ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    รวยเงินวัด [กรรม]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2020
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2020
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    อาจารย์ยอด : นายเฮงลูกเทวดา [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    Published on Dec 8, 2018


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2018
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขเรื่องเงินขาดมือ ชีวิตมีแต่ปัญหาแบบได้ผลทันใจ
    พฤษภาคม 30, 2011 โดย ธ. ธรรมรักษ์

    ในชีวิตของคนเราเวลาที่มีความสุข ได้โชคลาภ ได้อะไรๆ ที่ต้องการนั้นมาจากที่ผลบุญที่ทำมานั้นได้ส่งผล แต่เวลาพบกับความทุกข์ พบกับอุปสรรคต่างๆ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น หยิบจับอะไรเป็นเสียหาย ไร้คนช่วยเหลือมองไปทางไหนก็มืดมน เหมือนที่เรียกกันว่า “มืดแปดด้าน” หรือที่คนทั่วไปชอบเรียกกันว่า “ดวงตก” นั่นแหละ ที่สาเหตุนั้นมาจากรรมอย่างแน่นอน ไม่ได้มาจากการเดินทางของดวงดาวแต่อย่างใดเพราะเรื่องการเคลื่อนย้ายองศาต่างๆ ของดาวนั้นไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่ได้มาส่งผลอะไรโดยตรงกับคนและสัตว์ทั้งหลาย อาจจะมีบ้างในเรื่องของกลางวัน กลางคืน น้ำขึ้นและน้ำลงซึ่งเป็นไปตามกลไกที่ธรรมชาติดำรงไว้เพื่อความสมดุล

    แต้อย่างไรก็ตาม ในความเข้าใจของคนมักจะเรียกกันว่า “ดวงตก” ในบทนี้ก็ขอเรียกแบบนั้นแล้วกันเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน แต่อย่าลืมว่ามาจากกรรมทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากดวงดาว(เรื่องดวงดี ดวงไม่ดีกล่าวไปแล้วในบทก่อนๆ)

    สำหรับกรรมที่ว่านี้เป็นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ฝ่ายไม่ดี ที่มีกำลังและถึงเวลาส่งผล วิธีที่จะแก้ไขนั้นต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกก็คือ กรรมปัจจุบัน ต้องย้อนกลับไปพิจารณาจากสิ่งที่เราทำมาไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพการงานใดๆ ก็ตาม ความคิด ความประพฤติของเรานั้นถูกต้อง ถูกธรรมหรือไม่

    ต้องหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นเพราะอะไรถึง ต้องยอมรับความจริงถึงจะแก้ได้ ซึ่งร้อยทั้งร้อยไม่เชื่อว่ากรรมมีจริงหรือเพราะความไม่รู้ จึงละเมิดผู้อื่น สิ่งอื่นจนเกิดกรรมไมดีขึ้นมา

    เช่น เคยแอบไปเบียดเบียนใครเขามา เคยไปคดโกง ยืมเงินคนอื่น แอบพรากประโยชน์ผู้อื่น เห็นแก่ได้จนคนอื่นเขาเสียหาย ทำการค้าแบบไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เป็นคนที่ประมาทในชีวิตยังคงเกียจคร้านไม่แสวงหาสิ่งดีๆ สิ่งที่ถูกต้องมาสู่ชีวิต เป็นต้น

    เรื่องเหล่านี้เหมือนกับเราเดินทางชีวิตที่ผิดทางไปจากความสำเร็จ ความร่ำรวยที่เราปรารถนาจะได้ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม หรือเราเองนั้นเอาก้อนหินขนาดใหญ่ไปปิดทางน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือการไปสร้างบาปปิดทางบุญของตัวเองไว้

    เรื่องเหล่านี้เราต้องหาให้เจอเสียก่อน เพราะเหตุจากกรรมไม่ดีเหล่านี้ เป็นกรรมใหม่ที่เราปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนทิศทางเดินชีวิตเสียใหม่ เราเองก็รู้ว่าเราทำแบบนั้นเราได้ผลอะไรกลับมา เราเป็นคนที่ทำร้ายตัวเอง ทำตัวเองให้ดวงตกหรือไม่

    เรื่องไม่ดีเหล่านี้มันเหมือนจุดดำๆ หรือคราบสกปรกที่อาจจะเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่มันสะสมเรื่อยๆ จนผ้าที่เคยขาวนั้นดำสนิท ชีวิตจึงเหมือนอยู่ในความมืด จนคลำหาทางออกไม่เจอ หลายคนไปพึ่งหมอดู คนทรงเจ้าหรือไสยศาสตร์ที่ไม่ใช่ของจริง จนหมดเนื้อหมดตัวเหมือนอยู่ดีๆ ไปหาขี้โคลนมาใส่ผ้าขาวเข้าไปอีก ซึ่งขออนุญาตบอกถึง การแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาคือ

    ต้องปรับความเชื่อเสียใหม่ จากที่หลงผิดทางหรือเกิดมิจฉาทิฐิ (มิจฉาทิฏฐิ) ขึ้นในใจที่เป็นความมืดให้กลับมาสู่ทางสว่างหรือสัมมาทิฐิ (สัมมาทิฏฐิ) ต้องปรับใจตนเองเสียก่อน ถ้าไม่ปรับใจเสียก่อน ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

    ดังเช่นอยากจะไปเชียงใหม่แต่ดันขับรถลงไปทางใต้ ต่อให้อีกร้อยชาติ พันชาติก็ไปไม่ถึง ไม่ว่ารถยนต์จะมีกำลังดีแค่ไหนก็ตาม อยากจะให้ชีวิตดี แต่ยังหลงผิดไปว่าการทำกรรมชั่วนั้นจะทำให้ชีวิตดี

    อยากจะมีความสุข มีเงินเยอะๆ รวยๆ แต่คิดไปว่าการไปเบียดเบียนคนอื่น โกงเขา ขโมยเขาเป็นเรื่องถูกต้อง ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ บาปไม่เคยส่งผลให้เกิดบุญ บุญบริสุทธิ์นั้นก็ไม่เคยทำให้ใครบาป มันคนละทางกัน

    กรรมนั้นเหตุมันเกิดที่ใจ และกรรมทุกกรรมที่เราทำมาว่าจะเป็นกรรมดีกรรมชั่ว จะหนักจะเบา จะถูกบันทึกไว้ในจิตใจทั้งสิ้น

    ไม่ว่าจะเกิดไปอีกร้อยชาติ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เปลี่ยนหน้าตา เปลี่ยนภพภูมิไป แต่จิตนั้นยังเป็นดวงเดิมที่ได้มีการบันทึกกรรมนั้นไว้ตลอดเวลา กรรมใดที่เป็นอโหสิกรรมแล้วก็จะไม่ส่งผลอีก ถือว่ากรรมนั้นยุติลงไปแล้ว

    ต้องแก้ที่ใจเป็นอันดับแรก ต้องเชื่ออย่างไม่สั่นคลอนไม่สงสัยใดๆ ว่ากรรมนั้นมีจริง ใครทำดีต้องได้ดี ใครทำชั่วต้องได้ชั่ว ในบางครั้งอาจจะส่งผลช้าเพราะเป็นไปตามลำดับ ตามหน้าที่ ตามเวลา และมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย แต่อย่างไรก็ต้องส่งผล กรรมหนักไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี อย่างช้า 30 ปีหรือในชั่วชีวิตคนจะได้เห็นกัน

    หากทำดีแล้วยังดวงตกอีก ทำอะไรก็ติดขัดไม่สำเร็จอีก อาจจะมาจากกรรมเก่าที่กำลังส่งผล โดยมีเจ้ากรรมนายเวรเขาตามรังควาน ตามอาฆาตมาดร้ายอยู่ จะใคร่ขอแนะนำเคล็ดวิชาจากครูบาอาจารย์ในการแก้ดวงตกที่มาจากกรรมเก่าให้ลองไปใช้กันดู (อย่าลืมว่าถ้าไม่เชื่อ ไม่มีความศรัทธาขอร้องว่าอย่าไปทำเลย เพราะไม่ได้ผล จิตมันไม่ถึงจะเสียเงินทองไปเสียเปล่าๆ)

    1. ให้รักษาศีล 5 อย่างมั่นคง เพราะการรักษาศีล 5 จะเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันไม่ให้เราไปละเมิดกรรมไม่ดีต่อผู้อื่นอีก เป็นการหยุดการทำชั่วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคนดวงตกทั้งหลาย ถ้าหากยังละเมิดศีล 5 อยู่ผลกรรมที่จะได้รับ จนอาจจะทนทานไม่ไหวเลยก็ได้ เพราะแค่กรรมเก่ามาส่งผลยังลำบาก ยังดวงตกดิ่งนรกขนาดนี้ หากยังไปทำกรรมชั่วอีกคงหนักขึ้นหลายเท่า

    การรักษาศีลนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างน้อยต้องศีล 5 ถ้าดวงตกหนักมากอาจะจะต้องไล่ขึ้นไปอีกเป็นศีล 8 ศีล 10 หรือถึงขั้นต้องบวชเพื่อถือศีล 227 อาศัยร่มกาสาวพักตร์เป็นเกราะป้องกัน ดังที่คนโบราณหรือครูบาอาจารย์ในอดีตกาลท่านทราบทางแก้ไขเรื่องนี้ดี ท่านจึงมักจะให้บวชเสียถ้าหากคนนั้นพบกับวิบากกรรมหนักหรือดวงตกหนักๆ จนดูแล้วจะไปไม่รอด

    2. ใส่บาตรทุกวัน การใส่บาตรทุกวันนั้น เป็นการเสริมบุญให้กับตัวเองแบบง่ายๆ ที่ทำได้ (ให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่องอธิษฐานจิตเสียก่อนทำบุญ ในบทแรกจะเข้าใจในการใส่บาตรทั้งหมด

    3. ทำสังฆทานใหญ่ เคล็ดวิชานี้มาจากครูบาอาจารย์ท่านสำคัญ ที่ขออนุญาตปิดชื่อของท่านไว้ก่อน ถ้าถึงเวลาเมื่อใดจะเรียนให้ทราบ ครูบาอาจารย์ท่านสำคัญท่านนี้ได้เมตตาให้กับคนดวงตกมาแล้วมากมายมหาศาลและเกิดผลดีทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน นักการเมือง ทหารระดับใหญ่ของประเทศ นักธุรกิจการค้า คนทั่วไปที่กำลังรับผลกรรมเก่าจนยากจะรับมือไว้ เมื่อได้ทำครบถ้วนแล้ว ชะตาชีวิตดีขั้นอย่างทันตาเห็น ท่านเมตตาให้ทำดังนี้

    – เตรียมอาหารคาวหวานครบ น้ำสะอาด ดอกไม้ธูปเทียน

    – วัตถุทานที่จัดเป็นปัจจัย 4 คือ เครื่องบวชพระไตรจีวร บาตรพระพร้อมตาลปัตร ยารักษาโรค ของใช้ของสงฆ์ต่างๆ ตามที่สมควร หนังสือธรรมะ 1 เล่ม

    – พระพุทธรูปประจำวันเกิดของตน ให้หน้าตัก 9 นิ้วขึ้นไปไม่ว่าจะเป็นวัสดุใดใช้ได้ทั้งนั้น

    – ถาดเงิน 1 ถาด (เอาไว้ใส่อาหารคาวหวานทั้งหมดรวมกัน)

    – ถาดทองเหลือง 1 ถาด (เอาไว้ใส่ของสงฆ์และพระพุทธรูป)

    – หากิ่งไม้สามง่าม 1 อันที่เหมือนเวลาเราทอดผ้าป่า

    ถวายสังฆทานให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น

    ให้ไปถวายกับพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าคณะจังหวัดที่ตนเองอยู่ หรือพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูงเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ หรือไม่ทราบให้ถวายกับเจ้าอาวาสวัด หรือถ้าอยากจะให้บุญมากมายมหาศาลให้ตั้งจิตถวายแด่พระพุทธเจ้าหรือ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญจะได้มากขึ้นทวีคูณ

    เวลาถวายให้เอากิ่งไม้นั้นตั้งขึ้นเหมือนที่เราเห็นในถังผ้าป่าทั้งหลาย เอาผ้าไตรจีวรนั้นพาด พระสงฆ์ท่านจะรับและชักออกไป เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้กรวดน้ำอุทิศบุญแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร

    การที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ถวายอาหารคาวหวานให้ครบนั้น เพราะเจ้ากรรมนายเวรบางท่านนั้นอยู่ในภาวะหิวกระหาย ไม่มีใครทำบุญไปให้ ยิ่งหิวก็ยิ่งโกรธแค้นหลายเท่ากับคนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ เครื่องบวชพระไตรจีวร นั้นจะเป็นเครื่องนุ่งห่มทิพย์ในกรณีที่เขาไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่

    การถวายพระพุทธรูปนั้นจะนำให้เข้าถึงระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้าที่เป็นที่พึ่งของเขาได้จริง หนังสือธรรมะจะทำให้เขาเข้าใจในพระธรรมที่จะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้จริง ลดความอาฆาตมาดร้ายลง ถาดเงิน ถาดทองนั้นเป็นการช่วยให้เขามีภาชนะเก็บกักของทิพย์ที่เขาได้รับและจะนำมาใช้เมื่อใดก็ได้ การทำสังฆทานใหญ่นี้ทำเดือนละ1 ครั้งตรงกับวันเกิดสำหรับท่านที่ดวงตกมากๆ ต้องรีบทำเสียโดนด่วน เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    หลายท่านที่ไม่มีเงินพอที่จะทำสังฆทานใหญ่แบบนี้ที่ต้องใช้เงินพอสมควร ขอแนะนำว่าให้ไปที่วัดใดก็ได้ที่มีการจัดเตรียมเครื่องสังฆทานไว้ให้แบบครบชุดที่เดี๋ยวนี้มีเกือบทุกวัด ให้ใช้วิธีทำผาติกรรมนำเงินใส่ซองจะ 10 บาท 5 บาทหรือเท่าใดก็ได้ ก็ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกัน หรือถ้าวัดนั้นไม่มีก็ขอเมตตาจากพระสงฆ์ท่าน ส่วนมากทุกวัดจะมีสิ่งของที่บอกไว้ครบ เราออกแรงขอท่านไปรวบรวมเอาสิ่งของดังกล่าวมาร่วมกันเป็นสังฆทาน แล้วขอผาติกรรมจากท่านก็ได้ เสร็จแล้วก็ไปคืนไว้ตามที่เอามา

    หรือท่านใดที่ดวงตกแต่ไม่มีเงินจริงๆ หรือไม่สะดวกอยู่ในที่จำกัดไปไหนมาไหนไม่สะดวก ก็ให้เร่งถือศีล 5 และสวดมนต์ ทำสมาธิ เป็นการสร้างบุญโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว เพียง 3 อย่างเท่านี้ก็แก้ไขได้แล้วเพราะบางเจ้ากรรมนายเวรเขาต้องการเพียงเราสำนึกผิดกลับใจ และส่งบุญให้ เขาก็พอใจพร้อมถอนตัวออกไปจากการจองเวรนี้

    หรือจะเพิ่มทานเข้าไปอีก เอาเงินสัก 1 บาทหรือสลึงหนึ่งก็ได้ใส่กระปุกไว้ก็ได้เพื่อจะให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ครบถ้วนในแต่ละวัน เมื่อเงินในกระปุกมีพอสมควรแล้วก็เอาไปถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานได้ ดังที่บอกมาแล้วในบทแรกเลย

    ธ.ธรรมรักษ์ เองก็ใช้วิธีนี้ในทุกเช้าโดยการทำทานหยอดเงินใส่กระปุกก่อนให้เป็นทาน อธิษฐานจิตเป็นสังฆทาน แล้วจึงสวดมนต์สมาทานศีล และทำสมาธิในทุกเช้า ชีวิตจากที่เคยลำบากมากเจ้าหนี้คอยตามรังควาน บ้านจะโดนยืด รถยนต์โดนยืด มีแต่เรื่องที่ทำให้เสียหายมากมายก็ทุเลาขึ้น จนดีวันดีคืนจนถึงปัจจุบัน จึงอยากจะบอกกล่าวให้ลองไปทำกันดู

    หรือแม้แต่ไม่มีเงินก็เอาแรงงานไปเช็ดถู ไปปัดกวาดลานวัด ทำความสะอาดหน้าพระประธาน พระพุทธรูปที่รายล้อมอยู่ตามศาลาวัด ไปช่วยเขาขนทรายขนปูนที่มีการก่อสร้างอะไรในวัดก็ตาม ไปช่วยกิจของสงฆ์ ทั้งไปช่วยโรงครัว โรงทานทำอาหารถวาย ช่วยล้างผลไม้ปอกผลไม้ ล้างจาน กวาดวัด ล้างห้องน้ำ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นของส่วนรวม แล้วอุทิศบุญที่ทำนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขา และอธิษฐานขอให้เป็นสังฆทานได้ทั้งนั้น อย่าไปคิดแต่เพียงว่าต้องใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น

    สำหรับการกรวดน้ำ ควรทำทุกครั้งหลังจากสร้างบุญเสร็จเพื่อที่จะได้ไม่ตกหล่น ถ้าลืมหรือติดธุระอะไรไม่ได้ทำ ถ้าเรานึกได้เมื่อใดให้กรวดน้ำใหม่ทันทีไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม บุญที่เราทำนั้นไม่ได้หายไปไหน ซึ่งเห็นได้จากบุญเก่าและบาปเก่าในอดีตชาติที่กำลังส่งผลให้เราอยู่ในขณะนี้ก็ไม่ได้หายไปไหนเช่นกัน

