เชิญร่วมงานสัมนาฟรี ครั้งที่3 วันเสาร์ที่ 22 กันยา 55 โดยชมรมคนบุญ มุ่งสู่ยุคศิวิไลซ์

ซื้อดีวีดีคำบรรยายครั้งนี้ได้ที่ใหนครับ

 

ผมจะสรุปให้อ่านเพิ่มเติมจากที่จดๆไว้ หากผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ

ช่วงแรก ก็ได้ข้อมูล(เทป)จาก ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ท่านเล่าให้ฟังเกี่ยวกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ท่านศึกษามา ท่านบอกว่าพลังงานนอกระบบสุริยะเข้ามามากกว่าปกติ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 พบการเปลี่ยนแปลงของพลาสมาที่ขอบด้านนอกระบบสุริยะจักรวาล (ผมเข้าใจว่าดาวทุกดวงในระบบสุริยะก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน) ดาวอังคารก็มีน้ำแข็งละลาย ดาวศุกร์สว่างขึ้น โลกร้อนขึ้น ปริมาณรังสีคอสมิคสูงขึ้นมากในรอบห้าสิบปี สนามแม่เหล็กอ่อนตัวลง

พลังไฟฟ้าที่อยุ่รอบๆระบบสุริยะ(รังสีคอสมิคเป็นส่วนใหญ่) มีความเชื่อมโยงกับดาวเคราะห์ สนามแม่เหล็กก็มีการเชื่อมโยงกันระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ถ้าจะมองเป็นเครือข่ายวงจรไฟฟ้า ดาวเคราะห์แต่ละดวงก็เปรียบได้เป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้าในระบบ นอกจากนี้ความโน้มถ่วง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ก็มีความเชื่อมโยงกันไปหมด อะไรประมาณนี้นะครับ (บางอย่างจดไว้แต่สรุปไม่ถูกขอตัดไปก่อนละกัน)

รังสีจากดวงอาทิตย์จะใช้เวลาเดินทางมาถึงโลกประมาณแปดนาที ส่วนพายุสุริยะก็จะแบ่งเป็นสองส่วน คือที่มีความเร็วสูงจะใช้เวลาประมาณ 1 วันก็จะมาถึงโลก ที่ความเร็วต่ำหน่อยก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันจึงจะเดินทางมาถึงโลก

แล้วก็มีการบันทึกข้อมูลไว้ว่า หลังจากดวงอาทิตย์มีปฏิกริยาขนาดระดับ 7 มีผลทำให้เกิดฝนตกรุนแรงและมีฟ้าผ่า(ผมเข้าใจว่ารุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าปกติด้วย) และพอประเมินได้ว่า
การเกิดแผ่นดินไหว ภัยเกี่ยวกับน้ำ มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาจากดวงอาทิตย์ด้วย(ตรงนี้ผมเข้าใจเองว่าเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งเท่านั้น ควรดูการเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์ไว้ด้วย เพื่อระวังการเกิดเหตุภัยพิบัติเหล่านี้จะเกิดตามมา)

พบว่าพลังงานอิเลคตรอนในชั้นไอโอโนสเฟียร์จะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ 2-3 วันก่อนมีภัยพิบัติแผ่นดินไหว

ถ้าใครมีอะไรเสริมก็ช่วยบอกด้วยนะครับ เรื่องนี้มีรายละเอียดมาก จดทันบ้างไม่ทันบ้าง บางส่วนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เวลามาสรุปอาจผิดพลาดไปได้บ้างถ้าเข้าใจคลาดเคลื่อน

 

ต่อมาก็ พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ได้เมตตามาเล่าเรื่องให้ฟังหลายเรื่อง แต่ที่ผมจดไว้มีไม่มาก ท่านเล่าถึงการทดสอบการสวดมนต์โดยผูกสายสิญจน์ไว้กับต้นไม้ 3 ชนิด แล้วพบว่าต้นไม้มีการเจริญเติบโตดีกว่า ต้นที่ไม่ได้ผูกสายสิญจน์สวดมนต์ ผู้เชี่ยวชาญได้มาสรุปว่าโตได้ดีกว่าปกติ 30,40,50 เท่าตัว(ในแต่ละชนิด) ผมไม่แน่ใจว่าเขาใช้วิธีตรวจสอบแบบไหนนะ แต่เห็นภาพที่มาแสดงแล้วโตผิดกันเยอะเลย ก็น่าสนใจดี เผื่อว่าเวลามีภัยพิบัติต้องปลูกพืชเอาไว้เป็นอาหาร คงต้องใช้วิธีนี้ช่วยด้วย ประหยัดปุ๋ยได้แล้วยังโตเร็วอีกต่างหาก

