ขอยืมคำสอนอาจารย์ลดการทะเลาะในเวป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย korakots14, 25 ตุลาคม 2007.

  1. korakots14

    korakots14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +872

    หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา
    ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน
    แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ท่านสอนศิษย์เสมอว่า
    อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา
    เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่
    ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง

    ท่านบอกไว้อีกว่าคนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไป
    ถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้นกรรมจะมาเร็วมาก
    เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน
    ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจ
    แก่คนทั้งหลายกรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ
    ทั้งทางกายและทางใจบางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว
    พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง
    กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า

    ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ
    กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้น
    ซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57 บางที
    ก็ติดต่อการค้าหรืองานต่าง ๆมองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน
    แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้างไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง ๆ
    มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ ๆซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควร
    ได้ประมาณเป็นล้าน ๆเขาก็จะได้แค่หมื่นสองหมื่นหรือโชคครั้งนี้
    จะได้หลายหมื่นแต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาทหรือเพียงได้
    ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเองนี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดี
    และรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลานเขาเหล่านั้นก็จะทำความ
    เดือดร้อนเสียหายมาให้มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง
    ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้างบางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ
    ด่าว่าทะเลาะวิวาททำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก
    มีเรื่องเดือดร้อนต่าง ๆอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น
    มีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยากทำความเดือดร้อน
    ให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง
    ไม่เครารพนับถือลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมัก
    จะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย
    เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่าง ๆ
    อีกมากมายหลายชนิด

    หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่ากรรมทางวาจามีร้ายแรงมาก
    การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจ
    หรือไปพูดทำลายความหวังต่างๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสีย
    ถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้
    พอตายลงไปยังต้องไปใข้กรรมยังนรกตามขุมต่าง ๆ อีก
    ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า"คนดีเขาไม่ตีใคร"
    ความหมายว่าคนดีไม่ตีใครไม่ใช่เอาไม้หรือของแข็ง ๆไปตีเขา
    แต่ท่านไม่ให้พูดจากไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดืดดร้อนเสียหาย
    และทุกข์ใจหลวงปู่บอกว่าคนดีเขาไม่ว่าใคร
    ถ้าแกไปว่าเขาแกก็จะเป็นคนไม่ดี
    ทายดิอาจารย์ผมคนนี้คือใคร
     
  2. korakots14

    korakots14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +872
    เหมือนเราปลูกต้นไม้ เช่น ปลูกพริกต้นนี้ หน้าที่ของเราคือขุดหลุมปลูก ให้น้ำ ให้ปุ๋ย ป้องกันแมลงให้มันเท่านั้น นี่เรื่องของเรา นี่เรื่องศัทธาของเรา ส่วนต้นพริกจะโตก็เป็นเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา จะไปดึงให้มันยืดขึ้นมาก็ไม่ได้ ผิดเรื่อง เราต้องให้น้ำ เอาปุ๋ยใส่ให้ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ก็จะสบาย จะถึงชาตินี้ก็ช่าง ถึงชาติหน้าก็ตาม เรามีศรัทธาอย่างนี้แล้ว มีความรู้สึกแน่นอนแล้วอย่างนี้ จะเร็วหรือช้านั้น เป็นเรื่องของบุญวาสนาบารมีของเรา ทีนี้ก็รู้สึกสบาย เหมือนขับรถม้า ก็มิได้เอารถไปก่อนม้า แต่ก่อนมันเอารถไปก่อนม้า ถ้าไถนาก็เดินก่อนควาย หมายความว่าใจมันเร็วมาก ร้อนมาก ทีนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ไม่เดินก่อน ต้องเดินตามหลังควาย <o:p></o:p>
    ถ้าเอาน้ำให้กิน เอาปุ๋ยให้กิน กินไปเถอะ มดปลวกมาข้าจะไล่ให้เจ้า เท่านั้แหละต้นพริกต้นนี้มันก็จะงามขึ้นเอง เมื่อมันงามแล้วเราจะบังคับว่า แกต้องเป็นดอกเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าทำ เราจะเป็นทุกข์เปล่าๆ มันจะเป็นของมันเอง เมื่อมันเป็นดอกแล้ว เราจะให้เป็นเม็ดเดี๋ยวนี้ อย่าไปบังคับมัน ทุกข์จริงๆ นา ทุกข์จริงๆ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เรารู้จักหน้าที่ของเรา ของเขา หน้าที่ของใครของมัน จิตก็จะรู้หน้าที่การงาน ถ้าจิตไม่รู้หน้าที่การงาน ก็จะไปบังคับต้นพริกให้มีผลในวันนั้นเอง ให้มันโตเป็นดอกเป็นผลขึ้นในวันนั้น นั่นล้วนแต่เป็นตัวสมุทัย เหตุให้ทุกข์เกิดขึ้นมาทั้งนั้น ถ้ารู้อย่างนี้ คิดอย่างนี้ รู้ว่ามันหลง มันผิด รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อย ให้เป็นเรื่องบุญวาสนาบารมีต่อไป <o:p></o:p>
    เราทำของเราไป ไม่ต้องกลัวว่าจะนาน ร้อยชาติ พันชาติก็ช่างมัน จะชาติไหนก็ตาม ปฏิบัติสบายๆ นี่แหละ <o:p></o:p>
    แล้วนี่หละของใคร
     
