ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. sirimanod

    sirimanod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +912
    ผมขอร่วมทำบุญด้วยนะครับ

    ผมนายศิริมาโนชญ์ จันทรคุปต์ (ต๊อง) ขอร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ โดยผมจะทำเป็นประจำในทุกๆเดือน เดือนละ100 บาท ผมได้โอนเงินประจำเดือน กันยายน 2554 เข้าบัญชีของทุนนิธิฯเป็นจำนวน 100 บาทเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 54 (เดือน ก.ค.และส.ค. 54 โอนให้แล้วครับแต่ไม่ได้เขียนมาบอก) และผมขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ได้มีส่วนร่วมในการรักษาพระภิกษุสงฆ์อาพาธด้วยครับffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     
  2. ชิน9

    ชิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +247
    สวัสดีครับทุกท่าน ผมได้โอนเงินบริจาคจำนวน 2,000.-บาท

    1/09/2011 14:18:42 น. tmb mbanking 2,000.-


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

    อุทิศให้แก่อาม่า คื้อเจ็ง แซ่ซิ่ม.คุณแม่ม๋วย อากง เจ้ากรรมนายเวรทัง้หลาย ของป๋า 5โกว

    6โกว น้องชาย น้องสะใภ้ หลานชายหลานสาวทุกคนผู้เช่าบ้าน เช่าร้านทุกท่าน

    บริวารทุกคน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของตัวข้าพเจ้าชินพงศ์ เบญจนากาศกุล และ

    นายวันสุข ณรงค์คำมั่น เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของผู้ที่ข้าพเจ้ามีความเกี่ยว

    ข้องทาง กาย วาจา และ ใจที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ไม่ว่า

    ท่านจะอยู่ภพ ภูมิใดก็ขอให้ได้รับผลบุญกุศลนี้และอโหสิกรรม

    ให้กับข้าพเจ้านายชินพงศ์ เบญจนากาศกุล และขอให้ร่วม

    อนุโมทนาบุญกุศลแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอเชิญทุกท่านร่วมอนูโมทนาบุญด้วยกันนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. ลูกปลาใหญ่

    ลูกปลาใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +577
    วันนี้ 02/09/54 เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ได้โอนเงินเจำนวน 500 บาทข้าบัญชีทุนนิธิฯ เพื่อร่วมทำบุญประจำเดือน กันยายน 2554 ครับ
     
  4. พิช

    พิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +596
    ร่วมทำบุญด้วยครับ 500 บาท โอนจากบัญชี1210xxx นายพิเชต บัวทอง เข้าบัญชี 3481232459 วันที่31/08/54 เวลา 16.29 น. ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  5. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    พี่เสือคะ ปูจะส่งประจำเดือนกันยายนไปพร้อมกับของน้องชายคนนึงนะคะ ชื่อคุณนาราค่ะ ร่วมบุญด้วยอีก 300 บาทค่ะ รวมของปูเป็น 500 บาทนะคะ สาธุค่ะ
     
  6. ธีรวิช

    ธีรวิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +158
    โอนร่วมบุญแล้ว 100 บาท
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105


    เห็นแล้วชื่นใจหายเหนื่อย ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ได้บริจาคช่วยพระสงฆ์อาพาธโดยผ่านทุนนิธิฯ นี้มาด้วยครับ แล้วก็อดนึกถึงเรื่องหนึ่งไม่ได้ เพราะเมื่อวันที่ 23 สิงหาฯ ได้รับโทรศัพท์มาจาก คุณวันทนา คุมพะสาโน จนท.ของ รพ.ปัตตานี ซึ่งโทร.มาตอนก่อนเที่ยงนิดๆ แจ้งว่า ในช่วงเช้าพระสงฆ์ออกบิณฑบาตรพร้อมกับทหารตามวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ตามปกติ ปรากฏว่าพอเดินเข้าตลาดปัตตานี ตูมสนั่น ทั้งพระทั้งทหารกระเด็นไปคนละทางสองทางบาดเจ็บสาหัสมาก ขออนุญาตนำเงินที่ได้จากการบริจาคของทุนนิธิฯ ที่ได้บริจาคประจำและมีเงินคงค้างในบัญชีกว่าแสนบาทนำไปซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นก่อนได้หรือไม่ (ปกติทุนนิธิฯ วางกติกาไว้ว่าให้ช่วยเฉพาะพระสงฆ์ สามเณรหรือแม่ชีเท่านั้น) ไม่ต้องคิดให้มากความ ผมตอบตกลงทันที เพราะทหารที่บาดเจ็บก็คือผู้ที่ทางการส่งมาเพื่อเป็นชุดคุ้มครองดูแลพระสงฆ์อีกหน่วยหนึ่ง นั่นเอง สาเหตุที่ต้องรีบด่วน เพราะหากรอการเบิกถอนตามปกติเงินหลายหมื่น ราชการมีขั้นตอนการเบิก-จ่ายมาก แต่หากใช้เงินในบัญชีของทุนนิธิฯ แล้ว ไม่ถึงชั่วโมงถอนเงินเรียบร้อยทันท่วงทีต่อการซื้ออุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ได้ ความรุนแรงของเหตุการณ์ดูเอาเองตามภาพข้างล่างก็แล้วกัน เงินจำนวนนี้ล่ะที่ได้จากการบริจาคจากส่วนกลางตามบัญชีนี้ ส่งไปยัง รพ.ปัตตานีทุกๆ เดือนนั่นเอง ผมจึงขออานิสงส์บุญนี้ได้โปรดมีไปยังท่านทุกๆ คน พร้อมทั้งครอบครัวอันเป็นที่รักให้มีแต่ความสุข ความเจริญด้วยครับ


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]









