มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

เดินทางต่อ อุบลฯ

เนื่องจากมีท่านผู้ใหญ่ใจดี เมตตา ให้พักค้างคืนใด้ที่... ( โดยบังเอิญ )
๑๒. วัดบ้านนาเมือง ( วัดสระประสานสุข) อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ถวายเทียนพรรษา ,ร่วมบุญ เจ้าภาพ อภิธรรม หลวงปู่บุญมี

สวดมนต์ ทำวัตรเย็น พร้อมด้วย คณะพระสงฆ์ จากนั้น ร่วมกัน เป็นเจ้าภาพ นิมนต์พระ ท่าน สวดพระอภิธรรม แด่ หลวงปู่ บุญมี ...
ถวายปัจจัย ,ผ้าไตรฯ ,เทียนพรรษา
หลวงพ่อ...ท่านเมตตา มอบ ภาพ หลวงปู่บุญมี ,พระสีวลี แด่ ทุกท่าน

 

นับว่า เป็นบุญบารมี อย่างมาก ที่ใด้มีโอกาส นอนพักผ่อน ต่อหน้า สรีละหลวงปู่บุญมี วัดบ้านนาเมือง ( วัดสระประสานสุข) อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

ซึ่ง หลายปีที่ผ่านมา พระอาจารย์วุฒิ วัดป่าสวนงาม อ.คุระบุรี จ.พังงา ท่าน เมตตา มอบภาพ หลวงปู่บุญมี ( ไก่แก้ว ) พร้อมกรอบ ให้ ซึ่ง ในขณะนั้น สงสัยว่า หลวงปู่บุญมี ท่านเป็น....

ใด้เวลา ออกเดินทางต่อ บ้านพ่อญาติธรรม อ.วารินชำราญ อุบลฯ เพื่อ อัญเชิญเทียนพรรษา และ นำต้นมณฑาทิพย์ ให้ โดยพี่ร่มบุญ..

จากนั้นเดินทาง ต่อ...

๑๓. วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ หลวงปู่เณรคำ

 

เดินทางต่อ

๑๔. วัดเพชรบุรี หลวงปู่หงส์ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ หลวงปู่หงส์ ท่านจำวัด ตั้งจิตกราบหลวงปู่หงส์ หน้าห้อง

กลับถึง กทม - ภูเก็ตด้วยความปลอดภัย ด้วยพลังบุญ

โมทนาบุญ และ ขอบคุณ ในไมตรีจิต ต่อกัน ซึ่งกันและกัน ในการเดินทาง ครั้งที่ผ่านมา ,ครั้งนี้ และ ครั้งหน้า

 

ที่พักสงฆ์ (ธ ) บนเนินเขาหลังเขื่อน บางวาด ภูเก็ต

วันจันทร์ ว่างๆ พร้อมเดินทาง ขึ้นบำเพ็ญจิต ด้วย คุณจ๋อย hs8stf เพื่อนวิทยุสมัรเล่น กลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ 144.975 mhz.

นำรถมอเตอร์ไซด์ จอด จากนั้นเดินเท้า ขึ้น เนินเขา ระดับประมาณ 180-200 เมตร
1.ขึ้นเนินเขาประมาณ 100 เมตร มีศาลาพักปฏิบัติธรรม ของพระอาจารย์ ชั้นแรก จากจุดทางเข้า ถึงจุดนี้สามารถนำรถมอเตอร์ไซด์ , รถกระบะ ออฟโลด ขึ้นใด้ ( จุดนี้ ไม่มีพระสงฆ์ เพราะ อยู่ใกล้ สวนฆราวาส )

เดินเท้าต่อ ขึ้น เนินเขา ระดับ ที่ประมาณ 180 -200 เมตร ( จุดนี้สามารถนำรถมอเตอร์ไซด์ , รถกระบะ ออฟโลด ขึ้นใด้ )

ผ่านจุดนี้ มีทางเดิน ซึ่งพระอาจารย์ ท่านเดินจงกลม พักผ่อน , กวาดลาน ลัดเลาะไม้เถาวัลย์ ที่สะอาด

2.ที่ระดับความสูงประมาณ 180-200 เมตร จะมี น้ำซับ น้ำทิพย์ จาก ชั้นหิน ใช้ดื่มกิน และไหล ลงสู่บึงน้ำ
- มีเรือนปฏิบัติธรรม ในบึงน้ำ
- มีถ้ำขนาดเล็ก กว้างประมาณ 3 เมตร พอที่จะ ลงพิธีสังฆกรรม ใด้ (นับว่า เป็นถ้ำขนาดเล็ก ที่เจอ ในภูเก็ต )
- กุฏิ เล็กๆ เพื่อการปฏิบัติธรรม ของพระอาจารย์ พระป่า.. 2 หลัง
- พระอาจารย์ กำลังมุงหลังคาสร้างกุฏิ บน เนินเขาใกล้ๆ จุดนี้ อีก 1 หลัง พร้อมทางเดินจงกลม

น้ำซับน้ำทิพย์จากชั้นหิน
(ภาพ 1- 4 )

3. เดินเท้าขึ้นเนินเขาต่อ ด้านหลังถ้ำ มีสะพานไม้ ข้าม ทาง เพื่อขึ้นเนินเขาสูง
- มีกุฏิ พระอาจารย์ 2 หลัง บนจุดนี้
- มี น้ำซับ จากชั้นดิน เพื่อ ใช้
(ภาพ 5-6 )

เดิเท้าต่อ ขึ้นเนินเขา โดย พระอาจารย์ ท่าน ผูกเชือกใว้ ในกรณี ฝนตก ดินเลื่อน เพื่อขึ้น ศาลา เนินเขา
(ภาพ 8-10 )
4. ชั้นบนเนินเขา (เกือบ สันเขา ) มีศาลา ปฏิบัติกิจ ปฏิบัติธรรม พร้อมทั้ง มีต้นไทรใหญ่ (ที่ระดับความสูงประมาณ 250-300 เมตร,ระยะทางประมาณ 1.5 กม )
สมเด็จองค์ปฐม บรมพุทธเจ้า อัญเชิญ ประดิษฐาน ด้านโคนต้นไทรใหญ่ เนื่องจาก...

(ภาพ 11-20 )
งู ขนาดใหญ๋ ทำรังอยู่ ในโคนต้นไทร ใหญ่ นี้
หลังต้นไทรใหญ่ พระอาจารย์ ทำทางเดินจงกลม พร้อม บวช ต้นไม้...

สวดมนต์ บูชา องค์พระรัตนตรัย ย่อๆ ทั้ง 2 ท่าน จากนั้น นั่งบำเพ็ญจิต ภาวนา ประมาณ เกือบ ชั่วโมง

ลงจาก จุดที่ 4 มาช่วย พระอาจารย์ สร้าง ทางเดินจงกลม (ซึ่งพระอาจารย์ กำลัง มุงหลังคากุฏิ , ทำทางเดินจงกลม ที่ จุด 2.

ร่วมบุญ
- ถาถถาง ดิน ,ต้นหญ้า ข้างๆ ทางเดินจงกลม
- ต้มน้ำร้อน ประเคน น้ำ เพื่อ พระอาจารย์ ท่าน ฉันท์น้ำ

รุ่งเช้า 2 กค.เวลา ประมาณ 14.30 ร่วมบุญ
- นำรถ กระบะ ของ นาคา ให้ จ๋อย hs8stf ขน สังกะสี จำนวน ประมาณ 10 กว่าแผ่น พร้อม อุปกรณ์ มุงหลังคา ให้พระอาจารย์ ท่าน...

 

ขออนุญาต นำบทความ ของ พระอาจารย์เล็ก ครับ

ถาม : เมื่อทำกสิณถึงฌานสี่แล้วจะเปลี่ยนเป็นอรูปฌาน ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองได้อรูปฌานจริงหรือเปล่า ? ผมหรือคิดไปเอง หรือกำลังหลอกตัวเอง ?

ตอบ : ทำไมโง่แท้วะ..! ถ้าทรงกสิณถึงฌานสี่ก็ใช้ผลได้แล้ว คุณก็อธิษฐานขอใช้ผลก่อนสิ ถ้าเป็นไปตามที่ต้องการเราค่อยไปเปลี่ยนเป็นอรูปฌาน ไม่ใช่อธิษฐานแทบตายแล้วไม่เกิดอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นก็หลอกตัวเองแน่นอน

ถาม : ท่าทางจะหลอกตัวเอง

ตอบ : ถ้าทรงกสิณถึงฌานสี่ได้ ก็คือ กสิณที่เป็นปฏิภาคนิมิต สามารถย่อได้ ขยายได้ ให้มาได้ ให้ไปได้ ก็อธิษฐานใช้ผลได้แล้ว

ถาม : ตอนนี้ย่อได้ ขยายได้ แต่อธิษฐานใช้ผลไม่ได้ครับ

ตอบ : ถ้ายังใช้ผลไม่ได้ ไม่น่าจะใช่ ย่อได้ขยายได้ของเรากลายเป็นจินตนาการไปแล้ว

ถาม : จะแก้ไขอย่างไร ?

