แนวทางปฏิบัติธรรมของ หลวงปู่ต่างๆ

โอวาทธรรมหลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

"ทุกข์ไม่ชอบ สุขฉันจึงชอบ ไอ้ความเป็นจริงนั้นนะ สุขหรือทุกข์นี่ นะ มันมีโทษเท่าๆ กันนะ มีคุณค่าเท่าๆ กัน แต่ว่าสุขนั้นนะ มันเข้าข้างเรา ไอ้ความรักมันเข้าข้างเรา ไอ้ความเกลียดมันไม่เข้า มันอยู่ข้างนอก มันหยาบเหลือเกิน

มองเห็นได้ง่ายๆ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว เราไม่ใจดี ดีใจไม่ได้ ไอ้ความดีใจนั้้นแหละ เราพากันแสวงกัน แสวงหาความดีใจ ดีใจ ดีใจก็เป็นกิเลสอย่างยิ่งเหมือนกันนะ เหมือนกันกับความที่ไม่ดี ธรรมะที่แท้จริง ท่านพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ยินดียินร้าย"

หลวงปู่ชา สุภทฺโท

 

โอวาทธรรมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

"สติเป็นสำคัญมาก กิเลสจะมีมากมีน้อยข้ามสติไปไม่ได้ สติเอาอยู่ๆ ทีเดียว
จึงได้มาเป็นคำบอกเล่าให้หมู่เพื่อนฟัง หรือเป็นคำสอนก็แล้วแต่จะพิจารณาเอง
ถ้าว่าคำสอนมันจะหนักไป ถ้าว่าเป็นคำบอกเล่าก็แล้วแต่ผู้ใดจะยึดไปปฏิบัติยังไงๆ

เรื่องสตินี่สำคัญนะในความพากเพียร ท่านทั้งหลายอย่าเผลอสติ จับสติให้ดีให้ติด อุบายวิธีการต่างๆ ที่ได้รับความทุกข์ความลำบากทรมานนี้ก็เพื่อบำรุงสติ

ถ้าสติดีแล้ว กิเลสจะขึ้นได้ลำบาก และจะขึ้นไม่ได้ แล้วปัญญาฟันละที่นี่ สติดี ปัญญาฟันขาดสะบั้นๆ ไปเลย ปัญญานะแก้กิเลส สติจับให้ ปัญญาเป็นผู้ฟัน สำคัญที่ตรงนี้"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

 

โอวาทธรรมหลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฎิบัติของคนอื่น ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั้นแหละมากๆ
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วเกิดอารมณ์ร้อนใจ

ยังไม่ต้องบอกเขาให้แก้ไขอะไรหรอก รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อน ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่ใจ.. ไม่แน่..อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้

เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้ สักแต่ว่า ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด

ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความคิดเห็น พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตนเอง ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร

หลวงปู่ชา สุภทฺโท

 

โอวาทธรรมหลวงปู่หา สุภโร
วัดสักกะวัน จ.กาฬสินธุ์

...ได้บุญมาก หรือ บุญน้อย บ่ สำคัญดอก สำคัญว่า..ที่เก็บบุญของคุณนั้น เก็บบุญอยู่ บ่

ตัดตัว แบ่งเขา แบ่งเรา ตัดกูดี เขาเลว กูสูง เขาต่ำ ออกเสียได้ คุณก็บรรลุแล้ว

แท้จริง ความนึกไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์
...
กระดูกเราก็หนักพออยู่แล้ว อย่าไปเที่ยวเอากระดูกใครมาแบก ให้คุณทำใจเหมือนพระอาทิตย์ ใครจะว่า หรือ จะชม ก็ยังทำหน้าที่ของตนเสมอ ไม่หยุดหย่อน

โยมถาม : หลวงปู่ครับ ถวายอะไรได้บุญมากที่สุด ?

