"กรรม" เป็นเครื่องชี้ดวงชะตา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย paang, 16 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    โหรลักษณ์ เลขานิเทศ


    [​IMG]

    "ช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น หมอดูย่านคลองหลอดเคยดูไว้ว่า โตขึ้นผมจะต้องมาทำหน้าที่แทนเขา ผ่านไป ๒๐ กว่าปี ผมก็ได้เป็นหมอดูตามที่หมอดูบอกไว้จริงๆ"

    นี่คือคำทำนายของหมอดูท่านหนึ่งที่ อาจารย์ลักษณ์ เลขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ บอกว่า ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะอาชีพที่ทำอยู่ทุกวันนี้ คือ โหร หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันเป็นอย่างดีว่า หมอดู

    โหรลักษณ์ บอกว่า หมอดูส่วนใหญ่หลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ เป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน หยั่งรู้อนาคต เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตคน สามารถแก้เคราะห์กรรม กำหนดโชคชะตาชีวิตคนอื่นได้ หมอดูคนใดคิดเช่นนี้ เรียกว่า เป็นหมอดูจัญไรคน หมอดูหลงตัวเอง

    แท้จริงแล้ว หมอดูเป็นเพียง ผู้อ่านรหัสกรรม ซึ่งไม่ดูสิ่งต่างๆ ก็เกิดขึ้นอยู่แล้ว การดูหมอเพียงแต่การคาดการณ์เหตุที่อาจจะเกิดล่วงหน้าเท่านั้น หน้าที่ของ หมอดูไม่ใช่คนแก้กรรม เพราะกรรมซึ่งหมายถึง การกระทำในปัจจุบัน เป็นเครื่องชีวัดดวงชะตา หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอนคต หมอดูต้องชี้ ทางธรรม บอกทางสว่าง ให้ความหวังในเรื่องดีๆ

    ด้วยเหตุนี้เองโหรลักษณ์ จึงฝากแนะนำผู้ที่นิยมชมชอบเรื่องการดูหมอ คือ การมีสติ ก่อนที่จะมาดูหมอ ต้องศึกษาสืบประวัติ ของหมอดูท่านนั้น ต้องมีคำถามในใจมาก่อน เพื่อมาหาคำปรึกษาจากหมอดู ส่วนสิ่งที่หมอดูแนะนำ แล้วไม่ควรจะไปทำเป็น อย่างยิ่ง คือ คำแนะนำที่ผิดศีลธรรม ผิดขนบธรรมเนียมประเพณีไทย โดยเฉพาะหมอดูที่แนะนำเรื่อง การทำบุญที่เจาะจง จำนวนเงิน และสถานที่ทำบุญ ซึ่งปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยไปหลงเชื่อหมอดูทำให้เสียเงินทองไปจำนวนมาก

    โหรลักษณ์ เล่าถึง ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า เมื่อปี ๒๕๔๓ เกิดเพลิงไหม้ที่บ้าน ปรากฏว่ามีพระอยู่องค์หนึ่งที่ไม่ไหม้ไฟ พระองค์นั้น คือ หลวงพ่อโสธร ปี ๒๔๙๗ ไม่ไหม้ไฟ ส่วนองค์อื่นๆ หลอมละลายหมด แต่หลวงพ่อโสธรส่วนที่เป็นฐาน หลอมละลาย ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

    สิ่งหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้โหรลักษณ์อยู่ไม่น้อย คือ ครั้งหนึ่งมีโอกาสถวายการตรวจดวงชะตาสมเด็จย่า ณ วังสระปทุม โดยสมเด็จย่าพระราชทานพระประจำพระชนมวารสมเด็จย่า (เนื้อทองคำ) ให้ ๑ องค์ พระองค์ดังกล่าวนี้อยู่ในกองเพลิงด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ไหม้ไฟ

    "พระกลีบบัว เมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระประจำพระชนมวารสมเด็จย่า (เนื้อทองคำ) และพระคงลำพูน" พระทั้ง ๓ องค์นี้ เป็นพระเครื่องคู่ใจของโหรลักษณ์ ส่วนคำพูดหนึ่งที่คนมักพูดกันว่า "พระอยู่ที่ใจ" นั้น โหรลักษณ์เถียงหัวชนฝาเลยว่า "คำพูดนี้น่าจะเป็นคนดัดจริตพูดมากกว่า เมื่อตกอยู่ในสภาวะคับขันน้อยคนนักจะมีสติได้ตัวเอง แต่ถ้ามีพระแขวนอยู่กับคอ เมื่อจับดูพระอย่างน้อยสติก็กลับคืนมาได้เร็วกว่า"

    หลายคนอาจจะอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นโหรแล้วทำไมไม่ตรวจดวงชะตาตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โหรลักษณ์ ยืนยันว่า ได้ตรวจพบว่าไฟต้องไหม้บ้านอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงนำเรื่องไปข้อคำชี้แนะพร้อมกับขออุปสมบทจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ โดยท่านแนะนำว่า

