หลวงปู่ฮวด วัดหัวถนนใต้ (พระของประชาชน)

วันนี้เป็นวันดีที่ผมได้มีโอกาสเขาเป็นสมาชิกในบ้าน พลังจิต จึงอยากขอแบ่งปันสิงดีๆข้อมูลดีๆแก่เพื่อนๆพี่ๆ และเป็นการแผยแพร่คุณความดีของพระอริย องค์หนึ่งในใจผมให้แก่สาธารณชนได้รับรู้รับทราบเกรียติประวัดและ ภูมธรรมของท่านเท่าที่กำลังของกระผมจะทำได้ การนี้หากมีข้อผิดพลาดประการไดผมต้องขอกราบขออภัยกลวงปู่มานะโอกาสนี้ด้วยครับ

 

ประวัติ หลวงพ่อฮวด กัณฑโว วัดหัวถนนใต้ จ.นครสวรรค์

หลวงพ่อฮวด กัณฑโว วัดหัวถนนใต้ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ พระเถระของชาวบ้าน พระเกจินักพัฒนาและยังเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคุณ เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อคล้าย วัดพนมรอก และอีกหลายคณาจารย์ มีนามเดิมว่า ฮวด พงษ์ทอง เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2447 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะโรงที่บ้านดอนหวาย อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
ทั้งนี้ ครอบครัวได้ย้ายมาประกอบอาชีพที่บ้านหัวถนนใต้ ต.หัวถนน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
เมื่ออายุครบ 20 ปี พ.ศ.2466 ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดพนมรอก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ มี หลวงพ่อคล้าย เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาหลวงพ่อคล้ายได้เป็นเจ้าคณะอำเภอท่าตะโก มีสมณศักดิ์ พระนิพันธ์ธรรมาจารย์) ได้ฉายาว่า กัณฑโว
เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อคล้าย เพื่อปรนนิบัติรับใช้ พร้อมทั้งศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม หลังจากนั้น จึงได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวถนนใต้
งานด้านพัฒนา พ.ศ.2502 สร้างโรงเรียนประชาบาลนิยุตประชาสรรค์ หรือโรงเรียนชุมชนวัดหัวถนนใต้ แบบครึ่งตึกครึ่งไม้ พ.ศ.2505 สร้างถนนเข้าหมู่บ้าน พ.ศ.2507 สร้างเขื่อนกั้นน้ำที่ลำห้วย ให้ชาวนาใช้น้ำได้สะดวก พ.ศ.2511 สร้างศาลาการเปรียญ พื้นไม้ หลังคากระเบื้อง
พ.ศ.2525 สร้างศาลาการเปรียญอาคารคอนกรีตทั้งหลัง ฉลองอายุครบ 200 ปี ของกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2525 สร้างหอระฆัง 2 หอ หน้าศาลาการเปรียญ พ.ศ.2529 เป็นประธานในการสร้างศาลาวัดเขาล้อ พ.ศ.2531 จัดวางระบบน้ำประปาจากอำเภอท่าตะโกมาใช้ที่วัด พ.ศ.2533 สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 2 หลัง
ด้วยคุณูปการต่างๆ เหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันว่าหลวงพ่อฮวด เป็นพระนักพัฒนา มองเห็นความสำคัญของการศึกษา
หลวงพ่อฮวด มักจะกล่าวปรารภ ว่า "ควรจะสร้างคนก่อนที่จะสร้างวัตถุ" หลวงพ่อได้ริเริ่มสร้างโรงเรียนขึ้นก่อน แล้วจึงเริ่มพัฒนาวัดพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน, พัฒนาวัดใกล้เคียง และสร้างโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งมูลนิธิพระครูนิยุตธรรมประวิตร มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ดอกผลที่ได้ มาเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัด เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า สำนักงานตั้งอยู่ที่วัดหัวถนนใต้, ก่อตั้งมูลนิธิหลวงปู่ฮวด เพื่อใช้ดอกผลที่ได้ มาเป็นค่าใช้จ่ายภายในโรงพยาบาลท่าตะโก สำนักงานตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลท่าตะโก
หลวงพ่อฮวด ได้เริ่มศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมครั้งแรก จากหลวงพ่อคล้าย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ (หลวงพ่อคล้ายเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเดิม สร้างเหรียญทวิภาคีร่วมกัน เมื่อคราวหลวงพ่อเดิม-หลวงพ่อคล้าย ช่วยสร้างพระอุโบสถ วัดพนมรอก เมื่อปี พ.ศ.2483)
หลวงพ่อฮวดศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม ซึ่งหลวงพ่อมีความใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม เนื่องจากหลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตอ.ท่าตะโกหลายวัด เช่น การพัฒนาวัดทำนบ, วัดหนองไผ่, วัดเขาล้อ, วัดดอนคา, วัดโคกมะขวิด, วัดพนมรอก, วัดหนองหลวง, วัดหัวถนนเหนือ (เหตุที่หลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตอ.ท่าตะโกมาก เนื่องจากบ้านหนองโพ-หัวหวายเป็นเขตติดต่อกับบ้านหนองหลวง-หัวถนน) หลายครั้ง หลวงพ่อเดิมได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ใด มักจะชวนหลวงพ่อฮวดร่วมเดินทางติดตามไปด้วยเสมอ
หลวงพ่อฮวด เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดสายพุทธาคมมาจากหลวงพ่อเดิม เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว หลังจากนั้น หลวงพ่อฮวดได้เล่าเรียนวิทยาคมกับอีกหลายพระอาจารย์ตามความชำนาญของแต่ละท่าน อาทิ วิชาทำตะกรุดกับหลวงพ่อพุฒ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง, เรียนทำน้ำมนต์กับหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา, เรียนทำผงเมตตามหานิยมโชคลาภจากหลวงพ่อศักดิ์ วัดวังกระโดนใหญ่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เป็นต้น

