ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

......คุณ Specialized...อย่างง...ศัพท์"ทหารผี"...เป็นศัพท์...ที่ใช้...โดย..หนังสือพิมพ์...แล้วที่มีลง..ในหนังสือพิมพ์...เป็น..ครั้งแรก...ก็คือ..ยุคอินโดจีน
(จาด-จง-คง-จันทร์-อี๋).....ครั้งที่๒...ก็คือ..สงครามเกาหลี...ที่ฝรั่ง..มัน..เรียก
ว่า..ไม่รู้จักตาย(น่าจะตรงกับคำอังกฤษว่า immortal:อมตะ)มันก็มีความหมาย
ทำนองเดียวกัน..กับ..ทหารผี...เค้าก็เลยใช้ .."ทหารผี"...คราวเกาหลีนี่...ระบุ
ชัดเจนในหนังสือพิมพ์..ว่า..จากพระผงของขวัญวัดปากน้ำ...เพราะรุ่นแรกได้รับ
แจกไป...ในคนที่..เป็นทหารผี...มีหลายคนที่..มีแต่..พระวัดปากน้ำ..องค์เดียว
(ทหารผี..นี่..หลายสิบ..คนนะครับ)..ฉะนั้น..จึงได้ข้อ..สรุป..ที่หนังสือพิมพ์ลง
....ส่วนคราวอื่น..หรือ..หลวงพ่ออื่น..ถือว่า..ไม่เป็นทางการ...เพราะไม่เป็น...
จำนวนมากๆ(ผี..แค่..ตัว..สอง..ตัว..)..แล้วตอนหลัง..มีธุรกิจ..มาเกี่ยวด้วย
.......สรุป....ผี..คราว..สงครามเกาหลี..นี่....
..ผีเป็นทางการ(จำนวน..มากๆ)....ที่มีการ..ระบุในหนังสือพิมพ์
........................................................................................
หวังว่า...คงClear..นะครับ...คนอย่างผมไม่นั่งเทียนเขียนครับ..(ผมเคยอ่าน
สำเนา..ของ..หนังสือพิมพ์ที่ลง..มานานแล้วครับ)

 

โอ.. ข้อมูลใหม่ ขอบคุณครับ จะได้มีหลายๆแหล่งข้อมูลไว้พิจรณา ^^

 

เข้ามารายงานตัวครับ

ผมบ้านเกิดอยู่เมืองเพชร อยู่แถวหัวสะพาน ครับ นับเป็นลูกหลานซักคนน่ะครับ เคยเรียน รร.วัดคงคาราม ก่อนจะย้ายไปเรียนที่ พัทลุง บ้านเกิดของพ่อ-แม่ ครับ....

 

แวะมาติตดตามอ่านด้วยคนครับ

อ่านที่เดียว 3หน้า.....เห็นภาพเลยครับ

 

อ่านหน้าแรก แล้วลืมไปเลย วันนี้มาอ่านอีกสามหน้า ยังเหมือนเดิม ความรู้และความบันเทิง
ขอบคุณครับ

 

