คาถา บูชาเสด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร) - เอื้ออังกูร

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย torphak, 1 กุมภาพันธ์ 2021.

  1. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
     
  2. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube catsbark8
    www.youtube.com/watch?v=_7n1go4yXpM
    อสงไขยเวลา Asongkhai Wela (Thai Instruments Cover)
    Thai Instruments Cover:
    ขิม (Khim) - Candy Krajangsri
    ระนาด (Ranad) - Mint Wattanatorn Cello - Phillip Sriployrung
    Piano - Bee Nilprapa Arranged by - Bee Nilprapa
    Recorded & Mixed at Key of Bee Studio (Los Angeles, CA)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  3. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ ตอนที่ ๑๐ – ลงฝึกงาน
    ศรัณย์ ทองปาน

    11 สิงหาคม 2021

    hmsrevenge.jpg

    เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ทรงปฏิบัติได้ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้ว กลางปี ๒๔๔๐ ทางกระทรวงทหารเรือของอังกฤษจึงต้องจัดให้พระองค์ลงฝึกงานประจำเรือรบราชนาวี

    ก่อนหน้านี้เคยมีคนไทยไปเรียนวิชาการเดินเรือในอังกฤษมาแล้ว และน่าจะได้รับเกียรติว่าเป็น “คนไทยคนแรก” ที่เคยกระทำเช่นนั้น คือนายฉ่าง แสง-ชูโต (๒๔๑๕-๒๔๘๙ ภายหลังเป็นพลเรือเอก พระยามหาโยธา) น้องชายคนเล็กของจอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)

    นายฉ่างได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี ๒๔๒๕ หรือเมื่อพระองค์เจ้าอาภากรฯ มีพระชันษาเพียง ๒ ขวบ นายฉ่างเข้าเรียนในโรงเรียนพาณิชย์นาวีของอังกฤษจนสำเร็จการศึกษาในปี ๒๔๓๐ จากนั้นจึงศึกษาต่อวิชาปืนและวิชานำร่องในวิทยาลัยทหารเรือ แล้วเข้ารับราชการในราชนาวีอังกฤษ และเคยประจำการกับกองเรือรบอังกฤษที่ “สถานีจีน” (China Station) (ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการในเขตทะเลจีน และมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก) ก่อนกลับเข้ามารับราชการในกรมทหารเรือของสยาม จนสุดท้ายได้รับตำแหน่งสูงสุดคือจเรทหารเรือ

    เข้าใจว่าจากกรณีของนายฉ่างคงเป็นข้อเทียบเคียงให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ให้พระองค์เจ้าอาภากรฯ ลงฝึกงานกับ “สถานีจีน” บ้าง

    ช่วงต้นปี ๒๕๖๒ มีบทความของอาจารย์ริชาร์ด เอ. รูท (Richard A. Ruth) หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ของโรงเรียนนายเรือ สหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการของมหาวิทยาลัยแห่งชาติ สิงคโปร์ ว่าด้วยพระประวัติช่วงนี้

    อาจารย์รูทค้นพบจากหลักฐานทางฝ่ายอังกฤษว่า รัฐบาลสยามแจ้งความประสงค์ว่าต้องการให้พระองค์เจ้าอาภากรฯ ลงฝึกงานในกองเรือทะเลจีน (คงอ้างตามกรณีของนายฉ่าง) โดยขอให้จัดลงประจำเรือรบหลวง “พาวเออร์ฟูล” (HMS Powerful) เรือรบที่ทันสมัยที่สุดลำหนึ่งของราชนาวีอังกฤษและเป็นเรือธงประจำกองเรือทะเลจีน แต่ทางการอังกฤษบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเรือลำดังกล่าวมีลูกเรือลงประจำเต็มอัตราแล้ว

    แต่เหตุผลแท้จริงเบื้องหลังคำปฏิเสธนั้น คือเรื่องความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์

    ในปลายศตวรรษที่ ๑๙ อังกฤษคงไม่สามารถยินยอมให้มีนักเรียนทำการนายเรือที่เป็นถึงเจ้าชายแห่งโลกตะวันออก (an Eastern Prince) ไปป้วนเปี้ยนอยู่บนเรือรบที่มีเทคโนโลยีล่าสุด มิหนำซ้ำยังมีโอกาสได้ล่วงรู้นโยบาย หรือแนวทางปฏิบัติการทางทหารของอังกฤษในน่านน้ำเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    สุดท้ายทางการอังกฤษจึง “จัดการ” ส่งพระองค์เจ้าอาภากรฯ ลงฝึกงานประจำเรือรบหลวง “รีเวนจ์” (HMS Revenge) เรือธงประจำกองเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อันแสนห่างไกลจากทะเลจีนและราชอาณาจักรสยาม

    หนังสือกราบบังคมทูลของพระยาวิสุทธฯ ฉบับวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๔๔๑ กล่าวถึงการฝึกงานของพระองค์เจ้าอาภากรฯ ไว้ว่า

