การที่จะประสบความสำเร็จจริง ๆ คือ เมื่อล้มแล้วต้องรีบลุก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    8A2C7089-70C5-4526-B2F4-A01E65F073CC.jpeg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่งานเล็กก็ตาม ไม่มีใครทำด้วยความมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าจะสำเร็จ ทุกอย่างต้องศึกษาลู่ทางให้ดีที่สุด แล้วก็ตัดสินลงมือทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ระหว่างนั้นถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับแก้ไปตามหน้างาน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราเจอมาทุกคน ไม่ใช่ว่าพอวางแผนงานมาแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นเป๊ะ ๆ คราวนี้การปรับตามหน้างานถือว่าเป็นวิวัฒนาการ เราจะเห็นว่า ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ก็ตาม ถ้าปรับตัวไม่ได้นี่ก็สูญพันธุ์หมด

    มีคนเขาบอกว่า "คนโง่มองว่าตัวเองขาดอะไร คนฉลาดมองว่าตัวเองมีอะไร" อาตมาไปบรรยายเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนให้ประสบความสำเร็จว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยบอกว่า บังเอิญอาตมาจะว่าโง่ก็ไม่ใช่ จะว่าฉลาดก็ไม่เชิง ก็เลยมองทั้ง ๒ อย่าง คือ มองว่าเราขาดอะไรแล้วสร้างใหม่ขึ้นมา มองว่าเรามีอะไรแล้วปรับให้ดียิ่งขึ้นไป

    ฉะนั้น...การจะประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็คือ การล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าต้องไม่ท้อถอย คราวนี้การที่ล้มลุกคลุกคลานนั้น ก็สำคัญตรงที่ว่าใครจะลุกได้เร็วกว่า ก็คือบุคคลที่ไม่ใส่ใจกับความผิดพลาด ความล้มเหลวในชีวิต มีมุมมองที่เป็นแง่บวกเสมอ

    โทมัส แอลวา เอดิสัน ทดสอบเรื่องการสร้างหลอดไฟ ล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว ลูกศิษย์บอกว่า "อาจารย์ครับ...เราล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว อาจารย์ยังคิดจะทำต่ออีกหรือ ?" เอดิสันบอกกับลูกศิษย์ว่า "ใครบอกว่าฉันล้มเหลว ? ฉันประสบความสำเร็จมา ๒๐๐ กว่าครั้ง เพราะฉันรู้ว่า ๒๐๐ กว่าหนทางนั้นใช้ไม่ได้" แล้วก็ทดลองหาทางต่อไป จนกระทั่งเรามีหลอดไฟใช้จนทุกวันนี้

    ฉะนั้น...สำคัญที่มุมมอง คนที่แพ้เป็น ล้มเป็น จะเจ็บน้อย ไปได้เร็ว การล้มเป็นนี่ต้องดูการต่อสู้แบบพวกยูโด ไอกิโดอะไรพวกนั้น เทควันโดก็ได้ ถ้าหากว่าโดนคู่ต่อสู้ทุ่ม หรือว่าเตะตัด ล้ม ถ้าล้มเป็นจะไม่เจ็บ หรือไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา เจ็บก็เจ็บไม่มาก

    คนที่ผิดพลาด ล้มลงแล้วมัวแต่คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น จะประสบความสำเร็จยาก ประมาณว่าจิตตก หมดกำลังใจที่จะไปต่อ แต่คนที่ล้มแล้วลุกเลย ไปต่อได้ระยะทางที่ไกลกว่า ถึงที่หมายเร็วกว่า

    เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน แต่ละคนผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผิดแล้วต้องเริ่มต้นใหม่ ดูว่าที่ถูกกว่านี้ยังมีอยู่ เราล้มครั้งแล้วครั้งเล่า จิตตกครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิตก กรรมฐานแตก นับไม่ถ้วน ความผิดพลาดอยู่ตรงไหน ? เขาถึงได้บอกว่าผิดเป็นครู ก็คือเอาไว้สอนตัวเองว่าจะไม่ผิดอย่างนั้นอีก แต่ส่วนใหญ่พวกเราผิดจนเป็นศาตราจารย์แล้ว แต่ก็ยังแก้ไม่ได้...! คือไม่ใช่ผิดเป็นครูเฉย ๆ แต่ผิดจนเป็นอาจารย์ของอาจารย์ไปแล้ว

    เหตุที่การปฏิบัติธรรมของเราล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะว่าเรายังไม่เข็ด ล้มกี่ครั้งก็ไม่เข็ด คนที่เข็ดจะรู้จักระมัดระวัง แล้วก็แก้ไข เพราะว่าไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีก แต่คนที่ไม่เข็ด ไม่อยากเป็น แต่ไม่สนใจที่จะแก้ไข ต่างกันอยู่นิดเดียว หรือไม่มีกัลยาณมิตรคอยบอกว่า ทางนี้ไม่ดี ทางนี้ไม่ถูก อย่าไป หรือถึงบอกกูก็จะดื้อไป

    อาตมาเองอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ปีแล้วปีเล่าจนกระทั่งมั่นใจว่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านบอกเรา คือเรื่องที่ท่านเองผิดมานับครั้งไม่ถ้วน ผิดจนกระทั่งท่านหาทางที่ถูกที่สุด ง่ายที่สุดให้กับเราแล้ว แม้ว่าทางนั้นจะเป็นประเภททะเลไฟ กะทะน้ำมันเดือดอะไรก็ไปเถอะ ถ้าทุกด้านคือทางตาย ทางด้านนี้จะตายน้อยที่สุด

    แต่พวกเราที่บอกว่ามอบกายถวายชีวิต แล้วไม่ได้มอบอย่างแท้จริง ถึงเวลาครูบาอาจารย์บอกก็ฟัง ๆ ไปอย่างนั้น ลำบากหน่อย กูก็ถอยแล้ว เจออุปสรรคหน่อย กูก็ไม่เอาแล้ว แล้วแบบนี้จะประสบความสำเร็จก็คงจะยาก ต้องยิ่งแพ้ยิ่งสู้ สู้จนกว่าจะชนะ"
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...