เรื่องเด่น รวมพลังจิตอาสา ความรู้สู่เด็กชนบท

“การศึกษา” ถือว่าเป็นหัวใจอันสำคัญยิ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอนาคตของเด็กซึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับสังคมและชาติบ้านเมือง

“การศึกษา” จะสามารถผลักดันให้ผู้คนในสังคมมีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้น การที่จะสร้างสรรค์ หรือพัฒนาสังคมให้เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งย่อมล้วนมาจากการศึกษาทั้งนั้น ลูกหลานในสังคมเราจะเติบโตขึ้นมาเป็นเช่นใดก็ล้วนแต่การศึกษาเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น

จึงจำเป็นอย่างมากที่ผู้คนในสังคมควรจะให้ความใส่ใจด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในส่วนใดของสังคมก็ล้วนแต่เป็น “ทรัพยากร” ของชาติทั้งสิ้น

การที่จะส่งเสริม สนับสนุนให้การศึกษาได้เข้าถึงเด็ก…เยาวชนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจึงอยู่ที่ผู้คนในสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชนจะเป็นผู้ผลักดัน จะอาศัยความรู้ความสามารถเพียงคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการศึกษาคือกระบวนการของการพัฒนาทางสังคมนั่นเอง…

มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน ได้จัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร การศึกษา การฝึกอบรมบ่มนิสัยพัฒนาจิตใจเด็กด้อยโอกาสในสังคม ทั้งในชุมชนเมืองและในชนบทที่ห่างไกลความเจริญมาเป็นเวลา 34 ปี ได้ตระหนักและมองเห็นคุณค่าของการศึกษา จึงได้ผลักดันกิจกรรมและโครงการในหลายๆรูปแบบ

เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเด็กที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รวมถึงให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในลักษณะต่างๆ จนมีโครงการอยู่ขณะนี้ 14 โครงการ หนึ่งในนั้นคือ “โครงการความรู้สู่เด็กชนบท”

หรือเรียกง่ายๆว่า “ค่ายอาสาพัฒนาชนบท” ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปัจจุบันมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งแล้วครั้งเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า จนการเดินทางให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กในชนบทที่ห่างไกลความเจริญมาแล้ว 44 ครั้ง

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ ธนบุรี กทม. บอกว่า ลักษณะการจัดเริ่มที่การนำเอาหนังสือ เสื้อผ้า เครื่องเขียน เครื่องกีฬา อุปกรณ์การศึกษา เงินทุนการศึกษาไปช่วยเหลือ มอบให้เด็กนักเรียน…โรงเรียนในชนบทในพื้นที่เป้าหมายของแต่ละปี ควบคู่กับการจัดเข้าค่ายพักแรมฝึกอบรมธรรมะกล่อมเกลาพัฒนาจิตใจเด็กนักเรียน…เยาวชนในพื้นที่เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม

นอกจากนั้น ก็ได้สร้างอาคารถาวรวัตถุเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาให้กับพื้นที่ด้วย นับตั้งแต่สร้างห้องสมุดไว้ประจำโรงเรียน สร้างอาคารเรียน สร้างห้องน้ำ สร้างสนามเด็กเล่นให้เป็นประโยชน์ในระยะยาว เมื่อการจัดกิจกรรมและโครงการแต่ละพื้นที่ผ่านไปแล้วก็มิได้หมายความว่ากิจกรรมจะจบสิ้นลงตรงนั้น แต่ได้มีการติดตามประเมินผล…ให้ความช่วยเหลือ “เด็กนักเรียน” และ “โรงเรียน” ในระยะยาว

รวมถึงการเข้าไปให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรียนบางคนที่กำพร้า ขาดผู้อุปการะ ขาดโอกาสที่จะได้เรียนต่อไปเพราะครอบครัวยากจน ทางมูลนิธิก็ได้เข้าไปอุปการะมอบทุน ส่งเสียให้เด็กได้มีโอกาสเรียนหนังสือในชั้นสูงๆขึ้นไป จนกว่าเด็กจะเรียนจบปริญญาตรี ใช้เวลา 10-12 ปี เด็กก็ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน

ส่วนการประกอบอาชีพด้านใดนั้นปล่อยให้เป็นทางเลือกและความถนัดของเด็กเอง จึงเป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มักพบเห็นอยู่เสมอว่า…เมื่อสิ้นสุดของแต่ละปีการศึกษา มีเด็กที่มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนได้อุปการะ “ทุนการศึกษา” แล้วเรียนจบชั้น “ปริญญาตรี” เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมาอย่างต่อเนื่อง จนพวกเขาได้เติบโตขึ้นมากับการศึกษา

กลายเป็น “ช้างเผือก” ให้กับสังคมและชาติบ้านเมืองมาแล้ว 858 ชีวิตด้วยกัน

“ค่ายอาสาพัฒนาชนบท…จึงเป็นค่ายที่สร้างชีวิตของเด็กไทยในชนบทให้เติบโตขึ้นมาเป็น “ช้างเผือก” ของสังคมจนตราบเท่าทุกวันนี้”

