พญานาค มาขอฟังธรรมอัศจรรย์ จากหลวงปู่แฟ็บ สุภัทโท

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 4 มีนาคม 2008.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,977
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>
    ประวัติที่นี่คลิ๊ก หลวงปู่แฟ็บ สุภัทโท


    <HR>
    [​IMG]

    ๏ พญานาคขึ้นมาขอฟังธรรมจากหลวงปู่แฟ็บ

    พรรษาที่ ๑๐ หลวงปู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว หลวงปู่ได้รับความลำบากและขัดสนในเรื่องของอาหารมาก แต่การภาวนาขณะที่อยู่ที่นี่ หลวงปู่ได้ปัญญาธรรมให้พิจารณาถึงความทุกข์ที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้มากมาย และมีอยู่คืนหนึ่งขณะกำลังภาวนาอยู่ พญานาค ๓ ตัวมากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่ตลอดคืน หลวงปู่ได้บอกถึงลักษณะของพญานาคที่ได้เห็นไว้ว่า มีลักษณะคล้ายงูจงอาง แต่มีขนาดตัวยาวและใหญ่มาก ประมาณต้นมะพร้าว มีเกล็ดคล้ายแก้วสีฟ้าใส มีสีสวยงามมาก

    ในพรรษานั้น มีโยมจากบ้านโพนไคและบ้านจาร อำเภอบ้านม่วง ได้ตามไปนิมนต์ให้กลับมาวัดป่าดงหวาย ดังนั้นเมื่อออกพรรษาแล้วจึงกลับมาที่วัดป่าดงหวาย

    พรรษาที่ ๑๑ จนถึงปัจจุบัน การก่อสร้างศาลาของวัดป่าดงหวายยังไม่สำเร็จ เมื่อหลวงปู่กลับมาที่วัดป่าดงหวายในครั้งนี้ หลวงปู่ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาต่อจนเสร็จ และสร้างกุฏิเพิ่มขึ้นอีกหลายหลัง แต่การปฏิบัติภาวนาของหลวงปู่ก็ไม่ได้ย่อหย่อนลงเลย การภาวนาของหลวงปู่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีนิมิตที่สำคัญๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น แผ่นดินยุบเป็นเหวลึกรอบตัวจนหลวงปู่ตกไปในเหวลึก แต่ก็มีตาข่ายมารองรับตัวหลวงปู่ บางครั้งมีพายุฝน พายุลูกเห็บกระหน่ำพัดใส่ตัวหลวงปู่ บ้างก็เป็นท่อนไม้ตกใส่ตัวหลวงปู่หลายท่อน บ้างก็เป็นลมพายุหมุนพัดมาแต่หลวงปู่ก็ฝืนไม่ยอมปลิวไปตามลม

    ในแต่ละครั้ง หลวงปู่คิดอย่างเดียวว่า ​
     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,977
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>
    <TABLE class=attachtable cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=middle colSpan=2>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><HR>--------------------------------------------------------------------------------

    หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท พระป่าแห่งสกลนคร

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด

    พระกัมมัฏฐานที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม จนเป็นที่รู้จักของชาวสกลนคร ในห้วงเวลานี้ คงไม่ปฏิเสธชื่อของ "หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท" วัดป่าดงหวาย ต.บ้านม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร อย่างแน่นอน

    ด้วยครองตนอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ มักน้อย ถือสันโดษ

    ที่สำคัญท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง กระทั่งเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง

    หลวงปู่แฟ้บ บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่ายปฏิปทางดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็นเป็นร่มโพธิ์ทองของบรรดาพุทธศาสนิกชน

    ปัจจุบัน สิริอายุ 86 พรรษา 26

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ญาติ กุลวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2465 ที่บ้านคำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.นครพนม (จังหวัดมุกดาหารในปัจจุบัน) ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    การศึกษา เรียนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เมื่อมารดาถึงแก่กรรมตอนอายุได้ 7 ปี บิดาได้แต่งงานใหม่ ต้องย้ายไปอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในสมัยนั้นหมู่บ้านอยู่ในชนบทห่างไกลมาก ไม่มีโรงเรียน ทำให้ไม่ได้รับการศึกษาต่อ