 

มรณภาพแล้วศพไม่เน่าเปื่อย
หลวงพ่อฮวดได้มรณภาพลงเมื่อ วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เวลา 08.47 น. ที่วัดหัวถนนใต้ สิริอายุ 88 ปี พรรษาที่ 68 คณะกรรมการวัดได้บรรจุร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะว่าศพไม่เน่าเปื่อย ทั้งที่เป็นโลงแก้วธรรมดาไม่ได้เป็นสูญญากาศ ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเปิดโลง เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าสบง-จีวร ปัจจุบันศพตั้งไว้บนจตุรมุขวิหาร

 

ประวัติวัดหัวถนนใต้ วัดหัวถนนใต้สร้างขึ้นเมื่อไร ใครเป็นคนสร้างไม่มีหลักฐานอันใดจารึกไว้ ตอนแรกเป็นเพียงสำนักสงฆ์มีอาสนะสงฆ์ 3 – 4 หลัง เท่านั้น สำหรับการใช้ชื่อวัดนั้นเดิมในบริเวณนั้นมีถนนโบราณใหญ่ตัดไปทางลำธารทางใต้ อันถนนนี้ใช้เป็นทางสำหรับไปตักน้ำที่ในลำธาร เมื่อในบริเวณนี้ได้สร้างเป็นสำนักสงฆ์และได้รับการบูรณะจนกระทั้งเป็นวัด แล้วก็เลยใช้ชื่อวัดว่า “วัดหัวถนนใต้” วัดนี้มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 25 ไร่ ทิศเหนือจรดกับบริเวณที่นาของเอกชน ทิศตะวันออกจรดหมู่บ้าน ทิศตะวันตกจรดหมู่บ้าน ทิศใต้จรดหมู่บ้าน และทางหลวงสำหรับการเดินทางไปที่วัดนี้ เมื่อท่านเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงนครสวรรค์ แล้วในบริเวณบริษัทขนส่งจะมีรถเพื่อเข้าไปอำเภอท่าตะโก ซึ่ง อยู่ห่างจากนครสวรรค์ประมาณ 42 กิโลเมตร ก่อนจะถึงอำเภอท่าตะโก ประมาณ 6 กิโลเมตร ทางด้านซ้ายมือจะเห็นองค์การบริหารส่วนตำบลหัวถนนตั้งอยู่ และมีทางเข้าไปยังวัด ประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงวัดหัวถนนใต้ลำดับเจ้าอาวาส เป็น ที่น่าเสียดายว่าไม่มีใครหรือหลักฐานอันใดบันทึกเอาไว้ว่ามีเจ้าอาวาสกี่ องค์แล้วที่ได้ปกครองวัดหัวถนนใต้แต่จากการสอบถามหลวงพ่อองค์ปัจจุบันได้มี เจ้าอาวาสปกครองวัดนี้มี ดังนี้1. หลวงพ่อจ้อย2. หลวงพ่อวงษ์3. หลวงพ่อนัน4. พระครูนิยุตธรรมประวิตร (หลวงพ่อฮวด)5. พระปลัดพริ้ง จักกะวโร (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน)

