เรื่องเด่น ผู้เฒ่าเผยประสบการณ์ ลูกไฟสีแดง เชื่อ “พระธาตุท่องเที่ยวหากัน”

ผู้เฒ่าผู้แก่ที่พะเยาชี้แสงพลุไฟกับแสงสีแดงจากดวงแก้วศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างกัน ต้องเห็นด้วยตาตัวเองจึงแยกแยะออก เผยประสบการณ์ในวัยเด็ก เคยเห็นดวงไฟแบบนี้ ได้รับคำอธิบาย “พระธาตุมาเที่ยวหากัน”


จากเหตุการณ์เมื่อกลางดึกของวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มเพื่อนนายอนุสิทธิ์ กลางหมู่ อายุ 30 ปี ชาวบ้านบง อยู่ที่บ้านเลขที่ 295 ม.2 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา กำลังนั่งทานหมูกระทะกันอยู่ จู่ๆ ก็มีลูกไฟสีแดงก่ำดวงใหญ่ตกลงมาจากฟ้าด้านทิศตะวันออก จึงรีบนำโทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ ซึ่งทีแรกนึกว่าเป็นโคมลอยหรือพลุไฟ

ปรากฏว่าเมื่อสังเกตจากรูปร่างสัณฐานและสีของดวงไฟแล้วไม่น่าจะใช่ โดยดวงไฟดังกล่าวอยู่บนท้องฟ้าประมาณนาทีเศษ จากนั้นลดระดับลงลอยไปทางวัดปงหลวงเก่า ซึ่งเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่บ้านปงหลวง ม.7 ต.สบบง ห่างจากจุดที่กลุ่มนายอนุสิทธิ์นั่งประมาณ 200-300 เมตร อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสังเกตและชวนให้คิดคือ ลูกไฟสีแดงลูกนั้น ค่อยๆ ลอยไปบริเวณเจดีย์ในวัดร้าง เมื่อใกล้จะถึงพื้นได้แตกตัวออกไปเป็น 2-3 ลูกแล้วหายวับไป

ต่อมา วันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามคนเฒ่าคนแก่ที่เคยมีประสบการณ์ในการพบเห็นดวงไฟประหลาดเหมือนในคลิปที่เป็นข่าว

จากการสัมภาษณ์ คุณตาชุ่ม วงศ์ใหญ่ อายุ 71 ปี ชาวบ้านหย่วน หมู่ 3 ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา เผยว่า เมื่อ 63 ปีก่อน ตอนที่ตนเองอายุประมาณ 7-8 ขวบ เคยเป็นเด็กวัดที่วัดหย่วน บ้านหย่วน ในช่วงเวลาย่ำค่ำได้เห็นดวงไฟที่มีลักษณะเหมือนในคลิปที่ผู้สื่อข่าวเปิดให้ดู ตนเองรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะดวงไฟดังกล่าวได้ลอยออกมาจากหลังพระวิหารวัดแล้วค่อยๆ หายลับเข้าไปปลายต้นโพธิ์ ระยะทางกว่า 50 เมตรจากพระวิหาร ตอนแรกคิดว่าเป็นดาวตก แต่ด้วยความสงสัยจึงไปทำการสอบถามจาก ผู้ใหญ่ พ่อแม่ ก็ได้รับคำตอบว่าเป็น “แสงจากพระพุทธเจ้า” ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ตั้งแต่นั้นมาตนก็ไม่เคยเห็นดวงไฟแบบนี้อีกเลย


“โดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้ที่ได้พบเห็นดวงแก้วประหลาดจะเกิดโชคลาภ โชคดี ประสบผลความสำเร็จในหน้าที่การงาน”