    “…เรือริเวนช์ยังเชิญเสด็จไปเที่ยวร่อนเร่อยู่ในฝั่งเตอรกี ทั้งข่าวคราวและรายงานกว่าจะได้ก็ยากที่สุด เพราะนานๆ ได้ทีหนึ่ง…”

    ที่มา : https://www.sarakadee.com/2021/08/11/hms-revenge/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  5. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube PS J.NewArtyCenter
    Royal thai navy song (เพลงถอนสมอเวอร์ชั่นดุริยางค์ราชนาวี)
    www.youtube.com/watch?v=DqT3C5WOmzw

    อกเอ๋ย...ขอลาก่อน เมื่อเรือถอนสมอขอปองไหว้ กราบลา แผ่นดินไทย อยู่ไหนใจยังห่วงหวงไม่เลือน แต่นี้...เช้าเย็นค่ำ ข้าคงเห็นแต่น้ำฟ้าเป็นเพื่อน จ้องดู แต่ดาวเดือน ให้เหมือนรักที่เตือนของเพื่อนใจ ลอยเรือ...เหนือลูกคลื่น ที่คลั่งคอยกลืนชีวิตไป ชีพนี้ เหมือนเส้นใย ที่ภัยทะเลจ้องปองหมาย คลื่นลม...ฝนกระหน่ำ สู้กับฟ้าและน้ำมิยอมหน่าย นี่เรา ก็เป็นชาย ไม่ตายคงได้คืนผืนแผ่นดิน #ดุริยางค์ราชนาวี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  6. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    อัญเชิญพระรูป “เสด็จเตี่ย” ขึ้นประดิษฐานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร


    ddb286f56260664933f85ae583659de688da7a058832880188d440d737fbc515.jpg

    วันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้ประกอบพิธีประดิษฐานพระรูปจำลอง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” ณ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) “น้ำตกไทรคู่” อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    โดยมีพระอาจารย์ณริชธันร์ ศรีอิทธิมนต์ วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่อุทยานร่วมในพิธี ทั้งนี้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรได้ใช้พระนามของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตั้งเป็นชื่อของผืนป่านี้ อีกทั้งวันที่ 19 ธันวาคม 63 เป็นวันครบรอบวันประสูติครบ 140 ปี ของพระองค์ท่าน จึงได้อัญเชิญพระรูปเสด็จเตี่ยที่จัดสร้างขึ้นและผ่านพิธีพุทธาเทวาภิเษก เจริญพระพุทธสมโภช ณ วัดป่าภัทรปิยาราม ขึ้นประดิษฐานเพื่อให้เจ้าหน้าที่อุทยานและประชาชนนักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา

    aca1780de488861b330fef8f540161ee34411bf4746a1e9103040262f8d60404.jpg

    จากนั้น นายพิชัย พร้อมด้วย นายไพโรจน์ นาครักษา ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายจำลอง จงศรี ผอ.สอป. ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) และ อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง โดยได้ทดสอบการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) และเน้นย้ำให้มีการฝึกทบทวนสม่ำเสมอ การรายงานสถานการณ์กรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน การเตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลปีใหม่ตามมาตรการฯป้องกันโรคโควิด-19 การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว/หน่วยงาน พร้อมทั้งเน้นย้ำให้มีการระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมกันนี้ ผอ.สบอ.3 พบ. ได้มอบเสบียง อาหารแห้ง ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่.

    b1237da7e627c152f6ed7b5aa81cb0da87d422d38a9bb11aa634fa8b850c3189.jpg

    4ad2cf290e0a338e4b0f004d636cebfc775341e754754a627cc0fd5253e90615.jpg

    ที่มา : https://siamrath.co.th/n/205646
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  7. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  8. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube วิทวัส สระทองคำ
    ป่าลั่น : สุเทพ ประยูรพิทักษ์
    www.youtube.com/watch?v=Kqek0BaVmO0

    เมื่ออาทิตย์ฉายฉาบอาบผืนป่า เหล่านกกาบินโฉบยอดไม้ไหว พลิกฟื้นตื่นพงพีพนาไพร ให้เริงใจรักป่ารักธาตรี ป่าคือหวังเลี้ยงชีพยังยั้งยืนอยู่ ฝังวิญญาณเคียงคู่มีศักดิ์ศรี สองมือกอบสุจริตชอบมอบความดี ปกปักษ์ที่รักผืนป่าอย่าให้ใคร ป่าลั่น

    ผลงานจากการประพันธ์คำร้องของ ชาลี อินทรวิจิตร
    ทำนองโดย: สมาน กาญจนะผลิน
    ต้นฉบับร้องโดย สุเทพ วงศ์กำแหง เมื่อปี 2504


    สำหรับในเวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานของ สุเทพ ประยูรพิทักษ์ ความร่มรื่นของป่า ความสดชื่นของสายน้ำ กลิ่นไอดินไอป่ายามฝนโปรย เสียงนกร้องที่แทรกมาในความเงียบ เสียงระงมของสรรพสัตว์ยามวืกาล ธรรมชาติของป่าที่งดงามยิ่งเหล่านี้เป็นความสุขที่มิต้องซื้อหา ที่ผูีคนในเมืองไม่มีโอกาสได้สัมผัส ผู้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ย่อมมีภาวะจิตทีอ่อนโยน ผ่อนคลาย สดชื่นและเย็นใจ…ป่าจึงเป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ มีมนต์ขลังให้พวกเราต้องระลึกถึงอยู่เสมอ ในขณะที่จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ป่าไม้ของประเทศไทยกลับยิ่งถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อต้นน้ำลำธารถูกทำลาย ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเกิดภาวะแห้งแล้ง เมื่อยามน้ำหลากก็เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เป็นปัญหาต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร กลายเป็นทุกข์ร้อนของแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงเกิดแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์ป่าไม้ให้ยืนยง ทรงสร้างความตระหนักให้รักป่าไม้ด้วยจิตสำนึกร่วมกัน (Awareness and Sharing Participation) มากกว่าวิธีการใช้อำนาจบังคับ ทรงพระราชทานพระราชดำริให้มีการปลูกต้นไม้ 3 ชนิด ที่แตกต่างกัน คือ ไม้ผล ไม้โตเร็ว และไม้เศรษฐกิจ เพื่อจะทำให้เกิดป่าไม้แบบผสมผสานและสร้างความสมดุลแก่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถตอบสนองความต้องการของรัฐและวิถีประชาในชุมชน ประการสำคัญนั้นมีพระราชดำริที่ยึดเป็นทฤษฎีการพัฒนาด้านป่าไม้โดยปลูกฝังจิตสำนึกแก่ประชาชนว่า ...เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็พากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง... นับเป็นทฤษฎีที่เป็นปรัชญาในด้านการพัฒนาป่าไม้ที่ยิ่งใหญ่โดยแท้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  9. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    “ตลาดนางเลิ้ง” แรกเริ่มตลาดบก ที่ตั้งของต้นตำรับความอร่อย
    upload_2021-8-12_6-26-52.jpeg upload_2021-8-12_6-27-20.jpeg upload_2021-8-12_6-27-47.jpeg


    556000005747501.jpg

    บรรยากาศภายใน ตลาดนางเลิ้ง
    เมื่อครั้งอดีต การสัญจรค้าขายนั้นจะใช้ทางน้ำเป็นส่วนใหญ่จึงเป็นที่มาของคำว่าตลาดน้ำ แต่กาลเวลาได้ล่วงเลยมาถึงยุคสมัยของความทันสมัย การคมนาคมทางถนนสะดวกขึ้น การสัญจรค้าขายทางน้ำจึงได้ลดบทบาทลงไป แปรเปลี่ยนมาอยู่บนบก โดยตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทยนั้นคือ

    “ตลาดนางเลิ้ง”

    556000005747502.jpg

    ตึกเก่าบริเวณด้านหน้าตลาด ริมถนนนครสวรรค์
    ตลาดนางเลิ้งเป็นชุมชนและตลาด ตั้งอยู่ถนนนครสวรรค์ เขตดุสิต โดยก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2443 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด ซึ่งแต่เดิมเรียกย่านแห่งนี้ว่า “ย่านสนามกระบือ” จนกาลเวลาได้ผันเปลี่ยนเรียกย่านนี้ว่า “อีเลิ้ง” เหตุที่มีชื่อเรียกแบบนี้เนื่องด้วยบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมบรรจบคลองเปรมประชากร มีชาวมอญล่องเรือนำตุ่มอีเลิ้งมาวางขายและกลายเป็นชื่อคุ้นปากจวบจนถึงยุคสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการเปลี่ยนชื่อให้สุภาพขึ้นว่า “นางเลิ้ง”

    556000005747503.jpg

    “ศาลกรมหลวงชุมพร”
    มนต์เสน่ห์ที่พบเห็นได้คือตึกรามบ้านช่องทั้งด้านนอกและด้านในตลาดนางเลิ้งนั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบเก่าที่สวยงาม โดยปัจจุบันได้มีการบูรณะทาสีใหม่ให้สีสันงดงามมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในตลาดยังเป็นที่ตั้งของร้านค้าร้านอาหารต้นตำรับมากมายให้ผู้ที่ได้มาเยือนได้จับจ่ายลองลิ้มชิมรส ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวานก็ต่างเป็นสิ่งขึ้นชื่อของตลาดแห่งนี้ อาทิ ขนมเบื้องโบราณ ร้านบะหมี่ ส.รุ่งโรจน์ ไส้กรอกปลาแนม ข้าวเกรียบปากหม้อ นันทาขนมไทย

