เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

สนใจอย่างมากค่ะ

 

ต้องขอขอบคุณพี่เฉลยมากที่แนะนำให้ได้รู้จักหนังสือของอาจารย์โนวา อนาลัย พร้อมทั้งแบ่งปันหนังสือทั้ง10เล่มนี้ให้ได้อ่าน อนุโมนาด้วยค่ะ

 

เห็นด้วยกับคุณโอ๊คครับ วันทำงานก็ได้ครับ ลางานไปครับ

 

โทรบอกหน่อย ครับ

(b-smile)

เอาเป็นว่า ใครอยากสัมนาแนวทางที่ผมบอกไว้ลบกวนโทรมาบอกที่สำนักพิมพ์ด้วยนะครับ เราจะเก็บข้อมูลไว้เมื่อมีปริมาณมากพอเราจะได้มาพบกัน รับรองครับว่าจะร้องเพลงของท่าน อาจารย์นักเขียนให้ฟังสด ๆเลยครับ ฝากขอบคุณคุณเฉลยด้วย ที่ช่วยประชาสัมพันธ์หนังสือให้ท่านอาจารย์ อนาลัย เบอร์โทร นะครับ 02 7461004-6

 

ยินดึต้อนรับคุณเฉลยค่ะ เห็นเข้ามาแจมตั้งแต่เมื่อเช้า แต่เครื่องของพี่นักเขียนทำงานหลายอย่างพร้อมกันจนเครื่อง hang เลยต้องมาต้อนรับช้ากว่าเพื่อน เรียกพี่นักเขียนได้ตามสบายเลยค่ะ เพราะเป็นเพียงนักเขียนที่ทำหนัาที่ล่ามและเลขาของท่านอาจารย์อนาลัยจริงๆ และถือว่าเป็นเกียรติมากๆอยู่แล้วที่มีท่านผู้อ่านติดตามมาคุยด้วยและให้ความอบอุ่นเป็นพิเศษ

พอคุณเฉลยบอกว่าเป็นน้องใหม่มากๆ แต่อายุตามเวลาของเตรื่องพรางแล้วก็มากเหมือนกัน ดีใจจังรีบรับเอาเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เพราะตอนนี้รู้สึกว่าเครื่องพรางแห่งกาลเวลาของตัวเองจะหนากว่าใครเขาเพื่อน ขนาดถูกเพื่อนๆล้อเสมอว่าคุณรุ่นพี่นักเขียนเขาไม่ใช้ศัพท์แสงเกี่ยวกับ computer กันหรอก อีกหน่อยคงพูดกับเพื่อนรุ่นเดียวกันไม่รู้เรื่องต้องไปคุยกับหลาน คุณน้องบางคนเขียนมาถามว่าจะให้เรียกพี่หรือป้าดี ^-^ ตอบไปว่าเรียกพี่ก็ไม่ว่า-เรียกป้าก็เอ็นดู

ขอเชิญคุณเฉลยมาแป่งปันความรู้และประสบการณ์กับพวกเราในฐานะนักเรียนผู้มีเอกลักษณ์สารพัดรูปแบบค่ะ: bat: (*) (sing) ^-^ (rose) (i)

 

ท่านอาจารย์อนาลัยให้บทฝึกฝนไว้มากมายในหนังสือ 10 เล่ม แต่ทั้งหมดก็มีเป้าหมายเดียวกันค่ะ คือการฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด ทั้งยามตื่น ยามหลับ ยามฝัน ที่ท่านกล่าว
ความรูู้และการรับรู้ทั้งหลายเปลี่ยนแปลงผู้รู้
เป็นข้อเตือนใจให้เเราตระหนักว่า หากเรารับรู้โดยปราศจากสติสัมปชัญญะที่คมชัด เรามักรับและบิดเบือนสิ่งที่รู้เห็นด้วยความเชื่อส่วนบุคคล ความรู้ดีๆที่ถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผู้รู้ไปในทางทีดีได้ ตัวอย่างเช่น เวลาเราทำผิดแล้วมีคนมาเตือนใจ แม้ว่าเขาจะเตือนด้วยความหวังดีและเป็นประโยชน์ต่อเรา หากเรามีความเชื่อในทางที่ผิดคิดว่าผู้ที่ตักเตือนมาเหยียดหยามเรา เราก็ไม่คิดตามหรือแก้ไขตนเอง เราอาจต้องเสียใจในภายหลัง ความรู้ที่ได้มักถูกบิดเบือนด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เราใช้เสมอๆยามตื่น ท่านอาจารย์อนาลัยจึงให้เราฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะอย่างคมชัดในความฝัน เพราะมันจะทำให้เรารับรู้ความเป็นจริงได้โดยปราศจากการบิดเบือน เราอาจฝันเห็นผู้ที่เราคิดว่ามาเหยียดหยามเรา แต่เขาก็ประพฤติต่อเราแตกต่างไปจากยามตื่น ทำให้เรามองเห็นเจตนาที่แท้จริงของเขาได้ในความฝัน

