ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ย้อนบันทึกไปถึงเรื่องเก่าคือเรื่องของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น และพบบทความนี้โดยบังเอิญ....


<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=650 align=center bgColor=#fdf8f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

เนื่องในวาระคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร “ วันบูรพาจารย์ ” ปีที่ ๕๗
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เว็บไซต์หลวงปู่มั่น ภูริทัตฺตมหาเถร
ขอนำเสนอการตามรอยหลวงปู่มั่นจากภาพถ่ายต้นฉบับที่ได้มีการเปิดเผยอีกครั้งในรอบ ๕๐ ปี
จากทายาทของอุบาสกผู้อยู่ในตำนาน ขอเชิญทุกท่านธรรมทัศนา ณ บัดนี้
บันทึกประวัติศาสตร์ พระบูรพาจารย์ ​

ท่านใดที่เคยศึกษามหาเถระประวัติ “ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ” คงจะเคยสงสัยในความเป็นมาของรูปถ่ายหลวงปู่รูปต่างๆ ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะท่านใดที่เคยเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์บริขารหลวงปู่มั่นฯ ที่จังหวัดสกลนคร หรือหนังสือประวัติหลวงปู่มั่นฯ ที่พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เขียนไว้หรือแม้กระทั้งหนังสือที่ได้ตีพิมพ์ล่าสุด “ บูรพาจารย์ ” คงจะได้เห็นรูปหลวงปู่มั่นฯ ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นภาพต้นฉบับ ที่ปรากฏในรูปถ่ายเก่าในกรอบไม้โบราณในรูปตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ ด้านหน้าของรูปคืออัฐิธาตุหลวงปู่มั่นที่แปรสภาพเป็น “ พระธาตุ ” ข้างๆ คือ คุณวัน คมนามูล อุบาสกผู้พบความมหัศจรรย์ของอัฐิธาตุหลวงปู่มั่นเป็นคนแรก และอีกภาพก็มีท่านพระอาจารย์มหาบัวฯ ขณะกำลังพิจารณาอัฐิธาตุหลวงปู่มั่นฯ อยู่ด้วย
​

​

​

​

​

​

หลายท่านคงอาจสงสัยว่ารูปถ่ายดังกล่าวปัจจุบันอยู่ที่ใด มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และยิ่งถ้าสังเกตในภาพแล้วจะพบว่ามีข้อความอยู่ใต้ภาพด้วย ซึ่งข้อความนี้อาจจะไขสิ่งที่อยู่เบื้องหลังภาพอาจเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าที่กำลังรอการเปิดเผยก็เป็นได้​

​

จนกระทั้งขณะที่ข้าพเจ้าอุปสมบทอยู่ที่วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๙ ข้าพเจ้าก็ได้พบกับผู้ที่ครอบครองภาพนี้อยู่ คือ “ ดร.นระ คมนามูล ” ทายาทของ “ คุณวัน คมนามูล ” ผู้เป็นเจ้าของเรื่องราวความมหัศจรรย์ของอัฐิธาตุหลวงปู่มั่นเมื่อกว่าห้าสิบปีมาแล้วและยังเป็นเจ้าของรูปดังกล่าวด้วย จนกระทั้งข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเยียนบ้านพักของ ดร.นระฯ จึงได้มาอยู่ตรงหน้า “ ประจักษ์พยานแห่งพระบูรพาจารย์กรรมฐาน ” ภาพถ่ายประวัติศาสตร์หลวงปู่มั่นฯ ต้นฉบับ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ค้นพบ ข้าพเจ้าก้มกราบรำลึกพระสังฆานุสติประดุจองค์ท่านได้มาโปรดข้าพเจ้าอยู่ตรงหน้าในเพศบรรพชิตของข้าพเจ้าในขณะนั้น


รูปถ่ายนี้ถ่ายในขณะที่หลวงปู่มั่นอยู่ในอิริยาบถนั่งสมาธิ ห่มจีวรลดไหล่ พาดสังฆาฏิ นั่งอยู่บนอาสนะสีขาว มีพรมปูทับและหมอนอิงหลัง บนธรรมาสน์ขนาดใหญ่มีพนักพิงทรงสูง รูปถ่ายมีขนาดโดยประมาณ กว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้ว ที่มุมซ้ายของภาพมีรอยปั๊มนูนแสดงร้านถ่ายภาพ “ มีกวง นครราชสีมา ” ติดบนกระดาษแข็งหนา บรรจุอยู่ภายในกรอบไม้สักทาสีทองแกะสลักเป็นลายเถาองุ่น มีขนาดโดยประมาณ กว้าง ๒๐ นิ้ว ยาว ๒๕ นิ้ว อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และที่สำคัญ คือ ข้อความที่บันทึกอยู่ด้านล่างรูปถ่ายบนกระดาษแข็ง ซึ่งข้าพเจ้าถอดข้อความได้ดังนี้


“ ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๘๓ รูปพระอาจารย์หมั้น อายุ ๗๐ ปี พรรษา ๔๗ เป็นพระมหาเถระ ถือธุดงค์วัต ชำนาญในสมถะวิปัสสนา มีลูกศิษมาก ท่านศึกษาต่อ พระปัญญาพิสาระเถร พระอุบาลี เป็นกรรมวาจา ในภาคอิสานและภาคพายัพไม่ใครสู้ในทางปฏิบัติชอบอยู่ในป่า เขาถ้ำ อยู่เขาเชียงใหม่ ”