..ขอบคุณครับ..คุณ Lynn@nice..คุณOng..คุณ โอ ท่าซุง..คุณ วีรวัช
..คุณCoffeemax..คุณNu_wa..คุณNorragate..คุณTrirut..
..คุณSpecialized..คุณNa_mo..คุณ ขุนพลลุ่มน้ำป่าสัก..คุณศิลป์พระ๙
(ยินดีต้อนรับ..คนเพชร..ครับ)...ที่ชื่นชม..ให้กำลังใจ..และติดตามกัน..
ตลอด...รวมทั้งท่านผู้ติดตามอ่านกันทุกท่าน..ครับ..............
...ตามสัญญาครับ..เริ่มที่..กรุงเทพ..ยุค..คลาสสิก...
...ต่อจากคราวที่แล้ว..ว่า้ด้วย..ขอบเมืองด้านเหนือ..และชานเืมือง...
......ผมขอขยาย..ความในส่วนชานเมืองหน่อยนะครับ...ยุคนั้น..ไม่มีถนน
วิภาวดี..ไม่มีถนนรัชฎา..ชุมชนและส่วนเจริญ..จะอยู่สองข้าง..ถนน......
พหลโยธิน..ที่ถนนลาดยาง..ไป ๑ช่อง มา๑ช่อง..กว้างประมาณ ๖ เมตร
..ปลูกต้นก้ามปู(จามจุรี)..ที่ไหล่ทางเป็นระยะๆ..ขนาดต้น..ก็กว่า ๑ โอบ
ร่มใบสูงมากคลุมต่อเนื่องกันตลอด(แดด..ส่องไม่ถึงพื้น)..ตั้งแต่..ดอนเมือง
ยัน..อนุสาวรีย์ชัย..สองข้างเป็นคลองช่วยในการระบายน้ำ..มีน้ำตลอดทั้งปี
..ถนนหลักๆที่แยกออกไป..มี..ลาดพร้าว(มีคลอง๒ข้าง)..มีตึกแถวอยู่ข้าง
คลอง(๒ชั้น)ไปหมดแค่..ซอย ๔ ...ชุมชน..จะหมดแค่ ซอย ๑๕..ที่เหลือ
ท้องนา..กับทุ่งเลี้ยงวัว...ไปมีอีกที..วัดลาดพร้าว..แล้วก็ท้องนา..ทุ่งเลี้ยง
วัว...ไปมีชุมชนอีกทีก็ บางกะปิเลย..แถว.เดอะมอลล์บางกะปิ..ปัจจุบัน
...แต่ยังดี..กว่า..รามอินทรา...ท้องทุ่ง..ท้องนา..ตั้งแต่.หัวถนน(อนุสาวรีย์
ปราบกบฎ)...ไปเรื่อยๆ..เห็น..ตึกศูนย์รักษาความปลอดภัย..ตึกเดียวโด่ๆ
ทางขวามือ..แล้วท่าน..ก็..ไม่พบ..อะไร..นอกจาก..ท้องนา..ท้องทุ่ง...
จนไปถึง..ชุมชนที่..มีนบุรี..ถ้าคุณ..ขับรถไป..เสีย..หรือ..น้ำมันหมด...
ตอน..กลางคืน..คุณต้องนอนค้างในรถ..อย่างเดียวเท่านั้น..จนถึงเช้า..
รอ..รถเมล์สาย ๒๖ (พื้นเขียว..คาดเหลือง)..ไปหา..น้ำมัน..หรือ..ช่า่ง..
...ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร...ไปจน..ถึง..ปากทางลาดพร้าว...ก็เป็นทุ่งโล่งๆ
มีบ้าน..อยู่ไกลๆ...เป็นไงครับ...น่าอภิรมย์มั้ย...ว่าเรื่องชานเมืองซะเยอะ
ต้องยก..เรื่องขอบเมืองด้านตะวันออกไป..ตอนหน้า..ซะแล้ว........
................................................................................
.....ผมว่ามาถึงเรื่อง..พระผงของขวัญวัดปากน้ำ..พอดี..มีสมาชิก..
สงสัยเรื่อง..ทหารผี..ก็เลยแยกไปตอบก่อนหน้านี้ให้..เพราะเดี๋ยวจะกิน
เนื้่อที่..แต่ถ้า..อยากรู้เรื่อง..ทหารที่ไม่เป็นผี..แต่เหนียวยิ่งกว่าทหารผี..
