ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

อนุโมทนากับคุณโมเย ที่กรุณานำคลิปนี้มาเผยแพร่ ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆเลยครับ ทุกท่านคงรู้สึกและรับรู้ได้เองนะครับ สำหรับผมรับตรงๆว่าเลือดลมไหลพล่านดีครับ

 

นำบุญกลับมาฝากเจ้าค่ะ ปฎิบัติธรรมในป่าช้าวัดป่าศรีมงคล ทุกอย่างเป็นปกติสัมผัสถึงสิ่งดีๆ

ไปปฎิบัติธรรมหน้าโลงแก้วของปู่ใหญ่นามน ละสังขารเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๓ โดยมิได้ฉีดฟอร์มาลีน ร่างท่านยุบไปซื่อๆ ยุบไปเฉยๆ ไม่เน่า ไม่เหม็น ทางญาติจึงทำศาลาสำหรับโลงแก้วนี้ไว้ในป่าช้า

ตอนไปถึงป่าช้าวัดป่าศรีมงคลเที่ยงวันแล้ว พอดีโมเยโทรเข้ามือถือเวลานั้นพอดี กำลังอยู่กลางป่าช้า

โมเยบอกมาทางสายว่า : คุณเจ๊ หนูได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้อ่ะ ผ่านโทรศัพท์เข้าไป
คุณเจ๊ : อ้าว เอ้ย อย่าพูดดิ คุณเจ๊กำลังนั่งอยู่กลางป่าช้านะ คุณน้องพูดจนคุณเจ๊ขนลุกไปหมดแล้ว
โมเยบอกอีก : หนูได้ยินจริงๆนะคุณเจ๊ ร้องแบบเนี๊ยะ ฮึก.. ฮึก.. สะอึกสะอื้น อ่ะ
คุณเจ๊ : พอ พอ โมเย คืนนี้คุณเจ๊ต้องมานั่งปฎิบัติธรรมที่นี่ด้วย จากไม่กลัวๆ เริ่มจะกลัวแล้วเนี่ย
โมเย : ไม่เป็นไรคุณเจ๊ หนูบอกเขาไปแล้วว่าอย่าเสียใจเลย ขอให้อโหสิกรรม อย่าติดอยู่ในความทุกข์อีกเลย
คุณเจ๊ : จ้าคุณน้อง ดีมาก คุยให้เจ๊แล้วใช่ไหม เขารู้เรื่องแล้วใช่ไหม
โมเย : คุยแล้วค่ะ เขาคงจะเข้าใจ
(บรื๋อ โมเยบอกว่าคงจะเข้าใจ หมายความว่า 50:50 หล่ะหนาคืนนี้ )


ตอนเย็นได้พบอาจารย์ พระมหารอนสัน ท่านนี้เป็นพระที่ไปประจำอยู่ที่มาเลย์เซีย ๘ ปีพูดธรรมะเป็นภาษาอังกฤษสบายบื๋อ พระมหารอนท่านจบปริญญาเอกจากอินเดียด้วย ปัจจุบันเป็นรองเจ้าคณะอำเภอบุณฑริก พระมหารอนนี้มีนัดกับญาติโยมคนหนึ่งจากต่างประเทศ เขาโทรมาหาพระมหารอนบอกว่า สมเด็จพระนเรศวรท่านให้ตามหาทหารเอกคนหนึ่ง มันกล้ามาก อาสาตายแทนท่านได้ พระมหารอนก็ถามโยมต่างประเทศคนนั้นว่า สมเด็จพระนเรศวรเรียกทหารคนนั้นว่าอย่างไรหล่ะโยม โยมต่างประเทศบอกมาจากที่เขาสัมผัสได้ ท่านพูดว่า "มันชื่อ ไอ้หน้าเหลี่ยม" (คุณรุ้งหันมาพยักหน้า เห็นไหมที่เคยบอกไว้ว่า สมเด็จท่านชอบตั้งสมญานามให้ทหารท่าน ตั้งไปตั้งมาหลายชื่อเข้า พระองค์ท่านยังจำสับกันเองก็มี... พระบารมีปกเกล้าฯ) พระมหารอนบอกจะใช่อาตมาหรือโยม คงไม่ใช่หรอก โยมต่างประเทศก็ยังยืนยันว่าเขาว่าใช่ จึงนัดจะมาวัดศรีมงคลเพื่อเจอพระมหารอนวันที่ ๒๘ มีนาคมปีหน้า เพื่อจะมายืนยันกันเรื่องนี้ .... เรื่องนี้พระมหารอนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโยมต่างประเทศคนหนึ่งกับตัวท่าน ซึ่งจะมาเจอกันเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