ตอบ : ถ้าเราเริ่มจากการจับภาพกสิณมาจริงๆ จะเห็นพัฒนาการทีละน้อย จากแรกๆ ที่เราจับได้ครู่เดียวภาพก็หายไป ต้องลืมตามอง แล้วหลับตานึกถึงใหม่ จนกลายเป็นติดตา ติดใจ คือหลับตาหรือลืมตาก็เห็นเหมือนกัน

หลังจากนั้นพอประคับประคองไปเรื่อย ภาพก็จะค่อยๆ เปลี่ยน เปลี่ยนจากวัตถุสีเข้มกลายเป็นสีจางลง ลักษณะจางลงก็คือ จางเหมือนกับสีเหลือง เหมือนกับเหลืองอ่อน แล้วก็เริ่มใส พอเริ่มใสมากขึ้นๆ จนกระทั่งสว่างจ้า แปลว่าเริ่มเข้าสู่เขตของฌานสี่แล้ว ถ้าอธิษฐานย่อได้ ขยายได้ ให้มาได้ ให้หายได้ ก็กลายเป็นฌานสี่เต็มที่ ทีนี้เราก็อธิษฐานใช้ผล

แต่อย่างเราไม่ได้เริ่มจากการนับหนึ่งสองสามมา เรากระโดดไปตอนสุดท้าย ไปคว้าเอาส่วนใดส่วนหนึ่งมา ส่วนใหญ่เป็นแค่เราคิดว่าใช่ โดยเฉพาะคนที่ฝึกมโนมยิทธิมา กำลังใจที่ใช้ในการควบคุมความคิดตัวเอง สามารถทำได้คล่องตัวกว่าคนอื่นเขา และชัดเจนกว่า จึงทำให้คิดว่าตัวเองได้แล้วก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น..สำคัญที่สุด คือ อธิษฐานใช้ผลดู ถ้าใช้ได้แน่นอน ค่อยเปลี่ยนเป็นอรูปฌาน แต่ถ้าจะทำอรูปฌานให้เว้นอากาสกสิณ เพราะอากาสกสิณทำเป็นอรูปฌานไม่ได้ และเว้นอาโลกกสิณไปด้วย ลักษณะของความสว่างกับอากาศก็ใกล้เคียงกัน ทำให้บางทีเราจะขาดความมั่นใจ แต่ถ้ามีความคล่องตัวจริงๆ เว้นแค่อากาสกสิณอย่างเดียวก็พอ กองอื่นๆ สามารถทำเป็นอรูปฌานได้ทั้งหมด


สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔

ฝึกทิพจักขุญาณ จะเป็นไปได้ไหม ?

พระอาจารย์ เล่าว่า "ระยะหลังนี้เล่นสนุกกับพระมาก พระครูน้อย ท่านหยิบขนมปังขึ้นมา อาตมาก็กดมือท่านเอาไว้ "เดี๋ยว..อย่าเพิ่งฉัน ไส้ขนมสีอะไร ?" พระครูน้อยก็เหวอ "สีขาวมังครับ ?" คือดูแล้วว่าไม่น่าจะมีไส้

"ไม่ต้องแทงกั๊ก ฟันธงมาเลย" ท่านก็อึกอัก พออาตมาบอกว่าสีเขียว ท่านก็แกะดู ก็บอกว่า "ไม่จริ๊ง..ไม่จริง" ไม่จริงอะไรก็เห็นอยู่ (หัวเราะ) บางวันไม่มีอะไรก็เล่นสนุกๆ กันในวงข้าว

วัดท่าขนุน ของเราจะให้พระเวียนกันขึ้น ยะถาฯ..สัพพีฯ..คราวนี้พระใหม่ท่านเพิ่งบวชก็เป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง แต่ท่านแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะขึ้นบทไหน พระอาจารย์ก็รับได้ทันทุกที จึงบอกกับท่านว่า "ก่อนคุณจะขึ้น ผมก็รู้แล้วว่าคุณจะขึ้นบทไหน ผมเลยตั้งท่ารับทัน" เล่นเอาลูกศิษย์หายโง่ไปเลย"

"ตอนที่ไปรับสังฆทานที่ บ้านอนุสาวรีย์ ใหม่ๆ มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง น่าจะเริ่มเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว เอาลูกพลับมาถวาย ๓ ลูก แล้วก็มาถามปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติทิพจักขุญาณ เรื่องอภิญญา โดยตั้งสมมุติฐานว่าจะเป็นไปได้ไหม

อาตมาบอกเขาว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน อธิบายไปก็เสียเวลา หยิบลูกพลับมา ๑ ลูก คุณบอกได้ไหมว่ามีกี่เมล็ด ? เขาบอกว่าบอกไม่ได้ แต่อาตมาบอกได้ว่ามี ๓ เมล็ด เขาบอกว่าไม่ใช่ ลูกนี้มี ๖ กลีบ น่าจะมี ๖ เมล็ด

อาตมาจึงให้เขาผ่าดู เขาก็ควั่นกลาง ดึงออกมา ปรากฏว่ามี ๓ เมล็ดจริงๆ ถามเขาว่า เชื่อหรือยังว่า..เรื่องพวกนี้สามารถที่จะทำได้ แต่คุณต้องขยันฝึกซ้อมหน่อย อะไรก็ตามที่เราทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ แต่อะไรก็ตามที่คนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ด้วย..!"

"ยิ่งคนรุ่นใหม่มากเท่าไร ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาจะยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น ทุกอย่างก้าวไปหาความเสื่อมเป็นปกติ โดยเฉพาะการปฏิบัติ

จากที่ หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า ศาสนาของเรา พันปีแรกจะ มากไปด้วยพระปฏิสัมภิทาญาณ พันปีที่สอง จะมากไปด้วยพระอภิญญา ๖ พันปีที่สาม คือช่วงตอนนี้ จะมากไปด้วยพระวิชชาสาม พันปีที่สี่ จะมากไปด้วยพระสุกขวิปัสสโก พอพันปีที่ห้า มากไปด้วยพระอนาคามี คำว่ามากก็คือ มีประเภทอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากพอ

พวกเราจะเห็นว่าอยู่ในลักษณะที่ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ถ้าไม่มีความพากเพียรพยายามจริงๆ จะเอาดีได้ยาก อย่างที่เล่าว่าเคยคุยกับมารเขา มารเขาบอกว่า ที่ท่านสอนไปไม่มีประโยชน์หรอก ผมครอบไปอีกตั้งกี่ชั้นแล้วก็ไม่รู้

ความสะดวกสบายทางโลกมีมากขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ บางอย่างพอเกิดขึ้น ก็ฆ่าเทคโนโลยีเก่าๆ ตายหมดเลย พอมีซีดีมา เทปก็ตายสนิท ตอนนี้มีเอ็มพีสามมา คาดว่าเดี๋ยวอีกไม่นานซีดีก็ตาย

ปัจจุบันนี้ไอโฟนมา คงจะฆ่าทิ้งไปอีกหลายอย่างเลย เพราะเป็นได้ทั้งโทรศัพท์ เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป เครื่องนำทาง เครื่องแปลภาษา ไฟฉาย คิดดูก็แล้วกันว่าฆ่าทิ้งไปกี่อย่าง โดยเฉพาะนาฬิกาข้อมือนี่ตายแน่เลย เพราะว่าไอโฟนสามารถกำหนดวันเดือนปีได้ครบ ตั้งเวลาล่วงหน้าได้เป็นปี ถึงเวลานัดหมายก็ปลุกเตือนได้อีกต่างหาก"


สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔

ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=2524

 

วิธีการฝึกญาณ ๘ และวิชชาสาม

ถาม : ญาณ ๘ นี่เหมือนกับว่าเราคิดไปเองรึเปล่า ?

ตอบ : ลักษณะของการฝึกญาณ ๘ เราได้ทิพจักขุญาณก่อน คราวนี้ทิพจักขุญาณถ้าไม่ชัดเจนแจ่มใส บางทีเหมือนยังกับเราคิดเองเออเอง วิธีทดสอบง่ายๆ ก็คือว่าให้ถามปัญหาที่พิสูจน์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่นว่าถ้าพรุ่งนี้เราออกจากบ้านเราจะเจอใครเป็นคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไรอย่างนี้ พอตอนเช้าก็โผล่หน้าออกไปดูเลย ถ้ามันตรงก็ใช้ได้

สมัยก่อนที่หลวงพ่อท่านสอนให้นั่งข้างถนนหลับตาทำใจสบายๆ วางอารมณ์อยู่ในทิพจักขุญาณของมโนมยิทธิ เสียงรถยนต์แล่นมาให้ถามว่ารถยนต์มาสีอะไร พอคำตอบเกิดขึ้นก็ลืมตาดู มันได้คำตอบในระยะสันๆ เลย ถ้าหากว่าผิดไม่ต้องจำ แต่ถ้าถูกให้จำว่าเราวางอารมณ์ไว้ยังไง แล้วก็กำหนดใจอย่างนั้นรถมาสีอะไร ต่อไปพอถูกสักแปดคันในสิบคัน ความมั่นใจเริ่มมี เพิ่มไปว่ารถมาสีอะไร คนนั่งมากี่คน พอมันถูกมากๆ เข้าสักแปดในสิบว่ารถมาสีอะไร คนนั่งมากี่คน ผู้หญิงเท่าไหร่ผู้ชายเท่าไหร่ ต่อไปรถมาสีอะไร นั่งมากี่คน ผู้หญิงเท่าไหร่ผู้ชายเท่าไหร่ แต่ละคนใส่เสื้อผ้าสีอะไร ท้ายๆ กระทั่งเลขทะเบียนรถก็บอกถูก ให้พิสูจน์กับสิ่งที่พิสูจน์ได้ระยะสั้นๆ เพื่อที่เราจะได้มั่นใจว่าความรู้นี้ถูกต้องจริงๆ

ถาม : ทีนี้จะต้องฝึกทุกวัน ?