และยังลงรายมือชื่อ “ วัน คมนามูล ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุณวันฯ เป็นผู้บันทึก และข้างหลังของภาพก็ยังมีบันทึกตามแนวนอนของกรอบรูป มีข้อความว่า
​

​

“ รูปพระอาจารย์หมั้น เกิดเมืองอุบลภาคอิสาน อายุ ๗๐ ปี พรรษา ๔๗ ได้ศึกษาเล่าเรียนต่อพระปัญญาภิสารเถระ เจ้าคุณอุบาลีเป็นกรรมวาจา ท่านได้ปฏิบัติในสมถะวิปัสสนา ท่านกลับเชียงใหม่ อยู่ในเขาเชียงใหม่ ๑๑ ปี มีลูกศิษย์มาก พระอาจารย์สิงห์ พระมหาปิ่น พระอาจารย์อ่อน พระอาจารย์ฟั่น พระอาจารย์ภูมี พระอาจารย์อ่อน พระอาจารย์สีโห พระอาจารย์ลี พระอาจารย์กงมา พระอาจารย์คำดี และท่านได้ปฏิบัติที่สุดในพระศาสนา ท่านได้ทั้งมรรคผลรู้ธรรมพิเศษ และมีปัญญาอภิญญารู้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แลรู้บุพเพนิวาสานุสติญาณ ข้าพเจ้าเรียกช่างภาพมาถ่ายภาพไว้ เพื่อให้กุลบุตรและธิดาเกิดมาภายหลังจะได้รู้ได้เห็นเป็นตัวอย่างว่าพระอรหันต์ไม่ขาดจากโลก ในประเทศสยามประเทศไทย...พระกรรมถานคณะอาจารย์หมั้น พระอาจารย์สิงห์ เป็นลูกสิสของท่านได้ประกาศพระศาสนาในทางสมถวิปัสสนา เป็นกำลังของพระศาสนา อุบล อุดร นครพนม สกล นครราชสีมา ไชยภูมิ สุริน บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ ตราด จันทบุรี กรุงเทพ ธนบุรี สมุทรปราการ บางปู สระบุรี ข้าพเจ้าได้ศึกษาจากท่านนี้ จึงได้รู้หลักของพระศาสนา ไม่ใช่พระลวงโลกย์ ไม่สั่งสอนโดยไม่เห็นแก่ลาภสักการะ ”​

​

“ นายวัน คมนามูล อายุ ๔๔ ปี เกิดปีวอก วันจันทร์ เดือน ๑๐ ”​

จากข้อความด้านหลังจะเห็นได้ว่า เป็นการบันทึกต่อเนื่องจากด้านหน้าที่เนื้อที่ไม่พอ คุณวันฯ จึงได้บันทึกข้อความทั้งหมดอีกครั้งด้านหลังภาพ พร้อมทั้งบันทึกอายุและวันเกิดของคุณวันฯ ในขณะที่บันทึก ส่วนลักษณะการสะกดชื่อพระอาจารย์มั่นของคุณวันที่เขียนว่า “ พระอาจารย์หมั้น ” คงเป็นการสะกดที่คลาดเคลื่อน หรือเป็นความนิยมของการสะกดในสมัยนั้นซึ่งในหลายๆ คำจะเห็นว่าสะกดไม่เหมือนกับปัจจุบัน แต่เมื่อผันวรรณยุกต์แล้วก็จะเห็นว่า ออกเสียงเหมือนกับคำว่า “ มั่น ” เหมือนกัน​

