กายทิพย์ โลกวิญญาณ ภพภูมิ ทางวิทยาศาสตร์?????

หลักปกิจสมุทปบาท (ทฤษฎีสัมพันธภาพ)​

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า <O></O>

ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล มีหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด เป็น สิ่งเดียวกัน<O></O>​

นั่นคือ<O></O>
สรรพสิ่ง คน สัตว์ พืช มวลสาร เทหวัตถุใดๆ ในสากลจักรวาล ประกอบด้วย<O></O>
โมเลกุล หลายๆโมเลกุลรวมกัน ซึ่งแต่ละ โมเลกุล ประกอบด้วย<O></O>
อะตอม หลายๆอะตอมรวมกัน ซึ่งแต่ละ อะตอม ประกอบด้วย<O></O>
อิเล็กตรอน วิ่งรอบ นิวเคลียส ซึ่งมี โปรตรอน นิวตรอน ฯลฯ เช่นเดียวกันหมด <O></O>
โดยมี พลังงาน แรงยึดเหนี่ยว(พันธะ) ต่อกันและกัน จึงคงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล<O></O>
สิ่งมีชีวิตจิตใจ ประกอบด้วย<O></O>
รูปกาย+จิตวิญญาณ โดยมี แรงยึดเหนี่ยว คือ เวทนา สัญญา สังขาร ก็คือ ขันฑ์ 5 นั่นเอง<O></O>
ดังนั้น<O></O>
จิตวิญาณ คือ รูปของพลังงาน มวลสาร นั่นเอง โดยมี สัญญา เวทนา สังขาร ทำให้เราระลึกได้ว่าเป็นเรา และหลอมรวมพลังงานจิตวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียวคือ เรา เพียงแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หยาบๆของมนุษย์เรา ยังไม่สามารถสัมผัสได้ ยกเว้น พระอริยะ หรือผู้มีสมาธิขั้นสูง<O></O>
ดังนั้น<O></O>
จิตวิญาณ จึงไม่มีวันสูญหาย ตามกฎพลังงาน แม้กายหยาบจะสลาย?(ตาย)??ไปก็ตาม<O></O>
และแน่นอนพลังงานสามารถถ่ายเท แบ่งปันได้ จึงไม่น่าแปลก ที่เราจะถอดจิตวิญญาณได้ ในขณะที่ ร่างกายยังคงมีชีวิตอยู่ โดยใช้พลังงานจิตวิญญาณต่ำที่สุด คือ การหายใจ ท่านจึงสอนไว้ว่า การทำสมาธิ ที่ถูกต้องโดยกำหนดการหายใจ พุธ โธ<O></O>

ธรรมจักรวาล<O></O>​

ธรรม ธรรมชาติ สรรพสิ่งในสากลจักรวาล<O></O>​

ทุกสิ่งคงอยู่ได้ด้วยหลักแห่ง “ความสมดุล” และหลักแห่ง “แรงดึงดูด แรงยึดเหนี่ยว” ระหว่างมวล สสาร เทหวัตถุ ใดๆในสากลจักรวาล ของนิวตัน<O></O>

ทุกสรรพสิ่งจึงอยู่อย่างสัมพันธ์กันตามหลักแห่ง “สัมพันธภาพของไอน์สไตน์”<O></O>

ทุกสิ่งไม่มีวันสูญหายตามหลักของ “กฎแห่งพลังงานไม่มีวันสูญหาย”<O></O>
เพียงแต่เปลี่ยนรูปไปมาได้ ดังสมการ<O></O>
E = MC<SUP>2</SUP><O></O>
<O></O>
มนุษย์ ประกอบด้วย เซลล์กว่า 60 ล้านล้านเซลล์<O></O>
สมอง ประกอบด้วย เซลล์กว่า 10 ล้านล้านเซลล์<O></O>
เซลล์ มีแหล่งพลังงานในตัวเอง คือ ไมโตรคอนเดรีย<O></O>
ดังนั้น การคิดแต่ละครั้ง กว่า 10 ล้านล้านเซลล์ของสมอง ปลดปล่อยพลังงาน<O></O>
เมื่อมีการตอบสนองของร่างกาย เซลล์กว่า 50 ล้านล้านเซลล์ ก็ปลดปล่อยพลังงาน<O></O>
ดังนั้น<O></O>​