    น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาดเพื่อสื่อได้ง่ายและเร็วเสร็จแล้วให้เอาน้ำนั้นไปเทราดใต้ต้นไม้กลางแจ้ง ในเวลาที่เทให้ตั้งจิตอีกครั้ง กล่าวขอให้พระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ท้าวยมราช มาเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญ ให้ท่านทั้งหลายที่เราอุทิศบุญให้มารับบุญไป ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นครบทุกประการตามหลักครูบาอาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณ

    แต่ถ้าไม่แน่ใจว่า ดวงจิตวิญญาณที่เราตั้งใจอุทิศบุญไปให้นั้น ท่านจะมารับได้หรือไม่ เพราะบางดวงจิตวิญญาณถ้าไม่อยู่ในสภาวะที่รับได้เขาก็รับไม่ได้ เช่น ถูกลงโทษในนรกชั้นลึกที่สุดเพราะกรรมหนักเขาก็มาไม่ได้ เหมือนนักโทษประหารหรือนักโทษขั้นเด็ดขาดที่ห้ามเยี่ยม ห้ามทุกอย่างไว้เพราะทำกรรมหนักไว้ แต่มีวิธีแก้ไขให้ขอเมตตาฝากบุญไว้กับพระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ท้าวยมราชไว้ เมื่อใดก็ตามที่เขาพร้อมจะรับบุญได้ ท่านจะเมตตาส่งเคราะห์ส่งบุญให้ได้

    สังฆทานนั้นยิ่งทำบ่อย ยิ่งดีทั้งสองทางทั้งสร้างบุญใหญ่และลดกรรมไม่ดีได้เร็วมากยิ่งขึ้น

    4. ต้องสวดมนต์และทำสมาธิทุกวัน สองสิ่งนี้ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด การสวดมนต์เพื่อปรับฐานบุญและทำให้ตนเองเกิดมงคล และการทำกรรมฐานแก้กรรมหรือที่เรียกกันว่า “สมาธิแก้กรรม” นั้นเป็นของจริงที่พิสูจน์กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้ว

    การสวดมนต์นั้นควรทำในตอนเช้าและก่อนนอน อย่าลืมว่าต้องมีบทพื้นฐานดังที่กล่าวไปแล้วในบทปลุกเสกตัวเองให้ศักดิ์สิทธิ์บทก่อน และอยากแนะนำให้สวดบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกทุกครั้ง ถ้าอยากเอาให้ได้ผลแบบเร็วทันใจให้สวดเลยอายุตนเอง 1 บท เช่น อายุ 30 ปีให้สวด 31 จบ ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 15 วันอย่าขาด

    เมื่อสวดมนต์แล้วให้นั่งสมาธิและวิปัสสนาต่ออย่างน้อยวันละ 30 นาที เมื่อออกจากสมาธิเจริญภาวนาแล้วให้แผ่เมตตาอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวนทันที แบบเจาะจงด้วยว่า โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตามมารังควานให้เกิดอุปสรรคอยู่ในขณะนี้ให้มารับบุญที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าดวงจะดีแล้ว ก็อย่าหยุดทำให้ทำต่อไป ดวงจะดียิ่งขึ้นร้อยเท่าพันเท่า

    5. สงเคราะห์ปล่อยสัตว์ ให้ไปปล่อยปลาหมอหรือปลาไหลวันละ 8 ตัวทุกวันติดต่อกัน 7 วัน หรือให้ครบ 7 ครั้งใน 1 เดือน การปล่อยสัตว์ก็ให้ไปดูเรื่องการสงเคราะห์ปล่อยสัตว์แบบได้บุญมาก ถ้าหาปลาหมอหรือปลาไหลไม่ได้ใช้ปลาอะไรก็ได้ที่คนเอามาทำเป็นอาหารแบบว่าเขาต้องตายแน่ๆ ถ้าเราไม่ไปช่วยเขาไว้ ไปที่ตลาดแล้วบอกแม่ค้าว่า ให้เลือกปลาที่คิดว่ากำลังจะฆ่าให้หน่อย ในสมัยพุทธกาล เณรน้อยที่แม้ถึงฆาตได้ช่วยปลาจากปลักให้ไปอยู่ในแหล่งน้ำสมบูรณ์ ยังรอดตายได้ แค่ดวงตกแค่นี้ยิ่งได้ผลหลายเท่า

    6. ร่วมสร้างถาวรวัตถุใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป โบสถ์ วิหาร หรืออะไรก็ตามที่เป็นของใหญ่ๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก จะเป็นทานใหญ่ที่ก่อให้เกิดโชคลาภ สำหรับการร่วมบริจาคนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินมาก เท่าใดก็ได้ แต่ต้องให้ตรงกับจำนวนหรือมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งใจทำ 1 บาทก็ต้อง 1 บาทอย่าไปลดบุญตัวเองด้วยการทำเพียง 50 สตางค์เพราะเสียดาย ให้ทำตามที่เราตั้งใจจริงๆ เท่าไหร่ก็เท่านั้น
    ขอบพระคุณที่มา :- https://torthammarak.wordpress.com/2011/05/30/แก้ไขเรื่องเงินขาดมือ-ช/
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    CASE STUDY
    โหยหวนวันพระ
    เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC

    2549-11-22-16.jpg

    กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพ


    ลูก มาวัดตั้งแต่วัยยังละอ่อน...สมัยเป็นนักศึกษาชมรมพุทธฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528_ทำบุญทุกบุญโดยไม่เคยตกบุญใดๆเลย ปัจจุบันมาทำงานอยู่ที่อเมริกา ชีวิตของลูกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน แต่ลำบากพอสู้ เพราะลูกต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย และรับภาระในบ้านแทนพ่อ-แม่ทั้งหมด เพื่อให้ท่านได้ทำบุญและปลดภาระในการดูแลลูก
    ลูกมีความตั้งใจว่า แม้ตัวเองจะลำบากแต่ขอให้พ่อ-แม่สุขสบาย เมื่อไม่นานมานี้ ชีวิตของลูกก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัส จนสุดจะทานทน พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไร ลูกก็มีอาการปวดหัว จนไมเกรนขึ้นมาทุกที...ก่อนที่อาการของลูกจะหนักไปกว่านี้ เพราะหาทางออกไม่ได้ ลูกจึงตัดสินใจส่ง Case Study เพื่อกราบขอความเมตตา มายังพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฝันในฝัน ให้ดังนี้ค่ะ
    คุณพ่อของลูก เคยบวชเป็นพระอยู่สิบพรรษา ที่วัดของหลวงปู่ขาว แล้วจึงลาสิกขาออกมาอยู่ทางโลก ต่อมาก็ได้พบรักกับคุณแม่และร่วมชีวิตกันจนมีลูก 5คน คุณพ่อมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนามาก ท่านปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอในการทำบุญ โดยทั้งสองท่านจะไปวัดทำบุญและตักบาตรทุกวัน ในวันพระก็ชักชวนกันรักษาอุโบสถศีล รวมทั้งไม่เคยขาดการสวดมนต์และนั่งสมาธิ(Meditation)เลยแม้แต่วันเดียว
    แต่ในสมัยที่ลูกยังเล็กๆ คุณพ่อประกอบอาชีพด้านการเกษตรซึ่งรวมไปถึงการเพาะเลี้ยงลูกวัวเอาไว้ส่งขายบ้าง คุณพ่อทำอาชีพนี้อยู่หลายปีก่อนที่จะเลิกไป เพราะลูกส่งเงินให้ท่านใช้จ่ายอย่างพอเพียง
    แม้คุณพ่อจะไม่ดื่มเหล้า แต่ท่านก็สูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11ปี และเลิกสูบอย่างเด็ดขาดได้ตอนอายุ 60ปี ปัจจุบันคุณพ่ออายุ 76ปีแล้ว สุขภาพไม่สมบูรณ์นัก เริ่มตั้งแต่ มีอาการต่อมลูกหมากโต รวมทั้งอาการหูไม่ได้ยินมาเป็นสิบปี ลูกได้พาท่านไปหาหมอและทำเครื่องช่วยฟังมาช่วยขยายการฟังให้ท่าน แต่น่าแปลกที่ว่า เมื่อทำเครื่องช่วยฟังกลับมาถึงบ้านแล้ว ลูกงงมากค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคุณพ่อกลับได้ยินเป็นปกติ จนไม่ต้องใช้เครื่องช่วยฟังอีกเลย
    ความแปลกที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้นะคะ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา คุณพ่อมีอาการไอหนักมากจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้และนอนไม่หลับ หมอรักษาก็ไม่หาย คุณพ่อผ่ายผอมอ่อนแรงจนเหมือนนอนรอความตาย ลูกเสียใจมากเพราะคิดว่า อยากเลี้ยงดูให้ท่านสบาย และอยากให้ท่านได้ทำบุญมากๆ แต่คุณพ่อก็จะมาจากไปเสียแล้ว
    ลูกไม่ทราบจะทำอย่างไร จึงไปที่หน้าภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ กราบและอธิษฐานบอกท่านว่า...
    “หลวงปู่เจ้าขา พ่อของลูกป่วยหนัก ไม่ทราบว่าจะเดินทางออกจากร่างวันไหน ลูกยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณของพ่ออย่างที่ตั้งใจไว้เลย กราบขอพรจากหลวงปู่ช่วยพ่อให้รอดชีวิต เพื่อลูกจะได้ดูแลและชวนคุณพ่อทำบุญ”
    ลูกกราบพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯไปก็น้ำตาซึม และหลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็หายป่วยอย่างอัศจรรย์ ลูกนั้นซาบซึ้งในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมากๆ...ลูกขอน้อมดวงใจก้มกราบบูชาเจ้าค่ะ
    จนอีกเกือบสิบปี คุณพ่อมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบและเป็นอัมพาตทั้งตัว ต้องนอนอยู่กับที่ โดยมีคุณแม่เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในระยะแรกคุณพ่อยังสามารถตอบโต้โดยการพยักหน้า หรือขยิบตาได้บ้าง แต่ต่อมาก็ทำได้เพียงขยับนิ้ว แม้ร่างกายจะเป็นอัมพาตไปแทบทุกส่วน แต่น่าแปลกที่กล่องเสียงของท่านยังทำงานได้ดีอย่างน่าทึ่ง และนี่แหละค่ะ คือปัญหาที่ทำให้ลูกเครียดจนไมเกรนขึ้นทุกครั้งที่ได้ยิน หรือแม้แต่แค่นึกถึง
    เพราะคุณพ่อ จะเปล่งเสียงร้องอย่างโหยหวนก้องกังวาน ทุกๆสองนาที โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ เสียงร้องของท่านฟังแล้วเหมือนเสียงของวัวที่ร้องด้วยความโหยหวนทุกข์ทรมาน ความดังที่เปล่งออกมายากจะคำนวณได้ว่ากี่เดซิเบล ลูกทราบแต่เพียงว่า ได้ยินกันอย่างถ้วนทั่วทั้งหมู่บ้าน เสียงของท่านดังมากจนคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เครียดมาก โดยเฉพาะคุณแม่ซึ่งต้องดูแลคุณพ่ออยู่ตลอดเวลา และเสียงจะยิ่งดังและถี่มากเป็นพิเศษในวันพระ
    ลูกเคยจ้างคนมาช่วยดูแล แต่ทุกคนก็เผ่นหนีหมด ในเวลาที่คุณพ่อไม่ได้ร้อง ลูกเคยคุยกับท่านว่า “พ่อจ๋า...อย่าร้องได้ไหม สงสารแม่ จะเอาอะไร เจ็บตรงไหนก็ขยับนิ้วบอก” คุณพ่อก็ทำท่ารับรู้ แต่อีกสักครู่ก็จะร้องเหมือนเดิมอีกจนทุกคนอ่อนใจ ในช่วงที่ป่วยแรกๆก็ยังมีคนมาเยี่ยม แต่ต่อมาไม่มีใครมาเยี่ยมอีกเลย เพราะชาวบ้านรังเกียจเสียงร้องที่ดังมากๆ ลูกเองก็อึดอัดใจจนอยากจะร้องเสียงดังๆออกมาบ้างค่ะ
    คุณแม่ของลูก เป็นภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด แต่ท่านก็เป็นคนแปลกค่ะ เพราะตั้งแต่ลูกจำความได้ ลูกมักจะเห็นคุณแม่มีวิญญาณมาเข้าร่างเสมอ บ่อยครั้งที่คุณแม่จะตัวสั่นเทิ้ม กลายเป็นคนอื่นทั้งเสียงพูด และกริยาท่าทาง ซึ่งวิญญาณที่มาเข้าร่างคุณแม่ส่วนใหญ่ มักจะบอกว่าเป็นญาติ เมื่อถูกถามว่าเป็นใครก็ไม่ยอมบอก แต่บางครั้งก็บอกว่าเป็นคุณตาหรือคุณยายที่เสียไปแล้ว พร้อมกับทักทายลูกหลาน พอทักทายจนหนำใจแล้วจึงออกไป คุณแม่ก็จะหงายหลังล้มตึง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นจะจำอะไรไม่ได้เลย อาการของคุณแม่นี้ ถือเป็นเรื่องปกติประจำวันในครอบครัวของเราไปแล้วค่ะ
    นอกจากนี้นะคะ ลูกก็นึกสงสัยว่า เพราะเหตุใด ลูกจึงต้องเป็นผู้รับภาระในการดูแลคนทั้งครอบครัว ลำพังคุณพ่อและคุณแม่ ลูกก็เต็มใจดูแลเต็มที่ เนื่องจากท่านคือผู้ให้กำเนิด แต่ความรับผิดชอบของลูกได้เลยเถิดไปจนถึงครอบครัวของพี่ชาย พี่สาว และน้องๆด้วยนี่ซิคะ ลูกไม่เข้าใจเลย เพราะตั้งแต่ลูกเรียนจบ ลูกก็ต้องคอยสนับสนุนจุนเจือ รวมทั้งจัดการเรื่องในครอบครัวของพี่ๆน้องๆอยู่เรื่อย
    ตั้งแต่ พาพี่ชายไปรักษาตัวจากอาการติดเหล้า ส่งเงินช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขา เพื่อให้หลานได้เรียนหนังสือ บางครั้งคิดๆดูแล้วลูกรู้สึกท้อแท้ใจเหลือเกินค่ะ เพราะหาเงินได้เท่าไหร่ก็ดูจะไม่เพียงพอ แต่พอนึกถึงคุณพ่อกับคุณแม่ก็ทำให้ลูกมีแรงสู้ต่อไปค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกปนเศร้านะคะ
    ส่วนเรื่องแปลกเรื่องต่อไปก็คือ บ้านที่คุณพ่อคุณแม่อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นบ้านสองหลังติดกัน เดิมเป็นของคุณตาคุณยายและมีป้าอยู่ด้วย ปัจจุบันท่านทั้งสามเสียชีวิตไปแล้ว บ้านสองหลังนี้สภาพค่อนข้างเก่า เมื่อลูกกลับจากอเมริกาก็ตั้งใจที่จะรื้อบ้านหลังเก่าออก และปลูกหลังใหม่มาแทนที่ แต่ในวันที่จะรื้อบ้าน คุณแม่ก็มีอาการขาแข็ง ก้าวขาไม่ออก และคนในครอบครัวก็เจอเรื่องต่างๆ ที่ทำให้รู้โดยทั่วกันว่า ห้ามรื้อบ้านเด็ดขาด
    และเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนฝรั่งของลูกมาพักที่บ้าน เขาถามลูกว่า “เห็นผู้หญิงที่นุ่งซิ่นไหม ที่เดินมาดูเขาบ่อยๆ เดินลอยไปลอยมาเหมือนเท้าไม่ติดพื้น คือใคร” และเขายังเห็นคนอีกหลายคนที่เดินลอยๆแบบนี้อยู่ในบ้านด้วยค่ะ ลูกฟังแล้วก็รู้สึก...ขนแขนลุกซู่...และเนื่องจากเพื่อนคนนี้เป็นนักสะสมผ้าพื้นเมืองของเอเชีย เมื่อมาเมืองไทย เขาจึงขอร้องให้ลูกพาไปยังแหล่งทอผ้า โดยมีคุณแม่ของลูกตามไปด้วย
    เราไปดูกันหลายที่ เขาก็ยังบอกกับลูกว่า เขาชอบผ้าของพม่ามากกว่า แต่เมื่อเดินมาถึงร้านๆหนึ่ง เขากลับเลือกผ้าไหมไทยมาหนึ่งผืน เขาจ่ายเงินไป 1,500บาท โดยไม่ต่อรองราคาแม้แต่คำเดียว เมื่อกลับมาถึงบ้านลูกถามเขาว่า “ไหนยูว่าชอบผ้าพม่ามากกว่าและยังไม่ถูกใจผืนไหนเลย ทำไมจึงซื้อผ้านี้มาโดยไม่ต่อราคาล่ะ ผ้าก็ไม่เห็นจะสวยเด่นอะไรเป็นพิเศษสักนิด”
    เขาตอบว่า “เป็นเพราะผู้ชายคนที่มากับแม่ของยูที่นั่งอยู่ด้านหลัง บอกให้ไอซื้อ แถมบอกว่า ไม่ต้องต่อราคา ไอก็ทำตามน่ะซิ” ลูกฟังแล้วก็ถึงกับประมาณอึ้งไปเลย แล้วลูกก็ถามตัวเองว่า “อะไรกันนี่” เพราะวันนั้นเราไปกันแค่สามคน ไม่ทราบว่าคนที่สี่ซึ่งเพื่อนเห็นมาจากไหน ถามแบบนี้จะตอบเองก็คงตอบไม่ถูก
    ดังนั้น จึงขอตั้งคำถามมายังคุณครูไม่ใหญ่ดังนี้ค่ะ
    1.คุณพ่อของลูกเป็นอะไรคะ ทำไมจึงร้องได้อย่างโหยหวน และมีอาการมากเป็นพิเศษในวันพระ เป็นเพราะวิบากกรรมเช่นไร ทำอย่างไรท่านจึงจะหยุดร้องคะ
    2.คุณแม่ของลูกเล่าว่า เมื่อต้นปีก่อนที่คุณพ่อจะอาการทรุดหนัก ท่านเห็นภาพคุณพ่อลุกขึ้นเดิน พร้อมกับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน ลูกจึงตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จริงๆแล้ว คุณพ่ออาจจะเสียชีวิตไปแล้ว และคนที่ร้องโหยหวนอยู่ในร่างของท่านคือคนอื่นคะ
    3.ในสมัยบวช คุณพ่อเคยเรียนวิชาวิทยาธร สามารถรักษาอาการงูสวัด หรือคอพอกได้ โดยการเป่าเพียงครั้งเดียว แต่ท่านไม่ได้รับรักษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่หากใครมาหาท่านก็จะช่วย เป็นไปได้ไหมคะ ที่อาจารย์วิทยาธรจะทำอะไรคุณพ่อ
    4.คุณตาคุณยายและคุณป้าของลูกตายแล้วไปไหนคะ ยังอยู่ที่บ้านจริงหรือไม่ ท่านทั้งหลายมาเข้าร่างคุณแม่จริงๆหรือไม่คะ ทำไมคุณแม่ของลูกจึงมีวิญญาณมาเข้าร่างบ่อยๆ ลูกจะช่วยคุณแม่ได้อย่างไรคะ
    5.บ้านสองหลังของลูก มีอาถรรพ์อะไรหรือไม่ ทำไมจึงรื้อไม่ได้ ลูกควรทำอย่างไรคะ
    6.คนที่เดินเท้าไม่ติดพื้นในบ้าน ซึ่งเพื่อนฝรั่งของลูกมองเห็นนั้นคือใคร และคนที่นั่งรถไปซื้อผ้าไหมพร้อมเพื่อนลูกและสั่งให้เพื่อนซื้อโดยไม่ต่อราคาคือใคร ทำไมเพื่อนของลูกจึงต้องทำตามคำสั่งของเขาคะ
    7.ลูกมักได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้างมากมายในทุกๆเรื่อง เช่น มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งถึงกับถามทุกครั้งที่ลูกโทรศัพท์ไป ก่อนที่ลูกจะเอ่ยปากว่า “What can I do for you?” และให้ความช่วยเหลือเกินความคาดหมายทุกครั้ง ลูกสงสัยว่า เหตุใดจึงมีผู้ช่วยเหลือลูกในลักษณะเช่นนี้หลายคน อานิสงส์นี้เกิดจากบุญเลี้ยงดูบิดามารดาอย่างดีและสงเคราะห์ญาติใช่หรือไม่คะ
    8.พ่อสามีของน้องสาว ที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และไม่เชื่อเรื่องบุญ ท่านตายแล้วไปไหนคะ ถ้าท่านไปในที่ไม่ดี จะช่วยท่านได้อย่างไรคะ
    9.พ่อสามีของน้องสาว ตอนมีชีวิตอยู่ ท่านรักหลานคนเล็กมาก เมื่อท่านเสียชีวิต ปรากฏว่าหลานคนเล็กมักจะตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนเหมือนมีใครมาเล่นด้วย และร้องโยเยไม่ยอมนอนในตอนกลางคืนมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว การที่หลานไม่ยอมนอนตอนกลางคืนเป็นเพราะคุณปู่มาเล่นด้วย หรือเกิดจากวิบากกรรมของหลานคะ
    10.หลานคนนี้ปัจจุบันอายุ 2ขวบ เป็นเด็กเลี้ยงยาก ตอนเกิดมาฝ่าเท้าทั้งสองพับเข้าหาส้นเท้า ต้องรักษาอยู่นาน ปัจจุบันหายเกือบเป็นปกติแล้ว สามารถเดินได้แต่ฝ่าเท้ายังงอโค้งอยู่ หลานมีวิบากใดจึงเลี้ยงยากมาก เกิดมามีฝ่าเท้าพับทั้งสองข้างคะ
    11.ลูกและคุณพ่อ คุณแม่ เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ ลูกมีผังในการอธิษฐานประพฤติพรหมจรรย์มาบ้างหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะตั้งตัวได้ ลูกอยากทำบุญเยอะๆ เพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนในชาตินี้ค่ะ


    ขอกราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เมตตาฝันในฝันให้ลูกและครอบครัวค่ะ
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    1.คุณพ่อร้องโหยหวน เพราะกรรมในอดีต เคยฆ่าวัวเพื่อขายและเพื่อส่งให้เขาฆ่าเป็นประจำ มาส่งผล ที่ร้องก็ไม่รู้ตัว แต่กรรมบังคับ
    • มีอาการมากเป็นพิเศษในวันพระ เพราะฆ่าวัวเป็นประจำดังกล่าว ไม่เว้นแม้วันพระ ทั้งๆที่คนห้ามแล้วก็ไม่ฟัง เจตนาที่แรงกล้านี้จึงเป็นกรรมพิเศษ
    2549-11-22-01.jpg
    • จะแก้ไข ก็ให้ทำบุญแทนท่านในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตอุทิศบุญนี้ไปยังสัตว์ที่ท่านฆ่าบ่อยๆ และอธิษฐานให้บุญนี้ไปตัดรอนวิบากกรรมดังกล่าว
    2549-11-22-02.jpg

    2.คุณแม่เห็นภาพของคุณพ่อ ลุกขึ้นพร้อมกระเป๋า ออกจากบ้านเมื่อต้นปีก่อนที่คุณพ่อจะมีอาการทรุดหนักนั้น ก็เป็นเรื่องคิดไปเอง เพราะคุณแม่มีเชื้อสิงๆทรงๆ จึงทำให้เห็นเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย


    2549-11-22-03.jpg

    3.ในสมัยบวช คุณพ่อเคยเรียนวิชาวิทยาธร สามารถรักษาอาการของงูสวัด และคอพอกได้ โดยการเป่าเพียงครั้งเดียวนั้น อาการร้องโหยหวนของคุณพ่อก็ไม่เกี่ยวกับอาจารย์วิทยาธร แต่เป็นเพราะวิบากกรรมดังกล่าว จึงทำให้ท่านมีอาการดังนั้น และไม่รู้ตัวด้วย
    2549-11-22-04.jpg

    4.คุณตาตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
    • คุณยายตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
    • คุณป้าตายแล้ว ก็เป็นภุมมเทวาอยู่ที่บ้าน
    • ท่านทั้งสามก็มาเข้าร่างคุณแม่จริง
    • คุณแม่ของลูกมีวิญญาณมาเข้าร่างบ่อยนั้น เพราะกรรมทรงเจ้าเข้าผีแบบพื้นบ้าน
    • ตัวลูกจะช่วยท่านได้ก็ต้องให้ท่าน ทำทาน รักษาศีล5 ศีล8 เจริญภาวนา แล้วเลิกยินดีที่คนเหล่านี้มาเข้า โดยฝืนทางกายแล้วภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไม่ยอมให้เข้า ก็จะแก้ได้
    2549-11-22-06.jpg

    5.บ้านสองหลังดังกล่าว รื้อไม่ได้ เพราะคุณตา คุณยาย คุณป้า ทั้งสามท่านไม่อยากให้รื้อ เพราะเป็นที่อยู่ของท่านเหล่านั้น
    2549-11-22-07.jpg
    • ดังนั้นก็ไม่ต้องรื้อ แต่ปรับปรุงพัฒนาให้แข็งแรง ถ้าจะสร้างใหม่ก็ต้องสร้างอีกที่หนึ่ง

    6.ฝรั่งเห็นคนเดินไม่ติดพื้นที่บ้านนั้น ก็คือ คุณตา คุณยาย คุณป้า ท่านมาทักทาย
    • คนที่นั่งรถไปซื้อผ้าไหมพร้อมเพื่อนลูก และสั่งให้เพื่อนซื้อโดยไม่ต่อราคานั้น คือ คุณตา
    • เพื่อนลูกต้องทำตามคำสั่ง เพราะโดนฤทธิ์ของคุณตาที่เป็นภุมมเทวา สะกดให้ทำตาม
    7.ตัวลูกมักได้ความช่วยเหลือ จากคนรอบข้างมากมายในทุกเรื่อง เช่น มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ถึงกับถามทุกครั้งที่ลูกโทรศัพท์ไป ก่อนที่ลูกจะเอ่ยปากว่า "What Can I do for you?" และให้ความช่วยเหลือเกินความคาดหมายทุกครั้งนั้น เพราะบุญสงเคราะห์ญาติและเลี้ยงดูบิดามารดา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มารวมกันส่งผล



    8.พ่อสามีของน้องสาว เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพราะกรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหารและดื่มเหล้าสูบบุหรี่ หลายๆชาติ มารวมกับกรรมที่เคยรับราชการและได้งุบงิบของราชการ มาส่งผล
    • ตายแล้วก็ไปเป็นภุมมเทวาชั้นล่าง วนเวียนอยู่ที่บ้านของตนเอง
    2549-11-22-11.jpg
    9.พ่อสามีของน้องสาว ตอนมีชีวิตอยู่จะรักหลานคนเล็กมาก เมื่อท่านเสียชีวิตแล้ว หลานคนเล็กมักจะตื่นขึ้นในเวลากลางคืน เหมือนมีคนมาเล่นด้วย และร้องโยเยในเวลากลางคืน มาเป็นเวลากว่าปีแล้วนั้น เพราะคุณปู่ที่อยู่ที่บ้านมาเล่นด้วย ไม่ได้เกิดจากวิบากกรรมใดของหลาน
    2549-11-22-12.jpg

    10.หลานคนนี้ปัจจุบันอายุ 2ขวบ เป็นเด็กเลี้ยงยาก ตอนเกิดมาฝ่าเท้าทั้งสองพับเข้าหาส้นเท้า ต้องรักษาอยู่นาน ปัจจุบันหายแล้วเกือบเป็นปกติ สามารถเดินได้แต่ฝ่าเท้ายังโค้งงออยู่ เพราะกรรมในอดีต เคยเกิดในครอบครัวชาวจีนโบราณ ชอบบังคับลูกหลานให้รัดเท้า เพื่อให้เท้าเล็กให้ถูกรสนิยมของคนในสมัยนั้น จนเท้าของลูกหลานบางคนผิดรูปร่าง มาส่งผล
    • แต่เกือบหายเป็นปกติ เพราะกรรมเริ่มเบาบาง และมีบุญเลี้ยงดูบิดามารดาและสงเคราะห์ญาติ มาส่งผลทำให้อาการดีขึ้น
    • หลานเลี้ยงยาก เพราะกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
    2549-11-22-13.jpg

    11.ลูกแลคุณพ่อ-คุณแม่ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา คุณพ่อ-คุณแม่ มีสายบุญกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียงแต่น้อยกว่าตัวลูก
    • ลูกก็มีผังในการอธิษฐาน ที่จะประพฤติพรหมจรรย์มาบ้างเหมือนกัน เพราะชาติก่อนเบื่อการครองเรือน เนื่องจากมีความทุกข์มาก จึงอธิษฐานจิตที่จะประพฤติพรหมจรรย์ แต่ผังยังไม่หนาแน่น

    • จะตั้งตัวได้ ลูกต้องสั่งสมบุญทุกบุญให้มากๆ อีกทั้งพยายามสร้างธุรกิจที่จะเป็นของตัวเอง ด้วยความรอบคอบด้วย
    • :- https://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-11-22.html
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    กรรมให้ผลแบบต่างๆ
    ...สุภมาณพ โตเทยยบุตร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! อะไรหนอแล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต คือมนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏมีอายุสั้น มีอายุยืนมีโรคมาก มีโรคน้อยมีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงามมีศักดาน้อย มีศักดามากมีโภคะน้อย มีโภคะมากเกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูงไร้ปัญญา มีปัญญา.ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต.”
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่ามาณพ ! สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรมมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยกรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้.ข้าพระองค์ย่อมไม่ทราบเนื้อความโดยพิสดารของอุเทศที่พระโคดมผู้เจริญตรัสโดยย่อมิได้จำแนกเนื้อความโดยพิสดารนี้ได้ ขอพระโคดมผู้เจริญ ! ได้โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยประการที่ข้าพระองค์จะพึงทราบเนื้อความแห่งอุเทศนี้โดยพิสดารด้วยเถิด.มาณพ ! ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจะกล่าวต่อไปสุภมาณพ โตเทยยบุตร ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า“ชอบแล้ว พระเจ้าข้า !”พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่ามาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือดหมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิตเขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีอายุสั้น นี้ คือเป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือดหมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต.มาณพ ! ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามละปาณาติบาตแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศัสตราได้มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุยืน.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีอายุยืนนี้ คือละปาณาติบาตแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศัสตราได้มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศัสตราเขาตายไป จะเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีโรคมากนี้ คือเป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศัสตรา.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นผู้มีปกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศัสตราเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคน้อย.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีโรคน้อยนี้ คือเป็นผู้มีปกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศัสตรา.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคืองพยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ.เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็น มนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีผิวพรรณทรามนี้ คือเป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคืองพยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคืองไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนน่าเลื่อมใส.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้น่าเลื่อมใสนี้ คือเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคืองไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้าย ความขึ้งเคียดให้ปรากฏ.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามมีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่นเขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีศักดาน้อย.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีศักดาน้อยนี้ คือมีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่นเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีศักดามาก.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีศักดามากนี้คือ มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมไม่เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไปไม่เข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ใน ภายหลังจะเป็นคนมีโภคะน้อย.มาณพ ! ปฏิปที่เป็นไปเพื่อความมีโภคะน้อยนี้ คือไม่ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโภคะมาก.มาณพ ! ปฏิปที่เป็นไปเพื่อความมีโภคะมากนี้ คือให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนกระด้างเย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง ไม่สักการะคนที่ควรสักการะไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ ไม่บูชาคนที่ควรบูชาเขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเกิดในสกุลต่ำนี้ คือเป็นคนกระด้าง เย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง ไม่สักการะคนที่ควรสักการะไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ ไม่บูชาคนที่ควรบูชา.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะเคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชาเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลสูง.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเกิดในสกุลสูงนี้ คือเป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะเคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา.มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ แล้วสอบถามว่าอะไร ?เป็นกุศล อะไร ?เป็นอกุศล อะไร ?มีโทษ อะไร ?ไม่มีโทษ อะไร ?ควรเสพ อะไรไม่ควรเสพอะไร ?เมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไร ?เมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนานเขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญาทราม.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีปัญญาทรามนี้ คือไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ แล้วสอบถามว่าอะไร ?เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพอะไร? เมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไร ?เมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน .มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่าอะไร ?เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไร ? มีโทษ อะไร ?ไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพอะไร ? เมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไร ?เมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนานเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญามาก.มาณพ ! ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีปัญญามากนี้ คือเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้ว สอบถามว่าอะไร ? เป็นกุศล อะไร ? เป็นอกุศล อะไร ? มีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไร ? ควรเสพ อะไรไม่ควรเสพอะไร ? เมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไร ? เมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน .มาณพ ! ด้วยประการฉะนี้แล ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีอายุสั้น ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุสั้น ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีอายุยืน ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุยืน ปฏิปทาเป็นไปเพื่อความมีโรคมาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคมาก ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีโรคน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคน้อย ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีผิวพรรณทราม ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีผิวพรรณทราม ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้น่าเลื่อมใส ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนน่าเลื่อมใส ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีศักดาน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีศักดาน้อย ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีศักดามาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีศักดามาก ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีโภคะน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโภคะน้อย ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีโภคะมาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโภคะมาก ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเกิดในสกุลต่ำ ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเกิดในสกุลสูง ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนเกิดในสกุลสูง.ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีปัญญาทราม ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีปัญญาทรามปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมีปัญญามาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีปัญญามาก.มาณพ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรมมมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีต.
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้สุภมาณพ โตเทยยบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า“แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า ! แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า !พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมิใช่น้อยเปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ หรือเปิดของที่ปิดหรือบอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีตาดีจักเห็นรูปได้ฉะนั้นข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ.ขอพระโคดมผู้เจริญ ! จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
    – อุปริ. ม. ๑๔/๓๗๖/๕๗๙
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    .เรื่องเล่ามีอยู่ว่า .....
    ..
    มีคุณผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนสวยมาก แต่มีสามีที่ขี้เหร่
    และขี้เหล้าเมายา ไม่เอาไหนเลย
    สาวใช้สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงซึ่งทั้งสาวและสวย
    เพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง จึงเลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต
    จึงเข้าไปถามคุณผู้หญิงถึงเหตุผลที่เลือกผู้ชายคนนี้เป็นสามี
    ...
    คุณหญิงยิ้ม ไม่ได้ตอบคำถาม แต่บอกสาวใช้ว่า
    เจ้าจงเดินไปที่สวนดอกไม้
    แล้วเด็ดดอกไม้ที่เจ้าคิดว่าสวยที่สุดมาให้เรา
    แต่มีข้อแม้ว่า เจ้าห้ามเดินย้อนหลังกลับเด็ดขาดนะ
    ....
    สาวใช้ทำตามที่คุณผู้หญิงบอก
    เธอเข้าไปที่สวนดอกไม้ เห็นดอกไม้นานาชนิด
    ก็คิดว่าดอกนี้ก็สวย ดอกนั้นก็สวย จะเลือก ดอกไหนดี
    เดินไปเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เดินมาจนสุดสวนดอกไม้แล้ว
    เห็นดอกหน้าวัวเหี่ยวๆ อยู่ที่ท้ายสวนเป็นดอกสุดท้าย
    ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะเดินย้อนหลังกลับไปก็ไม่ได้แล้ว
    ก็เลยเด็ดดอกหน้าวัวดอกนั้นมาให้กับคุณหญิง
    ....
    คุณหญิงก็พูดว่า คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง ??
    .....
    เรื่องเล่านี้สอนให้เราเรียนรู้ถึงสิ่งที่เข้ามาในชีวิตของคนเรา
    บางคนมีโอกาสที่ดีดีมากมายในชีวิต แต่ไม่รู้จักหยิบฉวย
    ไม่รู้จักตัดสินใจ ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า
    เพียงเพื่อจะค้นหาหรือรอโอกาสที่ดีที่สุด
    บางครั้งทำให้เราพลาดโอกาสหรือมองข้ามสิ่งที่ดีดีไป
    จนสุดท้ายไม่มีเวลาให้เราได้เลือกได้ตัดสินใจ เราจึงต้องทำ
    เพราะงั้น เวลาเรามีทางเลือก ก็คิดให้ดี และตัดสินใจเลือกซะ
    มีโอกาสมาถึงตรงหน้า ก็รีบไขว่คว้าเสีย
    อย่ามัวแต่รอให้พร้อมก่อนหรือรอโอกาสที่ดีกว่านี้
    มิเช่นนั้น เราอาจต้องเสียใจที่หลังที่ไม่ได้ตัดสินใจเลือก
    :- https://www.facebook.com/Lhuangporparn/
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    .... PraTevadhat.jpg
    อนันตริยกรรม