</TD></TR></TBODY></TABLE>



​

ส่วนที่บันทึกถึงครูบาอาจารย์ของหลวงปู่มั่น “ พระปัญญาภิสาระเถร ” ก็คือ พระปัญญาพิศาลเถร ( หนู ฐิตปญฺโญ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามรูปที่ ๕ มรณภาพเมื่อ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ กับ “ พระอุบาลี ” หรือ “ เจ้าคุณอุบาลี ” ก็คือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ( จันทร์ สิริจนฺโท ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร มรณภาพ พ.ศ. ๒๔๗๕ จากบันทึกระบุว่าเป็น “ กรรมวาจา ” น่าจะหมายถึงเป็น พระกรรมวาจาจารย์ในเวลาอุปสมบทหลวงปู่มั่น ซึ่งน่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของคุณวันฯ ซึ่งจากบันทึกประวัติหลวงปู่มั่นฯ พระกรรมวาจาจารย์ของท่านคือ “ พระครูสีทา ชยเสโน ” อดีตเจ้าอาวาสวัดบูรพา จังหวัดอุบลราชธานี
จากข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าภาพถ่ายนี้ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๘๓ เมื่อหลวงปู่มั่นมีอายุ ๗๐ ปี พรรษาที่ ๔๗ จากการศึกษาภาพถ่ายหลายๆ ภาพที่ได้มีการเผยแพร่กันมา ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้มีการบันทึกประวัติความเป็นมาไว้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะภาพอื่นๆ จะทราบเพียงว่าถ่ายที่ใด ในช่วงเวลาประมาณเท่าใดเท่านั้น ถึงแม้บันทึกทั้งหน้ารูปและหลังรูปนี้จะไม่ได้ระบุสถานที่ไว้ชัดเจน แต่จากลายปั๊มนูนแสดงชื่อร้านถ่ายรูป “ มีกวง นครราชสีมา “ ซึ่งคุณวันฯ ได้ว่าจ้างมาถ่ายรูปนั้น เป็นร้านถ่ายรูปที่มีชื่อของจังหวัดนครราชสีมาในสมัยนั้น ในปัจจุบันร้านนี้ก็ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่
และเมื่อเปรียบเทียบปีที่ท่านจำพรรษาจากประวัติหลวงปู่มั่นฯ ที่ทั้งพระอาจารย์มหาบัวฯ กับฉบับของพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ได้บันทึกว่า สรุปได้ว่า ในช่วงออกพรรษาปี ๒๔๘๒ เป็นปีที่หลวงปู่มั่นฯ ได้กลับจากจาริกแสวงหาโมกขธรรมในจังหวัดทางภาคเหนือตามคำนิมนต์ของศิษยานุศิษย์ทางภาคอีสาน นำโดย พระธรรมเจดีย์ ( จูม พนฺธุโล ) ท่านได้เดินทางโดยทางรถไฟจากเชียงใหม่มาพักที่กรุงเทพฯ ที่วัดบรมนิวาสราชวรหาร และเดินทางมาที่จังหวัดนครราชสีมา มาพักที่วัดป่าสาลวัน ซึ่งในขณะนั้นมี พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นเจ้าอาวาส แล้วยังมีศิษยานุศิษย์ของท่านพักอยู่ด้วยกันหลายรูป เช่น พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นต้น ต่อจากนั้นท่านจึงได้มาจำพรรษาที่วัดป่าโนนนิวาส จังหวัดอุดรธานี ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ซึ่งคุณวันฯ เองก็พักอาศัยและเปิดกิจการส่วนตัวอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาด้วย เมื่อเปิดปฏิทิน ๑๐๐ ปี พบว่าวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๗
จากข้อมูลดังกล่าวจึงอาจแสดงให้เห็นว่า รูปถ่ายนี้ถ่ายที่จังหวัดนครราชสีมา ภายในวัดป่าสาลวันเพราะในภาพองค์หลวงปู่ห่มจีวรลดไหล่ คงไม่ได้ถ่ายในร้านแน่นอน โดยคุณวันฯ ได้กราบอาราธนาท่านถ่ายรูป แล้วว่าจ้างช่างถ่ายภาพมาถ่ายองค์ท่านในช่วงเวลาที่องค์ท่านมาพำนักที่วัดป่าสาลวัน ก่อนท่านจะเดินทางไปจำพรรษาที่จังหวัดอุดรธานี​

<TABLE width=650 border=0><TBODY><TR><TH>
คุณวัน คมนามูล
เมื่อตอนบั้นปลายชีวิต
</TH><TH class=style3>

บันทึกนี้ยังแสดงให้เห็นเห็น ถึงความศรัทธาที่มีใ์นหลวงปู่มั่นฯ ของคุณวันฯ แล้วยังกล่าวถึงคุณธรรมพิเศษ กิจวัตร และเจตนารมณ์ของหลวงปู่มั่นฯ ที่คุณวันฯ น่าจะได้รับทราบจากการที่ได้อยู่ใกล้ชิดองค์หลวงปู่ฯ ซึ่งคุณวันฯ น่าจะได้รับความเมตตาเป็นพิเศษ จะเห็นได้ว่า ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ คุณวันฯ สามารถขออนุญาตหลวงปู่มั่นฯ ถ่ายรูปได้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าท่านไม่อนุญาตให้ใครถ่ายรูปของท่านได้ง่ายๆ ซึ่งท่านน่าจะดูเจตนาของแต่ละคนว่าต้องการรูปท่านไปทำอะไร แล้วยังกล่าวถึงศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่มั่นฯ ที่ได้ออกไปเผยแผ่พระสัจธรรม ยังจังหวัดต่างๆ

ลงท้ายคุณวันฯ ยังได้ลงอายุของตัวเองในขณะที่บันทึกไว้ เมื่ออายุ ๔๔ ปี แล้วยังบอกวันเกิดของตนเองอีกด้วย จากบันทึกไม่ได้บอกวันข้างขึ้นข้างแรมไว้ แต่บอกไว้ว่าเป็น เดือน ๑๐ ปี วอก จากการสอบถามประวัติการเกิดของคุณวันฯ จากทายาท จึงทราบว่า คุณวันเกิดวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ เมื่อเปิดปฏิทิน ๑๐๐ ปีแล้ว พบว่าวันดังกล่าวตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีวอก ข้อมูลจึงตรงกัน​

</TH></TR></TBODY></TABLE>

และเมื่อเปรียบเทียบ ปี พ.ศ. ๒๔๓๙ จนถึง ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ก็ยังเป็นเวลา ๔๔ ปี อีกด้วย ตรงกับอายุที่บันทึกไว้ แสดงว่าภายหลังจากถ่ายรูปแล้ว เมื่อล้างอัดภาพเรียบร้อย คุณวันก็ได้บันทึกวันที่ถ่าย กับข้อความดังกล่าวทันที ไม่ได้เก็บไว้ร่วงเลยเวลามานานแล้วจึงบันทึก ดังนั้นความผิดพลาดในด้านความทรงจำที่อาจจะคลาดเคลื่อนด้วยระยะเวลา จึงอาจจะมีน้อย ความถูกต้องในการบันทึกข้อความที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จึงน่าจะเป็นไปได้สูง อีกทั้งอุปนิสัยของคุณวันฯ เองที่ทราบจากทายาท ก็พบว่าชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะรูปถ่ายต่างๆ ก็จะบันทึกความเป็นมา กับวันที่ถ่ายไว้ด้วย จึงทำให้ได้ทราบถึงอายุกาลของรูปถ่ายรูปนี้ ปัจจุบันคุณวันได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ สิริอายุ ๗๕ ปี​