 

ขอนมัสการหลวงพ่อครับ

 

สวัสดีครับคุณ tudsanai047 หลวงปู่ท่านมีเมตตาบารมีเหลือล้นจริงๆครับ ไว้ว่างๆจะเขียนเล่าต่อไป

 

หลวงปู่ฮวดท่านดำรงตนด้วยเมตตาธรรม แผ่ไปไม่มีประมาณ ลูกหลานชาวบ้านทั้งไกล้และไกล หากใครมีความประสงค์จะบวช ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งนั้น ไม่ว่ายากดีมีจน หากใครไม่มีเงิน ท่านจะอนุเคราะห์เอาเครื่องใช้ของวัดเตรียมให้ เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ ดังนั้นนอกจากจะเมตตา พุทธาภิเสกพระเครื่องให้แล้ว ท่านยังเสกคนให้เป็นพระมามากต่อมากที่เดียว

 

อีก อิริยาบทหนึ่งของหลวงปู่

 

มีดหมอสุดหายากเดิมที่ ท่านไม่อยากให้สร้างเลยเพราะท่านว่ามีดเป็นเครื่องมือประหัตประหารกัน แต่ก็ทนการรบเร้าของเหล่อลูกศิษย์ไม่ได้จึงยอมให้สร้าง
นี่เป็นเครื่องที่แสดงให้เห็นถึงเมตตาบารมีของหลวงปู่ได้สองทางคือ
1.ท่านไม่อยากให้สร้างมีดเพราะเป็นเครื่องมือประหัตประหาร นั่นหมายถึงท่านมีเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลายอย่างมาก
2.ท่านยอมเพราะทนการรบเร้าของลูกศิษย์ไม่ไหว นั่นหมายถึงท่านมีเมตตาต่อศิษย์ทุกคน ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน
ใครจะคิดอย่างไรผมไม่รู้แต่ผมเชื่อส่วนตัวว่าท่านยังคงคอยดูแลช่วยเหลือศิษย์ของท่านอยู่ตลอดครับ กราบหลวงปู่ฮวด สาธุๆๆๆๆ

 

เข้ามากราบหลวงปู่ฮวดครับ สมัยที่เคยอยู่คร'หวัน ได้ไปทำบุญกับท่านบ่อย ๆ

เทพเจ้าแห่งท่าตะโกตัวจริงเสียงจริง ฉายานี้ได้มาจากแรงศรัทธาของประชาชน ไม่ใช่มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ

พระของประชาชน ผู้ไม่มีความเห็นแก่ตัว สร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล สุดยอดของพระที่เป็นผู้ให้ครับ

กราบ กราบ กราบ

สิ้นหลวงปู่ฮวดวัดหัวถนนใต้ ก็ยังมีหลวงปู่พันธ์วัดเขาล้อ แต่ตอนนี้สิ้นหลวงปู่พันธ์แล้ว...........

