เรื่องเด่น วัดจนแต่พระรวยน้ำใจ! เจ้าอาวาสวัดดงละคร จัดงานบวช-งานศพฟรีแก่ผู้ยากไร้...

รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 3 พ.ย.2561 พาคุณผู้ชมไปพบกับ “พระมหาสิริวัฒนาฯ” ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา แม้วัดจะยากจน แต่ท่านรวยน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ยากไร้-ผู้ป่วยติดเตียง นอกจากจัดงานบวช-งานศพฟรีแก่ผู้ไม่มีเงินแล้ว ยังเปิดโรงเรียนสอนเด็กยากจนฟรีอีกด้วย

พระมหาสิริวัฒนา สีลสาโร เจ้าอาวาสวัดดงละคร วัดเล็กๆ แห่งหนึ่งใน จ.นครนายก เริ่มแรกก็คงเหมือนฆราวาสทั่วไป ที่คิดว่า บวชทดแทนคุณพ่อแม่เมื่ออายุครบ 20 ปี ไม่นานก็คงสึกออกมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อเข้าสู่เพศบรรพชิตจริงๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะขณะนี้บวชมา 8 ปีแล้ว ก็ยังไม่สึก


แม้พระมหาสิริวัฒนาฯ จะยังพรรษาน้อย แต่ผลงานและอุดมการณ์ของท่าน ถือว่าไม่ง่ายที่จะมีพระรูปใดทำได้แบบท่าน เพราะท่านเป็นทั้งพระนักเทศน์ พระนักพัฒนา มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม นอกจากนี้ ยังเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อผู้ยากไร้ ใครเดือดร้อน ก็รีบช่วยเหลือ ใครจะบวช จะเผาศพ แต่ไม่มีเงิน ท่านก็จัดให้ฟรี แถมยังเปิดวิทยาลัยอาชีวศึกษาเพื่อให้เด็กยากจนได้เรียนฟรี ไม่เท่านั้น ท่านยังได้รับรางวัล “คนดีแทนคุณแผ่นดิน ประจำปี 2561 นี้อีกด้วย

“แม่เคยถามเรื่องแต่งงาน ตอนบวชได้สัก 1-2 ปี ท่านจะอยู่ยาวเลยเหรอ จะมีชีวิตอย่างไรต่อ ความเป็นแม่จะห่วงมาก” พระมหาสิริวัฒนาฯ ย้อนภาพแม่ห่วงอนาคตลูก

บวชได้ แต่ต้องเรียนไปด้วย

“ก็บอกว่า ถ้าอยากอยู่ ก็ไปเรียน ทางเราสนับสนุนให้เรียน ถ้าไม่เรียน อยู่แล้วไม่ได้ทำอะไร ที่บ้านไม่สนับสนุน ก็ไปเรียนธรรมตรี” มารดาพระมหาสิริวัฒนาฯ ชี้ทางให้ลูก

หลังจากนั้น พระมหาสิริวัฒนา ได้บวชทั้งทางธรรมและทางโลก โดยทางธรรม สอบได้นักธรรมเอก ส่วนทางโลก จบปริญญาตรี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ปริญญาโทบริหารการศึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาปริญญาเอกบริหารการศึษา มหาวิทยาลัยนอร์ธกรุงเทพ

หลายคนตั้งคำถาม ทำไม “พระ” ต้องเรียนทางโลก?