ตอบ : ฝึกทุกวันต้องซ้อมไว้ทุกวันไม่งั้นสนิมขึ้น จะใช้งานแต่ละทีชักดาบไม่ออกสนิมกินติดกระบอกไปแล้ว

ถาม : มันมีอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ ที่แบบว่าเป็นความรู้สึกมากกว่า แล้วก็ไม่เกินห้านาทีมันก็เกิดแล้วเป็นอย่างนี้ เหมือนกับว่าติดต่อกันหลายครั้งเหมือนกันและพอมาช่วงหลังนี่รู้สึกมันความรู้สึกนี้หายไปแล้ว

ตอบ : เราทิ้งมัน ลองย้อนกลับไปทบทวนดูว่าตอนช่วงนั้นเรารักษาอารมณ์ยังไง ? ทาน ศีล ภาวนาของเราทรงตัวแค่ไหน ? อารมณ์ใจนั้นถึงอยู่กับเรา เราปฏิบัติวันละเท่าไหร่ ? เช้ากี่ครั้งเย็นกี่ครั้ง ? รักษาอารมณ์ได้นานเท่าไหร่อย่างนั้น แล้วตอนนี้เราได้ทำอย่างนั้นมั้ย ? ถ้าเรายังทำอย่างนั้นผลอย่างนั้นก็ยังเกิดอยู่ แต่ถ้าเราเลิกทำเมื่อไหร่ผลอย่างนั้นก็หายไป

ถาม : หลังจากที่เรียกว่าเหมือนกับว่าเคยได้อย่างนี้คะ แล้วหนูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยอยากจะทำแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะสวดมนต์ ไม่ค่อยอยากจะไหว้พระ ?

ตอบ : มันก็ไม่ค่อยอยากจะเกิดเหมือนกัน ....(หัวเราะ) .....เราไม่สร้างเหตุแล้วผลจะเกิดได้อย่างไร ? เราก็ต้องทำเหตุอันนั้นใหม่ คนที่เคยทำได้แล้วไม่ยาก ถ้าเคยทำได้แล้วจะไม่ยากไปทบทวนอารมณ์เดิมของเรา พอถึงตรงจุดนั้นเมื่อไหร่ตัวรู้นี่ก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ แรกๆ มันเป็นความรู้สึกพอนานไปๆ ความมั่นใจมันมากเข้าๆ อยู่มันจะเหมือนกับปรากฏภาพวาบขึ้นมาเฉยๆ ตอนนั้นก็จะลำบากอยู่อีกช่วงหนึ่ง พอภาพมันปรากฏขึ้นมาความเคยชินจะไปใช้สายตาเพ่งอยู่ เราต้องส่งจิตออกไปนะไปถึงสถานที่นั้นๆ ถึงจะรับรู้ภาพอย่างนั้นๆ ได้

การที่เราใช้สายตาเพ่งก็คือเรานึกถึงตา นึกถึงตาก็คือนึกถึงตัวมันเป็นการดึงจิตกลับภาพจะหายไป ก็จะต้องไปปล้ำกับภาพที่มาๆ หายๆ อีกยกใหญ่ บางคนเป็นปีๆ เลยกว่าจะทำใจได้ว่าก่อนหน้านี้แค่ความรู็สึกเราก็รู้ได้ถูกต้องดีแ้ล้ว ถึงภาพจะปรากฏไม่ปรากฏก็ช่างมันเถอะ ยังไงๆ ความรู้สึกนี้ถูกต้องเราพอใจ ถ้าทำอย่างนั้นได้ภาพจะปรากฏอยู่แล้วอยู่ได้นาน ไปหัดใหม่ไม่ยากแล้ว

ถาม : แล้วหนูเคยแบบว่าฝันแล้วพอตื่นขึ้นมาจำไม่ได้เป็นอย่างนี้ประมาณสามสี่รอบแล้วค่ะ แล้วปรากฏว่าเหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นมา แล้วก็จะนึกได้ว่าอันนี้เราเคยฝัน ?

ตอบ : ลักษณะนั้นถ้าเป็นทิพจักขุญาณอย่างอ่อนมันจะเหมือนกับฝันหรือว่าเกิดความรู้สึก อย่างเช่นว่ารู้สึกว่าเพื่อนน่าจะโทรมา พักเดียวโทรศัพท์กริ๊งแล้วอย่างนี้ โบราณเขาเรียกว่าคนอย่างนี้ลางสังหรณ์ดี แต่ความจริงมันเป็นทิพจักขุญาณ เพียงแต่มันขาดการฝึกฝนต่อเนื่ง มันก็เลยไม่ชัดเจนแจ่มใส

ถาม : หนูฟังเทปหลวงพ่อคะ ที่เป็นแบบว่าวิชชาสามกับอภิญญาหก หนูมีความสงสัยว่าวิชชาสามนี่อยู่ในระดับล่างของอภิญญาหก ?

ตอบ : ต่ำกว่า อภิญญาหกมันจะมีอยู่จุดหนึ่งก็คือ อิทธิฤทธิ์ ตัวนี้จะแสดงฤทธิ์ผาดแผลงได้ทุกอย่างเลยเนื่องจากว่าพื้นฐานของอิทธิฤทธิ์มาจาก กสิณสิบ แต่ว่าวิชชาสามนี่พื้นฐานมาจากกสิณกองใดกองหนึ่งกองเดียวคือจะเป็นเตโชกสิณกสิณไฟ โอทาตกสิณ กสิณสีขาว อาโลกกสิณกสิณแสงสว่าง กสิณสามกองนี้กองใดกองหนึ่งนี่ทำให้เกิดทิพจักขุญาณได้ พอเกิดทิพจักขุญาณแล้วก็นำไปใช้ในปุพเพนิวาสนุสสติญาณคือระลึกชาตินะวิชาที่หนึ่ง วิชาที่สองจุตูปปาตาญาณ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหนตายแล้วจะไปไหน และตัวสุดท้ายคืออาสวักขยญาณคือทำกิเลสให้สิ้นไปสามอย่างนี้เขาเรียกว่าวิชชาสาม

แต่อภิญญาหกนี่ครอบวิชชาสามอยู่หมัดเลย มีอิทธิฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง ทิพยโสตหูทิพย์ ทิพจักขุอะไรอย่างนี้แล้วก็ปุพเพนิวาสานุสสติญาณระลึกชาติ จุตูปปาตญาณรู้ว่าคนสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหนตายแล้วจะไปไหน แล้วอาสวักขยญาณทำให้กิเลสสิ้นไปมากกว่าตั้งสาม

ถาม : หนูมีความรู้สึกว่ายากมากเลยหนูคงทำ...คงต้องเป็นนักบวชอย่างเดียวคงจะทำได้

ตอบ : ไม่หรอกคนทั่วๆ ไปนั่นแหละ ฆราวาสทำได้ง่ายกว่าเพราะว่าศีลน้อยกว่า คนที่รักษาของห้าชิ้นกับคนที่รักษาของสองร้อยกว่าชิ้นนี่ใครดูแลง่ายกว่ากัน ฆราวาสรักษาศีลแค่ห้าข้อทำได้ง่ายกว่า มันอยู่ที่ว่าเราเอาจริงมั้ย ? เรื่องของอภิญญาเป็นเรื่องของคนจริงคนจัง ของคนมีสัจจะทำต้องทำจริงๆ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากว่าเราทำอย่างนั้นได้ มันได้ทุกคนไม่ใช่นักบวชหรอก นักบวชปัจจุบันนี้สามแสนกว่านี่ทำได้ไม่ถึงพันหรอก

ถาม : ฟังแล้วหนูมีความรู้สึกว่ายากมากสำหรับชาตินี้ของหนู

ตอบ : เอาเถอะ....ไม่เป็นไรถ้าเกิดบ่อยๆ เดี๋ยวก็ง่ายไปเอง

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

คำสอนของพระองค์ที่ ๑๐ เรื่องดอกบัว<!-- google_ad_section_end -->

ถาม : ...

ตอบ : เรื่องดอกบัว พระองค์ที่ ๑๐ ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า "คนเราก็เหมือนกับดอกบัว เกิดขึ้นมาจากโคลนตมแล้วก็พยายามดิ้นรนจนพ้นน้ำ เมื่อเบ่งบานขึ้นมาก็กลายเป็นสิ่งที่เขานำไปบูชา นำไปถวายพระ"

ท่านยังบอกต่อว่า "ลักษณะแบบนี้ก็เหมือนกับเราสร้างคุณค่าของตนเองให้มากขึ้น ให้มีความดีสูงขึ้น จนในที่สุดก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากรากเหง้าดั้งเดิมของตัวเอง ไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดที่จะพึงมีได้"

คนเราก็เหมือนกับดอกบัว ๔ เหล่า

ดอกบัวเหล่าแรก เปรียบเหมือนกับพวก "อุคติตัญญู" ฟังธรรมแต่ห้วข้อก็สามารถเข้าใจได้เพราะว่าสั่งสมปัญญาบารมีไว้มาก มีความเฉลียวฉลาดมาก เพราะฉะนั้น..ท่านเปรียบเหมือนดอกบัวที่พ้นน้ำแล้วพร้อมที่จะเบ่งบาน ทันทีที่กระทบกับแสงตะวัน

ดอกบัวเหล่าที่ ๒ เปรียบบุคคลเป็น "วิปจิตัญญู" ท่านบอกว่าเหมือนดอกบัวที่ปริ่มน้ำ พร้อมที่จะโผล่ขึ้นมาเพื่อรับแสงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น บุคคลประเภทนี้ฟังธรรมขยายความเล็กน้อยก็เข้าใจ

ดอกบัวเหล่าที่ ๓ ท่านบอกว่า เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่กลางน้ำ เปรียบเหมือนบุคคลที่เรียกว่า "เนยยะ" คือเป็นผู้ที่ควรแก่การฝึกหัดสั่งสอนได้ แต่ต้องต้องเคี่ยวเข็ญกันหน่อย

