่าใช้เทคนิคสูตรไหนในการบริหาร ที่ผ่านมาอาตมาลองผิดลองถูก มาแล้วมากมาย อันไหนไม่ดี ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ก็ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขปรับปรุง

    หัวใจสำคัญวัดไผ่ล้อม เน้นความสะอาด อันดับแรกวัดต้องสะอาด พระเณรทุกรูปต้องทำงาน กวาดลานวัด ล้างโบสถ์ คืองานหลัก ต้องทำทุกวัน เป็นการแบ่งหน้าที่ มีตำแหน่งการทำหน้าที่ชัดเจน ส่วนงานรองลงมาคือ เวลาทางวัดมีงานด่วน มีงานเฉพาะกิจ ต้องการระดมพล อาตมาเรียกเมื่อไหร่ ต้องมาครบ ช่วยกันรุมทำให้เสร็จทันการณ์ นี่คืองานที่ต้องการความสามัคคี รวมพลัง ช่วยกันด้วยความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจ

    ส่วนเรื่องของหน้าที่หลัก หัวใจของคณะสงฆ์ที่บวชเข้ามาแล้วทุกรูปต้องปฏิบัติ นโยบายของอาตมาในฐานะสมภาร คือ ต้องสวดมนต์ทำวัตรเช้าในเวลา ตีห้าถึงหกโมงเช้า แล้วก็ไปบิณฑบาต ทำภารกิจส่วนตัว ส่วนช่วงเย็นเวลาห้าโมงถึงหกโมงเย็น ก็ต้องทำวัตรสวดมนต์เย็น ตามกฎระเบียบที่วางไว้ ใหม่ๆยังหาวิธีที่แยบยลไม่ได้ มีขาดมีหายกันไปบ้าง อาตมาใช้วิธีทำโทษ ให้ทำความสะอาดในจุดต่างๆตามสมควร หรือตัดกิจนิมนต์

    ปรากฏว่า วิธีการนี้ไม่ได้ผล พระเณร ยังคงขาดหายไปเรื่อยๆ เนื่องเพราะโทษอาจจะเบาไป หรือทุกคนมองเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นอาตมาก็ได้ปรับเปลี่ยนมาแล้วสารพัดวิธี ไม่สำเร็จสักครั้ง สุดท้ายอาตมาใช้วิธีถ้าใครขาด ให้ปรับเงิน 500 บาทต่อหนึ่งครั้ง ถ้าขาด 2 รูปขึ้นไป ต้องมาสวดซ่อมที่หน้าพระประธาน โดยออกเป็นกฎเหล็ก ห้ามขาด ห้ามสาย ห้ามลา ตรงต่อเวลา ยกเว้นถ้าใครมีภารกิจจำเป็นจริงๆ เจ็บไข้ได้ป่วย ลาได้ แต่มีข้อแม้ต้องมาลาเป็นการส่วนตัวกับเจ้าอาวาสเท่านั้น

    ส่วนเงินที่ปรับลงกองกลาง ตั้งเป็นกองทุนไว้เลี้ยงภัตตาหารพระเณรในยามที่ขัดสน สรุปวิธีนี้ได้ผลเกินคาด พระเณรไม่มีใครยอมขาด ขยันขันแข็งทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็น เห็นผลทันตา ส่วนรูปไหนที่ขาดแล้ว บอกไม่มีเงินจ่าย ก็ไปหักจากกิจนิมนต์ โยมใส่ซองถวายมา ก็หัก ณ ที่จ่าย ไม่มีการผ่อนปรน ต้องเด็ดขาด สุดท้ายระเบียบวินัยก็เกิด กลายเป็นความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ได้ผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

    พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวอีกว่า นี่คือสิ่งที่อาตมาภาคภูมิใจ ที่ทำให้วัดไผ่ล้อมสะอาดตา รวมถึงพระเณรมีระเบียบวินัย ทำวัตรสวดมนต์ ที่เป็นกิจของสงฆ์ การสวดมนต์เป็นการเจริญสมาธิอีกอย่างหนึ่ง ที่ได้ครบ ทั้งศีล สมาธิ และปัญญา พระเณรวัดไผ่ล้อมสวดมนต์เก่งทุกรูป

    และที่สำคัญอาตมามีความเชื่อว่า พระเราต้องสะอาดทั้ง กาย วาจา ใจ ต้องปฏิวัติใหม่ “ต้องอยู่ให้วัดอาศัยเรา ไม่ใช่เราไปอาศัยวัดอยู่” ทุกวันนี้ที่วัดไผ่ล้อม ถ้าใครคิดจะมาบวชที่นี่ ต้องทำใจ ขี้เกียจไม่ได้ เรียนก็ต้องเรียน งานต้องทำ กิจของสงฆ์ยิ่งต้องทำหนัก ให้เน้นความเพียรความอดทนเป็นหลัก ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ และที่สำคัญเน้นประชาธิปไตยล้วนๆ ไม่เอาเผด็จการ

    และผลแห่งการเคร่งครัดปฏิบัติเต็มพิกัดทุกวันเช่นนี้มีผลพวงที่ตามมาปรากฏ พระเณรทุกรูปสวดมนต์ได้ทุกบท แม่นยำ อักขระชัดเจนถูกต้อง พร้อมเพรียง ไปสวดบ้านไหนมีแต่ญาติโยมชม สวดหนึ่งชั่วโมงเต็ม สมบูรณ์แบบที่สุด

    ส่วนเรื่องความสะอาดนั้นวัดไผ่ล้อมเน้นมาก ห้องสุขาต้องสะอาดทุกวันสะอาดตลอดเวลา ญาติโยมไม่ว่าจะมาจากที่ไหนสามารถมาปลดทุกข์ได้ทุกวันตลอดเวลา มีแม่บ้านดูแลทุกครั้งที่มีคนออกจากห้องสุขา รวมถึงสิ่งที่วัดไผ่ล้อมภูมิใจมากที่สุดก็คือตั้งแต่ปีพ.ศ.2544 จังหวัดนครปฐม ทำป้ายประกาศ มาติดไว้ที่วัดไผ่ล้อม มีใจความดังต่อไปนี้

    “จังหวัดนครปฐม ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า วัดไผ่ล้อม ได้รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดอย่างดีเยี่ยม และผ่านการตรวจสอบให้เป็น วัดปลอดยาเสพติด ให้ไว้ ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2544” ลงชื่อ นายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

    จวบจนวันนี้ วัดไผ่ล้อมห้ามพระเณรเด็กวัดสูบบุหรี่ดื่มสุรายาเสพติดอบายมุขทุกชนิด และทุก 3 เดือน ทุกรูปทุกคน ต้องตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารยาเสพติด เพื่อความเป็นระเบียบวินัยสืบต่อไป ขอเจริญพร

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.khaosod.co.th/amulets/news_843074
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,101
    sa408.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...