ลบข้อมูลล้างกิเลส..หนทางพ้นทุกข์ถาวร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 18 พฤษภาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ลบข้อมูล ล้างกิเลส หนทางพ้นทุกข์ถาวร


    [​IMG]

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    <O:p></O:p>
    [ คนในยุคเทคโนโลยีมีวิทยาการก้าวหน้ามักจะพูดอยู่เสมอว่าตนนั้นไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เชื่ออย่างงมงาย ต้องมีเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างผิดเผินแล้วน่าจะเป็นจริงอย่างที่กล่าวอ้าง แต่ถ้าพิจารณาอย่างละเอียดโดยความจริง ผู้ที่พูดเขาได้หลงเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเขาถูกบอกให้เชื่อมาตั้งแต่เริ่มเรียนหนังสือแล้วจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่จบการศึกษามีความรู้ประสบความสำเร็จในอาชีพ แต่จนบัดนี้ยังหาตัวตนและภพชาติของตัวเองไม่พบเลย เพราะความเชื่ออย่างงมงาย ไม่เคยพิสูจน์หาความจริงมาก่อน

    <O:p>[​IMG]</O:p>
    <O:p></O:p>
    [ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คนโง่ย่อมคิดว่าผลของบาปไม่มีแต่เมื่อยามบาปส่งผลมักจะมาร้องให้คร่ำครวญเสมอ เวลาอันตรายที่สุดของพวกเขาคือ ยามที่หลงตัวเองว่าฉลาดมีดีล้นเหลือ รวยแล้วมีอำนาจแล้ว เป็นผู้มีความชอบธรรมแล้วจะพลาดท่าเสียทีกิเลสทันทีหลงมัวเมากลายเป็นคนก้าวร้าว ดื้อรั้น หยิ่งจองหอง มักดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นโดยไม่รู้สึกตัว ความคิดฟุ้งซ่านจะเข้าครอบงำฉุดกระชากลากไปสู่ความไม่รู้ ไม่รู้ในธรรมชาติของตนและธรรมชาติรอบๆ ตัวเอง

    [​IMG]
    <O:p></O:p>
    ตราบเท่าที่ทุกข์เกิดขึ้นจากความเคยมีกลับไม่มี สิ่งที่เคยได้กลับไม่ได้ ความที่อยากได้กลับเป็นสูญสลายแทน ความทะนงหยิ่งจองหองสูญหายไปความขลาดเขลาเข้าแทนที่ เริ่มคิดไม่ดีและลงมือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามนี้คือการเริ่มต้นทำร้ายตนเองตั้งแต่มีความคิดเกิดขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว แต่ความมากด้วยข้อมูล(DATA) บรรจุไว้เต็มแน่น แต่เป็นข้อมูลมีข้อจำกัดไม่ครอบคลุมด้านจิตวิญญาณ ความทุกข์เวทนาเป็นปัญหาเกิดที่ความคิด ความรับแค้นใจที่ไม่เป็นตามอารมณ์ความรู้สึก ข้อมูลด้านวิชาการทางโลกไม่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาความทุกข์ที่ใจ กลับเป็นอุปสรรคเสียด้วยในบางกรณี ดังนั้นการลบ(DELETE)ข้อมูลเก่าจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในเบื้องต้นก่อนที่จะศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าที่ให้หาเหตุผลและพิสูจน์โดยการปฏิบัติด้วยตนเอง


    [​IMG]
    <O:p></O:p>
    คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำแนะนำชี้ทางออกให้ต้องนำไปปฏิบัติจนเป็นผลพิสูจน์ได้ ต้องผ่านความเพียร วิริยะ อุตสาหะ อย่างมาก จะคำนวณระยะเวลาก็ไม่ได้เพราะแต่ละคนมีกรรมมากน้อยไม่เท่ากัน ฉะนั้นความสำคัญประการแรกคือ ความศรัทธาพร้อมที่จะน้อมนำมาปฏิบัติด้วยความเคารพเสียก่อน วางทิ้งความคิดดั้งเดิมที่เคยขัดแย้งในใจอย่างหมดจด เปิดใจให้กว้างไม่ต้องลังเลสงสัย ค่อยๆ ทำไปตามกระบวนขั้นตอนไม่ต้องรีบร้อน ทุกอย่างต้องใช้เวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการฝึกควบคุมอารมณ์ที่อาศัยใจของตัวเอง ใจเราเป็นใหญ่เป็นประธาน เมื่อชนะท่านประธานแล้วใครจะยิ่งใหญ่กว่า อย่างที่เคยได้ยินเสมอมา ชนะตนเองได้ชนะได้ทั้งโลก คือความหมายเดียวกัน