ต้องไปอ่านที่กระทู้เดิมผม..ตามนี้หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน ในตอนที่ผม..เล่าไว้จากปากคำของพ่อสมัย
..การรบที่เวียตนาม.........................................
...............พระที่ได้มา..ทั้ง ๖ องค์..ผมจะไข..ปัญหาเรื่อง..ราคาก่อน..
..ก็เพราะ..พระบรรจุอยู่ใน..กรอบเงิน..อย่างสวยงาม..ถึงแม้เงินจะไม่
หนา..แต่ลวดลาย..สวยมาก..ด้านหน้ามี..ลายกระจัง..เหมือนซุ้ม..
หน้าต่างโบสถ์..มีแผ่นอซิเตทบางๆใส..ปิดภายใต้กรอบ...ด้านหลัง
..เป็น..แผ่นเงิน..ลายเทพพนม..ด้านข้างแกะลวดลาย..สวยงาม..
ที่บ้าน..ปัจจุบันเหลือ..กรอบสมบูรณ์..เพียงอันเดียว..ของพี่สาวคนรอง..
...แต่ข้างในองค์พระ..เหลือไม่ถึง..๒๐ %..เพราะ..แกเอาใส่ปากแล้วก็
ดูด..ไปเรื่อยๆ(ไม่รู้ว่า..อร่อยตรงไหน)..ผงวัดปากน้ำที่เปื่อยและยุ่ยง่าย
อยู่แล้ว..ก็เลย..เกือบหมด..กว่า..พ่อจะรู้..ก็สายไปแล้ว..พ่อก็..เลยรีบไป
ดูที่..ลูกชายอีก ๒ คน..ปรากฎว่า..ของพี่ชาย..ทั้ง..สอง..คน..สภาพคล้าย
กัน..คือ..กรอบเละ..เพราะ..มีการ..ขบ..ด้วยฟัน..พระ..ข้างใน..แหว่งไป
หลายส่วน..พ่อเลย..เก็บหมด..เปลียนให้ไปห้อยอย่างอื่นแทน........
...ผมว่าปัจจุบัน..หาชมกรอบของเดิม...ยากยิ่ง..กว่าหาพระวัดปากน้ำรุ่น๑
แท้ๆเสียอีก...ซึ่่งผมก็ไม่้ทราบ..ว่า..คนอื่นที่ไปรับพระจากท่าน...ช่วงก่อน
หน้า..พ่อผม..หรือ..ช่วงหลัง...จะมีกรอบเงิน..พร้อมพระด้วย..รึเปล่า...
...........................................................................
....ส่วนที่ผมบอกว่า..พระทั้ง ๖ องค์..ไม่เหมือนกัน..นี่..ไม่ใช่พิมพ์นะครับ
...พิมพ์เดียวกัน(..ก็พิมพ์รุ่น ๑ นั่นแหละ..ผมขอเอามาส่องดู..ของทุกคน
...ยกเว้นแต่ของ..พี่สาวคนรอง..ที่ไม่มีให้ส่อง..แต่คาดว่า..น่าจะเหมือนกัน
..)...ที่ไม่เหมือน..ก็..เคลือบแชล็ก..มีที่ไม่เคลือบ ๒ องค์ คือ..ของพี่
สาวคนรอง..กับ..พี่ชายคนโต.....ท่านทราบหรือไม่ว่า..เมื่อ ๓๐-๔๐ ปีก่อน
...วงการ..พยายาม..จะแบ่ง..พระผงวัดปากน้ำ..ให้เป็น..๓..รุ่น..อย่างชัด
เจน..โดยแยก..ที่ไม่เคลือบ..ให้เป็น..รุ่น ๑..เคลือบ..ให้เป็น..รุ่น..๒..แต่
หลายส่วน..ก็ท้วงติง...ตามความเป็นจริง..แถมมีการกำหนดช่วงปี..ของ
รุ่น ๑ กับ..รู่น ๒ อย่างชัดเจน..จากการพิสูจน์..และ..หลีักฐานประกอป..
หลายด้าน..จนผู้ที่ท้วงติงทีแรกกลับมาชนะ..เพราะ..ความเป็นจริงก็คือ..
...ตั้งแต่ปี..แรก(น่าจะปี ๒๔๙๒ต่อ๙๓)..จนกระทั่ง ..ปี..สุดท้าย
ของบล็อกนี้..ทั้ง..ผง..และพิมพ์แยกแยะกันไม่ออก...ก็คือท่านทำ