​

คลื่นพลังงานความคิด จากสมอง ย่อมกระจายออกจากกะโหลก สู่อากาศ อวกาศได้เช่นเดียวกับการโยนหิน ลงน้ำ (สมาธิจิต หรือ พลังจิต ถอดจิต ถอดฌาน นั่นเอง)<O></O>
คลื่นพลังงานร่างกาย จากการกระทำหรือคำพูด ที่ตอบสนองต่อความคิด ย่อมกระจายออกจากตัว สู่อากาศ และอวกาศ ได้เช่นกัน ด้วยพลังงานที่ มากกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับความคิด ย่อมเป็นพลังจิตที่รุนแรงได้(พลังจิต และ พลังกรรม)<O></O>
ปัญหา ???????????<O></O>
มนุษย์ ยังไม่สามารถผลิตเครื่องมือวัดที่ละเอียดพอที่จะวัดและแปรผล พลังงานจิตวิญาณ ได้ แต่มนุษย์ทำได้แค่วัดพลังงานความคิดของสมอง จากเครื่องมือแพทย์ ECG เป็นรูปคลื่นสมอง แต่ก็ไม่สามารถแปรผลอย่างละเอียดเป็นตัวอักษร เสียง หรือภาพ ได้ คงอีกไม่นานและเรายังไม่สามารถผลิตเครื่องมือรับ(receptor)คลื่นพลังงานความคิด พลังงานจิต ได้ ยกเว้นพระอริยะ หรือผู้มีสมาธิขั้นสูงเท่านั้น ที่ทำได้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วในการทดลองของต่างประเทศ<O></O>
ตาของมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นพลังงานจิตวิญญาณได้ เพราะยังไม่ละเอียดพอ ต้องมีเครื่องมือช่วย เช่นเดียวกับเรามองเห็นแสงสีขาวธรรมดา ที่ผ่านปริซึมทำให้เราเห็นเป็นแสงหลายสีได้ เพราะคนละความยาวคลื่น จึงทำให้เราอธิบายได้ว่า พระพรหม เทวดา ภูตผี สัมภเวสี ต่างๆ ก็ล้วนเป็นพลังงานจิตวิญญาณ ที่อยู่กันคนละคลื่นความยาวความถี่ นั่นเอง และย่อมเข้าใจในภพภูมิต่างๆทั้ง นรก สวรรค์ ฯลฯได้เช่นเดียวกัน ซึ่งต่างก็ซ้อนทับกันอยู่นี่แหละ<O></O>
เสียง ก็เช่นเดียวกัน เพราะมันคนละคลื่นความถี่คนละความยาวคลื่น นี่เองแล<O></O>
ดังนั้น<O></O>
เราจะสามารถสัมผัสพลังงานจิตวิญญาณได้ด้วยการทำ สมาธิ ขั้นสูงๆ(สมองว่างๆสงบๆ คือ ตัวรับคลื่นพลังงานที่ดีReceptor) นั่นเอง <O></O>
จะมีสมาธิขั้นสูงได้อย่างไร ถ้าไม่มีศีลบริสุทธิ์ สุดท้ายก็อยู่ที่ จิตใจ ที่บริสุทธิ์ นั่นเอง แล<O></O>(f) (b-oneeye)
<O></O>
<Oศีล กำกับ กาย(รูป)
สมาธิ กำกับ ใจ อารมณ์ (สัญญา เวทนา สังขาร)
ปัญญา กำกับ ดวงจิต(วิญญาณ)
สรุป><O></O>
ท่านคิดว่า ดวงจิตวิญญาณ เป็นพลังงาน หรือไม่???????????<O></O>
ตัวอย่างง่ายๆ<O></O>
การคิดที่จะกระดิกนิ้วครั้งหนึ่ง มี กระบวนการดังต่อไปนี้<O></O>
-แรกเริ่มเลย เราสัมผัสสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย อายตนะหก รับรู้เข้าสู่สมอง แล้วผ่านกระบวนการคิด ประมวลผลด้วยสมอง ดวงจิตวิญญาณ ใจจึงตอบสนองออกมาเป็นอารมณ์ อยากกระดิกนิ้ว <O></O>
-เมื่อมีอารมณ์อยากแล้ว<O></O>
-สมองจึงตอบสนองใจด้วยการคิด ที่จะกระดิกนิ้ว เป็นหนึ่งเดียวทุกๆเซลล์<O></O>
-ระบบประสาทสั่งการ ตอบสนอง โดยกระจายสัญญาณไปตามเส้นประสาท สู่เซลล์กล้ามเนื้อที่นิ้ว<O></O>
-เซลล์กล้ามเนื้อนิ้ว ทุกๆเซลล์ ตอบสนองเป็นหนึ่งเดียว โดยการทำงานของแต่ละซลล์ รวมเป็น การกระดิกนิ้ว<O></O>
-คนอื่นจึงตอบสนอง โดยการมองเห็นด้วยตา อายตนะหก ทั้งหลาย แล้วแต่ละคนจะตอบสนอง ต่อๆกันไป หรือไม่ อย่างไร???ก็สุดแท้แต่ละคน<O></O>
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพลังงานจากดวงจิตวิญญาณ ใจ อารมณ์ ถ่ายทอดเร็วกว่า ระบบประสาทของตัวมนุษย์เอง มากมายหลายเท่านัก <O></O>และมีผลกระทบ ถ่ายทอด ต่อเนื่องกันไปไม่มีที่สิ้นสุด นั่นเอง