ส่วนดอกบัวเหล่าสุดท้าย เป็นพวก "ปทปรมะ" ท่านบอกว่าเป็นเหมือนกับดอกบัวที่จมอยู่ใต้น้ำ พร้อมที่จะตกเป็นภักษาหารของเต่าและปลา

คำว่า "ปทปรมะ" แปลว่า มากด้วยบทบาท คนพวกนี้ไม่ใช่คนโง่ แต่ฉลาดเกินไป จนไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น เป็นพวกตะเเบงข้างเก่ง พวกนี้เขาเวลาฟังธรรมแล้วจะไม่น้อมจิตตามไป แต่จะหาช่องว่างรอยโหว่เพื่อที่จะเถียง ก็เลยกลายเป็นสอนไม่ได้

เพราะฉะนั้น..บางครั้งเราไปคิดว่า "ปทปรมะ" เป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่น จริงๆ แล้วไม่ใช่ พวกปทปรมะนั้นฉลาดเกินไปจนสอนไม่ได้ บุคคลที่บำเพ็ญบารมีมาถึงขนาดได้ฟังเทศน์ฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า ที่โง่จริงๆ ไม่มีหรอก อย่างดีก็เป็นพวกเนยยะ เคี่ยวเข็ญกันได้ ปทปรมะเป็นพวกที่ฉลาดเกินเหตุ


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=2797

<!-- google_ad_section_end -->

 

ขออนุญาตคุณนาคาคะ ช่วงนี้วัดหลวงปู่สุภาเริ่มมีการปรับพื้นที่บริเวณรอบๆ เพื่อเตรียมวันงานแสดงมุทิตาสักการะหลวงปู่ในวันที่16-17 กย54 งานนี้มีญาติโยมมาช่วยงานพอประมาณ มีการตกแต่งต้นไม้และรับบริจาคต้นไม้ในการตกแต่งด้วยและต้องการแรงงานในการช่วยขนดินขนหินเพื่อให้ทันในวันงาน

 

โมทนาในบุญกุศล และ ขอบคุณ คุณ ทารา พร้อมคณะญาติธรรม ครับ

ใด้ช่วย กิจ งาน วัด ด้วย พระอริยะ ฯ
มีโอกาส ผม จะเข้าช่วยงานบ้างครับ ในช่วงนี้ สว่นมากจะ ทำงานทางโลก และ บำเพ็ญ ส่วนตัว ครับ

ที่ผ่านมา จะ เข้าถวาย ดอกไม้พวงมาลัย บูชาครู หลวงปู่สุภา ท่าน ในคืนวันพระ ครับ (เท่าที่ มีโอกาส อำนวย ผลบุญ ครับ )

ทราบข่าว ว่า มีพระอาจารย์ วัดป่านานาชาติ ท่าน เจริญ พรรษา ประมาณ ๔๕ พรรษา (ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ) ท่าน นิมนต์ หลวงปู่สุภา เพื่อเจริญธรรมมงคล บางประการ
หลวงปู่สุภา ท่าน เมตตา เจริญธรรม บางประการ ด้วย มหาเมตตาบารมี ที่ เวียงจันทร์ ลาว ครับ

ซึ่ง คล้ายๆ กับ สมาชิก ท่านหนึ่งในเว็ปพลังจิต ในแนวทาง ปฏิปทา ของหลวงปู่ทองทิพย์ ( พิธี เจริญ ธรรม บางประการ ที่ เวียงจันทร์ )

ซึ่งนับ ว่า เจริญ มุทิตา ต่อ พระอาจารย์
หลวงปู่สำเร็จลุน แห่งแขวงจำปาศักดิ์ ซึ่ง ท่านเป็น พระอาจารย์ ของ หลวงปู่สีทัตน์ วัดพระธาตุท่าอุเทน
หลวงปู่สีทัตน์ วัดพระธาตุท่าอุเทน ท่านเป็นพระอาจารย์ องค์หนึ่งของ หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัด สีลสุภาราม
( พระนางเจ้าพระบรมราชินาถ ท่าน พระราชทาน นาม วัด สิริสีลสุภาราม )



หลวงปู่ละมัย , หลวงปู่นะ, หลวงปู่สุภา ณ.วัดสิริสีลสุภาราม เมื่อ ๒๕๕๐

 

ขออนุญาตคะ ตอนนี้บริเวณโดยรอบกุฏิหลวงปู่สุภามีการปรับและตกแต่งด้วยต้นไม้
ซึ่งมีเจ้าของสวนต้นไม้มาบริจาคบ้าง และแม่ของข้าพเจ้าได้ซื้อต้นไม้มาร่วมและตกแต่งป้ายถวายพระพรในงานวันแม่ นำคนงานส่วนหนึ่งมาช่วยตามกำลัง
เมื่อวานมีการเปิดผ้าที่คลุมพระในโบสถ์ของหลวงสุภาที่สร้างเสร็จเป็นการภายใน
มีคนไปร่วมงานประมาณ 50-60 คน พระในโบสถ์มีชื่อว่า พระธรรมมิกราชา

วันนี้ในตอนเช้าประมาณ 8.00 น หลวงปู่สุภาได้ออกมาดูบริเวณโดยรอบ
มีคณะลูกศิษย์หลวงปู่จากกะตะ-กะรนเป็นแม่งานในการจัดต้นไม้ กับพระอาจารย์ที่วัด

 

12 สิงหา ขอน้อมเกล้า องค์หลวงตามหาบัว

เนื่องจาก ใด้รับ VCD จากท่านหนึ่ง ในการ ฟัง บทเพลงอัตถประวัติองค์หลวงตามหาบัว โดย ท่าน เพลิน พรมแดน ประพันธ์ และขับร้อง...

และ เป็นช่วง ที่ เข้าภาวนา ในช่วงวันหยุด

- 11-15 สค. จึงขออนุญาต นำมาโพสส์ในกระทู้...
- วันอาทิตย์ ๑๔ สค.วันพระใหญ่ ๑๕ ค่ำเดือน ๙ สวดมนต์ทำวัตร์เย็น วัดหลวงปู่สุภา

ท่านเป็นคนบ้านตาดแต่กำเนิด........ ๑๒ สิงหาวันเกิดประเสริฐศรี
๒๔๕๖ พ.ศ.ดี......................... จังหวัดอุดรธานี อำเภอเมือง
นายทองดี นางแพง โลหิตดี............ คือบุพการีที่หนุนเนื่อง.....

พ่อสั่งการใดทำใด้หมด.................. แต่เรื่องอุปสมบทเบี่ยงเดินหนี
พูดเรื่องบวช บวชใจไม่ใยดี.............. รีบเดินหนีออกห่างทุกครั้งไป

จนวันหนึ่งอยู่พร้อมหน้านั่งกินข้าว....... พ่อก็พูดเรื่องเก่ามาทันใด
ว่าอยากเห็นชายผ้าเหลืองประเทืองกาย. พระลูกชาย ชื่อ บัว ก่อนตัวจะตาย
...
๑๒ สิงหา ๒๔๗๗........................ อายุ ๒๑พอดิบพอดี
เป็นวันใด้เข้าโบสถ์บวชเสียที............. ก็เพราะบุพการีจึงจำใจ
ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์.................... พระอุปัชฌาย์องค์นี้ที่บวชให้
วัดโยคานิมิต สถิตใน..................... อำเภอเมืองไม่ไกลอุดรธานี
...

ท่านศึกษาจนซาบซึ่งในพระธรรมจนตั้งจิตอธิฐาน หากเรียนธรรมจบเปรียญ ๓ แล้ว จะออกปฏิบัติฝ่ายเดียวโดยไม่มีข้อแม้... เพราะอยากพ้นทุกข์เป็นกำลัง

จึงเดินทางพลันหวังเจอพระอาจารย์มั่น...... เหนือใดสิ่งไหนไม่ห่วง
พระอาจารย์มั่นพักอยู่ที่....................... วัดเจดีย์หลวง เมืองเชียงใหม่ ตามที่ใด้รู้มา
คอยแอบมองจ้องอยู่ตั้งนาน.................. อยากเห็น อาจารย์มั่นนั้นเต็มอุรา
จนพระอาจารย์มั่นบิณฑบาตรกลับมา......... สมปรารถนา เห็นเต็มตาพาชื่นใจ

พลันนึกแต่ในใจว่า เราไม่เสียชาติเกิดที่ใด้เกิดมาในชาตินี้ ใด้มาเจอพระอรหันต์ในวันนี้ ทั้งที่ ไม่มีใครบอกว่า พระอาจารย์มั่นเป็นพระอรหันต์
....
พ.ศ.๒๔๘๕ ใด้พบพระอาจารย์มั่น ที่วัดบ้านโคก เมืองสกลตอนใกล้ค่ำ
... หลวงตา ท่าน ปฏิบัติทั้งนั่ง เดินจงกลม ตลอดเวลา จนไม่ใด้หลับใด้นอน และ ไม่ ฉันท์อาหาร ในช่วงหนึ่ง

พระอาจารย์มั่น ให้เพียรภาวนา พุทโธ ให้มีสติ ทุกเวลา ตั้งสติ ปัญญา พร้อมด้วย แยก กาย เวทนา
กายเวทนา จะเกิดตั้งแต่ ชั่วโมงที่ ๕ เมื่อมี สติ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร
ใช้ สติ ปัญญา เรียกว่า ปัจจุบันธรรม
แยก กาย เวทนา พิจารณาย้อนหน้า ย้อนหลัง ใช้สติกำกับ

หลวงตา ท่านติดในสมาธิ อยู่ ๕ ปี
และใด้โต้แย้ง กับ พระอาจารย์มั่น จนพระเณร มาฟังกันใต้ศาลา.....