    ภาพข่าวจาก

    http://www.krobkruakao.com/search.php?type=tag&str_search=ปัตตานี
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ไหนๆ วันนี้ ก็เป็นวันเสาร์สุดสัปดาห์แล้ว ขอแนะนำพระสงฆ์ที่น่ากราบไหว้อีกรูปหนึ่งให้พวกเราได้ทราบไว้ และจากการตรวจสอบของฌาณลาภีบุคคลอย่างน้อย 2 คน ทำให้ทราบว่า โอ๊ะ! นี่คือพระอภิญญารูปนึงเหมือนกัน นึกถึงท่านปุ๊บ มาได้ปั๊บ กระแสจิตท่านสว่างแรงมาก (ตามที่ท่านผู้สัมผัสได้เล่าให้ฟัง) แถมท่านอยู่ไม่ไกลจาก กทม.ซะด้วย ต้องหาเวลาไปกราบไหว้ท่านซะหน่อยแล้ว และเช่นเดียวกัน หากใครมีโอกาสหรืออยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคยไปกราบท่าน ก็ไปกราบท่านซะ แถมในวัดท่านเท่าที่รู้มายังมีวัตถุมงคลให้เช่าซะด้วย ท่านรูปนี้ก็คือ ท่านหลวงพ่อผาด วัดไร่ แห่ง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทองครับ มาลองอ่านประวัติท่านคร่าวๆ ดู กัน กระซิบให้ฟังดังๆ ก็แล้วกัน พระสงฆ์ที่ผมแนะนำลงในกระทู้นี้ รับรองได้ว่ากลั่นกรองมาแล้ว ไม่มั่นใจก็ไม่กล้านำมาลงให้อ่านกันหรอกครับ เชื่อเหอะไปกราบซะ แถมช่วยท่านทำบุญช่วยพัฒนาวัดด้วย อย่าช้าครับ ธาตุขันธ์ท่านเต็มทีแล้ว ได้ทั้งบุญได้ทั้งของดีนับว่าเป็นโชค 2 ชั้นจริง...



    [​IMG]

    <TABLE style="WIDTH: 800px" cellSpacing=1 cellPadding=5 align=center border=0><TBODY><TR><TH vAlign=top scope=col colSpan=2>ประวัติหลวงปู่ผาด วัดไร่ อ่างทอง

    </TH></TR><TR class=tablerow1><TD vAlign=top align=left width=739>หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้เฒ่า วัย 93 ปี ผู้ทรงอภิญญาจิตยุคปัจจุบันสำเร็จวิชาสร้างพระพรหมเฮงกังรี สายหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จากท่านเจ้าคุณรัตนมุนีวัดชีโพน ทั้งยังสำเร็จวิชาธรรมกายชั้นสุดยอดจนได้รับการยืนยันรับรองจากปากของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ว่า "แสงแห่งพระธรรมกายนั้นถ้าหยุดถูกที่แล้วจะสว่างไสวยิ่งกว่า พระอาทิตย์สักร้อยดวงมารวมกันถ้าใครยังไม่เชื่อให้ถามพระจากอ่างทององค์นี้ดูเพราะท่านสำเร็จธรรมกายชั้นสูงสุดแล้ว"

    พูดพลางหลวงพ่อสดก็ชี้มือมาที่หลวงปู่ผาด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่มอยู่นอกจากนี้ หลวงปู่ผาดยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทอง เช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก, เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์, เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่น จากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ, หลวงปู่ผาด สร้างพระพรหมทั้งแบบเนื้อผง ซึ่งสร้างด้วยเนื้อผงพรหมประกาศิต พระพรหมของท่านเป็นพรหมลิขิตชีวิต ผู้บูชามีแต่เจริญก้าวหน้าขึ้นทุกคน และที่เป็นเหรียญพรหมรุ่นแรกเนื้อนวโลหะ, เนื้อตะกั่ว, เนื้อฝาบาตรซึ่งมีปาฏิหาริย์ประสบการณ์แก่ผู้บูชาปรากฏไปทั่ว เพราะท่านสร้างแบบรู้จริงทำได้จริง จึงขลังเหนือคำบรรยาย

    หลวงปู่ผาดท่านเป็นศิษย์สายหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ, ศิษย์สายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และพระเถราจารย์อ่างทองยุคเก่าเมื่อไม่นานนี้หลวงปู่ผาดได้สร้าง "พระพรหมบูชา" ขนาด 5 นิ้วรุ่นแรกก้นอุดผงวิเศษและของวิเศษมากมาย สร้างจากโลหะมงคล 16 ชนิด สวยงามเพราะปั้นโดยช่างศิลป์มือหนึ่งแห่งเพาะช่างที่สำคัญขลังยิ่งนักขนาดบันดาลโชคให้คนบูชาได้ลาภลอยถึง 2 ล้านบาท, ช่วยให้คนที่มีคดีที่ดินจะหลุดไปเป็นของคนอื่นชนะคดีได้ทั้งที่เมื่อก่อนไม่มีแววว่าจะชนะ, ช่วยให้คนป่วยโรคเวร โรคกรรมหายได้หลังจากอธิษฐานขอพรและอีกมากมายหลายสิบประสบการณ์จริงที่ถูกกล่าวถึงเรื่อยมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  9. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    วันหยุดไปถวายสังฆทาน 5 วัดและได้ไปร่วมงานหล่อพระอุปคุตและพระกัจจะยานะ โดยนำทองแดงทองเหลืองและปัจจัยไปร่วมด้วยนะครับ ขอน้อมนำบุญมาให้พี่น้องทุกท่านนะครับ ทั้งพี่เสือ พี่ก้อน พีปุ๊ พี่เอื้อย และทุกๆๆท่านครับที่มิได้เอ่ยชื่อ
     
  10. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    มหาโมทนาสาธุกับบุญของทุกท่านในกระทูื้นี้ครับ
     
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล กับ...“ให้ธรรมะให้เท่าไรไม่มีวันหมด”

    วัดกระโจมทอง ตั้งอยู่ริมคลองวัดกระโจม ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๙๑๐ ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ร่วมสมัยกับวัดปรางค์หลวง

    [​IMG]