 

ผมขอถามอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และขอคำตอบที่เป็นวิทยาศาสตร์นะครับ
1.)จากกฎที่ว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น(หรือเปลี่ยนแปลง)ได้ถ้าไม่มีเหตุ
ฉะนั้น"ภาวะจิต"ที่เกิดขึ้นได้เพราะเหตุคือกาย(คือทำให้เกิดขันธ์5)
คือมีวิญญาณแล้วส่งให้เกิดขันธ์อื่นๆอีกตามมา
หากกล่าวทางกายภาพแล้ว"ภาวะจิต(พลังงานที่ว่า)"ก็น่าจะหมายถึงกระแสประสาทซึ่งเกิดขึ้น(เปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพ)ได้เพราะเหตุคือกาย(เซลล์สมอง)
ถ้ากายตาย(เซลล์สมองตาย)ก็ไม่มีกระแสประสาท(พลังงานไม่ได้หายไปใหนแต่อยู่ในสภาพที่เปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพตามธรรมชาติเซลล์สมองไม่สามารถ"ควบคุม"ให้เปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพได้(ก็เพราะเซลล์สมองตายแล้ว))
คำถาม
แล้วอะไรเป็นเหตุให้การควบคุมพลังงาน(หรือจิตหรือกระแสประสาท)อันนั้นเปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพได้?

ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มีอะไรควบคุมได้ก็หมายความว่าพลังงานนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติของจิตเลยเป็นแค่ไฟฟ้าประมาณ9Vเท่านั้น

ผมอยากอ่านความคิดแบบนี้มานานแต่ถ้ารู้ก็ต้องรู้ลึกรู้จริง
ยังมีหลายคำถามแต่ขอคำตอบข้อเดียวก่อนครับ

 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ดวงจิต วิญญาณ นั้นคือ กลุ่มพลังงานแห่งชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียว โดยมีสัญญา เวทนา สังขาร ว่าเป็น เรา มีปัญญาญาณ ว่าเป็น เรา??? เพราะก่อนตาย ปัญญาญาณ ประมวลผลแล้วด้วยสัญญาฯ ว่าต้องมารวมกลุ่มพลังงาน ให้เป็นหนึ่งเดียว คือ เรา พลังงานชีวิตหนึ่งเดียวนี้ จึงยังคงอยู่แม้สมองตาย(ความคิด=พลังงาน ไม่มีวันสุญหายไงหล่ะ) แล้วจะเข้าใจเรื่อง ภูติผี วิญญาณ พรหม เทวดา ว่า ล้วนมีอยู่จริงแท้ แน่นอน
ดังนั้น จากแนวทางของหลวงพ่อเกษมว่า การทำดี ทำบุญกุศล แต่ละครั้ง ให้อธิฐานจิตเผื่อแผ่บุญกุศลที่ได้ทำ ทันที แก่ ตัวเอง ผู้อื่น ภพอื่นๆและทุกๆสรรพสิ่งให้ครบ

 

ถ้าอย่างนั้นแล้วเปลวไปถ้าไม่มีฟืนก็ยังมีเปลวไฟได้ใช่ใหม

 

พลังงาน เปลี่ยนรูป ได้เสมอ แต่ไม่สูญหาย

น้อง babifun ต้องกลับไปค้นคว้าวิชาวิทยาศาสตร์ ให้ดี ว่าพลังงานเปลี่ยนรูปและถ่ายทอด ต่อกันได้อย่างไร??? โดยเฉพาะ เคมี และ ฟิสิกส์ ซึ่งมีอยู่แล้วในหนังสือ(f)