 

ขออนุญาต แจ้งข่าว พระเดชพระคุณ พระครูนิยุตธรรมประวิตร (หลวงปู่ฮวด กณฺฑโว)

เนื่องด้วย วันครบรอบวันมรณภาพของ พระเดชพระคุณ พระครูนิยุตธรรมประวิตร (หลวงปู่ฮวด กณฺฑโว) จะเวียนมาบันจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 26 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ทางคณะลูกศิษย์และศรัทธาญาติโยมชาว อำเภอท่าตะโกจังหวัด นครสวรรค์ กำหนดให้มีการทำบุญเลี้ยงเพลพระ ณ ที่วัดหัวถนนใต้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณของพระเดชพระคุณ หลวงปู่ฮวด กณฺฑโว ที่มีต่อเหล่าลูกศิษย์และประชาชนทั้งหลายและถือเป็นการพบปะสังสรรค์ กันในหมู่ลูกศิษย์ทั้งเก่าและใหม่ จึงขอเรียนเชิญ ศรัทธาญาติโยม ทุกท่านที่ประสงค์จะร่วมบุญในครั้งนี้ มา ณ โอกาศนี้
กำหนดการ วันที่ 26 สิงหาคม 2555
เวลา 9:00 น. พระสงฆ์ สวดมาติกาบังสุกุล
เวลา 10:00 น. พระสงฆ์ สวดเจริญพระพุทธมนต์
หลังจากนั้น จึงทำบุญเลี้ยงเพลพระ


“ปูชา จปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง”

ขอความสุขสวัสดี จงมีแด่ทุกท่านทุกคน เทอญ

 

มีพระผง7รอบ มีดหมอ ตะกรุด หลวงพ่อฮวด
ใช้ดีมากๆ พระท่านไม่แพง พุทธคุณสุดยอด มีดเนี่ยดีมากๆใช้ทำน้ำมนต์ รักษาเวลาปวดเมื่อย หายทุกครั้งเลย เชื่อสนิทใจเลย พระก็เมตตาเย็นๆ ไม่กล้าพกไปไหนไกลๆกลัวหาย
ใครยังไม่มีลองเก็บรุ่น2534 รุ่นสร้างโรงบาลดีทุกรุ่น

 

จริงครับ รุ่นสร้างโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านเคยบอกกับศิษย์ท่านที่ชื่อเฮียเฮ้าว่า รุ่นนี้ท่านนั่ง"ดับ"เลย เสกก่อนหน้าหรือหลังจากนี้ไปก็ไม่สามารถทำได้อย่างนี้ ตอนแรกเฮียเฮ้าแทบไม่ยอมเก็บเลยเพราะฟังผิดว่าท่านนั่ง"หลับ" มาทราบทีหลังจิงตามเก็บ

 

กราบๆๆๆหลวงปู่ฮวดครับ

 

ดีทุกรุ่นชอบมาก ห้อยแล้วสบายใจ

 