แล้วก็มีสูตรยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆที่จดไว้ก็มีสองสูตร

สูตรแรก ผมจดไม่ทันว่าใช้รักษาโรคเบาหวานหรือรักษาโรคอะไรได้บ้าง
มีตัวยาดังนี้ ต้นโด่ไม่รู้ล้ม น้ำนมราชสีห์ หญ้าลูกใต้ใบ มะรุมทั้งห้า รายละเอียดคงต้องไปถามพระอาจารย์กันเองนะ

สูตรที่สอง ท่านว่าใช้รักษาโรคระบาดติดเชื้อ
มีสมุนไพรสองชนิด คือไมยราบ(ต้นเล็กๆนะ ไม่ใช่ไมยราบยักษ์)และต้นหูเสือ
รายละเอียดเพิ่มเติมต้องไปถามพระอาจารย์เอาครับ

ใครทราบรายละเอียดมากกว่านี้ช่วยเสริมหน่อยนะครับ

 

ต่อมาก็ท่าน อาจารย์ฟู่เหลย มาเล่าให้ฟังว่า
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 จะมีฝนตกมาก อากาศร้อนมากขึ้นจากเดิมอีกสององศา(จากอุณหภูมิสูงสุดเดิม) อากาศแปรปรวนมาก ไม่ตรงตามฤดูกาล มีโรคภัยไข้เจ็บ แดดร้อนจนแสบผิว

ท่านเปรียบเทียบเรื่องอาทิตย์สองดวงไว้ว่า
ดวงแรก หมายถึง แผ่นดินไหว ท่อน้ำมันแตก ไฟลุก
ดวงที่สอง หมายถึง สงครามโลกครั้งที่สาม

ให้ระวังสงครามศาสนาจะเกิดจากน้ำผึ้งหยดเดียว
ผู้ที่รอดจากสงคราม อาจพิการ น้ำจะเป็นพิษ
ประเทศที่แล้งจะตายกันมาก เช่น แถบแอฟริกา
หลายศาสนาจะมีปัญหากัน เว้นแต่ศาสนาพุทธในประเทศไทย
ประเทศจีน ถ้าน้ำท่วมจะท่วมเยอะ ถ้าแล้งจะแล้งมาก
ตามหลักฮวงจุ้ย จีนคือมังกร ถ้ากักเก็บน้ำมากเท่าไร จะเกิดปัญหามากเท่านั้น

 

ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ ได้บอกว่ากรุงเทพฯอยู่บนเลนคล้ายเจลี่หรือขนมชั้น หากมีแผ่นดินไหวแรงจะมีผลกระทบมาก

ช่วง 17 ธันวาคม-มกราคม จะมีแผ่นดินไหวใหญ่ระดับ 9 (ราว 9.7 ริกเตอร์) แต่ท่านไม่ได้บอกว่าที่ไหนนะ

ปัญหาจากการที่มีดาวเทียมเป็นจำนวนมาก จะทำให้เกิดภัยพิบัติ เนื่องจากพายุสุริยะ จะทำให้ดาวเทียมส่งพลังงานสนามแม่เหล็ก ส่งมายังโลกเป็นจำนวนมาก ทำให้คลื่นพลังงานแม่เหล็กโลกผันผวน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมจากคลื่นพลาสมาจากพายุสุริยะ(ตรงนี้ผมเข้าใจว่าเมื่อสนามแม่เล็กโลกมีปัญหาจะทำให้รังสีคอสมิคเข้ามายังผิวโลกได้มากขึ้น ซึ่งแต่เดิมรังสีคอสมิคจากพายุสุริยะจะมีโอโซนและสนามแม่เหล็กโลกคอยยันเอาไว้ไม่ให้ทะลุทะลวงเข้ามาถึงผิวโลกจนเกิดเป็นอันตรายกับสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ แต่เนื่องจากปัญหาจากกาซบางชนิดที่เข้าไปทำลายชั้นโอโซนจนบางลงและมีรูรั่วเป็นหย่อมๆ ประกอบกับสนามแม่เหล็กโลกที่อ่อนตัวลงหรือแปรปรวนไป จึงอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รังสีอันตรายเหล่านี้ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้มากขึ้น อาจทำให้เกิดมะเร็งหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้)