แต่ถ้าหากเราขาดสติสัมปชัญญะที่จะติดตามและรู้เห็นความฝัน พอตื่นขึ้นมา เราก็กลับไปตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างตามความเชื่อเดิมทำให้ไม่สามารถนำความฝันมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับโลกยามตื่นของเราได้

เราจึงกำลังช่วยกันฝึกฝนค่ะ(*)

 

เรียนถามพี่นักเขียน บ่อยครั้งที่มักจะฝันไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนสนิท ในความฝันจะรู้สึกถึงความสนิทสนมในหมู่พื่อนๆเป็นอย่างดี แต่พอตื่นขึ้นมา แม้จะจำความฝันได้ แต่กลับนึกชื่อไม่ออกว่าเป็นเพื่อนคนไหนของเราในยามตื่น เพราะไม่ตรงกับเพื่อนคนไหนเลยในยามตื่น ตรงนี้ช่วยอธิบายหน่อยนะคะ ใช่เพราะสติสัมปชัญญะคลุมเครือหรือเปล่าคะ

 

เราจำชื่อเพื่อนไม่ได้เป็นเพราะสติสัมปชัญญะของเรายังไม่คมชัดพอ แม้จะจำประสบการณ์บางส่วนได้ก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจากว่า ความฝันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่ทำให้เรารู้เห็นการเป็นบุคคลตัวตนและสัมพันธภาพของตัวตนนั้นๆ ซึ่งเป็นเราในชาติภพอื่น มิติอื่น ดังนั้นเพื่อนๆของเราในชาติภพนี้จึงเป็นบุคคลที่รับบทบาทที่แตกต่างไปในชาติภพอื่นๆด้วยชื่อที่เราไม่ได้รูัจักในชาติภพนี้ แต่บุคลิกภาพในส่วนลึกเป็นสิ่งที่สถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ ซึ่งทำให้เราตระหนักได้หรือจดได้ว่าใครเป็นใคร

ในความฝัน เรารู้เห็นสิ่งต่างๆด้วยการเป็นจิตวิญญาณ ชื่อจึงปราศจากความหมายเช่นยามตื่น โดยมากแล้วแม้ว่าเราจะจำชื่อได้ แต่บ่อยครั้งเมื่อตื่นมาก็พบว่าชื่อไม่ตรงกับคนที่เรารู้จักยามตื่น ตามประสบการณ์-พี่นักเขียนใช้สังเกตหรือรับเอาแต่เพียงเฉพาะอักษรตัวแรกของชื่อที่ได้ในความฝัน เช่น หากรู้ชื่อจากความฝันว่า ศิริโสภา ยามตื่นอาจเป็นเพื่อนที่ชื่อศิริสุข เป็นต้น การรู้เห็นชื่อที่ได้จากความฝัน หรือในภวังค์สมาธิ มักจะคล้ายคลึงกัน คือเมื่อได้ชื่อเต็มมาแล้ว ให้ตัดทอนเหลือเพียงอักษรตัวแรก เช่น ตามตัวอย่างนี้ เราจะต้องพิจารณาแค่ตัวอักษร ศ หรืออาจเป็น ส ษ ก็ได้ สำคัญที่เสียงมากกว่าตัวอักษรจริง แต่ทั้งนี้จะเป็นไปเช่นนี้ก็ต่อเมื่อชื่อเป็นส่วนของข้อมูลที่สำคัญมาก

แต่ในหลายๆกรณี เมื่อชื่อที่ได้จากความฝันไม่ใช่สาระสำคัญของข้อมูล แม้จะจำได้ก็ไม่ตรงหรือคล้ายกับบุคคลยามตื่นเลย

ยินดีีต้อนรับความฝันและบทสนทนายามตื่นค่ะ(rose)

