ถือศีลกินผักภูเก็ต ชวนคนไทยไปเที่ยว

นับจากเหตุการณ์ "สึนามิ" 26 ธันวาคม 2547 เวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล ที่โดนคลื่น ยักษ์กวาด...ต่างเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและดึงนักท่องเที่ยว

แต่ต้องมาหยุดชะงักอีกครั้งกับเหตุการณ์ทางการเมือง และไข้หวัดใหญ่ 2009

เศรษฐพันธ์ พุทธานี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยมาเที่ยวภูเก็ต ให้กลับมาคึกคักเหมือนเดิม



งานประเพณี "ถือศีลกินผัก" ระหว่างวันที่ 18-26 ตุลาคม 2552 ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9

กล่าวถึง "เทศกาลกินเจ" คนทั่วไปจะต้องนึกถึง "ประเพณีกินผัก" ที่ จ.ภูเก็ต ความศรัทธา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การสะเดาะเคราะห์ ทาน ศีล การทรมานกาย การเสียสละ สีเหลืองและแดง ประทัดและควันธูป เสมือนช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อย ป้องกัน ทุกข์โศกของพี่น้องไทย จีน

ชาวจีนในภูเก็ตเรียกประเพณีนี้ว่า "เจี๊ยะฉ่าย" เป็นประเพณีในลัทธิเต๋า นับถือบูชาเซียนเทวดา เทพเจ้า วีรบุรุษ นับถือมาช้านาน โดยเฉพาะคนจีนฮกเกี้ยน

ประเพณีเจี๊ยะฉ่าย เริ่มขึ้นครั้งแรกที่หมู่บ้านไล่ทู (ในทู) เป็นหมู่บ้านกะทู้ ต.กะทู้ จ.ภูเก็ต คนจีนที่อพยพเข้ามาทำเหมืองแร่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) มีการค้าขายแร่ ดีบุก กับปอร์ตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ



เมื่อมีเหตุภัยเกิดขึ้น จึงมีการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละองค์ที่นับถือบูชา ให้มาคุ้มครองปกป้อง

ต่อมามีคณะงิ้วจากจีนเดินทางมาเปิดแสดงที่บ้านในทู แสดงอยู่ได้ ตลอดปี เนื่องจากเศรษฐกิจของชาวในทูดีมาก อยู่มาระยะหนึ่งคณะงิ้ว เกิดการเจ็บป่วยเป็นไข้ และนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ประกอบพิธี "เจี๊ยะฉ่าย" (กินผัก) ที่เคยปฏิบัติมาทุกปีในเมืองจีน

จึงได้ตกลงประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย เพื่อขอขมาโทษขึ้นที่โรงงิ้ว น่าอัศจรรย์ โรคภัยไข้เจ็บก็ค่อยๆลดน้อยลง มีการประกอบพิธี "เจี๊ยะฉ่าย" ต่อมาอีก 2-3 ปี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆหายไป

ชาวจีนที่มาอาศัยทำเหมืองแร่ เริ่มมีความศรัทธาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น

ถึงวันนี้ ประเพณี "เจี๊ยะฉ่าย" (กินผัก) ชาวภูเก็ตปฏิบัติติดต่อกันมาหลายร้อยปี

นิรมิตร ช่างเหล็ก ประธานศาลเจ้าเชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต กล่าวว่า ในแต่ละปีมีคนกินเจเพิ่มมากขึ้น เมื่อก่อนการแพทย์ไม่เจริญ ชาวบ้านมาขอยาขูดไม้ที่องค์พระเอาไปกินเพื่อรักษา ปรากฏว่าหาย จึงเป็นที่ร่ำลือ และศรัทธามากขึ้น

วันงานถือศีลกินผักที่จะจัดในเดือน ต.ค. จะมีชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยกันทำกับข้าว โดยไม่ต้องจ้าง อาหารที่เตรียมไว้มีข้าว 15 กระสอบต่อวัน รสชาติอาหารปีนี้จะทำรสจัดขึ้นไม่จืดชืด โดยขอกุ๊กจากโรงแรมมาช่วยทำอาหารเจด้วย ทุกอย่างในโรงเจฟรีหมด