หลวงปู่ตอบ : ถวายความอยากได้ของคุณน่ะ ได้บุญที่สุด
ทำสมาธิ มัวแต่หาความสงบจนลืมปัญญาที่เกิดตามทางที่จะไปสู่ความสงบ พิจารณาจนเกิดปัญญา มันเกิดความสุขใจ สุขกายจนสงบ ดีกว่าสงบแบบโง่ สงบแบบก้อนหินจะได้ประโยชน์อะไร สงบแบบมีปัญญา ดีกว่าสงบแบบโง่ๆ นะ ไป ๆ ทำต่อให้มันล้มเหลว มันยังมีค่ากว่าล้มเลิก

หลวงปู่หา สุภโร

 

โอวาทธรรมหลวงปู่สรวง สิริปุญฺโญ
วัดป่าศรีฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

ถ้าความเพียรของเรากล้า มันเผาได้หมดทุกอย่าง เผากิเลส เผาความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกจากใจของสัตว์โลก เผาได้หมดทุกอย่างในร่างกาย อะไรนี้มาขวางไม่ได้ จะมาปิดบังไม่ได้

หลวงปู่สรวง สิริปุญฺโญ

 

โอวาทธรรมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

ศีล

1. สมาทานวิรัติ คือ การเอาพระเป็นพยานในการรับและรักษา
2. เจตนาวิรัติ คือ การรักษาศีลโดยไม่ต้องมีผู้ใดเป็นพยาน(สมาทาน)
3. สัมปัตตวิรัติ คือ งดเว้นเฉพาะหน้า อย่างมีสัตว์ที่จะฆ่า แต่เรางดเว้นซะ ด้วยความละอายบาป
4. สมุจเฉทวิรัติ คือ งดเว้นตลอดไป โดยมากเป็นคุณสมบัติของพระอริยะเจ้า

ที่เราสมาทานกันอยู่นี้คือการเอาพระเป็นพยานนะ ไม่ใช่ท่านมอบศีลให้เรา ศีลจะเกิดขึ้นแก่ท่านผู้มีเจตนางดเว้นเท่านั้น

พระธรรมเทศนาในงานบำเพ็ญกุศล 100 วัน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

 

โอวาทธรรมหลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน
วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร

เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว เดินทางไปทำธุระที่สกลนคร ไปด้วยกัน 3 คน ได้มีโอกาสแวะไปกราบองค์หลวงปู่ที่วัดป่าโสตถิผลเป็นครั้งแรก ขณะที่นั่งในศาลา มองดูในกระเป๋าเงินติดตัวก็มีไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าอีกนานกว่าจะได้มีโอกาสมากราบท่านอีก จึงตัดสินใจหยิบเงินขึ้นมาแล้วกราบเรียนขอถวายปัจจัยกับท่าน

หลวงปู่มองมาด้วยสายตาที่เมตตามากพร้อมกับกล่าวว่า

"เก็บไว้เถอะหลวงปู่ไม่เอาเงินหรอก ตู้บริจาคก็ยกหนีหมดแล้ว "

นึกถึงแล้วน้ำตาจะไหลเลย ตั้งใจไว้ว่าจะต้องหาโอกาสไปทำโรงทานงานหลวงปู่ให้ได้

หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน
Cr : Piched Wongmas

 

โอวาทธรรมหลวงพ่อชยสาโร ภิกขุ
ที่พักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา

หน้าร้อน แห้งแล้ง ทางเกวียนที่ขวักไขว่มีฝุ่นตลบ
เมื่อฝนตกห่าใหญ่ อากาศเย็นลง ขี้ฝุ่นจางหาย ผู้คนเดินทางสะดวก
แต่ถ้าฝนตกแค่ครั้งเดียว ไม่นานก็กลับแห้งใหม่ ฝุ่นก็ตลบเหมือนเดิม

ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำจิตให้สงบเยือกเย็นได้ แต่ถ้าไม่ทำต่อเนื่องจิตจะกลับไปแห้งแล้งอีกครั้ง และขี้ฝุ่นคือกิเลส จะตลบอีกเหมือนเดิม

หัวใจของการปฏิบัติคือการทำความเพียรอย่างสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าบางวันทำน้อย ก็อย่าให้ขาดช่วง ให้ฝนตกทุกวัน

