kindred

เดี๋ยวผมก็จะกลับเหมือนกันครับ เดี๋ยวเอาไว้ปั่นงานพรุ่งนี้ต่อ อิอิ
คุณ mead ก็คงปั่นงานอยู่แน่เลย เงียบไปเลย

กลายเป็น search engine ไปซะแล้วเรา อิอิ [IMG]

power by Google

ความสนใจผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยครับ บางช่วงสนใจพวกเรื่องราวเก่าๆ ก็มี

อ่า ปกติเป็นคนอยากรู้อะไรก็ พยายามจะค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ อ่ะครับ มันก็เลยหาอะไรเจอมาได้เยอะ
ถ้าหาข้อมูลหาเวปอังกฤษจะเจอข้อมูลเยอะกว่าเวปไทยมาก อันนี้ confirm แต่ก็ต้องขยันแปลหน่อย

และก็ถ้าใช้ google คล่องก็หาอะไรเจอง่าย นึกคำ keyword ดีๆ

คิก คิก คิก ประมาณนั้นเลยแหล่ะ [IMG]

ใช่ครับ คือเล่มนั้นแหล่ะพี่ช้าง เอ้ย คุณเครด แต่ว่ายังอ่านไม่จบเลย (มีค้างไว้หลายเล่มเลยนะนี่ [IMG])

ส่วนเรื่องของนพลักษณ์น้องลิง เอ้ย ผมว่ามันเพราะว่านพลักษณ์นั้นมันไม่สามารถชี้ชัดไปได้ว่าคนลักษณ์นี้จะต้องมีนิสัยมีอะไรเดี๊ยๆ อย่างที่เค้าว่าไว้ เพราะว่ามันยังมีปีก มีลักษณ์รองอีก ส่วนมากเราจะเคยชินกับการทำนายที่บ่งชี้ได้ชัดเจนอย่างดูนิสัยตามราศี ตามกรุ๊ปเลือดอะไรอย่างนั้นมากกว่า เลยเคยชินว่านพลักษณ์จะต้องเป็นอย่างนั้น

และอีกอย่างนึง เวลาเรากลัว เวลาดีใจเราก็มีแนวโน้มที่จะไปยังลักษณ์อื่นอีก

และตามหนังสือที่อธิบายลักษณ์ท่าที บางท่าทีท่าทาง ก็เป็นบุคลิกของฝรั่ง เราก็ต้องมาปรับใช้กับบ้านเราอีก อย่างที่เห็นเค้าเขียนมานี่ (ไปก็อปมาจากเวปนพลักษณ์นะ)
-----*------*-------*-------*-------*-------
หมายเหตุ :
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ผู้เข้าอบรมสังเกตุเห็นในตัวคนแต่ละลักษณ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตก ซึ่งอาจมีส่วนต่างจากชาวตะวันออกอย่างพวกเรา และข้อสรุปข้างต้นก็ไม่ได้หมายความว่า คนในลักษณ์หนึ่ง ๆ จะมีลักษณะหรือใช้ภาษาท่าทางเหมือนกันหมด เพราะทุกคนย่อมมีเอกลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างจากคนอื่น ตัวอย่างเช่น แม้เราจะพบคนเจ็ดที่พูดเร็วอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเจ็ดทุกคนจะพูดเร็ว

นอกจากนี้ ความหมายของภาษาท่าทางแต่ละอย่างก็อาจขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ แม้การยิ้มจะแสดงออกถึงความดีใจของคนทุกชนชาติ แต่ก็มีภาษาท่าทางอื่น ๆ ที่มีความหมายแตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรม
-----*------*-------*-------*-------*-------
ถึงได้บอกไงว่า มันมีรายละเอียดเยอะกับนพลักษณ์เนี่ย

ส่วนเรื่องการแบ่งกลุ่มที่ว่าไว้ในหนังสือ โนวา อนาลัย ก็ยังไม่ได้ลองจัดกลุ่มดูเลยว่าอยู่ในกลุ่มไหน คงต้องไปค้นอ่านอีกรอบล่ะมั๊ง ตอนนั้นก็พยายามรีบอ่านให้จบซะด้วย

ว่าแต่ก็นั่นสินะ เรื่องนี้ก็มาสนใจคล้ายๆ กันอีก เดี๋ยวนึกก่อนจะมีเรื่องอะไรอีกมั่ง หุหุ