มาเรื่อยๆ..หลายปี..บล็อกก็ไม่เป็นไร..(..จะให้เป็นเหมือน..พระ
สมเด็จได้ยังไง..นั่น..ทีทั้งปูน..วัสดุแข็งก็มีปน..ยังมีน้ำมันตังอิ้ว...
เป็นตัวประสาน..กดที่ก็ต้องใช้แรงมาก..ยังต้องเช็ดทำความสะอาด
บ่อย..หลังใช้งาน....แต่ผง..เกือบทั้งหมด..เป็น..ดินสอพอง..หรือ
ชอลก์..ที่เกิดจาการ..ลบผง..สำเร็จ..รวมกับส่วนผสมอื่น..ที่อ่อนนุ่้ม
เช่นกัน..แล้วยังไม่ใช้น้ำมันตังอิ้วเป็นตัวประสานด้วย..ทำให้การสึก
ของบล็อก(แม่พิมพ์)มีน้อย..ใช้ได้นาน)..ก็เลยเหมือน..กันหมด..
...ของพ่อผม..ปี..๙๕..ก็เหมือน..กับปี..๙๓ เป๊ะ.(เคยขอ..ของคน
ที่ไปรับมาปีนั้น..เทียบมาแล้ว)...เดิมเคยเข้าใจ(ไม่ใช้ข้อเท็จจริง)
ว่าพระ..ที่ทำในปี..๙๕..เคลือบแชล็ก..หมด..ก็ไม่ใช่...อย่างที่บ้าน
ผมเป็นตัวอย่าง..สมัยก่อนนี้เคลือบแชล็ก..จะถูกกว่า..ไม่เคลือบ..
..เพราะจะตี..เป็นรุ่นสอง.................ตอนหลัง..หลักฐานมันปรากฎ
เยอะขึ้น..ก็..เซียนใหญ่เองยัง..แยกไม่ออก..ถ้าผมเอาของพี่ชายไป
ปล่อย..เมื่อ ๔๐ ปีก่อน..เขาก็จะตีเป็น รุ่น๑ (๙๓-๙๔)...นี่ละครับ
ปัจจุบัน..เลย..รวบเป็น...รุ่น..๑..เป็นแบบ..เคลือบ..กับ...ไม่เคลือบ..รุ่น ๒..ก็เลย..หายไป
เพราะ..ดูจากองค์พระ..กำหนดปีที่..สร้างไม่ได้....
...เป็นตัวอย่างหนึ่ง..ของวงการ...ยังมีอีกมาก..ยกตัวอย่าง...คุณ
เอาหลวงพ่อปานขี่เม่นโบราณ..ไปสนามวัดมหาธาตุเมื่อ ๔๐ กว่าปี
ก่อน..เพื่อไปปล่อย..รับรองแห้วกิน..เพราะไม่ใช่พิมพ์มาตรฐาน..
..คุณเสียใจ..คุณเลยต้องไปปล่อยรวมเป็น..พระเหมา..ได้ตังค์มา
๒๐ บาท...มีไอ้เบื๊อกที่ไหน..ไม่ทราบ..ดูพระไม่ค่อยเป็น..แต่ชอบ
พระพิมพ์แปลกๆ...มาเช่าจากแผง..ไปราคา ๔๐ บาท...ซื้อไปเก็บไว้
....เวลาผ่านไป ๓๐ ปี..หลาน..มารื้อกล่องพระ..เจอเข้า..รวยเละ...
..............................................นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง..ซึ่ีงผมจะ
พูดถึง..ต่อไปเมื่อถึงตอนที่ผมไปสิงร่างที่สนามวัดมหาธาตุแล้ว......
....................ครับวันนี้..ก็คงพอก่อน...ตอนหน้า...ผมจะมาพูดถึงเจ้า
ของภาพอีกท่าน..ในห้องพระพ่อผม...แม้ท่าน..จะเป็น ชี(โกนหัว) แต่
ก็..ไม่ธรรมดา..และเรื่องในตอนหน้าท่านต้องใช้วิจารณญาน..เพื่อ
ประเมิน..ความเป็นไปได้..ว่าน่าเชื่อหรือไม่..แต่ผมรับรองว่าเป็น..
..เรื่องจริง..เพราะ..ทังแม่..และยาย..อยู่ในเหตุการณ์....
.......ขอขอบคุณทุกท่าน..ที่ติดตามอ่านกัน...ขอบคุณ..ครับ
..................................สวัสดี...................