ผมมีประสบการมาเล่า ครับ ต้องออกตัวก่อนว่าเรื่องประสบการส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่บวกเอาความเชื่อและศรัทธา บวกเข้ามาด้วยดังนั้นจึงขอให้อ่านเป็น ความรู้ละกันนะครับ เพราะเรื่องบางเรื่องไม่เกิดกับตัวไม่รู้หลอกครับ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปีที่แล้ว น้องชายผม เกิดอยากจะบวชมากระทันหัน ช่วงนั้นเป็นฤดูฝนพอดี ตามประเพณีแถวบ้านผม การจะบวชพระจะต้องหาฤกษ์ สึกไว้ก่อนว่าจะสึกได้วันไหน ส่วนวันบวชถือเป็นมงคลวันไหนก็ได้ พอแม่ไปดูฤกษ์ ก็ทราบว่ามีฤกษ์สึกให้บวชเสาร์หน้าที่จะถึงได้เลย ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะคงจะเตรียมงานไม่ทัน แต่สำหรับครอบครัวผมไม่ยาก เพราะเราไม่นิยมจัดงานใหญ่โต เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระต่อพ่อแม่ และไม่ต้องมีเหตุให้ต้อง ฆ่าสัตย์ ดื่มน้ำเมา เราจึงตกลงกันว่าจะบวชในวันเสาร์ที่ว่านั้นเลย พอถึงวันงานทุกอย่างก็ไม่มีอะไรยาก ไปที่วัดในเช้าวันเสาร์ โกนหัว แห่เข้าโบสถ์เลย แต่สิ่งที่ไม่ได้หวังไว้คือมีฝนตกเพราะเป็นช่วงฤดูฝน
ในเช้าวันนั้นผมไม่ค่อยสบายใจเพราะกลัวจะเป็นการลำบากในการแห่นาคเข้าโบสถ์ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรนึกได้ว่าที่บ้านมีรูปหล่อ หลวงปู่ฮวด ที่เฮียเฮ้าตั้งใจสร้างถวายหลวงปู่เป็น อาจาริยบูชา โดยขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณ หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก วัดตะโก จ.พระนครศรีอยุทธยา เมตตาอธิษฐารจิตให้เป็นพิเศษ ผมจึงอาราธนารูปหล่อหลวงปู่ฮวด ใส่พาน จุดธูปอธิษฐานถึงท่านว่า "หลวงปู่ครับ หลวงปู่เคยเมตตาบวชพระให้กับเหล่ากุลบุตร ของชาวบ้านมามากแล้ว วันนี้น้องชายผมจะบวช ผมจึงขอความเมตตาจากหลวงปู่ช่วยให้การบวชครั้งนี้ราบรื่นไปโดยดี โดยที่ในการแห่นาคอย่าให้ฝนตกเลยเพราะจะเป็นการลำบาก" พอบอกกล่าวหลวงปู่เสร็จ ก็เดินทางไปวัดกันโดยที่ในขณะ นั่งทานข้าวกันจนถึงโกนผมนาค ทุกอย่างกระทำกันที่ศาลา ซึ่งฝนก็ยังตกลงมาโดยตลอดมากบ้างน้อยบ้าง ผมนึกในใจว่าหลวงปู่ท่านคงไม่ช่วยเราแล้วละเพราะไม่เห็นมีทีท่าว่าฝนจะหยุดตก แต่แล้วเมื่อถึงเวลาแห่นาคเข้าโบสถ์ ฝนที่ตกลงมาตลอดกลับหยุดตก ซะงั้น ทั้งที่ฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ ทุกคนที่มาร่วมแห่นาคต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคงเป็นเพราะบุญของนาค หลังจากแห่เข้าโบสถ์เสร็จเท่านั้นแหละครับ ฝนก็ตกกรูลงมาอีก นี่ละครับ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างแต่ผมเชื่อสนิดใจเลยว่าหลวงปู่ท่านยังคงคอยดูแลช่วยเหลือลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านอยู่ตลอด วิธีนี้ใครจะลองเอาไปใช้บ้างผมไม่สงวนลิกสิทนะครับ รูปหล่อรุ่นนี้ไม่ทันหลวงปู่แต่ผมไม่เคยห่างกายเลยครับ

 

พอดีไปคนเจอมาเป็นฤกษ์ในการหล่อพระรุ่นนี้ครับ

 

รายละเอียดของวัตถุมงคลรุ่นนี้ สามารถหาอ่านได้จาก


http://www.luangpohhuad.com/webboard/show.php?Category=board1&No=650

 

เข้ามากราบฯ หลวงปู่ฮวด ครับ

 

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูนิยุตธรรมประวิตร (หลวงพ่อฮวด กัณฑโว)