“ต้องบอกเลยว่า เราไม่สามารถใช้ชีวิตออกจากโลกได้ เพราะฉะนั้นจะใช้ชีวิตทางโลกอย่างไร ให้สามารถเอาธรรมะไปประคับประคองได้ด้วย พูดง่ายๆ ว่า ถ้าเรามีองค์ความรู้ตรงนี้ เราสามารถช่วยเด็กอีกหลายๆ คนได้เลย เพราะวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าโยมมา ที่นี่จะเป็นที่สอนพิเศษให้กับนักเรียนด้วย”

เจอโจทย์ยาก ต้องมาเป็นเจ้าอาวาสวัดจนๆ แถมมีหนี้

แรกเริ่มเดิมที พระมหาสิริวัฒนาฯ ไม่ได้บวชที่วัดดงละคร แต่บวชที่วัดหนองทองทราย ใน จ.นครนายกเช่นกัน แต่เมื่อเจ้าอาวาสวัดดงละครมรณภาพ ชาวบ้านจึงขอให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่

“ตอนนั้นเราก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมา พูดตรงๆ เมื่อก่อนมาอยู่ที่นี่ มันมีโปรโมชั่นของที่นี่คือ เงินไม่มี ที่ไม่ได้โอน วัดเป็นหนี้ แต่ชาวบ้านก็ยังสามัคคีกันอยู่ อาจด้วยความไม่เข้าใจกัน เราก็กลัว ด้วยความเป็นพระเด็กด้วย สุดท้ายมีพระผู้ใหญ่ขอว่า ให้มาช่วยหน่อย เราก็มา”

พัฒนาวัด-ชาวบ้านศรัทธา เข้าวัดมากขึ้น

“ถาม-ก่อนหลวงพี่เข้ามา สภาพวัดเป็นอย่างไร?) ทรุดโทรม รก ไม่มีพื้นปูนเลย …ท่านเทปูนใหม่หมดเลย สร้างกุฎิหลังใหม่ และเพิ่มเติมรั้วกำแพงวัด…” เพ็ญศรี แสงสุริศรี หลานอดีตเจ้าอาวาสวัดดงละคร ยืนยันวัดพัฒนาขึ้นเมื่อพระมหาสิริวัฒนาฯ เข้ามา

“คนที่ไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยช่วยทำงานวัด ก็เข้ามาช่วยเยอะเหมือนกัน พัฒนาขึ้นเยอะ แต่ก่อนตรงนี้ดูไม่ได้เลยนะ เป็นที่ชาวบ้านจะเอาของมาล้างมาอะไร แต่ก่อนน้ำเสียตรงนี้ พระอาจารย์พัฒนาตรงนี้ พอลอยกระทงก็มีคนมาลอยกระทงที่นี่ มีกิจกรรมเยอะเหมือนกัน” นงนุช ยอดแย้ม ชาวบ้านซึ่งมีลูกบวชที่วัดดงละคร เป็นอีก 1 เสียงที่ยืนยันความเป็นพระนักพัฒนาของพระมหาสิริวัฒนาฯ

แม้วัดดงละครจะเล็ก-ยากจน แต่เจ้าอาวาสรวยน้ำใจ จัดงานบวช-งานศพให้ผู้ยากไร้ฟรี

“ถ้ามีศพหรือศพยากจนหรือไม่มีญาติ เราเผาให้ฟรี ถึงศพทั่วไป มีญาติ เราก็ไม่เก็บค่าใช้จ่าย แล้วแต่เขาจะถวาย ที่นี่ห้ามเรียกค่าใช้จ่าย และบวช ถ้าใครตั้งใจบวช เราบวชให้”

ไม่เท่านั้น พระมหาสิริวัฒนาฯ ยังช่วยขัดเกลาอุปนิสัยให้พระบวชใหม่ด้วย

“พอดีอายุถึงบวช มาทดแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วย (ถาม-ทำไมเลือกที่นี่?) เป็นวัดใกล้บ้าน และพระอาจารย์เป็นคนที่ช่วยเหลือสังคม เป็นวัดที่ไม่ตั้งตู้บริจาค อยู่แบบสมถะ สบายๆ” พระภานุวัฒน์ ยอดแย้ม พระบวชใหม่ที่วัดดงละครเผยเหตุที่เลือกบวชที่วัดนี้