  3. มหาลาภ

    มหาลาภ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +215
    กราบขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ เป็นอย่างยิ่ง
    [b-wai] [b-wai]
     
  4. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    อาจารย์ผมก็บอกว่า อุปมาเหมือนเรายกของมาต้อนรับแขกผู้มาเยือน ถ้าผู้มาเยือนนั้นไม่ได้กินของต้อนรับนั้น แล้วของนั้นจะเป็นของใครล่ะ


    *
    *
    *
    *
    *

    ลองทายสิว่าอาจารย์ผมเป็นใคร...
     
  5. สัณฐิตา

    สัณฐิตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +63
    เห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ อ่านเว๊ปมานานแล้ว (แต่เพิ่มสมัครเป็นสมาชิก)สนุกไม่เบื่อเลย (เมื่อก่อนนะคะ) แต่ตอนนี้ไม่ค่อยอยากเข้าแล้ว เพราะมีแต่กระทู้ทะเลาะกันค่ะ ขอยืมคำสอนของอาจารย์มาด้วยค่ะ เพื่อช่วยเตือนสติ คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่บนเว๊ปพุทธศาสนา ยอดนิยมอันดับที่ 1 ของประเทศ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    เฉลย อาจารย์ผมคือ สมเด็จพระสยัมภูสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรานั่นเอง อิอิ

    เนื้อเรื่องนี้ขยายความดังนี้





    *************************************************

    ทำอย่างไรเมื่อถูกด่า
    <!-- Main -->[SIZE=-1]เมื่อมีใครมาด่าแรงๆ เราจะทำอย่างไร หลายท่านคงตอบว่า "ก็ด่ามันตอบสิ เรื่องอะไรจะให้ถูกด่าฟรี"

    อย่างนี้เรียกว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่แคล้วด่ากันอุตลุด เผลอๆ อาจลงไม้ลงมือกันถึงขั้นเจ็บหรือตายไปข้าง

    พระพุทธเจ้าตรัสแนะไว้ในพระสูตรชื่อว่า "อักโกสกสูตร" (สูตรว่าด้วยคนด่า) น่าจะนำเอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา เรื่องนี้เกิดกับพระพุทธเจ้าเอง

    ครั้งหนึ่ง พราหมณ์คนหนึ่งโกรธแค้นพระพุทธองค์เพราะพระองค์ทรงนำน้องชายแกไปบวช จึงไปหาพระพุทธเจ้า ไปถึงก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ด่าฉอดๆ ด้วยคำหยาบคาย พระพุทธองค์ทรงนั่งฟังเขาด่าด้วยท่าทีอันสงบดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเขาด่าจนพอใจแล้ว พระองค์จึงเริ่มสนทนากับเขา ถามเขาว่า

    "พราหมณ์ ที่บ้านท่าน มีแขกไปมาบ้างหรือเปล่า"
    "มีสิ ข้าพเจ้ามิใช่คนกระจอกที่ไม่มีมิตรสหายนี่" เขาตอบท่าทางภาคภูมิใจ
    "เออ เวลาแขกมาเยี่ยม ท่านเอาอะไรต้อนรับเขา"
    "ก็เอาน้ำท่า ของขบเคี้ยวมาต้อนรับเขาสิ" เขาตอบ
    "ถ้าแขกนั้นไม่กินของต้อนรับของท่าน แล้วของนั้นจะเป็นของใคร" ทรงซักอีก
    "ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าตามเดิมสิ" พราหมณ์ตอบ
    พระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า "เช่นเดียวกันแหละพราหมณ์ ท่านด่าเราด้วยคำหยาบคายมากมาย เราไม่รับคำด่านั้น คำด่านั้นก็คงตกเป็นของท่านสินะ"