 

กายทิพย์ โลกวิญญาณ ภพภูมิ ในทางวิทยาศาสตร์
ก็สามารถมองเป็น คลิ่นความถี่ของความละเอียดของภูมิจิต ได้เช่นกัน

เราเคยเห็นการวัดความถี่คลื่นสมองความนึกคิดเป็นกราฟ ECG
คลื่นความถี่ของสนามพลังของจิต กำหนดภพภูมิ ทุกขณะจิต
ที่เกี่ยวข้องกับสนามของกาลเวลาในห้วงจักรวาล

กาลเวลา ห้วงกาลที่เนิ่นนาน นับเนื่องกับภพภูมิจิต ก็คือคลื่นความถี่จิตนั่นเอง

 

เป็นไปได้ใหมในอนาตตที่จะสร้างเครื่องควบคุมพลังงานส่วนนั้นให้เป็นไปตามที่เราต้องการ(สุขตลอดกาล)

 

ไม่สูญหายก็จริงแต่ชี้ชัดได้อย่างไรว่าไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งถ้าเปลี่ยนแปลงก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่จิตก็ได้

 

ลูกพี่..ดึง
ลูกน้อง..ดัน
เพื่อนกัน..หนุน

 

ถ้าไม่มี พระพุทธเจ้า
ถ้าไม่มี ไอน์สไตน์

พุทธศาสนา กับ วิทยาศาสตร์
จะไม่มีวัน บรรจบกันได้เลย
มนุษย์จะไม่มีวัน รู้จักตัวเองจริง

และตอนนี้ ก็บรรจบ กันแล้ว
ด้วย ธรรม
ด้วย E = Mc2 (c2 ค่าคงที่)
ดังนั้น E = M
มวลสาร คือ พลังงาน คือ จิตวิญญาณ
กฎพลังงาน ไม่มีวันสูญหาย

ไขปัญหา
กฎแห่งกรรม
นรก สวรรค์ เทพ พรหม ภูติผี

ร่างกายมนุษย์มีเซลล์กว่า 60 ล้านล้านเซลล์
เซลล์ มีไมโตรคอนเดรีย ผลิตแผ่พลังงาน ตลอดเวลา
พลังงานจากเซลล์ หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง อย่างไร?ใช่ จิตวิญญาณ??
คิด ใช้ เซลล์สมอง
พูด ใช้ เซลล์สมอง และ เซลล์ปาก ลิ้น คอ
ทำ ใช้ เซลล์สมอง และเซลล์ร่างกาย
กรรม = คิด พูด ทำ = พลังงาน
(good) (good) (good) (b-cap)
พลังงานละเอียดที่สุด มนุษย์ยังวัดเป็นค่าไม่ได้ หรือนั่นคือพลังงานจิต

 

ถูกต้องครับคุณยุทธ..พลังงานจิตละเอียดอ่อนยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
แค่เราเดินไปมาในห้อง ที่ดูเป็นธรรมชาติที่ดูเหมือนง่าย
แต่เบื้องหลังมีการคำนวญของเซลล์ทุกๆระดับอย่างละเอียดจบบรรยายไม่หมดครับ.. เช่น

คำนวณสภาวะ ระยะทาง ภายในห้องนี้ว่ากว้างใหญ่แค่ไหน นอกห้องสถาวะเป็นอย่างไร?
คำนวณคุณสมบัติ รู้แน่ว่าเก้าอื้ตัวนี้มันจะอยู่กับที่ ไม่วิ่งตามเราแน่นอน
คำนวณอุณหภูมิ สัมผัสร้อนเย็น ของมวลวัตถุรอบๆ
คำนวณความปลอดภัย+แรงดึงดูด+ศูนย์ถ่วง ฯลฯ

คำนวณสารพัดในระดับเซลล์ทุกเซลล์ ทั้งที่เราอาจไม่ได้คิดถึงมันเลย
แต่มันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา น่าทึ่งจริงๆแต่ก็เป็นธรรมชาติที่สุดแล้วครับ

 

จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า จิต ของคนเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด

เห็นด้วยค่ะที่กล่าวว่า ทุกคนมีพลังจิต แต่ขึ้นอยู่กับว่า เข้าถึงรึเปล่า เท่านั้นเอง