เรื่องพวกนี้เล่าสู่กันฟังนะคะ ไม่มีหลักฐานยืนยัน ที่แปลกก็คือไปถึงวัดป่าฯต่างจังหวัดไกลๆยังได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทหารพระองค์ดำ น่าจะกลับมาเกิดกันเยอะ รับใช้ชาติ รับใช้พระศาสนา รับใช้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง

ต่อภพต่อชาติก็ไม่เคยลืมหน้าที่ สาธุ สาธุ สาธุ

 

บรรยากาศรอบๆศาลา บริเวณป่าช้า วัดป่าศรีมงคล ต.โพนงาม อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี

 

โมเย ดูแล้วพี่คุ้นๆ นึกออกแล้ว พี่เคยเอาคลิปนี้มาลงแล้วที่หน้า 159 ของเขาดีจริงๆ สวยจริงๆค่ะ

<TABLE id=post4120751 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> 07-12-2010, 10:06 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #3170 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4120751", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 2,081
พลังการให้คะแนน: 577


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4120751 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->KING NARESUAN THE GREAT<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->

KING NARESUAN THE GREAT

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=EHOH9nR7KGs&feature=related"]YouTube - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/ame]

<TABLE style="MARGIN: 10px 0px" class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 425><THEAD><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tcat colSpan=2>[ame="http://www.youtube.com/watch?v=EHOH9nR7KGs&feature=related"]YouTube - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/ame] </TD></TR></THEAD><TBODY><TR><TD class=panelsurround align=middle><EMBED height=350 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/EHOH9nR7KGs allowfullscreen="true" wmode="transparent"></EMBED></TD></TR></TBODY></TABLE>​

รับชมคลิปนี้ดูนะคะ เหมือนมีชีวิตและสามารถปลุกกำลังใจคนไทยให้ลุกขึ้นสู้ โดยดูพระองค์ท่านเป็นตัวอย่างค่ะ​

<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ท่านเจ้าคุณหลวงตาจันทร์ เจ้าคณะอำเภอบุณฑริก เรียกท่านว่า อาจารย์เคน ผ้าขาวน้อย เคนในภาษาอีสานแปลว่าอาจารย์

ฉายาท่านเมื่อสมัยบวชคือ พระบุญญฤทธิ์ ปัญญาวุฒโท

คนแถวนั้นเรียกท่านว่า ปู่ใหญ่นามน (ท่านสึกออกมาครองเพศฆราวาสเกือบสิบปีก่อนจะละสังขาร)

ท่านละสังขารด้วยวัย ๔๙ ปี ร่างแห้งไปเฉยๆ ตอนนี้ร่างเป็นสีทอง ปีหน้ารับทราบมาว่าทางญาติๆท่านจะชำระฝ้าต่างๆบนร่างจะได้เห็นทั้งร่างทั้งองค์เป็นสีทอง

 

คลิปวีดีโอนี้สร้างโดย คุณพี่ษา ณ เสนา อรุโณทัย
นักเขียนหนังสือ มากกว่ารักจากวีรบุรุษยะลา ค่ะ

 

ขอถวายงานเขียนที่ทำขึ้นมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และน้ำตา เพื่อเป็นเกียรติ์แก่นักรบพระองค์ดำ ผู้ที่ยังรักและซื่อสัตย์ต่อพระองค์ท่าน แม้กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปนับร้อยปี ขอพระองค์ท่านคุ้มครองพวกเขาทุกนาย..ด้วยเ<WBR>หมือนดั่งที่เคย...

ขออนุญาติพี่ษา นำมาเผยแพร่นะคะ

 

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณโมเยที่ได้กรุณานำมาเผยแพร่เพื่อให้พวกเราได้รำลึกถึงเหล่าผู้กล้า นักรบพระองค์ดำผู้ที่ได้ทอดกายถวายชีวิตเป็นราชพลี แม้นกาลเวลาจะผ่านพ้นไปหลายร้อยปีก็ตาม พวกเราก็ยังคงระลึกถึงท่านทั้งหลายเหล่านี้โดยมิรู้ลืม เราขอสัญญาว่าตราบแผ่นดินจะกลบกายพวกเราก็จะจดจำและระลึกถึงพวกท่านทั้งหลายตลอดไป