“ตอนที่จะบวช ดื้อ เที่ยว และเรื่องยาก็เอาด้วย ชอบโวยวาย ใช้อารมณ์ ไม่ฟังความคิดคนอื่น พอเกณฑ์ทหารไม่ถูก แม่ผมจะบวชนะ ไม่ได้บังคับนะ เขาจะบวช บวชก็บวช พอบวชแล้ว จากคนที่เคยเที่ยวกลางคืน เรื่องไม่ดีทุกอย่าง กลับเป็นคนละคน โตขึ้นเยอะ ให้ความคิดเราดีขึ้นเยอะ เขาบอกเขาโตแล้วนะ ผิดไปคนละคนเลย” นงนุช ยอดแย้ม แม่พระภานุวัฒน์ฯ ยืนยันพฤติกรรมของลูกเปลี่ยนไปในทางที่ดีหลังบวช

วัดดงละคร “ไม่ตั้งตู้บริจาค” เหมือนวัดทั่วๆ ไป

“จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเราไม่รับบริจาคเงิน แต่เราไม่ตั้งตู้บริจาค ต้องอธิบายก่อนว่า อย่างใครจะมาทำบุญกับเรา เราต้องถามก่อนว่า ท่านจะเอาเงินมาให้เราทำอะไร ต้องชัดเจน ภิกษุแปลว่าผู้ขอ แต่เราไม่ใช่ขอทาน เพราะฉะนั้นเมื่อเอาเงินมาให้เรา เมื่อท่านกลับมาท่านต้องเห็นว่า จะได้อะไร เพราะฉะนั้นปัจจัยมา เมื่อเรารับเสร็จ ลูกศิษย์ไปจัดการ เราจะให้เขียนหน้าซองมาเลยว่า อันนี้ท่านช่วยเรื่องนี้ ในแต่ละเดือน เอาเงินมาจากไหน พูดกันตรงๆ ว่า ก็ไม่เคยพอสักเดือน ตั้งมา 8 ปีแล้ว ก็ไม่มีสักเดือนที่พอ เหมือนเราอยู่กับปัจจุบันจริงๆ อาจจะดูเหมือนความเสี่ยงนะ อย่างเดือนนี้ เมื่อวานเพิ่งไปจ่ายค่าไฟ เพราะค่าไฟเตือนมาแล้วว่า จะมีการยกหม้อแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเกินจำนวนวัน” พระมหาสิริวัฒนาฯ ชี้แจงกรณีที่วัดไม่ตั้งตู้บริจาค

พระมหาสิริวัฒนาฯ ไม่เพียงเป็นพระนักเทศน์ลำดับต้นๆ ของ จ.นครนายก และเป็นพระนักพัฒนา แต่ยังเป็นพระสงฆ์รูปแรกของประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาอีกด้วย คือ “วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและพาณิชยศาสตร์” เพื่อให้เด็กยากจนได้เรียนฟรี

“ที่นี่เป็นเด็กที่มาจากทั่ว จ.นครนายก เป็นเด็กที่จนจริงๆ เราเลยมองว่า หลวงให้มาส่วนหนึ่ง เราก็ให้เป็นเงินบริหาร ถ้าเราจะจัดตามความฟุ้งเฟ้อ มันไม่พอหรอก พยายามใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้มีคุณค่าสุดๆ อีกส่วนหนึ่งมาจาก วัดมีข้าว เอามาช่วย ญาติโยมก็พากันมาดู พวกอุปกรณ์ต่างๆ ตอนนี้ที่กำลังทำเรื่องอยู่ เป็นเรื่องของหนังสือเกษียณ เกษียณจากหน่วยงานต่างๆ เขาจะมีครุภัณฑ์ต่างๆ เราก็นำมาใช้ได้ เพราะของบางอย่างมันดีมาก แต่เสียดาย อย่างพวกคอมพิวเตอร์ บางบริษัทจะเกษียณออกมา เราก็ขอมาได้ ตอนนี้ทำหนังสือไปแล้ว บางบริษัทให้การตอบรับ เพราะบางครั้งมุมมอง เก่าที่โยม มาใหม่ที่เรา ไม่เป็นไร เราอยากให้เด็กใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด”

หาครูจากไหนมาสอนที่วิทยาลัยฯ?

