มหัศจรรย์ แห่งอุโบสถศีล ( ศีล ๘ )

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yo09(), 9 มีนาคม 2013.

  1. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    เอกุโปสถิกาภิกษุณี * ( พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ )

    นางภิกษุณีชื่อ เอกุโปสถิกา ( ผู้รักษาอุโบสถศีลอย่างเดียว ) นางได้เล่า
    ประวัติการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของนางไว้ว่า

    ...นับถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป ได้มีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติ ( เกิด )ขึ้นใน
    โลกมาแล้ว ๗ พระองค์ คือ พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระสิขีสัมมา-
    สัมพุทธเจ้า, พระเวสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ,
    พระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธเจ้า, พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระโคดม
    สัมมาสัมพุทธเจ้า

    ในศาสนาของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ดิฉันได้เกิดเป็นนางกุมภทาสี
    ( หญิงคนใช้ ) ดิฉันได้เห็นพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พันธุมะ ซึ่งเป็น
    พระพุทธบิดา ผู้ครองนคร พันธุมดี ในวันพระ ท้าวเธอพร้อมด้วยเสนามาตย์
    ข้าราชบริพารจะทรงละราชกิจ มาสมาทานรักษาอุโบสถศีล ด้วยความร่าเริง
    ดิฉันคิดในใจว่า...อุโบสถศีลนี้น่าจะเป็นของดีวิเศษแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้นคงจะ
    ไม่มีใครสนใจรักษา ตัวเราเกิดเป็นหญิงคนใช้ เป็นคนยากไร้ เห็นภัยในทุคติ
    อยู่ จะต้องทำใจให้ร่าเริง สมาทานรักษาอุโบสถศีล

    ดิฉันได้สมาทานรักษาอุโบสถศีล ในศาสนาของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธ-
    เจ้า เพราะการรักษาอุโบสถศีลของดิฉัน จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์
    มีวิมานอยู่อันสวยงาม มีนางเทพอัปสร แสนนางเป็นบริวาร ดิฉันงามเกินนาง
    เทพอัปสรอื่นๆทั้งปวง ดิฉันได้เป็นอัครมเหสีของท้าวสักรินทร์เทวราช ๖๔
    พระองค์ ได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๖๓ พระองค์

    ดิฉันเป็นผู้มีผิวพรรณงดงามปานดั่งทองคำ ได้ท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิด
    อยู่ในภพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดในชาติใดภพใด ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุก
    สถานทุกภพทุกชาติ...นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลของดิฉัน

    ดิฉันได้พาหนะช้าง พาหนะม้าและยานรถ ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมากมาย
    ได้ภาชนะทำด้วยทอง เงิน แก้วผลึก แก้วปทุมราช ได้ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    ผ้าเปลือกไม้ และผ้าที่มีราคาสูง ได้ข้าว ได้นำ้ ได้ของเคี้ยว ได้ที่อยู่อาศัย
    ได้เรือนยอดปราสาทและมณฑป ได้ถ้วนทุกสิ่ง ได้เครื่องหอมชนิดดี ได้ดอก
    ไม้จุณสำหรับลูบไล้ ดิฉันได้ทุกประการ...นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีล
    ที่ดิฉันได้รักษาแล้ว

    มาในชาตินี้ ดิฉันอายุได้ ๗ ขวบ บวชได้ไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน ดิฉันก็ได้
    บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นอาสวะ กิเลส ตัณหา บัดนี้การเวียนว่าย
    ตายเกิดในภพใหม่ของดิฉันไม่มีอีกแล้ว ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ดิฉันได้
    สมาทานรักษาอุโบสถศีล ด้วยผลแห่งอุโบสถศีลตลอดระยะเวลา ๙๑ กัป
    ดิฉันไม่เคยไปเกิดในทุคติภูมิเลย
    _________________________

    อุโบสถศีล ( ศีล ๘ ) คือ

    ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์
    ๒. เว้นจากการลักทรัพย์
    ๓. เว้นจากการเสพเมถุน
    ๔. เว้นจากการพูดเท็จ
    ๕. เว้นจากการดื่มหรือเสพของมึนเมา มีสุราและเมรัย เป็นต้น
    ๖. เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงไปแล้ว จนถึงรุ่ง
    อรุณของวันใหม่
    ๗. เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่น ที่เป็นข้าศึกแก่
    กุศลกรรม และเว้นจากการประดับตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอม
    เครื่องย้อม เครื่องทา
    ๘. เว้นจากการนอนที่นอนสูงใหญ่