ย้อนหลังไป 40 – 50 ปี ถ้าชาวตลาดท่าตะโกมีงานอะไรซึ่งเกี่ยวข้องกับพิธีการสงฆ์ ไม่ว่าจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน บวชนาค โกนจุก ไม่เว้นกระทั่งงานศพ จะต้องมีหลวงพ่อเป็นประธานสงฆ์แทบทุกงาน ผมซึ่งเป็นเด็กวิ่งเล่นอยู่ในตลาดจึงได้พบเห็นหลวงพ่อเป็นประจำ ทำให้ผมได้เห็นวัตรปฏิบัติของท่านจึงเกิดความเคารพศรัทธาเทิดทูนหลวงพ่อมาตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วง พ.ศ.2516 ผมได้มาบวชอยู่กับหลวงพ่อ 1 พรรษา ยิ่งได้เห็นวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อยิ่งทำให้ผมมีความเคารพศรัทธาเทิดทูนท่านมากยิ่งขึ้น หลวงพ่อเป็นพระดี ที่ปฏิบัติหนักแน่นในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีความสมถะมักน้อยถ่อมตน ไม่เห่อเหิมทะเยอทะยาน เห็นได้จากการที่ท่านปฏิเสธการรับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอถึง 2 ครั้ง 2 คราว ทำตัวอย่างที่ดีแก่ศิษย์ไม่ว่าท่านจะยืนจะนั่งท่านจะสำรวมตลอดเวลา อย่างคราวหนึ่งหลวงพ่อรับกิจนิมนต์นั่งปรกพุทธาภิเศก ที่จังหวัดจันทบุรี ผมได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับท่านพร้อมคณะศิษย์ปากน้ำโพ ตลอดระยะทางไปกลับหลวงพ่อไม่เคยหลับเลย ท่านนั่งพับเพียบตลอดทาง ช่วงระยะประมาณ 20 ปีที่ผมใกล้ชิดหลวงพ่อ ผมพูดได้เลยว่าไม่เคยเห็นหลวงพ่อใส่อังสะตัวเดียวท่านจะต้องห่มจีวรตลอดเวลา พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นผู้ที่มีความเมตตาธรรมสูงมาก อย่างคราวหนึ่งมีคนมาพบท่าน บอกกับท่านว่าทำงานศึกษาอยู่ในจังหวัด ลูกสาวจะรับปริญญาไม่มีเงินจึงมาขอยืมเงินหลวงพ่อ จำนวนเงิน 10,000 บาท ท่านก็เมตตาโดยโยนซองปัจจัยที่ญาติโยมถวายท่านมาให้นับเอาเองปรากฏว่าได้เงินไป 5,000 บาทเศษ หลวงพ่อก็มอบให้กับชายคนดังกล่าวไป ผมซึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยได้กล่าวกับหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อครับไอ้พวกนี้มันพวกต้มตุ๋นนะครับ” หลวงพ่อพูดกับผมว่า “เออฉันรู้ แล้วมันกล้าขอฉันก็กล้าให้ จะดีกว่าให้มันไปลักขโมยเขากิน” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสุดยอดเมตตาของท่าน นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้มองการณ์ไกล สมัยก่อนที่วัดของท่านยังไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรมากนักแต่ท่านกลับสร้างโรงเรียนก่อนท่านเคยกล่าวเสมอว่าคนต้องสร้างก่อน วัตถุสร้างที่หลังได้ ซึ่งทุกวันนี้เด็กที่จบจากโรงเรียนวัดหัวถนนใต้ สอบเข้าเรียนต่อได้ตำแหน่งดี ๆ ในโรงเรียนของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้หลวงพ่อยังได้สร้างทำนบกั้นน้ำให้ชาวบ้านได้ทำนา สร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้าน สร้างสถานีอนามัย สร้างศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน นำไฟฟ้า – ประปา ให้ชาวบ้านได้ใช้กัน แม้ก่อนท่านจะมรณภาพไม่เท่าไร ท่านก็ยังได้สร้างตึกผู้ป่วยขนาด 30 เตียง พร้อมเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลท่าตะโก หลังสร้างตึกโรงพยาบาลเสร็จได้ไม่เท่าไรท่านก็ละสังขารไปในวัย 88 ปี 2 เดือน 20 วัน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฮวดเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีลจาระวัตร ปฏิบัติหนักแน่นมั่นคงในพระธรรมวินัย หนักในการปฏิสันถารในเมตตากรุณาธรรม ดำรงชีวิตสมชีวี คือเสมอต้นเสมอปลาย หลวงพ่อจึงเป็นที่เคารพสักการะของมหาชนศิษยานุศิษย์ที่ทั่วทิศานุทิศใกล้ไกลที่สมเป็นพระมหาเถระผู้ทรงคุณธรรมรูปหนึ่ง แห่งสังฆมณฑลประเทศไทย