ดร.นระ คมนามูล เมื่ออายุ ๑๐ ปี ถ่ายภาพกับพระภิกษุที่มาชมอัฐิธาตุ
หลวงปู่มั่นกลายเป็นพระธาตุที่บ้าน จังหวัดนครราชสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖
ในรูปมีภาพถ่ายหลวงปู่มั่นฯ และพระธาตุวางให้เห็นชัดเจน​

จากบันทึกของคุณวันฯ กับข้อมูลประวัติหลวงปู่มั่นฯ จึงสรุปได้ว่า ภาพถ่ายนี้ถ่ายในวันจันทร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๗ ณ วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา เป็นการเปิดบันทึกรูปถ่าย หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่สมบูรณ์ที่สุดที่มีอยู่ในขณะนี้ หวังว่าการค้นพบครั้งนี้ คงเป็นการจุดประกายในการศึกษาประวัติความเป็นมาของรูปถ่ายหลวงปู่มั่นรูปอื่นๆ ต่อไป และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ดร.นระ คมนามูล ผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล ภาพถ่าย สำหรับการบันทึกนี้ เพื่อเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณวันฯ “ ...ให้กุลบุตรและธิดาเกิดมาภายหลังจะได้รู้ได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า พระอรหันต์ไม่ขาดจากโลก …” ​

บันทึกเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
แก้ไข ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
โดย ผู้ดูแลเว็บไซต์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร​

Untitled Document​

 

วันนี้ช่วงบ่ายว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เลยขับรถไปกับภรรยาเพื่อตั้งใจไปกราบท่านหลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาลาปูน จ.อยุธยา เที่ยวไปกินไป ก็เลยขอ ปชส.ร้านอาหารตามสั่งหลังวัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งเป็นของเพื่อนฝูงสักนิด ร้านนี้เลี้ยวซ้ายเข้าไปด้านหน้าวัดใหญ่ฯ เลี้ยวเลาะสระน้ำไปเรื่อย เพื่อไปทางด้านหลังวัดก่อนถึงอาคารที่ประดิษฐานพระบรมรูปองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แหงะหน้ามาจะเจอป้ายร้านอาหารตามสั่งพร้อมโลโกน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งที่ดื่มแล้วดีที่สุด (อย่าไปเชื่อ) โดยมีรถขายส้มตำและปอเปียะทอด จอดหน้าร้าน เป็นสัญญลักษณ์อยู่ หาที่จอดรถเลยครับ ข้างร้านก็ได้ หน้าร้านริมสระน้ำก็ได้ ลองมาสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูหรือเนื้อ แบบน้ำตก ตามด้วยส้มตำไทยใส่ปูหรือใส่ปลาร้า ได้ทั้งนั้น แถมด้วยปอเปี๊ยะทอดอีก 1 จาน รับรองอิ่มแปร้ อร่อยด้วย ถูกด้วย ฝีมือชาวบ้าน อยุธยาแท้ๆ ตั้งแต่เกิด ผมเองไปวันนี้สั่งข้าวผัดกระเพราะเนื้อสับ ใส่แต่กระเพราะอย่างเดียว ผักอื่นอย่าเสนอหน้าเพราะว่าแม่ทำให้กินอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด อีกอย่างผัดกระเพราไม่ใช่ผัดผักรวมหรือแกงเลียง จึงต้องได้ความหอมของกระเพราะล้วนๆ เท่านั้น โปะหน้าด้วยไข่เจียวหมูสับ เลยสบายไป

เสร็จแล้วแวะมากราบหลวงปู่ฯ ในเวลาเดิมที่ทางวัดกำหนดคือ 15.30 น.ได้พบท่านสมใจครับ ท่านนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมลูกศิษย์คู่ใจ คราวนี้ตั้งใจให้ท่านทำน้ำมนต์ให้ จึงนำน้ำโพลาริสไปด้วย 1 ขวด พร้อมกับบูชาแหวนในตู้มา 1 วง ราคา 250.- พร้อมด้วยพระสมเด็จ 1 องค์ และเหรียญเสมาอีก 1 เหรียญเบ็ดเสร็จ 450.- รีบเดินจ้ำไปหาหลวงปู่ฯ ซึ่งท่านเล็งเรากับภรรยามาแต่ไกลแล้ว คำถามแรกที่ท่านทักคือ มาจากไหน พอแนะนำตัวเสร็จว่ามาจากไหน ใครเป็นครูอาจารย์เรา ท่านหัวเราะพยักหน้า เสร็จแล้วเริ่มด้วยการเปิดขวดน้ำเพื่อให้หลวงปู่พิจารณาให้ ท่านถือไว้สักนาทีหนึ่ง โบกมือบอกใช้ได้ คราวนี้นำวัตถุมงคลทั้งหมดให้ท่านพิจารณา พร้อมกับถวายปัจจัยให้ท่านอีก 600.- ท่านนับแบงค์ร้อยเป็นนานมาก ผมจึงขออนุญาตนำกระเป๋าสตางค์ทั้งผมและภรรยาถวายท่าน คราวนี้ทูและทรีอินวัน คือทั้งลูบทั้งคลำ ทั้งเป่า ทั้งมองหน้าเราสองคนสลับไปมาแล้วยิ้มตามสไตล์ของท่าน เสร็จแล้วส่งคืนให้บอกใช้ได้แล้ว ส่วนแหวนที่บูชามา ท่านก็นำมาสวมให้เหมือนเดิมที่นิ้วชี้จนสุดโคนอีกผมบอกท่านว่า เอาไว้ชี้คนดื้อครับ ท่านยิ้มๆ ก่อนกลับเลยบอกท่านว่า ครูอาจารย์ที่ชื่อ....ที่เคยเจอท่านทางนิมิตรข้างบน ท่านยังจำได้มั๊ย ท่านพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างมีเมตตา (ครูอาจารย์เมตตาเล่าให้ฟังว่ายามเจอกันในนิมิตร แทบจะกระโดดกอดกันเลย เพราะในนิมิตรท่านมีธาตุขันธ์เป็นพระหนุ่มและแข็งแรงมากแถมยังบอกว่าไม่เจอกันนาน คิดถึง) ขากลับขับรถเข้ากรุงเทพฯ เลยนำแหวนที่มีตัว "นะ" มาลูบคลำด้วยความเคยชิน บ๊ะ...เหมือนเดิมแฮะ พลังจิตของหลวงปู่ฯ ยังสุดๆ แม้แต่ขวดบรรจุน้ำมนต์ ซึ่งเป็นขวดน้ำธรรมดาที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ พลังยังเหลือเฟือเช่นกัน