    มีตำนานกล่าวว่า เดิมเคยเป็นที่ตั้งกระโจมที่ประทับของพระเจ้าอู่ทอง แม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง พลุกพล่านไปด้วยรถที่สัญจรไปมา แต่วัดแห่งนี้มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งอาจจะเรียกว่า “เป็นวัดป่าใจกลางเมือง เหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติธรรม”
    <!-- inside news --><SCRIPT type=text/javascript src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_service.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GS_googleAddAdSenseService("ca-pub-1114872005097511"); GS_googleEnableAllServices(); </SCRIPT><SCRIPT src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleAddSlot("ca-pub-1114872005097511", "Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFetchAds(); </SCRIPT><!-- Insidenews --><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFillSlot("Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT src="http://pubads.g.doubleclick.net/gampad/ads?correlator=1315530001320&output=json_html&callback=GA_googleSetAdContentsBySlotForSync&impl=s&client=ca-pub-1114872005097511&slotname=Insidenews&page_slots=Insidenews&cookie_enabled=1&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20090528%2F14529%2F%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259E%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A...%25E2%2580%259C%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2594%25E2%2580%259D.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F&lmt=1315530001&dt=1315530001321&cc=36&oe=windows-874&biw=1025&bih=421&ifi=1&adk=3333659748&u_tz=420&u_java=true&u_h=983&u_w=1229&u_ah=945&u_aw=1229&u_cd=24&flash=10.3.183.5&gads=v2&ga_vid=1025827676.1315530001&ga_sid=1315530001&ga_hid=1663191010"></SCRIPT>ที่สำคัญคือ วัดแห่งนี้มี พระอาจารย์สุทัศน์ โกสโล พระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น เป็นเจ้าอาวาส
    หลวงพ่อสุทัศน์ ไม่มีฐานะสมณศักดิ์ใดๆ ท่านเป็นพระธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้น แม้จะมีผู้รู้จักมักคุ้นกับพระเถรผู้ใหญ่หลายรูป แต่ท่านไม่เคยร้องขอสมณศักดิ์ใดๆ กับใครเลยทั้งสิ้น ด้วยใจยึดมั่นในหลักธรรมวินัย และการเผยแผ่ธรรมให้ศาสนิกชนได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์อย่างเดียว

    มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไปรับกิจนิมนต์ให้ไปเทศนาภายในบริเวณวัดพระแก้ว โดยได้เทศนาเรื่อง อานิสงส์แห่งการถวายทานและภาวนา โยมคนหนึ่งได้ฟังธรรมและเกิดความปีติ จึงตามท่านมาที่วัด และจะถวายรถเบนซ์เพื่อให้ท่านได้ใช้ในกิจของสงฆ์
    แต่หลวงพ่อได้แสดงธรรมเพื่อให้เป็นคติสอนใจว่า “ควรถวายของที่เหมาะแก่สมณสารรูปแห่งเพศบรรพชิต” โดยท่านได้ปฏิเสธที่จะรับรถเบนซ์คันดังกล่าว
    หลวงพ่อสุทัศน์ ฉันอาหารมังสวิรัติ ในบางคราวที่ท่านรับนิมนต์ หากอยากโยมทราบก็จะจัดเตรียมอาหารไว้ หากญาติโยมไม่ทราบ หรือต้องเดินทางไกลๆ ท่านจะมีเครื่องกระป๋องเตรียมเอาไว้ ซึ่งเป็นผักทั้งสิ้น
    ทั้งนี้ ท่านได้ให้เหตุผลถึงเรื่องการฉันมังสวิรัติว่า “พระจะเคร่งพระธรรมวินัย ไม่ใช่อยู่ที่ฉันเจ หรือไม่เจ”
    ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ การเป็นเจ้าอาวาส เมื่อคนมาวัดก็ต้องมาหาเจ้าอาวาส เอากับข้าวอร่อยๆ มาถวายเราแต่ผู้เดียว แม้จะฉันรวมกันก็ตาม แต่อาหารนั้นไม่ทั่วถึงหมู่สงฆ์ เมื่อฉันมังสวิรัติแล้ว อาหารที่ญาติโยมมาถวายก็สามารถเผื่อแผ่ไปยังสงฆ์รูปอื่นๆ
    จากคติความเชื่ออย่างหนึ่งที่ว่า “การทำบุญถวายทานกับพระอริยบุคคลนั้น จะได้อานิสงส์ได้บุญมากกว่าการทำบุญกับพระทั่วๆ ไป”
    ทั้งนี้ หลวงพ่อสุทัศน์ได้ให้คติธรรมว่า “เรามิอาจรู้ได้ว่าพระรูปไหนเป็นพระอริยะหรือไม่ เพราะพระอริยะเจ้าไม่บอก ไม่แสดงตนว่าเป็นพระอริยะแล้ว ยกเว้นแต่อริยะปลอมเท่านั้น ธรรมที่ปรากฏนั้น ย่อมปรากฏที่ใจ มิใช่ที่อื่น...การภาวนาเป็นการละลดอุปทาน”
    ส่วนคติความเชื่อที่พุทธสาสนิกชนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ว่า “พระป่าเคร่งกว่าพระบ้าน พระบวชอยู่ในเมือง” นั้น หลวงพ่อสุทัศน์ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าคิดว่า
    “จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น พระป่าซึ่งหมายถึงพระที่อยู่ในป่า ใช่ว่าจะเป็นพระที่เคร่งในศีลยึดมั่นธรรมเสมอไป ไม่ พระป่าจำนวนไม่น้อยทุศีลก็มากมี ผิดพระธรรมวินัยก็มีอยู่ไม่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้กรรมก็จะสนองเอง ระหว่าธุดงค์เคยเห็นศพพระป่าดิบในทั่วไป เพราะขาดศีลผิดวินัยนั่นเอง”
    ในฐานะที่เป็น พระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น หลวงพ่อสุทัศน์ได้พูดถึงประโยชน์ของการฝึกสมาธิภาวนา หรือกรรมฐานว่า สามารถลดหรือล้างความเครียดได้ เมื่อมีการฝึกอบรมกรรมฐานอย่างต่อเนื่องจนสามารถปฏิบัติได้ในอิริยาบถเดิมๆ โดยไม่ได้ขยับเลย เป็นเวลาอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง ก็สามารถจะดับความเครียดได้ เพราะเมื่อมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จิตรวมตัวกันเป็นสมาธิ ตัดเรื่องภายนอกออกได้หมดแล้ว การทำงานของระบบประสาทก็จะดีขึ้น มีสติสัมปชัญญะที่ชัดขึ้น ความเครียดก็จะลดน้อยลงโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้สมาธิภาวนาจึงสามารถลดความกดดันและความทุกข์ได้
    ในกรณีของการปฏิบัติสมาธิภาวนาแล้ว เห็นนรกสวรรค์นั้น หลวงพ่อสุทัศน์บอกว่า การเห็นนรกสวรรค์ในสมาธินั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง การที่มองเห็นนรกสวรรค์ในสมาธินั้น เป็นเพียงอุปทานขันธ์ หาใช่นรกสวรรค์อย่างที่บางคนมีความเข้าใจ
    ส่วนในครั้งพุทธกาล หรือสมัยที่พระพุทธเจ้ามีพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระมาลัยพระอรหันต์ท่านไปนรกสวรรค์ ท่านไปจริงๆ ไปทั้งตัว ไม่ใช่แต่จิต เวลานั่งสมาธิอย่างที่เข้าใจกัน
    หลวงพ่อสุทัศน์ ยังบอกด้วยว่า ระหว่างออกธุดงค์ คำถามหนึ่งที่ญาติโยมมักถามบ่อยๆ คือ
    “ท่านมาธุดงค์อย่างนี้น่าจะมีของดีมาแจกไว้สำหรับป้องกันด้วยหรือไม่”
    หลวงพ่อสุทัศน์ตอบไปว่า “ถ้าไปแจกวัตถุเครื่องรางของขลัง อาตมาพกพามาได้อย่างมากน่าจะไม่เกิน ๓,๐๐๐ องค์ อาตมาไม่มีกำลังมากพอที่จะพกพามากกว่านี้ และถ้าพกพามาได้ก็ไม่สามารถที่จะแจกได้ทั่วครบทุกคน อาตมาจึงบอกว่า อาตมาพกพาธรรมะของพระพุทธองค์มาเต็มย่าม ตั้งใจว่าจะแจกให้ครบทุกคน เพราะธรรมะจะแจกเท่าไรก็ไม่หมด และก็ไม่เป็นภาระที่จะแบกไปแจกให้ครบทุกคน ธรรมะมีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษ แต่วัตถุมงคลมีทั้งคุณมีทั้งโทษ ใช้ในทางที่ถูกก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ใช้ในทางไม่ถูกก็จะกลายเป็นความหลงใหลในวัตถุ”