    ขอเชิญชวนทุกท่าน รักษาอุโบสถศีล ( ศีล ๘ ) เพราะเป็นของไม่ยากเกินไป
    สามารถทำที่ไหนก็ได้ ที่บ้าน ที่ทำงาน ทำวันไหนก็ได้ วันพระ วันทำงาน
    วันหยุด แล้วก็ไม่ต้องเสียสตางค์ใดๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่จำเป็นต้องไปขอ
    สมาทานรักษาศีลใดๆกับใคร จะเป็นหญิง เป็นชาย หรือเพศที่สาม จะเป็น
    เด็ก หรือผู้ใหญ่ คนพิการ ทำได้ทั้งนั้น เพียงท่านตั้งจิตอธิษฐานใจว่าจะ
    รักษาศีล ๘ นี้ อย่างน้อย ๑ วัน ๑ คืน ก็มีอานิสงส์มากมายนัก ดูอย่างคนงาน
    ที่บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กลับจากทำงานข้างนอก พอเข้าที่พัก
    แล้วรู้ว่าวันนั้นทุกคนในบ้านทั้งเจ้านายและบ่าว ต่างพากันรักษาศีล ๘ ตัวเอง
    ก็คิดว่าจะต้องเป็นของที่ดีแน่ จึงตั้งจิตขอรักษาศีล ๘ นั้นบ้าง พอตกกลางคืน
    เสียชีวิต ด้วยผลานิสงส์ของการรักษาศีล ๘ ที่ไม่ครบถึง ๑ วันดี ก็ยังส่งผล
    ให้คนงานท่านนั้นได้ไปเกิดเป็นเทวดา

    ยิ่งถ้าท่านใดได้ปฏิบัติรักษาได้มากเท่าใด ผลานิสงส์ก็ยิ่งมากมายมหาศาล
    เกินจะคาดได้ ส่งได้ถึงพระนิพพานเลยทีเดียว

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก 123rf.com

    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2013
  2. Dacky14K

    Dacky14K Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +70
    ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ผมเคยปฏิบัติสมัยที่ยังเรียนอยู่ ทุกๆวันพระ วันนั้นช่างมีความสุขสงบทั้งวันจริงๆ
     
  3. pomsakda

    pomsakda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +2,275
    เป็นบทความที่ดีมากจริงๆ ครับ
    ขอขอบคุณและขอน้อมอนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ(*)(*)(*)
     
  4. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,163
    ค่าพลัง:
    +14,174
    "ศีล๘" และ "อุโบสถศีล"

    ความหมายของ "ศีล๘" และ "อุโบสถศีล"

    ศีล ๘
    "ศีล ๘" หรือ "อัฏฐศีล" (Attha-sila: the Eight Precepts; training rules) คือ การรักษาระเบียบทางกายวาจา ข้อปฏิบัติในการฝึกหัวกายวาจา ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
    "ศีล ๘" นี้ สมาทานรักษาพิเศษในวันอุโบสถ เรียกว่า อุโบสถ (Uposatha: the Observances) หรือ อุโบสถศีล (precepts to be observed on the Observance Day)
    "อุปกิเลส" หรือ "จิตตอุปกิเลส ๑๖" คือ ธรรมเครื่องเศร้าหมอง สิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัว รับคุณธรรมได้ยาก ดุจผ้าเปรอะเปื้อนสกปรก ย้อมไม่ได้ดี
    (จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม)


    ***********************************

    "ศีล ๘" สำหรับฝึกตนให้ยิ่งขึ้นไปโดยรักษาในบางโอกาส หรือมีศรัทธา จะรักษาประจำก็ได้ เช่น แม่ชีมักรักษาประจำ "อุโบสถศีล" ศีลที่รักษาเป็นอุโบสถ หรือ ศีลที่รักษาในวันอุโบสถ ได้แก่ ศีล ๘ ที่อุบาสกอุบาสิกาสมาทานรักษาเป็นการจำศีลในวันพระ คือ ขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ (แรม ๑๔ ค่ำในเดือนขาด)
    (จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์)


