เรื่องเด่น มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ร้องเพลงร่วมบุญ กับหลวงพ่ออลงกต

ภายหลังจากกรณีเมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “วรชยุต บุญญฤทธิ์” ที่โพสต์ภาพหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี พร้อมข้อความว่า “ฝากบอกตูนบอดี้สแลม และคนรวย ๆ ช่วยวัดพระบาทน้ำพุ กันด้วยเถิดครับ ท่านต้องออกเดินทางไปหาเงินบริจาคทุกวัน ท่านเดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว สงสารท่านมาก ช่วยท่านกันหน่อยเถิดครับ บริจาคให้วัดพระบาทน้ำพุกันเถิดครับผม” จนต่อมาทางด้าน “วรเชษฐ์ เอมเปีย” (เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล) ได้ออกมาวิ่งมาราธอนส่งบุญเพื่อวัดพระบาทน้ำพุนั้น




ล่าสุด ทางด้าน นักร้องลูกทุ่งอย่าง “มนต์สิทธิ์ คำสร้อย” ได้โพสต์ภาพขระที่ได้ไปร่วมทำบุญร้องเพลงในกิจกรรม “ธรรมะข้างถนน” ของหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ นำรายได้ไปช่วยผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พร้อมระบุข้อความว่า “มาร้องเพลงร่วมบุญใน #ธรรมะข้างถนน กับหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ บริเวณ ฟอร์จูนทาวน์ รัชดาจ้า” , ”มอบถวายมาลัยหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ สาธุสาธุสาธุ..สวัสดีเช้าวันเสาร์ครับ”







อย่างไรก็ตาม สำหรับ วัดพระบาทน้ำพุ หรือวัดพระพุทธบาทประทานพร เป็นวัดไทยตั้งอยู่เชิงเขาน้ำพุ หมู่ที่ 3 ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี มีพระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) เป็นเจ้าอาวาส วัดแห่งนี้รู้จักกันดีว่ามีรอยพระพุทธบาท เป็นสถานรักษาพักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ และเป็นที่ตั้งของมูลนิธิธรรมรักษ์

ทั้งนี้ ปัญหาทางการเงินของวัด เนื่องจากเงินทุนโดยเฉพาะที่ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลนั้นไม่เพียงพอ ได้เกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตทางการเงินในประเทศไทย พ.ศ. 2540 แต่หลังจากได้รับการบริจาคเพิ่มมากขึ้น ทางวัดขึ้นสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้ อีกครั้งในปีพ.ศ. 2549 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย และวิกฤตราคาน้ำมันเป็นเหตุให้ยอดเงินบริจาคลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเนื่องจากราคาที่น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วัดมีเงินไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย แต่ด้วยการประชาสัมพันธ์ข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศทำให้ทางวัดได้รับการบริจาคจนสามารถพ้นวิกฤตทางการเงินไปได้อีกครั้งหนึ่ง

ชาวเน็ตและแฟนเพลงต่างมาร่วมอนุโมทนาบุญ





ขอบคุณ : มนต์สิทธิ์ คำสร้อย



ติดตามข่าวสารทาง Line

เรียบเรียงโดย

นิตติยา บุญตาวัน​

ข่าววันนี้ โดยสำนักข่าวทีนิวส์


ติดตามข่าวอื่นๆ


ขอขอบคุณที่มา
https://www.tnews.co.th/contents/501732