    ชาติภูมิและแนวปฏิบัติ
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๔๗๘ ปีกุน ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายพรหม และนางพันธ์ อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒ โดยมี พระครูประภาสภูมิสถิตย์ (หนุ่ม) เจ้าอาวาสวัดคงคาสวัสดิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นพระอาจารย์สอนคาถาอาคม-กรรมฐานเป็นปฐม
    มี พระอาจารย์บัญญัติ มุนินโท เป็นผู้ร่วมธรรมวิมุต ออกธุดงค์เดินป่าภาวนาธรรมอยู่ด้วยกันไปถึงพม่า อยู่กลางป่าเขาเป็นเวลากว่า ๒ ปี
    พระอาจารย์องค์สำคัญที่ให้ความรู้ทางวิปัสสนา คือ พระอาจารย์แป้น ธัมมธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรงาม จ.สุพรรณบุรี โดยพระอาจารย์แป้นเดินทางมาอบรมกรรมฐานให้พระเณรที่ในป่าช้าที่วัดท้าวโคตร ซึ่งปัจจุบันคือวัดชายนานั่นเอง
    สำหรับแนวการฝึกปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อสุทัศน์ ท่านจะยึดหลักการฝึกในแนวของมหาสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสติ การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง คือ ตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมันเอง ประกอบด้วย
    ๑.กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากายให้รู้เห็นตามเป็นจริง
    ๒.เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
    ๓.จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงจิต ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
    และ ๔.ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา

    ลิงค์จาก
    คม ชัด ลึก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sutat.mp3
      ขนาดไฟล์:
      4.9 MB
      เปิดดู:
      85
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2011
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    สืบหาพระเครื่องดี จากอำพล เจน อดีตนักเขียนแห่งหนังสือพระศักดิ์สิทธิ์ มีหลายเรื่องที่น่าเสาะหาวัตถุมงคลที่คุณอำพล ได้เขียนไว้ อย่างเช่นเรื่องนี้ ลองอ่านดูครับ

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">มรดกขลังพระราชนิโรธรังสี </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขียนโดย อำพล เจน </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>วันอังคารที่ 29 กันยายน 2009 เวลา 11:44 </TD></TR><TR><TD vAlign=top>หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เหรียญพระมงคลมิ่งเมือง
    วัดสำราญนิเวศ จ.อำนาจเจริญ
    [​IMG]

    พระเครื่องที่ควรจะถูกใจผู้เลื่อมใสในองค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เวลานี้ยังมีเหลืออยู่ไม่มากนัก ไม่รีบขวนขวายเป็นอันจะต้องถึงที่สุดแห่งความเสียดาย

    เหรียญพระมงคล มิ่งเมืองรุ่น 1 ของวัดสำราญนิเวศ อ.อำนาจเจริญ (เดี๋ยวนี้เป็นจังหวัด) สร้างเมื่อปี 2536 เพื่อหาทุนสร้างศาลา ภปร.อนุสรณ์
    มี 2 แบบ
    1. เหรียญรูปไข่ไม่มีห่วง เนื้อทองแดงรมมันปู ตอกโค้ด “สว” สร้างประมาณ 9 พันเหรียญ (ถ้าจำไม่ผิด)
    2. เหรียญรูปไข่กะไหล่ทอง มีห่วง ไม่ตอกโค้ด สร้างประมาณ 1 พันเหรียญ