และขอถือโอกาสขอบคุณท่านเจ้าของผลงาน" มากกว่ารัก...จากวีรบุรุษยะลา" คุณ ณ เสนา อรุโณทัย มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ (โดยส่วนตัวผมได้ซื้อหนังสือดังกล่าวมาแล้วเล่มหนึ่ง )

 

ถูกต้องครับ พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ต.อินทขิล อ.แม่แรม เลยแม่ริมออกไปไม่ไกลเลยครับ

 

กระทู๋นี้ได้รับความกรุณาจากท่าน พลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ แจ้งให้ทราบว่า จะมีการแสดง แสง สี เสียง ในเรื่องสงครามยุทธหัตถี ที่บริเวณด้านหน้าค่ายสุรสีห์
จังหวัดทหารบก (จทบ.)กาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554 จะเริ่มในเวลาประมาณพลบค่ำเป็นต้นไป โดยมีท่าน พลตรีณัฐ อินทรเจริญ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี เป็นผู้อำนวยการจัดการงาน
แสดงแสง สี เสียง ในครั้งนี้ ท่านผู้สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรงกับค่ายสุรสีห์เลยนะครับ อนึ่งหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะได้แจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

 

อยากไปดูแสงสีเสียงค่ะ ไม่รู้ว่าวันที่ 25 มกราคม ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ไหมนะคะ จะได้ไปได้ค่ะ


ความรู้ที่เก็บเกี่ยวจากการไปเที่ยวอุบลฯครั้งนี้ได้ความรู้เรื่องเมืองบาดาล

เมืองบาดาลแบ่งออกเป็น ๑๔ โซนหรือ ๑๔ ดาล โดยดาลต่างๆแบ่งแยกตามบารมีธรรมของพญานาค แต่ละดาลใหญ่โตเหมือนเป็นประเทศหนึ่ง ทางลงไปไหว้พระแก้วจุฬามณีอยู่ที่หนองคายซึ่งเป็นทางลงใหญ่สุด ดาลสุดท้ายก่อนเป็นมนุษย์ชื่อ ดาลมรกต ความรู้พวกนี้มาจากการนั่งสมาธิปฎิบัติของนักปฎิบัติเขาจึงเล่าให้ฟังค่ะ

ดังนั้นจึงเป็น ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นดาล

เป็นความเชื่อของคนในพื้นที่โปรดใช้วิจารญานในการอ่านค่ะ

 

รอยพระพุทธบาทรอยที่ถ้ำผาพวงและที่ผาแต้ม

รอยพระพุทธบาทที่ ๖ วัดถ้ำผาพวง


<TABLE style="WIDTH: 472px; HEIGHT: 340px" width=472><TBODY><TR><TD vAlign=top width="95%" colSpan=2>
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%" align=right> </TD><TD vAlign=top width="45%" align=middle></TD><TD vAlign=top width="50%">วัดถ้ำผาพวง
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่ทราบว่าตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดโดยเริ่มมีหลักฐานเมื่อปีพ.ศ. 2492 บางคนที่ไปเที่ยวจะถ่ายรูปไม่ติดจะต้องมีการขออนุญาตก่อนที่จะถ่ายรูป และในบริเวณวัดจะมีรอยพระพุทธบาทประทับอยู่บนลานหินด้วย
ตำบลตำบลหนองผือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี</TD></TR></TBODY></TABLE>



รอยพระพุทธบาทรอยที่ ๗ ที่ผาแต้ม

รอยพระพุทธบาท ณ บ้านท่าล้ง
เป็นร่องฝ่าเท้าประหลาดขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายรอยฝ่าเท้าด้านขวา ของมนุษย์ ซึ่งปรากฏอยู่บนลานหินทรายในบริเวณวัดท่าล้ง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ประมาณ 7 กิโลเมตร รอยฝ่าเท้ามีขนาด97 เซนติเมตร กว้าง 38 เซนติเมตร ลึก 2.3เซนติเมตร ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทนี้ได้มีการพบเห็นรอยเท้านี้ก่อนมีการสร้างวัด และก่อตั้งหมู่บ้านมานานกว่า 400 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานของของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมศิลปากรในการตรวจสอบประวัติความเป็นมา




ได้รับการบอกเล่าว่าเป็นรอยพระพุทธบาทรอยที่ ๖ และรอยที่ ๗ จากคนในพื้นที่นะคะ แต่ทางสายธาตุยังไม่ได้ค้นหาข้อมูลว่ารอยพระพุทธบาทรอยที่ ๑ ถึง ๕ อยู่ที่ไหนบ้างนะคะ

 

กฤษฎาภินิหาร อันบดบังมิได้ "


