วัดพระธาตุดอยจอมแจ้ง วัดเก่าแก่โบราณกว่า 2,000 ปี

วัดพระธาตุดอยจอมแจ้ง​

วัดเก่าแก่โบราณกว่า2,000ปี<O​

ประวัติความเป็นมา<O ​

ตำนานพระธาตุดอยจอมแจ้ง เล่าขานต่อๆกันมาว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์สาวก เสด็จมาสว่างในที่แห่งนี้ ในตอนเช้าได้ออกบิณฑบาต และฉันบนยอดดอยแห่งนี้ เพราะในสมัยโบราณ วัดพระธาตุดอยจอมแจ้ง เป็นประตูเดินทางของพ่อค้าวาณิช เป็นเส้นทางสำคัญ ที่หัวเมืองสำคัญต่างๆติดต่อค้าขายกัน ตลอดถึงตั้งทัพรับศึกสงครามกัน ด้านหนึ่งเป็นภูเขามีทำเลที่เหมาะสม สังเกตการณ์ด้านหน้ามีน้ำปิงไหลผ่าน และยังมีบ่อน้ำจืดไหลออกมาจากภูเขา ระยะเวลาเดินทางเข้าไปในตัวเมือง เช่น เมืองกุมกาม เมืองนครพิงค์ ใช้เวลา หนึ่งวันพอดีถ้าใช้ม้าเดินทางถึง นครหริภุญชัยลำพูน ส่วนอาณาจักรด้านเหนือมีเมืองฝาง โยนกนคร นครเชียงราย เชียงตุง เชียงรุ้ง แสนหวี สี่ป้อจนถึงประเทศจีน ประเทศพม่า ประเทศอินเดีย จะใช้เส้นทางนี้เดินทางเพราะมีแม่น้ำสำคัญผ่าน เช่นแม่น้ำแม่แตง แม่น้ำแม่ขะจาน แม่น้ำปิง แม่น้ำกก ที่อำเภอแม่อาย เข้าสู่เมืองสารทเข้าสู่แม่น้ำสาละวิน สมัยโบราณเมื่อ สองพัน ปีล่วงแล้ว ดินแดนแถบนี้เป็นที่อยู่ของชนเผ่าลัวะ ตั้งถิ่นฐานตั้งแต่พระพุทธบาทสี่รอย ลงมาจดแม่น้ำปิง ชนเผ่าลัวะที่มีชื่อตามตำนานจามเทวี 1,200 ปี คือขุนหลวงวิลังคะ ก็ตั้งบ้านเรือนคอยคุ้มอาณาจักรอยู่แถบนี้เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมา ได้มาโปรดชาวป่าพื้นที่นี้ ให้ตั้งอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ได้มอบเส้นเกศาให้ ชนเผ่าลัวะได้ถวายน้ำสรงพระพักตร์ด้วยขันทองคำ ภายหลังพ่อขุนเม็งราย เดินทัพผ่าน ได้พบสถูปโบราณและศาลบวงสรวงเทพยดาของชนเผ่าลัวะบนที่แห่งนี้ ขณะนั้นกำลังเดินทัพจากเชียงรายผ่านฝาง เชียงดาว กลางคืนได้ตั้งทัพใหญ่ตรงหน้าวัด กลางคืนเห็นแสงประหลาดพุ่งออกจากพระสถูป เมื่อสร้างนครพิงค์เชียงใหม่เสร็จ ได้นำพระสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เรียกว่า พระธาตุน้ำล้างหน้า นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นส่วนหน้าผาก แต่ของเดิมมีอยู่แล้วคือเส้นเกศาที่มอบให้ชนเผ่าลัวะ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาสว่างและฉันภัตตาหารที่ดอยจอมแจ้งแห่งนี้ ที่เกี่ยวเนื่องกันมีหลายแห่ง แต่ละแห่งก็อ้างถึงการเสด็จมาสว่างหรือแจ้งในที่แห่งนั้นเช่นกัน แต่ที่วัดพระธาตุดอยจอมแจ้งนั้น ตำนานกล่าวว่า เสด็จจากดอยตุง มุ่งสู่นครสำคัญทางเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ผ่านมาและเสด็จไปประทับรอยพระบาทที่พระบาทสี่รอย เสด็จพระธาตุดอยสุเทพ โปรดฤาษี เสด็จไปจอมทอง ดอยเต่า ฮอด พระบาทตากผ้า ลำพูน เป็นต้น <O</O
เมื่อพ่อขุนเม็งรายพักทัพหน้าที่ดอยแห่งนี้ ตอนเช้าวันนั้นก่อนจะยกทัพไปรบทัพของพระนางจามเทวี (พระนางจามเทวีสวรรคตแล้ว) รบอาณาจักรหริภุญชัย ได้ให้ราชบุรุษตั้งเครื่องสังเวยบูชาเทวดารักษาสถูปแห่งนี้ ให้พระองค์เดินทัพโดยสวัสดิภาพ เมื่อสำเร็จตามพระประสงค์จะกลับมาบูรณะใหม่ ให้สวย เด่น เป็นสง่ากว่าเดิม เมื่อสมดังปรารถนาก็ได้มาสร้างสถูปใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมอาคารทัพพักอีกหลายหลัง กาลเวลาผ่านไป 700 กว่าปี เสนาสนะต่างๆก็แตกสลายไปตามกาลเวลา<O</O
<O</O
