ข้อคิดจากหนัง

ทุกครั้งที่เราดูหนัง ตัวเองมักจะคิดว่า..เราได้อะไรจากหนังเรื่องนี้..เสมอ
บางครั้ง คำพูดแค่เพียงบางประโยคที่กินใจ ทำให้เราจำไม่ลืม
บางครั้งเรื่องราวในหนัง ก็สะท้อนภาพที่ทำให้เราคิด...

สิ่งที่ได้ที่มากกว่าความบันเทิง..มากกว่าที่คิดว่าเสียตังค์แล้วคุ้มมั๊ย...เลยอยากมาแชร์เพื่อนๆ ที่อาจมีมุมมองที่ต่างออกไป...

ใครดูหนังเรื่อง ...รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน... แล้วบ้าง พูดถึงความน่ากลัว คงบอกได้ว่าอาจสู้หนังผีหลายเรื่องไม่ได้ แต่เรื่องนี้สะท้อนข้อคิดให้เราได้เห็นหลายอย่างทีเดียว...

...เรื่องของการปล่อยวาง..คนเราควรจะมักจะยึดติดกับคนที่รัก..พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ คนที่รัก ยามเมื่อเขาเหล่านั้นจะจากเราไป คนส่วนใหญ่ก็มักจะต้องการให้เขาเหล่านั้นอยู่กับเรา
"อยู่กับผมเถอะนะ อย่าจากไปเลย" ...
"ฉันอยู่ข้างๆ คุณนะ เข้มแข็ง และอยู่กับฉันนะ ฉันอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีคุณ"
.....
เมื่อถึงเวลาที่คนใกล้ตัวเราจะจากไป คำพูด..ความคิด..ที่ห่วงหา ไม่ยอมปล่อย ก็คงเสมือนการยึดติดผูกพันกันไม่ให้ไปไหน ทำให้คนที่จะจากไปกลับมีห่วงขึ้นมา จึงยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหนซะที..รึเปล่า?

...สิ่งที่ผูกมัด...ฉากนึงในหนัง ที่พระเอกกำลังขอนางเอกแต่งงาน เราคิดว่า การพูดด้วยความตั้งใจ ที่ว่า..."เราผูกกันแล้วนะ (พระเอกสวมแหวนให้หนางเอก) ต่อจากนี้ คุณไปไหน..ผมไปด้วย เราจะไปด้วยกันทุกที่..ยามใดที่คุณเฉยๆ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ..ยามใดที่คุณดีใจ ผมจะยืนอยู่ข้างหน้าคุณ..ยามใดที่คุณเศร้า ผมจะอยู่ข้างหลังคุณ.."

แล้วนางเอกก็ร้องไห้ พูดออกมาว่า "นี่มันไม่ได้ผูกแล้วนะ มันมัดกันเลยนะ"
หนังฉายช่วงนี้ ซ้ำ 2 หรือ 3 ครั้ง เหมือนจะบอกว่า 2 คนนี้ผูกพันกัน..ทำให้ยึดติดกัรไม่ไปไหน..

เราคิดว่า คำพูดที่มันกลั่นออกมาจากใจ มันคล้ายๆ เหมือนกับการสัญญา..
การสัญญา คือความตั้งใจที่จะผูกพันกัน..ต้องการจะเกื้อกูลกัน..ต้องการจะมีกรรมร่วมกัน..ต้องการจะพบเจอกันอีก..รึเปล่า??

...กิเลส...กิเลสอันแรกที่เห็น ก็คือ ความอยากได้ อยากเป็นเจ้าของ
ฉากนึง ที่นางเอกอีกคนชื่อบี บอกประมาณว่า..."คนดีๆ แต่เมื่อเกิดการช่วงชิงกัน ท้ายที่สุดก็แสดงความร้ายออกมา..." (ในหนังมีผู้หญิงมารุมชอบพระเอก 2 คน กับ 1 วิญญาณ) ทุกคนแสดงความร้ายออกมาให้เห็น...

เราเคยอ่านนิทานเรื่องนึง บอกว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีความร้าย เสมือนเป็นแม่มดในตัวเอง แต่จักแสดงออกมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนที่รักรอบข้าง...จริงป่าวไม่รู้..แต่เราก็เคยเป็นนะ แต่แค่ร้ายเล็กๆ 55

..กิเลสอีกอัน ก็คือความไม่รู้จักพอ ในหนังพระเอกกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่รักที่สุด แต่ก่อนแต่งงานกลับไปมีความสัมพันธ์กับหญิงคนอื่น และเมื่อความลับเปิดเผย จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ...อันที่จริงคงจะเป็นผลของกรรมในอดีต แต่หากพระเอกรู้จักยับยั้งชั่งใจ ถึงแม้จะต้องมีโศกนาฏกรรม ก็อาจจะส่งผลที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าก็ได้

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมชายที่มีหญิงที่รักที่สุดเคียงข้าง ยังจะอยากได้จากคนอื่นอีก หรือประมาณว่า..ให้ก็เอา..ได้ฟรีก็ดี..อย่างนี้รึเปล่า แต่คุณผู้ชายที่อ่านอยู่ อย่าไปทำเลย จริงใจต่อกันไว้ดีกว่าจ้ะ...

ประมาณนี้แหล่ะ ที่คิดว่าน่าจะเป็นข้อคิด หรือมีประโยชน์ติดมือกลับมาบ้าง จากการเสียตังค์ไปดู แถมยังดูแพงด้วยนะ เพิ่งรู้ค่าตั๋วที่ central world ใบละ 220 เชียว 2 คนเกือบ 500 แน่ะ โหดเชียว...

ไว้มาเล่าใหม่..แต่หากใครได้ดูไรมา ก็มาแชร์กันนะเจ้าคะ...

 

ได้ดูหนังหลายเรื่องเหมือนกันค่ะแต่ละเรื่องให้ข้อคิดต่างกัน แต่ทุกเรื่องของหนังไทยเนียเจนจบหมดเลย555 แต่ชอบอยู่เรื่องนึงเรื่องดั่งดวงหฤทัยชอบมากเลยค่ะ มันดูชวนฝันดี

 

ชอบตอนที่นางเอกพูดว่า เป็นยังไงกันนะรังสิมันดวงตะวันแห่งกาลิก (เหมือนกำลังค้นใจกัน)แล้วพระเอกก็พูดว่า ถึงจะร้อนดั่งตะวันแต่ก็ให้ความอบอุ่นไปทั่วดินแดนอะไรทำนองนี้ละ หวานซะ จนต้องนิ่งรุ้นว่าจะจูบกันไหม555

 

คุณนางพญา ต้องเป็นแฟนละครแน่เลย..คิคิ
แต่ไม่ว่าจะหนังหรือละคร นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว หากเรารู้จักเลือกเก็บสิ่งดีๆ บางอย่าง มันก็เป็นประโยชน์กะเราได้เหมือนกัน เหมือนคำโบราณบอกว่า
"ดูหนัง ดูละคร ให้ย้อนดูตัวเรา"