 

เมื่อคืนก่อนนอนผมได้อ่านบทความของคุณทำให้สงสัยกับประโยคหนึ่งคือ ก่อนที่เราจะตื่นนอน จิตจะตื่นก่อนร่างกายจึงจะตื่นตาม ที่ผมสงสัยเพราะว่าผมไม่เคยตามดูจิตตัวยเองก่อนตื่นนอนเลย แถมขี้เซาด้วย ก่อนจะนอนผมก็ตั้งจิตถึงคุณอนาลัยว่าให้มาพบกันในความผันซักหน่อยอยากพบและอยากรู้เหลือเกินว่าเป็นอย่างไร โดยปกติของผมแล้วผมมักจะจำความฝันของตัวเองไม่ได้ น้อยครั้งมากที่จะจำได้ จึงรู้สึกเหมือนไม่ได้ฝันอะไรเลย พอก่อนที่จะตื่นนอน จำความผันได้นิดหน่อยว่า มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง(เพื่อนที่ทำงาน)นั้งห้อยเท้า อยู่ข้างหน้าผม หน้าเขาเลือนลางมาก แต่ผมจำได้จากทรงผมและการแต่งตัว แล้วพูดว่า "หน้าพี่เนียนจัง" ในใจผมก็คิดว่า หน้าชั้นเนี่ยนะ อีกใจก็แย้งว่า นี่คืออนาลัยหรือเปล่าหว่า จากนั้นก็ตื่น ตื่นแล้วก็พบว่าจิตเราตื่นก่อนจริงๆ ยังไม่ลืมตา ก็เลยไม่ขยับร่างกาย แล้วพยายามที่จะดูว่าเราจะฝันอะไรต่อมั้ย จากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ แล้วก็ตื่นเลยต้องขยับตัวเพราะแม่โทรมาพอดี
ผมเพียงแต่เล่าให้ฟังว่า พบได้เจอกับการตื่นก่อนของจิต และรู้สึกว่ามันแปลกใหม่ต่อชีวิตผม คืนนี้ผมจะลองทำต่อจากเมื่อคนดู

แสดงความนับถือครับ

 

ยินดีต้อนรับค่ะคุณkaewta และขอบคุณที่นำประสบการณ์ดีๆมาแชร์พวกเรา ก่อนอื่นต้องขอ Tune คลื่นกันนิดนึงค่ะ พี่นักเขียนเป็นผู้หญิงซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามและเลขาให้ท่านอาจารย์อนาลัย ท่่านเป็นบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตน ท่านได้มาเข้าฝันพี่นักเขียนเป็นเวลาติดต่อกันแรมปี ทำให้พี่นักเขียนจดข้อมูลความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดมาในความฝันไว้มากมายเป็นภาพ เป็นตัวอักษร เป็นรหัส แล้วนำมาถอดความเขียนเป็นหนังสือชุด 10 เล่มของท่านที่อยู่ในท้องตลาดเวลานี้ พี่นักเขียนฝันว่าชื่อเต็มๆของท่านคือ ท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย แต่ก็เรียกท่านตามความคุ้นเคยที่ได้รับมาแต่แรก คือ รับบุคลิกภาพอันเต็มไปด้วยอิสระจากความปรารถนา พร้อมกับตื่นขึ้นมาด้วยคำว่า อนาลัย จึงเรียกท่านว่าท่านอาจารย์อนาลัย
แต่ก่อนที่หนังสือจะได้ตีพิมพ์ก็ฝันไปอีกว่า ท่านมาบอกว่าให้ใส่ชื่อเต็มๆ ซึ่งเป็นแบบแผนที่คนไทยคุ้นเคย แล้วก็รับเอาบุคลิกภาพของท่านมาว่าเป็นความใหม่ บวกกับบุคลิกภาพอันเต็มไปด้วยอิสระจากความปรารถนา และก็ได้ชื่อมาว่า โนวา อนาลัย ซึ่งหมายถึง เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา


เมื่อคุณkaewta77ตั้งจิตถึง-คุณอนาลัยว่าให้มาพบกันในความผันซักหน่อย- พี่นักเขียนเข้าใจว่า คุณkaewta77น่าจะตั้งจิตถึงนักเขียนมากกว่าใช่ไหมเอ่ย จึงทำให้เผชิญกับบุคลิกภาพของผู้หญิงที่เป็นมนุษย์เดินดินคนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ต่างจากความเป็นจริงของพี่นักเขียน หากคุณkaewta77ตั้งจิตขอพบเห็นท่านอาจารย์อนาลัย ก็อาจเผชิญกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปเป็นอันมาก