ก็ แบบว่า จะหาคำว่า จิตวิญญาณต่างร่าง จากกูเกิลหน่ะ จะหาดูว่าจิตวิญญาณที่พี่นักเขียนอธิบายว่ามี 3 อย่างมีอะไรบ้าง แล้วก็ไปเจอบทความเรื่องนี้

แต่อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็รู้จักเสมสิกขาก่อนแล้วจากเรื่องจิตวิวัฒน์ แต่ก็ไม่ได้ตามอ่านยาวนานเท่าไหร่

เรื่องนพลักษณ์ก็เคยอ่านครับ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ต้องศึกษานานมาก ไม่ใช่เพราะว่าเนื้อหาเยอะหรอกนะ แต่ว่ามันมีรายละเอียดเยอะ อย่างเช่นคนลักษณ์ 5 บางคนก็มีโน้มเอียงไปลักษณ์ 6 หน่อย บางทีถ้าดูไม่ออกอาจจะนึกว่าเป็นคนลักษณ์ 6 เคยดูตัวเองแล้วรู้สึกว่าเป็นคน....ลักษณ์.....ไหนหว่าจำไม่ได้ อ้อ ก็คงประมาณ 5 กับ 6 นั่นแหล่ะ คือ ผู้สังเกต(5) กับ นักปุจฉา(6) แต่ก็ยังไม่ชี้ชัดไปได้ว่าลักษณ์ไหนแน่

เรื่องการวิเคราะห์คนเนี่ย ก็ชอบๆ อ่านเหมือนกันนะ ทีแรกเลยคือเริ่มอ่านจากหนังสือจิตวิทยาที่ว่าวิเคราะห์ว่าคนทำท่าทางอย่างนี้คิด/รู้สึก อย่างไรอยู่ แล้วก็มีมาอ่าน จริต 6 และก็นพลักษณ์ แล้วก็หนังสืออะไรของฝรั่งอีกเล่มที่คนเขียนเป็นคนทำงานศาลเกี่ยวกับการมองคน วิเคราะห์คนอะไรเนี่ยแหล่ะ

ช่วงนี้สนามแม่เหล็กโลกกำลังปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่สูงขึ้นครับ
พลังงานถูกส่งเข้ามากระทำเยอะครับ ช่วงวันที่ 30 ช่วงบ่ายๆ ผมจะรู้สึกปวดศีรษะมากๆครับ เหมือนมีวงแหวนมารัดไว้ที่ขมับ ต้องค่อยๆผ่อนคลายความร้อนออกมาทางลมหายใจ และผิวหนัง อาการก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ(tm-love)

แน่นอนครับ พลังงานนั้นจะส่งผลต่อ อารมณ์ ความคิด และร่างกายเราครับ
เหมือนกับเป็นการทำความสะอาดให้สมดุลมากขึ้น

แนะนำว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งนั่งสมาธิครับ ให้ใช้สติเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงทางใจ และกายอย่างเดียวครับ

และอาการต่างๆจะค่อยๆหายไปเอง ช่วงที่พลังงานด้านบวกส่งมากระทำ ต้องพยายามรักษาอารมณ์ให้สมดุลนะครับ ไม่อย่างนั้นจะทำปฎิกิริยาที่รุนแรงกับพลังงานที่ส่งมา

เมื่ออาการต่างๆหายไปจากการที่เราประคองสติ และอารมณ์ให้สมดุล ลองดูว่า จิต และกายเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นรึเปล่าครับ ;)

เข้าไปอ่านแล้วครับ
ทุกเรื่องในตอนนี้คือเรื่องเดียวกันจริงๆครับ

หน้าที่ของทุกคน คือ หาพระเจ้าในตนเองให้พบ และนำพลังอำนาจของพระเจ้าแสดงออกมาในชีวิตประจำวัน
คือ พลังอำนาจทั้งมวลที่มีอยู่ในตนเอง คือรูปแบบทุกอย่าง ทั้งความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่งภายใน ความมีสุขภาพดี ความดีงามทั้งหลาย ที่มาจากหัวใจของตนเอง