    อนันตริยกรรม หมายถึง กรรมหนักที่สุด (ครุกรรม) ฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลทันที มี 5 อย่าง คือ

    1. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
    2. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
    3. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
    4. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
    5. สังฆเภท - ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์
    อนันตริยกรรม 4 ประการแรก คือ มาตุฆาต ปิตุฆาต อรหันตฆาต และโลหิตตุปบาท จัดเป็นสาธารณอนันตริยกรรม คือ เป็นอนันตริยกรรมที่ทั่วไปแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ทั้งหลาย หมายความว่า บรรพชิตก็ทำได้ คฤหัสถ์ก็ทำได้

    ในส่วนของโทษหนักเบา และลำดับการให้ผลก่อนหลัง ของอนันตริยกรรม เรียงลำดับจากแรงที่สุดลงไป ได้ดังนี้

    • สังฆเภทอนันตริยกรรม (หนักที่สุด เพราะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย)
    • โลหิตุปบาทอนันตริยกรรม (สำคัญมากแต่ปัจจุบันทำไม่ได้เพราะพระพุทธองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว)
    • อรหันตฆาตอนันตริยกรรม (สำคัญปานกลาง เพราะพระอรหันต์ผู้ซึ่งไม่เบียดเบียนใครเลยและยังเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน)
    • มาตุฆาตปิตุฆาตอนันตริยกรรม (สำคัญน้อยกว่าอนันตริยกรรมอื่น ๆ เพราะถือว่าอยู่ในเพศฆราวาส)
    โทษแห่งอนันตริยกรรม
    ด้วยกรรมแห่งอนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดๆเลย และยังถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษอีก(โดยเฉพาะมาตุฆาต ปิตุฆาต และอรหันตฆาตเท่านั้น ยกเว้นสังฆเภทและโลหิตตุปบาทที่กฎหมายไม่สามารถลงโทษได้) ส่วนโทษของทางธรรมคือจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปหนักบาปหนาที่สุด ฟ้าไม่อาจจะยกโทษให้เลยแม้แต่น้อย พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่สามารถบวชเข้ามาเป็นภิกษุได้เลยเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องปาราชิกสำหรับฆราวาสแล้วและจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานใดๆเลยตลอดชีวิตในชาติที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อตายจากโลกไปจะต้องตกนรกเพียงสถานเดียว ไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ ต่อให้ทำกรรมดีมากมายเพียงใดก็ไม่อาจหนีพ้นจากนรกไปได้

    ผู้ทำอนันตริยกรรมจะต้องตกนรกลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรกอเวจี ซึ่งอยู่ชั้นที่ 8 เป็นขุมนรกขุมใหญ่ที่มีการลงโทษหนักโดยไม่มีผ่อนผันหรือหยุดพักแต่ใดๆเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกที่ตกขุมนรกนี้จะได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสและเป็นเวลายาวนานที่ไม่อาจจะนับได้เลยหรือเรียกว่า กัลป์

    แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ทำอนันตริยกรรมเพียงข้อใดเพียงข้อเดียว มีจิตสำนึกผิดที่ได้กระทำลงไปและได้ทำกรรมดีมากมายขณะยังมีชีวิต เมื่อตายจากโลก บุญกุศลที่ทำไว้จะนำมาหักกับบาปแห่งอนันตริยกรรมก็จะได้รับการลดโทษด้วยการไม่ไปบังเกิดไปยังมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกอื่นแทนแต่ต้องได้รับโทษยาวนานเช่นกัน ตัวอย่างเช่น พระเจ้าอชาตศัตรูได้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดา ต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์ บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้พระองค์ไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่ให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่า โลหกุมภีนรก เสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา 60,000 ปีนรก

    ส่วนถ้าใครทำอนันตริยกรรมไว้หลายข้อ ก็จะต้องไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจีสถานเดียวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ทำกรรมดีเท่าใดก็ไม่พ้นและได้รับการลงโทษเป็นเวลายาวนานมากหรือหลายกัลป์ แต่บางครั้งอาจได้รับการลดโทษด้วยการลดเวลาการลงโทษเหลือเพียง 1 กัลป์ ตัวอย่างเช่นพระเทวทัตทำกรรมหนักไว้ 2 ประการคือโลหิตุปบาทและสังฆเภท พระเทวทัตสำนึกผิดจึงให้บรรดาพระลูกศิษย์พาตนไปหาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่วัดเชตวันมหาวิหารเพื่อขอขมา แต่เมื่อไปถึงสระโบกขรณีหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร บรรดาพระลูกศิษย์ได้หยุดพักแวะอาบน้ำชำระร่างกายก่อนเข้าเฝ้า พระเทวทัตต้องการจะอาบน้ำชำระเช่นกัน เมื่อเท้าของท่านสัมผัสกับแผ่นดิน ด้วยบาปกรรมที่หนักมากจนแผ่นดินไม่อาจรองรับไว้ได้จึงสูบเอาพระเทวทัตลงไปสู่มหาขุมนรกอเวจี ไม่มีใครช่วยได้เลย แต่ก่อนที่จะจมลงธรณี พระเทวทัตซึ่งเหลือแต่เศียรได้มองไปยังวัดเชตวันมหาวิหารที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ก็กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณและถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาและยึดเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งตลอดกาล เมื่อลงสู่มหาขุมนรกอเวจีแล้ว บุญกุศลจากการถวายกระดูกคางก็ทำให้ถูกลงโทษในนรกอเวจีเพียง 1 กัลป์เท่านั้น
    :- https://th.wikipedia.org/wiki/อนันตริยกรรม
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    doNotDwellOnSuffering.jpg
    เลิกจมทุกข์

    ความเศร้าโศกหดหู่ ก็เช่นเดียวกับอารมณ์อกุศลอื่น ๆ เมื่อเกิดขึ้นในใจ จะพยายามครองใจเราให้นานที่สุด มันจะสั่งใจเราให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อจะได้เศร้าโศกไม่เลิกรา ใครชวนไปไหน มันจะสั่งให้เราปฏิเสธ เพื่อจะได้นั่งเจ่าจุกคิดถึงเรื่องนั้นเป็นวัน ๆ เท่านั้นไม่พอ มันยังสั่งให้เราฟังเพลงเศร้า ๆ เพื่อจะได้เศร้าหนักขึ้น ใครเปิดเพลงสนุกสนานให้เราฟัง หวังให้คลายความเศร้าโศก เราจะไม่พอใจทันที เพราะในยามนั้นเราอยู่ในอำนาจของความเศร้าจนเกือบหมดเนื้อหมดตัว

    การออกไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือนึกถึงคนที่ทุกข์ยาก เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ใจเราหลุดจากความเศร้าโศกหรือหดหู่ได้ เราอาจใช้ความสูญเสียพลัดพราก เป็นแรงผลักดันในการทำสิ่งดีงามก็ได้ มองในแง่หนึ่งนั่นคือการเปลี่ยนความพลัดพรากสูญเสียให้เป็นพลังสร้างสรรค์

    หญิงผู้หนึ่งสูญเสียลูกสาววัยเด็กทั้งสามคน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ชราในกองเพลิง ซึ่งไหม้บ้านเธอต่อหน้าต่อตา โดยที่เธอช่วยคนเหล่านั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นใจเธอแทบสลาย

    อย่างไรก็ตาม ในงานศพของคนทั้งห้า แทนที่เธอจะคร่ำครวญถึงคนเหล่านั้น เธอเชิญชวนให้ญาติมิตรที่มาร่วมงาน นึกถึงลูก ๆ ของเธอ ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น “โปรดรักษาเด็กน้อยเหล่านี้ไว้ในหัวใจของคุณด้วยการแสดงความรักพร้อมกับการกระทำที่เปี่ยมด้วยเมตตาอันบริสุทธิ์ ด้วยการรักซึ่งกันและกัน และหาทางช่วยเหลือผู้อื่นทุกวัน” ไม่เพียงแต่พูด เธอยังก่อตั้งมูลนิธิขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากตามเจตนารมณ์ดังกล่าว

    มีน้อยคนที่สูญเสียคนรักพร้อมกันมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเศร้าโศกท่วมท้นใจเธอมากมายเพียงใด ใครที่เจอความสูญเสียเช่นนี้คงยากที่จะประคองตนให้เป็นผู้เป็นคนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน แต่เป็นเพราะการนึกถึงผู้อื่นและลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อคนเหล่านี้ เธอจึงคลายจากความเศร้าโศก ใช่หรือไม่ว่าการทำสิ่งดีงามดังกล่าว ช่วยให้การตายของลูกเธอเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ไร้ประโยชน์ หรือเป็นแค่เคราะห์กรรมอันเลวร้ายที่บั่นทอนจิตใจอย่างเดียว

    ไม่เพียงช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากเท่านั้น แม้แต่การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง ก็ช่วยเยียวยาจิตใจได้ ผู้เฒ่าคนหนึ่งสูญเสียภรรยาที่อยู่ร่วมกันมานานกว่า ๖๐ ปี เขารู้สึกหดหู่ หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย จนลูกต้องพาไปอยู่บ้านพักคนชรา จะได้มีเพื่อนและคนช่วยดูแล

    แต่ตลอดสามเดือนที่นั่น เขายังคงหงอยเหงาเซื่องซึม เก็บตัวอยู่แต่บนเตียง ไม่พูดจากับใคร และไม่ยอมกินอะไรเลย จนหมอคิดว่าเขาคงไม่รอดแล้ว เพราะหมดแรงจูงใจในการมีชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราก็เอานกแก้วมาให้เขาคู่หนึ่ง ทีแรกเขาไม่มีทีท่าสนใจมัน ต่อมาก็เริ่มหันมาจ้องดูมันบ้าง วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่มาให้อาหารนก เขาก็เล่าให้ฟังว่า นกเป็นอย่างไร และมันชอบอะไรบ้าง เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงให้เห็นถึงความสนใจสิ่งนอกตัว แทนที่จะจมอยู่กับตัวเอง

    ไม่นานเขาก็เริ่มกิน สวมเสื้อผ้าเอง และเดินออกจากห้อง เมื่อเขารู้ว่าบ้านพักแห่งนี้เอาหมามาเลี้ยง เขาก็เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ขออาสาพาหมาไปเดินเล่น สามเดือนหลังจากนั้นเขาก็กลับเป็นปกติ และกลับบ้านได้

    ความเมตตามีอานุภาพในการเยียวยา ช่วยให้พลังชีวิตที่ถูกกดทับกลับคืนมา ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นเท่านั้น หากยังมีอานิสงส์แก่ตัวเราเองอย่างที่นึกไม่ถึง

    ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    LpChobThanasamoKarma.jpg
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น
    พฤศจิกายน 21, 2011 โดย ธ. ธรรมรักษ์

    หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า เพราะเหตุใดชีวิตจึงได้พบกับอุปสรรค ความยากลำบากและเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร การงาน เงินทองที่ขัดสน ปัญหาครอบครัว การติดขัดในเรื่องต่างๆ มากมาย ที่หลายคนอาจจะยากที่จะรับมือไว้
    ขอเรียนให้ทราบว่า ผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มาจาก”กรรม” ทั้งสิ้น

    สำหรับในเรื่องของกรรมนั้น วันนี้หลายคนคงรู้กันดีแล้วว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนทุกคน เพราะกรรมนั้นเป็นผู้ลิขิตเหล่าสรรสัตว์ทั้งปวง ไม่มีใครใหญ่เกินกรรมไปได้ ซึ่งมีทั้งกรรมทีทำในปัจจุบันและกรรมเก่าในอดีต
    แต่น่าเสียดายที่ยังมีหลายท่าน ที่อาจจะมองตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ทางโลกที่สูง แต่ไม่เชื่อในเรื่องของกรรม กฎแห่งกรรม จึงปฏิเสธในเรื่องที่สำคัญมากเหล่านี้ หรืออาจจะยังคงขาดความเข้าใจมองไม่ครบด้าน จึงมีความรู้ที่ไม่เต็มรอบ และมีความเชื่ออย่างผิดๆ กันว่า
    กรรมที่กำลังส่งผลนั้นเป็นเรื่องของการกระทำในชาติปัจจุบัน ทำชาตินี้อย่างใดก็จะได้ในชาตินี้แบบทันตาเห็น ไม่มีเรื่องของชาติหน้าหรือชาติเก่าชาติไหนๆ ทั้งสิ้น

    ซึ่งเมื่อได้ยินในความเชื่อเหล่านี้แล้วมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากและน่าเป็นห่วงสำหรับคนที่คิดอย่างนี้ เพราะกรรมเก่าที่เขาไม่เชื่อนี้แหละ มันสำคัญมากที่สุด ที่ทำให้เราทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานวุ่นวายต่อไปอีกทั้งชีวิตและไม่มีทางสงบสุขและหนีรอดกรรมเก่าที่ว่านี้ไปได้แม้แต่คนเดียว!!!
    เพราะความเป็นจริงชีวิตของเราทุกคนนั้นที่ดำเนินอยู่ในทุกวันนี้ เปรียบเหมือนละครโรงใหญ่ที่กำลังโลดเต้นแสดงบทบาทกันอยู่นี้ บทละครที่เราเล่นมันถูกกำหนดขีดเส้นชะตาชีวิตไว้แล้วด้วยกรรม และมันขึ้นอยู่กับการกระทำทั้งในปัจจุบันกับกรรมเก่า ที่เป็นทั้งเรื่องของกรรมดีและกรรมชั่วในอดีต ที่ติดตามเรามาทุกภพ ทุกชาติ
    เป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน ที่เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผลของมันเกิดขึ้นตามมา
    เรากระทำการใดหรือก่อกรรมใดก็ต้องได้รับผลกรรมของมันกรรมนั้นหมายถึง การกระทำซึ่งมีทั้งดีและชั่ว และผลของกรรมนั้นเราเรียกว่า วิบากกรรม แต่ยังมีหลายคนในสมัยนี้เอาคำว่ากรรมและวิบากกรรมพูดปนกันไปหมด ทั้งๆ ที่ความหมายนั้นคนละความหมายกันสิ้นเชิง
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนที่ได้รับวิบากกรรมนั้นไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย หรือเรื่องเดือดร้อนอะไร เรามักโทษโชคชะตา หรือที่ไม่เชื่อโชคชะตาก็มักจะพูดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ หรือไม่บางครั้งก็กล่าวโทษไปถึงเทวดา โทษพรหมลิขิต โทษคนอื่นหรือสิ่งอื่นเสมอ
    ส่วนมากเราก็มักจะโยนให้เป็นบาปกับเรื่องเคราะห์ เรื่องของความซวยที่ตัวเองไม่ตั้งใจเพื่อให้ตัวเองพ้นไป แล้วเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปในความรู้สึกที่ง่ายๆ ไม่มีผู้ใดที่จะหาต้นเหตุที่จะเกิดผลเคราะห์กรรม
    แต่น่าแปลกใจตรงที่ ไม่ค่อยจะมีใครโทษตัวเองที่สร้างกรรมหรือก่อกรรมเอาไว้ !!!
    และที่สำคัญ อาจจะเป็นเพราะยังถูกเจ้ากรรมนายเวรเขาบังตาบังใจไว้และไม่รู้จักการทำบุญกุศลแบบที่ได้บุญจริงๆ เท่าที่ผ่านมาบุญกุศลที่เราทำมันอาจจะส่งผลได้น้อยมากๆ หรือแทบไม่เกิดผล อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หลายคนอาจจะกำลังหลงบุญ หลงทางกันอยู่
    และถ้าหากท่านใดที่มีความเชื่อในเรื่องกรรม และมีโอกาสได้ลองค้นคว้าหาสาเหตุต้นเรื่อง “กรรม” ก็คงจะเห็นได้ชัดว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้นมีสาเหตุทั้งสิ้น ไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างลอยๆ ไร้สาเหตุ
    เพราะ “ผล” นั้นย่อมเกิดจาก “เหตุ” และมี “ปัจจัย” เป็นตัวช่วยให้เกิดทั้งสิ้น
    ถ้าจะเปรียบเทียบก็ไม่ผิดอะไรกับการที่เราปลูกข้าว ผลของมันก็ต้องออกมาเป็นเมล็ด จะเป็นพืชอื่นจะไปเป็นมะละกอ จะไปออกเป็นส้มก็ไม่ได้ เราเคยทำอะไรไว้ เราก็ต้องได้รับผลของมันทั้งสิ้น เราหว่านอะไรไว้ เราก็ต้องได้อย่างนั้น
    ทำดีก็ต้องได้ดี ทำชั่วก็ต้องได้รับผลชั่วตามนั้นเป็นกฎธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเก่งเกินกรรม แต่กรรมใดจะมาส่งผล จะเป็นก่อนหรือหลัง ต้องเป็นไปตามคิวตามวาระของมัน ที่เราได้กระทำเอาไว้สะสมมาในหลายภพชาติ ตามกฎแห่งกรรม
    คำถามที่ว่า ทำไมเราต้องเรียนรู้เรื่องกรรม ก็ขออนุญาตตอบเสียตรงนี้เลยว่า เราเรียนรู้ เพื่อจะเข้าใจเรื่องกรรมแบบทะลุปรุโปร่ง รู้แจ้งเห็นจริง เราเรียนรู้เพื่อจะได้ไม่มีชีวิตอยู่ในความประมาทอีก เราเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข เพราะจะให้ทำอย่างไรเราก็สลัดกรรมให้หลุด หนีไม่พ้น แม้จะตายไปอีกร้อยชาติพันชาติก็ตาม นอกจากไปสู่พระนิพพานหลุดพ้นไปแล้วเท่านั้น ซึ่งในผู้บุญบารมียังไม่พอ การไปถึงพระนิพพานคงยังต้องใช้เวลาอีกนานโขเลยทีเดียว
    แต่เราก็มีความสุขในภพภูมินี้ได้ ถ้าเรารู้เรื่องกรรมดีพอ และสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมไม่ดีอย่างถูกต้อง มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชาตินี้
    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระอริยสงฆ์ที่เราทุกคนกราบไหว้ท่านได้อย่างหมดหัวใจ ท่านได้เทศนาสั่งสอนให้พวกเรารู้จักกรรมไว้นานแล้วว่า
    “ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตน จนกลายเป็นผู้มืดบอด อย่างช่วยไม่ได้ กรรม คือ การกระทำดีชั่ว ทางกาย วาจา ใจต่างหาก
    ผลจริง คือ ความสุขทุกข์ มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่ง ที่พาให้มาเป็นเช่นนี้ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่างๆ มา จนนับไม่ถ้วน
    ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่า มีต่างๆ กัน เพราะฉะนั้น ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยาม ในชาติกำเนิด ความเป็นอยู่ของกันและกัน และสอนให้รู้ว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของๆ ตน”