ประสบการณ์จิตตื่น-แต่กายหลับ เป็นธรรมชาติของพวกเราทุกคน ที่พี่นักเขียนฝึกด้วยตนเองเมื่อได้รับการแนะนำมาจากท่านอาจารย์อนาลัยในความฝัน และเมื่อฝึกได้โดยไม่ยากเช่นเดียวกับที่คุณkaewta77 ทำได้นี้ พี่นักเขียนก็เที่ยวบอกใครต่อใครที่มาเรียนทำสมาธิด้วยว่าให้ลองทำดู ก็ปรากฏว่าคนที่เข้าภวังค์สมาธิไม่ได้ กลับทำได้โดยง่าย โดยเป็นการปฏิบัติกลับทางกันเท่านั้น แต่เมื่อตกเข้าภวังค์ ตัวหลับ-จิตตื่น แล้ว ก็อยู่ในภาวะที่ไม่ต่างกันเลย ขอแสดงความยินดึด้วยค่ะที่ได้พบกับภาวะอันเป็นธรรมชาติ ที่เป็นจุดเริิ่มต้นที่ทำให้เราสามารถปรับปรุงสติสัมปชัญญะให้คมชัดได้ยามหลับ
ซึ่งเป็นสาระที่พวกเราห้องวิทยฯ กำลังฝึกร่วมกันอยู่ค่ะ หรือว่านอนอุตุกันหมดก็ไม่รู้?^-^

 

ความฝันของคุณzipperทำให้พี่นักเขียนหวลคิดถึงความฝันของตนเอง เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์เผื่อว่าจะทำให้คุณzipperมองเห็นความหมายความฝันของตนเองได้บ้างไม่มากก็น้อย

หลายปีมาแล้วพี่นักเขียนอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเอาลูกๆไปเรียนหนังสือที่รัฐไหนดีใน USA อยากให้ลูกได้โรงเรียนดี มีเพื่อนดีๆ เรียนแล้วมีความสุข จึงตั้งจิตขอคำตอบขณะนั่งสมาธิ แล้วก็นอนต่อ ไปฝันเห็นว่าตนเองกับสามีพาลูกไปเยี่ยมชมโรงเรียน 2 แห่งด้วยกัน แห่งแรกมีเสาสีน้ำเงินและส่วนประกอบของอาคารส่วนมากมีสึแดง แต่ลูกไม่สบาย ไม่อยากลงจากรถ มองดูพื้นถนนปกคลุมไปด้วยหิมะ ในใจก็นึกแปลกใจเพราะสติสัมปชัญญะยามตื่นรู้อยู่ว่า เรากำลังมาพำนักอยู่ที่ LA., California และช่วงนั้นก็เป็นเดือน June

จากนั้นก็พาลูกๆไปดูอีกโรงเรียนหนึ่ง มีประตูสีแดงทั้งโรงเรียน และมีพื่้นปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ขนาด 1.20ม x 1.20ม สีดำสลับขาว พอไปถึงโรงเรียนนี้ ก็แลเห็นหิมะปกคลุมพื้นเต็มไปหมดอีก แต่ลูกกลับบอกว่าสบายดี ลงจากรถได้ และเข้าไปในอาคารด้วยกัน

ยามตื่นไปเยี่ยมชมโรงเรียนเอกชนหลายแห่งใน Calif. แต่ก็หาโรงเรียนดีถูกใจไม่ได้ และไม่มีโรงเรียนใดที่มีลักษณะคล้ายความฝันเลย ในที่สุดก็ตัดสินใจไปตามฝันคือ ไปเมืองที่มีหิมะ ได้แก่เมือง Lawrence, Kansas พี่นักเขียนจากเมืองนี้แล้วกลับไปอยู่เมืองไทย 9 ปี สมัยนั้นเขามา High School อยู่เพียงโรงเรียนเดียว และลูกเราก็ยังเล็กๆ เลยไม่เคยแวะไปดูว่าหน้าตาโรงเรียนเป็นอย่างไร

