เปิดจองรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ รุ่น 2 ร่วมสร้างหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ หน้า 22

ขอเชิญสั่งจองรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เพื่อต่อยอดบุญสร้างพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)องค์ใหญ่


ขอเชิญท่านที่มีความศรัทธาในองค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมบูชารูปเหมือนหลวงปู่ดู่ขนาด 5 นิ้ว ในลักษณะท่านั่งห้อยขา เพื่อหาปัจจัยต่อยอดบุญสร้างพระพุทธสิริสัตตราช (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์) ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว (หรืออาจจะใหญ่กว่านี้) ถวายแด่หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต
<O
โดยรูปหล่อหลวงปู่ดู่นี้จะจัดสร้างจำนวน 100 องค์ บูชาองค์ละ 2500 บาท
ท่านที่สนใจร่วมบุญบูชารูปหล่อหลวงปู่ดู่ เพื่อต่อยอดบุญสร้างพระพุทธสิริสัตตราชในครั้งนี้ สามารถสั่งจองได้ที่กระทู้นี้และโอนเงินได้ที่
<O</O
<O

ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเซ็นทรัลเวิล์ด
เลขที่ 879-0-00934-7 สะสมทรัพย์
ชื่อบัญชี นายวีระยุทธ ยุทธกลาง<O></O>​

 

หุ่นต้นแบบหลวงปู่ดู่ครับ ช่างปั้นไปประมาณ 90 % แล้วครับ

 

ผมได้เอารูแผ่นเงินบางส่วนที่ได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์อธิษฐานจิตจารแผ่นยันต์เพื่อเป็นชนวนมวลสารในการหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ในครั้งนี้มาลงให้ชมกัน


๑.หลวงปู่เกษม(อั๊บ) เขมจาโร วัดท้องไทร นครปฐม
๒.หลวงตาขวัญ ปิยสีโร วัดสามง่าม นครปฐม
๓.พ่อท่านน้อม สุราษฎร์ธานี
๔.หลวงปู่บุญฤทธิ์ปณฺฑิโต ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ นนทบุรี
๕.หลวงปู่สมภารปญฺญาวโร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม หนองคาย
๖.หลวงปู่คำบ่อฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล สกลนคร
๗.หลวงปู่เจริญญาณวุฑฺโฒ วัดถ้ำปากเพียง เชียงใหม่
๘.หลวงพ่อชำนาญอุตตมปัญโญ วัดบางกุฏีทอง ปทุมธานี

ท่านใดมีจิตศรัทธาที่จะร่วมส่งชนวนโลหะแผ่นจารยันต์ครูบาอาจารย์ต่างๆมาร่วมบุญหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ในครั้งนี้ก็สามารถที่จะส่งมาร่วมบุญกันได้นะคับ
<!-- google_ad_section_end -->

 

ประวัติ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา

ชาติภูมิ

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง เป็นวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ณ บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อ พุด โยมมารดาชื่อ พ่วง นามสกุล หนูศรี มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 3 คน ตัวท่านเป็นคนสุดท้อง เมื่อหลวงพ่อถือกำเนิดได้ไม่นาน มารดาของท่านก็เสียชีวิต และเมื่อท่านอายุได้ 4 ปี บิดาของหลวงพ่อก็เสียชีวิตอีก ทำให้หลวงพ่อกำพร้าตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านจึงได้อาศัยอยู่กับยาย และ พี่สาวชื่อ สุ่ม เป็นผู้ดูแลเอาใจใส่ เมื่อท่านถึงวัยที่ต้องศึกษา ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดกลางคลองสระบัว วัดประดู่ทรงธรรม และวัดนิเวศธรรมประวัติ ตามลำดับ