    เป็นจริงไหมที่ว่า ในภพชาตินี้เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปในอดีต แล้วไปบอก ไปเตือนกับตัวเองในชาติที่แล้วทำนองว่า
    เฮ้ย ! หยุดๆ อย่าไปทำอย่างนี้น่ะ มันผิดศีล มันทำให้เราต้องตกระกำลำบากในชาติปัจจุบันนี้ เราอย่าไปฆ่าเขา อย่าไปขโมยของๆ เขา อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา อย่าโกหก อย่ากินเหล้า อย่าๆๆๆๆ สารพัดสารเพ
    เราไม่มีทางที่จะกลับไปหยุดสิ่งที่เราเคยทำไปแล้วไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเราได้ทำไปแล้ว และมันกำลังจะส่งให้กับเราในชาตินี้ จะเร็วหรือช้าก็มาถึงตัวแน่นอน มันเป็นเรื่องของกรรมเก่า ที่เกิดมาจากเหตุที่กระทำมาในอดีตทั้งนั้น แม้แต่ที่ท่านกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ บรรทัดแรกที่ท่านอ่านก็ล่วงไปแล้ว
    เพราะเราเคยช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อยามเราเกิดวิกฤตในชีวิต จึงมีคนมาช่วย เรายังมีบุญเก่าที่เคยทำมา ช่วยหนุนนำให้เราผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้
    เพราะเราเคยคดโกงผู้อื่น เคยทำร้ายผู้อื่น วันหนึ่งเจ้าของตัวจริง เขาก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะมาเอาคืน หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องมีการสูญเสีย
    เพราะเราเคยทำธรรมทาน เคยชี้นำคนให้รู้จักทำความดี ทำให้ชาตินี้มีปัญญาผ่องใส คิดอ่านอะไรก็รวดเร็ว แก้ปัญหาก็ตรงช่องทาง
    เพราะเราเคยถวายพระพุทธรูป ชาตินี้จะมีร่างกายสมบูรณ์และผิวพรรณดี ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
    แต่คงมีบางครั้งในชาตินี้ ที่เราอาจจะท้อและคิดว่าเราจะทำดีไปทำไม ทำแล้วเราได้อะไรบ้าง ในเมื่อทำแล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลยมิหนำซ้ำยังได้ผลในสิ่งที่เราไม่อยากได้
    ทั้งๆ ที่เราก็คิดว่าทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมหนอยังชาตินี้ยังไม่ได้ดี หรือเอาดีไม่ได้เลย
    บอกได้เลยว่าที่เป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะว่าเราทุกคน ยังคงต้องชดใช้กรรมเก่าที่ส่งผลแรงกว่ากรรมดีที่กำลังจะตามมา และกรรมดีนั้นยังไม่ได้ถูกสร้างมากเท่าที่ควร หรือบุญยังมาไม่ทัน ยังไม่ถึงเวลาที่บุญนั้นจะส่งผล
    และในปัจจุบันกรรมเราก็ยังคงไม่ยอมหยุดการกระทำที่ไม่ดี ปล่อยให้กิเลส ความอยากได้ ความอยากมีเข้ามาครอบงำ ยังคงอยู่ในความประมาททั้งชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดอยู่ หลายคนอาจจะเที่ยวไปยืมเงินยืมทองคนอื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีปัญญา ไม่มีหนทางไปคืนเขาได้
    เที่ยวไปคดโกง ไปทำร้ายผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อกรรมทำเข็ญให้ผู้อื่น หรือในบางก็ครั้งก็ไม่มีเจตนา แต่กรรมเก่ามันส่งผล และไม่มีบุญพอ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ กลายเป็นว่า ในชาตินี้ก็ยังทำกรรมไม่ดีเอาไว้อีกมาก กรรมไม่ดีเหล่านี้จะเป็นตัวขวางทางให้กรรมไม่ดีส่งผลไม่ได้ ยิ่งมีกรรมไม่ดีมากๆ กรรมดีจะส่งผลได้อย่างไร

    เหมือนน้ำที่มาไหล เพราะมีเศษขยะต่างๆ ไปอุดไปขวางไม่ให้น้ำนั้นไหล ซึ่งต้องเอาสิ่งสกปรกโสโครกนี้ออกไปเสียก่อน น้ำนั้นถึงจะไหลได้ เปรียบเหมือนน้ำที่ไม่สะอาด มีแต่ยาพิษหากเราดื่มเข้าไป ก็คงไม่รอด ต้องเอาน้ำนั้นไปกลั่นกรองหรือทำให้ยาพิษนั้นเจือจางที่สุดถึงจะเอามาดื่มให้เกิดผลดีต่อชีวิตของเราได้
    ในทางพระพุทธศาสนานั้น ได้บอกไว้เป็นสัจธรรมมากว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้วว่า
    “สัตว์โลกนั้นย่อมเป็นไปตามกรรม” แล้วกรรม คือ อะไรกันแน่ มีความสำคัญอย่างไรกับเราบ้าง เรามาทำความรู้จักกันแบบง่ายๆ สบายๆ กัน
    สำหรับคำว่า กรรม (ภาษาสันสกฤต : กรฺม, ภาษาบาลี : กมฺม) แปลว่า “การกระทำ” เป็นคำกลางๆ ที่จะดีก็ได้ จะร้ายก็ได้ ซึ่งได้แก่ กระทำทางกาย เรียก กายกรรม ทางวาจา เรียก วจีกรรม และทางใจ เรียก มโนกรรม
    และทางแห่งการทำกรรม จำแนกตามคุณภาพ หรือตามธรรมชาติที่เป็นมูลเหตุมี ๒ อย่าง คือ
    ๑. กรรมฝ่ายไม่ดีคือกรรมชั่ว เรียก อกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมบถ
    ๒. กรรมฝ่ายดี เรียก กุศลกรรม หรือ กุศลกรรมบถ
    คำว่า อกุศลกรรมบถ แยกศัพท์ได้ คือ อ = ไม่ กุศล = ดี ฉลาด กรรม = การกระทำ บถ = ทาง รวมเรียกว่า ทางแห่งการทำความไม่ดี หรือ ไม่ฉลาด มี ๑๐ อย่าง ซึ่งฝ่ายดีที่เรียก กุศลกรรมบถ ก็มี ๑๐ อย่าง เช่นเดียวกัน
    กรรมฝ่ายดีหรือกรรมฝ่ายไม่ดีนั้น ก็สุดแต่ผลที่เกิดขึ้นจากกรรมนั้น ๆ ถ้าให้เกิดผลเป็นคุณเกื้อกูลแก่ตนเองและผู้อื่นก็เป็นกรรมดี
    ที่เรียกว่า กุศลกรรม นั้นแปลว่า กรรมที่เป็นกิจของคนฉลาด หรือ บุญกรรม กรรมที่เป็นบุญ คือความดีเป็นเครื่องชำระล้างความชั่ว เช่น รักษาศีล ประพฤติธรรมที่คู่กับศีล หรือแม้กิจการที่ดีที่ชอบ ที่เป็นตามที่แสดงมาแล้วที่เป็นสุจริต
    ส่วนกรรมฝ่ายไม่ดี ที่ให้เกิดผลเป็นโทษเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อนเป็นกรรมชั่ว ไม่ดี เรียก อกุศลกรรมบถ แปลว่ากรรมที่เป็นกิจของคนไม่ฉลาด บาปกรรม กรรมเป็นบาป เช่น การประพฤติผิดในศีลธรรม ประพฤติทุจริตต่างๆ ที่ตรงกันข้ามกับกุศล
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงตรัสไว้ว่า

    ตัณหาเป็นกรรม สมุทัยคือ เหตุให้เกิดกรรม มรรคเป็นทางดับกรรม ฉะนั้น จึงไม่ต้องกลัวอดีต แต่ให้ระวังปัจจุบันกรรม และระวังใจ ตั้งใจให้มั่นไว้ในธรรม ธรรมก็จะรักษาให้มีความสวัสดีทุกกาล ทุกสถาน

    สิ่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งสอนไว้นั้น เพื่อเตือนสติให้เรา อยู่ในโลกแห่งปัจจุบันเพราะอดีตนั้นล่วงเลยไปแล้ว จงเพียรทำความดีเพื่อให้มีความสุข
    เราคงเคยได้ยินเรื่องสามล้อถูกหวย หรือคนที่บุญเก่าของเขาทำไว้มากและทำให้ชาตินี้เกิดโชคลาภที่ถูกหวยรางวัลที่ ๑ มีเงินแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต จึงตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำ หลงระเริงในความบาป เที่ยวเตร่ใช้เงินแบบไม่มีปัญญาชี้นำ
    ซึ่งเป็นการที่เขาใช้ปัจจุบันกรรมในทางที่ไม่ดี เป็นการไปต้านบุญเก่าที่กำลังส่งผล
    ไม่นานนักบุญเก่าที่ได้เงินมาหลายล้านก็หมดไปภายพริบตา กลับมาถีบสามล้องกๆ เหงื่อไหลไคล้ย้อย ต้องมีชีวิตที่กลับมาจนเหมือนเดิม ต้องอดมื้อกินมื้ออย่างเก่า และอับอายคนจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี
    บางรายพอถูกหวย ก็มีเจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตโผล่มาตามวาระ ตามมาทวงหนี้ทวงสิ้น มาขอเงิน ยืมเงิน หลอกหลวง สารพัด ทำให้อยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นสุข ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น หรือทำอะไรก็ได้ให้เงินมันหมดเร็วๆ จะได้ไม่มีใครมากวนหัวใจ ไม่นานนักเงินก็จึงหมดลง ต้องตกอยู่ในวิบากกรรมต่อไป เพราะบุญเก่าหมดและไม่ได้สร้างเพิ่มมาช่วย จึงต้องรับกรรมเก่าที่ตามมาทันในชาตินี้

    และเป็นเวลานานมากแล้ว ที่ครูบาอาจารย์หลายท่านของเรา ท่านได้ค้นพบถึงวีธีการที่จะมีชีวิตอย่างไม่ประมาท การเฝ้าระวังและรู้เท่าทันปัจจุบันกรรม ซึ่งจะมาจากผลบุญกุศลที่มีจุดกำเนิดจากการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ที่ถูกวิธีและตรงช่องทาง ก็จะช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของเราในชีวิตได้

    ทั้งนี้ก็เพื่อให้เราทุกคนได้เข้าใจและเพียรประกอบกรรมดีต่อไป ไม่สร้างกรรมที่ไม่ดี ไม่เบียดเบียนกันและกัน เพื่อส่งผลให้เราทุกคนมีความสุขทั้งในปัจจุบัน และทุกภพ ทุกชาติต่อไป

    ท่านได้เมตตาสอนว่าเราทุกคนควรต้องทำปัจจุบันกรรมให้ดี เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่นั้นมีความสุข ทำปัจจุบันกรรมให้ดีเพื่อให้บุญใหม่นั้นไปช่วยลบล้างกรรมเก่าที่เคยทำมา หรือที่ยังมีอยู่ให้เบาบางลงไปได้

    และอย่าไปคิดน้อยใจเป็นอันขาด ว่าทำไมหนอเรารู้จักเรื่องบุญหรือกรรมช้าไป ขอให้คิดเพียงว่า เป็นโอกาสที่ดีแล้วในชีวิตที่เราได้เรียนรู้ในตอนนี้ไม่มีคำว่าสาย ถ้าไม่มีวิบากกรรม เราก็คงไม่รู้จักบุญและกรรมที่แท้จริงก็ได้
    เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ทำในกรรมที่ดีได้ตลอดเวลา วินาทีนี้ เดี๋ยวนี้ ยังไม่สายเกินไป
    น้ำนอกแก้วที่มันหก มันระเหยไปแล้ว ขอให้อย่าไปนั่งคิดเสียดายเลย มันเปล่าประโยชน์ไปแล้ว มันหมดไปแล้ว เอาเวลาที่เหลือมาดูแลน้ำในแก้วที่เหลืออยู่ดีกว่า ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มันหก ไม่ให้มันกระฉอกหายลดลงไปอีก
    การศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรม และกรรมเก่านั้นก็เป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับมนุษย์ทุกคน แต่ขอให้เป็นเพียงรู้เพื่อจะไม่ไปสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เอากรรมเก่าและผลเหล่านั้นมาเป็นบทเรียนเอามาเป็นครูบาอาจารย์
    เพื่อนำมาเตือนสติตัวเองให้เกิดปัญญาที่ถูกต้อง เพื่อมายับยั้งชั่งใจถ้าคิดจะทำอะไรนอกลู่นอกทาง ที่อาจจะไปสร้างกรรมไม่ดีขึ้นมา ก็จะรู้ว่าผลจากการกระทำนั้นจะทำให้ชีวิตมีแต่ความทุกข์ยากลำบาก ก็ไม่ลงมือทำลงไปทั้งกาย วาจา ใจ
    แต่ชีวิตของคนเราทุกคนนั้น อย่าไปยอมจำนนต่อกรรมเก่า ตกเป็นทาสของกรรมเก่าจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่ยอมทำอะไรเลย นอนรอกรรมเก่าอย่างเดียว
    พระพุทธองค์ได้เคยตรัสไว้ว่า
    ลัทธิกรรมเก่าหรือปุพเพกตเหตุวาท นั้นเป็นลัทธิความเชื่อที่อยู่นอกศาสนาพุทธ ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระองค์และแน่นอนว่า ความเชื่อ สิ่งใดหรืออะไรก็ตามที่อยู่นอกศาสนาพุทธนั้นไม่ใช่ทางที่จะทำให้มนุษย์นั้นหลุดพ้นจากทุกข์ไปได้

    พวกคลั่งลัทธิกรรมเก่า จะมีความเชื่อที่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตามทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ในปางก่อนซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่ที่น่าสงสารก็คือ คนพวกนี้จึงยอมจำนนต่อกรรมเก่า โดยไม่ยอมทำอะไรเลยเพื่อจะไปแก้ไขให้มันดีขึ้น ซึ่งน่าสงสารมากที่ปล่อยให้ชีวิตของตนเหมือนกับท่อนไม้ลอยไปตามยถากรรม