    556000005747504.jpg

    ” โรงภาพยนตร์เฉลิมธานี”
    ด้านในหลังตลาดยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลกรมหลวงชุมพร” อันศักดิ์สิทธิ์ถือได้ว่าศาลแห่งนี้มีความใกล้ชิดกับกรมหลวงชุมพรฯ มากกว่าศาลอื่นๆ เพราะวังเก่าของท่าน (ปัจจุบันคือบริเวณพณิชยการพระนคร และ ธ.ก.ส.)ตั้งอยู่เยื้องคลองผดุงกรุงเกษมไปไม่ไกล เป็นที่สักการะขอพรของผู้ที่อยู่และผู้ที่ได้มาเยือนตลาดแห่งนี้ และอีกสถานที่สำคัญเมื่อครั้งอดีตนั้นก็คือ “โรงภาพยนตร์เฉลิมธานี” ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่ปัจจุบันได้เลิกกิจการไปแล้วคงเหลือเป็นเพียงโกดังเก็บของ

    556000005747505.jpg

    พระอุโบสถและพระเจดีย์ “วัดโสมนัสราชวรวิหาร”
    ใกล้กันนั้นยังเป็นที่ตั้งของ “วัดโสมนัสราชวรวิหาร” หรือวัดโสมนัสฯ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาปัตยกรรมภายในวัดเป็นแบบไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระอุโบสถและพระวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม ภายในวัดมีพระเจดีย์อยู่ 2 องค์ องค์แรกคือ พระเจดีย์องค์ใหญ่ เป็นเจดีย์ทรงลังกาสีทองใกล้พระอุโบสถบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สูงเด่นเป็นสง่าสามารถมองเห็นได้ไกลซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาชมความงามสักการะเเละขอพรกันอย่างไม่เคยขาด ส่วนอีกองค์คือพระเจดีย์องค์เล็ก หรือที่เรียกกันว่าเจดีย์มอญ เป็นพระเจดีย์แบบลอมฟาง มีลักษณะเช่นเดียวกับปรินิพพานสถูปในอินเดีย กล่าวกันว่า พระเจดีย์ลักษณะนี้หาชมได้ยากมาก ในประเทศไทยมีเพียงสองแห่งคือที่นี่ และที่วัดกันมาตุยาราม ในกรุงเทพฯ อีกองค์หนึ่งเท่านั้น

    “ย่านตลาดนางเลิ้ง” แห่งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย แต่ยังเป็นย่านที่คงมนต์เสน่ห์ดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นอาคาร อาหารหรือวัดวา เป็นอีกหนึ่งย่านของผู้ที่ชอบกินชอบเที่ยวควรได้มาเยี่ยมเยือนซักครั้ง

    ที่มา :
    1.https://mgronline.com/travel/detail/9560000055237
    2.ภาพประกอบ www.google.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  10. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  11. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  12. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ประเภท :อนุสรณ์สถาน

    ที่อยู่ :ต.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร

    ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดแหลมสน สร้างเป็นรูปเรือจำลองจักรีนฤเบศร เรือจำลองมีขนาด กว้าง 29 เมตร ยาว 79 เมตร สูง 6 เมตร สร้างจากความศรัทธาของประชาชน โดยเฉพาะคนในชุมชนปากน้ำหลังสวนได้เสียสละทั้งทรัพย์และแรงงาน ใช้งบก่อสร้างประมาณ 12 ล้านบาท ภายในเรือเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ส่วนบนดาดฟ้าเรือมีรูปปั้นของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มองเห็นทิวทัศน์ของชายทะเลปากน้ำหลังสวนได้

    kromluang.jpg Kromluang2.jpg

    ที่มา :http://www.chumphon.go.th/2013/page/kromluangchumphon
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  13. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  14. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  15. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2021-8-12_7-4-11.jpeg

    เพลง "เดินหน้า"
    คำร้อง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

    เกิดมาทั้งที มันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น
    อีกสามร้อยปี มันก็ไม่มีใครใครจะเห็น
    ใครเขาจะนึก ใครเขาจะฝัน เขาก็ลืมกัน เหมือนตัวเล็น
    ครั้นนานไปเขาก็ลืม ใครหรือจะยืมชีวิตให้เป็น
    ใครจะเห็น เขาก็จะเห็นแต่น้ำใจ
    จำได้แต่ชื่อ ว่าตัวเราคือทหารเรือไทย
    ตายแต่ตัว ชื่อยังฟุ้ง ไปทั่วทั้งกรุงก็ไม่ลืมได้

    ทั้งเซาท์ทั้งเวสต์ ทั้งนอร์ทั้งอีสต์
    จะคิดถึงตัวเราไย จะต้องตายทุกคนไป
    ส่วนตัวเราตาย จะต้องตายทุกคนไป
    ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืนแต่ชื่อ
    ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือทหารเรือไทย

    เกิดมาทั้งที มันก็มีอยู่แต่ทุกข์ภัย
    วันนี้เคราะห์ดี รุ่งขึ้นพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
    ดีเคยพบ ชั่วเคยเห็น จนเคยเป็น มีเคยได้
    อนาคตเราไม่รู้ ถึงเราไม่รู้ก็ต้องเดินไป
    กลัวไปไย มันก็ล่วงไปตามเวลา
    ไม่ตายวันนี้ ก็คงไปซี้เอาวันข้างหน้า
    วันนี้ยอ พรุ่งนี้ด่า ไม่ใช่ขี้ข้าปากของใคร

    ทั้งเซาท์ทั้งเวสต์ ทั้งนอร์ททั้งอีสต์
    จะคิดถึงตัวเราไย จะต้องตายทุกคนไป
    ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืนแต่ชื่อ
    ให้โลกทั้งหลายเขาลือ ว่าตัวเราคือทหารเรือไทย

    ภาพจาก https://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_56.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  16. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    navy96.jpg

    หัวครูหนังตะโพน เริ่มสร้างขึ้นสมัยเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ


    8%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589.jpg
    อ.ศูภณํฏฐ์ ผู้เป็นเจ้าของหัวครูหนังตะโพนและผู้เขียนบทความนี้

    ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้นานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีโอกาสเสียที จึงพยายามที่จะใช้เวลาที่ยังว่างอยู่ในตอนนี้ รีบเขียนเรื่องราวของหัวครู หรือที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่า เศียรพ่อแก่ ซึ่งจริงๆ วัตถุที่นำมาสร้างมีมากมาหลายแบบ อาทิ ปั้นจากดินเจ็ดท่า เจ็ดป่า เจ็ดโปร่ง หรือแกะจากไม้ขนุน หรือก็กระดาษสา บางสำนักก็ทำจากทำจากหนังตะโพน เหล่านี้ ล้วนมีที่มาที่ไป

    ฉะนั้นพวกลูกศิษย์ลูกหารุ่นหลังควรค่าแก่การศึกษาหาความรู้ เพราะครูของท่านส่วนใหญ่คือพ่อแก่ วันนี้ ข้าพเจ้า จะเล่าถึงพ่อแก่ ที่สร้างจากหนังตะโพน และทำไมต้องใช้หนังตะโพนสร้าง บางท่านอุตริ บอกว่า หนังตะโพนก็คือหนังวัว หนังควาย ถ้าเราไปเอาหนังวัว หนังควายมาสร้างเลย ก็น่าจะได้ ขอบอกไว้เลยนะ นั่นจะนำความวิบัติมาให้ท่าน การที่เขาเรียกว่าหนังตะโพน นั้น เขาถึอว่า ตะโพนเครื่องดนตรีไทยที่มีเสน่ห์ มีมนต์ขลัง ถ้าชุดปี่พาทย์ระนาดเอก ขาดกลองตะโพนเมื่อไหร่ คณะปี่พาทย์วงนั้น จะเล่นไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย การนำหนังตะโพนเก่ามาประกอบเป็นรูปเคารพเศียรพ่อแก่ จึงถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะ หนังตะโพน ถือเป็นของขลัง เพราะผ่านการกราบไหว้ ผ่านการบูชาเป็นร้อยเป็นพันครั้งที่มีการนำไปเล่นไปแสดง

    เมื่อตะโพนลูกไหนถึงเวลาต้องเปลี่ยนหนัง ก็จะมีการถอดเอาหนังเก่าเก็บไว้ ครูเพลงหน้าพาทย์ในอดีต จึงดำริที่จะนำหนังตะโพนมาประกอบเป็นเศียรพ่อแก่ ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า สมัยวงปี่พาทย์ของครูพุ่ม พุ่มเสนาะ ซึ่งเป็นต้นตะกูลของ ครูนิ่ม โพธิ์เอี่ยม ปรมจารย์ครูใหญ่แห่งวัดพระพิเรนทร์ ว่ากันว่าวงปี่พาทย์ของครูพุ่ม เป็นวงประจำวังกรมเสด็จหลวงชุมพรฯ ครั้งกระนั้นพระองค์ รับสั่งให้ครูพุ่มหาหนังตะโพนเก่ามาสร้างหัวครูสำหรับบูชา โดยพระองค์ท่านจะเป็นคนเชิญครูด้วยตัวเอง ครูพุ่มก็ทำตามพระบัญชา หาหนังตะโพนเก่ามาให้ช่างหลวงประกอบเป็นเศียรพ่อแก่ถึงสามเศียร แล้วนำขึ้นไปถวายเสด็จกรมหลวงชุมพร หลังจากนั้น ท่านก็ให้โหราจารย์ตั้งเครื่องบวงสรวงแล้วประกอบพิธีกล่าวโองการเชิญครูด้วยพระองค์เองระหว่างนั้น ว่ากันว่า หลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามฒ่าพระอาจารย์ของพระองค์ท่านก็มาปรากฏกายให้เห็นด้วย ในขณะที่พระองค์ท่านประกอบพิธีกรรมเชิญครู