เมื่อตอนที่ท่านยังเป็นทารกมีเหตุอัศจรรย์ที่ทำให้เชื่อว่าท่านจะต้องเป็น ผู้มีบุญวาสนามาเกิด คือในช่วงหน้าน้ำหลาก คืนหนึ่งขณะที่บิดาและมารดากำลังทำขนมอยู่นั้น มารดาท่านได้วางตัวท่านไว้บนเบาะนอกชานบ้าน แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปน้ำ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ตัวท่านกลับไม่จมน้ำ กลับลอยน้ำไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัขที่บ้านเลี้ยงไว้ มาเห็นเข้าจึงเห่าและวิ่งกลับไปกลับมา มารดาท่านจึงสงลัยว่าคงจะมีเหตุการณ์ผิดปกติ จึงได้ตามสุนัขออกมาดู ก็พบท่านลอยน้ำอยู่ติดกับข้างรั้ว

อุปสมบท

เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันอาทิตย์แรม 4 ค่ำ เดือน 6 ณ อุโบสถวัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า “ พรหมปัญโญ ”

ศึกษาธรรม

ในพรรษาแรกๆ นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัด ประดู่ทรงธรรม (ในสมัยนั้นเรียกว่าวัด ประดู่โรงธรรม) โดยศึกษากับ ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) เป็นต้น
ในด้านการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ ศึกษา กับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ผู้เป้นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงพ่อเภา ซึ่งเป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น และ มีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่ 2 ประมาณปลายปี พ.ศ. 2469 หลวงพ่อกลั่นก็ได้มรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษากับหลวงพ่อเภาเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้ศึกษาจากตำราที่มีอยู่ จากชาดกบ้าง ธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้รักการศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก พระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี สระบุรี ฯลฯ
เมื่อพ.ศ. 2486 ครั้นออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อก็ออกเดินธุดงค์ จากวัดสะแก มุ่งหน้า สู่ป่าเขาแถบจังหวัดกาญจนบุรี ในระหว่างทาง ก็แวะนมัสการสถานที่สำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา

 

นิมิตธรรม

ในคืนหนึ่ง ในช่วงก่อน ปี พ.ศ.2500 เล็กน้อย หลังจากที่ท่านสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเข้าจำวัดแล้วนั้น เกิดนิมิตไปว่าได้ฉันดาว ที่มีแสงสว่างมากเข้าไป 3 ดวง ขณะที่ฉันนั้นรู้สึกว่า กรอบๆ ดี เมื่อฉันหมดก็ตกใจตื่น ท่านจึงได้พิจารณานิมิตที่เกิดขึ้น ก็เกิดความเข้าใจในนิมิตนั้นว่า ดาวสามดวง ก็คือ ดวงแก้วไตรสรณาคมน์ นั้นเอง ท่านจึงท่อง

“ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ” ก็เกิดปิติขึ้นในจิตท่านอย่างท่วมท้น เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และมั่นใจว่า การยึดมั่นพระไตรสรณาคมน์ เป็นวิธี ที่เข้าสู่แก่นแท้ เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ท่านจึงกำหนดเอา พระไตรสรณาคมน์ เป็นองค์บริกรรมภาวนา

เมตตาธรรม

หลวงปู่ดู่ ท่านให้การต้อนรับแขกอย่างเสมอเท่าเทียมกันหมด ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปรามหากมีผู้เสนอตัวเสนอหน้าคอยจัดแจงเกี่ยวกับแขกที่มาหาท่าน เพราะท่านทราบดีว่ามีผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมากที่อุตสาห์เดินทางมาไกล เพื่อนมัสการและซักถามข้อธรรมจากท่าน หากมาถึงแล้งยังไม่สามารถเข้าพบได้โดยสะดวก ก็จะทำให้เสียกำลังใจ เป็นเมตตาธรรมอย่างสูงที่หลวงพ่อมีให้ศิษย์ทั้งหลาย และหากมีผู้สนใจการปฏิบัติกรรมฐาน มาหาท่าน ท่านจะเมตตาสนทนาธรรมเป็นพิเศษอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