ทุกคนทำได้ค่ะ ถ้าฝึก

 

ผมคิดว่า กว่าที่วิทยาศาสตร์ จะเข้าถึงเรื่องของ จิต วิญญาณ และภพภูมิต่าง ๆ ได้นั้น คงใช้เวลาอีกนานครับ เพราะว่า การจะสร้างเครื่องรับคลื่นต่าง ๆ ให้สามารถพิสูจน์ได้นั้น ทำได้ยากครับ

ขนาดร่างกายเราเอง เรายังไม่สามารถศึกษาได้ทั้งหมดเลยครับ ตอนนี้ กำลังถอดรหัส DNA กันอยู่ ก็ยังได้ไม่ 100% เลยครับ

ส่วนเรื่องทางจิต หรือวิญญาณนั้น ผมคิดว่าที่เราสามารถเอาตัวเราไปพิสูจน์ได้ เพราะร่างกายคนเรานี่แหละครับ เป็นเครื่องรับ เครื่องส่งที่ดีที่สุดในโลก การใช้งาน DNA หรือ สิ่งที่แฝงใน DNA เรา เราก็ยังไม่ได้ใช้งานมันทั้ง 100% ดังนั้น การฝึกสมาธิ หรือการปฏิบัติธรรม เป็นการทำให้เราสามารถทำจิตเราให้เป็นตัวสื่อสารได้ดีมากขึ้น เป็นการปรับจูน ดึงศักยภาพภายในตัวเราออกมาได้ดีมากขึ้นนะครับ

อย่างไรเสีย ผมเองก็เชื่อนะครับว่า สิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง เพียงแต่เราอาจจะเข้าไม่ถึง หรือระดับของเรายังไม่สามารถจูนได้เท่านั้นครับ

สุดท้าย สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสรู้นั้น คือสิ่งที่ครอบคลุมไปทั้งหมดแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ด้านไหน ๆ (good)

 

ทุกคน ทำได้ ถ้า ใจต้องการ
ไม่มีสิ่งใดๆ ยิ่งใหญ่ เกินใจ มนุษย์
อย่าลืม
จิตเป็นนาย
กายเป็นบ่าว
(good) (good) (good) (good) (good)
จิตเดิมแท้ ของมนุษย์ ของจักรวาล นั้นคือ หนึ่งเดียว

 

ชอบจังเลย คนที่สามารถอธิบายอะไรได้แบบนี้ สุดยอดมากๆเลยค่ะ เป็นการพิสูจน์ความเป็นจริงของธรรมชาติได้ยอดเยี่ยมมากๆ นี่แหละที่เราอยากอ่าน ขอบคุณนะคะ ขออนุโมทนาค่ะ สา...ธุ...

 

ดันใหม่
สำหรับ
ผู้มาใหม่
ให้วิเคราะห์
อย่างมีหลักการ
จิตวิทยา ศาสนศาสตร์ กับ วิทยาศาสตร์
(kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss)

 

หมั่นฝึก หมั่นทำ หมั่นคิด ด้วย อิทธิบาท 4
อย่างมีหลักธรรมง่ายๆ ได้ด้วยความคิด
สังคหวัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 ไตรสิกขา 3

เพียงแค่นี้ ก็จะมีศีล 5 เองโดยปริยาย

 

โอย หัวปวดดดด

 

สวัสดีปีใหม่ ไทยทุกคน

 

กฎธรรมชาติ..ที่แท้จริง???

จาก สูงสุด วัตถุ กาย จิต..กิเลส
สู่ สามัญ กาย จิต..บริสุทธิ์

สรรพสิ่ง..ในมหาสากลจักรวาล คือ สิ่งเดียวกัน???หรือไม่..

เท่าที่มนุษย์ ค้นพบ
ดิน น้ำ ลม ไฟ
ดวงดาว ป่าเขา แผ่นดิน ท้องฟ้า ทะเล แม่น้ำ สรรพสัตว์
ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว คน สัตว์ สิ่งของ
โมเลกุล อะตอม อิเล็กตรอน โปรตรอน นิวตรอน นิวตริโน อนุภาคแสง โฟตอน แกมมา อัลฟา ฯลฯ

สิ่งที่เล็กที่สุด คือ อะไร????ทำจากอะไร????เกิดจากอะไร????จิต???