    8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7.jpg
    ครูสังเวียน สุขรส ลูกชายครูปลด
    ปัจจุบันทั้งครูสังเวียนและครูปลดเสียชีวิตหมดแล้ว
    หลังจากนั้น เศียรพ่อแก่ทั้งสาม จะถูกตั้งประดิษฐานไว้ในห้องบูชาในวังของพระองค์ท่าน และก็มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นเสมอ เพราะเวลาที่เสด็จกรมหลวงชุมพรไม่อยู่ โดยเฉพาะเวลากลางคืนข้างขึ้น จะมีคนเห็นฤาษีถือไม้เท้า หน้าตาดุดันเดินไปเดินมาอยู่ในพระราชวัง จนทำให้ข้าหลวงและทหารมหาดเล็กในวังหวาดกลัวกันไปตามกัน แม้เวลาผ่านล่วงเลยมานมนาน ก็ไม่ปรากฏว่า เศียรพ่อแก่ทั้งสามตกไปอยู่ที่ผู้ใด นับแต่นั้นเป็นต้นมา บรรดาครูนาฏศิลป์สายโขน ละคร ลิเก จึงนิยมที่จะใช้หนังตะโพนนำมาประกอบเป็นหัวครูไว้บูชา เพราะเชื่อว่า จะเป็นเมตตามหานิยม ผู้บูชาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเช่นเสียงของตะโพน และถ้าใครมีเศียรที่สร้างจากหนังตะโพน โปรดเก็บบูชารักษาไว้ให้ดี เพราะเดี๋ยวนี้หายากแล้ว ส่วนใหญ่สร้างจากดินหรือไม่ก็กระดาษสาเสียส่วนใหญ่

    IMG_4505.jpg IMG_4719.jpg IMG_9011.jpg

    หัวครูพ่อแก่สิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ที่ทำจากหนังตะโพน ตำนานสร้างที่เต็มไปด้วยความเข้มขลัง
    จดๆ จ้องๆ อยู่หลายวันที่จะเริ่มต้นเขียนเรื่องราวหัวครูที่สร้างจะหนังตะโพน ซึ่งก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้า ได้เขียนไว้แล้วในบล็อกกูเกิล ฉะนั้น ใครที่ยังไม่ได้อ่านในตอนต้น ก็เข้ากูเกิล แล้วพิมพ์คำว่า”หัวครูสร้างจากหนังตะโพน” ก็จะขึ้นข้อมูลจากบล็อก ที่ข้าพเจ้าได้เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน จึงถือเป็นวิทยาทานให้แก่คนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป สำหรับตอนต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องราวหัวครูหนังตะโพนที่มีความสำคัญกับบรรดาชาวคณะนักแสดง ไม่ว่าจะเป็น คณะลิเก คณะโขน คณะละคร รวมไปถึงคณะนักแสดงลำตัด และคณะเพลงอีแซว รวมไปถึงศิลปินทุกแขนง ต่างก็ให้ความรักความศรัทธาในหัวครูที่เป็นพ่อแก่กันอย่างยาวนานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน การบูชาหัวครู ยิ่งนิยมมากขึ้น

    หัวครูหนังตะโพนหรือเศียรพ่อแก่ที่สร้างจากหนังตะโพน ปัจจุบันต้องถือว่า เป็นสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ของวงการหัวโขนหัวครูในประเทศไทย เพราะถือเป็นของหายากที่สุด ไม่ว่าบ้านไหน คณะไหนถ้าได้มีหัวครูที่สร้างจะหนังตะโพน เขาจะถือว่า เป็นเศียรที่สุดยอดและสำคัญมาก ไม่ใช่จะมีกันได้ทุกคน แม้สมัยก่อนครูผู้สร้างหัวครู ยังเลือกที่จะทำให้กับลูกศิษย์ที่มีลักษณะควรแก่การครอบครอง หรือมีอนาคตที่จะเป็นเจ้าโป๋ (คำเรียกหัวหน้าคณะลิเกสมัยก่อน) จึงจะได้เศียรครูหนังตะโพนไปเป็นสมบัติประจำคณะ สำหรับตัวข้าพเจ้าค่อนข้างโชคดีหน่อย เนื่องเพราะเป็นคนที่ชอบสะสมของเก่ามาแต่ไหนแต่ไร สะสมทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง เศียรครู ของเล่นเก่าตระกูลสังกะสี มีเก็บจนเต็ม