    ในวัยเยาว์นั้น มีเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจและศรัทธาความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและพระธุดงค์กัมมัฏฐานเป็นอย่างมาก เมื่อได้มีโอกาสเข้ากราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่ถ้ำจำปาภูผากูด

    ช่วงอายุ 17-18 ปี ด้วยเหตุบางประการในการแจ้งชื่อในทะเบียนทหารกองเกิน ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "แฟบ" และวันเวลาเกิดผิดพลาดไปด้วย จึงต้องใช้ชื่อวันและเวลาเกิดใหม่จากนั้นเป็นต้นมา ต่อมาลูกศิษย์ลูกหาได้เรียกเพี้ยนเป็นหลวงปู่ "แฟ้บ" ไป

    เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นครั้งแรก ที่วัดในหมู่บ้านเป็นฝ่ายมหานิกาย ได้รับฉายาว่า "จันตโชโต"

    แต่บวชได้เพียง 2 พรรษา ได้ลาสิกขา หลังจากนั้น ได้ประกอบอาชีพค้าไหมจนมีเงินสะสมมากพอ จึงแต่งงานกับนางคำมา สุวรรณไตร มีบุตร-ธิดา รวมทั้งหมด 12 คน

    ครั้นอายุได้ 32 ปี จึงเปลี่ยนอาชีพมาทำนา และย้ายครอบครัวมาอยู่ที่บ้านบุ่งนางเลิศ จ.ร้อยเอ็ด การดำเนินชีวิตในขณะนั้น ประพฤติตนเป็นพุทธมามกะ โดยเป็นมัคทายกของวัดในหมู่บ้านและยังเป็นหัวหน้าช่างก่อสร้าง ได้ออกแบบควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงลงมือก่อสร้าง กุฏิศาลา และกำแพงของวัดเองทั้งหมดโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ

    ขณะที่วัยเริ่มสูงมากขึ้น ร่างกายอ่อนแอลงไปด้วย แต่ยังต้องทำนาเพื่อเลี้ยงครอบครัวอยู่ ยามว่างทุกวันพระ ท่านจะไปทำบุญรักษาศีลที่วัดตลอดและได้ศึกษาการปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำให้เกิดความรู้สึกอยากบวช แต่ติดอยู่ที่ครอบครัว จึงยังไม่มีโอกาส

    ต่อมานางคำมา ภรรยาถึงแก่กรรมด้วยโรควัณโรค ทำให้ตัดสินใจขอลาบวช

    ท่านเดินทางเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2525 วัดอรัญญิกาวาส ต.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยมีพระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหามี สุทัสสี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และเจ้าอธิการสมจิต เป็นพระนุสาวนาจารย์

    ได้นามฉายาว่า สุภัทโท

    ภายหลังอุปสมบท ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและบทสวดต่างๆ อย่างขะมักเขม้น ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติภาวนาน้อยและทำให้สมาธิเสื่อมหายไป แต่ยังรักษาการปฏิบัติไว้อย่างต่อเนื่อง

    ท่านได้มีโอกาสไปฟังธรรมเทศนาจากหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นประจำ ทำให้ได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์และเข้าฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ นอกจากหลวงปู่เทสก์แล้วยังมีครูบาอาจารย์รูปอื่นๆ อีก ที่ได้เข้าฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ,หลวงพ่อคำแพง อัตตสันโต เป็นต้น

    กระทั่งเมื่อออกพรรษา จึงได้เดินทางไปปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ถ้ำจำปา ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นเคยภาวนา หลวงปู่แฟ้บได้เร่งภาวนาอย่างหนักเดินจงกรมวันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง นั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้าอยู่ 4-5 วัน จึงออกบิณฑบาตสักครั้งหนึ่ง ปฏิบัติอย่างนี้เป็นประจำ จนได้สมาธิกลับคืนมา