พายุสุริยะ เป็นพลังงานที่ส่งมาจากจุดดับดวงอาทิตย์ครับ เป็นพลังงานด้านบวก ที่ช่วยยกระดับการเข้าถึงพระเจ้าภายใน และฟื้นฟูต่อมไร้ท่อทั้งหลายให้สมบูรณ์พร้อมต่อการใช้งานได้มากขึ้นครับ

เพิ่งเข้ามาครับ พอดีออกไปทำธุระนิดหน่อย ช่วงนี้รู้สึกว่ามีพายุสุริยะพัดเข้ามาตั้งแต่วันที่ 30/06/08 ครับ เดี๋ยวจะลองเข้าไปอ่านดูนะครับ

[IMG]
เอาน้ำผลไม้มาฝากครับ

สงสัยจะเผางานไฟลุกท่วมไปแล้วมั๊งคุณเดรด.. หุหุ
พรุ่งนี้ไม่อยู่นะ...มาอรุณสวัสดิ์ล่วงหน้าครับ

สวัสดีครับ วันนี้ปั่นงานแต่เช้าเลยเหรอครับเนี่ย

อรุณสวัสดิ์ครับ..คุณเดรค
หวังว่าจะทำงานเสร็จทันนะครับ..ลุ้นไปด้วย อิอิ

อ่านเล่มความฝันจบไป 1 เล่ม ตอนนี้ยังไม่ได้ขึ้นเล่มสองเลยค่ะ

...พี่เดรด ..คิดว่า ปั่นงานซะจนไม่มีเวลาเข้ากระทู้แล้วนะเนี่ย ..อรุณสวัสดิ์ตอนสายๆ ของวันพุธจ๊ะ

[IMG]

ดำน้ำมาดูหน่อย..หลับคาโต๊ะรึยังเอ่ย
ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณเดรดดดดดด.....พรุ่งนี้พบกันครับ

[IMG]

(||)
คำตอบชุดนี้ลึกซึ้งจริงๆครับ...คุณเซลล์ เอาไปโพสหน้าบอร์ดดีกว่า..แจ๋วว
คุณเดรค..กลับบ้านได้เหรอ งานเสร็จรึยังหนอ ?

ผมว่ารูปๆนึง แทนความหมายได้มากมาย
ซึ่งถูกต้องทั้งหมดครับ
แต่จากเส้นทางความเป็นไปได้ทั้งหลายในการมอง เป็นตัวช่วยเติมเต็มให้สมบูรณ์ได้มากขึ้นครับ
การปีนเขาที่เป็นขนมนั้น ในขณะปีนเขาอาจจะไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าขณะที่ปีนอยู่นั้น เขากำลังปีนขนมเค๊กก้อนนึง จนเมื่อปีนขึ้นปีนลง ปีนไปซ้ายขวา มองจากมุมมองด้านบน จากที่ฐานขนมเค๊ก จากด้านซ้าย ด้านขวา และจากภายในขนมเค๊ก จนเห็นภาพรวมทั้งหมดว่า สิ่งที่กำลังปีนอยู่คืออะไร ก็คือ ขนมเค๊ก 1 ก้อนนั่นเอง สิ่งที่ได้จากการปีนขึ้นปีนลง ดูแล้วดูอีก พิจารณาแล้วพิจารณาอีก ก็คือ ความเข้าใจที่ได้จากการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ตามเส้นทางของกาลเวลา
แต่หากมองจากมุมมองของจักรวาลแล้ว จะมองทะลุเครื่องพรางทั้งหมด และเห็นว่าสิ่งที่นักปีนเขากำลังพยายามค้นหานั้น คือ ขนมเค๊กทั้งก้อน ดังนั้นในสายตาของจักรวาลแล้ว จึงเห็นทั้งคนที่กำลังอยู่ที่ฐานขนมเค๊ก คนที่กำลังปีนขนมเค๊ก คนที่อยู่บนยอดขนมเค๊ก คนที่อยู่ทุกๆตำแหน่งของขนมเค๊ก ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันหมดในปัจจุบัน
มุมมองของจักรวาล กับ มุมมองของมนุษย์ จึงแตกต่างกัน ด้วยช่องว่าง ระยะทาง และกาลเวลา

โดนไฟล้นเหรอครับวันนี้...เร่งเข้านะครับ ...
มาช่วยกันยึดเวลาให้ยาวววววววหน่อย จะได้ทันครับ
(||)