ทุกท่านที่อ่านบทความนี้ หากมีโอกาส ผมขอแนะนำด้วยใจจริงครับ ไปกราบท่านซะดีๆ ไปช่วงเวลาที่ผมบอกนั่นแหละ ไม่มีคนรบกวน และเป็นเวลาหลังที่ท่านได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว จิตท่านกำลังดี เวลานอกเหนือจากนี้ไม่อยากให้ไปรบกวนท่านเลย สงสารท่าน แล้วอย่าลืมอย่างที่ผมบอก ไปบูชาแหวนจากตู้บูชามาซะ (แหวนจะหมดแล้วครับ เหลืออยู่ไม่มาก ยิ่งแหวนปลอกมีด วงใหญ่ๆ สำหรับผู้ชายหมดไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่ของผู้หญิงวงเล็กๆ เท่านั้น) แล้วมาให้ท่าน "มนต์" ให้อีกรอบนึง เงินค่าบูชาวัตถุมงคลนึกว่าช่วยทำนุบำรุงวัดครับ แต่ที่เหนือกว่านั้น เป็นของดีจริงๆ ก็จะไม่ดีได้ยังไง ท่านหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ก่อนจะมรณภาพ ยังต้องมากราบท่าน ก็ในเมื่อท่านเข้าถึงระดับ...แล้ว จะมัวช้าทำไมเล่า หรือจะมาหลงกับพระประเภทลงทุนโฆษณาแห่ให้ไปเช่าทำไมกัน พระระดับเขตต์บุญที่เหลือประมาณ แถมยังดำรงขันธ์อยู่ ยังเสกของได้อยู่ ยังให้พรได้อยู่ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแถมการเข้าพบท่านก็แสนจะง่าย ไปเถอะครับไปกราบท่านให้ได้ ไปทั้งครอบครัวด้วยจะยิ่งดี จิตท่านจะได้คลุมให้หมดทั้งครอบครัว จิตระดับท่านสามารถล้างสิ่งที่ไม่เป็นมงคลได้ด้วยล่ะซิจะบอกให้ดังนั้น อย่าปฏิเสธว่าไม่มีเวลาครับ ปีนี้ ดูเหมือนว่าท่านจะอายุ 95 แล้วมั๊ง คิดดูเอาก็แล้วกัน ท่านจะเหลือเวลาให้เรากราบอีกสักกี่ปีกัน



ไปคราวนี้ ผมโชคดี ท่านเมตตาให้ลูกศิษย์หยิบผ้ากราบออกมาจากย่ามข้างตัวท่านแล้วส่งให้มา 1 ผืน แถมบอก "มีลาภดี" มาเป็นสิริมงคลกับผมด้วย ใครไปไม่ถูกให้หาทางไปวัด "พนมยงค์" ให้ได้ก็แล้วกัน วัดศาลาปูนอยู่ทางเดียวกันครับ ออกจากตัวเมืองอยุธยาให้ไปทางป้ายบอกทางไป จ.สุพรรณ (ปากทางข้ามสะพานจะมีไก่ยักษ์ของพระนเรศวร 4 ตัว ยืนจังก้าเป็นสัญญลักษณ์อยู่) พอข้ามสะพานไป วัดอยู่ซ้ายมือ เลยทางเข้าวัดพนมยงค์ไป สัก 20 เมตรครับ (หรือจะเข้าทางวัดพนมยงค์ก็ทะลุไปวัดศาลาปูนได้เช่นกันแต่แนะนำให้เข้าทางที่สองดีกว่า)

อ้อ..เกือบลืม ในกุฏิท่าน มีหลวงพ่อแขนลายสมัยอยุธยาให้กราบไหว้ และเสี่ยงทายกันด้วยครับ



พันวฤทธิ์
15/5/54

 

คราวนี้ ถึงเวลาขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับทั้งสองท่านข้างบนนี้บ้างครับ สำหรับคุณธิติ นั้นไม่ต้องพูดถึง เรื่องหัวจิตหัวใจของคุณธิติทั้งภรรยาและคุณแม่สุดๆ อยู่แล้ว นับถือครับ ส่วนคุณเฟื่องฟ้า ชื่อนี้คุ้นๆ ตามาแล้ว คราวนี้ตามมาสมทบอีก ขอขอบคุณแทนพระสงฆ์ที่อาพาธที่ใช้ปัจจัยของทุกท่านหรือของท่านทั้งสองข้างต้นเพื่อใช้ในการรักษาท่านครับ สัปดาห์หน้า ผมจะเริ่มทยอยใบอนุโมทนาบัตรทั้งหลายมาให้ได้โมทนากันในกระทู้ครับ