 

เข้ามาติดตามเรื่อยๆครับ ได้ทั้งสาระความรู้แถมสนุกอีกต่างหาก สุดยอดครับ ^^

 

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆมีให้อ่านทุกวัน
​

 

อ่านดูแล้วเทียบกับกรุงเทพตอนนี้แล้ว ช่างแตกต่างอะไรอย่างนี้
ขอบคุณมากนะครับ จะรอติดตามตอนต่อไปนะครับ

 

สวัสดียามเช้าครับคุณลุง

 

chearr :z6 :z2

 

..ขอบคุณครับ..คุณTrirut..คุณLynn@nice..คุณ๑๕ค่ำ..คุณ โอ ท่าซุง
..คุณCoffeeMax..ที่เข้ามาทักทาย..ชม..และให้กำลังใจ..ตลอดจน...
คุณSpecializedและท่านผู้ติดตามอ่านกันทุกท่าน....เหมือนเดิม..เริ่มที่..
............กรุงเทพ..ยุคคลาสสิก................................
....วันนี้มาว่าเรื่อง..ขอบเมืองด้านตะวันออก..ก็คือ..ซอยฝั่งทิศตะวันออก
ทั้งหมด..นับตั้งแต่สะพานควาย..ไล่ลงไป..ยัน..อนุสาวรีย์ชัย..โดยที่..ริม
ถนน..ที่สามแยก(เดี๋ยวนี้ สี่แยก)ประดิพัทธ์..จะมีตึกแถวมากกว่าเขาเพื่อน..เป็นย่านธุรกิจฝั่งเหนือ..ของกรุงเทพ...ซอยที่ยาวกว่าเพื่อน..ทางฝั่ง..
ตะวันออก..คือ..ซอยสุทธิสาร(ถนนสุทธิสาร..ในปัจจุบัน)มีตึกแถว..หน้า
ปากซอย..และเข้าไปในซอยไม่ลึก..ซอยนี้มีคน..อยู่หนาแน่น..แต่ก้นซอย
จริงๆ..สมัยนั้น..ก็ไม่ถึง..ถนนวิภาวดีในปัจจุบัน(อย่าลืม..สมัยนั้นไม่มี..
ถนนวิภาวดี..)..ที่เหลืิอเป็นทางลูกรังเล็กๆไปเข้าที่..ซึ่งส่วนนี้เป็นชานเมือง
ไปแล้ว..เมื่อไล่ลงไปเรื่อยๆ..ผ่าน..กรมทหารราบที่๑..ก็จะไปต่อเนื่องกับ
กองพลทหารม้าที่๑..ติดกัน..ก็เป็น..สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก..ช่อง
๗..(สมัยก่อน..ยุคเป็น.ทีวี..ขาว-ดำ(ไม่มีสี)จะใช้..ช่อง๗...พอมาเปลี่ยน
เป็น ทีวีสี..จึงใช้เป็นช่อง ๕ แทน)...ต่อมาก็จะข้ามคลองแล้วก็ถึง..อนุสาว
รีย์ชัยสมรภูมิ..(คลองที่ข้ามมา..นั้น..เชื่อมกับ..เจ้าพระยา..เลาะหลัง..
โรงพยาบาลพระมงกุฎ..และ..วัดมะกอก..แล้วมาผ่านด้าน..ทิศเหนือ..ของ
อนุสาวรีย์ฯแต่เดิมในยุคนั้น..เชื่อมกับ..คลองสองข้างของถนนพหลโยธิน)
..คลองช่วงนี้คือ..ตำนานของก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์..สมัยก่อนก็ลอยเรือ
กันจริงๆ..ยาวเป็นทาง..จะต้องมีลูกมือ(..ไม่..ลูก..ก็..ผัว..ถ้า ผัวทำ..ก็
เมียส่ง)..รับชาม..จากเรือ..เอามาส่งบนบก..บางทีไม่มี..เก้าอี้ตัวเล็ก..ก็
ยองๆกิน..กันอย่างเอร็ดอร่อย..เหงื่อหยดกันเป็นปี๊บ(เผ็ดอิ๊บอ๋าย)..แต่..
ไม่มีใครบ่น..รักจะกินซะอย่าง..ราคาไม่แพง..ชามละ ๑ สลึง(แล้ว..ก็..
ขึ้น..ราคามาเรื่อยๆ..จนปัจจุบัน)...กินเสร็จ..ต้องมาเอาถุงกระดาษโชคดี