ท่านมหาสบายดีฤา ใจ นะ
ท่านจะนอน กับ สมาธิอย่างนั้น ฤา
สุขในสมาธิเปรียบเหมือน เนื้อติดฟัน
มันสุขมากฤา เนื้อติดฟัน
มันเป็น สมาธิทั้งแท่ง นะ มันเป็น สมุทัย

สมาธิ ของพระพุทธเจ้า สมาธิต้อง รู้ สมาธิ ปัญญา รู้ ปัญญา อันนี้ เอาสมาธิ เป็น นิพพาน

สุดท้าย องค์หลวงตา น้อมกราบ พระอาจารย์มั่น เพราะ ท่านชี้แจง ถึงแก่นใน เหตุผล ต้นปลาย อธิบาย ด้วยเหตุผล...
เมื่อสมาธิดี จะ หนุนทาง ปัญญา

---------------แผ่น ๒-----
พระอาจารย์มั่นพออายุใกล้ ๘๐ ท่านล้มป่วย ตามที่พระอาจารย์มั่น กล่าวใว้ก่อนหน้านี้
ตี ๒ มืดสนิท ๒๓ นาที ๑๐ พย. ๒๔๙๒ ท่านป่วยอยู่ ๘ เดือน ละซึ่งสังขาร รวม อายุ ๗๙ ปี ๑๐ เดือน

ถวายเพลิงพระอาจารย์มั่น เรียบร้อย ท่านมาพัก วัด ดอยธรรมเจดีย์
คืนหนึ่งเกิดดวงจิตสว่าง ความสว่างของจิตพุ่งออกไปเหมือน ไฟเพนียง ที่เขาจุด .. พุ่งกระจายขึ้นไปในอากาศ แสวงสวาง นวล จ้า มองในร่างกายเป็นเงาลาง ๆ จิตอัศจรรย์ ขณะจิตหนึ่ง ผุดขึ้นมา ไม่คาดฝัน

ถ้ามีจุด มีต่อม ผู้รู้ อยู่ที่ไหน นั่นแหละ คือตัวภพ
ท่านติด อยู่ ๓ เดือนกว่า ยังวางไม่ใด้

ต่อมาท่านมาพัก ที่บ้านระโทน โนนทอง เกิดล้มป่วย ด้วยโรคไข้ ..ในหัวอก เหมือนอหิวาต์ หรือ ฝีดาษ....

ท่าน ต่อสู มอง ทุกข์เวทนา เหมือนโรคทั่วไป แก้ไข ด้วย อริยสัจจัง ทั้งนั่ง เดินจงกลม ตั้งแต่ หัวค่ำ ยันสว่าง จนเวทนาแตกดับ ความเสียดแทง อันรุนแรงก็สลายไป หายใจโล่งโปร่งสบาย

เมื่อโรคหาย ท่าน มาพักที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อีกครั้ง ด้วยยังติดในความสว่างของจิต ตั้ง ๘ เดือน จน...

อัน อวิชชา ตัวนี้ฉลาดล้ำ.......... แหลมคมนำพาให้หลงพะวงไม่วาย
จนใจไขว้ เข้ว จนยากจะ ............หักเหเห็นโทษทาง
ถ้ามัวหลง อวิชชาว่าอัศจรรย์........เจิดจ้าทั้งคืนทั้งวัน คงไม่ผ่าน วิมุต หลุดมา



ครั้นคืนเดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ ตามเวลา..... วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓

เวลา ๕ ทุ่มย่าง.............................เที่ยงตรงตามโมงยาม
ก็คิดแก้ปัญหาธรรม.........................งามสำเร็จดังเพชรเจียรไนย


อันอวิชชา ชาติภพ ที่ก่อเกย.............. สิ้นกันเลย คำเฉลยชนะหมู่มาร
อนันความรู้ ก็ถูกตัดสินจนสิ้นกันที........ ประจักษ์แจ้งใจ อย่างผ่องใสในฤดี
สมมุติ ทั้งมวลที่มี.......................... ถูก วิมุต ตีหลุดกระจาย

ในขณะนั้น จิตเป็น กลาง กลาง ไม่จดจ่อกับอะไร ไม่เผลอใจไปไหน ปัญญาก็ไม่ทำงาน สติรู้ ธรรมดา ของตนไมจดจ่อสิ่งใด

ขณะที่ จิต สิต ปัญญา ทั้ง ๓ อย่าง เป็น อุเบกขามัชฌิมา เป็น ขณะที่โลกธาตุ ภายในจิต
อันอวิชชา เป็นผู้เรื่องอำนาจ ใด้สะเทือนเลื่อนลั่น ขาดสะบั้นบันลังค์ใจ กลายเป็น วิสุทธิจิต ขึ้นมาแทน
ในขณะเดียวกัน อวิชชา ก็ขาดสะบั้นแตกแหลก กระจาย หายซาก ลงไป ด้วย อำนาจ สติ ปัญญา อันเกรียงไกร

ขณะที่ ฟ้าดิน ถล่มทะลาย โลกธาตุ หวั่นไหว แสดงความ หัศจรรย์ขึ้น
สุดท้าย ปลายแดนระหว่าง สมมุติ กับ วิมุต
ตัดสินด้วยศาลยุติธรรม โดยมี ญาณวิมุตทัศนะ ฝ่าย มัชฌิมาปฏิปทา มรรค อริยสัจ เป็นฝ่ายชนะ โดยสิ้นเชิง
ท่าน อุทาน ว่า อัศจรรย์หนอ อัศจรรย์หนอ...

โอ้ ธรรมะแท้ พุทธแท้ สังฆะแท้ เป็น อย่างนี้เอง ฤา....

จึงเกิดตื้นตันใจให้น้ำ............. ตาร่วงลงมาพร้อมกัน
๑ ร่วง เพราะ สังเวช ตน นั้น
๒ ร่วงพลันเพราะพระธรมแห่งพุทธองค์
อัศจรรย์ธรรมนั้นช่วยปลดปลง.....ให้พ้นวง เกิด แก่ เจ็บ ตาย

เมื่อ การประพฤติพรมจรรย์แห่งตน ใด้สำเร็จเสร็จแล้ว ท่านใด้จำพรรษา ในที่ต่างๆ จนกระทั่ง พศ. ๒๔๙๙ ใด้ รำลึก ถึง บุพการี ท่านจึงใด้ย้อน กลับมา บ้านตาด ....
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

ขอโมทนา , ขอขอบคุณ
- คุณพี่ ร่มบุญ ที่ มอบ แผ่นธรรม นี้ให้
- คุณน้อง บุญญสิกขา ... ที่มอบไม้ฝาง...ต้มดื่มน้ำ ขับ..ทำให้ เข้าเพียร ใด้ ตามสภาวะ
- พี่ๆ น้องๆ เพื่อน ทุกท่าน พร้อม ครอบครัว ที่ให้เพลา..

 

เช้า ของวันที่ ๑๖ สิงหา น้องท่านหนึ่ง สื่อสาร มา เมื่อมาดู ข่าว

หลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ท่านละสังขารด้วยอาการสงบ วันนี้ 16 สิงหาคม 2554 เมื่อเวลา 05.34 น. สิริอายุ 94ปี 3เดือน 13วัน พรรษา65

พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
“เมื่อมีเหตุ ผลก็ต้องมี เหตุน้อย ผลน้อย

เหตุพอประมาณ ผลพอประมาณ เหตุมาก ผลมาก เหตุพิเศษ ผลก็พิเศษ
​

อุปสมบทที่ “วัดราษฎร์รังสรรค์” บ้านป่ายาง ตำบลขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ได้ฉายาว่า “มหาวีโร” แปลความหมายว่า “ผู้มีความหาญกล้ามาก” หรืออีกนัยหนึ่ง “ ผู้สามารถบุกเข้าไปทำลายกิเลสได้ ” โดยมีพระโพธิญาณมุณี (คำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ , พระครูศิริธรรมธาดา เจ้าคณะอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ , พระครูสมุห์พันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สิริอายุ ๒๙ ปี


​

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ​

กล่าวคำขอขมาพระมหาเถระ ​

​

​

มะหาเถเร ปะมาเทนะ ท์วาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุโน ภันเต
มะหาเถเร ปะมาเทนะ ท์วาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุโน ภันเต
มะหาเถเร ปะมาเทนะ ท์วาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุโน ภันเต

น้อมกราบขอขมาพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์หลวงปู่มั่น , องค์หลวงตามหาบัว ,องค์หลวงปู่ ศรี มหาวีโร ( ขออนุญาต นำ บทความมาลงใว้ครับ )


http://palungjit.org/threads/อัญเชิ...-เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ-ในพื้นที่ภาคใต้.193983/​

​

​

 

- วันอาทิตย์ ๑๔ สค.วันพระใหญ่ ๑๕ ค่ำเดือน ๙ สวดมนต์ทำวัตร์เย็น วัดหลวงปู่สุภา
เนื่องด้วยวันพระ จะมีพิธีถวายดอกไม้บูชาครู แต่ มีคณะมากราบ หลวงปู่สุภา ในช่วงกลางวัน พอสมควร ยามค่ำคืนทาง พระอาจารย์ ท่านให้ หลวงปู่พักผ่อนใน กุฏิ...