    พรรษาที่ 2-4 หลวงปู่แฟ้บ จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีอุดม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี การปฏิบัติภาวนาของหลวงปู่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ว่าแดดจะร้อนหรือฝนจะตก

    ก่อนเข้าพรรษาที่ 5 หลวงปู่ได้ธุดงค์มาจนถึงที่วัดป่าบ้านโพนไค ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ในขณะที่พักอยู่ ได้มีมัคทายกแนะนำให้ลองมาอยู่ที่วัดป่าดงหวายที่บ้านจาร เพราะไม่มีพระอยู่จำพรรษา เป็นเหตุให้หลวงปู่ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดงหวายเป็นครั้งแรก

    เมื่อแรกที่มาอยู่ที่วัดป่าดงหวายนั้นยังเป็นวัดร้าง ศาลาและกุฏิเก่าผุพัง หลวงปู่จึงได้จัดการพัฒนาซ่อมแซมศาลาและกุฏิใหม่ หลวงปู่อยู่ที่นี่ได้ 2 พรรษา เกิดอาพาธโรคลำไส้ ต้องกลับไปรักษาตัวอยู่ที่ อ.บ้านดุง

    เมื่อหายอาพาธ หลวงปู่แฟ้บกลับมาที่วัดป่าดงหวาย และได้สร้างศาลาหลังใหม่ขึ้น โดยทุนในการก่อสร้างนี้ได้มาจากพระภิกษุซึ่งเป็นลูกหลานของชาวบ้านเป็นผู้จัดหาผ้าป่ามาถวาย

    ตลอดเวลาที่ออกธุดงค์ หรือจำพรรษาในที่ต่างๆ แต่ละปี แต่ละพรรษาหลวงปู่จะระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ คือ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และไปกราบนมัสการเยี่ยมท่านอยู่เป็นประจำ

    จนในพรรษาที่ 11 หลวงปู่เทสก์ ได้บอกกับหลวงปู่แฟ้บว่า "อายุมากแล้วให้หาวัดอยู่ประจำได้แล้วที่วัดป่าดงหวายนั่นแหละ เหมาะดีแล้ว"

    ในปัจจุบัน วัดป่าดงหวาย ได้รับความศรัทธาจากลูกศิษย์ทั้งพระภิกษุและฆราวาสเข้ามาขอความเมตตา ฟังเทศน์ ฟังธรรมคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติภาวนาเป็นจำนวนมาก

    หลวงปู่แฟ้บได้ให้ความเมตตา อบรมสั่งสอน ให้อยู่ในศีลในธรรม ให้รู้จักปฏิบัติภาวนารักษาจิตใจให้สะอาด โดยเน้นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

    หลวงปู่แฟ้บ เป็นพระเถระที่เป็นพระอาจารย์ผู้ประเสริฐ เป็นนักภาวนาเป็นเอกอุ

    อย่างไรก็ดี แม้สังขารร่างกายของหลวงปู่แฟ้บจะทรุดโทรมด้วยความชราและโรคภัยต่างๆ ที่เข้ามาเบียดเบียน แต่ไม่ได้ทำให้หลวงปู่ลดการปฏิบัติธรรมเจริญรอยตามพระอาจารย์ ยึดแนวทางสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ปัจจุบัน หลวงปู่แฟ้บยังคงปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามวัตรปฏิบัติของพระป่าสายกัมมัฏฐาน

    ที่มา - มงคล ข่าวสด</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=postdetails vAlign=bottom height=40>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. panuwat_cps

    panuwat_cps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +433
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ปฏิปทาของท่านน่าเลื่อมใสยิ่งนักเป็นแบบอย่างที่ดีต่อนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    นิมิตต่าง ๆ ที่เกิดในขั้นอธิจิต
    ถ้าไม่สนใจก็จะข้ามโลกสงสารได้

    ไม่อย่างนั้นก็ติดอยู่กับแขกภายนอก
    จิตไม่พัฒนาเป็นมหาสติมหาปัญญา
     

แชร์หน้านี้

Loading...