กรรมดี กรรมชั่ว กรรมเก่า

"กรรมดี กรรมชั่ว กรรมเก่า" ในมุมมองของ...พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด




บางคนมียศใหญ่ แต่ไม่เคยทำประโยชน์ให้กับสังคมเลย สู้ทหารชั้นยศน้อยๆ อย่าง ๒ นายทหารนาวิกโยธิน ที่ถูกสังหารจากโจรใต้ อย่างเหี้ยมโหด แสดงให้เห็นว่า ยศเขาไม่ใหญ่ แต่เขาทำประโยชน์ ให้กับประเทศชาติอย่างยิ่งใหญ่ ดีกว่าคนที่ยศเต็มบ่า แต่ไม่เคย ทำอะไรให้กับบ้านเมืองเลย
แม้ว่าลาภยศสรรเสริญ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.ต.ท.วันชัย อยากให้คนที่มีลาภยศสรรเสริญ ย้อนถามตัวเองว่า เมื่อมียศมาแล้วได้เคยทำประโยชน์กับสังคมบ้างไหม ทำให้ใหญ่เหมือน ยศที่ใหญ่ตามมาด้วยหรือเปล่า ถือเป็นสิ่งที่ต้องติดตามดู บางคนซ้ำร้ายชอบคุยโอ้อวดไปวันๆ เป็นเรื่องที่ไม่ดีไปกันใหญ่

วันนี้อยากให้คนที่มียศสูงประเมินตัวเองว่า ทำอะไรให้กับ สังคมบ้างหรือยัง ถือเป็นหลักการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง เพราะถ้าคนเรามียศสูงแล้วทำประโยชน์ให้กับสังคม จะเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ในทางกลับกัน คนมียศสูงแต่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง เป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด
"ผมเชื่อในเรื่องของบาปบุญ หรือกฎแห่งกรรม ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้า คงไม่สั่งสอนเอาไว้ว่า กรรมมีจริง จะเกิดเร็วเกิดช้าก็ขึ้นอยู่กับกรรมเก่าจากภพที่แล้ว ทำไว้มากน้อยแค่ไหน มีหลายคนพูดเหมือนกันว่า ชาตินี้ทำความดีกลับไม่ได้ดี ตรงกันข้ามกับคนที่ทำอะไรไม่ได้เรื่อง ชีวิตทำไมถึงได้ดีวันดีคืน อธิบายได้ว่า คนที่ทำดีแล้วยังไม่ได้ดี เป็นเพราะว่ายังมีกรรม ไม่ดีจากอดีตชาติ" พล.ต.ท.วันชัย กล่าวพร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า

กรรมเหมือนเราปลูกต้นไม้สองต้น ต้นที่หนึ่งปลูกก่อนก็จะได้เห็นผลก่อน ต้นที่สองปลูกตอนหลังก็ยังคงไม่เห็นผล ต้นไม้ที่ออกผล ก็เหมือนกรรมดีที่เราทำเอาเช่นที่ผ่านมาก็ได้ กรรมดี นอกจากเราทำทุกอย่างแบบ ไม่เบียดเบียนใครแล้วเป็นคนชอบทำทานให้กับคนที่ด้อยโอกาสมากกว่า และเป็น คนชอบไปทำบุญให้วัดตามจังหวัดที่ยังเหมือนมีความบริสุทธิ์แบบธรรมชาติให้เราได้เห็น
เมื่อถามถึง พระเครื่องคู่ใจ พล.ต.ท.วันชัย บอกว่า พระสมเด็จ บางขุนพรหม เป็นพระเครื่องที่แขวนติดเสื้อมาเป็นเวลาประมาณกว่า ๒๐ ปีแล้ว โดยพี่เขยให้มา ให้เป็นสิริมงคลกับหน้าที่การงาน ซึ่งที่ผ่านมามีเหตุการณ์แคล้วคลาดกับชีวิตมีอยู่ ๒ ครั้ง