    เหรียญ ทั้งหมดนี้ยังเก็บรักษาส่วนที่เหลือจากแจกบ้างจำหน่ายบ้างไว้กับหลวงพ่อบุญ หรือพระครูสถิตบุญญารักษ์ เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ วัดสำราญนิเวศ ซึ่งอยู่กลางเมืองอำนาจเจริญนั่นแหละครับ

    หลวงพ่อบุญถือเป็นศิษย์สาย ตรงของหลวงปู่เทสก์ ติดตามรอยบาทหลวงปู่เทสก์ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรน้อยคู่กับหลวงพ่อคำพอง ติสฺโส วัดถ้ำกกดู่ จ.อุดรธานี เป็นพระเลขาองค์หลวงปู่เทสก์คราวอยู่ภูเก็ตอีก 16 ปี จึงถูกส่งมาอยู่สำราญนิเวศในปัจจุบัน

    ถ้าจะกล่าวถึงฐานะของความใกล้ ชิดในองค์หลวงปู่เทสก์แล้ว หลวงพ่อบุญมีฐานะสำคัญไม่น้อยกว่าผู้ใด ทั้งหลวงพ่อบุญและหลวงพ่อคำพองก็ได้รับเมตตาจากหลวงปู่เทสก์เป็นที่สุด โดยมากท่านทั้งสองเข้าพบหลวงปู่มั่นพร้อมกัน ตั้งแต่ยังเป็นสามเณรและได้อยู่จนวาระสุดท้ายขององค์หลวงปู่มั่น และผ่านพ้นงานฌาปนกิจศพไปพร้อม ๆ กับครูบาอาจารย์อื่น ๆ

    หลวงพ่อบุญ เป็นผู้ตั้งชื่อวัดป่าอุดมสมพร ซึ่งหลวงปู่ฝั้น พำนักอยู่จนมรณภาพ

    หลวงพ่อบุญ เป็นผู้ดำเนินการหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงปู่เทสก์ องค์ที่ประดิษฐานในพระอุโบสถ (หรือวิหาร?) ของวัดหินหมากเป้ง
    และหลวงพ่อบุญก็เป็นที่เกิดแห่งเหรียญรุ่นนี้

    มูลเหตุที่เกิดเหรียญพระมงคลมิ่งเมืองนั้นหลวงพ่อบุญอธิบายว่ามีโยมท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้, เป็นชาวศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้เวียนมาขอเหรียญรูปเหมือนและเหรียญพัดยศของหลวงปู่เทสก์ซึ่งท่านได้รับมา นานแล้ว จนกระทั่งท่านใจอ่อนสละให้ โยมท่านนั้นจึงได้ขอหลวงพ่อบุญสร้างเหรียญถวายจำนวนหนึ่ง และขอท่านว่าต้องนำไปถวายหลวงปู่เทสก์ช่วยแผ่เมตตาให้ ซึ่งหลวงพ่อบุญเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยจึงรับ


    [​IMG]

    เหรียญที่สร้างก็คือเหรียญพระมงคลมิ่งเมืองทั้ง 2 แบบ

    เมื่อสร้างขึ้นก็ทำเพื่อแจกแก่ผู้ทำบุญปัจจัยสร้างศาลา ภปร.อนุสรณ์และระบุวัน เดือน ปี ในเหรียญให้ตรงกับวันเกิดของหลวงปู่เทสก์ด้วย (26 เมษายน)

    หลวงพ่อบุญ นำเหรียญทั้งหมดขึ้นวัดหินหมากเป้งและนำถวายหลวงปู่เทสก์ตามที่ตั้งใจ ซึ่งหลวงปู่เทสก์ก็เมตตารับไว้แผ่เมตตาให้ 3 วัน จึงคืนเหรียญทั้งหมดให้

    เหรียญนี้เมื่อหลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาให้แล้วก็ไม่ได้นำไปเข้าพิธี หรือนำไปให้ใครปลุกเสกเพิ่มเติมอีก จึงนับได้ว่าเป็นเหรียญที่หลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาเดี่ยวอย่างแท้จริง และแจกแก่คนทั่วไปมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ป่าวประกาศว่าเป็นองค์หลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาแต่อย่างใด

    ปลายปี 2537 ที่ผ่านมา เกิดข่าวลือว่ามีเหรียญตกค้างอยู่ที่อำนาจเจริญซึ่งข่าวนี้เกิดลือขึ้นมา อย่างไร ผมก็ไม่สามารถสอบสวนได้ แต่ข่าวนี้ทำให้ผู้คนจากมุกดาหาร นครพนมบางส่วนเดินทางมาขอบูชาจากหลวงพ่อบุญเป็นจำนวนมาก แม้ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้เดินทางทยอยขอบูชาอยู่เรื่อย ๆ

    ถ้าหากหลวงพ่อบุญท่านอยู่ประจำวันตลอดเวลา ผมเชื่อว่าป่านนี้เหรียญพระมงคลมิ่งเมืองควรหมดไปนานแล้ว นี่เป็นเพราะท่านไม่ค่อยอยู่วัดในช่วงที่เกิดข่าวลือ และคนแห่กันไปจึงทำให้เหรียญจำนวนที่เหลือยังเหลืออยู่ได้ (คนอำนาจเจริญเองไปหาท่านก็ไม่ค่อยพบ)

    เนื่องจากท่านเป็นพระเถรที่มีกิจธุระเยอะ มักเดินทางเข้ากรุงเทพฯ บ่อย ๆ ถ้าหากท่านเข้ากรุงเทพฯแล้ว ก็มักจะพำนักอยู่ที่วัดบรมนิวาส
    ใครอยู่ในกรุงเทพฯ บางทีจะได้เปรียบ

    คงต้องกล่าวเหมือนเดิมอีกครั้งว่าอย่ามัวสงสัยหรือลังเลใจ ให้รีบติดต่อสอบถาม เพื่อบูชาเหรียญหลวงปู่เทสก์รุ่นนี้โดยเร็ว

    ให้ถือเป็นข่าวของขวัญวันเกิดจากศักดิ์สิทธิ์ก็แล้วกัน

    สุขสันต์วันเกิดครับผม

    (ใครที่เกิดวันเดียวกับศักดิ์สิทธิ์สามารถไปร่วมฉลองวันเกิด, วันบุญใหญ่ที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม เวลา 10 โมงเช้า ด้วยกันได้ ศักดิ์สิทธิ์จะเลี้ยงพระเพลทั้งวัด ฉลองวันเกิดร่วมกันอย่างนี้ดีหลาย)


    .....................................

    ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 294


    ขอขอบคุณ อำพลเจน ดอทคอม


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    นี่ก็อีกเหมือนกันไปตามล่าหาเอาเองครับ

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">ตะกรุดปาฏิโมกข์ </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขียนโดย อำพล เจน </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2009 เวลา 14:55 </TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE class=contenttoc cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH></TH></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>พระปาฏิโมกข์ก็คือพระวินัย ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติและแสดงโอวาสนี้ในวันมาฆบูชา
    มีทั้งหมด 227 ข้อ

    ถือเป็นศีลของพระ

    ศีล แปลว่า ปกติ

    ถ้าพระถือศีล 227 ข้อได้ครบถ้วนไม่ด่างพร้อย ก็เป็นพระที่ปกติ

    อะไรที่มันปกติแล้วก็จะเรียบร้อยสวยงามทั้งนั้น

    ในทางพระพุทธศาสนานั้น ก็มีความปกติให้ญาตโยมถือด้วยคือศีล 5

    แปลกที่ศีล 5 ข้อนี้ใครที่ถือได้ก็จะเป็นคนผิดปกติ เพราะว่าโดยปกติแล้ว ใครๆก็ถือไม่ได้ทั้งๆที่มีแค่ 5 ข้อเท่านั้น

    เมื่อพระจะต้องถือศีล 227 ข้อ ก็น่าสงสัยว่าจะมีสักกี่รูปที่ถือได้ครบสมบูรณ์

    เพื่อนผมเคยบวชพระกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโรพอสึกออกมาก็บอกว่า
    " เป็นพระนี่ยากชมัด กูอาบัติทั้งวันเลย "

    ดีว่ามันบวชแค่พรรษาเดียว เวลาสำหรับเปลี่ยนบรรบยากาศไปอยู่ในนรกคงสั้นลง

    ถ้าบวชตลอดชีวิตคงไม่ได้ผุดได้เกิดอีกนาน

    เว้นแต่มันจะยอมแสดงอาบัติ

    คือเรื่องของพระนี่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของตัวกูผู้เดียว, ทำเอง, รู้เอง เห็นเอง, ไม่ว่าจะทำเรื่องชั่วช้าสารเลวหรือเรื่องดีเลิศประเสริฐหรูแค่ไหน

    หิริโอตัปปะ จึงมีบทบาทอย่างยิ่ง คือมีไว้ีเพื่อให้ผู้ทำผิดพระวินัยชนิดที่รู้เองคนเดียวยอมแสดงอาบัติเพื่อให้ปรับอาบัติ

    โดยมากผู้ที่ยอมแสดงอาบัติเพื่อให้ปรับอาบัติก็มักจะเป็นผู้รู้ดีในพระวินัย ทั้ง 227 ข้อ จึงรู้ได้ว่าตัวเองผิดข้อไหน เพราะความเผลอเรอหรือเพราะอะไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าผิดก็จะไปแสดงความผิดให้เพื่อนพระฟังหรือให้คณะสงฆ์ฟัง

    ความผิดในพระวินัยมี 3 ระดับคือ ขนาดเบา, กลาง, และหนัก

    ขนาดเบาเรียกว่า อาบัติปาจิตตีย์ แค่แสดงให้พระรูปใดรูปหนึ่งฟังก็พอ

    ขนาดกลางเรียกว่า อาบัติสังฆาทิเสส ต้องแสดงอาบัติให้คณะสงฆ์ในอุโบสถฟัง และไปอยู่กรรม 9 วัน

    ขนาดหนักเรียกว่า อาบัติปาราชิก นี่ไม่ต้องแสดงอาบัติหรือปรับอาบัติ แต่ถือว่าขาดจากความเป็นพระทันที จับสึกได้เลย

    ความผิดขนาดกลางและหนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นความผิดที่ผู้อื่นจับผิดได้ ดังนั้นผู้ที่จะทำความผิดระดับกลางและหนัก ก็เป็นพวกหน้าด้านหน้ามึนแบบสุดๆทั้งนั้น

    หิริโอตัปปะจะไม่มีในระดับนี้ เพราะว่าเป็นคนจำพวกที่เรียกได้ว่าไม่รู้จะเสือกมาบวชทำไม

    จะอ้างว่าทำผิดเพราะไม่รู้พระวินัยก็ไม่ได้ เพราะทุกวันพระ ขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ พระสงฆ์จะมาทบทวนพระวินัยกันในพระอุโบสถ เรียกว่าทบทวนกันเดือนละ 2 ครั้งคือสวด พระปาฏิโมกข์ นั่นแหละครับ

    ในทางโลกเขาก็บอกว่า ผู้ทำผิดกฏหมายจะอ้างว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้

    แต่ข้อเท็จจริงแล้ว มีกฏหมายหลายข้อที่เราก็ไม่รู้จริงๆ เพราะว่าไม่มีใครมาทบทวนกฏหมายให้เราฟัง, ถึงมี เราก็คงจะฟังไปหลับไป ไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

    ในทางพระจึงอ้างไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของพระที่จะต้องปฏิบัติตามนั้น

    ทำผิดขนาดปาราชิก ก็ปล้ำถอดผ้าเหลืองได้อย่างสบายใจ ไม่บาป

    พระวินัย หรือศีลพระปาฏิโมกข์จึงถือว่าเป็นความบริสุทธิ ไม่มีมลทิน ไม่มีอะไรด่างพร้อย พระรูปใดถือได้ปฏิบัติได้ย่อมน่าเคารพเลื่อมใสเป็นที่สุด