สรรพสิ่งในมหาสากลจักรวาล

ยึดกันอยู่อย่างไร??? ห่างกันเท่าใด???ใกล้ชิดแค่ไหน????
เท่าที่มนุษย์คิดได้ มีตัวชี้วัด คือ ระยะ..
ระยะทาง ระยะห่าง ระยะเวลา
นั่นแสดงว่ามี
ช่องว่าง ความว่าง ระหว่างสรรพสิ่ง
ช่องว่าง ความว่าง ระหว่างทุกสรรพสิ่ง เป็น..ผืนเดียวกัน..เชื่อมต่อกัน..เหมือนกัน????
...ย่อมเป็น..ผืนเดียว..เชื่อมต่อกัน..อันเดียวกัน..จริงแท้แน่นอน...ทั่วทั้งสากลมหาจักรวาล
...ย่อมเป็น..ที่ตั้งอยู่ และ เปลี่ยนรูปไป..ไม่ดับ..ของ..ทุกสรรพสิ่ง ทั่วทั้งสากลมหาจักรวาล

ในช่องว่าง ความว่าง ระหว่างสรรพสิ่ง มีอะไร????
สรรพสิ่งยึดกันอยู่ด้วยอะไร????
แรง?
แรงดึงดูด
แรงโน้มถ่วง
แรงยึดเหนี่ยว
แรงเกี่ยวพัน
แรงสัญญา
ฯลฯ


จึงเห็นว่า
ทุกสรรพสิ่ง ล้วน เกี่ยวข้อง สัมพันธ์กัน
ทุกสรรพสิ่ง ประกอบด้วย วัตถุ+ช่องว่าง ซึ่ง บรรจุด้วย แรง ทำให้ ยึดติด สัมพันธ์กัน เฉกเช่น คน สัตว์ สิ่งของ ล้วนเกี่ยวข้อง ผูกพันกันและกัน มีผลต่อกันและกัน ต่อเนื่องกัน ไม่มีที่สิ้นสุด ดุจ ทฤษฎีปฏิจจสมุทปบาท ทฤษฎีสัมพันธภาพฯลฯ ทั้ง การกระทำ คำพูดและ ความคิด จิตใจ หรือนี่คือที่มาของคำว่า
..กฎแห่งกรรม.. ที่ไม่มีวันสูญสลายหายไปคือ ..กฎพลังงาน ..นั่นเอง


ซึ่งเป็นไปตาม กฎธรรมชาติ เช่น
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ของนิวตัน
ทฤษฎีแรงสัมพันธภาพ ของไอน์สไตน์
ทฤษฎีปฏิจสมุทปบาท ของพระพุทธเจ้า
ฯลฯ เท่าที่มนุษย์ คิดได้

อยากถาม..มนุษย์อีกว่า
จะแยกเขา แยกเรา แยกเผ่า แยกพันธุ์ แยกหมู่ แยกพวก แยกเชื้อ แยกชาติ แยกศาสนา แยกๆๆๆฯลฯ...ทำไม..?????
ในเมื่อ..เราล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ตั้งอยู่บนช่องว่าง ความว่าง อันหนึ่งอันเดียวกัน มีแรงฯลฯยึดเหนี่ยวเกี่ยวพัน กันและกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เมื่อใหร่???..จะเข้าใจ และยินยอมพร้อมใจ..กลับคืน..สู่..สามัญ

ธรรมชาติ ..สมดุลย์
ธรรมดา ..สบายๆ..
ด้วย..
ธรรม ..สายกลาง พอดี พอเพียง
อันหนึ่งอันเดียวกัน คือ ความ..รัก..ดี..ที่จิตใจ..กาย..พอดี พอเพียง..ต่อ สรรพสิ่ง

มุ่งสู่..
ความว่าง..ช่องว่าง..จิต..บริสุทธิ์..ดั่งเดิม..นิพพานัง..จิตจักรวาลหนึ่งเดียว

วิธีการ นั้นมีอยู่แล้ว ฟรีๆ ทุกๆที่ ทุกๆเวลา ขณะจิต

หรือนี่คือ???
กฎแห่งความจริงแท้ แน่นอน ของมหาสากลจักรวาล
(u) (u) (u)
วัตถุ รูป กาย...สังขาร ภาวะ
จิตบริสุทธิ์ วิญญาณ ช่องว่าง...เวทนา อารมณ์
แรงยึดเหนี่ยว เกี่ยวพัน สัญญา...กฎแห่งกรรม กฎแห่งธรรม..ชาติ<!-- / message --><!-- edit note -->