ประโยคหรือวลี อมตะนี้คงเป็นที่คุ้นตาและคุ้นหูกันดี แต่คงจะมีจำนวนไม่น้อยที่ยังอาจจะไม่ทราบที่มาและที่ไป บางท่านอาจจะพอทราบอยู่บ้าง ก็ขอถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ระหว่างนี้ก็ลองเดาๆและทบทวนความจำกันไปพลางๆก่อนนะครับ

....วัน วลิต เขียนไว้ว่าภายหลังจากที่พม่ายึดได้กรุงศรีอยุธยาแล้ว บรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายที่ขึ้นแก่กรุงศรีอยุธยาทั้งไกลและใกล้ ก็เข้ามาภวายบังคมพระเจ้าหงสาวดีจนสิ้น และเมื่อพระเจ้าหงสาวดีได้จัดการพระนครให้ราบคาบแล้ว ก็ยาตราทัพกลับคืนไปเมืองหงสาวดี ให้เอาองค์พระนเรศวร์ พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาที่ได้ปราบดาภิเษกขึ้นใหม่นั้นไปด้วย ขณะนั้นพระนเรศวร์ยังทรงพระเยาว์ มีพระชันษาเพียง 13 ขวบปี

เรื่องนี้ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวว่าเรื่องพระเจ้าหงสาวดีเอาพระนเรศวรเป็นเจ้าไปเป็นตัวจำนำ ไม่มีปรากฎในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับใดเลย มีแต่กล่าวถึงเรื่องนี้แต่ในคำให้การชาวกรุงเก่า และคำให้การขุนหลวงหาวัด ในปาฐกถาเรื่องพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพนั้น สมเด็จฯ ได้รับสั่งว่า พระเจ้ากรุงหงสาวดีตรัสขอ "พระองค์ดำ" ไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรม คือเป็นตัวจำนำนั่นเอง ซึ่งก็น่าจะเป็นความจริง เพราะเมื่อกรุงศรีอยุธยาต้องยอมแพ้แก่พม่าเป็นครั้งแรกในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจ้ากรุงหงสาวดีก็ขอเอาพระราเมศวร ซึ่งเป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ไปไว้ยังกรุงหงสาวดีเช่นกัน สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ตรัสว่าเมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปยังกรุงหงสาวดีนั้นมีพระชันษาได้ 9 ปีเท่านั้น จนพระชันษาได้ 15 ปีจึงได้เสด็จกลับมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อช่วยราชการ พระมหาธรรมราชาได้ถวายพระสุวรรณเทวีพระราชธิดาองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของสมเด็จพระนเรศวร เป็นพระมเหสีพระเจ้าหงสาวดี เรื่องพระสุวรรณเทวีนี้ไม่มีปรากฎในพระราชพงศาวดารไทย แต่มีปรากฎในพงศาวดารพม่าและในคำให้การชาวกรุงเก่า ซึ่งเรียกว่าพระสุวรรณกัลยา....

 

ข้อนี้ก็คือการขอแลกเปลี่ยนตัวจำนำจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาเป็นพระพี่นางสุวรรณกัลยา หรือพระสุพรรณกัลยา ที่ชาวไทยเราในสมัยนี้รู้จักกันดี และเข้าใจถึงความเสียสละของพระพี่นางสุพรรณกัลยาที่ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สมเด็จพระนเรศวรกลับคืนมาเพื่อจักได้ทำงานใหญ่ต่อไปในภายภาคหน้า นั่นก็คือการกอบกู้ชาติบ้านเมือง

ข้อสังเกต ในขั้นตอนของการแลกเปลี่ยนตัวจำนำในครั้งนี้นั้น ดูพม่าเองก็ไม่
ไคร่จะไว้วางใจฝ่ายไทยสักเท่าใด โดยจะเห็นได้จากการที่พระเจ้ากรุงหงสาวดียอมให้สมเด็จพระนเรศวรเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาได้ ภายหลังจากที่พระสุพรรณกัลยา ได้เสด็จไปประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดี (ในฐานะเป็นตัวจำนำ)แล้ว ถ้าจะมองอีกมุมหนึ่งก็ต้องถือว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยที่พระเจ้าบุเรงนองทรงรักษาพระวาจาตรัสแล้วไม่คืนคำ

 

วันนี้น้องทำงานเป็นวันสุดท้ายของปีแล้วเจ้าค่ะ
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้พี่ๆและครอบครัว
ประสบแต่ความสุขความเจริญสุขภาพสมบรูณ์แข็งแรง ทุกๆ ท่านนะคะ