    ***********************************

    "อานิสงส์แห่งการรักษาอุโบสถ"

    อันผู้รักษาอุโบสถศีลนั้น ย่อมได้อานิสงส์ทั้งชาตินี้และชาติหน้าโดย อนุรูปแก่การปฏิบัติของตนๆ ดังพระพุทธพจน์ตรัสไว้ในตอนท้าย แห่งอุโบสถสูตรว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วย องค์ ๘ ที่อริยสาวกเข้าอาศัยอยู่นานแล้ว เป็นคุณมีผลใหญ่ และอานิสงส์ใหญ่ มีความรุ่งเรืองแผ่ไพศาลมาก"
    …การเข้ารักษาอุโบสถ นับว่าเป็นการเข้าถือบวชของคฤหัสถ์ เพราะเป็นอุบายเว้นจากบาปแล้วอบรมบ่มกายวาจาใจให้สุข เกิดเป็นรสหวาน ซึ่งเป็นผลที่ต้องการทั้งทางคดีโลกคดีธรรม จริงอย่างนั้น น้ำใจอัธยาศัยอันธรรมอบรมบ่มให้สุขแล้ว ย่อมเกิด รสหวานคือน่าเคารพและน่าคบค้าสมาคมด้วยความสนิทสนม การและวาจาอันศีลอบรมบ่มให้สุขแล้ว ย่อมเกิดรสหวาน กล่าวคือกิริยาทางกายหวานตาน่าดูน่าชม คำพูดทางวาจา ก็หวานหู ฟังไม่รู้เบื่อ
    (จาก คู่มืออุบาสก-อุบาสิกา โดย กองวิชาการ อำนวยสาส์น [ธรรมบรรณาคาร])


    ***********************************

    "ความมหัศจรรย์แห่งอุโบสถศีลนี้ ผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้น จากพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นต้นตำรับของพระพุทธศาสนา เป็น ศีลระดับสูงของชาวพุทธผู้เป็นฆราวาส เป็นศีลที่มีความ สำคัญยิ่ง เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวพุทธ"


    "อุโบสถศีลคืออะไร"

    อุโบสถศีล เป็นศีลชั้นสูงของฆราวาส คำว่า "อุโบสถ" นี้ มีความหมาย ๖ ประการ คือ

    ๑. เป็นชื่อการประชุมสวดปาฏิโมกข์ของพระสงฆ์ ในวันพระ ขึ้น-แรม ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๔ ค่ำ เรียกว่า อุโบสถกรรม
    ๒. เป็นชื่อการประพฤติวัตรบางอย่างของลัทธินอกพระพุทธ ศาสนา เช่น ปฏิญญาณตนอดข้าววันหนึ่งบ้าง หรือ ปฏิญญาณ ตนบริโภคเฉพาะน้ำผึ้งบ้าง เรียกว่า อุโบสถ
    ๓. เป็นชื่อของช้างตระกูลหนึ่ง มีสีการเป็นสีทอง เรียกว่า ช้างตระกูลอุโบสถ
    ๔. เป็นชื่อของโบสถ์ เรียกว่า พระอุโบสถ
    ๕. เป็นชื่อของวันสำคัญในพระพุทธศาสนา (วันพระ) เรียกว่า วันอุโบสถ
    ๖. เป็นชื่อของการรักษาศีล ๘ ในวันพระขึ้น-แรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๔ ค่ำ (กรณีเดือนขาด) เรียกว่า อุโบสถศีล
    อุโบสถศีลมีวันพระเป็นแดนเกิด ศีล ๘ ที่รักษาในวันอื่นนอกจาก วันพระไม่เรียกว่า อุโบสถศีล เรียกว่า ศีล ๘ ธรรมดา


    "ความหมายของอุโบสถศีล"