หลวงปู่ทวด

ท่านให้ความเคารพในองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เป็นอย่างมากทั้งกล่าวยกย่อง ว่าหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยม เป็นโพธิสัตว์จะได้มาตรัสรู้ ในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ยึดมั่น และระลึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือประสบปัญหาทางโลก ท่านว่า หลวงปู่ทวดท่านคอยที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่แล้ว แต่ขอให้ทุกคนอย่าท้อถอย หรือละทิ้งการปฏิบัติ

 

สร้างพระ

หลวงปู่ดู่ ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้าง หรืออนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นว่า บุคคลจำนวนมากยังขาดที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ เพราะศิษย์ หรือ บุคคลนั้น มีทั้งที่ใจใฝ่ธรรมล้วนๆ กับ ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า “ติดวัตถุมงคลยังดีกว่า ที่จะไปให้ติดวัตถุอัปมงคล” แม้ว่าหลวงปู่ดู่ท่าน จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือการปฏิบัติ การภาวนา นี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง บางคนมาหาท่านเพื่อต้องการของดีเช่นเครื่องรางของขลัง ซึ่งมักจะได้รับคำตอบจากท่านว่า “ ของดีนั้นอยู่ที่ตัวเรา พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละของดี ”

ปัจฉิมวาร

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาสุขภาพหลวงพ่อเริ่มทรุดโทรม เนื่องการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุจากการที่ต้องต้อนรับแขก และบรรดาศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ที่นับวันก็ยิ่งหลั่งไหลกันมานมัสการท่านมากขึ้นทุกวัน แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่างหนัก ท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่าน เล่าว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่น และมีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ภายหลังตรวจพบว่า หลวงพ่อ เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้ว่าทางคณะแพทย์ จะขอร้องท่านให้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ท่านก็ไม่ยอมไป
ประมาณปลายปี พ.ศ.2532 หลวงปู่ดู่พูดบ่อย ครั้ง เกี่ยวกับ การที่ท่านจะละสังขาร ซึ่ง ในขณะนั้นหลวงปู่ดู่ท่านได้ใช้หลักธรรม ขันติ คือความอดทนอดกลั้นระงับ ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากโรคภัย จิตของท่านยังทรงความเป็นปรกติสงบเย็น จนทำให้คนที่แวดล้อมท่านไม่อาจสังเกตเห็นถึงปัญหาโรคภัยที่คุกคามท่านอย่าง หนัก

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาบ่ายนั้น มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบท่านเป็นครั้งแรก หลวงพ่อท่านได้ลุกขึ้นนั่งตอนรับ ด้วยใบหน้าที่สดใส ราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ จนบรรดาศิษย์ เห็นผิดสังเกต หลวงพ่อยินดีที่ได้พบกับศิษย์ผู้นี้ ท่านว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะได้หายเจ็บไข้เสียที ” คืนนั้นมีคณะศิษย์มากรายท่าน ท่านได้พูดว่า “ ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ICU ไปนานแล้ว ” พร้อมทั้งพูดหนักแน่นว่า “ข้าจะไปแล้วนะ” และกล่าวปัจฉิมโอวาทย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

“ถึง อย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆ งะๆ”

หลังจากคืนนั้นหลวงพ่อก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบด้วยโรคหัวใจ ในกุฏิท่านเมื่อเวลาประมาณ 5 นาฬิกา ของ วันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา ยังความเศร้าโศกและอาลัยแก่ ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง อุปมาดั่งดวงประทีปที่เคยให้ความสว่าง ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอนของท่านยังปรากฏ อยู่ในดวงใจของ ศิษยานุศิษย์ตลอดไป

จึงขอยกธรรมคำสอนของหลวงพ่อที่สอนให้ศิษย์ เข้าถึงธรรมด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นที่ตนเองดังนี้