    [​IMG]


    <O:p></O:p>
    อย่างที่เข้าใจกันมาแล้วว่าชีวิตของเราไม่ได้มาอย่างโดดๆ มีความเป็นมาโยงใยผูกพันกับชีวิตอื่นอย่างยาวนานนับไม่ได้มีเงื่อนไขตามกฎแห่งกรรมกันไปหมด ดังนั้นในการปฏิบัติตนให้เข้าสู่เส้นทางของการลบล้างข้อมูลในใจ จะต้องเริ่มต้นทำตามองค์ประกอบคู่เคียงพร้อมๆ กันกับการดำรงชีวิตเป็นปกติธรรมดา หมั่นทำให้เป็นกิจวัตรสม่ำเสมอ คือ การรู้จัก ทาน การรักษาศีล และภาวนา
    <O:p></O:p>
    [​IMG]

    การให้ จะต้องให้อย่างไม่หวังหรือคาดหวังใดๆ การให้เป็นการใช้หนี้เก่าไม่สร้างศัตรู หรือเป็นการเก็บออกไว้ใช้ในชาติหน้า นอกจากจะเป็นการค่อยๆ ชำระหนี้ที่ถูกทวงถามตลอดเวลาแล้ว ทานยังจะทำให้เรานั้นสามารถละวางได้ จากาการยึดมั่นของหวงของรักได้ จนเอาชนะความตระหนี่ ถี่เหนียวในที่สุด
    <O:p></O:p>
    การรักษาศีล ในบรรดาข้อห้ามทั้งปวงนั้น โดยความจริงเป็นเรื่องของการไม่ทำให้เราไปสร้างกรรมไม่ดีต่อบุคคลอื่นอีก หยุดสร้างเวร ก่อกรรมต่อไปยังเป็นการรักษาจิตใจให้เป็นปกติไม่เศร้าหมอง ไม่คิดร้ายอาฆาตพยาบาทใคร หรือทำร้ายใครอื่นด้วยการกระทำ
    <O:p></O:p>
    การภาวนา เป็นการทำให้จิตระลึกรู้เสมอว่าเรากำลังคิดกำลังทำอะไรอยู่ หรือมีสตินั่นเอง การให้มีเวลาสำหรับตนเองทบทวนการใช้ชีวิตประจำวันแต่ละวัน ทั้งตรวจสอบและก็พิจารณาหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามเทียบเคียงกับข้อธรรมหรือคำสั่งสอนใด ๆ หมั่นทำดังนี้ จะทำให้เราใช้ปัญญา หรือความคิดที่รอบคอบกว่าเดิม เริ่มนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมาก ขึ้นๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา<O:p></O:p>
    เมื่อองค์ประกอบของการให้ทาน มีศีล หมั่นทำภาวนา มีความสมดุลลงตัวเมื่อใด จะทำให้ทุกคนที่ตั้งมั่นในความพยายามจะชนะใจตนเอง ประสบผลเบื้องต้นในพลังใจ สามารถที่จะตัดความฟุ้งซ่าน ระงับอารมณ์ร้อน ขี้โมโห หยุดความอยาก
    <O:p></O:p>
    ทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือความฟุ้งเฟ้อ อานิสงส์ของมันจะทำให้เรามีสตินำข้อธรรมที่หมั่นภาวนา มาแก้ไขความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจได้ด้วยตนเอง และจะได้รู้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราได้ตามใจเราเรื่อยมาไม่เคยตรวจสอบควบคุมมันเลย กว่ามันจะเชื่องต้องได้ความพากเพียรต่อสู้ด้วยชีวิต


    [​IMG]
    <O:p></O:p>
    สามารถทำได้เมื่อใดแล้ว เราและท่านทั้งหลายจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า *บนโลกนี่ไม่มีคนโง่และไม่มีคนฉลาดเลย มีแต่คนหลงทางด้วยกันเท่านั้นเอง..*

    --------
    รูปประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต
    ขอบคุณสำหรับทีมาของข้อมูล:
    ź
     

แชร์หน้านี้

Loading...