และ ด้วยความบังเอิญ เจอ ท่านจ่า ถาวะโร ซึ่งเดินทางกลับจาก สำนักสงฆ์ถ้ำแสงเพชร ธรรมยุกต์ ต.คลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ (สำนักสงฆ์ โดนน้ำป่าไหล่ ท่วม เมื่อ ตอนน้ำท่วม สุราษฎร์ )
พร้อมด้วย คุณนก ญาติธรรม ท่านจ่า ถาวะโร ใด้ร่วมสวดมนต์ และ ภาวนา ในศาลา วัด สิริสีลสุภาราม

และ ด้วยความบังเอิญ เนื่องด้วย...
ด้วย ที่ ผม ตั้งจิต ทาน เอกา อาหาร ๑ มื้อ ( ตั้งจิต เมื่อครบ ๙๙ วัน จะ งดเว้นอาหารขบเคี้ยว ทานแต่ น้ำนมกล่อง , น้ำผลไม้ .. แต่ในช่วงนั้น ลางาน ไม่ค่อยสะดวก) จากวันที่ ๒๒ มค - ๑๓ สค. รวมใด้ ๒๐๔ วัน
และ สะดวก ในการ ตั้งจิต งดเว้น อาหารขบเคี้ยว ทานแต่ น้ำนมกล่อง , น้ำผลไม้ ,น้ำ ,น้ำผึ้ง ๑ วัน ใน วันอาทิตย์ ๑๔ สค.วันพระใหญ่ ๑๕ ค่ำเดือน ๙

วันอาทิตย์ ๑๔ สค.วันพระใหญ่ เพ็ญ ๑๕ ค่ำเดือน ๙ เป็นวันพระใหญ่ แรก ในพรรษา พระอาจารย์ ปานขาว ท่าน เป็นพระต่างชาติ ใด้ บวช ตามปฏิปทา หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง
ท่านนิมนต์ หลวงปู่ สุภา เมตตา ทำพิธี เจริญ ธรรม ย้าย...(ทางทิพย์ ) ที่ ลาว
และ พระอาจารย์ปานขาว พักจำพรรษา ที่วัดหลวงปู่สุภา ในพรรษานี้
พระอาจารย์ปานขาว ท่านให้ ศิษยานุศิษย์ ช่วยกัน น้อมนำ น้ำพุทธมนต์ พิเศษ ในค่ำคืน วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเดือน ๙ คืนนี้ พอดี

โดย มี น้ำผึ้ง , มะพร้าวอ่อน ,...
ซึ่งพระอาจารย์ปานขาว ท่านเมตตา กล่าวว่า ทุกค่ำคืนวันพระ ทางวัดป่านานาชาติ หรือ สาย วัดป่า จะ นั่งภาวนา จาก 20.00 - 24.00 โดยประมาณ
ค้ำคืน จึงมีหลายท่าน ที่เข้าร่วม ส่งจิต ด้วย นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ..

ด้วยพลัง จิตตานุภาพ พลังคลื่นละเอียดอ่อน ทำให้ สังขาร , จิต มีความชุ่มชื่นมากมาย มีพลัง ทั้งๆที่ เข้าถึงวันใหม่ แล้ว 00.30 น.

และ ขอขอบคุณ โมทนา ในผลบุญ ที่ ทางคุณ ทารา พร้อมครอบครัว ,ญาติธรรม ร่วมกัน นำต้นไม้ มาปลูก ประดับ ในวัดหลวงปู่สุภา วัดสิริสีลสุภาราม ใน ชุ่มชื้น ด้วย ต้นไม้
ทั้งนำ กระถางน้ำพุ มาประดับ ดึง ลักษณะ ของ น้ำ ดิน ลม เข้าในวัด
ด้วย การ ยั่งจิต ความเป็นทิพย์ ของ หลวงพ่อปานขาว

ดวงธรรม ต้นไม้ ข้าง เสา เสาธงสีฟ้า เหนือผ้าสีชมภู ค่ำคืน วันพระ ๑๔ สค.

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5006950" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>


และ ด้วยความบังเอิญ เจอ ท่านจ่า ถาวะโร ซึ่งเดินทางกลับจาก สำนักสงฆ์ถ้ำแสงเพชร ธรรมยุกต์ ต.คลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ (สำนักสงฆ์ โดนน้ำป่าไหล่ ท่วม เมื่อ ตอนน้ำท่วม สุราษฎร์ )
พร้อมด้วย คุณนก ญาติธรรม ท่านจ่า ถาวะโร ใด้ร่วมสวดมนต์ และ ภาวนา ในศาลา วัด สิริสีลสุภาราม ค่ำคืนวันพระ ๑๕ ค่ำเดือน ๙ ( ๑๔ สค. ๒๕๕๔ )</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขออนุญาต น้อมนำ บุญผ้าป่า สำนักสงฆ์ถ้ำแสงเพชร ธรรมยุกต์ ต.คลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ (สำนักสงฆ์ โดนน้ำป่าไหล่ ท่วม เมื่อ ตอนน้ำท่วม สุราษฎร์ )

๑. นาย พจชนะ ,น้อมจิต ,กิ่งแก้ว ,ธนภรณ์ ทองทวีวิวัฒน์ ๒๐๐ บ.
๒. นายกิตติพงษ์ อธิกิจรุ่งเรื่อง ..............................๑๒๐ บ.
๓. นาย ภัทรวุฒิ กนิษฐากร HS8 STF(กลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ ).๑๐๐ บ.
๔. คุณพี่ ร่มบุญ (จัดสรรค์ ในปัจจัย ที่เคยโอนมา ).........๑๐๐ บ.
๕. คุณน้อง บุญญสิกขา (จัดสรรค์ ในปัจจัย ที่เคยโอนมา )...๕๐ บ.
๖. ญาติธรรม .................................................๓๐ บ.
.................รวม ๖๐๐ บ............

พรุ่งนี้ เช้า คุณนก พร้อมญาติธรรม ทาง ห้าแยก ภูเก็ต เดินทาง เพื่อร่วมบุญ และ ตั้ง โรงทาน ที่สำนักสงฆ์ถ้ำเพชร
และ ท่าน ถาวะโร เดินทางร่วมบุญ พร้อมกัน กับ คณะ



ขอทุกท่าน ใด้รับ พลังผลบุญ ตราบเท่าที่ ตั้งจิต อธิฐานกันมา ด้วย สัมมาทิฏฐิ เพื่อ เป็น อานิสงฆ์ ผลบุญ ตราบท้าว เข้าสู่ พระนิพพาน
อิทัง บุญญะผลัง...เอวังโหตุ...

 

งานวันนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี เหนื่อย แต่ก็ชื่นใจ

อานิสงค์อันใดที่ผมพร้อมด้วยคณะญาติธรรมได้ทำในวันนี้

ขอทุกท่านจงมีส่วนร่วมแห่งอานิสงค์นั้นทุกท่าน ทุกรูป ทุกนาม นะครับ

 

มุทิตา หลวงปู่สุภา ศิริวัฒนะ ๑๑๖ ปี วัดสิริสีลสุภาราม ภูเก็ต

เรียนเชิญ ทุกท่าน น้อมนำ มุทิตา หลวงปู่สุภา กันตสีโล ศิริวัฒนะ ๑๑๖ ปี ในวันที่ ๑๗ กันยา ๒๕๕๔ วัดสิริสีลสุภราราม ภูเก็ต

ทราบข่าวอย่างไม่เป็นทางการ...

- จะมี พระวัดป่านานาชาติ ร่วม มุทิตาหลวงปู่สุภา ด้วยกัน
- พระสงฆ์ ,พระอริยะ จาก ภูควาย ประเทศ ลาว ท่านอาจจะมาร่วมในพิธี ในครั้งนี้
- อาจจะมี ชาวต่างชาติ ร่วมบันทึกเทป เพื่อเผยแผ่ พระเดช พระคุณ หลวงปู่สุภา พระอริยะฯ ๕ แผ่นดิน
- หลวงปู่สุภา เมตตา มอบ ของขวัญ มงคล แด่ ทุกท่าน ( เป็นประจำทุกปี )
- ถวายพุทธศาสน์ ดุษฎีบันฑิตกิติมศักดิ์ หลวงปู่สุภา

ตามกำหนดการ คร่าวๆ ในภาพ ครับ

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทารา

เมื่อวานมีการเปิดผ้าที่คลุมพระในโบสถ์ของหลวงสุภาที่สร้างเสร็จเป็นการภายใน
มีคนไปร่วมงานประมาณ 50-60 คน พระในโบสถ์มีชื่อว่า พระธรรมมิกราชา

วันนี้ในตอนเช้าประมาณ 8.00 น หลวงปู่สุภาได้ออกมาดูบริเวณโดยรอบ
มีคณะลูกศิษย์หลวงปู่จากกะตะ-กะรนเป็นแม่งานในการจัดต้นไม้ กับพระอาจารย์ที่วัด

โมทนาบุญอีกครั้ง ครับคุณทารา
เผอิญ เมื่อประมาณ ปี ๒๕๕๒ ผมใด้ขออนุญาต จากพระหนุ่ม(พระน้อง ) ท่านเข้า นั่ง,นอน ภาวนา ในโบสถ์ หลังจาก ที่มีการอัญเชิญ องค์พระประทาน (คลุมผ้า ) ใว้ในโบสถ์ ซึ่งพระหนุ่ม ท่านใด้สวดพระปฏิโมกข์ ในช่วงนั้น

จากนั้น ไม่นาน หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ให้พระหนุ่ม ท่าน จำวัด ปฏิบัติภาวนา เข้มข้น ในถ้ำแห่งหนึ่ง ในอุทยานเขา ส่องดาว สกลนคร เพื่อ เมื่อใด้ อริสัจธรรม แล้ว จะใด้ เดินตามแนว ปฏิปทา และ นำธรรมะ มา แนะนำ แด่ สาธุชน ศิษยานุศิษย์ ต่อไป