ตอนหลัง เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า มีแม่ทัพพม่าได้บูรณะอีกครั้ง ทำให้พระธาตุเปลี่ยนรูปทรงเป็นศิลปะพม่า เพราะตรงปากทางด้านหน้า มีทัพพม่าตั้งอยู่คอยคุ้มกันข้าศึกด้านทิศเหนือ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ พร้อมพระอนุชาคือสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ไล่ตีทัพพม่าจากหัวเมืองเชียงใหม่และได้ต่อสู้กับทัพใหญ่ของพม่าที่หน้าวัด เป็นเวลาหลายวันจนทัพพม่าแตกกระเจิง จึงเป็นการสิ้นสุดการปกครองพม่า สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้ตั้ง พิธีบวงสรวงเทพยดาบนดอยแห่งนี้เจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อปลอบขวัญแม่ทัพนายกอง และพวกทหาร ก่อนจะยกทัพไปตีพม่าและได้ไปติดเชื้อไข้ป่าและสวรรคตที่เมืองหาง สมเด็จพระเอกาทศรถได้อัญเชิญพระศพกลับกรุงศรีอยุธยา ในสมัยนั้นที่วัดพระธาตุดอยจอมแจ้งมีฝูงกาจำวนมาก ขณะที่บวงสรวงเทพยดาอยู่นั้น ฝูงกาบินไล่จิกกันอยู่บนอากาศ และก็ร้องลั่น บ่งบอกว่าเป็นลางร้ายแก่สมเด็จพระนเรศวรว่าพระองค์จะสิ้นชีพเป็นแน่นอนถ้าเสด็จไปรบที่หัวเมืองฝ่ายเหนือในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีใครทัดทานได้ เพราะความแค้นที่มีต่อพม่าที่คอยข่มเหงรังแกคนไทย เป็นเวลาหลายร้อยปี จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการพร้อมทั้งต้องไปช่วยรบ ในเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่ารบคนไทยด้วยกันหรือต่างเผ่าพันธุ์ ทำให้สมเด็จพระนเรศวรจะต่อตีเพื่อยึดหัวเมืองต่างๆคืนมา แต่พระองค์ก็ไปติดไข้ป่า และถึงแก่สวรรคตเสียก่อน <O</O
พระธาตุดอยจอมแจ้ง ขาดการดูแลมาหลายยุคหลายสมัย จึงทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กาลล่วงมาสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งลานนา ได้มาบูรณะและสร้าง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ประมาณ พ.ศ. 2470 นิมิตว่ามีเทพยดามาบอกว่า มีวัดสำคัญทางทิศเหนือ กำลังรอครูบาไปบูรณะ และครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จตกบนดอยแห่งนี้ เมื่อถามชาวบ้านดูว่ามีใครทราบว่ามีวัดพระธาตุดอยจอมแจ้งหรือไม่ ชาวบ้านที่ไปช่วยกันก่อสร้างและทำบุญบอกว่ามี จึงพร้อมด้วยหลวงอนุสารสุนทร พร้อมด้วยชาวพุทธพระภิกษุ สามเณร โดยมีพระศรีวิชัยวัดแม่ขะจาน คอยอำนวยความสะดวกและเตรียมสถานที่พักครูบาศรีวิชัย ได้บูรณะพระเจดีย์ใหม่ เปลี่ยนจากแบบพม่าเป็นแบบครูบาศรีวิชัย เพราะองค์เดิมชำรุดมาก อิฐไม่สามารถใช้ได้ ฐานก็ไม่แข็งแรง เมื่อขุดตบแต่งจึงได้พบพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุไว้ในผอบทองคำ และผอบเงินถึง 7 ชั้น มีพระธาตุเม็ดเล็กเท่าข้าวสารหัก จำนวน 9 องค์พระพุทธรูปทองคำจารึกจามเทวีจำนวน 5 องค์ สำเภาเงินสำเภาทองเพชรนิลจินดาจำนวนมาก ครูบาศรีวิชัยให้ช่างบรรจุเอาไว้ในไห ปิดฝามิดชิด และเก็บไว้ในองค์พระธาตุตามเดิม ใช้เวลาบูรณะ 30 วันจึงสำเร็จ มั่นคงจนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2529 ได้บูรณะอีกครั้งโดยหุ้มโมเสทจากประเทศอิตาลี่ และยกฉัตรสมโภช ปีพ.ศ. 2535 โดยมีคุณแม่ศรีภัทร อินสุวรรณ ศัทธาวัดล่ามช้างตลาดสมเพชรเป็นเจ้าภาพ ยอดฉัตร สั่งทำที่วัดช่างแต้ม ปัจจุบันแม่ศรีภัทรได้ถึงแก่กรรม และแม่ศรีภัทร ยังได้สร้างสะพานเหล็กให้คนข้ามด้านหน้าวัดอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งจากเดิมเป็นไม้ สร้างโดยกรมชลประทาน มีอายุ 50 ปี<O</O