ด้าน นายประเทือง กองมงคล อายุ 60 ปี ผู้ใหญ่บ้านดอนไชย หมู่ 5 ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า ตอนที่อายุ 11 ปี ตนเองเคยเห็นดวงไฟประหลาดลอยมาจากทางวัดพระธาตุสบแวน ต.หย่วน อ.เชียงคำ แล้วค่อยๆ ลอยไปช้าๆ มุ่งไปยังบริเวณวัดพระธาตุเจดีย์คำ ต.เจดีย์คำ อ.เชียงคำ ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ซึ่งในสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วไฟฟ้าส่องสว่างก็ยังไม่มี จึงทำให้เห็นดวงไฟประหลาดนี้ชัดเจนมาก เมื่อถามพ่อของตนก็ได้รับคำตอบว่า ดวงแก้วพระธาตุออกไปเที่ยวหากัน และห้ามทักเด็ดขาด จะทำให้ดวงแก้วนั้นหายไป ดังนั้นในความเชื่อของตนจึงไม่ได้เชื่อเรื่องโชคลาภ หรืออธิษฐาน ดลบันดาลขอสิ่งใดจากดวงแก้ว ใครจะเชื่อแบบไหนนั้นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และขอให้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณา ตนเพียงแค่ได้เห็นดวงแก้วศักดิ์สิทธิ์ก็ถือว่าเป็นบุญตายิ่งนัก ทั้งนี้ ใครไม่ประสบพบเห็นด้วยตนเองก็จะไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างพลุไฟกับดวงแก้วศักดิ์สิทธิ์.


อ่านเพิ่มเติม…

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1632488

 

พิสูจน์วัดร้าง! จุดตกดวงไฟประหลาดลอยสว่างจ้า หายเข้าพระธาตุศักดิ์สิทธิ์200ปี


จากกรณีชาวบ้าน ต.สบปง อ.ภูซาง จ.พะเยา พบเห็นลูกไฟประหลาดสีแดงกล่ำดวงใหญ่ ตกลงมาจากฟ้าด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน แล้วลอยอยู่บนท้องฟ้า 1 นาที จากนั้นลดระดับไปตกบริเวณพระธาตุ วัดปงหลวง ซึ่งเป็นวัดร้างอายุกว่า 200 ปีท้ายหมู่บ้าน

โดยนายอนุสิทธิ์ กลางหมู่ อายุ 30 ปี คว้าโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไว้ได้ พร้อมยืนยันไม่ใช่โคมลอย หรือพลุ อีกทั้งในพื้นที่ไม่มีหมู่บ้านไหน จัดงานหรือเทศกาลใดๆ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าใครได้เห็นลูกแก้วนี้จะมีโชค ถือว่าเป็นคนที่บุญคิดหวังสิ่งใดก็ได้สมใจปรารถนา ตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่เคยบอกเล่ากันมา

สำหรับเรื่องนี้ วันที่ 7 ส.ค. นายอนุสิทธิ์ พร้อมผู้สื่อข่าว ร่วมกันลงพื้นที่พิสูจน์จุดที่คาดว่าดวงไฟจะลอยตกลงมา โดยจุดแรกเป็นบริเวณที่ดวงไฟดิ่งลง พบว่าเป็นพระธาตุในวัดร้างตั้งอยู่ใกล้ทุ่งนาและสวนยางพาราของชาวบ้าน ซึ่งประตูถูกปิดล็อกไว้ไม่ให้ใครเข้าไปโดยพละการ

เมื่อชาวบ้านในพื้นที่ทราบและขออนุญาตเปิดประตูเข้าไปในวัดร้าง ได้รับข้อมูลว่า เป็นวัดร้างที่มีองค์พระธาตุอายุไม่น้อยกว่า 200 ปี มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ซึ่งนายอนุสิทธิ์ คาดว่าดวงไฟที่ลงมาอาจจะลงสู่ต้นไม้หรือมีเศษตกหล่นอยู่กับพื้นที่ แต่ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับดวงไฟให้เห็นเลย เป็นเรื่องที่ประหลาดใจมาก เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยเจอ



ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่


ด้านนายติ๊บ มลเทียน อายุ 64 ปี ผู้สูงอายุบ้านปงหลวง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้วัดร้าง บอกว่า ดวงไฟที่เห็น กล่าวสืบต่อกันมาว่า เป็นดวงพระธาตุที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มักจะมีผู้พบเห็นบ่อยครั้งๆ โดยเฉพาะก่อนวันพระในช่วงเข้าพรรษา แต่ตั้งตนอายุ 30 ปี เป็นต้นมาก็พบเห็นหลายครั้งแล้ว ซึ่งดวงไฟของพระธาตุจะลอยออกมาจากดงป่าของหมู่บ้าน ภาคเหนือเรียกว่า “ดงชาวบ้าน” เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อและที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“เมื่อดวงไฟลอยออกมาจาก“ดงชาวบ้าน”แล้วจะลอยมาเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงวัดร้างแห่งนี้ก็จะแยกตัวกระจายออกเป็นดวงไฟเล็กๆ เหมือนในคลิปที่มีคนถ่ายไว้ได้ สำหรับผมมองเป็นเรื่องปกติที่ดวงไฟพระธาตุลอยลงมา เคยมีคนจากต่างหมู่บ้านมาเห็นและได้โชคถูกหวยจากวัดร้างแห่งนี้ได้กลับมาสร้างประตูวัดให้ใหม่ด้วย”