“ตราบใดก็ตาม ที่แกยังไม่เห็นความดีในตัวเอง ก็ยังไม่นับว่า แกรู้จักข้า
แต่ถ้าเมื่อใด แกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว เมื่อนั้นข้าว่า แกเริ่มรู้จักข้าดีขึ้นแล้วล่ะ”

 

รายชื่อผู้ที่ได้ทำการจองรูปหล่อหลวงปู่ดู่นะครับ
<table style="border-collapse: collapse; width: 148pt;" width="197" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><col style="width: 94pt;" width="125"> <col style="width: 54pt;" width="72"> <tbody><tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td class="xl63" style="height: 14.25pt; width: 94pt;" width="125" align="left" height="19">
</td> <td class="xl64" style="width: 54pt;" width="72" align="left">
</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">jsp</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">AngelHeart </td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">jaroenthai</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">wanta_nop</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">the_club</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> </tbody></table>

 

สาเหตุที่ทางคณะจะนำปัจจัยไปสร้างพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)ถวายแด่หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสีลสุภาราม จังหวัดภูเก็ต นั้นเนื่องมาจาก ผมได้เกิดนิมิตรว่ามีพญานาคมาหา และได้บอกกับผมว่าจะเปิดภัยพิบัติใหญ่ทางน้ำจะมีผู้คนเสียชีวิตมากมาย เค้าเสียใจและไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้ เค้าเคยดูแลช่วยเหลือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำพู หลวงปู่เทสก์ เทศรังสี วัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย และปัจจุบัญนี้เค้าดูแลรักษา หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลยอยู่ ..

หลังจากที่ผมได้นิมิตรนั้นผมไม่เชื่อในนิมิตรที่ได้จึงมานั่งคิดไตร่ตรองดู หลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ ก็มรณะภาพไปแล้วเหลือแต่หลวงปู่ท่อนที่จะพอไปสอบถามได้ว่านิมิตรที่ผมได้มาแล้วพญานาคที่กล่าวอ้างถึงท่านนั้นเป็นความจริงหรือไม่ผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่ท่อน ญาณธโร ที่โรงพยาบาทวิชัยยุทธ แล้วได้กราบเรียนถามท่านเรื่องนิมิตรที่ได้มาทั้งหมดท่านได้กล่าวรับรองว่าเป็นความจริง

ผมและคณะจึงมีความประสงค์ที่จะสร้างพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บุญบารมีหลวงปู่สอ พันธุโล ไปถวายหลวงปู่สุภา กัตตสีโล ประดิษฐานที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อที่พุทธบารมีของท่านจะแผ่ปกป้องคุ้มครองบรรเทาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เบาบางลงได้บ้างช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผมได้ขออนุญาติในการจัดสร้างพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)กับหลวงปู่สอ พันธุโล เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั่งแต่ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ

นี่คือที่มาในการต่อยอดโครงการบุญในครั้งนี้
หากกระผมและคณะได้กล่าวพากพิงล่วงเกินพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปก็ขอขมางดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นด้วยเถิด สาธุ สาธุ )

 

ขอจองหนึ่งองค์ด้วยครับ

ทำไมไม่เห็นที่เราจองไว้

ได้ร่วมสร้างหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ไว้ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ฝั่งตะวันออกเพิ่งจะหล่อเมื่อเดือนเมษายน

จะประดิษฐานไว้ที่เขื่อนรัชชประภา สร้างโดยกฟผ.