    ในศาสนาพุทธ สอนให้ทุกคนอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับกรรมในปัจจุบัน ไม่พะวงหรือติดยึดกับกรรมเก่า รู้เพียงรู้แล้วอย่าไปทำแบบเดิมๆ ให้ชีวิตต้องทนทุกข์อีก
    อดีตนั้นบอกถึงสภาวะในปัจจุบัน และปัจจุบันจะเป็นตัวบอกว่า อนาคตของเรานั้นเป็นอย่างไร
    กรรมเก่าที่เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของกฎแห่งกรรมนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เราทุกคนได้ตระหนักถึงความจริงในชีวิตว่า ชีวิตของเรานั้นในชาตินี้ที่พบกับความทุกข์ยาก ความลำบากในการมีชีวิตไม่ว่าจะด้วยการพิการ ความไม่มี ความขัดสนจนเงินทอง การไม่มีเกียรติ การโดนดูถูกเหยียดหยาม
    เราทุกคนสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ด้วยการกระทำกรรมดีที่เป็นกรรมใหม่ของเราเองได้
    ชีวิตของเรานั้นไม่ได้จะดีขึ้นมาได้ ด้วยการดลบันดาล การช่วยเหลือของเทพยดาหรือใครหน้าไหนทั้งสิ้นแบบเต็มร้อย เราต้องมีกรรมดีของเราเอง ในส่วนที่ท่านช่วยนั้นเป็นด้วยความเมตตา แต่ไม่ได้ช่วยทั้งหมด มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตก็วิ่งไปหาท่าน สารพัดที่จะบนบานหวังที่จะให้ท่านช่วย อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจว่า
    หลายคนหมดอาลัยตายอยาก คิดสั้นๆ เพียงว่า ชีวิตที่ดีหรือตกต่ำเป็นเพราะพรหมนั้นลิขิตหรือกำหนดมา ก็จึงไม่คิดจะทำ จะสร้างอะไรให้ตนเองนั้นดีขึ้นมา
    หลายคนจึงปล่อยชีวิตเหมือนขอนไม้ หรือปลาตายที่สุดแต่กระแสน้ำจะพัดพาไป ดูแล้วน่าเศร้าใจยิ่งนัก
    กฎแห่งกรรมที่พระพุทธองค์นั้นทรงค้นพบ และนำมาสั่งสอนโปรดสัตว์โลก ก็เพื่อช่วยให้เรามีปัญญา มีใจที่สว่างเห็นความถูกต้องที่เป็นเหตุและเป็นผล เห็นคุณค่าของความเพียร ความมานะบากบั่นที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
    ผมอยากจะยกตัวอย่างของคนสองคนมาเปรียบเทียบให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัสเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของกรรมเก่าและกรรมใหม่

    คนแรกนั้นชื่อ สมพร เขาเป็นคนพิการมาตั้งแต่เกิด ขาทั้งสองข้างนั้นลีบเดินไม่ได้ เขาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เขาจึงพยายามศึกษาเรียนรู้ว่า สาเหตุอะไรที่เขาต้องมาพิการมีชีวิตที่แสนลำบากแบบอย่างนี้
    เขารู้ว่า เพราะในอดีตชาติซึ่งไม่รู้ว่าชาติไหนแน่ ตัวเขาเองนั้นต้องเคยทำกรรมไม่ดีบางอย่างเอาไว้ที่มาส่งผลในชาตินี้ อาจจะเคยกักขัง หน่วงเหนี่ยวทรมานสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตให้ทนทุกข์ทรมาน
    อาจจะบังคับให้สัตว์นั้นไปไหนไม่ได้จนสัตว์นั้นขาพิการ ชาตินี้เขาจึงต้องเกิดมาชดใช้กรรมที่เขาก่อขึ้น เกิดมาลืมตาดูโลกกรรมนั้นตามสนองต้องกลายมาเป็นคนพิการเดินเหินแบบคนปกติเขาไม่ได้
    เขาเข้าใจถึงที่มาแล้วว่า ทำไมเขาต้องรับผลจากการกระทำที่ผ่านมา เขารู้ดีว่าไม่มีใครใหญ่เกินกรรมไปได้ และเขาไม่มีทางย้อนเวลาไปแก้กรรมนั้นได้ เพราะกรรมนั้นเกิดขึ้นแล้วในอดีต
    ดังนั้นในชาตินี้ภพนี้ เขาจึงพยายามที่แก้ไขในปัจจุบันเท่าที่เขาทำได้ เมื่อครูบาอาจารย์ชี้ทางสว่างว่า บุญนั้นเป็นที่พึ่งได้จริง เขาจึงเพียรทำบุญกุศลทุกครั้งที่มีโอกาส และอุทิศบุญกุศลเพื่อไปขออโหสิกรรมต่อดวงจิตวิญญาณที่เขาเคยทำกรรมไม่ดีเอาไว้ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ชื่ออะไรอยู่ที่ไหน แต่เขาทำเพราะด้วยความสำนึกผิดจริงๆ แล้วทุกคนที่เขาทำบุญ เขาก็มีกำลังใจในการสู้ชีวิต
    เมื่อทำบุญคราใดเขาก็จะอธิษฐานทุกครั้งว่า ด้วยบุญกุศลที่เขาทำไปนั้น ขอจงส่งผลให้ชาติหน้าฉันใด ขอให้เขาได้เกิดมามีร่างกายที่ครบถ้วนเหมือนคนอื่นทั่วไป ขอให้ความขัดข้องและความไม่มีจงอย่างบังเกิดขึ้นกับเขาอีกเลยในชาติปัจจุบันรวมไปถึงชาติต่อไปจนกว่าจะถึงนิพพาน คือ การไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ซึ่งเขาคิดว่าเป็นการกระทำที่ดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้แล้วในชาตินี้
    เพราะเมื่อทำบุญครั้งใดจิตใจของเขาก็ผ่องใส มีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตที่เหลืออยู่ เหมือนมีน้ำใหม่เข้ามาเติมชีวิตที่แห้งแล้งของเขาให้รู้สึกชื่นช่ำ เขาเชื่อว่า กรรมดีหรือการกระทำดีใหม่ในชาตินี้ จะมีผลต่อชีวิตเขามากที่สุดตราบที่เขายังมีลมหายใจอยู่
    ในชาตินี้เขาก็พยายามที่จะระมัดระวัง ไม่ไปเบียดเบียนใครทั้งสิ้น และมีเมตตาต่อสัตว์และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ขยันขันแข็งไม่งอมืองอเท้า แม้จะพิการก็สู้ชีวิตแบบยิบตา
    เพราะเขารู้ดีแล้วว่า การทำดีของเขาจะต้องส่งผลให้เขาในภายภาคหน้า เขามีเมตตาและการให้ของเขา ทำให้เขาเป็นที่รักของคนทั้งปวงที่อยู่แวดล้อมเขา
    สมพรอดทนเพียรพยายามทำความดี และเมื่อใจเขามีกำลังเพราะเขารู้จักการทำทาน ถือศีล และมีปัญญาที่มาจากการทำสมาธิ ทำให้เขากลายเป็นคนที่ภาษาชาวโลกสมัยใหม่เรียกว่า คิดบวกและทำบวกอยู่ตลอดเวลา
    เขาจึงคิดอยู่เสมอว่า ตัวเขาเองยังโชคดีมากกว่าคนอื่นหลายเท่านัก แม้ขาจะพิการ แต่ยังมีแขนเหลืออีกตั้ง 2 ข้าง มีหูตาที่ดีกว่าคนอื่นอีกหลายคน เขาพยายามที่จะหาอาชีพที่สุจริตทำ ไม่ทำตัวให้น่าสมเพชไม่เป็นภาระให้คนอื่น เขาไม่ยอมมีชีวิตอยู่มานั่งให้ใครหน้าไหนก็ตามมาลิขิตชีวิตของเขา
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    (ต่อ)
    เขาเชื่อในเรื่องกรรมเก่า แต่ไม่ไปนั่งฟูมฟายเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว
    เขารู้ดีว่าถ้าเขาลงมือทำเมื่อใด เขาก็จะได้รับผลดี ไม่ใช่มีเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใดจะมาดลบันดาลช่วยเขาทุกอย่าง ทุกเรื่องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ เขาเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจริง แต่ท่านจะช่วยคนที่ลงมือทำความดีเท่านั้น
    เขารู้ดีว่าอันดับแรก ที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นก็คือ ตนนั้นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน เขาจึงเร่งในการสร้างกรรมใหม่ในปัจจุบันเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้เป็นไปในทางที่ดีงาม
    ซึ่งผิดกับคนที่สองที่ชื่อ ทวีเดช ที่มีอวัยวะครบถ้วนทั้ง 32 ประการ ซึ่งก็เรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมเช่นกัน แต่กลับไปเน้นที่กรรมเก่าและการยอมจำนนต่อกรรมเก่า ทวีเดชนั้นเกิดมาเป็นคนหัวไม่ดีนัก หรือเรียกว่า สติปัญญาน้อย
    เขาเรียนรู้มาเช่นกันว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะกรรมเก่า ที่ชาติหนึ่งชาติใดในอดีต เขาอาจเคยเป็นผู้ทำตัวเสเพล เมาสุรา มั่วสุมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ผลต่อสมองหรือเป็นผู้ชักนำมีส่วนเกี่ยวข้องให้คนอื่นร่วมทำกรรมไม่ดีนี้ด้วย
    พอมาในชาตินี้ เขาจึงมีสติปัญญาที่ไม่ดีนัก เมื่อรู้อย่างนี้ก็หมดอาลัยตายอยาก คิดว่าตัวเองนั้นสมองไม่ดีแล้ว ทำอย่างไรก็คงไม่ดีขึ้น ดูถูกตัวเองว่าไม่มีทางสู้คนอื่นเขาได้ ก็เลยปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม แบบว่าอะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่มีความมานะอดทนที่จะเสาะแสวงหาความรู้ หรือสร้างกรรมดีใหม่เพื่อมาลบล้างกรรมเก่า
    ทั้งๆ ที่รู้จักกรรมแต่ทำไม่ไม่รู้ตัวเองว่า เพราะขาดความเพียร ความมานะบากบั่น จึงทำให้เรียนได้ไม่สูง ไม่เพียงพอที่จะหางานดีๆ เลี้ยงชีวิตตัวเองและตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้ เมื่อมาได้เมียก็เพราะความไม่มีปัญญามากพอขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางเลือกเพราะพรหมลิขิตไว้แล้ว แทนที่จะใช้ปัญญาเลือกจากคนที่มีศีล มีปัญญา มีศรัทธา มีการให้ที่เท่ากัน เสมอกัน
    เมื่อยอมจำนนต่อกรรมแบบนั้น ชีวิตของทวีเดชจึงมีแต่ความวุ่นวายมากกว่าความสุข ต้องตกระกำลำบากอดมื้อกินมื้อ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยแทนที่จะพิจารณาว่ามาจากสาเหตุใด กินอาหารไม่ครบมื้อ ขาดสารอาหารอะไร ทำไมถึงทำให้เป็นโรคร้าย
    ไม่ดูแลร่างกายตนเองเมื่ออากาศเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งโรคที่เป็นอยู่ประจำเพราะมาจากกรรมพันธุ์ ทวีเดชไม่รู้ที่มาที่ไป ปล่อยให้พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของตนเองก่อให้เกิดโรค แทนที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อจะป้องกันโรค
    ก็ไปโทษว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมเก่าทั้งนั้น
    ชีวิตของทวีเดช จึงเป็นชีวิตที่รู้จักกรรมแต่ไม่เข้าใจในกรรมดีพอ เหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่สมพร ผู้ไม่ยอมจำนนต่อกรรมเก่า เหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นแม้ร่างกายพิการ
    เหมือนคนที่เป็นเมียแล้วถูกผัวซ้อม และทำร้ายหัวใจต่างๆ นานา ร้อยทั้งร้อยที่เป็นคำแนะนำที่ฝ่ายหญิงมักจะได้รับจากผู้เห็นใจหรือเพื่อนๆ ญาติพี่น้องก็คือ ทำใจเสียเถอะมันเป็นกรรมเก่าหรือผลของกรรมที่ทำมา เพราะกรรมเก่าจึงต้องมานั่งทนทุกข์ ชดใช้กรรมนั้นจนกว่าจะหมดสิ้นกันไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหมดเสียที นอกจากจากตายจากกันไปหรือหนีไป
    นี่คือ ตัวอย่างของการอ้างกฎแห่งกรรม มาใช้ที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนต่อปัญหา จำนนต่อกรรมที่เห็นได้ชัด
    จริงอยู่การเลือกผู้ชายมาเป็นผัวนั้น ฝ่ายหญิงนั้นคิดผิดตั้งแต่แรกแล้วที่หลับหูหลับตาหรือมีกรรมอะไรมาบังตาจนไม่เห็นความเลวร้ายที่ซุกซ่อนอยู่หรือเป็นเพราะกรรมนั้นลิขิต ที่ต้องมาชดใช้กัน จึงหลงเลือกผู้ชายไม่ดีมาเป็นผัว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พอจะรับฟังได้

    แต่ในเวลาต่อมา ที่ทนยอมให้ผัวทำร้ายเตะต่อยนั้น ส่วนหนึ่งเราต้องใช้สติปัญญาพิจารณากันอย่างละเอียดว่าไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่าหรือการชดใช้กรรมแล้ว แต่เป็นการสร้างกรรมใหม่ และกรรมใหม่ที่ผู้หญิงเลือกที่จะสร้างขึ้นมาแล้วให้ผู้ชายมาทำร้ายนั่นเอง ต้องมานั่งพิจารณาว่า ฝ่ายหญิงนั้นบกพร่องในเรื่องใด

    ฝ่ายหญิงเป็นคนที่ชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าเมายา ติดการพนัน จนการงานไม่ทำ งานบ้าน ลูกเต้าไม่ดูแลหรือไม่

    ฝ่ายหญิงเป็นผู้มักมากในกาม คบชายชู้ หรือทำตัวสำส่อนหรือไม่

    ฝ่ายหญิงไม่รู้จักปรับปรุงเนื้อตัว ปล่อยตัวเองตามยถากรรม เหมือนผีบ้า ใครเขาจะพาไปไหนด้วย โกหกไฟแลบ เที่ยววิ่งยืมเงินคนสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวหรือไม่

    กรรมใหม่ที่สร้างขึ้น นี่แหละที่เป็นตัวการทำให้เธอต้องพบกับความเลวร้ายในชีวิต พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระทำในปัจจุบันของเธอเอง ไม่ใช่เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีต ไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติที่แล้ว แต่เป็นกรรมใหม่หรือการกระทำใหม่ล้วนๆ ที่เธอสร้างขึ้นมา
    เป็นที่น่าเศร้าใจมาก ที่ทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยมีความเข้าใจที่ผิดๆ เหมือนกับทวีเดชและผู้หญิงที่ถูกผัวทำร้ายและยอมแพ้ ยอมจำนนต่อกรรมเก่าว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกรรมเก่าทั้งสิ้น
    เมื่อเกิดอะไรขึ้นไม่ดีไม่งาม เกิดอุปสรรคต่างๆ ในด้านการทำงาน การขัดสนเงินทอง การทะเลาะเบาะแว้ง การผิดประเวณี ครอบครัวแตกแยกเกิดอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
    แทนที่จะเร่งสร้างการกระทำใหม่ที่ดี โดยมีกรรมเก่าเป็นบทเรียน กลับไปโทษสิ่งอื่นนอกจากตัวเอง แพะรับบาปตัวแรกก็คือ ไอ้กรรมเก่านี่แหละ
    ทุกวันนี้เรื่องของกรรมเก่า ถูกนำมาใช้เพื่อสะกดสมองและจิตใจให้ผู้คนยอมจำนนกับปัญหา โดยไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองหรือสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลับมาเป็นดีซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนัก
    คำสั่งสอนขององค์พระศาสดาที่มีมากว่า 2,500 ปี ในเรื่องของการสร้างบุญกุศลที่เป็นกรรมดี การเพียรพยายามทำสิ่งที่ดีสู่ตัวเองและผู้อื่น การละเว้นความชั่ว พยายามที่จะควบคุมจิตใจประพฤติตนให้อยู่ในศีล ในธรรมนั้น
    เป็นของวิเศษ เป็นกรรมใหม่ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วเป็นระยะเวลายาวนานว่า จะทำให้ชีวิตของคนทุกขึ้นดี เจริญขึ้น จะสุขหรือทุกข์น้อยลงเพียงใด ก็ขึ้นอยู่ที่ใครจะทำกรรมดีมากหรือน้อย ละเว้นกรรมไม่ดีได้เท่าใด