พล.ต.ท.วันชัย เล่าว่า เหตุเฉียดตายครั้งแรกเกิดขึ้นประมาณปี ๒๕๑๕ ขณะเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ขับรถยนต์เก่าๆ อยู่คันหนึ่ง วันนั้น จะขับรถไปกินข้าวกับเพื่อนที่ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ระหว่าง ขับผ่านถนนพระราม ๔ ก็เลยขับเข้าไปเอาเสื้อในซอยสุขุมวิท ๒๔ พอได้เสื้อแล้ว ก็มาสตาร์ทรถ ทันใดนั้นรู้ได้ทันทีว่าเบรกเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปรากฏว่า จากการตรวจพบคือสายยางเบรกมันหลุด ใช้ไม่ได้เลย พอเจอแบบนี้ก็เลยไม่ได้ไป จึงต้องเอารถไปเข้าอู่ซ่อม

ตรงนี้มันทำให้เกิดเป็นอุทาหรณ์ว่า ถ้าวันนั้นไม่มีอะไรดลใจให้มาเอาเสื้อเสียก่อน ไม่รู้ว่าจะไปประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแค่ไหน ถ้าหากต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน เวลานั้นจำได้ว่า แขวนพระสมเด็จวัดปากน้ำ รุ่น ๒



ส่วนเหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นระหว่างเป็นตำรวจตระเวนชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีหัวหน้าพ่อค้าอยู่คนหนึ่งชื่อนายฮวด คนจีนเขมร เป็นหัวหน้าแก๊งพวกหนีภาษี ตำรวจเราก็ไล่จับกัน โดยในวันนั้นเดินทางไปกับลูกน้อง มีปืนกับกระบองอย่างละอันติดตัวเท่านั้น คนพวกนี้นำของหนีภาษีเข้า จ.สระแก้ว ตำรวจก็วิ่งไล่จับจนเกือบจะข้ามแดนและกระโดดข้ามห้วยคมโหวต แต่ด้วยความไว ของนายฮวดได้เอาสปาร์ต้าแทง ระหว่างที่แทงเข้ามาได้เอา มือปัดออกทันที ทำให้คมมีดบาดเข้าที่มือ
ทันใดนั้นได้จับปืนพกขึ้นมาเหนี่ยวไก โดยคิดว่าถ้าเสียงปืนดัง นายฮวดก็คงหยุด แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น นายฮวดเข้ามาแย่งปืน ทำให้ล้มลงไปทั้งคู่ นายฮวดแย่งปืนและพยายามหันปากกระบอกปืนไว้ด้านหน้า นับว่าโชคดีที่การหันปากกระบอกปืนมา นายฮวดก็ไม่สามารถลั่นไกได้ เพราะปืนลูกโม่นกจะอยู่ด้านนอก และลูกน้องวิ่งมาตามทันพอดี เลยช่วยล็อกนายฮวดไว้ได้

"ผมคิดว่า การแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่อง ไสยศาสตร์ หรือปาฏิหาริย์ แต่คิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราแขวนติดตัว ท่านจึงดลใจ ทำให้เราแคล้วคลาด ส่วนจะเป็นเรื่องปาฏิหาริย์อย่างไรนั้น เราคงต้องคิดแบบวิทยาศาสตร์ผสมผสานกันด้วยว่า มันอาจเป็น ความบังเอิญก็ได้ ที่นายฮวดหันมาแทงผม แต่เขาคงไม่มีเวลาตั้งหลัก ผมเอามือ ปัดมันเลยทำให้เขาพลาดไปมากกว่า" พล.ต.ท.วันชัยเล่าเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.วันชัย พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า บางคนชอบมองไปถึงชาติหน้า นรก สวรรค์ ก็เหมือนกับเราฝากเงินไว้กับธนาคาร ที่หวังผลหวังดอก หวังเอาไว้ใช้ แต่คิดว่าปัจจุบันสำคัญที่สุด เพียงแค่ ทำแต่สิ่งดีเอาไว้ ชีวิตเรามันจะดีที่สุด เพื่อให้ความดีปรากฏแก่สังคมน่าจะดีกว่า ทุกวันนี้ จะสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เพราะการสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิมันจะทำให้ใจมีสมาธิ และสิ่งสำคัญเราเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ต้องเป็นคนให้ อย่าหวังสิ่งตอบแทนแบบธุรกิจ ทำแค่นี้ชีวิตเราก็จะมีความสุข


ที่มา : http://www.komchadluek.net/