    โดนเข้าไม้นี้ พราหมณ์ถึงกับสะอึก พระองค์ตรัสต่อไปว่า "ผู้โกรธตอบคนที่ด่า เลวกว่าคนด่าเสียอีก คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่า นับ่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก คนที่มีสติ ยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธเวลาเขาด่า นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น แต่คนเช่นนี้ คนที่ไม่เข้าถึงธรรมมักจะหาว่าเป็นคนโง่"

    พราหมณ์ขี้ยัวะรู้สำนึกตน จึงกราบขอขมาพระพุทธเจ้า แล้วทูลขอบวชเป็นสาวกของพระองค์

    อีกเรื่องหนึ่งปรากฏในพระวินัยปิฎก พราหมณ์คนหนึ่งได้ทราบว่าพระพุทธเจ้ามาที่เมืองของตนจึงอยากไปสนทนาด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์ยังหนุ่มกว่าตน ก็คาดหวังที่จะได้รับความเคารพจากพระองค์ตามธรรมเนียม คือ ลุกขึ้นต้อนรับเชื้อเชิญให้เขานั่ง

    แต่ปรากฏว่าพระองค์ประทับนั่งเฉย จึงโกรธมาก ตำหนิว่า "พระสมณโคดม (คำที่พวกนอกศาสนามักจะเรียกพระองค์) ชอบเฉยเมยไม่ใยดี" แกหมายถึงไม่ใยดีต่อวัฒนธรรมอันดี ไม่รู้จักเคารพผู้ทรงวัยวุฒิเช่นตน พระองค์ตรัสว่า "ถูกแล้วพราหมณ์ เราเป็นผู้เฉยเมย ไม่ใยดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่ชาวโลกเขาหลงผิด เราละความยินดีในสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว จึงควรชื่อว่า "ผู้เฉยเมยไม่ใยดี"

    "พระสมณโคดมไม่มีสมบัติ" หมายถึงไม่มีความถึงพร้อมด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสอย่างชาวโลกเขามี พระองค์ตรัสว่า "ถูกแล้วพราหมณ์ สมบัติคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันเรียกกามคุณทั้งหลาย เราละทิ้งได้หมดแล้ว จึงสมควรเรียกว่า "ไม่มีสมบัติ"

    "สมณโคดมชอบความขาดสูญ" แกหมายถึง การกระทำแบบพระพุทธเจ้าเป็นการสนับสนุนให้ยกเลิกวัฒนธรรมอันดี ทำให้วัฒนธรรมขาดสูญหาย พระองค์ตรัสว่า "ใช่แล้ว เราสอนวิธีกำจัดความขาดสูญแห่งราคะ โทสะ โมหะ เราจึงควรเรียกว่า "ชอบความขาดสูญ"

    "พระสมณโคดมมักรังเกียจ" แกหมายถึงรังเกียจการเคารพกันตามวัฒนธรรมอันดี พระองค์ตรัสว่า "ใช่แล้ว เรารังเกียจกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต จึงควรเรียกว่า "เรามักรังเกียจ"

    "สมณโคดมมักกำจัด" หมายถึงชอบขจัดวัฒนธรรมอันดี พระองค์ตอบว่า "ถูกแล้ว เราแสดงธรรมเพื่อกำจัดราคา โทสะ โมหะ จึงควรเรียกเราว่า "มักกำจัด"

    พูดในแง่ไหนพระองค์ก็แก้ได้หมด แกจึงยัวะหนักขึ้น กล่าวแรงๆ ว่า "พระสมณโคดมชอบล้างผลาญ พระสมณโคดมไม่ผุดไม่เกิด" พระองค์ตรัสว่า "ถูกแล้ว เราแสดงธรรมเพื่อล้างผลาญกิเลสทั้งปวง เราหมดกิเลสทั้งปวง ไม่จำต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป จึงควรเรียกเราว่า "ผู้ล้างผลาญ" และ "ผู้ไม่ผุดไม่เกิด"

    ทีนี้พราหมณ์จึงต้องยอมพระพุทธองค์ เพราะไม่ว่าพราหมณ์จะตำหนิหรือด่าอย่างไร พระองค์ก็แปลคำด่าเป็นแง่บวกหมด ไม่ถือว่าเขาด่า หากแต่เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องในอีกแง่หนึ่ง