    อย่างเช่นหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ผมไม่เคยห็นความด่างพร้อยในองค์ท่าน พยายามนึกย้อนหลังไปไกลๆ สมัยที่ได้ติดตามใกล้ชิด ก็นึกหาความผิดของท่านไม่พบ

    ครูบาอาจารย์ระดับนี้แม่นในพระวินัยทั้งนั้น เคร่งครัดจนหาที่ตำหนิไม่พบ

    ความแม่นในพระวินัยก็เห็นได้ในองค์หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย นครพนม ท่านสามารถแสดงพระวินัยเป็นข้อๆได้โดยละเอียดถี่ถ้วน จะเป็นข้อไหนก็ได้ ก่อนหรือหลังก็ไ็ด้ ไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับ

    ถ้าท่านปรากฏตัวในหมู่พระลูกศิษย์ เหล่าพระเณรทั้งหลายจะเกิดความยำเกรงในตัวท่าน เพราะว่าท่านคือผู้รู้และผู้บริสุทธิ์ ซึ่งพระอื่นๆที่ยังทำผิดเล็กๆน้อยๆต้องกลัว

    บางทีจะเรียกว่าเป็นอำนาจของความบริสุทธิ์แห่งพระปาฏิโมกข์

    ครูบาอาจารย์โบราณส่วนใหญ่ รู้จักใช้พระปาฏิโมกข์ให้เกิดอำนาจ เกิดประโยชน์

    อุปเท่ห์ของพระคาถาที่ถอดมาจากพระปาฏิโมกข์นั้นทรงคุณวิเศษ

    หัวใจพระปาฏิโมกข์มักใช้สวดในที่กันดารอัตคัดขัดข้องในเรื่องการกินการอยู่

    ตับพระปาฏิโมกข์ มักใช้สวดเมื่อไปอยู่ในสถานที่อันตราย เช่น ในป่าในดงเพื่อป้องกันอันตราย

    หลวงปู่คำพันธ์เคยกล่าวว่า หัวใจพระปาฏิโมกข์ เมื่อใช้สำหรับปลุกเสกวัตถุมงคล จะให้ผลในทางเมตตา ส่วนตับพระปาฏิโมกข์ จะให้ผลในทางป้องกันอันตราย

    เมื่อนำพระคาถาที่ถอดออกจากพระปากฏิโมกข์มาลงตะกรุดแล้ว ส่วนที่เป็นหัวใจถือเป็นของสูงต้องแขวนคอ หรือพกใส่กระเป๋าเสื้อ แต่ตับพระปาฏิโมกข์ จะเอามาผูกเอวก็ได้ไม่เป็นไร

    พูดถึงพระคาถานี้แล้ว รู้สึกตัวเองชักจะขลังๆยังไงชอบกล

    ชักจะเป็นผู้แตกฉานในคาถาที่ตนเองไม่รู้เรื่องขึ้นมาเสียแล้ว

    ผมก็ว่าไปตามตำราเท่านั้นอย่าถือสาเลย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อย่างไรก็ตามมีผู้คิดทำตะกรุดหัวใจและตับพระปาฏิโมกข์ขึ้นมาคือ คุณเอกสุวัชร์ มงคลธันยวัชร์ โดยได้อาจารย์เวทย์เป็นผู้ลงมือจารพระคาถา โดยแยกทำเป็น 2 ดอก คือหัวใจพระปาฏิโมกข์ เป็นตะกรุดดอกสั้น ยาวประมาณ 5 ซ.ม.และตับพระปาฏิโมกข์ เป็นตะกรุดดอกยาว ความยาวประมาณ 6 ซ.ม. ทุกดอกพอกผงฝังโค้ดและพลอยเสกของหลวงปู่คำพันธ์ สร้างขึ้นอย่างละ 80 ดอก เท่าอายุพระพุทธองค์ สร้างแล้วนำเข้าเสกพร้อมกับ กศปมหาฤษี ในคืนวันที่ 12 ต. ค. 2547 โดยองค์หลวงปู่ทองสา ฐิตเปโม วัดป่าจิตตวิยาราม อ.ปากคาด จ.หนองคาย

    [​IMG]

    <ADDRESS>หลวงปู่ทองสา ฐิตเปโม วัดป่าจิตตวิยาราม อ.ปากคาด จ.หนองคาย</ADDRESS>
    ตะกรุดชุดนี้เดิมตั้งใจจะออกในนามวัดบรมนิวาส แต่ผู้สร้างคือคุณเอกสุวัชร์ เกิดเปลี่ยนใจยกให้เป็นตะกรุดรุ่นแรกของหลวงปู่ทองสา และมอบให้ผมดำเนินการจำหน่ายแทน ปัจจุบันตะกรุดเหลืออยู่น้อยมาก คือ ชนิดดอกสั้น (หัวใจ) มี 32 ดอกชนิดดอกยาว (ตับ) มี 36 ดอก ให้บูชาดอกละ 500 บาท

    [​IMG]

    รายได้เข้าบำรุงที่พักสงฆ์สภาบุญ (โพธิญาณธรรมสถาน ) อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลฯ ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์ที่หลวงปู่ทองสาเดินทางมาพักประจำ

    ขออนุญาตโม้หน่อย

    ตะกรุดชุดนี้มีประสบการณ์แล้วครับ

    ลองพาดหัวข่าวดูจะเป็นไร

    “ทึ่ง! เด็ก 7 ขวบถูกเก๋งชนกันชนยุบ รอดตายปาฏิหาริย์”


    “ผู้สื่อข่าวสืบหาพระเครื่องดี (ก็พรรคพวกกันนั่นแหละ) รายงานว่า เกิดเหตุรถเก๋งของครูสาว (ไม่ทราบชื่อ) ชนเด็กชาย ภูธร สิงห์พันธ์ อายุ 7 ขวบกระเด็นจนถึงกับกันชนรถเก๋งยุบ ที่ถนนศรีณรงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2548 หลังจากนำตัวเด็กชายภูธรส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ตรวจไม่พบบาดแผล และอาการผิดปกติ จึงให้กลับบ้านได้ ในตัวของเด็กชายภูธร สิงห์พันธ์ มีตะกรุดพระปาฏิโมกข์ของหลวงปู่ทองสาคาดเอวอยู่ดอกเดียว”