เพลา ที่ มี ศิลาฤกษ์ เสาเอก อุโบสถ กลางน้ำวัดสิริสีลสุภาราม เมื่อหลายปี ที่ผ่านมา
ผมโชดดี ที่ หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ให้ พระอาจารย์หลวงพี่ ประเสริฐ ท่านอัญเชิญ เศียรพระเก่า (ที่มี ศิษยานุศิษย์ อัญเชิฐให้หลวงปู่ เพราะ มีการตรวจค้น เจอ ที่ ท่าอากาศยาน , ส่วนหนึ่ง ศิษยานุศิษย์ พบในสถานที่ต่างๆ )
หลวงพี่ประเสริฐ ท่าน เมตตา ให้ผม อัญเชิญ เศียรพระ ใว้ใน ...
ท่ามกลางพิธี ศิลาฤกษ์ สร้าง โบสถ์ กลางน้ำครับ

หลวงพี่ประเสริฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่าน เมตตาเป็นพระพี่เลี้ยงผม ตอนผม บวช และตาม หลวงปู่สุภา ไป ภาวนา ที่ วัดคอนสวรรค์ สกลนคร ในปี ๒๕๔๘




ช่วงนี้ หลายท่าน ช่วยกัน ปลูกต้นไม้

 

วัดสวนวาง อ.คุระบุรี จ.พังงา

วาดภาพสร้างสรรค์
โครงการคาราวานเสริมสร้างเด็กปี ๒๕๕๔<WBR>

"การวาดภาพระบายสีสร้างสรรค์ ประกอบนิทานคุณธรรม" จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นางขาว-สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา​

พระบุญนพ สุทฺธสีโล

ปีนี้นึกว่าจะไม่เจออุทกภัยเสีย<WBR>แล้ว น้ำท่วมปีนี้ถือว่าหนักว่าทุกปี<WBR> ตลาดอำเภอคุระบุรีก็โดนกันทั่วห<WBR>น้า รวมทั้งที่สวนวางด้วยเช่น ขณะที่กำลังอบรมโครงการคาราวานเ<WBR>สริมเด็กวามภาพสร้างสรรค์ ต้องรีบปล่อยเด็กกลับก่อนเวลา ธรรมชาติกำลังลงโทษมนุษย์ทั่วหน<WBR>้า ต่างก็ได้รับกรรมไปตามกันทั่วทุ<WBR>กหัวระแหง เราต้องช่วยกันรณรงค์รักษาธรรมช<WBR>าติ อย่าทำลายธรรมชาติ มิเช่นนั้นธรรมชาติจะทำลายเรา​

​

​

น้ำท่วมครานี้อ่วมหนัก...... ทะลักท่วมบ้านเสียหาย
ทรัพยสินสูญสิ้นมลาย....... บางรายหมดเนื้อหมดตัว
น้ำท่วมกี่ครั้งมาแล้ว......... ไม่แคล้วเสียหายไปทั่ว
ทำลายธรรมชาติไม่กล้ว..... ต้องชัวร์รับกรรมตามจริง​

นี่ก็อีกบรรยกาศหนึ่งน้ำท่วมที่<WBR>สวนวางเมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๕๔
​

​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=luuwEEpo0SQ]น้ำท่วมสวนวาง25-ก.ย.54.mpg - YouTube[/ame]

พระบุญนพ สุทฺธสีโล น้ำไม่ท่วมแล้ว ท่วมเร็วลดลงเร็ว แต่ฝนใหม่กำลังจะมาอีก​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=dffAw9UlqkY]น้ำท่วมสวนวาง(4)25-ก.ย.54.flv - YouTube[/ame]​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=lJZ98FFwqHc]ค่ายคุณธรรมร.ร.กะปง-พ.อ.บุญนพ02.flv - YouTube[/ame]
ค่ายคุณธรรมจริยธรรมร.ร.กะปงพิท<wbr>ยาคม ๒๑-๒๓ ก.ค.๕๔ ที่วัดสวนวาง
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=gJ6TaCD53_s]น้ำตกแม่นางขาววัดสวนวาง2.flv - YouTube[/ame]

​

​

​

​

​

น้ำตกแม่นางขาว บริวเณวัดสวนวาง ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังงา เป็นธารน้ำตกใสที่สวยงามไหลในช่<wbr>วงฤดูฝน หน้าแล้งน้ำจะแห้ง ผู้ที่จะมาชมสามารถสัมผัสบรรยาก<wbr>าศได้เฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น.....<wbr>.เครือข่ายอนุรักษ์เขาแม่นางขาว บ้านทุ่งรัก ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังงา

war room falkman @A4 ชลาลัย นครราชธานี ศรีทราวดี
วัดสวนวาง ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังงา วางอบายมุข สิ่งเสพติด ชีวิตจะแจ่มใส วางความยึดมั่​

​

 

​

​

มหาอนุโมทนากุศลกิจค่ะ
วันนี้ ได้ส่งปัจจัยร่วมกิจบุญ เพื่อพิจารณาสมควรตามโอกาส-กาละ
กราบสาธุการกิจกุศล ส่งบุญค่ะ (deejai)​

​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]May all be happy[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]May all be well[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]May all be free from enmity and ill will[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Just like the love of a mother for her only child[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Let this great love suffuse from our hearts[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Boundless as the sky[/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Boundless as the sea [/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Boundless as the air that we breathe [/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Let this boundless love pervades in every space [/FONT]
[FONT=4711_AtNoon_Traditional]And nourishes every heart [/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]Sabbe satta sukhi hontu (may all beings be happy)[/FONT]​

[FONT=4711_AtNoon_Traditional]A song about loving kindness by “ Bodhicitta fromTrue Love - Let's Sing Together ”[/FONT]​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1643356/[/MUSIC]​

 

โมทนา ครับ คุณบุญญสิกขา

คืนวันศุกร์ ๒ กันยา ประมาณ 21.30 พร้อมด้วย hs8stf เดินทาง นั่งภาวนา ด้านหลัง หลวงปู่แช่ม หลวงปู่ช่วง หลวงปู่เกลื้อม ใน มณฑบ หลวงปู่แช่มวัดฉลอง ภูเก็ต ( ซึ่ง ในปี นี้ เข้ามา กราบ,ภาวนา หลวงปู่แช่ม ประมาณ 3-5ครั้ง )

จันทร์ ๕ กันยา ประมาณ 14.00 เดินทาง กราบ สักการะ พระพุทธหลวงพ่อดำ วัดไม้ขาว จากนั้น นั่งภาวนา ด้วยกัน กับ hs8stf
หลวงพ่อแดง (วัดไม้ขาว ) ท่านจำวัด เนื่องจาก ท่าน จำเริญ วัฒนะ มากพอสมควร

คืน วันพุธ ๗ กันยา เวลา ๒๑.๓๐ พร้อมด้วย hs0syy , hs8stf เพื่อนวิทยุสมัครเล่น เดินทาง เพื่อ นั่งภาวนา ด้านหลังรูปหล่อ หลววงปู่ หลวงปู่แช่ม หลวงปู่ช่วง หลวงปู่เกลื้อม ใน มณฑบ หลวงปู่แช่มวัดฉลอง ภูเก็ต

หลวงปู่สุภา ท่านยังคง พักผ่อนเพราะในวัน มุทิตา หลวงปู่ จะใช้ พลังจิต มาก ทั้ง วันในวันมุทิตาและ หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา นั่งเป็นประธาน ในคืน สวดภาณยักษ์ คืน ๑๖ กันยา
ฉนั้นในช่วงนี้ ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่สุภา ขอความเมตตา งดเข้ากราบ ครับ..

ทราบข่าว ยังไม่เป็นทาง
- พระอาจารย์ ยุคลธร วัดเจโตวิมุตติ กาญจนบุรี จะสร้าง สมเด็จองค์ปฐม ๕๙ เมตร ถวาย ประดิษฐาน ที่วัดหลวงปู่สุภา วัดสิริสีลสุภาราม
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

วันที่ 12 กย. 2554 นี้ มีการจัดงานกวนยาสมุนไพรของหลวงปู่ละมัย ที่สวนสมุนไพร เพชรบูรณ์
(สถานที่จัดงาน สวนสมุนไพรหลวงปู่ละมัย 17 หมู่.3 บ้านโคกหนองจอก ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ )
แต่ในวันที่ 11 กย.จะมีการตอกคตปรอท ซึ่งคตปรอทในการตอกครั้งนี้ จะเป็นคตปรอทเพชร
คตปรอท คือปรอทที่กินสายแร่จนอิ่มและแข็งตัวตามธรรมชาติ ผ่านกาลเวลาซึมซับพลังธรรมชาติอยู่ในตัว การตอกในครั้งนี้จะเป็นคตปรอทเพชร ซึ่งคตปรอทเพชรมีพลังธรรมชาติมากที่สุด
ปัจจัยในการตอกคตนี้ ถวายหลวงปู่ทั้งหมด
หลวงปู่ท่านเคยบอกว่าคตปรอทนี้ท่านอยากให้ผู้ที่มีอาชีพเสี่ยง (เช่น ตำรวจ ทหาร ) และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตอก
ท่านอาจารย์ย่ามแดง ท่านมักจะให้ตอกแค่ครั้งเดียว เพราะท่านไม่ชอบให้ตื่นมงคลข่าว เชื่อตามที่เล่ากันมา ท่านให้ใช้ปัญญาในการพิจารณา ท่านเคยสอนว่าศรัทธาแต่อย่างมงาย
ครูอาจารย์ที่มีพลังจิตหลายๆท่าน ออกมากล่าวเตือนเรื่องภัยพิบัติ
กำหนดตอกคตปรอทเพชรนั้น ตอนนี้กำหนดไว้แค่วันที่ 11 กย วันเดียว
แต่อาจารย์ย่ามแดงผู้ทำพิธีตอก ท่านจะเดินทางมาช่วยงานหลวงปู่ตั้งแต่วันที่ 9 กย แล้ว ( ดังนั้นจึงมีโอกาสเปลี่ยนการตอกได้อีกตามความเหมาะสม )​