(สมัยก่อนไม่มีถุงพลาสติก...ถุงกระดาษโชคดี..คือถุงอันดับ ๑...
จะพิมพ์..รูป..มิตร-เพชรา(ดารายอดนิยมยุคนั้น)กับ..คำว่า..โชคดี
(ไม่ใช่..ภาพสี..แต่เป็น..โมโนโทน(สีเดียว))..ไว้ด้านหนึ่ง..อีกด้าน
..จะพิมพ์..ตารางหมากฮอร์ส..ไว้.............เอาเล่นแก้เซ๊ง..กับ..
เพื่อนได้)..พ้ดที่ตัวกัน..หลายนาที..กว่าเหงื่อจะแห้ง..รอบๆอนุสาวรีย์..
เป็น..ประจำพบได้ตลอดคือ..ปาหี่..ขายยาแก้ปวดฟัน..เวลาทดสอบให้คน
ดู..จะเรียก..เด็ก(หน้าม้า)ที่ยืนแถวนั้น..ออกมาดูฟันที่ปวด..เอายาใส่.....
แป๊บเดียว..เอาสำลีซับ..หนอนออกมาจากฟันเลย..ดิ้นกระแด๋วๆ..เดินโชว์
ไปรอบๆ..ซักพัก..ก็จะเอา..งูเห่า(ติดยา)..มาขู่..สู้กับ..พังพอน..ขู่..กันไป
..ขู่กันมา..(ไอ้ที่คนมาดูเยอะๆเค้าั้ตั้งใจ..จะมาดู..งูกัดกับ..พังพอน..ไม่ได้
ตั้งใจ..จะซื้อยา)..ซักพัก..ยัดกลับใส่กรง..โฆษณาขายยา..ต่อ..ทำสลับ
ไปมาแบบนี้..บางทีชั่วโมง..งูก็ยังไม่ได้กัดกับ..พังพอน..ซะที...อีกพวก
ก็ขายยา..สลับกับ..เข้าทรง..อับดุล..(เอาผ้าคลุมเด็กแถวนั้น(ก็..หน้าม้า
อีก)..ทำเป็นเข้าทรง..แล้ว..ทายของ..โดยมีการเตี๊ยม..โค๊ต..การพูดกัน
ไว้...ไปขอ..ของคนดู(บางที..ก็หน้าม้า)..แล้วให้..ทรงของ..อับดุล..ทาย
ว่า..เป็น..อะไร...ทายถูก..ทุกที(ก็..วันนี้..เตี๊ยมกันไว้แล้ว..อันแรก..พัด..
อันที่สอง..ร่ม..อันที่สาม..บุหรี่..อันที่สี่..ผ้าเช็ดหน้า....)...โอ๊ย..หมดแรง
ไม่ได้ไปไหนเลย...คาอยู่ที่..อนุสาวรีย์.....จากอนุสาวรีย์เป็นอะไรไว้ต่อ...
ตอนหน้าครับ........แถมคำยอดฮิตของอับดุลหน่อย..อับดุล..เอ้ยยยย
(ตอบ..เอ้ย)..มาที่นี่(ตอบ..มาแหล่ว)..พูชายรูจ้าากก(ตอบ..รู้จัก)..พูยิงรูจ้าากก(ตอบ..รู้จัก)
...มาาทาามมาย(ตอบ..มาเล่าเรื่องเก่าๆให้นายฟัง..งั๊ย)...
....................................................................................
.....จากตอนที่แล้ว..ผมกล่าวถึง..แม่ชี..ที่อยู่ในรูปถ่าย..ที่เป็น..ชวด..
ของผม(แม่ของยาย)..ก็จะเล่าความเป็นมาดังนี้...หลังจาก..ตาชวด(สามี
ของชวด)..เสียแล้ว..ซักพัก..(คำบอกเล่าทั้งหมด..มาจาก..แม่..และ....
ยาย..โดยผมมาเรียบเรียง..อีกที)...ชวด..(ท้ง..ชวด..ยาย..แม่ ของผม..
เป็นคน.ปักษ์ใต้..ชวดและยาย..เป็นคน..ตะกั่วป่า...แม่เป็นคน..ท้ายเหมือง
จังหวัดพังงา)...ซึ่งท่านเป็นคนเงียบๆและไฝ่..ธรรม..อยู่แล้ว..ก็ไม่มีใคร
..ยายที่เป็น..ลูกคนเดียว..ก็..อยู่กับ..ตาที่..ท้ายเหมือง...ท่านก็เลยบวชชี