ท่านบอกว่าถ้าดวงจันทร์มีสีแดงผิดปกติ เพราะได้รับคลื่นพลังลมสุริยะ ก็ให้ระมัดระวังด้วย
และแนะนำว่าควรหาผ้าไปคลุมจานดาวเทียม(โดยเฉพาะช่วงที่มีลมสุริยะรุนแรง)

สำหรับที่น่าเป็นห่วงก็คือสหรัฐอเมริกา เพราะใช้ดาวเทียมและมีจานรับสัญญาณมาก วิธีแก้มีทางเดียวคือสอยดาวเทียมลงมาให้หมด (ผมเข้าใจว่าดาวเทียมเหล่านี้จะได้รับพลังงานจากลมสุริยะและส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาลกว่าภาวะปกติ และจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากได้)

ท่านบอกว่าได้ทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยประเทศไทยอยู่ โดยเรียกว่าการทำแสลนคลุมประเทศไทยไว้ ตอนนี้มีเน็ตเวิร์คอยู่แปดแห่งทั่วประเทศ ยังต้องการ Hub อีกมาก โดยใช้การสวดบทสวดมนต์ของหลวงปู่ทวดบทหนึ่งดังนี้

คาถาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
(ให้ท่านบูชา ธูปแขก 9 ดอก มะลิขาว 9 ดอก)
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงท่านขอบารมีต่างๆ ที่ต้องการแล้วสวดพระคาถาดังนี้

นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ( 3 จบ )

ท่อง 3-11 จบ

เประมัง ธัมมัง สังฆัง
ปุระมัง ธัมมัง สังฆัง
ปรมัง ธัมมัง สังฆัง
เสสัง ธัมมัง สังฆัง กริยานัง อัตโน โหตุ.

บทสวดแผ่เมตตา

สัตว์ทั้งหลาย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
จงไปสู่ภพภูมิที่ดีที่ชอบเถิด

ที่มา : คาถาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด - วิกิซอร์ซ

ช่วยๆกันสวดบทนี้กันหน่อยนะครับ ถ้าได้เป็นกลุ่มใหญ่ก็ยิ่งดี เป็น Hub สร้างแสลนช่วยประเทศไทยกันโดยเฉพาะช่วงที่มีพายุสุริยะแรงๆ หรือช่วงที่จะมีภัยพิบัติใหญ่ ยิ่งต้องช่วยกันสวดให้มากขึ้น จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาได้

ท่านบอกว่าถ้ารวมตัวกันตั้งแต่ร้อยคนขึ้นไป ท่านยินดีจะไปนำสวดให้ฟรี ผมเคยได้ไปร่วมฟังสัมมนากับชาวพลังจิตพิชิตภัยพิบัติเมื่อหลายปีมาแล้ว ได้เคยร่วมสวดบทนี้ รู้สึกว่ามีพลังมากจนขนลุกเลย

 

ตั้งแต่พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ท่านได้มีเมตตามาร่วมงานครั้งที่แล้ว ท่านยินดีต้อนรับผู้ที่จะอพยพสำหรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ผมและครอบครัวจึงเดินทางไปกราบท่านที่สำนักแถวถ้ำเชียงดาว และท่านได้เมตตาพาเดินชมสถานที่ที่ก่อสร้างอยู่และหนึ่งในนั้นท่านพาชมต้นไม้ที่ปลูกพร้อมกันโดยต้นหนึ่งผูกสายสิญจน์แล้วโยงปลายสายมายังวิหารที่สวดมนต์โดยท่านจะเปิด ซีดี สวดมนต์ตลอดทั้งวันสลับกับสวดเอง ผมขอยืนยันครับว่าต้นไม้ทั้ง 2 ต้นมีขนาดต่างกันจริงๆอย่างเห็นได้ชัด และท่านไม่ได้ปลูกแค่ 2 ต้น ท่านยังปลูกและทำแบบนี้อีกหลายต้น ซึ่งต้นไม้ทุกพันธุ์ทุกชนิดก็จะเป็นแบบเดียวกันคือ ต้นที่ผูกสายสิญจน์จะโตกว่า ท่านยังพาไปเดินชมช่องที่พยานาคออกมาเล่นน้ำ ตามตำนานของทางเหนือและยังเล่นถึงเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆที่เกิดขึ้น ณ สถานที่นั้น