หลวงพ่อชยสาโร ภิกขุ

 

โอวาทธรรมหลวงปู่อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
วัดป่านาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี

"คนมีสติ เหมือนมีสิ่งนำโชคตลอดเวลา"

หลวงปู่อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

 

โอวาทธรรมหลวงปู่วิริยังค์ สิรินธฺโร
วัดธรรมมงคล จ.กรุงเทพฯ

สมาธิเป็นเครื่องควบคุมจิตใจ

ใจของคนเรานั้น ถ้าไม่มีการควบคุมก็เหมือนรถไม่มีเบรค มันอาจจะต้องไปประสบอุบัติเหตุซึ่งไม่ควรจะเป็น

เพราะฉะนั้น ถ้าทำสมาธิได้แล้ว ก็เหมือนกับว่าเราเริ่มได้สร้างเบรคให้แก่ตัวเรา

เพราะว่าจิตใจเรานั้นบางทีก็ห้ามมันยาก มันคิดไปสารพัดที่จะคิด แต่ว่า ถ้าเรามีสมาธิแล้ว สมาธิจะเป็นเครื่องประคับประคองให้เราคิดไปในทางที่ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตที่เราเกิดมา

หนังสือธรรมะฟ้าสาง หน้า๑๑๐
หลวงปู่วิริยังค์ สิรินธฺโร

 

โอวาทธรรมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

หมดกิเลส ก็เห็นสันติธรรม โดยสมบูรณ์

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

 

โอวาทธรรมท่านพ่อลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

"ผู้ที่มีศาสนาเป็นเครื่องยึดของใจ เป็นผู้ได้เปรียบกว่าผู้ไม่มีศาสนาเสียเลย เพราะผู้ไม่มีศาสนาเลยนั้น ก็มักจะแน่ใจไปในทางที่ว่าความสำคัญทางจิตใจไม่มี นามธรรมที่จะเป็นสาระสำคัญเพื่อจิตใจไม่มี มีแต่ด้านวัตถุที่เป็นเครื่องยึดของกาย และทั้งของใจด้วย ใจจึงมีความสนใจไปกับด้านวัตถุ โดยหาจุดหมายปลายทางไม่ได้

วัตถุพาเจริญ จิตใจก็เข้าใจว่าเจริญ วัตถุพาเสื่อม จิตใจก็เสื่อม

โลกเจริญ ก็หมายถึง วัตถุมีความเจริญขึ้น เช่นตึกรามบ้านช่องเจริญ
โลกเสื่อม ก็คือ สิ่งเหล่านี้เสื่อมไป ส่วนจิตใจไม่ได้คำนึงว่าเสื่อมหรือเจริญ"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

 

โอวาทธรรมหลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำพู

"ความมุ่งหมายของกิเลสเป็นอย่างนี้ คือ ถ้ามันจะบอกสัตว์โลกตามความจริงว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มี สัตว์โลกก็จะตะเกียกตะกายละบาป บำเพ็ญบุญ เพื่อหลีกนรก ไปสวรรค์ นิพพาน จากมันเสียหมด มันก็จะขาดผลรายได้จากสัตว์โลกอย่างพินาศขาดสูญ

ฉะนั้น มันจึงปิดหูปิดตาปิดใจสัตว์โลกไว้อย่างมิดตัว ไม่ให้มองเห็น บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานนั้นได้เลย มันปิดไว้หมด

ดังนั้นแม้สิ่งเหล่านี้จะตั้งขวางหน้าอยู่ก็ตาม สัตว์โลกจึงไม่มีทางรู้เห็นได้ เช่นเดียวกับคนที่ถูกมัดตาไว้อย่างมิดชิด แม้จะนำวัตถุหรือสีแสงต่างๆ มาวางขวางหน้าไว้ ก็ไม่สามารถมองเห็นได้