<O</O​

 

ที่ตั้ง <O</O
ตั้งอยู่เลขที่ 23 หมู่ 5 ถนนโชตนา-ฝาง กิโลเมตรที่ 31 ต.ขี้เหล็กเขต 2 อ.แม่แตง <O</O
จ.เชียงใหม่ 50150 <O</O
ท่านเจ้าอาวาส ( พ.ศ. 2533 - ปัจจุบัน ) พระครูอดุลเจติยาภิบาล (ครูบาแจ้ง) <O</O
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com</o:lock>
<o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock>

 

ความศักดิ์สิทธิ์​

เมื่อบูรณะพระเจดีย์สำเร็จ ฉลองสมโภช 2470 แล้ว หลวงอนุสารสุนทร พร้อมด้วยศัทธาสาธุชน ได้สร้างวิหารถวายครูบาศรีวิชัยอีกหนึ่งหลังปัจจุบันยังมีอยู่และได้บูรณะมาแล้ว 2 ครั้ง เป็นวิหารโบราณมีหน้าต่าง เพียงสามช่อง ตั้งอยู่หน้าองค์พระธาตุพอดี พระประธานปูนปั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีคนมากราบแล้วเห็นพระประธานองค์นั้นแสดงปาฏิหาริย์ มีแสงออกมาจากสายพระเนตร แล้วพุ่งมาหาบุคคลนั้นจนล้มลง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2544 โดยผู้จัดการฝ่ายพืชผัก บริษัท JPP ที่ประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง เอามาเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้ไปกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลในชีวิต และอบรมศีล สมาธิ ปัญญาให้เข้มแข็งต่อไป ปัจจุบันสถานะของวัดมีความมั่นคงพอสมควร คือมีเสนาสนะพอสมควรแก่การใช้สอย แต่ก็มีเสนาสนะบางแห่งทรุดโทรมรอการบูรณะ กำลังรอศรัทธาสาธุชนผู้มีศัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย จะได้ช่วยกันบำรุง อุปถัมภ์ ให้สถานโบราณแห่งนี้ ได้ตั้งอยู่ตามครรลองที่น่าจะเป็น และแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของอนุชนรุ่นหลัง จะพึงกระทำได้ในปัจจุบัน เพื่อเป็นความดีสู่ประตูอื่นๆ ที่ประณีตและยิ่งใหญ่ต่อไป อันหมายถึงสำเร็จมรรคผล นิพพาน อันเป็นจุดหมายสูงสุดของชีวิตชาวพุทธศาสนิกชนทุกคน<O</O

 

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta3mini12.html

 

รูปถ่ายบริเวณต่างๆของวัด

 

ชื่อวัดพระธาตุ จอมแจ้ง ผมเจอที่ ปายอีกวัดนึงครับ

 

ที่จังหวัดแพร๋ก้มีค่ะ ใก้ลกับพระธาตุช่อแฮค่ะ

 

อยากทราบข้อมูลค่ะ น่าสนใจ

 

น่าสนใจเช่นกันค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ในการทำความดีต่อไป
และขอผลบุญทั้งปวงเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพานในภพภูมินี้ด้วยเทอญ

ถนอม สุพัตรา ถกนธ์

 

ชื่อวัดใกล้เคียงกัน ก็คงจะมาจากลูกหลานยุคหลังๆสร้างวัดแล้วใช้ชื่อเดิมครับ
ที่ปาย(ก็ไม่ห่างแม่แตงสักเท่าไหร่)นี่ผมได้ไปทำบุญและสรงน้ำด้วยครับ

 

น่าไปเที่ยวจังเลยคับ

 

ปัจจุบันนี้มีหลายจุดในบริเวณวัดที่ชำรุดทรุดโทรม กำลังรอผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมค่ะ เช่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ กำแพง ศาลาพระนอน ฯลฯ
บรรยากาศโดยรอบจะเงียบสงบ ร่มรื่น มากค่ะ

 

พอดีไปเที่ยวมา เลยเอาข้อมูลที่ถูกต้องมาฝาก

 

อ้าว..... ไปที่เดียวกันอีกแล้วหรือเนี้ย

 

เราพวกเดียวกันนะ อิอิ