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์นี่ส่วนใหญ่ กฟผ. จะชอบสร้างกันครับ และจะำนำประดิษฐานไว้ที่เขื่อน เพราะว่ากันว่าจะช่วยให้น้ำอุดมสมบูรณ์

 

อัพเดทรายชื่อผู้ที่ได้ทำการจองรูปหล่อหลวงปู่ดู่นะ ครับ
<table style="border-collapse: collapse; width: 148pt;" width="197" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><col style="width: 94pt;" width="125"> <col style="width: 54pt;" width="72"> <tbody><tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td class="xl63" style="height: 14.25pt; width: 94pt;" width="125" align="left" height="19">
</td> <td class="xl64" style="width: 54pt;" width="72" align="left">
</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">jsp</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">AngelHeart </td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">jaroenthai</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">wanta_nop</td> <td align="right">1</td><td style="vertical-align: top;">
</td> </tr> <tr style="height: 14.25pt;" height="19"> <td style="height: 14.25pt;" align="left" height="19">the_club
ligore
</td> <td align="right">1
1
</td></tr></tbody></table>

 

วันนี้ผมได้รับมอบแผ่นเงินจาร ของหลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดกำแพงแสน นครปฐม

จากคุณ wanta_nop มาร่วมบุญเป็นชนวนมวลสารในการหล่อรูปเหมือน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ในครั้งนี้

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคับ สาธุ สาธุ

ท่านใดมีจิตศรัทธาที่จะร่วมส่งชนวนโลหะแผ่นจารยันต์ครูบาอาจารย์ต่างๆมาร่วมบุญหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ในครั้งนี้ก็สามารถที่จะส่งมาร่วมบุญกันได้นะคับ

 

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโดดงานเข้าไปดูองค์ต้นแบบหลวงปู่ดู่ครับ คาดว่าน่าจะเสร็จแล้ว
อยากเห็นไวไวเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง งานนี้ทุ่มสุดตัวคร้าบ

 

พระ ทรงคุณสุดอ้าง พรรณนา สิ้นเอย
พรหม ประทานเมตตา พร่ำชี้
ปัญ ปราบกิเลสคณา ดังง่าย ฤาพ่อ
โญ จักสถิตย์นามนี้ คู่ฟ้านิรันดร์

 

มีเรื่องประหลาดเกี่ยวกับการจัดทำหลวงปู่ดู่ในครั้งนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ
หลังจากปรึกษาหารือกับคณะและตัดสินใจที่จะจัดสร้างรูปหล่อของหลวงปู่ดู่ในครั้งนี้แล้วนั้น
ผมได้ทำการจุดธูปอธิษฐานบอกกล่าวกับหลวงปู่ ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาช่วยให้สามารถหาช่างปั้นหุ่นหลวงปู่ได้ด้วยเทอญ

เพราะผมต้องขอบอกก่อนว่างานนี้เป็นงานแรกของผมที่ทำพระบูชาขึ้น ซึ่งผมเองไม่มีความรู้หรือรู้จักใครทางนี้เลย จากนั้นได้ทำการหาข้อมูลก็ได้เจอที่ปั้นหุ่นที่แรก คุยกันไปคุยกันมา เขาก็หายไปเลยไม่ติดต่อมา ผมจึงได้ทำการหาที่ปั้นใหม่ก็ไปเจอโรงหล่อพระแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้เข้าไปคุยกับเขาที่โรงหล่อ แต่เขาก็ไม่รับปากว่าจะทำให้ ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งผมโทรไปถาม เขาก็บอกว่าลืมไปแล้ว ให้โทรมาถามเรื่อยๆก็แล้วกัน

ผมเห็นว่าคงไม่มีหวังแล้วจึงเริ่มหาที่ปั้นใหม่ ช่วงนั้นกำลังใจเริ่มตก เกรงว่าจะหาช่างปั้นไม่ได้ จึงได้จุดธูปบอกกล่าวต่อหลวงปู่ดู่อีกครั้งว่าหากมีวาสนาจะได้ทำรูปหล่อหลวงปู่ ขอให้หาช่างปั้นได้ด้วย

จากนั้นไม่นานผมได้รับการแนะนำจากช่างปั้นพระท่านหนึ่งที่ จ.อุบลราชธานี ว่าให้ลองไปคุยกับช่างปั้นท่านนี้ดู หลังจากที่ผมได้เดินทางไปหาช่างปั้นท่านนี้ ก็เริ่มบอกรายละเอียดให้ฟังว่าอยากจะปั้นพระ ขนาดประมาณ 5 นิ้วปั้นให้ผมได้มั๊ย เขาก็ถามว่า ปั้นพระอะไร