 

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ท่านได้เล่าให้ฟังว่า พายุสุริยะทีุ่รุนแรง มีผลกระทบทำให้เกิดไฟฟ้าดับ การสื่อสารพัง เกิดแผ่นดินไหวได้

และเตือนว่า แคลิฟอร์เนีย อันตราย อาจจมลงเนื่องจากแผ่นดินไหว ญี่ปุ่น มีแผ่นดินชนกัน อาจจมลงได้เช่นกัน (ประมาณสามเดือนถัดไป-ผมคิดว่าเพราะเป็นช่วงที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีพายุสุริยะที่รุนแรงช่วงนั้น)

ฟิลิปปินส์ ก็อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ได้ และอาจทำให้เกิดสึนามิเข้ามาถึงอ่าวไทย ประเทศไทยมีเวลาหนีภัยประมาณ 15 ชั่วโมง มีผลกระทบตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงไปทางใต้

น้ำแข็งละลายเร็วมาก ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น
7 ตุลาคม ให้ระวังทะเลโคลนจากนครนายก ถึงสมุทรปราการ
12 ธันวาคม มิติจะเปิด จะมีเสียงดังมาก(อันนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าดังแค่ไหนยังไง)

ที่เหลือก็มีท่านอื่นอีกเล็กๆน้อย ไม่ค่อยได้จดอะไรไว้มาก ขอจบรายงานแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ

สำหรับท่านที่อยากจะช่วยประเทศ หรือช่วยโลกก็เอาข้อมูลนี้ไปเป็นแนวทางช่วยกันยับยั้งหรือบรรเทาเหตุการณ์ต่างๆกันตามความรู้ความสามารถนะครับ ผมทราบว่ามีหลายกลุ่มที่ช่วยเหลือกันในเรื่องเหล่านี้ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทำงานช่วยกันอย่างเต็มที่ ท่านใดถนัดด้านไหนก็ช่วยด้านนั้นนะครับ ถ้าไม่ถนัดอะไรพิเศษเลยก็ช่วยกันหาทางลดพลังด้านลบในรูปแบบต่างๆที่จะทำให้ภัยพิบัติเกิดเร็วขึ้นหรือแรงขึ้น เช่น ลดความขัดแย้งที่อาจเป็นชนวนสงครามทุกรูปแบบจากการพูดทำลายกันในแง่ลบ เป็นต้น

เพิ่มพลังด้านบวกด้วยการให้ทาน มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้จักให้อภัยกัน รักษาศีล สวดมนต์ ทำสมาธิให้มากขึ้น

 

อันนี้เห็นด้วยครับ เพราะขณะสวดมนต์จะเกิดสนามแม่เหล็กรอบๆตัวขึ้นได้ครับ

 

ท่านใด บันทึกเสียงหรือวิดีโอ รบกวนแบ่งปันด้วยคร้าบบบ

 

แล้วชาวพลังจิตสวดมนต์บทนี้ตอนกี่นาฬิกาของทุกวันคะ จะได้ร่วมด้วยช่วยกัน(y)

 

เรื่องเวลาการสวด ผมก็ไม่แน่ใจครับ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่านด้วย ถ้าจะมีภัยแรงๆก็นัดเวลากันสวดก็ได้ครับ ปกติแล้วบทแผ่เมตตานี่มีอานุภาพดีมากในการป้องกันภัย เท่าที่เคยทราบมา มีคนเคยใช้บทสวดเมตตาใหญ่(เมตตาเจโตวิมุติ) ทำให้พ้นภัยจากลมพายุแรงๆได้อย่างอัศจรรย์

ผมเคยสวดบทเมตตัญจะ เวลาลมแรงมากๆ พอตั้งใจแผ่เมตตาออกไป จากลมที่แรงๆจนต้นไม้โอนเอน ก็ผ่อนความรุนแรงไปได้เยอะเลย แปลกดีเหมือนกัน

แล้วบทที่นำมาลงนี้ผมก็เชื่อว่ามีอานุภาพช่วยคุ้มครองป้องกันภัยได้ดีครับ อย่างน้อยๆผู้สวดนี่ได้รับผลแน่ๆ แล้วบทค่อนข้างสั้น สวดง่ายดีด้วยครับ ถ้าสวดกันมากๆผมเชื่อว่ามีผลมากตามไปด้วย อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ อยากให้มีผลอย่างไรก็ขอบารมีหลวงปู่ทวดท่านช่วยสงเคราะห์เอาครับ