“เราเอาครูเกษียณ ไปคุยกับครูเกษียณว่า เอ๊ะครูไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์ ครูต้องลองเอาความรู้มาช่วยกันสิ ครูไม่ต้องเสียตังค์เลย ไปชวนตอนแรก ครูบอกไม่มีเวลา กลัว อาจจะความอิ่มตัว สอนมานานแล้ว แต่ตอนหลังเราคุยกับเขาว่า ชีวิตก่อนตาย ความสุขของเรามันอยู่ที่เราได้ให้ ให้โดยไม่เสียเงิน น่าจะมีความสุขมากกว่า” พระมหาสิริวัฒนาฯ ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและพาณิชยศาสตร์

“อยากขอบคุณพระอาจารย์ที่ได้ให้โอกาสเด็กที่ขาดทุนทรัพย์ และเปิดโอกาสให้พวกหนูได้มาเรียนที่นี่ …ที่นี่ดูเหมือนเป็นครอบครัว รักกัน เข้าใจกันหมดทุกอย่างเลย อ.ก็สอนรู้เรื่อง สอนดีมาก เพื่อนๆ ก็รักกัน ไม่เคยทะเลาะกันเลย” พรพรหม พรหมสีทอง นักศึกษา ปวช.ปี 3 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและพาณิชยศาสตร์

8 ปีที่พระมหาสิริวัฒนาฯ พยายามทำเพื่อชาวบ้านและเด็กที่ยากไร้ ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดด้านปัจจัย ท่านเคยท้อ หรือเคยคิดอยากกลับไปเป็นฆราวาสอีกครั้งหรือไม่?

“ต้องยอมรับว่าเคยคิด เวลาทุกข์จริงๆ นะ คนเราเมื่อทุกข์ปุ๊บ มักจะย้อนหา ทำอย่างไรก็ได้ ให้เรามีความสุขที่สุด ความเห็นแก่ตัวต้องเกิด พอตอนนั้นทุกข์เสร็จ เรานึกถึงคำพูดนักเรียนบางคน ถ้าอาจารย์ไม่ทำแล้ว จะทำอย่างไร อาจจะไม่ได้เรียน มันเหมือนเป็นสิ่งที่ เกิดความสงสาร ถ้าสมมุติลมหายใจเรา มันจะแบกภาระอีกสักอย่างหนึ่ง เพื่อช่วยให้คนอื่นเขามีโอกาส มันน่าทำนะ”

“อย่างเณรบางรูป พ่อแม่ไม่มี พ่อแม่ติดคุก ต้องยอมรับเลย ถ้าเราทิ้งไป เขาจะอยู่อย่างไร มันเหมือนเราเป็นความหวังสุดท้าย แล้วเราไป มันเหมือนเราเห็นแก่ตัว มันก็พูดออกมาไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายเป็นวัจนภาษาได้ว่ามันคืออะไร แต่เรารู้ว่าถ้าเราไป เท่ากับเราทิ้งภาระตรงนี้”

พระมหาสิริวัฒนา สาลสาโร ยังเผยหลักคิดในการครองตนและทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ด้วยว่า “เราทำอะไรไว้เพื่อสังคมบ้าง ประเทศชาติบ้าง อย่างน้อยต้องเป็นจุดเล็กๆ ที่จะช่วยอะไรใครได้บ้าง อย่าเกิดมาเพียงแค่หายใจในโลกเดียวกัน”

ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos




เปิดดูไฟล์ 4735059

ขอขอบคุณที่มา
https://mgronline.com/news1/detail/9610000111691