    ทีนี้มาคุยแบบคุยคุ้ยข่าวดูมั่ง


    “ชนถึงขนาดกันชนรถเก๋งยุบนี่ อย่าว่าแต่เด็ก 7 ขวบเลย หมาตัวโตๆยังตาย”

    [​IMG]

    เรื่องของเรื่องมีว่า พ่อของเด็กชายภูธร คือ นายพรชัย สิงห์พันธ์ทำงานอยู่ บ.ไทยยนต์ จก.อุบลฯ. ได้รับตะกรุดจากอาจารย์เวทย์ไปดอกหนึ่ง เป็นตะกรุดตับพระปาฏิโมกข์ ก็เอาไปผูกเอวให้ลูกชาย 7 ขวบไว้ เพราะเห็นลูกชายออกจะซนมาก

    วันเกิดเหตุเป็นวันหยุดปลายเดือนกุมภาพันธ์ เด็กชายภูธรเล่นลูกบอลอยู่ข้างๆถนน ลุกบอลเกิดพลัดวิ่งไปกลางถนน ก็วิ่งตามไปเก็บ รถเก๋งของครูสาวขับมาอย่างเร็วเบรคไม่ทัน จึงชนโครมกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา

    เด็กก็ตกใจร้องไห้จ้า ครูก็ตกใจวิ่งลงจากรถมาดู ไม่พบร่องรอยบาดแผลอะไร แต่ก็ไม่สบายใจพาไปโรงพยาบาลเพื่อเอ็กซเรย์ดูภายใน ผลคือไม่พบอะไรผิดปกติแพทย์ให้กลับ และไม่จ่ายยาให้อีกด้วย เพียงแต่สั่งว่าให้ดูอาการสัก 4 – 5 วัน ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบกลับไปหาแพทย์

    ครูสาวก็ให้ชื่อและเบอร์โทรศัพท์แก่พ่อของเด็กไว้ พอ 4 – 5 วันผ่านก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนนานเข้าก็เลยทิ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของครูสาวคนนั้นไป เลยจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่คลับคล้ายว่าเป็นครูสอนหนังสืออยู่โรงเรียนปทุมพิทยาคารนี่แหละ

    ถ้าครูสาวท่านนี้อ่านพบเรื่องนี้ช่วยโทรฯหาผมด้วย อยากคุยหารายละเอียดเอามาโม้ต่ออีกรอบ

    คุณพรชัยพ่อของเด็ก 7 ขวบบอกว่า รอยฟกช้ำดำเขียวก็ไม่มีลูกเป็นปกติดีทุกอย่าง

    แปลกนะครับ

    เห็นจะจริงตามที่ครูบาอาจารย์โบราณบอกไว้ อุปเท่ห์ของตับพระปาฏิโมกข์นั้นป้องกันภัยอันตรายได้

    จบข่าว

    ..........................................................................


    ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 539 วันที่ 16 มิถุนายน 2548
     
  14. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    เพิ่งจะได้เข้ามาในกระทู้นี้เป็นครั้งแรก....รู้สึกดีมากๆ และขอร่วมอนุโมทนากับเพื่อนๆสมาชิกทุกคนที่ได้รับร่วมทำบุญเพื่อพระพุทธศาสนาด้วยค่ะ....
     
  15. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ยินดีที่ต้อนรับนะครับผม
     
  16. Magicbunny

    Magicbunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +614
    โอนเงิน ร่วมทำบุญด้านการรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธ หรือศาสนกิจอื่นๆ
    รายละเอียดดังนี้ครับ

    วันที่ทำรายการ: 13/09/2011 12:00:57
    เลขที่รายการ: 110913120032417
    โอนเงินจากบัญชี: XXX-2-13759-X
    ธนาคารผู้รับเงิน: BANK OF AYUDHYA
    เพื่อเข้าบัญชี: 348-1-23245-9
    ชื่อบัญชี: PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท): 500.00
    ค่าธรรมเนียม (บาท): 25.00

    อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมบุญด้วยครับ
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เมื่อสักครู่...ผมได้โอนเงินทำบุญที่นักรบธรรมทุกๆท่าน ร่วมทำบุญผ่านมาทางบัญชีส่วนตัวผมกับน้องใน Office
    รวมเป็นยอดเงินทำบุญ 18,001 บาท ผมได้ขออนุญาตกระจายเงินบุญไปดังนี้

    1. ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรมหลวงปู่ศรีสุทโธ,หอฉันและที่พักญาติธรรม ณ. ภูดานไห 7,500 บาท

    2. ถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช เพื่อใช้ในกิจต่างๆตามอัธยาศัย 5,501 บาท

    3. ร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร 5,000 บาท
    [​IMG]

    รวม 18,001 บาท ขอได้โปรดโมทนาสาธุร่วมกันครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  18. EBE1

    EBE1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +431
    ขอร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ
    ร่วมทำบุญด้วยครับ 200บาท โอนแล้วน่ะครับ 13/9/54
    อนุโมทนากับทุกๆท่านที่ได้ร่วมบุญด้วยครับผม<!-- google_ad_section_end --> ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 200.JPG
      200.JPG
      ขนาดไฟล์:
      35.8 KB
      เปิดดู:
      81
  19. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับทุกๆท่าน ครอบครัวผมได้โอนเงินบริจาคจำนวน 500 บาท
    (14/09/11 เวลา 18:07 น.) ประจำเดือนกันยายน 2554(kiss)
     
  20. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    โอนเงินร่วมบุญ เข้าบัญชี 348-123-245-9
    วันที่ 17 กย. 2554 เวลา 15:16 น. จำนวน 300 บาท ครับ
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...