ผมก็บอกไปว่า "หลวงปู่ดู่ วัดสะแก"
ช่างคนที่ปั้นก็หันไปมองกับคนแถวนั้นแล้วก็ยิ้มๆ พร้อมกับพูดว่า "หลวงปู่ดู่อีกแล้ว"

จนสุดท้ายมารู้ว่า ช่างคนนี้เป็นคนปั้นรูปเหมือนหลวงปู่ดู่องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ ที่วัดสะแก

ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกดีครับ และทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมคิดว่าเป็นเพราะหลวงปู่ท่านเมตตาจัดสรรให้ครับ

 

วันนี้โดดงานกะว่าจะเข้าไปดูหุ่นของหลวงปู่ดู่ แต่ลืมโทรนัดช่างปั้นไว้ก่อน
โทรไปอีกที ช่างบอกว่าอยู่ข้างนอก เลยต้องไว้ไปดูอีกทีวันเสาร์

เดี๋ยวยังไงจะคอยอัพเดทความเคลื่อนไหวเรื่อยๆนะครับ

 

ขอเชิญพุทธบริษัทผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ร่วมสมทบทุนในการจัดสร้างหุ่นต้นแบบ
ผมขอโอนเงิน ร่วมบุญด้วยครับ 200 บาท

 

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>santhanah<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Mar 2006
ข้อความ: 15
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 2
ได้รับอนุโมทนา 81 ครั้ง ใน 15 โพส
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>รูปเหมือนหลวงปู่ดู่

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>สวัสดีครับ
ผมขอจองไว้ก่อน ๑ องค์นะครับ (กลัวหมดก่อนครับ)
ส่วนปัจจัยจะโอนตอนหล่อเสร็จแล้วนะครับ
โมทนาครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขออภัยที่จะแสดงความคิดเห็นนะครับ

ข้อแรกถามว่า

เหตุใด ผู้จัดทำ ถึงเลือกทำ รูปเหมือนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ (เพราะในช่วง

หลายร้อยปีที่ผ่านมา

มีพระสุปัฏิบันโน มากมาย เช่น หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโต หลวงพ่อสด

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เป็นต้น )

และ เหตุใดต้องเป็น ท่านั้งนี้

ข้อที่สอง

เหตุใดต้องเอามวลสาร เหรียญ พระรุ่นต่างๆหลายๆที่ มารวมไว้ที่องค์หลวงปู่ดู่

เพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์หรอครับ

ส่วนตัวผมว่า แม้นว่า มวลสารต่างๆจะดีมากมายเพียงใด ก็ เละเทอะ ปะปนในตัวท่าน

มากเกินไป คือเกิน ความพอดี เดียวคนนั้นก็ว่า อันนั้นดี เอามารวมด้วย คุณจะเอาให้ ครบ

108 อย่าง หรือ 48,000 อย่าง หรือมีหลักเกณฑ์ใดในการเลือกมวลสาร

คือ ความศักดิ์สิทธิ์ ของ หลวงปู่ดู่ ไปอยู่ที่ มวลสารมากมาย หรือว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของ

รูปเหมือนหลวงปู่ดู่ อยู่ที่ บารมีธรรม ของท่าน

ส่วนตัวผมคิดว่าควรจะใช้ เฉพาะมวลสาร ของหลวงปู่ดู่เพียงอย่างเดียว แล้วต้องมั่นใจว่า