    "บวชได้แต่ไม่ให้อยู่วัด แต่ต้องไปจำวัดที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ" หลังจากนั้นจึงตัดสินใจบวชเพื่อสะเดาะเคราะห์ โดยท่านส่งให้ไปอยู่วัดผาเกิง จ.ชัยภูมิ อยู่ปฏิบัติธรรมได้ประมาณ ๑ เดือน ก็ไปอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมอาทิจจวังโส อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กับ พระอาจารย์นพพร อีกประมาณ ๑ เดือน จากนั้นก็เดินทางกลับวัดสระเกศเพื่อสึก

    โหรลักษณ์ เล่าต่อว่า ก่อนสึกได้ดูกฤษ์สึกไว้ว่า ถ้าจะให้หมดเคราะห์ต้องสึก ภายในวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในพรรษา (เข้าพรรษา ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๓) ด้วยความคิดที่ไม่อยากแหกพรรษา ตามความเชื่อของคนโบราณ จึงตัดสินใจสึกในวันเข้าพรรษา เวลาประมาณ ๑๑ โมงเช้า ซึ่งคิดว่าสึกก่อนฤกษ์ ๕ วัน คงไม่เป็นไร ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน ปรากฏว่าบ้านเหลือแต่เถ้าถ่าน เพราะไฟไหม้บ้านในช่วงตี ๔ ก่อนที่จะสึกไม่กี่ชั่วโมง

    จากประสบการณ์ไฟไหม้ครั้งดังกล่าว ทำให้โหรลักษณ์ฉุกคิดได้ว่า ตามคติความเชื่อของคนโบราณ มีวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์อยู่ ๓ ชนิดที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไฟไม้ ประกอบด้วย ๑.พระกำแพงศอก ๒.นกคุ่ม และ ๓.พระคำข้าวหรือคำหมาก ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า บ้านเรือนในต่างจังหวัดทั้งที่เป็นบ้านไม้มุงหลังคาด้วยจาก แต่ไม่เคยมีข่าวเรื่องไฟไหม้ให้ได้ยินเลยสักครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงหาพระกำแพงศอกมาบูชาไว้ในบ้าน

    [​IMG]

    หลังจากนั้นได้มีโอกาสไปกราบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) ครั้งหนึ่ง พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ไฟไหม้ให้ฟัง ท่านได้หลับตาสักพักหนึ่งแล้วพูดว่า "บุญกรรมนี้แรงนัก อุตส่าห์ให้ไปบวชในที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ ให้ปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่พ้น เพราะว่ากรรมบางอย่างหนีไม่ได้"

    จากคำพูดของสมเด็จเกี่ยวทำให้โหรลักษณ์เชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า "กรรมบางอย่าหนีไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องไฟไหม้หนีไม่ได้" ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อดูดวงให้ตัวเองพบว่าบ้านต้องไฟไหม้ได้เตรียมตัวป้องกันเป็นอย่างดี ตั้งแต่การตรวจตราสายไฟที่ชำรุด ขนของมีค่าไปฝากบ้านญาติ รวมทั้งให้น้องที่ติดบุหรี่ย้ายไปอยู่ที่อื่น รวมทั้งบวชเพื่อเสริมดวงชะตาให้ตัวเอง แต่ไฟก็ไหม้อยู่ดี โดยเหตุเกิดจากคนติดยาบ้าใกล้ๆ บ้าน จุดไฟเผาบ้านตัวเอง และที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง คือ ไม่ได้ทำประกันอัคคีภัย

    โหรลักษณ์ บอกด้วยว่า ถ้ามีคนมาให้ตรวจสอบดวงชะตาและพบว่ามีมุมของดวงดาวชีวิตที่จะเกิดไฟไหม้บ้าน ก็จะแนะนำกลับไปว่า ต้องทำสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลก่อน คือ ๑.ให้ตรวจตราเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟภายในบ้าน ๒.ความเสี่ยงจากเพื่อนบ้าน ๓.อุปกรณ์ดับเพลิง สายน้ำ ๔.ทางหนีทีไล่ หมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๕.ย้ายทรัพย์สินที่มีค่าไปฝากไว้บ้านญาติหรือเพื่อน หลังจากนั้นจึงไปคิดเรื่องการทำบุญปฏิบัติธรรมเพื่อเสริมบารมี แม้ว่าจะไม่พ้นเคราะห์เลยทั้งหมดทีเดียว แต่ก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้

    "สรรพสิ่งในโลกเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร มันก็เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ตามหลักพุทธศาสนา คือ เมื่อทำดีต้องให้ดีที่สุด ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำนั้นประกอบด้วยคุณงามความดี เป็นไปตามศีลธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ก็ขอให้ทำไปเถอะ"
    โหรลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย

    ที่มา http://www.komchadluek.net/
     

แชร์หน้านี้

Loading...