    เป็นกรรมใหม่ในปัจจุบันที่เราทุกคนควรทำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่ผ่านมาอย่าไปเสียดาย เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ชีวิตเป็นของเราเอง
    พระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ที่คนไทยรู้จักกันดีนั้น เป็นพระเมตตามหากรุณาธิคุณของในหลวงองค์ปัจจุบันของเรา เพื่อการเตือนสติเราทุกคนไม่ให้ยอมแพ้ต่อกรรมและโชตชะตา ที่มีเนื้อเรื่องว่า ครั้งหนึ่งมีพ่อค้า 700 คน คนพวกนี้อยากรวยก็พากันลงเรือกันไปจะแสวงหาโชคลาภ รอแล่นได้มาระยะทางหนึ่ง เจอกับพายุใหญ่พอเรือล่มพ่อค้า 700 คนเหล่านั้น ก็ไม่ทำอะไรพากันคุกเข่าอ้อนวอนเทวดาให้ช่วย สุดท้ายก็เลยจมน้ำตายหมด แต่พระมหาชนกไม่ทรงอ้อนวอน พยายามช่วยตัวเองทุกทาง ว่ายน้ำทวนกระแสกรรมแบบไม่ยอมแพ้ จนพระมหาชนกพบกับความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา
    ในเรื่องของบุญและคุณงามความดีที่เราทำขึ้นมาใหม่นั้น มีฤทธิ์และพลังอำนาจที่สามารถจะไปช่วยผ่อนคลายกรรมเก่าที่เรากลัวหนักกลัวหนาเหมือนกับพายุร้ายที่จะพัดให้เรือชีวิตนั้นอับปาง บุญจะช่วยให้คลายจากที่หนักเปลี่ยนมาเป็นเบาได้ ดังที่ครูบาอาจารย์หลายท่านค้นพบและได้สอนอยู่เสมอว่า
    กรรมดีและบุญฤทธิ์นั้นสามารถที่จะคลายกรรมเก่าได้
    โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่ามีกรรมเก่าส่งผลแต่ไม่ยอมจำนน ยังมีเจ้ากรรมนายเวรนั้นตามราวีจนทุกข์ทรมาน มีปัญหามากมายในชีวิต บุญกุศลที่เราทำนี้ ยังสามารถไปขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเหลือเพียงดวงจิตวิญญาณที่ตามราวีเราไม่เลิกรา ให้เขายกโทษเปลี่ยนใจอโหสิกรรมให้เพื่อให้กรรมที่เราเคยทำกับเขานั้นส่งผลน้อยเท่าที่สุดหรือในบางกรรมนั้นตามมาส่งผลในชาตินี้ไม่ได้ เพราะเบาบางมาก แต่ถึงอย่างไรก็ดี เราก็คงต้องได้รับเศษเวรเศษกรรมนั้นอยู่ดี เพราะกรรมนั้นเกิดขึ้นแล้ว จะเบาจะหนักหนาเพียงใด ก็ขึ้นอยู่ที่กรรมนั้นกำหนดจะส่งผลเมื่อใด หนักหนาเพียงใด ในชาตินี้หรือชาติไหนไม่มีใครล่วงรู้ได้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม
    อย่างน้อยถ้าไม่เชื่อในเรื่องกรรมเก่านี้ การทำความดีทั้งต่อตนเองและคนอื่น เชื่อว่าน่าจะเป็นทางที่ถูกต้องที่นำไปสู่ความเจริญ และจะทำให้เป็นที่รักนิยมชมชอบของคนทั้งปวงได้
    หลักจากนี้ต่อไป จะเป็นการแนะนำในเรื่องของการสร้างบุญกุศลที่มีพลังอำนาจมากพอ ที่จะช่วยให้ทุกคนผ่อนคลายในเรื่องของวิบากกรรมไม่ดีลง เพื่อให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญได้ตามที่ตนปรารถนา แต่ทั้งนี้นั้นขึ้นอยู่ที่บุญจะพาไปทั้งสิ้น
    ใครที่ไม่เชื่อในเรื่องบุญและกรรมนั้น ก็ขอให้นึกเสียว่าเป็นความรู้อีกแขนงหนึ่งที่ รับรู้ไว้ไม่เสียหลาย แต่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนที่เชื่อที่จะทำให้ชีวิตทุกคนเจริญ มีความสุขได้อย่างแน่นอน
    แต่ขอบอกอย่างหนึ่งว่า เรื่องที่จะพูดถึงในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ หรือชักนำให้หลงและงมงาย โปรดตั้งสติ มีสมาธิในการอ่าน และพิจารณาด้วยปัญญา ในบางบรรทัดที่มีการกล่าวอ้างชื่อครูบาอาจารย์คนสำคัญไว้ เพื่อแสดงความกตัญญูและเพื่อบูชาพระคุณความดีของท่าน ที่ได้พยายามสอนสั่งให้ทุกคนเข้าใจ และนำไปปฏิบัติให้เกิดผลดีต่อชีวิตของทุกคน
    และสิ่งที่ท่านจะได้พบภายในหนังสือเล่มนี้ ขอให้เป็นไปตามแรงสัตยาอธิษฐานของผู้เขียน ที่จะพยายามอธิบายในเรื่องกรรมต่างๆ และวิธีการเชื่อมบุญ พึ่งบุญ ทำบุญ แรงบุญที่ยิ่งใหญ่ให้เข้าใจอย่างชัดเจนในทุกเรื่อง เท่าที่บุญของผู้เขียนจะพาไปได้ จะเกิดผลมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับบุญและกรรมที่เราทุกคนร่วมกันทำมา
    จะอธิบายรวมไปถึงการแก้กรรมหรือการไปขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรที่ได้ผล เรียกว่าพยายามให้สมบูรณ์ทั้งสองทาง ทั้งเพิ่มบุญและแก้กรรมไปพร้อมๆ กัน และเชื่อว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเราทุกคน ต้องมีความสุขได้แน่นอน
    ขอบคุณที่มา :- https://torthammarak.wordpress.com/2011/11/21/ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้-ล/
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    เจ้ากรรมนายเวร คืออะไร
    พฤศจิกายน 23, 2011 โดย ธ. ธรรมรักษ์
    เมื่อเรารู้จักกรรมกันดีพอสมควรแล้ว ก็อยากจะอธิบายถึงเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ที่เป็นส่วนสำคัญมากที่สุดในเรื่องของกรรมนี้ เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้ตัวจริง เสียงจริง
    และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราต้องทนทุกข์ทรมานกันมากมายในทุกวันนี้ นอกจากกรรมในปัจจุบันที่เราทำเองด้วย
    เจ้ากรรมนายเวร ก็คือ คน สัตว์หรือวิญญาณ ที่เคยมีความเกี่ยวข้องกันกับเรามาในอดีต หลายคนอาจจะเป็นพี่ เป็นน้อง พ่อแม่ เป็นเพื่อน หรือกระทั่งเป็นคน เป็นสัตว์ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
    แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ๆ หนึ่งหรือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้องมาเกี่ยวพันกัน อาจจะเป็นเรื่องที่เรานั้นตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม แล้วเขาก็มีการอาฆาต เขายังมีความต้องการให้เราต้องชดใช้
    ในบางคน อาจจะเคยทำกรรมอะไรไว้ที่เบาบาง และคนที่ถูกเรากระทำนั้น เขาไม่ติดใจเอาความ ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ไม่เข้าข่ายและไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร
    เรื่องนี้ขอย้ำอีกครั้ง เจ้ากรรมนายเวรที่ส่งผลให้เราทุกข์ทรมานในหลายเรื่อง หลายวาระนั้นต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เขายังอาฆาต และยังต้องการให้เรานั้นชดใช้ และเขาจะให้อโหสิกรรมกับเราเมื่อไหร่ เวลาไหน หรือไม่ให้อโหสิกรรมนั้นขึ้นอยู่ที่เขาทั้งสิ้นไม่ใช่ตัวเรา
    และตัวเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปบังคับเขา นอกจากการขอให้เขาอโหสิกรรมเท่านั้น จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่จะเลือกทำ ตามความถนัดและจริต รวมถึงบุญบารมีที่เรามีอยู่ในตอนนี้
    ในบางกรรมที่มีเจ้ากรรมนายเวรที่เขาอาฆาตอยู่ค่อนข้างจะรุนแรง เพราะเราอาจจะมีส่วนที่ทำให้เขาเกิดการพลัดพราก สูญเสีย ทรัพย์สิน ญาติพี่น้อง คนที่เขารัก หรือมีส่วนที่ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เขาเจ็บป่วย หรือทนทุกข์ทรมานหรือถึงขั้นตายได้ การที่เราทำให้ชีวิตใดชีวิตหนึ่งต้องสูญเสียไป
    และที่สำคัญจิตเขายังอาฆาตหรือต้องการให้เราชดใช้ จิตของเขาจะติดกับจิตของเราไปทุกภพ ทุกชาติ ไม่ว่าเราจะเกิดเป็นใคร เป็นคน เป็นสัตว์หรืออะไรก็ตาม จะไปเปลี่ยนชื่อ ทำศัลยกรรม หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวที่ไหนก็ตาม เขาตามเจอเราแน่นอน
    เขาแค่มีเงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่จะเลิกยุ่งกับเรา คือ ถ้าเขาได้รับการชดใช้ที่เขาพอใจ หรือเขาให้อโหสิกรรมกับเราเองด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
    ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิขออโหสิกรรม แก้กรรม ลดกรรม การทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หรืออะไรก็ตามแต่ครูบาอาจารย์แต่ละท่านจะเรียก
    ถ้าเขาให้อโหสิกรรมกับเรา เราเองก็หลุดพ้นจากกรรมนั้นทันที !!! ไม่ต้องมาชดใช้กันอีกแต่มันยังคงมีเศษเวรเศษกรรมอยู่ที่เราต้องได้รับ
    ที่สำคัญมันต้องเป็นฝ่ายที่เขาที่สูญเสีย เป็นคนที่อโหสิกรรมให้ เรื่องกรรมที่มีต่อกันถึงจะเลิกรากันไป ไม่ใช่เราไปคิดเอง เออเอง
    ตัวอย่างเช่น กรณีเราเป็นหนี้เงิน เป็นปัจจุบันกรรม ถ้าเราเป็นหนี้ติดเงินเพื่อนที่สนิทกันมากๆ แต่เรากลับคิดไปเองเออเองว่า เงินเพียงแค่นี้เพื่อนของเราคงยกให้เราแล้วฟรีๆ แล้ว เจอหน้ากันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อย่างนี้เรียกว่า เราคิดของเราไปเองคนเดียว
    แต่จริงๆ แล้ว เพื่อนของเรายังอยากจะได้เงินของเขาคืน เมื่อสบโอกาสเหมาะๆ หรือวาระของกรรมนั้นมาถึงของมันแล้ว พอเจอหน้าเรา เพื่อนก็อาจจะบอกกับเราทันทีว่า
    “เฮ้ยเมื่อไหร่ แกจะเอาเงินมาคืนเสียทีว่ะ “
    หรือบางคนที่ยังคงโกรธแค้นเรามากๆ จากคนที่เคยเป็นเพื่อนอาจจะกลายเป็นศัตรูเป็นเจ้ากรรมนายเวรไปแล้ว และเมื่อเห็นเราทำเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน เขาอาจจะบอกว่า
    “ถ้าแกไม่มีเงินมาคืน ฉันก็จะยึดรถ ยึดบ้าน ของรัก ของหวงของแก เอามาชดใช้แทนแล้วกัน ให้แกได้สูญเสีย เจ็บช้ำน้ำใจเหมือนฉัน”
    เห็นไหมครับ เจ้ากรรมนายเวรที่ถึงแม้จะเป็นเพื่อน เขาก็ยังไม่ยอมยกโทษ ยกหนี้ให้เราง่ายๆ จนกว่าเขาจะพอใจและเขาได้รับการชำระหนี้แล้ว แล้วประสาอะไรกับเจ้ากรรมนายเวรที่ชาตินี้เราจำเขาไม่ได้ และไม่เคยเป็นเพื่อนและเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน วิบากกรรมที่จะส่งผลให้กับเรามันจะรุนแรงขนาดไหน
    และการชำระหนี้นั้นที่ดีที่สุด ตรงช่องทางที่สุด ก็คือ การชำระหนี้ที่ถูกต้องและตรงกับหนี้นั้นหรือมีมูลค่าที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันที่เจ้าหนี้เขาพึงพอใจ ยืมเงินก็คืนเงิน ยืมทองก็คืนทอง ยืมรถก็คืนรถ ยืมข้าวก็คืนข้าว เรียกว่าไปเอาอะไรของใครเขามา ก็ต้องคืนสิ่งนั้นให้แก่เขาไป

    จากตัวอย่างที่ยกมา ถ้าเราเป็นหนี้เงินหนทางที่ดีที่สุด เราก็ควรต้องเอาเงิน หรือของที่เขาต้องการที่มีมูลค่าแทนหนี้เงินนี้ได้ไปคืนให้เพื่อนไป ถ้ามีเงินก็เอาเงินไปคืนให้เขา มีครบจำนวนก็ยิ่งดี แม้มีไม่ถึง ก็ต้องเอาไปใช้หนี้เขาเท่าที่เรามี ค่อยๆ ผ่อนใช้เขาไป เราต้องแสดงความรับผิดชอบ เป็นลูกหนี้ชั้นดี แสดงเจตนาที่จะชำระหนี้ให้เขาเห็น
    วันดีคืนดี เจ้าหนี้เขาเห็นเรามีการแสดงอย่างจริงใจว่า เราพยายามที่จะขอโทษ พยายามแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิดลงไปแล้ว วันหนึ่งเขาก็จะเข้าใจ อย่างน้อยเทพ เทวดาอาลักษณ์ที่คุ้มครองตัวเขาอยู่ ก็อาจจะช่วยดลใจให้เขาใจอ่อนเห็นแก่บุญกุศลที่เราเพียรพยายามทำไปให้และอโหสิกรรมให้
    มีบางครั้งที่ถึงแม้เราจะคืนเงินชดใช้หนี้คืนให้เขายังไม่ครบ แต่เพื่อนเราก็อาจเริ่มหายโกรธที่ละน้อยๆ เหมือนไฟแค้นที่กำลังจะมอดลงในใจ เพราะมีน้ำแห่งความดี มีพลังแห่งบุญเข้าไปรดให้ไฟแค้นมันมอดดับลงไปเรื่อยๆ
    เขาเห็นเราติดหนี้เขาหนึ่งพันบาท แต่เราก็แสดงให้เขาเห็นว่าเราพยายามจะคืนให้ทุกวิธีทาง ทยอยใช้คืนวันละสิบบาท ยี่สิบบาททั้งๆ ที่จนแสนจน ครอบครัวเรายังลำบาก อดมื้อกินมื้อ

    แต่เรายังมีเจตนาที่จะชดใช้คืนให้เขา เจตนาและการกระทำที่แสดงออกนั้นจึงสำคัญที่สุด

    วันหนึ่งเขาอาจเห็นความดี ความตั้งใจในส่วนนี้ เขาก็อาจจะยกหนี้ให้เรา หรือพักหนี้เอาไว้ให้ก่อน แม้จะใช้มาไม่ถึงครึ่งหนึ่งก็ตาม เราควรจะขอบคุณเพื่อนที่ไม่ติดใจโกรธและขออโหสิกรรมและให้อโหสิกรรมต่อกัน เพื่อให้ไม่มีกรรมอะไรตกค้างกันไปต่อกันอีกในชาติต่อไป
    แต่ถ้าเราเอง จนหนทางจริงๆ ทำอย่างไรก็ไม่มีเงินจะใช้คืนให้ แต่ยังมีความคิด ความกตัญญูที่ดี ที่อยากจะชดใช้ คงมีแต่แรงกายเท่านั้น ก็อาจจะไปขอเพื่อน ขอเอาแรงกายไปชดใช้หรือทำอะไรก็ได้ที่เจ้าหนี้เขาต้องการ เช่น ไปถางหญ้า ไปขับรถให้ หรือเอาแรงกายไปทำอะไรก็แล้วแต่ เพื่อเอาแรงไปแทนหนี้ ไปชดใช้แทนให้เขาแทนเงินที่ค้างเอาไว้
    ขอให้เชื่อเถิดว่า เพื่อนก็คือเพื่อน อย่างที่บอกแต่ต้นแล้วว่า เจ้ากรรมนายเวรส่วนมากก็เป็นคนที่เคยรักเราและเราเคยรักทั้งนั้น เมื่อเขาเห็นเราไม่มีเงิน แต่ยังมีเจตนาที่ดี ไม่เบี้ยวหรือเหนียวหนี้ยังอุตส่าห์ไปนั่งหลังคดหลังงอถางหญ้าให้ เอาตัวไปให้เขาใช้งานถึงบ้าน ไปถูบ้านเก็บกวาดที่บ้านเขาทุกวันๆ ไปรับใช้เขาสารพัด เขาก็คงเริ่มจะใจอ่อนลงบ้างแล้ว ถ้าไม่อาฆาตและแค้นจนเกินไป

    จนวันหนึ่งเขาอาจจะบอกว่า ไม่เป็นไรแล้วเพื่อนรัก ฉันยกโทษให้เพื่อนแล้ว ฉันสงสารเพื่อน ไม่เอาเงินแล้ว บางคนถึงกับเอาอาหาร เอาน้ำมาเลี้ยง ความสัมพันธ์กลับฟื้นขึ้นมาดีดั่งเดิมหรือมากกว่าเดิมอย่างนี้ แต่ถ้าทำกรรมดีชดใช้เขาอย่างไร เขาก็ยังไม่ยอม เราก็คงต้องเหนื่อยมากขึ้นและก้มหน้าเพียรพยายามชดใช้กันต่อไปจนกว่าเขาจะใจอ่อนยอมอโหสิกรรมให้เรา
    ที่นี้เรามาดูในเรื่องของหนี้อื่น ที่ไม่ใช่เงินบ้าง ถ้าเป็นหนี้ชีวิต การที่ในอดีตชาติของเรา ตัวเราอาจจะไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเขา จะเป็นหมู หมา กาไก่ สัตว์อะไรก็ตามแม้กระทั่งมด ยุงริ้นไร เมื่อเราจบสิ้นชาตินั้นแล้ว ก็เหมือนกับที่ละครชีวิตฉากนั้นมันจบ มันปิดฉากลงไปแล้ว นักแสดงและคนดูต่างคนต่างแยกย้ายกันไปแล้ว
    มีคนมากมายที่ในอดีตชาติที่ผ่านมาอาจจะเคยเป็นทหารกล้า ต้องไปทำศึกสงคราม และต้องฆ่าคน ฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก แล้วไปสร้างวัด หล่อพระ บำรุงพระพุทธศาสนาทำอะไรดีๆ มากมายทิ้งไว้ในแผ่นดินก่อนที่จะตาย
    ในส่วนของบุญที่ทำให้กับประโยชน์แผ่นดิน และพระพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่ง ในเรื่องของการผิดศีลข้อหนึ่งที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นก็เป็นบาปมหันต์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องรับไปทั้งบุญและกรรม
    และเหมือนกับพวกที่มีอาชีพเป็นแพทย์ เพราะกว่าจะได้เป็นแพทย์เก่งๆ เขาก็ต้องทำการทดลองค้นคว้าหาโรคภัยไข้เจ็บมามากมาย เขายอมทำอย่างนั้นก็เพื่อหาหนทางช่วยชีวิตคน เขาก็ต้องใช้สัตว์ทดลอง สัตว์พวกนี้ก็ต้องตายหรือพิการเพราะการทดลอง บุญที่เขาได้ช่วยคนก็เป็นส่วนหนึ่ง กรรมที่เขาต้องเอาเชื้อโรคใส่เข้าไปในสัตว์ ทำให้มันทรมานหรือตายไป ก็เป็นกรรมอีกส่วนหนึ่งแยกออกจากกันชัดแจ้ง
    เราต้องเข้าใจก่อนว่าบุญก็อยู่ส่วนบุญ บาปกรรมก็อยู่ส่วนบาปกรรม
    การที่มาเริ่มชาติใหม่ก็เหมือนเปิดการแสดงรอบใหม่ ชาติใหม่หรือชาตินี้ เราเองคงจำใครหรือจำเรื่องราวไม่ได้เลยในชาติที่แล้ว ความทรงจำในเรื่องเดิม มันถูกลบลงไปเรียบร้อยแล้ว เราเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา เปลี่ยนชื่อนามสกุล เปลี่ยนสัญชาติไปแล้ว เปลี่ยนทุกอย่างไปหมด