พอกลับมาครั้งนี้ เมืองขยายตัวออกไปใหญ่กว่าเดิมสองเท่า จึงมี High School เปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงโรงเรียนใหม่ก็พบว่า มีเสาสีน้ำเงินหมดทั้งอาคาร และตกแต่งผนังด้วยสีแดง เหมือนในความฝัน โรงเรียนใหม่เอืี่ยมเพียง 4 ปี มีสระว่ายน้ำ indoor Olympic อันหนึ่งอยู่ติดกับสวนสนุกทีเป็นสระน้ำอีกอันหนึ่ง ไม่ว่าอาคารจะดูดีเพียงใด แต่ผู้คนรวมทั้งอาจารย์ใหญ่ก็ไม่ได้ให้การต้อนรับที่ประทับใจแต่อย่างใด ดูออกจะเย็นชา

จากนัั้นไปดูโรงเรียนเก่า ปรากฏว่าประตูทั้งโรงเรียนเป็นสีแดงหมดทุกบาน ไม่มีเว้น และกระเบื้องปูพื้นโถงใหญ่ตรงทางเข้าอาคารเป็นตามฝันคือสีดำขาว อาจารย์ใหญ๋ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยการกล่าวว่า "ยินดีต้อนรับเด็กๆสู่อ้อมกอด...."

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ปรากฏในความฝันในกรณีของพี่นักเขียนคือหิมะ บ่งบอกให้ทราบถึง location จำเพาะ เพราะมันเป็นสาระสำคัญที่สุดของการตัดสินใจของพี่นักเขียนในเวลานั้น

ส่วนความฝันของคุณzipper ต้องไปสังเกตดูที่อารมณ์ของตนเองว่า เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆเรามีอารมณ์อย่างไร ผู้คนในประสบการณ์นันๆมีอารมณ์อย่างๆไร หากเผชิญกับความตื่นตระหนก หวาดผวาหรือรู้สึกสั่นสะเทือนภายใน มักเป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับภัยพิบ้ติ และหิมะนั้นก็น่าจะบ่งบอกถึงตำแหน่งที่ตั้งของปรากฏการณ์ดังกล่าว เช่น อาจมีน้ำท่วมเกิดขึ้นในซีกโลกที่มีหิมะตกเป็นปกติในฤดูหนาว เป็นต้น

ความฝันมักไม่ค่อยจะปรากฏอย่างตรงไปตรงมาบ่อยนัก ยกเว้นในช่วงที่เรามีความกังวลกับประสบการณ์หรือปัญหาบางอย่างยามตื่นมากๆ เรามักจะจดจ่อจนกระทั่งนำพาประสบการณ์ยามตื่นไปขบคิดต่อในความฝัน ก็มักทำให้เผชิญกับเหตุการณ์ตรงไปตรงมาอย่างพี่นักเขียน หรือบางคนก็เอาปัญหาเกี่ยวกับงานที่แก้ไม่ตก ไปแก้ต่อได้สำเร็จในความฝันเป็นต้น ความกังวลทำให้สติสัมปชัญญะจดจ่อกับสิ่งนั้นๆมากจนทำให้จิตวิญญาณไม่เปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปไกลจากสาระนั้นๆ และเผชิญกับมันอีกในความฝัน

 

ตอนนี้ผมได้ปรับทิศทางการนอน เป็นแนวเดียวกับ
แม่เหล็กโลกแล้วครับ คือ ศีรษะหันไปทางทิศเหนือ
ผลที่ได้ทางกายหยาบ..ทำให้ไม่เมื่อยล้า เวลาตื่น ปกติจะปวดเมื่อย

การกำหนดฝันคล้ายๆกำลังจะเข้าที่
เริ่มมีความชัดเจนขึ้นมาบ้าง แต่ยังจับสาระไม่ได้
เมื่อคืนตอนตีสอง กว่าๆ ตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำ
แล้วกลับมานอน กำหนดฝันใหม่
ปรากฏฝันเหมือนกับจิตวิญญาณภายในแยกออกไปทำอะไรสักอย่าง
ในห้องๆหนึ่ง และคล้ายๆกับว่า เคยฝันแบบนี้มาก่อน

เลยนำมาคุยแลกเปลี่ยนกันฟังครับ

 

เมื่อคืนผมกำหนดจิตอยู่ให้ฝันเหมือนกัน ผลที่ได้รับคือไม่ทราบว่าใครส่ง message มาให้เต็มไปหมด เปิดอ่านครับจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะเยอะมากครับ
(b-ng)