    ฉะนั้นเราน่าจะถือเอาเป็นแบบอย่าง คือไม่ว่าใครจะด่าเราเสียๆ หายๆ อย่างไรก็พยายามแปลความหมายในแง่บวกจะทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้น ท้ายที่สุดเมื่อคนด่าไม่เห็นเราเดือดร้อนอะไรก็คงจะเลิกด่า หรือปรับปรุงพฤติกรรมของตนไปเอง[/SIZE]
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มโนกรรมและวจีกรรม ทางอินเตอร์เน็ต
    โดยดังตฤณ

    การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว


    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  8. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ไม่ได้มีเจตนาว่าผู้ใด แต่ให้ไว้เป็นข้อคิด เตือนใจ

    <TABLE width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300>หมาใดตัวร้ายขบ </TD><TD vAlign=top width=200>บาทา </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>อย่าขบตอบต่อหมา </TD><TD vAlign=top width=200>อย่าขึ้ง </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>ทรชนชาติทา </TD><TD vAlign=top width=200>รุณโทษ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง </TD><TD vAlign=top width=200>ตอบถ้อย ถือความ



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300></TD><TD vAlign=top width=200></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>Wise men bite not back </TD><TD vAlign=top width=200>a dog. </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>Nor swear even pox </TD><TD vAlign=top width=200>on it. </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>Fools blames do but fog </TD><TD vAlign=top width=200>judgment </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>Keep faith with thy wit, </TD><TD vAlign=top width=200>and let fools be.</TD></TR></TBODY></TABLE>



    คัดจากหนังสือ Interpretative Translations of Thai Poets โดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชย์ ค.ศ.1965
     
  9. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608

    เบื่อเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้ดีอยู่อย่างเลยได้ไปอ่านเนื้อหาในห้องอื่นๆบ้าง
    เมื่อก่อนอ่านแต่ห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต
     
  10. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    ขออนุโมทนา สาธุกับข้อความดีๆ ของหลายๆ ท่านในที่นี้

    ที่อาจจะไปเตือนให้ระลึกรู้ใน "สติ" และ "สัมปชัญญะ"

    ของผู้ที่ได้อ่านข้อความในกระทู้นี้ อีกหลายๆ คนได้




    __________________________
    มนุษย์มีกรรมเป็นของตน เราจะล่วงกรรมนั้นไม่ได้
     
  11. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,425
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,444
    โมทนาครับ ใช้หลักพรหมวิหาร 4 ก็ได้ครับ วางอุเบกขาเท่านั้น เพราะมันคือสิ่งสมมติ โลกเราก็อย่างนี้ เป็นอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สาธุ
     
  12. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    อนุโมทนา สาธุ+อาเมน นะครับมนุษย์ผู้เจริญทุกท่าน
    Wish happinessful to everyone...
     
  13. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    สาธุ สาธุ สาธุ

    หากมีการให้อภัยด้วยใจจริง ด้วยจิตที่มีความอ่อน มุทุตา ความเบา ลหุตา ที่มีต่อกันและกัน แล้วก็จะพบทางสว่างแน่ ๆ

    อกุศลไม่สามารถสร้างให้เป็นกุศลได้เลย มีแต่ก่อกระพือให้เกิดอกุศลต่อไปอีก
    หากอยากได้กุศลคงต้องใช้ภาวจิตที่เป็นกุศลเท่านั้นสร้างขึ้น
    เพราะ สองสิ่งนี้(กุศลและอกุศล)ไม่เคยอยู่ปนระคนด้วยกัน ตามนัยของพระอภิธรรมแท้ ๆ

    ยิ่งพิจารณายิ่งทึ่งในความมหัศจรรย์แห่งธรรมและสัพพันญุตญาณของพระพุทธองค์ที่ ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้ผ่านมาสองพันปีกว่าแล้วก็ตาม

    หากมองในแง่บวกเหตุการณ์นี้ล้วนเป็นภาวะที่ต้องเปลี่ยนผ่านของเวบที่จะต้องเรียนรู้และเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
     
  14. น้าปุ๋ย

    น้าปุ๋ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +121
    เหตุผลที่ดิฉันชอบเข้ามาอ่านเนื้อหาในเวบนี้ เพราะเวบพลังจิตนี้เข้ามาอ่านเนื้อหาแล้วรู้สึกสบายใจ
    ทุกท่านสามารถแสดงความเห็นของตนได้โดยไม่มีใครมาต่อว่าใคร เพราะแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีคิด วิธีปฏิบัติแตกต่างกันไปตามบุญบารมีของตน