ครูอาจารย์ผมบอกว่า เรื่องบุญเรื่องทานนั้น เมื่อยามยังมีโอกาส เวลา และมีปัจจัยที่พอทำได้ก็ให้รีบทำกัน เพราะจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ วันหนึ่งๆ จิตเราขึ้นสวรรค์หรือลงนรกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่หากจิตเราจับในตัวบุญที่เราทำเป็นประจำ เมื่อถึงคราวของเรา เมื่อจิตออกจากร่าง จิตก็จะจับไปในสิ่งที่นึกหรือทำเป็นประจำทันทึ ถึงนาทีนั้น หากเรานึกถึงบุญที่เราบริจาคช่วยสงฆ์อาพาธแล้ว และเป็นความอิ่มใจในบุญนั้น ผลบุญก็จะบันดาลไปในสิ่งที่ดี ดูในกูเกิลก็แล้วกันครับ แต่ในทางตรงกันข้ามก็เช่นเดียวกัน แต่ก็มีอีกเช่นกัน ที่จิตออกจากร่างในเวลาปัจจุบันทันด่วนจิตไม่ได้จับอะไรยึดไว้ ทำไงดี? ครูอาจารย์บอกว่า เวลาทำบุญต่างๆ ให้เรียกพระที่เรานับถือไม่ว่าจะเป็นพระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) หรือแม้กระทั่งท่านพระยายมราชเองนั่นแหละให้มาเป็นพยานบุญและโมทนาบุญให้เราด้วย ถึงเวลาไปยืนงงกับท่าน เดี๋ยวท่านจะมาแสดงตัวเองว่านี่ เขาเคยทำบุญกุศลอย่างนั้นๆ มา เขาเคยให้ฉันโมทนาบุญให้เขาด้วย ฉันเป็นพยานบุญได้ จิตของเราก็จะสบายไป ได้ไปอยู่ในภพภูมิตามเขตต์บุญของตนๆ นั้นครับ เรื่องงี้บอกไม่ได้เพราะไม่เคยเห็น แต่ถ้าทำอย่างที่ครูอาจารย์แนะนำ ให้นึกถึงท่านทุกครั้งที่ทำบุญ ครั้งละไม่ถึงสองนาที ไม่เสียหลายครับ เอาตามท่านว่านั่นแหละดี ขออนุโมทนากับทั้งสองท่านอีกครั้งหนึ่งครับ....




พันวฤทธิ์
15/5/54

​

 

ทีนี้ มาถึงเรื่องงานทำกิจกรรมของทุนนิธิฯ บ้างครับ ในเดือนนี้ กำหนดจัดกิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ในวันอาทิตย์ที่ 29/5/54 ซึ่งคราวนี้เป็นการทำบุญหลังจากที่ได้ก่อตั้งทุนนิธิฯ มาแล้วกว่า 3 ปี 5 เดือน และเช่นกัน ในการทำกิจกรรมคราวนี้ ก็จะมีพระปิดตาองค์น้อยคลุกรักแต่เดิม แต่ไม่ได้ปิดทองแต่มากด้วยคุณภาพแถมจี๊ดจ๊าดไม่เบาตามสไตล์ของจิตครูอาจารย์สมัยวังหน้าใน ร.5 แต่ที่สำคัญก็คือสำเร็จจากการอธิษฐานจิตทางอทิสมานกายจากท่านหลวงปู่ใหญ่พระธรรมฑูตโลกอุดรองค์ที่ 3 คือท่านหลวงปู่อิเกสาโรซะด้วย (ตรวจทางจิตโดย อ.ประถม อาจสาคร และครูอาจารย์ของผม) พร้อมกับพระพิมพ์สมเด็จเพดานโบสถ์วัดพระแก้วที่หย่อนงามไปนิดนึง ซึ่งผู้บริจาคพระชุดนี้มาให้คือคุณลุงวุฒิ ศิษย์รุ่นใหญ่ของท่าน อ.ประถมฯ อายุกว่า 70 ปี มอบให้ผมกว่า 2 ปี แล้ว นำมาให้บูชากันด้วย พระหลักร้อยต้นๆ ครับ ใครไม่มีก็หาเก็บกันไว้ รายได้ทุกบาททุกสตางค์เข้าทุนนิธิฯ เกลี้ยง รักษาสงฆ์อาพาธให้หมด เข้าทำนอง พระดีก็ได้ บุญดีก็ได้ ไม่เสียหลายครับ ใครไม่เคยไปร่วมกิจกรรมถวายสังฆทานอาหารให้แก่พระสงฆ์อาพาธบนตึกกัลญานิวัฒนา ก็ไปร่วมกันซะ ไปแล้วนำภาพที่เห็นมาพิจารณา ไปแล้วได้ถวายสังฆทานกับพระที่อาพาธพร้อมกับรับพรด้วยตัวท่านเอง บุญนั้นไม่ไปไหนหรอกครับ อยู่กับท่านนั่นล่ะ บุญที่ผมลงไว้ให้ดูในหน้าแรกของกระทู้นั่นล่ะ ตามข้ามภพข้ามชาติท่านไป ใช้เวลาตั้งแต่ 7.30 น.-9.45 น. ไปทำบุญกัน ไปนั่งคุยกัน ดูพระวังหน้าไปด้วย ดีกว่าไปเดินพารากอนเป็นไหนๆ ครับ