 

สำหรับ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ท่านมี Facebook ด้วย ถ้าสนใจก็เข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ

ก้องภพ อยู่เย็น | Facebook

 

ขอบคุณ คุณaries มากๆครับ
ที่มีน้ำใจมาสรุปให้

 

ทาง ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ แจ้งว่าจะมีการจัดจัดอบรมเพื่อเตรียมรับ/ป้องกันภัยอย่างมีสติ ครั้งที่ 2/2555 โดยมีข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจหลายเรื่อง และมีการฝึกสร้างคลื่นพลังงานแม่เหล็กเพื่อต้านและป้องกันรังสีพลาสมาจากพายุสุริยะ มีการสวดมนต์เพื่อสร้างสนามพลังงานป้องกันวิบัติภัยให้กับแผ่นดินไทย

รับจำนวนจำกัด แต่มีค่าให้จ่าย ถ้าสนใจจะสอบถามข้อมูลก็ลองติดต่อที่ ศูนย์ส่งเสริมศักยภาพมนุษย์(ชมรมวิถีธรรมวิถีไท)

โทร 081-835-5880 , 081-919-3892 , 02-887-1707
Email:vitheetham@gmail.com

ถ้าท่านใดไปงานนี้ก็แวะมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ

 

คาถาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงท่านขอบารมีต่างๆ ที่ต้องการแล้วสวดพระคาถาดังนี้

นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ( 3 จบ )

ท่อง 3-11 จบ

เประมัง ธัมมัง สังฆัง
ปุระมัง ธัมมัง สังฆัง
ปรมัง ธัมมัง สังฆัง
เสสัง ธัมมัง สังฆัง กริยานัง อัตโน โหตุ.

บทสวดแผ่เมตตา

สัตว์ทั้งหลาย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าได้มีเวรภัยแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
จงไปสู่ภพภูมิที่ดีที่ชอบเถิด

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

ผมขอปรับแก้เพิ่มเติมในบทสวดแผ่เมตตาให้สมบูรณ์ขึ้น (เป็นบทที่ดร.กัญจีรา ใช้นำสวดจริง)
และการสวดแผ่เมตตาจะสวดครั้งเดียวหลังจากสวดบทบาลีจบแล้ว(ปกติ ดร.กัญจีรา ท่านนำสวดบาลี 3 จบแล้วจึงแผ่เมตตาครับ ถ้าสวดเป็นกลุ่มใหญ่จะมีเทคนิคการสวดเป็นพิเศษ จะทำให้มีพลังดีมากครับ)

 

ที่ดร อาจอง เตือนภัยว่าญี่ปุ่นมีแผ่นดินชนกันอาจจมลงได้ ประมาณสามเดือนถัดไปนั้น จากเมื่อไรคะ ขอขอบคุณในความกรุณาที่ลงรายละเอียดให้ได้อ่านกัน

 

เข้าใจว่านับจากวันสัมมนาครับ เพราะจะตรงกับช่วงที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ อันเนื่องมาจากพายุสุริยะครับ เวลายังขยับได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงมกราคมปีหน้า ผมเองยังไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะจมทีเดียวทั้งเกาะหรอกครับ อาจแค่เริ่มๆเท่านั้น ถ้าเกิดการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกใกล้ๆกับญี่ปุ่น จะดึงให้แผ่นดินของญี่ปุ่นค่อยๆม้วนจมลงตามลงไปได้ (ต้องหาภาพแผ่นเปลือกโลกบริเวณนั้นมาดูแล้วจะเข้าใจไม่ยาก) ที่ผมประเมินน่าจะระวังตัวจากแผ่นดินไหวใหญ่บริเวณเดิมๆแล้วจะเกิดสึนามิซ้ำอีกมากกว่า ก็ควรเตรียมพร้อมไว้และทำบุญสร้างกุศลเอาไว้เยอะๆแล้วอธิษฐานดีๆครับ

 

ภาพรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก

รายละเอียดเพิ่มเติม รอยต่อของแผ่นเปลือกโลก | Astronomy of FFriihhye

 