    ซึ่งแตกต่างจากเวบพุทธศาสนาอื่นๆ ที่เข้าไปอ่านแล้วมีแต่การขัดแย้งทะเลาะกัน
    อ่านแล้วแทนที่จิตใจสงบกลับร้อนรุ่ม เพราะถ้าความคิดของเราหรือวิธีปฏิบัติของเราแตกต่างจากพวกเขาก็จะถูกกล่าวหาว่านอกรีต หรือ ไม่ใช่วิธีสายตรงของพุทธศาสนา เช่น ไม่เหมือนในพระไตรปิฎก หรือ พระไตรปิฎกไม่เห็นกล่าวไว้ หรือ กล่าวหาว่าเป็นพวกหลงอิทธิฤทธิ์บ้าปาฏิหาริย์ต่างๆนานา

    แต่ระยะหลังเวบพลังจิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เริ่มที่จะมีการขัดแย้งต่างๆมากขึ้น เข้ามาอ่านแทนที่จะสบายใจกลับเครียดกว่าเดิม

    ครั้งนี้เข้ามาเขียนโพสไว้ ก็หวังแต่ว่าเวบพลังจิตนี้คงกลับมาเป็น
    เวบที่ให้ความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเองเหมือนเดิมนะคะ
    (b-smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  15. สัณฐิตา

    สัณฐิตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +63
    .
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะขนาดพระที่ถือเป็นเกจิอาจารย์แต่ละรูปยังมีทางปฏิบัติแตกต่างกัน หรือ การนั่งวิปัสสนากัมฐานยังมีตั้ง 40 แบบ (แล้วแต่จริตของผู้ปฏิบัติ ) แม้กระทั่ง นิกายในพระพุทธศาสนา ย้งมีทั่ง มหายาน หินยาน เลย แต่ถึงจะมีความต่างกันในเรื่องแนวทางปฏิบัติอย่างไร ก็มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุดเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การที่แต่ละคนมีความเห็นหรือการถือปฎิบัติที่แตกต่างกันคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขอให้ยึดองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุดก็เพียงพอค่ะ
     
  16. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    กำลังรอ "วันนั้น" เหมือนกันค่ะน้าปุ๋ย^^
     
  17. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    บางครั้ง หรือหลายครั้ง ความเชื่อความศรัทธาทางด้านจิตวิญญาณ ยากนักที่จะสรุปว่าใครถูกผิด บางครั้งศาสนาเดียวกันแท้ๆ ได้ยินได้ฟังคำสอนมาพร้อมๆกัน ยังมาทะเลาะกันเรื่องคำสอน นั้นเลย มันถึงมีศานาเดียวกัน แต่มีแยกลัทธิ เจ้าตัวนับถือลัทธิใหนก็กว่าของตัวดี ของตัวถูก
    ส่วนของคนอื่นผิด ไม่เหมาะไม่ดี
    จริงๆแล้วถ้าได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรม แล้วเฝ้าสังเกตุอาการของจิตตัวเองแล้ว
    เข้าใจสภาวะสุขทุกข์ ของตัว แล้วคงจะขี้เกียจ วุ่นวายทะเลาะกับใครเขา หรอกครับ
    .....มันไม่น่าจะมาหวาดระแวงทะเลาะเบาะแว้ง กัน ให้จิตตกจิตเสื่อมนะครับ
    คนเชื่อเรื่องฤทธิ์ เดช....ก็อยู่ในส่วนของตน ไม่ดูถูกผู้อื่น
    คนที่ชอบปัญญา ....ไม่หยามหมิ่นดูถูก..ประมาทว่าฤทธิไม่มี ทำไม่ได้ โง่เง่า ไม่ใช่ทางพุทธะ
    หลายคน มีความเข้าใจต่างกัน ศึกษา รู้เข้าใจและมีทัศนะคติต่างกัน คุยกันถูกคอก็สนุก..สนับสนุนกัน
    คิดต่างกัน ก็ท้าทาย ท้าตีท้าตีต่อย กันตามเรื่อง ....


    ศาสนา...ลัทธิ ความเชื่อ ต่างบนพื้นโลก นี้ ที่มีมากมาย รวมทั้งศาสนาอีกหลายๆ ความเชื่อบนพื้นโลกนี้ ต้องเสื่อมสลาย ที่เกิดขึ้น...เสื่อมดับ เพราะต่างคนมีประสบการณ์จิตวิญญาณที่ต่างกัน
    ....หยุดถกเถียงกันแล้วหันมาปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองดีกว่ามั๊ย....ชาวโลกร่วมเกิด แก่ เจ็บตาย ทั้งหลายเอ๋ย..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...