ติดตามกำหนดการการบริจาคเงินของทุนนิธิฯ ตามที่จะลงให้ทราบในสัปดาห์หน้าครับ

พันวฤทธิ์
15/5/54

 

อยากทำบุญบริจาคทรัพย์เพื่อ ซื้อโลหิตถวายแด่พระภิกษุสงฆ์อาพาธ พอจะมีบัญชีใหนโอนเข้าได้บ้างครับ

 

ถ้าหากจะระบุบัญชีเลย ไม่ทราบจริงๆ ครับ แต่ถ้าจะไปบริจาคด้วยตนเองที่ รพ.สงฆ์ สามารถระบุเจาะจงได้เลยว่าจะบริจาคอะไรบ้าง เช่นเวชภัณฑ์ส่วนกลาง จะเป็นการบริจาคเกี่ยวกับยารักษาโรค หรือจะบริจาคบำรุงค่าโลหิต เพื่อซื้อเลือดถวายพระสงฆ์ที่อาพาธและมีความจำเป็นต้องใช้เลือดในการรักษาเช่นการผ่าตัดต่างๆ หรือจะบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์ก็ได้ โดยบริจาคได้ที่อาคารรับบริจาคข้างๆ บริเวณอาคารทำพิธีแต่งงานหรือหอฉันฯ ครับ ทาง รพ.จะมี เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกอยู่แล้ว

แต่สำหรับทุนนิธิฯ เวลาที่ผมไปบริจาคเข้า รพ.สงฆ์ทุกเดือน ผมจะแบ่งดังนี้
1. บำรุงค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
2. บำรุงค่าโลหิต 5,000.- ครับ

ส่วนตาม รพ.ภูมิภาคอีก 8 แห่งที่ทุนนิธิฯ ให้การช่วยเหลือนั้น จะโอนเงินไปเป็นยอดรวม สุดแท้แต่ รพ.ต่างๆ จะไปรักษา โดยมีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือขอให้รักษาพระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ไม่อนุญาต เว้นแต่จะได้รับการพิจารณาจากทุนนิธิฯ เท่านั้น แต่ในกรณีสุดท้ายนี้ไม่เคยมีมาพิจารณาครับ เพราะ จนท.พยาบาลที่ติดต่อกันมากว่า 3 ปี เข้าใจดีว่าปัจจัยทั้งหมดมาจากการบริจาคของผู้ที่มีศรัึทธาทางกรุงเทพฯ และมีความตั้งใจที่จะรักษาท่านผู้มีศีลธรรมอันดีตามวัตถุประสงค์ของทุนนิธิฯ ที่กำหนดไว้แต่แรกที่บริจาคครับ

พันวฤทธิ์
16/5/54

 

พี่ปุ๊ก ผมว่าเดือนทที่แล้วโอนไป 400 บาทครับ ไม่น่าจะสองร้อยนะครับลองดูให้ด้วยนะครับผม

 

ภาพบรรยายของการทำบุญ

เนื่องในวันวิสาขบูชา 17 พฤษภาคม 2554 นี้



เริ่มต้นก็พี่ๆ ท่านไปมอบ TV Sony ให้ที่โรงเรียนครับ





ตามภาพจริงๆ นะ พร้อมเครื่องเล่น DVD 1 เครื่องครับ



ป้ายเตือนใจ ของโรงเรียนครับ



หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่วัดธรรมจักรเสมาราม



สถานที่กราบไหว้ของท่านเจ้าอาวาส องค์ก่อนครับ






ท่านประธานครับ



พี่แพนเค็ก ชาวคณะครับ



เพื่อนธรรม ญาติธรรม ชาวคณะครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 2





ช่วงนี้ก็เดินทางไปกราบขอพรพระ ณ ที่นี้กันครับ







ในบริเวณภายในครับ



ก็มีการตระเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน พร้อมกันนั้นก็จะมีการสวดมนต์ด้วยครับ

พี่ๆ ท่านเตรียมสมุดสวดมนต์มาให้กันด้วยครับ



เจ้าแมวที่อยู่บนองค์พระครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 3





พี่ท่านกำลังถวายของไหว้ครับ





ช่วงนี้เป็นการสวดมนต์กันครับ









และหลังที่พวกเรามาร่วมกันสวดมนต์ ก็มีพี่น้องบริเวณใกล้เคียงมาทำบุญกันด้วยครับ

ถวายดอกบัว ถวายธูปเทียนบูชา กราบไหว้ครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 4





หลังจากนั้นก็ไปศาลาที่ประดิษฐานพระธรรมจักรครับ














ซึ่งพวกเราก็มาสวดมนต์ ณ ที่ศาลากันเช่นเดิมครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 5



หลังจากนั้นพี่ๆ ท่านพามาที่วัดบ้านแก่นท้าวครับ









ก็มีการตระเตรียมพิธีการกันสักเล็กน้อยครับ



มีการพับดอกบัว ตระเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน เช่นเดิมเสมอมา







สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 6









บริเวณต่างๆ ภายในวัด



หลังจากที่ตระเตรียมของสักการะบูชา ก็มาตระเตรียมสวดมนต์กันครับ







เมื่อสวดมนต์กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้องเขาก็แจกพวงมาลัยนี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาครับ





สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 7





วัดสุดท้ายที่มากราบไหว้บูชาครับ

















สุดท้ายก็เป็นภาพดอกบัวที่นำมากราบไหว้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่วัด

และลอยบนสระน้ำครับ

สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end -->

 