(ชี..โกนหัว..ถือศีล ๑๐ เหมือน..เณร)...ท่านบวชที่ไหน..ไม่ทราบ..แต่..
ผ่านไปหลายปี..ท่านก็มา..ขอ..เจ้าอาวาสวัดที่..ท้ายเหมือง(ผมจำชื่อวัด
ไม่ได้)..(เจ้าอาวาสองค์นี้(แม่..กับ..ยาย..ก็จำชื่อไม่ได้)เป็นผู้มีอาคมขลัง
เป็นที่นับถือ..ของชาวตลาดท้ายเหมืองในยุคนั้น..)..อาศัย..ในเขตวัด...
เพื่อปฎิบัติธรรม..โดย..ชวดชี(ต่อไปนี้..ผมจะใช้คำนี้..เรียกท่าน)บอก..ว่า
ขออยู่แถว..ปลายเขตวัด..ตรงไหนก็ได้..ถึงใกล้..ป่าช้า..ก็ไม่เป็นอะไร..
..ซึ่งเจ้าอาวาสก็..อนุญาต..โดยได้ที่ๆสุดเขตวัด..ติดกับป่าช้าเลย.....
....(ผมประเมิน..ปี..ที่ท่านไปอยู่..ประมาณปี..๒๔๖๐-๒๔๗๐)..ท่านก็
ไปขอ..เศษไม้ที่..วัด..เอามาสร้าง..ที่อยู่ของท่านเอง..ใช้วิธีมัดๆ..สอดๆ
ของ..ท่าน..หลังคา..มุงจาก...โดยท่านไม่ให้ใครมาช่วย..และก็ทำ..ห้อง
น้ำมิดชิด..แยกออกไป..ระหว่างก่อสร้าง..กลางคืนท่านก็อยู่ใน..กลด...
แบบ..พระธุดงค์..ทุกเช้า..ทานก็จะออก..บิณฑบาต..เดินอุ้มบาตรแบบ
พระ..แรกๆมาอยู่ชาวบ้าน..ก็งง..เพราะไม่เคยมีชี..แถวนี้..ท่านก็ไม่ได้อะไร
..มาทาน..พระ..สงสารก็เอา..อาหารที่บิณฑบาตได้มาแบ่งให้ท่าน..พอ...
ประทังไป.วันๆ..หลังๆชาวบ้าน..เห็นท่านบิณฑบาตทุกวันอย่างไม่..ย่นย่อ
..ก็เริ่มใส่บาตร..ให้ท่านด้วย..ท่านจะเข้าไปที่วัดเพื่อทำบุญ..เฉพาะวันพระ
..โดยปกติ..ท่านก็จะอยู่ปฎิบัติ..เข้าสมาธิที่ๆพักของท่าน..โดยไม่ยุ่งกับใคร
....กว่ายาย..จะตามหาท่านเจอ..ก็เป็นปี..เพราะ..ต้องสอบถามไปเรื่อย..
จากวัดเดิมที่ท่านอยู่เดิม..แล้วชาวบ้านก็ไม่ทราบอะไร..เกี่ยวกับท่าน....
..เพราะท่านไม่บอกใคร...ปรากฎว่าท่านก็มาอยู่ที่ๆท้ายเหมือง..เหมือนกับ
ยาย...หลังจากยายได้พบท่าน..ท่านก็ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร...ยังสำทับ..
ว่า..ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา..ประมาณ ๓-๔ เดือน..ยายก็จะมาหา..ท่านสัก
ครั้ง..บางครั้ง..ต้องยืดไปถึง..๕-๖ เดือน..เพราะ..พอเจอหน้าท่านก็ไล่..
ยายกลับ..บอกว่าไม่มีอะไร..ไม่ต้องมาหรอก..แตเวลายายมาที..ท่านก็จะ
ซื้อของจำเป็นมาให้...หรือไม่ก็ช่วยซ่อม..ที่พักให้..โดยท่าน..จะไม่เอ่ย..
ขออะไรทั้งสิ้น..ท่านจะมีมีด..อยู่ ๑ อัน..คมมาก..ลับ..ทุกวัน..เอาไว้.....
ปลงผมเอง..ทุกวันโกน....เวลายายอยู่ชวดชี..ก็ไม่ได้คุยอะไร..มากเพราะ
ชวด..จะไม่คุยถ้าไม่จำเป็น...ยายเล่าว่า..การเดินไป..ที่พักของชวดชี..
เป็นอะไรที่.น่ากลัวมาก..เพราะต้องผ่านป่าช้า...พอเริ่มโพล้เพล้..ก็ต้องรีบ