ฉะนั้น กิเลสมันผูกมัดตาใจของสัตว์โลกไว้ก็เช่นเดียวกัน

ดังนั้นชาวพุทธเราจงพยายามแก้สิ่งมัดตาของมันออก ด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาเป็นสำคัญ ให้สติปัญญาเกิดภายในใจ จะพังม่าน หรือกำแพงแห่งความมืดบอด ที่มันปิดให้ออกได้โดยลำดับจนหมดสิ้นไป มองเห็น บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานอย่างทะลุปรุโปร่ง ประจักษ์ใจหายสงสัย โดยไม่ต้องมีใครมาบอก และหลังจากนั้นจะได้เห็นกลหลอกลวงของกิเลส วิชาต้มตุ๋นของกิเลสได้อย่างชัดเจนหายสงสัย"

หลวงปู่ขาว อนาลโย

 

โอวาทธรรมหลวงพ่ออัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต
วัดบุญญาวาส จ.ชลบุรี

สติสำคัญนะ เพราะเราฝึกสมาธิทุกวัน

พอบางวันเห็นอาหารมา จิตกิเลสดิ้นรนมากนะ อยากจะฉันอาหารมื้อนี้

แบบนั้นบางทีก็หักเลย คือผ่านเลย คือจะไม่รับ

ถ้าเราเห็นว่ากิเลสอยากฉันมาก ต้องแก้เลย คือไม่ฉันเลย ผ่านไป ฝึกแบบนี้

กัณฑ์เทศน์ อาตมาปฏิบัติมาแบบนี้
หลวงพ่ออัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต

 

โอวาทธรรมหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา

"การปฏิบัติสมาธิแต่ละครั้ง แม้ว่าจิตไม่สงบเป็นสมาธิ
อย่าไปน้อยอกน้อยใจว่าเราภาวนาไม่ได้ผล

เราภาวนาแต่ละครั้ง จิตเขาจะสะสมกำลังเอาไว้
ทีละเล็กทีละน้อย บางครั้งเราตั้งใจให้จิตเป็นสมาธิ
ภาวนาแทบเป็นแทบตาย...มันก็ไม่เป็น
แต่บางครั้งอยู่เฉยๆ พอมีอารมณ์อะไรมากระทบ
จิตมันวูบลงไป ได้สมาธิ

แล้วผลที่มันเกิดเป็นสมาธิ มันมาจากไหน?
มาจากที่เราปฏิบัติ จิตสงบบ้าง ไม่สงบบ้าง
เป็นบางครั้งบางคราว แล้วมันจะสะสมพลังงานเอาไว้
ได้จังหวะเหมาะเมื่อไร มันเกิดขึ้นเมื่อนั้น"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

 

โอวาทธรรมหลวงปู่ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

“โดยธรรมชาติแล้ว จิตใจของคนจะเหมือนกับวัตถุที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยสิ่งที่ไม่ดีมากมาย จนยากที่จะมีสิ่งใดทะลุผ่านเข้าไปได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่จิตใจได้มีการพัฒนาสมาธิ จิตใจจะสามารถเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีได้อย่างง่ายดาย จนทำให้เกิดปัญญาได้ในที่สุด และปัญญาดังกล่าว สามารถที่จะเปลี่ยนนิสัยของคนเราที่ฝังรากลึกมานานได้"

หลวงปู่ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ

 

โอวาทธรรมหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
วัดถ้ํากลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลําภู

ผู้ปฏิบัติธรรมะ นั่งสมาธิภาวนา สอนใจของตนเอง คำว่าจิตสงบนั้นหมายถึงว่า จิตมีปัญญา เมื่อจิตสงบแล้ว สอนใจตอนเอง มองเห็นว่า ความเห็นแบบนั้น เรียกว่าเห็นผิด ความเห็นแบบนั้นเรียกว่าเห็นถูก สอนอยู่เสมอ จิตมันสงบแล้ว

มันสอนตนเองได้ ไม่ต้องไปวุ่ยวายกับเรื่องของคนอื่น ยกฐานะของตนเองให้สูงขึ้นโดยลำดับเรียกว่า ปัญญาอบรมจิตใจ สอนจิตใจของเราให้มีศีลมีธรรม

หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต

 

โอวาทธรรมหลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี

ดูจิต..ถ้าดูจิตเฉยๆจะดูไปทำไม

การดูจิตนี้ "ให้ดูกิเลส ให้ดูตัณหา"
ว่าตอนนี้ มีตัณหาปรากฏขึ้นมาหรือยัง

เหมือนกับ ยามที่ไปเฝ้าบ้าน
เขาไม่ให้ดูบ้านหรอก บ้านมันไม่มีปัญหา
เขาให้ดูว่า มีขโมยขึ้นบ้านหรือเปล่า
เวลาขโมยขึ้นบ้านจะได้จับขโมย ไล่ขโมยไป

ถ้าไปดูจิตเฉยๆ ไปดูมันทำไม
ดูจิตนี้ให้ดู "กิเลสที่มันโผล่เข้ามาในจิต"

"ดูตัณหาที่มันโผล่เข้ามาในจิต"

ดูแล้วก็ดูว่า..เรามีอาวุธที่จะฆ่าตัณหา ที่มันโผล่ขึ้นมาหรือไม่
อันนี้ต่างหาก "เรื่องของการดูจิตให้ดูแบบนี้"

การจะดูจิตได้อย่างจริงๆนี้ต้อง
หลังจากที่ "จิตรวมเป็นสมาธิแล้ว"
อันนั้นหละ "พอจิตรวมแล้ว"

"สติปัญญา" มันเข้าถึงตัวจิตได้

ทีนี้..เวลาตัณหาโผล่ขึ้นมา
สติปัญญาก็สามารถ กำจัดมันได้ทันที !
จะดูจิตได้ ต้องหลังจากที่ได้สมาธิแล้ว

ถ้ายังไม่ได้สมาธิ ยังเข้าไม่ถึงตัวจิต ยังเป็นสัญญาอยู่ เห็นกิเลสก็ทำอะไรมันไม่ได้ เพราะตัวที่จะกำจัดกิเลสยังอยู่ข้างนอก คือ สติปัญญา ยังไม่เข้าไปข้างใน จะเข้าไปข้างในต่อเมื่อจิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิ

การดูจิต ต้องดูหลังจากที่ได้สมาธิแล้ว แล้วก็ต้องใช้ปัญญาเป็นอาวุธคอยกำจัดตัวที่เป็นพิษเป็นภัยแก่จิตใจ

ถ้าไม่มีอาวุธนี้ กิเลสโพล่ขึ้นมาก็ดับมันไม่ได้ ผู้ที่จะดูจิตนี้ จะต้องมีอาวุธ คือ ปัญญา ใช้ทำลายตัวที่เป็นตัญหา ตัวที่สร้างความทุกข์ให้กับใจ

ปัญญาถ้ามันฆ่ากิเลสไม่ได้ ไม่เรียกว่าปัญญา เรียกว่าสัญญา

หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา 28 กุมภาพันธ์ 2559

 

โอวาทธรรมหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร

เรื่อง "ภัยพิบัติของชาวโลก"

ในยุคสมัยใด ถ้าชาวโลกมีจิตหนัก
ไปทาง "ราคะ" จักต้องตายด้วย "อุทกภัย" (น้ำ)

ในยุคสมัยใด ถ้าชาวโลกมีจิตหนัก
ไปทาง "โทสะ" จักต้องตายด้วย "อัคคีภัย" (ไฟ)

ในยุคสมัยใด ถ้าชาวโลกมีจิตหนัก
ไปทาง "โมหะ" จักต้องตายด้วย "วาตภัย" (ลม)

จาก "มรดกธรรม"
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

 

โอวาทธรรมหลวงปู่สาย เขมธมฺโม
วัดป่าพรหมวิหาร อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู

ศีล อย่าผ่าน
ทาน อย่าละ
ภาวนา อย่าท้อ

ให้เดินตามทาง พระพุทธเจ้าสอนไว้จะไม่ผิดหวัง

หลวงปู่สาย เขมธมฺโม