ถ้าต้องการซื้อ แผ่น DVD ในงานสัมมนา
เรื่อง มหาภัยพิบัติกำลังคืบคลานมา เวลาเหลือน้อย ส.ที่ 28 ก.ค. 55 - 200บาท
เรื่อง 7-7-7 เกี่ยวข้องอย่างไร กับภัยพิบัติ ส.ที่ 22 ก.ย. 55 - 200บาท
เรื่อง สำรวจพื้นที่เขาสอยดาว เพื่อซื้อที่ดิน แผ่น 200 บาท
เรื่อง รวมธรรมจิต นิมิตธรรมสถาน สู่ยุคศิวิไลซ์ แผ่น 500 บาท (สำหรับทำบุญสร้าง ศูนย์หลบภัยของชมรมคนบุญ มุ่งสู่ยุคศิวิไลซ์)

ติดต่อได้ที่
คุณเรือง 08 4546 7943
คุณปุ้ม 08 6989 2738 หรือทางอีเมล์ pachaa_p@hotmail.co.th
ดร.ปชา ภาณุบุญ 08 5251 9141

 

จากงานสัมมนา
เรื่อง เปิดโลกไอทียุคใหม่ ก้าวข้ามภัยพิบัติธรรมชาติ
แนะอีก 7- 8ปี รับมือวางแผนย้ายกรุงเทพฯ

เมื่อวันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ.2555

แนะอีก 7- 8ปี รับมือวางแผนย้ายกรุงเทพฯ - Voice TV

ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ เปิดเผยว่า พื้นที่กรุงเทพฯ จะเกิดน้ำท่วมแบบถาวรในอีก 7 - 8 ปีข้างหน้า จึงเตือนรัฐบาลให้เร่งวางแผนรับมือโดยเร็วที่สุด

มหาวิทยาลัยรังสิต จัดการเสวนาในหัวข้อ 'เปิดโลกไอทียุคใหม่ ก้าวข้ามภัยพิบัติ' เพื่อนำเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอที ในการจัดการภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิจัยร่วมในองค์ก... ารนาซา กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกจะละลายมากขึ้น ทำให้ก๊าซมีเทนผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า

เหตุการณ์นี้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากปกติถึง 20 เซนติเมตร ส่งผลให้น้ำหนักของมหาสมุทรแปซิฟิกเพิ่มขึ้น การหมุนของโลกก็จะเปลี่ยนไป และธรรมชาติจะต้องปรับสมดุล เช่น การเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ และพายุ

พร้อมเปิดเผยว่า หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลก มีโอกาสจะจมลงใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ขณะที่ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ระดับ 3 - 4 ตามมาตราริกเตอร์เท่านั้น เนื่องจากมีรอยเลื่อนขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ

ด้านนายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า น้ำท่วม ยังคงเป็นปัญหาระยะยาว ที่รัฐบาลจะต้องวางแผนแก้ไขปัญหา โดยผู้บริหารน้ำ จะต้องมีความรู้และรับฟังข้อมูลจากหลายด้าน

สำหรับการปล่อยน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดภาวะภัยแล้งในอนาคต เนื่องจากระดับน้ำที่เหลือในเขื่อนไม่เพียงพอสำหรับภาคเกษตรกรรม

ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ยังต้องเฝ้าระวังการเกิดสตอมเซิร์จ หรือ คลื่นขนาดใหญ่ พัดเข้าแนวชายฝั่งในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งรายงานขององค์การสหประชาชาติที่เตือนว่า อีก 7 - 8 ปีข้างหน้า กรุงเทพๆ จะอยู่ไม่ได้ เพราะน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น

ขณะที่ นาย ฐิติพงษ์ นันทาภิวัฒน์ คณะกรรมการ กสทช. กล่าวถึงบทบาทของไอทีเพื่อจัดการภัยพิบัติ ว่า ทีวีระบบดิจิตอล และเทคโนโลยี 3จี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะช่วยให้การเตือนภัยพิบัติรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ จะต้องได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้

นอกจากนี้ กสทช. ยังได้วางหลักเกณฑ์การเตือนภัยพิบัติ ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้ร่วมเสวนาเห็นตรงกันว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนรอดพ้นจากภัยธรรมชาติ ไม่ใช่ความก้าวหน้าด้านไอทีเพียงอย่างเดียว แต่ประชาชนทุกคน จะต้องมีทักษะการเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติชนิดต่างๆ รู้จักช่างสังเกต และมีสติควบคู่กันไปด้วย