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5080272" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>นาคา</TD><TD class=alt1>วันที่ 12 กย. 2554 นี้ มีการจัดงานกวนยาสมุนไพร

ของหลวงปู่ละมัย ที่สวนสมุนไพร เพชรบูรณ์
(สถานที่จัดงาน สวนสมุนไพรหลวงปู่ละมัย 17 หมู่.3 บ้านโคกหนองจอก ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ )
แต่ในวันที่ 11 กย.จะมีการตอกคตปรอท ซึ่งคตปรอทในการตอกครั้งนี้ จะเป็นคตปรอทเพชร
คตปรอท คือปรอทที่กินสายแร่จนอิ่มและแข็งตัวตามธรรมชาติ ผ่านกาลเวลาซึมซับพลังธรรมชาติอยู่ในตัว การตอกในครั้งนี้จะเป็นคตปรอทเพชร ซึ่งคตปรอทเพชรมีพลังธรรมชาติมากที่สุด
ปัจจัยในการตอกคตนี้ ถวายหลวงปู่ทั้งหมด
หลวงปู่ท่านเคยบอกว่าคตปรอทนี้ท่านอยากให้ผู้ที่มีอาชีพเสี่ยง (เช่น ตำรวจ ทหาร ) และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตอก
ท่านอาจารย์ย่ามแดง ท่านมักจะให้ตอกแค่ครั้งเดียว เพราะท่านไม่ชอบให้ตื่นมงคลข่าว เชื่อตามที่เล่ากันมา ท่านให้ใช้ปัญญาในการพิจารณา ท่านเคยสอนว่าศรัทธาแต่อย่างมงาย
ครูอาจารย์ที่มีพลังจิตหลายๆท่าน ออกมากล่าวเตือนเรื่องภัยพิบัติ
กำหนดตอกคตปรอทเพชรนั้น ตอนนี้กำหนดไว้แค่วันที่ 11 กย วันเดียว
แต่อาจารย์ย่ามแดงผู้ทำพิธีตอก ท่านจะเดินทางมาช่วยงานหลวงปู่ตั้งแต่วันที่ 9 กย แล้ว ( ดังนั้นจึงมีโอกาสเปลี่ยนการตอกได้อีกตามความเหมาะสม )​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
น้อมกิจ ร่วมบุญ หลวงปู่ละมัย
- คุณน้อง บุญญสิกขา ๒๐๐-
- พจชนะ พร้อม ครอบครัว ทองทวีวิวัฒน์ ๑๐๐-
กับ คณะ กลุ่ม คุณ คณานันท์ (บัญชี คุณ คณานันท์ )

เนื่องจาก ​

วันที่16 กันยา 54 จะมีการหล่อองค์พระปางประจำวันเิกิด และระฆัง วัดหลวงปู่สุภา <WBR>
17 กันยน มุทิตา หลวงปู่สุภา ศิริวัฒนะ ๑๑๖ ปี ​

คุณกุ้ง โอนปัจจัย ร่วมบุญ

Kung Laksanawadee

กุ้งโอนปัจจัย 100 บาท​

​

Gook GaiGee คุณ ณิชพัณณ์ เกียรติวรปัญญา ร่วมบุญ 200 บาทค่ะ รวมโอนพร้อมกัน 300 บาทค่ะ

ผม ในนาม พจชนะ หรือ นาคา ขออนุญาต ทุกท่าน ร่วมเจริญ ลงนาม ในแผ่นทอง เพื่อ หล่อองค์พระ,ระฆัง
ส่วน น้อง จิตต์ประภัสสร พร้อม เพื่อนๆญาติธรรม จะส่ง แผ่นทอง มาร่วมหล่อองค์พระ ด้วย เช่นกัน รายชื่อ ผม จะรวบรวม อีกครั้ง พรุ่งนี้ ครับ
ยัง ลงรายชื่อ ไม่ครบ ครับ ส่วนหนึ่ง น้อม โมทนา ,ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ในห้อง นาคราช ใฝ่ธรรมะ... face book ชลาลัย นาคราราชธานี (ปิ่นมณี ) ศรีทราวดี ที่ใด้ เมตตา ซึ่งกันและกัน ในการร่วมกิจกรรม ที่ฝ่ายมา ครับ

ทั้ง ถวายเทียน พรรษา ๘ วัด ๑ สถานที่ อุดร ,หนองคาย ,พนม ,อุบล
ร่วมบุญ แผ่นทอง รวมใน องค์สมเด็จองค์ปฐม หน้าตก ๒ เมตร (ปูนซีเมนต์ ) สำนักสงฆ์ ฉลองราช แม่เมาะ ลำปาง

โมทนา ใน พี่ๆ น้องๆ เพิ่อนๆ ทุกท่าน​

​

war room falkman """​

 

๑๖ กันยา ๒๕๕๔
น้องเอ วิณวิญ ร่วมบุญหล่อองค์พระ พร้อม เพื่อน เช่นกัน
13.00 พิธีบวงสรวง ทางพรหมณ์ ประมาณ 13.50 พระอาทิพย์ทรงกลด ขนาดใหญ่ จากนั้น เริ่มพิธี เททองหล่อ องค์พระปางประจำวันเกิด ขณะที่หลวงปู่สุภา ท่าน เมตตา นั่งปรก อแธิฐานจิตในกุฏิ
พระสังฆราชจากใต้หวัน ท่านเมตตา มาในพิธี
พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณ (เจ้าคณะภาค ที่ 11 ถ้าจำไม่ผิด ) ท่านเมตตา เป็นประธาน เททองหล่อ
14.50 น. หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา นั่งรถเข็น ออกมา ในพิธี ท่ามกลางอากาศ ที่แดดเริ่ม ลดแสงลง มีเมฆ และลมพัดสะบาย
เมื่อเททองหล่อองค์พระ ทั้ง 9 องค์ ประจำวัน จากนั้น เริ่ม ชะยันโต เททองหล่อ ระฆัง
ผม ใด้นำ แผ่นทองเหลืองที่ลงชื่อใว้แ<WBR>ล้ว 7 แผ่น
มี 2 แผ่นที่ระบุ วัน เดือน ปีเกิด ของ ท่านที่แจ้งมาครับ (ภาพนี้จะส่ง ทาง ข้อความส่วนตัวให้ ท่านที่ระบุ ครับ )

18.00น.โดยประมาณ พิธีภาคค่ำเริ่ม พระสงฆ์สมณศักด์ ท่านสวดมนต์ จากนั้น เริ่มสวดภาณยักษ์ น้อย โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุึ<WBR>ณ ..เจ้าคณะภาค ที่ 11 ท่านเมตตา เป็นประธาน
18.50 น.โดยประมาณ หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา นั่งรถเข็นมา เป็นประธา่นในพิธี ท่ามกลาง เสียงที่คัดค้าน เพราะ สังขารหลวงปู่ท่าน เพลียมาก ทั้งในตอนกลางวัน ที่หลวงปู่เมตตา นั่งปรก ในพิธีเททองหล่อองค์พระ,ระฆ<WBR>ัง

ผม เอง มีโอกาส ใด้อัญเชิญ พานน้ำมนต์ ให้พระอาจารย์ท่านประพรมน้ำ<WBR>พระพุทธมนต์ ต่อสาธุชน ทั้งปีที่แล้ว และั ปีนี้
ปีนี้ พิธี เสร็จเรียบร้อยเร็ว เพราะ ทุกท่าน เกรงหลวงปู่ อายุมาก ๑๑๖ ปี ท่านจะเพลีย และ ปีนี้ ให้สาธุชน ใด้ ทำบุญ หยอด ปัจจัย เองในตู้รอบบริเวณงาน

จากนั้นประมาณ 20.30 หลวงปู่ท่านเมตตา ให้คณะกรรมการ ,ทหาร ช่วย แจก พระของขวัญ เนื้อ ว่าน ด้านหน้าหลวงปู่สุภา ด้านหลังยันต์แมงมุม
ซึ่ง ในปี 2552 ผมมีโอกาส ถวาย ผงน้ำพี้ แด่ หลวงปู่สุภา
และในปี 2552 ผมมีโอกาส ช่วย กดพิมพ์ พระของขวัญ พิมพ์เดียวกัน
โมทนาบุญ ซึ่งกันและกัน ครับ ...เหล่าพี่ๆน้องๆ เพื่อน กลุ่ม นาคราชใฝ่ธรรมะ ...กายทิพย์น้อง นาคี ทุกท่าน

มูลเหตุ ที่ หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ให้สวดภาณยักษ์ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ 26 ธันวา 2547 ที่คลื่นยักษ์ มากระทบ
หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา รับบิณฑบาตร ที่สนามชัย (จุด ที่เปรียบเสมือน หัวมังกร ถ้าทุกท่านดูแผนที่เกาะภูเก็ต จากทางอากาศ จะมองคล้ายมังกร)
จากนั้น ในช่วงเข้าพรรษา หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา รับบิณฑบาตร ตามจุดต่างๆ จนกระทั่ง พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ..เจ้าคณะภาคที่ ๑๑ ท่านเมตตา กล่าวขอร้องหลวงปู่ ให้หลวงปู่รับ บิณฑบาตร ในวัด เพื่อ ถนอม สังขาร หลวงปู่
หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ให้พระสงฆ์ สมณศักดิ์ ท่านสวดภาณยักษ์ เริ่มตั้งแต่ ปี ๒๕๔๘ เป็นต้นมา เพื่อ...ความเป็น สิริมงคล ต่อ ทุกท่านในพื้นที่ภูเก็ต และใกล้เคียง