อ่าน ตะลึง! ดวงไฟสีแดงกล่ำตกจากฟ้า ลอยหายวับเข้าพระธาตุ วัดร้างท้ายหมู่บ้าน(คลิป)

ขอขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2781933

 

จากกรณีมีชาวบ้าน บ้านปงหลวง หมู่ 7 ต.สบปง อ.ภูซาง จ.พะเยา พบเห็นลูกไฟประหลาดลอยจากท้องฟ้า แล้วตกลงบริเวณพระธาตุวัดร้างท้ายหมู่บ้าน โดยเชื่อเป็นลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ภายหลังมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านปงหลวง หมู่ 7 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา โดยพบกับนายอนุสิทธิ์ กลางหมู่ ผู้ที่ถ่ายคลิปเอาไว้ได้ โดยนายอนุสิทธิ์ เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ส.ค.ตนเองและกลุ่มลูกน้องได้นั่งกินหมูกระทะกันที่หน้าบ้าน จู่ ๆ สักช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า ก็ได้เห็นดวงไฟลักษณะเป็นสีแดงลอยอยู่กลางอากาศ สักพักก็เริ่มดิ่งลงสู่ข้างล่าง แต่รูปแบบการดิ่งลงนั้นไม่มาตรง ๆ แต่กลับขยับซ้ายขยับขวาเหมือนเล่นลม และก่อนใกล้จะลงสู่พื้นจึงแตกออกเป็นลูกไฟดวงเล็ก ๆ อีกหลายดวงสร้างความประหลาดใจให้กับตนเองเป็นอย่างมาก วันนี้จึงเชิญผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อหาข้อพิสูจน์ด้วยกัน

ทั้งนี้จุดที่ดวงไฟตกลงเป็นจุดที่ตรงกับวัดร้าง ชื่อวัดพระธาตุวัดบ้านห่างตั้งอยู่ใกล้ทุ่งนา และสวนยางพาราของชาวบ้าน ด้านนอกถูกล็อกประตูไว้เพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาโดยพลการ ทั้งนี้ตนได้ขอให้ชาวบ้านในพื้นที่มาด้วยกันเปิดให้เข้าไปสำรวจปรากฏว่า เป็นวัดที่ร้างมานานซึ่งพระธาตุที่อยู่ในวัดนั้นมีอายุมากกว่า 200 ปี และมีต้นไม้ที่ทางเหนือเรียกว่าต้นเคาะ คาดว่าดวงไฟดังกล่าวอาจจะตกลงสู่ต้นไม้ต้นนี้ก็เป็นได้ แต่เมื่อเดินดูรอบ ๆ ต้นไม้กลับไม่มีเศษซากของดวงไฟสีแดงนี้ตกลงอยู่เลย สร้างความประหลาดใจให้ตนเองเป็นอย่างมาก



ด้าน นายติ๊บ มลเทียน อายุ 64 ปี ชาวบ้านปงหลวงที่มีบ้านใกล้กับวัดร้างแห่งนี้ได้ เล่าว่า ดวงไฟสีแดงดังกล่าว เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่มักจะพบเจอบ่อย ๆ ก่อนวันพระช่วงเข้าพรรษา ซึ่งตนเองเจอบ่อยครั้งมาก เห็นตั้งแต่สมัยตนเองอายุได้ 30 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ โดยดวงไฟพระธาตุดังกล่าวนั้นมักจะลอยออกมาจากดง พอใกล้ถึงวัดร้างก็จะแตกออกเป็นลูกเล็ก ๆ ตามคลิปที่ปรากฏ ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่มีลูกไฟพระธาตุนี่ลอยตกลงมา ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นก็เคยมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.ภูซาง เคยถูกหวยกับวัดร้างนี้มาแล้ว หลังจากนั้นชาวบ้านคนดังกล่าวได้สร้างประตูวัดให้ใหม่เพื่อเป็นการบูรณะให้ดูใหม่ขึ้นด้วย

ขอขอบคุณที่มา
https://www.dailynews.co.th/regional/724637