    บ้าน ซึ่งที่จ. สมุทธปราการกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อย จนถึงขนาดหนังสือพิมพ์ข่าวสดและหนังสือพิมพ์บ้านเมือง เคยมาทำช่าวสกู๊ปสัมภาษณ์ลงหน้าพระเครื่องมาแล้วเมื่อปี 52 โดยเฉพาะเศียรครูหรือหัวครูที่สร้างจากดินมงคล ไม้ตะเคียน หรือปู่ฤาษีที่สร้างจากเนื้อดิน 7 ป่าช้า ดินมหามงคลและกระดาษสา ข้าพเจ้ามีทุกแบบ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าโปรดมากที่สุด คือหัวครูที่สร้างจากหนังตะโพนซึ่งถือเป็นของสูงของแรงที่สุดที่ข้าพเจ้าได้ครอบครองอยู่ขณะนี้รองจากเศียรปู่ที่สร้างจากเสาไม้ตะเคียนความ ได้เปรียบในการเป็นนักสะสมของข้าพเจ้า คือต้นตระกูลทางคุณแม่ของข้าพเจ้า คือคุณตาก็เป็นเจ้าของคณะปี่พาทย์ในจ.นครสวรรค์ อ.โกรกพระจึงทำให้รู้จักหัวครูหนังตะโพนมาตั้งแต่เด็ก คุณตาของข้าพเจ้าชื่อครูเมี้ยน ยายชื่อยายผัน ยายทองหยด ทั้งสองท่านเป็นศรีภรรยาของคุณตาหัวฉะนั้นครูหนังตะโพนที่ข้าพเจ้าได้ครอบครองอยู่ขณะนี้ ล้วนมีที่มาจากบรมครูศิลปินหลายสาย ซึ่งมีทั้ง คณะลิเก อย่างเช่นหัวครูรูปพ่อแก่ จากครูมูล ยี่หร่า ครูท่านนี้ถือเป็นต้นตระกูลผู้ก่อตั้งคณะลิเกชื่อประมวลศิลป์

    ชีวิตของท่านถ้าอยู่ถึงตอนนี้ ก็100 กว่าปี ท่านเป็นชาว อ.ป่าโมก จ.พระนครศรีอยุธยาและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวทย์ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล็กเด็กแดง หรือใครไปโดนอะไรมา ก็จะต้องวิ่งมาให้ท่านแก้และรักษา จนเป็นที่เลื่องลือด้านวิชาไสยเวทย์อาคมกันทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา ครูมูลเป็นช่างปั้นเศียร ไม่ว่าจะเป็นเศียรดิน เศียรกระดาษหรือเศียรหนังตะโพนท่านสามารถทำได้หมด ที่สำคัญ คือท่านเก่ง เล่นดนตรีไทย คณะลิเกของท่าน สมัยก่อน(เกือบร้อยปี)ถ้านับตามอายุ เพราะท่านชีวิตของท่านน่าจะเกิดจะทันแผ่นดินรัชกาลที่ 6 ความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์ศิลปิน ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาไหว้ครูช่วงเดือนเมษาท่านก็จะจัดพีไหว้ครู แต่ก่อนหน้า ท่านก็จะเอาหนังตะโพนเก่าๆ ที่ชำรุดแล้ว มาประกอบเป็นเศียรหนังพ่อแก่เพื่อให้กับลูกศิษย์ที่เป็นเจ้าของคณะ ถ้านับเวลาผ่านมาชั่วชีวิตของท่าน หัวครูหนังตะโพนน่าจะกระจายอยู่ในหมู่ลูกศิษย์ที่ยังคงประกอบวิชาชีพนี้อยู่ แต่ถ้าใครเลิกคณะไป หัวครูก็สูญหาย เช่นเดียวกันกับ พ่อครูปลด ท่านผู้นี้ ก็อยู่ในยุคเดียวกับพ่อครูมูล ท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องดนตรีไทย บ้านของท่าน อยู่ที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าของคณะละครชาตรีและมีลูกศิษย์ลูกหามากมายเช่นกัน

    E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A%2B100%2B%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5.jpg


    เศียรครูอายุเกือบ 100 ปี
    เป็นต้นตระกูลของละคร คณะป่าโมก ยุคต้น ๆ พ่อครูปลดเป็นบิดาของพ่อครู สังเวียน สุขรส ถือเป็นครูแห่งกลองตะโพนมือหนึ่งทีเดียว ในสมัยนั้น จึงนิยมสร้างหัวครูจากหนังตะโพนที่ชำรุดแล้ว จากการที่ข้าพเจ้าได้สะสมเศียรหนังตะโพนซึ่งถือว่า เป็นบุญเป็นวาสนาของข้าพเจ้า ที่ได้รับความเมตตาจากบรรดาทายาทของครูเหล่านั้นที่ได้ให้ข้าพเจ้าได้เช่าบูชาเศียรหนังตะโพน ใน ปัจจุบันข้าพเจ้าได้มีแบ่งปันให้กับลูกศิษย์ลูกหาเพื่อนำเงินรายได้มาช่วยสมทบทุนมูลนิธิแสงธรรม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ที่ข้าพเจ้าได้เป็นประธาน สำหรับท่านที่ได้บูชาหัวครูหนังตะโพนจากข้าพเจ้า ไป ขอให้เก็บรักษาบูชาให้ดี เพราะทุกเศียรล้วนมีญาณ