18 ต.ค. 52 วันแรกของงานประเพณีกินผัก จะมีพิธีโขกุ้น พิธีซ่งเก้ง ทักซ่อ วันที่สองจะทำพิธีเหมือนกัน วันกินผักวันที่ 7 ตอนสองทุ่มจะมีพิธีขึ้นบันไดมีด เดินสะพานตะปูบริเวณตลาดนัดเชิงทะเล

วันที่นักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยให้ความสนใจมากที่สุดคือ วันกินผักวันที่ 8 จะทำพิธีลุยไฟ หรือ "โก้ยโห้ย"

"ปีนี้ศาลเจ้าเชิงทะเลครบรอบ 109 ปี ในวันพิธีลุยไฟ จะใช้ถ่าน 109 ถุง ปกติแต่ละปีใช้ 36 ถุง นอกจากนี้ยังมีเดินสะพานตะปู ระหว่างทำพิธีไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และม้าทรงก็ใช้อาวุธในตำนานเท่านั้น"

นิรมิตร ประธานศาลเจ้าเชิงทะเล กล่าว


นิรมิตร

ส่วน ศาลเจ้าท่าเรือ อ.ถลาง ก็เตรียมจัดงานประเพณีถือศีลกินผักเช่นกัน โดย ฮก ติ่น หัวหน้าฝ่ายพิธีกรรมศาลเจ้าแห่งนี้เปิดเผยว่า วันงานจะมีชาวบ้าน ประธานแต่ละหมู่บ้าน บริษัท ห้างร้านต่างๆมากมาย ให้ความร่วมมืออย่างดี และที่นี่จะขึ้นเสาโกเต้ง (สัญลักษณ์ของการกินผัก) และวันที่ 5 ของการกินผัก จะมีขบวนแห่ไปในเมือง

ที่นี่จัดต่อเนื่องมา 40 ปีแล้ว ใช้หลักพอเพียง ใครมาก็ทานได้

ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ทุกคนเท่าเทียมกัน ช่วงเทศกาลคนภูเก็ต

จะถือศีลกินผักทั้งเมือง มีแต่คนแต่งชุดขาว

นักท่องเที่ยวก็ยังใส่ชุดขาว

ฮก ติ่น บอกว่า "ปีนี้ศาลเจ้าท่าเรือ จะไม่มีบันไดมีด"

นอกจากประเพณีถือศีลกินผักจะเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีธุรกิจอื่นที่เติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจ

ธุรกิจสปา เกิดขึ้นเกือบ 200 แห่งในเมืองภูเก็ต อย่างที่ โรงแรมเอวาซอนรีสอร์ทแอนด์ซิกเซนส์สปา ธริน ทัชทองจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบอกว่า ที่นี่เน้นความเป็นธรรมชาติ ถือเคล็ดโดยทำทางเข้าเป็นโค้งอุโมงค์ เดินผ่านอุโมงค์ออกมาเหมือนโลกใหม่ ผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น



ยังมี โรงแรมวิจิตรรีสอร์ตแอนด์สปา และ สุโขสปา เน้นความเป็นธรรมชาติ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการจำนวนไม่น้อย

แหล่งที่จะดึงเม็ดเงิน เข้าเมืองภูเก็ตยังมี สนามกอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็น สนามกอล์ฟเรดเมาท์เทนท์ภูเก็ต เป็นสนามที่สร้างบนภูเขา รักษาความเป็นธรรมชาติของป่าไม้เขตร้อนชื้นไว้เป็นอย่างดี หรือจะเป็น สนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรีคลับภูเก็ต สนามกอล์ฟแห่งแรกใน จ.ภูเก็ต มีทัศนียภาพงดงามตามธรรมชาติ