ระลึกถึงทุกๆ ท่านเสมอค่า

 

ระลึกถึงน้อง kib-kae เช่นเดียวกัน ในโอกาสขึ้นปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงในไม่ช้าถ้าน้องยังกำลังวางแผนว่าจะไปปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับพี่ๆเค้า และยังไม่ตัดสินใจว่าควรจะเป็นที่ใด ขอเสนอแนะให้ไปที่วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ที่แม่แตง นะครับ ไม่ไกลจากแมริมไม่เท่าไร (อยู่ใกล้เกลือเราต้องกินเกลือเนาะ เรื่องอะไรจะเลือกไปกินด่าง จริงปล่าว)[/QUOTE]
**************************

ขออนุญาตคุณจงรักภักดี ยกมือสนับสนุน และกล่าวอนุโมทนาค่ะ
ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านเป็นพระอริยะสายหลวงปู่มั่น โดยเคยเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่เทสก์ เทสฺรงฺสี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ส่วนองค์อื่นๆ เช่น อาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ครูบาอินทจักรรักษา อินฺทจกฺโก หลวงปู่สาม อกิญฺจโน พระอาจารย์วัน อุตฺตโม หลวงปู่แว่น ธนปาโล หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต ฯลฯ แค่ชื่อครูบาอาจารย์ที่ยกมาก็มงคลสุดๆแล้วค่ะ

คุณจงรักภักดีบอกน้อง kib-kae อยู่ใกล้เกลือต้องกินเกลือ จะไปกินด่างทำไม (โอ้โฮ คำนี้ลึกซึ้ง และเห็นภาพชัดมากค่ะ) แต่คนที่ไกลเกลือ ก็อย่าพึ่งไปทนกินด่างนะคะ ใจเย็น ๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน... เราก็สามารถหาเกลือกินได้

โดยปกติท่านพระอาจารย์มักจะลงมาโปรดลูกศิษย์ญาติโยมที่กรุงเทพฯเหมือนกัน เวลาลงมาบ่อยครั้งที่ท่านจะไปพำนักที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ซึ่งทางวัดจัดให้มีกุฏิรับรองท่านอยู่ ตัว ดอกไม้เมืองบน เอง ก็เคยไปหาเกลือกินที่วัดนี่แหละค่ะ เวลาไม่ได้ไปกราบที่วัดอรัญญฯ

ถ้าทราบว่าท่านลงมาเมื่อใดจะนำข่าวมาแจ้งผ่านที่นี่นะคะ ใคร ๆ ก็ไปได้ บารมีเมตตาท่านสูง ท่านอายุ 77 ปีแล้ว แต่ดูยังหนุ่ม แข็งแรง เสียงดังฟังชัด ที่เคยมีผู้กล่าวว่า ผู้ที่บำเพ็ญปฏิบัติครองตนอยู่ในทางสายธรรมนั้น มักไม่ค่อยแก่ ซึ่งเราจะสามารถเห็นสัจจวาจานี้ได้ชัดจากผู้ทรงศิลทั้งสมณ และฆราวาสหลาย ๆท่าน และท่านพระอาจารย์เปลี่ยนก็เป็นอีกท่านที่พิสูจน์ให้เห็นได้ ถ้าใครได้พบท่านจะเห็นว่า กี่ปี กี่ปี ท่านก็เหมือนคงที่ จัดเป็นพระสุปฏิปันโน ที่ควรหาโอกาสกราบอีกท่านหนึ่งของยุคนี้ค่ะ

 

************************
แม้ต่างกันเพียงใด..ในความจริง
แต่มีสิ่งทียิ่งใหญ่..ให้..เรา..เหมือน
คือสำนึกแห่งวิญญาณ..มิลบเลือน
ถึงกาย..เคลื่อน จิตจดจาร..แสนมั่นคง

แม้เพียงภาพ..จำลอง.. ยังก้องกึก
ร้าวรำลึก...หวนอดีต..คิดใหลหลง
เสียงช้าง..ม้าศึก กัมปนาท ดาบ..ฟาดลง
ไทยจึงคงมีวันนี้....ที่ควรจำ

เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม
ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์

 