ภาพบรรยายการทำบุญ เนื่องในวันวิสาขบูชา 54 ตอนที่ 8



หลังจากนั้นพี่ท่าน ก็นำมาไหว้ศาลหลักเมืองนครราชสีมา ในภาพครับ





ณ บริเวณใกล้ๆ กัน ก็มีพระศักดิ์สิทธิ์ด้วยครับ









สุดท้ายก็เป็นรอยพระพุทธบาทที่เป็นหินทราย แต่มีการบูรณะสร้างครอบองค์เดิมครับ



เราจึงไม่เห็นครับ ลักษณะเดิมๆ อยู่ครับ ว่าเก่านานมากขนาดไหน


ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ เป็นวันหนึ่งในรอบปี 54 ที่ดีครับ

ขอขอบคุณ พี่ๆ ท่าน ที่นำพา ทำบุญดี

ขอขอบคุณ แง่คิด นำจิต ทำใจ ให้ปฏิบัติ ที่เหมาะสม

ขอขอบคุณ พี่ๆ ท่าน ทั้งหลาย คลายกังวล

ขอขอบคุณ ทุกๆ คน ที่ร่วมกัน สร้างสรรค์ สิ่งดีงาม

ขอขอบคุณ ทุกๆ ท่าน ที่ร่วมกันบุญนี้


ขอกราบขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ที่ได้ล่วงเกินไปโดยมิได้เจตนา หรือเจตนาผิดไปด้วยครับ


และขอให้ทุกท่านที่มิได้ไปกราบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนี้
ได้เดินทางไปกราบ เคารพ สักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล
แก่ตนเอง และครอบครัวครับ
เพื่อความสุข เจริญ ก้าวหน้าต่อไปครับ

สาธุครับ

 

สวัสดีครับ เมื่อวาน 17/05/11 10:28 ผมได้โอนเงินเข้าบัญชี 3481232459 จำนวน500 บาท ทำบุญสงเคาะห์สงฆ์อาพาธครับ

โมทนาบุญทุกประการครับ

 

เมื่อวาน 18/05/11 16.53 โอนเงินเข้าบัญชี 3481232459 จำนวน300 บาท
ร่วมบุญสงฆ์อาพาธค่ะ

 

วันนี้เวลา13.05 น.ได้โอนเงินเข้าไปร่วมทำบุญสงฆ์อาพาธ 300 บาท โดยรวบรวมจากพี่ๆน้องๆ คนละนิดละหน่อย....โมทนาบุญด้วยครับ

 

หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมถึงมีรูปภาพข้างต้นลงมาเยอะมาก เกิดอะไรขึ้น ก็ต้องบอกไปว่า เมื่อวันวิสาขะที่ผ่านมา คณะของทุนนิธิฯ บางส่วน รวมทั้งตัวผมเองและครอบครัว ได้มีโครงการธรรมะสัญจรไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ซึ่งในอดีตเป็นเมืองที่สำคัญสมัยทราวดี หรือราว 2 พันปีมาแล้ว ประติมากรรมต่างๆ ที่ทางคณะฯ ได้ไปกราบไหว้ ไปถวายสักการะบูชาด้วยเครื่องไทยทานและปฏิบัติบูชานั้น มิใช่ไปโดยไม่มีจุดหมาย แต่การไปในแต่ละสถานที่ จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำไปถึงได้เจอ (ยกเว้นพระนอนที่วัดธรรมจักรที่ทางคณะพบเข้าโดยบังเอิญจากรูปถ่ายร้านค้าในตัว อ.สูงเนิน จึงได้ถามทางไปกราบท่านมาครั้งหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้) เช่น อโรคยาสถานซึ่งมาสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งในสถานที่แห่งนี้ จะมีสระน้ำสี่เหลี่ยมโดยที่ก้นสระมีศิลาหรือหินที่บรรจุพระคาถาสำหรับอธิษฐานเป็นพลังรักษาโรคได้ หรือฐานพระบรมธาตุที่เคยประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นต้น นับว่าเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่พุทธบริษัทอย่างเราท่านควรไปสักการะบูชา เพราะเมืองเก่าที่ อ.สูงเนินนั้น ในสมัยทราวดีมีความสำคัญมาก คุณใจสติปัญญาจึงได้ถ่ายรูปนำมาให้ชมกัน และเช่นเดียวกัน หากใครมีสัมผัสที่ดี ก็จะรู้ได้เองว่า พลังแห่งพุทธบารมีในแต่ละที่นั้นเข้มข้นเพียงใด ชาวคณะฯ จึงได้ตกลงปลงใจเดินทางไปสักการะบูชา ซึ่งรวมระยะทางไป-กลับแล้วราว 600 กม. พอๆ กับ เดินทางไปจาก กทม.ถึงเชียงใหม่เลยทีเดียว หากท่านใด มีโอกาสก็เชิญไปให้ได้สักครั้งหนึ่งก็แล้วกันเพราะไปดูสถานที่แต่ละแห่งก็จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าในประติมากรรมเหล่านี้ และนับว่าเป็นสิริมงคลกับชีวิตไม่น้อยเช่นกัน


ท้ายนี้ ผมขอนำใบอนุโมทนาบัตรและสรุปรายการการใช้จ่ายเงินของเดินเมษายนที่ผ่านมาเท่าที่ผมได้รับมาในสัปดาห์นี้ นำมาลงเพื่อเป็นหลักฐานในการบริจาค และให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการบริจาคปัจจัยผ่านทุนนิธิฯ นี้ ได้โมทนาบุญกันครับ ขอสวัสดี

​