ทนงศักดิ์ หงษ์หยก ผู้ดูแลและเจ้าของสนามภูเก็ตคันทรีฯ บอกว่า เปิดมา 20 ปี บนเนื้อที่ 400 กว่าไร่ 18 หลุม คนไทยและต่างชาติมาตีเยอะ ตอนนี้กอล์ฟเป็นกีฬาที่คนยอมรับ และได้ฝึกให้คนมีวินัยมากขึ้น เรียกว่าถ้ามาภูเก็ตไม่ได้มาตีสนามนี้ถือว่าไม่ถึงภูเก็ต

พิษเศรษฐกิจ และไข้หวัด 2009 ที่คาดการณ์กันไว้ว่า ยอดนักท่องเที่ยวเมืองภูเก็ตจะตกถึง 30 เปอร์เซ็นต์นั้น ชลธิศ ณ นคร ผู้จัดการโรงแรมเมอร์เคียว หาดป่าตอง เปิดเผยว่า โรงแรมนี้เปิดมา 2 ปี หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ยอดนักท่องเที่ยวตก 20 เปอร์เซ็นต์

"ช่วงเทศกาลกินผักจะได้นักท่องเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ และคนไทยเข้ามาเพิ่ม"


เศรษฐพันธ์

เศรษฐพันธ์ พุทธานี ผอ.ททท.ภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ มี 27 สายการบินมาลงที่ภูเก็ต อีก 30 ปีข้างหน้าจะมีนักท่องเที่ยวมาประมาณ 26 ล้านคนต่อปี

"ที่คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวหายไปจากภูเก็ต 30 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏหายไปแค่ 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น"

ตอนนี้ ททท.กำลังทำโครงการขี่จักรยานชมเมืองภูเก็ต เพื่อ สุขภาพและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะได้รับการสนับสนุนจักรยานของ "โกไฮ้" สุกิจ โชติเฉลิมพงษ์ หากนักท่องเที่ยวสนใจสามารถติดต่อได้"

ผอ.ททท.ภูเก็ต ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเข้ามาเที่ยวในช่วงประเพณีกินผักเมืองภูเก็ต 9 วัน มีชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ และจะมีเงินหมุนเข้ามาประมาณ 30 ล้านบาท

และภูเก็ตจะคึกคักมาก ถ้านักท่องเที่ยวไทยทำความเข้าใจใหม่ว่าค่าใช้จ่ายในการเที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างที่คิด เมื่อคนไทยมาเที่ยวเมืองไทย ไม่เพียงถูกกว่า ยังสนุกและสะดวกสบายกว่าเที่ยวเมืองนอก ยังมีส่วนช่วยเศรษฐกิจเมืองไทยให้ดีขึ้น.


ถือศีลกินผักภูเก็ต ชวนคนไทยไปเที่ยว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์​

 

เสริมนิดนึงจ้า




เมื่อมีเหตุภัยเกิดขึ้น จึงมีการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละองค์ที่นับถือบูชา ให้มาคุ้มครองปกป้อง

ต่อมามีคณะงิ้วจากจีนเดินทางมาเปิดแสดงที่บ้านในทู แสดงอยู่ได้ ตลอดปี เนื่องจากเศรษฐกิจของชาวในทูดีมาก อยู่มาระยะหนึ่งคณะงิ้ว เกิดการเจ็บป่วยเป็นไข้ และนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ประกอบพิธี "เจี๊ยะฉ่าย" (กินผัก) ที่เคยปฏิบัติมาทุกปีในเมืองจีน

จึงได้ตกลงประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย เพื่อขอขมาโทษขึ้นที่โรงงิ้วโดยนำกำยานและของประกอบพิธีทุกอย่างมาจากประเทศจีนเข้าสู่เกาะ น่าอัศจรรย์ โรคภัยไข้เจ็บก็ค่อยๆลดน้อยลง มีการประกอบพิธี "เจี๊ยะฉ่าย" ต่อมาอีก 2-3 ปี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆหายไป

 

น่าไปเหมือนกันนะ แต่ติดตรงที่เป็นโรคแพ้คนเยอะๆ อ่ะไว้ชมทางทีวีเอาแล้วกัน