    [/color] อุโบสถศีล มีบทวิเคราห์ศัพท์ว่า อุปะวะสิตัพโพ อุโปสะโถ แปลว่า สถาวธรรมอันบุคคลทั้งหลายผู้ต้องการด้วยบุญ พึงเข้าไปอาศัยอยู่ (รักษา) ชื่อว่า อุโบสถศีล อุปะกิเลเส อุเสติ ทะหะติ อุปะตาเปติ วาติ อุโปสะโถ ความว่า การกระทำที่กำจัดอุปกิเลส ๑๖ เผาอุปกิเลส ๑๖ ทำให้อุปกิเลส ๑๖ เดือดร้อน หมายความว่า ทำอุปกิเลส ๑๖ ให้หมดสิ้นไป ชื่อว่า อุโบสถศีล


    "ความแตกต่างระหว่างอุโบสถศีลกับศีล ๘"

    ๑. อุโบสถศีล กับ ศีล ๘ มีข้อห้าม ๘ ข้อเหมือนกัน
    ๒. คำอาราธนา (ขอศีล) แตกต่างกัน
    ๓. อุโบสถศีล มีวันพระเป็นแดนเกิด สมาทานรักษาได้เฉพาะ วันพระเท่านั้น ส่วนศีล ๘ สมาทานรักษาได้ทุกวัน
    ๔. อุโบสถศีล มีอายุ ๒๔ ชั่วโมง (วันหนึ่งคืนหนึ่ง) ส่วนศีล ๘ ไม่มีกำหนดอายุในการรักษา
    ๕. อุโบสถศีล เป็นศีลสำหรับชาวบ้านผู้ครองเรือน หรือเป็นศีล ของชาวบ้านผู้บริโภคกาม (กามโภคี) ส่วนศีล ๘ เป็นศีลสำหรับ ชาวบ้านผู้ไม่ครองเรือน เช่น แม่ชี


    "คำอาราธนาอุโบสถศีล"

    อะหัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามิ
    ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามิ
    ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามิ
    (จาก ความมหัศจรรย์แห่งอุโบสถศีล โดย พันเอก (พิเศษ) สฤษฏิ์ สิทธิเดช)


    ***********************************

    คำอาราธนาศีล ๘

    มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ
    ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ
    ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิพระจะกล่าว "ติสรณคมนัง ปริปุณนัง"
    โยคีกล่าวรับ "อามะภันเต"



    ********************************************

    ศีล ๘

    ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฆ่าสัตว์)
    อะทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้)
    อะพรัหมะจะริยา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการกระทำอันมิใช่พรหมจรรย์)
    มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดไม่จริง)
    สุราเมระยะ มัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท)
    วิกาละโภชนา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล)
    นัจจะคีตะวาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธะวิเลปะนะ ธาระณะมัณฑะนะ
    วิภูสะนัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับร้อง การดนตรี การดูการเล่น
    ที่เป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งด้วยพวงมาลา
    ด้วยกลิ่นหอม ด้วยเครื่องทา)
    อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    (เจตนาเป็นเครื่องเว้นการนั่งนอนบนที่สูงและที่นอนใหญ่) พระจะกล่าว "อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ"
    โยคีกล่าวรับ "อามะภันเต"
    อุทิศส่วนกุศลให้กับเวไนยสัตว์ทั้งปวงในอนันตจักรวาลครับ
    catt14อธิษฐานบารมีมุ่งสู่พระนิพพานครับcatt14



    http://www.geocities.com/easydharma/dm004016.html#three
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มีนาคม 2013
  5. ไจโกะ

    ไจโกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ขออนุญาติเสริมบางประเด็นนะ


    อริยอุโบสถอันบุคคลเข้าจำแล้ว
    อย่างนี้แล ย่อมมีผลมาก
    มีอานิสงส์มาก
    มีความรุ่งเรืองมาก
    มีความแผ่ไพศาลมาก
    อริยอุโบสถมีผลมากเพียงไร
    มีอานิสงส์มากเพียงไร
    มีความรุ่งเรืองมากเพียงไร
    มีความแผ่ไพศาลมากเพียงไร


    ดูกรนางวิสาขา !
    ๕๐ ปีซึ่งเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา
    โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน
    โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี โดยปีนั้น ๕๐๐ ปี
    อันเป็นทิพย์เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา
    (ประมาณ ๙,๑๒๕,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ
    สตรีหรือบุรุษบางคนในโลกนี้ เข้าจำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ แล้ว
    เมื่อแตกกายตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา

    ดูกรนางวิสาขา !
    เราหมายเอาความข้อนี้แล จึงกล่าวว่า ราชสมบัติที่เป็นของมนุษย์
    เมื่อจะนำเข้าไปเปรียบเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ เป็นของเล็กน้อย

    ดูกรนางวิสาขา !
    ๑๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์
    โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน
    โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี
    โดยปีนั้น ๑,๐๐๐ ปี อันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์
    (ประมาณ ๓๖,๕๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ๒๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา
    โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือน
    เป็นหนึ่งปี โดยปีนั้น ๒,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นมายา
    (ประมาณ ๑๔๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ๔๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต
    โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือนโดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี
    โดยปีนั้น ๔,๐๐๐ ปี อันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดุสิต
    (ประมาณ ๕๘๔,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ๘๐๐ ปีอันเป็นของมนุษย์ เป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของเทวดาชั้นนิมมานรดี
    โดยราตรีนั้น๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี
    โดยปีนั้น ๘,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณของอายุของเทวดาชั้นนิมมานรดี
    (ประมาณ ๒,๓๓๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ๑,๖๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้น
    ปรนิมมิตวสวัสดี โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน
    โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี
    โดยปีนั้น ๑๖,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี
    (ประมาณ ๙,๓๔๔,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

    ดูกรนางวิสาขา !
    ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ สตรีหรือบุรุษบางคนในโลกนี้ เข้าจำอุโบสถ
    อันประกอบด้วยองค์ ๘ แล้ว เมื่อแตกกายตายไป
    พึงเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี

    ดูกรนางวิสาขา !
    เราหมายความเอาข้อนี้แล จึงกล่าวว่า ราชสมบัติอันเป็น
    ของมนุษย์ เมื่อนำเข้าไปเปรียบเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์
    เป็นของเล็กน้อย ฯ
    (พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต หัวข้อ ๕๑๐)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2013
  6. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130


    ศีล 8 ข้อ 3 คือ "อพรัมจริยา เวรมณีสิขา ปทังสมาธิยามิ"

    แปลว่า "ละเว้นการกระทำที่จะเป็นอันตรายต่อการประพฤติพรหมจรรย์"

    การจับมือถือแขน การกอด ยินดีต่อเพศตรงข้ามด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕

    ก็เป็นอันตรายเสี่ยงที่ศีลจะด่างพร้อยและผิดศีล ข้อนี้

     
  8. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    ควรทำต่อไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุดของชีวิตนะครับ ที่ทำมานั้นดีแล้วเป็นของดี ขออนุโมทนาครับ
     
  9. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    ดังนั้น ผู้ที่จะรักษาอุโบสถศีลให้ได้ดีจึงควรแยกตัวออกไปอยู่ในที่สงัดสินะครับ
     
  10. ตุสิตา

    ตุสิตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +183
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
    ขอเพิ่มเติมด้วยนะคะ

    "อุโบสถศีลกับท้าวสักกะจอมเทพ"
    พระบรมศาสดาได้ทรงตรัสเล่าเรื่องอุโบสถศีลกับท้าวสักกะจอมเทพคือพระอินทร์ให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพ ได้สมาทานรักษาอุโบสถศีลในวันพระเป็นประจำ นอกจากนี้ยังได้ชักชวนเทวดาชั้นดาวดึงส์ให้รักษาอุโบสถศีลเช่นเดียวกันด้วย คือท้าวสักกะทรงรู้อานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีลยิ่งนักจึงอุตส่าห์สละสมบัติเทวโลกรักษาอุโบสถศีลเดือนละ ๘ วัน

    อนึ่ง หญิงชายใดผู้ต้องการสมบัติใหญ่ คือต้องการมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ หรือสมบัติพระอินทร์ก็ควรรักษาอุโบสถศีลเถิด จักเป็นบารมีแก่ตนนักหนา