**************************

ขออนุญาตคุณจงรักภักดี ยกมือสนับสนุน และกล่าวอนุโมทนาค่ะ
ท่านพระอาจารย์เปลี่ยนปัญญาปทีโป ท่านเป็นพระอริยะสายหลวงปู่มั่น โดยเคยเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่เทสก์ เทสฺรงฺสี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ส่วนองค์อื่นๆ เช่น อาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ครูบาอินทจักรรักษา อินฺทจกฺโก หลวงปู่สาม อกิญฺจโน พระอาจารย์วัน อุตฺตโม หลวงปู่แว่น ธนปาโล หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต ฯลฯ แค่ชื่อครูบาอาจารย์ที่ยกมาก็มงคลสุดๆแล้วค่ะ

คุณจงรักภักดีบอกน้อง kib-kae อยู่ใกล้เกลือต้องกินเกลือ จะไปกินด่างทำไม (โอ้โฮ คำนี้ลึกซึ้ง และเห็นภาพชัดมากค่ะ) แต่คนที่ไกลเกลือ ก็อย่าพึ่งไปทนกินด่างนะคะ ใจเย็น ๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน... เราก็สามารถหาเกลือกินได้

โดยปกติท่านพระอาจารย์มักจะลงมาโปรดลูกศิษย์ญาติโยมที่กรุงเทพฯเหมือนกัน เวลาลงมาบ่อยครั้งที่ท่านจะไปพำนักที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ซึ่งทางวัดจัดให้มีกุฏิรับรองท่านอยู่ ตัว ดอกไม้เมืองบน เอง ก็เคยไปหาเกลือกินที่วัดนี่แหละค่ะ เวลาไม่ได้ไปกราบที่วัดอรัญญฯ

ถ้าทราบว่าท่านลงมาเมื่อใดจะนำข่าวมาแจ้งผ่านที่นี่นะคะ ใคร ๆ ก็ไปได้ บารมีเมตตาท่านสูง ท่านอายุ 77 ปีแล้ว แต่ดูยังหนุ่ม แข็งแรง เสียงดังฟังชัด ที่เคยมีผู้กล่าวว่า ผู้ที่บำเพ็ญปฏิบัติครองตนอยู่ในทางสายธรรมนั้น มักไม่ค่อยแก่ ซึ่งเราจะสามารถเห็นสัจจวาจานี้ได้ชัดจากผู้ทรงศิลทั้งสมณ และฆราวาสหลาย ๆท่าน และท่านพระอาจารย์เปลี่ยนก็เป็นอีกท่านที่พิสูจน์ให้เห็นได้ ถ้าใครได้พบท่านจะเห็นว่า กี่ปี กี่ปี ท่านก็เหมือนคงที่ จัดเป็นพระสุปฏิปันโน ที่ควรหาโอกาสกราบอีกท่านหนึ่งของยุคนี้ค่ะ
[/QUOTE]

สาธุ ขออนุโมทนาครับคุณดอกไม้เมืองบน ผมก็เห็นเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกันครับ เมื่อ วันที่ 7/8 ธ.ค.53 นี้เองผมได้มีโอกาสไปปฏิบัติภาวนาที่วัดอรัญญวิเวกแห่งนี้ และโชคดีได้มีโอกาสพบและกราบท่าน ท่านได้มีเมตตาพูดคุยด้วย ทั้งๆที่อยู่ในระยะที่หมอห้ามใช้เสียงด้วยสาเหตุอาการเจ็บคอ ซึ่งในช่วงหนึ่งท่านได้พูดถึงเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ทำนองว่าโรคหลายๆโรคก็มีสาเหตุสำคัญมาจากเจ้ากรรมนายเวรด้วยเหมือนกัน เราจะต้องทำความดีจนกว่าเขาจะยินยอมยกโทษให้ นี่ผมก็พยายามเรียบเรียงมาถ่ายทอดสู่กันฟัง ก็เอาแต่เนื้อๆก็แล้วกันนะครับ แล้วท่านก็ได้ยกตัวอย่างของตัวท่านเองว่า เหตุที่เจ็บคอนั้นเป็นเพราะสมัยหนึ่งท่านได้บีบคอไก่ ไก่มันก็คงจะเจ็บปวดทรมานและโกรธแค้นอาฆาต ในวันนั้นมีผู้ร่วมฟังอยู่ด้วยรวม 5 คนครับ

ขอขอบพระคุณที่คุณดอกไม้เมืองบนช่วยกรุณารับเป็นธุระที่จะแจ้งให้พวกเราได้ทราบในโอกาสที่หลวงพ่อท่านจะลงมาที่กทม.ครับ

 

"ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์"

ใช่เลยครับ เป็นความรู้สึกอย่างนี้จริงแท้แน่นอนครับ ขอขอบคุณครับ