พระมหาสมัย บอกว่า ปีนี้เราได้จัด “โครงการความรู้สู่เด็กชนบท” หรือ “ค่ายอาสาพัฒนาชนบท” ครั้งที่ 45 ให้กับเด็กนักเรียนและโรงเรียน ที่โรงเรียนบ้านท่าเพลิง ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และโรงเรียนใกล้เคียงอีก 5 โรง ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม-10 มิถุนายน 2561 เป็นระยะเวลา 3 เดือน

เพื่อจัดมอบรถจักรยานเพื่อการศึกษา มอบทุน เครื่องเขียน เครื่องกีฬา อุปกรณ์การศึกษา เสื้อผ้า ควบคู่กับการฝึกอบรมพัฒนาจิตใจเด็กนักเรียน 5 โรงเรียน จำนวน 500 คนอีกด้วย คงจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคต

“นับเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษาผสมผสานไปกับการออกเผยแผ่ธรรมะของพระสงฆ์ในรูปแบบการจัดเข้าค่ายพักแรมอบรมคุณธรรม…จริยธรรมไปในตัว เด็กได้รับการช่วยเหลือ…สนับสนุนด้านการศึกษาให้ดีขึ้น โรงเรียนได้มีอุปกรณ์เพื่อการศึกษาที่เพียงพอกับความจำเป็น เด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสในกรณีดังกล่าวจะได้ถูกอุปการะอุ้มชูให้มีโอกาสและได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง จะเป็นการเติมเต็มให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดโอกาส…”

ร่วมกันช่วยสร้างอนาคตของลูกหลานสังคมเราด้วย “การอุปการะทางการศึกษาเด็ก”

ต้องบอกว่า…การดำเนินโครงการและกิจกรรมแต่ละครั้งแต่ละปีของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนล้วนใช้งบประมาณและค่าใช้จ่ายมาจากมูลนิธิทั้งหมด มิได้อาศัยงบประมาณ…ค่าใช้จ่ายจากทางราชการแม้แต่บาทเดียว การดำเนินกิจกรรมและโครงการแต่ละครั้งจึงเป็นไป “อย่างอิสระ” ไม่มีข้อผูกมัดทั้งงบประมาณ…บุคลากรจากทางราชการแต่ประการใด รวมถึงการติดตามให้ความช่วยเหลือเด็กแต่ละคนในระยะยาวอีกด้วย จึงสามารถจัดกิจกรรมได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว ทันการ มีระบบบริหารจัดการภายในองค์กรอย่างชัดเจน

ที่สำคัญ “ค่าใช้จ่าย” หรือ “งบประมาณ” ทั้งหมดจึงตกถึงเด็กนักเรียน โรงเรียน ประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและทั่วถึงอีกด้วย วัสดุอุปกรณ์จัดซื้อหามามอบให้เด็ก…โรงเรียนได้ดำเนินการอย่างอิสระภายใต้กฎข้อบังคับของการดำเนินงานของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน ดำเนินการมาเช่นนี้แล้ว 34 ปี

ค่ายอาสาพัฒนาชนบทจึงเป็นโครงการและกิจกรรมผสมผสานการทำงานบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์เพื่อ “สังคม” และเพื่อ “เด็ก” …คนหนุ่มคนสาวซึ่งเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษาก็ได้มีโอกาสระดมสติปัญญาของตนเองในการทำงานร่วมกัน ช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้ส่วนรวมได้เกิดประโยชน์มากที่สุด แทนที่จะใช้เวลาเพียงเพื่อตนเองหรือหมกมุ่นอยู่กับการใช้โทรศัพท์มือถือเล่นเกม เล่นออนไลน์ เล่นการพนัน เที่ยวเตร็ดเตร่…มั่วสุม “อบายมุข”

“เราควรมาใช้พลังงานที่ตนเองมีอยู่นี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ช่วยสร้างสรรค์สังคม ลดการเห็นแก่ตัว มาเพิ่มคุณธรรมภายในจิตใจของเราอันประกอบด้วยความเมตตา ความปรานี ชีวิตของเราก็จะมีคุณค่ามากขึ้น…เป็นการใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม บ้านเมือง”

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ…ค่ายอาสาพัฒนาชนบท ติดต่อได้ที่มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ เขตธนบุรี กทม. โทรศัพท์ 0–2465–6165, 0–2466–8354 โทรสาร 0–2472–4212 ได้ทุกวัน…บริจาคเงินสมทบช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาให้เด็ก ผ่านบัญชี “มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน” ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเจริญพาศน์

เลขที่บัญชี 126–0–3615–2 ประเภทสะสมทรัพย์ (ใบเสร็จรับเงินของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามประกาศของกระทรวงการคลัง ลำดับที่ 788)

“ค่ายอาสาพัฒนาชนบท ครั้งที่ 45”…ร่วมด้วยช่วยกันสร้าง “พลังทางสังคม” คนละเล็กละน้อย เพื่อประเทศชาติ บ้านเมืองเข้มแข็งในอนาคต.


ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1259382