    IMG_9008.jpg 8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5.jpg

    ศักดิ์สิทธิ์สถิตเสถียรสถาพรอยู่ตลอดเวลา บางรายนำไปบูชาก็เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ขึ้นมากมาย จนเป็นที่ต้องการ แต่ของทุกอย่าง อยู่ที่บุญวาสนา ล้วนแต่มีเจ้าของทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าอยากจะบอกก็คือ “ตะโพน” ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเป็นสัญลักษณ์ประจำองค์ของพระประคนธรรพ

    มีเรื่องเล่าอยู่ในพระไตรปิฎกว่า เมื่อสมัยพุทธกาล ท้าวผกาพรหม ได้ท้าทายพระพุทธเจ้าให้หาพระองค์ให้พบ เพื่อจะทดสอบข่ายญาณอันชั้นสูงของพระบรมศาสดา ท้าวผกาพรหม ได้เนรมิตตัวเองให้กลายเป็นผงธธุรีเล็กมาก ไปซ่อนองค์อยู่ในเกษียรสมุทธที่มืดดำ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สามารถค้นพบ พระองค์ก็ทรงให้ท้าวผกาพรหมหาบ้างด้วยการเนรมิตพระองค์ไปซ่อนอยู่ในมวยพระเกศาของท้าวผกาพรหม ทำให้ท้าวผกาพรหมค้นหาไม่พบ หลังจากนั้น พระองค์ก็แสดงตนว่าอยู่ที่มวยผม ท้าวผกาพรหม ทรงยอมแพ้และกล่าวอาราธนาให้หัวครูหนังตะโพนอายุเกือบร้อยปี

    พระองค์เสด็จลงจากมวยผม ไม่ว่าจะอาราธนาอย่างไรก็ไม่เป็นผล พระองค์ก็เงียบเฉย ท้าวผกาพรหม จึงตัดสินใจอัญเชิญบรรดาเทวดา พระประคนธรรพ มาบรรเลงมโหรีที่เราเรียกกันว่า เพลงสาธุการ เพราะบทเพลงนี้ จะต้องขึ้นนำด้วยเสียงตะโพนซึ่งถือเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พอขึ้นเพลงสาธุการ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จลงมาจากมวยผมของท้าวผกาพรหม ณ จุดนั้น เขาจึงถือว่า เพลงสาธุการ เป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ ในการประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธเพื่องานมงคลทุกชนิด โดยเฉพาะพิธีพุทธาภิเศกวัตถุมงคล นี่แหละ คือความสำคัญของหัวครูที่สร้างจากหนังตะโพน ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มหัศจรรย์ที่สุดในวงการหัวครูทั้งปวงโดยฝีมือครูระดับปราชญ์ชาวบ้าน ฉะนั้น พระคาถาที่ตรงสุดในการบูชาเศียรครูหนังตะโพนต้องสวดบทนี้

    โอม พระประคนธรรพพระมุนีเทวาหิตาตุมเหปริภุญชันตุทุติยมปี พระมุนีเทวาหิตาตุมเหปริภูชัญตุตะติยัมปิ พระมุนีเทวาหิตาตุมเหปริภูญชัญตุหมั่นถวายหมากพลู น้ำชากาแฟดำ ทุกวันพฤหัศบดี ท่านจะมีแต่โชคดีครับเบอร์โทรติดต่อ..091-8197891 ไลน์ a0823333341 (อ.ศุภณัฏฐ์ อัฏบวัฒน์)

    IMG_4441.jpg IMG_4461.jpg IMG_4469.jpg

    IMG_4496.jpg IMG_4484.jpg


    IMG_4760.jpg IMG_4763.jpg

    IMG_5285.jpg IMG_4431.jpg

    ที่มา : http://sangtom.blogspot.com/2016/06/blog-post_15.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  17. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  18. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021
  19. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  20. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube TheOngkhaphayop
    หญิงไทยใจงาม ยอดชายใจหาญ ดวงจันทร์ขวัญฟ้า บูชานักรบ :: ดุริยางค์สากลกรมศิลปากร
    www.youtube.com/watch?v=6QsmRcFkJsI


    รำวงมาตรฐานชุด " หญิงไทยใจงาม ยอดชายใจหาญ ดวงจันทร์ขวัญฟ้า บูชานักรบ " บรรเลงโดย วงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร บันทึกเสียงจากแผ่นเสียงกรมศิลปากร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2021

แชร์หน้านี้

Loading...