    จากเรื่องนี้ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ท้าวสักกะจอมเทพ เป็นประมุขของเทวดาชั้นดาวดึงส์ นอกจากนี้ ท้าวสักกะจอมเทพก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันด้วยซึ่งเป็นผู้พ้นจากประตูอบายแล้ว ประตูนรกปิดแล้ว คือไม่ต้องไปเกิดในนรกอีกต่อไป ถึงอย่างนั้นท้าวสักกะจอมเทพก็ยังได้ให้ความสำคัญแก่อุโบสถศีลอย่างสูงสุด คือเมื่อวันพระเวียนมาถึงเข้าพระองค์ไม่เคยลืมที่จะรักษาอุโบสถศีลเลย ไม่ใช่จะรักษาเฉพาะพระองค์เท่านั้น ยังได้ทรงชักชวนเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลายให้รักษาอุโบสถศีลเช่นเดียวกับพระองค์ด้วย

    (จากหนังสือ ความมหัศจรรย์แห่งอุโบสถศีล สาระธรรมจากพระไตรปิฎกโครงการเผยแผ่พุทธธรรม ชมรมธรรมทาน วัดพระพุทธบาท สระบุรี ปี ๒๕๔๕ หน้า๒๒-๒๓)
     
  11. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    พระอรหันต์ทั้งหลาย ฉันหนเดียว เว้นการบริโภคในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาลจน
    ตลอดชีวิต แม้เราก็บริโภคหนเดียว เว้นการบริโภคในราตรี งดจากการบริโภคในเวลาวิกาล
    ตลอดคืนหนึ่งกับวันหนึ่งนี้ใน วันนี้ แม้ด้วยองค์อันนี้ เราก็ชื่อว่าได้ทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย
    ทั้งอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าจำแล้ว

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐
    หน้าที่ ๒๐๐/๒๙๐
     
  12. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ขออนุโมทนากับทุกๆความเห็นที่ดีมีประโยชน์ และทุกๆสาระธรรมที่ท่านเพื่อนสมาชิก
    ได้กรุณาเพิ่มเติมเสริมเข้ามาด้วยนะครับ

    * อุโบสถศีล..เลิศกว่าสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ์ *

    บรรดาคนร่ำรวยที่สุดในโลก แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีของโลกก็ตาม จะมีทรัพย์สิน
    เงินทองมากมายมหาศาลสักเพียงใด ความร่ำรวยของมหาเศรษฐีเหล่านั้น เมื่อเทียบกับ
    สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ย่อมกลายเป็นของเล็กน้อย สมบัติของเศรษฐีในโลกรวม
    หมดทั้งโลก ย่อมไม่เทียบเท่าสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ์ สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ์เมื่อนำ
    ไปเปรียบเทียบกับผลของการรักษาอุโบสถศีล ย่อมเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ว่า...สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ์ ย่อมไม่ถึงเสี้ยว
    ที่ ๑๖ แห่งผลของอุโบสถศีล เพราะสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นของเล็กน้อย
    เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นสมบัติมนุษย์
    ความสุขก็เป็นความสุขของมนุษย์ เป็นสมบัติหยาบๆ เป็นความสุขหยาบๆ

    แต่ผลของอุโบสถศีล เป็นเหตุให้ได้สมบัติทิพย์ ความสุขก็เป็นทิพย์ด้วยเช่นกัน ช่วง
    เวลาในการเสวยสมบัติมนุษย์ และสมบัติทิพย์ก็ไม่เท่ากัน การเสวยสมบัติมนุษย์ใช้เวลา
    ได้อย่างมากประมาณร้อยปี แต่การเสวยสมบัติทิพย์นั้นเป็นเวลาเนิ่นนานเหลือเกิน

    มนุษย์ทั้งหลายผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล ย่อมได้ชื่อว่าทำความดีอันมีความสุขเป็น
    กำไร ไม่มีใครติเตียนได้ เมื่อสิ้นชีพไปแล้วย่อมเข้าถึงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่ง

    (จาก หนังสือ " ผลมหัศจรรย์ แห่งอุโบสถศีล " )
    อ้างอิงพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ , ๒๐ , ๒๓

    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     
  13. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    นี่แหละครับ

    ศีลทำให้ถึงซึ่งความสุข สีเลนะ สุขติงยันตุ
    ศีลทำให้ถึงทรัพย์ สีเลนะ โภคคะสัมปธา
    ศีลทำให้ถึงซึ่งพระนิพพาน สีเลนะนิพุติง ยันตุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...