 

ขอบคุณพี่นักเขียนมากครับ ที่มาเล่าความฝันให้เพื่อเอามาเทียบเคียง ในฝันมีอะไรคล้ายกันอีกติ๊ดนึงนอกจากหิมะ ในฝันนั้นพี่นักเขียนหาโรงเรียนให้ลูก ส่วนในฝันของผม รู้สึกว่า office นั้นจะเป็น office ใหม่ ที่จะย้ายไปปลายปีนี้ เพราะรู้สึกว่าออฟฟิศดูไม่เหมือนออฟฟิศเก่าเลย ตอนที่มองตึกข้างนอกก็ไม่เหมือนตึกแถวๆ ออฟฟิศ

ที่ว่าคล้ายกันติ๊ดนึงเพราะว่ามันอิงถึงสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน

แต่ว่าออฟฟิศที่จะย้ายไปอยู่แถวๆ รังสิต หิมะคงไม่ได้มีความหมายเดียวกับฝันของพี่นักเขียนแน่เลย ส่วนอารมณ์ในฝันนั้นก็ไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจว่าเกิดภัยพิบัติเลย

หวังว่าหิมะที่เห็นในฝัน คงไม่ได้หมายถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนในออฟฟิศในที่ทำงานใหม่นะ (เย็นๆ ชาๆ)

 

หิมะของคุณzipper อาจมีความหมายจำเพาะแตกต่างไปจากพี่นักเขียนค่ะ ต้องถามตัวเองว่าหิมะทำให้เรามีอารมณ์และความรู้สึกนึิกคิดถึงอะไร? ความเย็น(ชา) ต่างประเทศ ความสะอาดบริสุทธิ์ ความสดชื่น ความลำบาก ฯลฯ หากเราหาความหมายให้สิ่งต่างๆที่ปรากฏได้ เราจะตระหนักว่า ไม่มีวันไหนในชีวิตที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ความฝันไม่ได้ให้อะไรกับเรา กว่าพี่นักเขียนจะกลายมาเป็นคนที่ฝันเป็นอาชีพ เสียดายฝันที่ถูกทิ้งไว้ใต้หมอนไปตั้งหลายสิบปี เลยอยากให้พวกเราฝันกันเก่งๆ จะได้เอามาใช้ช่วยชีวิตยามตื่น โลกนี้จะสุขมาก ตื่นทำงานได้นิดเดียว หลับทำงานได้แยะกว่า...สบ๊าย....(b-deejai)

 

ในฝันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหิมะ เมื่อออกไปดูข้างนอก ก็ไม่ได้รู้สึกหนาวอะไรด้วย.....

ส่วนความหมายของหิมะสำหรับตัวเองแล้ว คงต้องขอเวลานึกก่อน งึม~ งึม~~ งึม~~~ งึม~~~~

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ

 

โนวา อนาลัย หมายถึง+++
เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา

เมื่อคืนก่อนนอนนึกถึงกระทู้นี้
รู้สึกยังไม่เคยพูดถึง"ความหมายของชื่ออาจารย์อนาลัย"
พี่นักเขียนเหมือนรู้ใจจริงๆครับ...ขอบคุณครับ

 

หนูตา ไปดูโพยหน้าแรกนะครับ..ถ้าจะอ่านแต่เนื้อหาสาระ
แต่ถ้าอ่านสาระขำก็อ่านได้ทุกหน้าครับ อ่านไปขำไปครับ

(b-smile)

 

คุณ Mountain นอนเหนือ-ใต้แล้วหายปวดเมื่อย ทำให้ได้หลักฐานยืนยันเพิ่มมาอีกหนึ่งราย จากหลายๆรายที่พี่นักเขียนแนะนำให้นอนเหนือ-ใต้

ตัวพี่นักเขียนเองเคยหมอนรองกระดูกคอเคลื่อน (disc dislocated) พอเปลี่ยนมานอนเหนือใต้ ด้วยท่านอนหงาย ตื่นมาไม่ปวดเท่าที่เคย จากที่หมอให้ทำกายภาพ 2 ปีกว่าแล้วไม่ได้ผล หมอบอกว่าต้องผ่าตัดแล้วดามเหล็กตรงข้อต่อคอกับกระดูกสันหลังไว้ตลอดชีวิต ได้นอนเหนือใต้รักษาตนเองด้วยการนอนสมาธิ หนีหมอไปออกกำลังด้วยการว่ายน้ำ disc ไม่เคยเคลื่อนอีกเลย ทั้งที่เคลื่อนเรื่อยๆมา 11 ปี