กลับ..แต่ดีที่สมัยก่อน..เขตวัดไม่ได้มีรั้ว..เหมือนยุคนี้..ยายก็เลยไม่้ต้อง
ไปเข้าที่หน้าวัด..เพราะจะดูไม่ดี..สามารถกลับ..ตอนเย็นๆได้.......
............เวลาผ่านไปหลายปี....อยู่มาวันหนึ่ง...เื่มื่อยายไปเยี่ยม..ชวดชี
...ท่านก็..ได้พบว่า..กลางหัวของ..ชวดชี..โน..บวมปูด...ยายตกใจ
มาก..คิดว่า..มีขโมย..เข้ามา..ทำร้าย..เพื่อชิงของ..อะไรทำนองนี้
..ก็รีบ..ถามว่า..แม่ไปโดนใครตีหัวเอา...ทีแรก..ท่านก็ไม่ตอบ..
แต่..ยายก็ถามอีก...ท่าน(คง)ขี้เกียจรำคาญ..แต่ท่านเป็น..ชี..ที่
เคร่งครัดใน..ศีล๑๐..ของท่าน..จะโกหกไม่ได้..ท่านจึงบอกว่า..
...หัวไปชน..กับ..อกไก่(..อกไก่..คือ..โครงสร้างส่วนบน..สุด..ของ
บ้าน..ทำหน้าที่..รับน้ำหนัก..จากแป(แป..รับ..น้ำหนักจาก..วัสดุ..
มุงหลังคาอีกที)ที่ส่วนบน..เป็นโครงสร้าง..ของ..โครงหลังคา)
........ยาย..ก็..งง..แหงนหน้า..เหลือบตา..ขึ้นไปดู..เลยถามต่อ..
ว่า..แม่ปีน..ขึ้นไปทำอะไร...ชวดเลยบอกว่า...นั่งสมาธิอยู่...แล้ว
ตัว..มันลอยขึ้นไปเอง..(ชวดชี..ผม..ตอนนั้น..อายุประมาณ ๗๐ ป๊)
...ยายเล่าให้ฟังว่า..งง..มากตอนนั้น..แต่รู้ว่าท่านไม่โกหกแน่..เพราะท่าน
เคร่งมาก...คิดอย่างเดียว..ว่า..ชวดชี..นั่งสมาธิตลอด..อาจคิดไปเอง..
นั่ง..แล้วอาจเคลิ้ม..หัวก้มไปเรื่อย..เลยไปโขกกับ..ข้างฝา..แต่แปลกใจ
เหมือนกัน..ที่..รอยใน..อยู่กลางหัวเลย....ถ้า..ก้มไปเรื่อยๆแบบ..สัปประ
หงก..รอยโน..น่าจะอยู่ที่..หน้าผากด้านบน........
...........ยาบยก็ไม่ว่าอะไร..ต่อ..รีบกลับไปหา..มะกรูดและดินสอพอง
ที่บ้าน..เอามาคั้นและผสมกัน(..ยาแก้หัวโน..พื้นบ้าน..)..แล้วเอามา...
พอกให้ท่าน...เสร็จก็กลับ..และไม่ได้เล่าให้ใครฟัง..แม้แต่ลูก.....
..............เอาละครับ..วันนี้พอก่อน..ตาชักลาย..ค่อยมาต่อ..วันหน้า..
..ไม่แน่ใจ..ว่า..ตอนของ..ชวดชีของผม..จะจบ..ในตอนหน้า..รึเปล่า..
..เพราะยาว..เหมือนกัน.....................................
...............ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกัน..โดยตลอด...
...........................ขอบคุณ...ครับ..............
..........................สวัสดี.............................

 

ติดตามๆๆๆๆและติดตาม ครับผม ^^

 

ขอบคุณครับ

 

น่าติดตามมากเลยค่ะ ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนนะคะ

 

ยังติดตามอยู่นะครับคุณลุง...(^_^)....

 

ขออณุญาต พี่ modpong ครับ
ภาพประกอบ ถุงโชคดี
ผมยังพอทันได้ใช้อยู่บ้าง แหะ ๆ