    บางคนอาจจะจำได้ลางๆ คุ้นๆ ว่าเรื่องแบบนี้เคยเห็น เคยทำมาแล้ว เคยสัมผัสมาแล้ว แต่ก็แค่พักเดียวมันก็จะลบลงหายไปแล้ว บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาทำให้เราระลึกจำได้ถึงสิ่งที่เราเคยทำมาก็ได้เช่นกัน
    จนเกิดมาในชาตินี้ ในบางคนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมันแสนจะติดขัด ทำการค้า ทำบุญอะไรก็ไม่ขึ้น มีแต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเกิดขึ้น หรือเจ็บป่วยโดยที่ไม่มีเหตุผลหาสาเหตุไม่ได้ ที่หลายๆ คนชอบเรียกกันว่า “โรคเวรโรคกรรม” เพราะความไม่รู้จะแบ่งประเภทหาสาเหตุอะไรแล้ว มันจนหนทางที่จะเรียก จะค้นหาให้พบ ก็เลยมักง่ายเหมาเรียกไปเลยรวมๆ อย่างนั้น
    ในบางคนนั้น เมื่อเจอเจ้ากรรมนายเวรเล่นหนัก โดนในหลายๆ เรื่อง จนแทบจะรับมือไม่ไหว ชีวิตมันดูมืดมนไปหมดทุกทาง มองไปทางไหนก็หาทางออกไม่ได้ คนโบราณเขาเลยเรียกว่า มัน”มืดแปดด้าน”
    มืดแปดด้าน มันมืดได้ยังอย่างไร ซึ่งมันก็คือ ในความรอด ทางสว่างทุกด้านนั้น เจ้ากรรมนายเวรเขาบังหมดทุกด้าน ทั้งแปดทิศทำให้เราหาทางออกไม่ได้ ต้องทนกับความทรมานเจ็บป่วยและอุปสรรคมากเหลือเกิน จนหลายคนบอกว่ามันเกินจะทนทานแล้ว
    นั่นแหละขอให้รู้เลยว่า เจ้ากรรมนายเวรเขามาถึงตัวแล้ว เขาเริ่มที่ทวงในสิ่งที่เราเคยทำกับเขา คอยขัดขวางเราเอาไว้ทุกวิธีทาง ถ้าเราโชคดีหน่อย เรารู้ตัวเร็วหรือเจอครูบาอาจารย์ที่เก่ง ท่านเมตตาช่วยชี้แนะทางให้ เราก็ควรรีบขนขนวายรีบทำรีบหาทาง ไปชดใช้หนี้ให้เขา
    การทำทาน รักษาศีล การทำบุญอุทิศส่วนกุศล เป็นช่องทางสำคัญ เป็นช่องทางตรงที่จะช่วยเราได้ให้เรามีพลัง มีบุญบารมี นำไปสู่การทำสมาธิภาวนาขออโหสิกรรมที่ได้ผล

    หรือที่มักเรียกการขออโหสิกรรมกันว่าการแก้กรรมนั้น เพื่อให้เข้าใจง่ายนั้น ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง อีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยลดกรรมให้เบาบางลงไปได้

    แต่ถ้าเราเป็นหนี้ชีวิต แล้วชาตินี้เราจะเอาชีวิตที่ไหนไปคืนให้เขาได้ ทั้งๆ ที่อยากจะชดใช้ใจจะขาดอยู่แล้ว เพราะเรารู้สำนึกแล้วว่ามันเป็นกรรม เรารู้แล้ว สัมผัสได้แล้วว่ามันเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส
    เรื่องหนี้ชีวิต ก็ยังพอมีทางช่วยให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง ครูบาอาจารย์สำคัญหลายท่านกล่าวตรงกันว่า มีหลายช่องทางแล้วแต่จริต แล้วแต่บุญเก่าและบุญใหม่ของคน ทั้งเรื่องการทำบุญที่มีหลากหลาย ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างบุญบารมีของตัวเองให้ใหญ่ขึ้น มากขึ้น เพิ่มค่าตัว เพิ่มบุญบารมีของเรา เพื่อทำให้เรื่องกรรมที่จะได้รับจากที่หนักให้เป็นเบาขึ้น หรือการทำสมาธิแก้กรรม ขอให้อ่านอย่างให้ละเอียด ให้ต่อเนื่อง เพราะมันสำคัญมากจริงๆ กับชีวิตของเรา
    เพราะในบางคนกรรมที่เจ้ากรรมนายเวรเขาคิดจะเล่นงานนั้นจริงๆ แล้ว อาจจะต้องถึงตาย แต่เราไปขออโหสิกรรมเขาได้ทันเวลา ทำบุญอุทิศส่วนกุศลตรงช่องทาง เราอาจจะแค่แขนขาหัก หัวแตก ก็นับว่ายังดีที่เขายังยอมยกโทษให้บ้าง และถ้าบุญเราพอ กรรมนั้นอาจจะหักล้างกันได้ หรือทำให้กรรมนั้นตามไม่ทัน
    เพราะแรงบุญนั้นเร็วกว่า และใหญ่กว่า ไม่มีอำนาจใดๆ ในโลกนี้จะมีอำนาจเท่าแรงบุญไปได้อีกแล้ว
    ครูบาอาจารย์ท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า เหมือนเราใส่เกลือไว้ในแก้ว สมมติว่าเกลือนั้นคือกรรมไม่ดี และน้ำนั้นคือบุญกุศลที่ดี เมื่อเราเติมน้ำเข้าไปในแก้วเรื่อยๆ เกลือที่เค็มแสนเค็มนั้นก็จะคลายรสชาติความเค็มไปเรื่อยๆ จนเมื่อน้ำนั้นมีปริมาณที่มากกว่าเยอะ เกลือที่เค็มนั้นก็หมดรสชาติไปเลย มีแต่น้ำที่เป็นบุญล้วนๆ ที่เราสัมผัสได้
    ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทและเพื่อทำให้ชีวิตของเราและครอบครัว คนที่เรารักเป็นสุข เราก็ควรเริ่มจะทำบุญ ทำทานอุทิศส่วนกุศลที่ถูกวิธี เพื่อส่งตรงไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาเขา ในขณะเดียวกันกับการทำสมาธิ เพื่อขออโหสิกรรมก็ทำควบคู่กันไปด้วย ค่อยๆ ทำไปที่ละนิด ทีละน้อย สม่ำเสมออย่างจริงใจและรู้สำนึกผิดจริงๆ
    เราเพียรพยามยามจนถึงวันหนึ่ง เจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจ เขาก็จะอโหสิกรรมให้เรา ก็จะรอดตัวไปพบกับความสุขหรือบุญที่รออยู่ข้างหน้าได้
    และเมื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจแล้ว เราเองก็ยังสำนึกผิดและไม่ยอมหยุดที่จะทำดีต่อเขา เมื่อเขามีบารมีมากขึ้น มีบุญมากขึ้น เขาอาจจะใจดีมากขึ้น อย่างที่เคยบอกเอาไว้แล้วว่า เขาเคยเป็นคนที่รักเรา หรืออย่างน้อยก็เคยรู้จักเรามาเป็นอย่างดี
    เขาเคยช่วยเหลืออุ้มชูเรามาก่อน เมื่อเรามาทำผิด เขาจึงมีความโกรธที่รุนแรงมากกว่าปกติทั่วไป ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเรากลับตัว กลับใจ และเขาให้อภัย ให้อโหสิกรรมเราแล้ว เขาอาจจะช่วยเหลือเราให้ผ่านเรื่องสำคัญๆ ได้ในชีวิต หรือคอยอวยพร อวยชัยให้เราโชคดีได้
    เหมือนกับเปลี่ยนศัตรูให้กลับมาเป็นมิตรที่ดีอีกครั้ง
    และคราวนี้เขาอาจจะรักและช่วยเรามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาเข้าใจเราดีมากยิ่งขึ้นแล้ว
    อย่าไปกลัวเลยเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ......................... RoseUnderline.gif
    :- https://torthammarak.wordpress.com/2011/11/23/เจ้ากรรมนายเวร-คืออะไร/
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    185259.jpg
    ปลดกรรมจะได้ผล ต้องสำนึก รู้ผิดว่าเราเองเป็นผู้สร้าง”กรรม”
    ในโลกนี้ไม่มีใครเคยทำแต่กรรมดีไม่เคยทำกรรมชั่ว ไม่มีใครเคยเลยทำแต่กรรมชั่วไม่เคยทำกรรมดี
    ปัญหาเรื่องกรรมไม่ดีที่มาส่งผลหรือ ”วิบากกรรม” มาส่งผลทำให้มีปัญหาต่างๆ มากมายในชีวิต ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับการเกิดมาเป็นคนในชาตินี้ ในหมู่ผู้เข้าใจในธรรม ผู้เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมจะรู้ดีว่าที่เป็นอย่างนั้นมาจากผลกรรมที่เราเคยทำมาถึงเวลามาส่งผล ไม่มีใคร อำนาจใดมากลั่นแกล้งเราทั้งนั้น
    การที่จะให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าทุกข์ รุ่งเรืองจนถึงมีเงินทองมากมายนั้น มีวิธีการรับมืออย่างชาญฉลาด ลดความรุนแรงของผลกรรมนั้น ที่ครูบาอาจารย์เรียกว่า การลดกรรมหรือปลดกรรม ตามที่ท่านจะเรียกซึ่งเป็นความหมายเดียวกันทั้งสิ้น
    การปลดกรรม ลดกรรม ไม่ใช่เป็นการแก้กรรม เพราะกรรมนั้นแก้ไม่ได้
    เปรียบเหมือนดังข้าวสารที่หุงให้เป็นข้าวสุกแล้ว เราไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นข้าวดิบได้อีก เราไม่มีฤทธิ์ที่จะสามารถย้อนเวลากลับไปหยุดไม่ให้เราไม่ทำกรรมนั้น เมื่อเราได้กระทำอะไรลงไป กรรมนั้นเกิดขึ้นแล้ว และต้องส่งผลจนกว่าจะหมดไปด้วยหลายเงื่อนไขทั้งส่งผลกรรมสำเร็จแล้วตามหน้าที่ ตามลำดับ ตามเวลา หรืออโหสิกรรมคือกรรมนั้นได้ยุติไปแล้ว

    ถ้ามาจากการ “กรรมเก่าที่ติดตัวมาในอดีตชาติ” ก็ต้องหาวิธีปลดกรรมลดกรรมให้เบาบางหรือหมดไป และ”มาจากกรรมใหม่ในชาตินี้” ที่ต้องหยุดการทำชั่วทั้งปวง สร้างกรรมดีใหม่เพื่อให้ได้ผลดีต่อชีวิตเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนการกระทำใหม่เพื่อได้ผลลัพธ์แบบใหม่ที่ดีกว่า

    ก่อนอื่นเราต้องรู้ยอมรับว่า ตนเองนั่นแหละเป็นผู้สร้างกรรม ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่นที่ในเวลาต่อมาคนที่เดือดร้อนเหล่านั้นก็คือ “เจ้ากรรมนายเวร” ที่จะยังคอยติดตามทวงหนี้กรรมเราไปทุกภพชาติ จนกว่ากรรมนั้นจะหมดสิ้นเชื้อไป

    ทั้งที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มาเกิดแล้วในชาตินี้ที่เรียกว่า “เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต” ที่กำลังสร้างความเดือดร้อน อุปสรรคต่างๆให้กับเรา เป็นเจ้ากรรมนายเวรประเภทที่มีกายเนื้อสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามีภรรยาลูก เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนบ้านสัตว์เลี้ยง และที่เรายังไม่เจอในตอนนี้ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเขารอทวงหนี้กรรมตามลำดับของเขาอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้

    และ”เจ้ากรรมนายเวรที่ไม่มีชีวิตเหลือเพียงดวงจิตวิญญาณ “ ที่อาศัยอยู่คนละภพภูมิกับเรา อยู่ในรูปแบบต่างๆ ทั้งสัมภเวสีเร่ร่อนในภพภูมิพัก ส่วนมากจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มีแรงอาฆาตสูง เหตุที่ยังไม่ไปเกิดหรือไปเกิดไม่ได้เพราะกรรมของเขาเองกับกรรมที่เราทำกับเขา เจ้ากรรมนายเวรประเภทนี้เองที่มักจะดลบันดาล ดลใจ ปิดทางออกทำให้คิดไม่ได้

    เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ โดยไม่คาดคิด โรคเวรโรคกรรม (เจ้ากรรมนายเวรมีส่วนหนึ่งเท่านั้นรวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเองนั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายด้วย) และเขาจะพอใจยกเลิกไม่อาฆาต เลิกทวงหนี้กรรมก็ต่อเมื่อเขาพอใจที่เราได้รับกรรมที่ทำกับเขา หรือบางท่านแม้แต่แค่เรารู้สำนึกผิด ยอมรับว่าเราเคยทำกรรมนั้น และกลับตัวกลับใจ สร้างบุญกุศลเขาก็ให้อโหสิกรรมแล้ว

    แต่ขอให้รู้ไว้ว่า เจ้ากรรมนายเวรไม่ว่าประเภทไหนก็ตาม เขาจะให้อโหสิกรรมกับเราหรือไม่อยู่ที่เขาทั้งสิ้นเราบังคับเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นฝ่ายโดนกระทำ ถึงแม้เขาจะให้อภัย ยกโทษให้ไม่เอาความ ไม่ติดใจแล้ว แต่เราที่เป็นผู้สร้างกรรมต้องได้รับผลกรรมนั้น หรือที่ครูบาอาจารย์เรียกว่า “เศษเวรเศษกรรม” ที่ได้ลดหย่อนลงไป จากหนักจะกลายเป็นเบา

    มีคนจำนวนมากหลายคนไม่เข้าใจที่มาที่ไป เห็นว่าเรื่องเหล่านี้ไร้สาระ เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องเจ้ากรรมนายเวร จึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยแม้แต่จะคิดเพราะผิดทางไปเสียแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะลดกรรมหรือปลดกรรม ทำให้ชีวิตดีได้เลยต้องทนทุกข์ทรมานไปจนกว่าจะหมดเวลาของกรรมที่มาส่งผลนั้น

    เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ยังไม่สายเกินไป เริ่มเสียแต่วินาทีนี้เลย เริ่มจากที่ต้องเข้าใจตระหนักรับรู้อย่างจริงจังเสียก่อนว่า โชคชะตาชีวิตของคนทุกคนนั้นเกิดอยู่กับกรรมเป็นผู้กำหนด กรรมนั้นลิขิตชีวิตของทุกคน ไม่ใช่พระเจ้า หรือเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออำนาจอื่นใดทั้งสิ้น
    คนเรานั้นจะดีหรือเลว จะรวยหรือจน จะทุกข์หรือสุขนั้นขึ้นอยู่กับกรรมที่เราทำเอง การปลดกรรมและลดกรรม ในหนังสือเล่มนี้หวังใจให้ท่านทั้งหลายเข้าใจในเรื่องสำคัญ

    1. แนะแนวทางการปลดกรรม ลดกรรมจากกรรมเก่า ซึ่งในเจ้ากรรมนายเวรบางคนนั้นเขามีความต้องการแตกต่างกันตามกรรมที่เราได้ทำกับเขาไว้ ดังที่บอกไปแล้วว่า บางท่านนั้นแค่เพียงเรารู้สึกสำนึกผิดอย่างจริงใจ เพียงถือศีล ทำทาน หรือทำสมาธิแล้วอุทิศบุญไปให้เขาเพื่อขอขมา ขออโหสิกรรมนั้นเขาก็ยอมยกโทษให้แล้ว

    2. การสร้างกรรมดีใหม่ เปลี่ยนกรรมใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้งกาย วาจา ใจใหม่แบบเข้าใจ หยุดยุติกรรมไม่ดี ลด ละ เลิกให้มากที่สุด แล้วมีชีวิตไปในสายทางของการสร้างคุณงามความดี ออกจากความมืดไปสู่ความสว่างที่เป็นบุญกุศลเพื่อผ่อนคลายจากวิบากกรรมหรือผลกรรมที่ได้รับอยู่ให้จากหนักกลายเป็นเบา จากที่เบาให้หายไปและด้วยอานิสงส์แห่งบุญหนุนให้พบแต่ความสุข ความเจริญ มีเงินทอง
    ที่มา: http://variety.teenee.com/saladharm/64225.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...