ไปขโมยทักษะการว่ายน้ำมาจากความฝัน คือฝันเห็นเด็กผู้หญิงตัวดำๆว่ายน้ำเก่งเหมือนนางเงือก ว่ายตามเขาไปสักพักก็กลายเป็นเขา ปกติแล้วว่ายขวางบ่อได้ 12 เมตร หยุดประมาณ 3 หน ตื่นมาก็ว่ายเอาว่ายเอาไม่ยักกะเหนื่อย ว่ายได้ 50 เมตรวันแรก จากนั้นภายใน 3 เดือนก็ว่ายตามยาวสระได้ 1,000 เมตรต่อเนื่อง

ทีนี้ขอให้คุณ Mountain และพวกเราที่มีอาการปวดเมื่อยหรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ลองใช้วิธีเหนี่ยวนำกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกให้ผ่านร่างกายเวลานอนนะคะ คือเริ่มจากจินตนาการว่า มีพลังงาน จิตวิญญาณ หรือ กระแสจากพลังจักรวาลผ่านเข้าทางหัวแม่เท้า
นับ 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-หัวแม่เท้า-มาถึงส้นเท้า
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-ส้นเท้า-มาถึงหัวเข่า
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-หัวเข่า-มาถึงสะโพกและครอบคลุมมือไปถึงข้อมือ
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-สะโพกา-มารวมที่ก้นกบ
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-ก้นกบ-มาถึงท้องน้อย(ใต้สะดือ)
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-ท้องน้อย-มาถึงเหนือสะดือ 2 นิ้ว
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-เหนือสะดือ-มาถึงกลางอก
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-กลางอก-มาถึงฐานคอ(ใต้ลูกกระเดือก)
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-ฐานคอ-มาถึงตาที่สาม(หว่างคิ้ว)
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-ตาที่สาม-มาถึงกลางกระหม่อม
นับอีก 1-5 จินตนาการว่ากระแสผ่านจาก-กลางกระหม่อม-ออกคืนสู่จักรวาล

ใครนอนหลับยาก อาจใช้นับ 1-10 หรือ 1-20 แทนแต่ละช่วง และหากนับแล้วจิตไม่สงบ ให้ย้อนกลับไปซ้ำช่วงที่ผ่านมาแล้ว เช่น นับขึ้นมาถึงหัวเข่า จิตยังว้อกแว้ก ให้กลับไปเริ่มนับใหม่ตั้งแต่หัวแม่เท้า หรือย้อนกลับไปแค่ส้นเท้า หากจดจ่อได้ดีจะรู้สึกได้ว่า ร่างกายส่วนที่ถูกครอบคลุมด้วยกระแสจะชา จนในที่สุดเมื่อไปถึงตาที่สาม ตัว แขน ขาจะชาหมด แทบจะกระดิกไม่ได้ หากนอนกำหนดไว้ที่ตาที่สามแล้วขอหลับ ขอฝัน ขอจำ จิตจะเป็นสมาธิ เหนี่ยวนำให้ฝันและมีสติสัมปชัญญะคมชัดขึ้นเรื่อยๆ

แรกๆอาจพบว่านับไปไม่ถึงไหนก็หลับแล้ว คนหลับยากอาจหลับง่ายขึ้น แต่ถ้าทำบ่อยๆทุกคืนจะได้ผลค่่ะ เมื่อนับไปถึงตาที่สามแล้วไม่หลับ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะปิด ประสาทสัมผัสภายในจะทำงาน ตั้งจิตแล้วป้อน keyword หรือคำถามจำเพาะ จะปรากฏให้เห็นหรือได้ยิน บางคนอาจเผชิญกับภาวะที่เหมือนผีอำ หรือ ไฟดูด อย่าตกใจ ตัวเรากำลังหลับ จิตเรากำลังตื่น เป็นภาวะที่เปรียบได้กับ ฌาน 4 ที่เคยกล่าวมาแล้วค่ะ

ดูกระดูกคุณ Mountain ก็สดสวยดีเป็นพิเศษนะคะ ไม่น่าจะเมื่อยได้เล้ย ^-^