มวลสารนั้นๆแท้100% (แท้ทันหลวงปู่ดู่) แบบนี้จะทำ รูปเหมือนหลวงปู่ดู่

มีคุณค่ามากขึ้นนะครับ

ปล. ส่วนตัวผมข้อให้เป็นรูปหลวงปู่ดู่ ผมก็กราบได้อย่างสบายใจอยู่แล้ว

แต่ถ้าท่านจะทำ พระรูปหลวงปู่ดู่ ผมอย่างให้ออกมาดีที่สุด

ที่สำคัญ ก่อนสร้าง พระหลวงปู่ดู่ มีเหตุผลใดว่า หลวงปู่ดู่ อนุญาติดีแล้ว

พิธีกรรม ตามแบบ ฉบับ หลวงปู่ดู่หรือไม่ อย่างไร ช่วยอธิบายทีครับ

 

ขอตอบทีละข้อนะครับ
1.สาเหตุที่เลือกหลวงปู่ดู่นั้น อันดับแรกเพราะความศรัทธาครับ ผมศรัทธาในองค์หลวงปู่ดู่ แม้จะไม่ทันท่าน แต่ผมก็มีโอกาสได้ศึกษาคำสอนของท่าน ทำให้เกิดความศรัทธา ส่วนสาเหตุที่เป็นท่านี้นั้น นั่นก็เพราะมีหลายท่านเคยบอกว่า ภาพของหลวงปู่ดู่ท่านี้จำง่าย เวลามองภาพนี้แล้วสามารถนำไปทำสมาธิได้ดี อีกทั้งผมเองก็มีความชอบในภาพนี้เป็นพิเศษ

2.ผมและคณะไม่ได้บอกตรงไหนเลยครับ ที่ว่าจะเอาเหรียญหรือพระรุ่นต่างๆ มาหลวมเพื่อหล่อหลวงปู่ดู่ ที่ลงไว้นั้นคือแผ่นเงินที่นำไปให้พระที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปให้ท่านจารให้ ซึ่งทุกองค์ที่นำแผ่นเงินไปให้ท่านจาร พอท่านรู้ว่าจะนำไปหล่อหลวงปู่ดู่ท่านก็เมตตาจารให้พร้อมทั้งอนุโมทนาบุญด้วย ผมไม่ได้ยึดติดที่มวลสารครับ แต่การที่ผมและคณะให้ครูบาอาจารย์ท่านจารให้นั้น ก็เพื่อต้องการให้ท่านได้อนุโมทนาบุญกับคณะผู้สร้างด้วยครับ

แม้แต่ในคณะของผมเองก็ยังบอกกันว่า รูปหล่อหลวงปู่ดู่นี้ ไม่จำเป็นต้องเสกก็กราบไหว้ได้ เพราะยังไงหลวงปู่ก็คือหลวงปู่ ถ้าคุณนับถือและศรัทธาในองค์หลวงปู่จริง คุณก็น่าจะทราบนะครับ ว่าท่านเป็นยังไงอีกอย่าง คุณบอกว่า ขอให้เป็นหลวงปู่คุณก็กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอยู่แล้ว แล้วพิธีกรรมมันจะยังสำคัญอะไรอีกหรือครับ ในเมื่อไม่ว่าพิธีกรรมจะเป็นแบบไหน หลวงปู่ก็คือหลวงปู่ หรือหลวงปู่ในความหมายของคุณอยู่ที่พิธีกรรมครับ??

อีกอย่างก่อนผมจะทำรูปหล่อหลวงปู่ในครั้งนี้ผมได้ทำการจุดธูปขออนุญาตท่านแล้ว ซึ่งท่านเองก็ได้ทำให้ผมได้มาเจอกับช่างปั้นท่านนี้ ซึ่งผมได้เล่าไว้แล้ว

ผมและคณะทำด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ดู่ และเงินที่ได้มานั้นพวกผมก็จะนำไปสร้างหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ต่อไป ไม่มีการเข้ากระเป๋าใครอย่างแน่นอนครับ

สุดท้ายต้องขออภัยหากตอบอะไรไม่ตรงใจหรือทำให้ไม่พอใจครับ