บทสวดพระมหาจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย ปราถนาบุญ, 22 พฤษภาคม 2010.

  1. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    บทสวดพระมหาจักรพรรดิ<O:p</O:p
    เป็นบทสวดที่เรียบเรียงมาจาก “ชมพูปติสูตร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตรพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพื่อกำราบทิฐิมานะของพญาชมพูบดีพระมหากษัตริย์ผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ โดยผู้ที่แต่งพระคาถาบทนี้คือหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ คาถาจักรพรรดิ บทนี้เป็นพระคาถาหลักที่หลวงปู่ดู่ใช้ในการรวมบารมีแผ่ช่วยเหลือภพภูมิและใช้ในการอธิษฐานปลุกเสกพระเครื่องทุกชนิดของท่าน
    การสวดครั้งหนึ่งมีอานิสงค์แผ่ไปทั้งสามแดนโลกธาตุแผ่บุญไปทั่วถึงสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเรา ญาติมิตร เพื่อนฝูง ครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรบทสวดพระมหาจักรพรรดินี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งหมดตลอดจนถึงพระธรรมและพระโพธิสัตว์เจ้าพระอริยสงฆ์ทั้งมวล รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหม พระอริยะเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิทุกพระองค์ พระมหาโพธิสัตว์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต มาอารธนารวมเข้าที่กายใจอัญเชิญเข้าตัวป้องกันภัยมีการกล่าวถึงพระสีวลีเป็นมหาโชคมหาลาภและบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญกรรมฐานหากสวดบทนี้สามารถอธิษฐานเรื่องราวที่ขัดข้องให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง
    ทุกๆวัน ในเวลา ๒๐.๓๐ น.หลวงตาม้า(ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ที่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่)และศิษย์ทั้งหมดจะร่วมสวดมนต์บทนี้ เพราะเป็นช่วงที่เปิดทั้งสามโลกธาตุให้สื่อถึงกันได้หมดเทพพรหมทั่วแสนโกฏิจักรวาล จะร่วมกันสวดบทนี้ ในช่วงนี้แม้แต่ไฟนรกก็ดับชั่วคราว

    คำอัญเชิญภพภูมิ<O:p</O:p

    ลูกขอตั้งสัจจะอธิษฐานกราบขออาราธนาเมตตาบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ขอหลวงปู่ได้โปรดมีเมตตา อารธนาบารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิทุกๆพระองค์บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุดบารมีรวมหลวงตาม้าเป็นต้น
    ขอบารมีหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำ ภพภูมิต่างๆทั้งหลายในทั่วทั้ง3 แดนโลกธาตุอันประกอบไปด้วยเทพ6 ชั้นพรหม20 ชั้นเทพพรหมทุกชั้นฟ้ามหาสมุทรโดยทั่วทั้งหมื่นแสนโกฎิจักรวาลเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่หลวงตาม้าเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ท่านปู่พระอินทร์เจ้าฟ้าท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4 พระยายมราชพร้อมด้วยบริวารทั้งหมดพระศรีสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์วีรบุรษและวีรสตรีทั้งหลาย ที่คอยปกป้องรักษาแผ่นดินสยามโอปาติกะทั้งหลายพระฤาษีและดาบสทั้งหลายศาลเจ้าพ่อหลักเมืองทุกๆจังหวัดพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองพระราหูวราหก เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณีแม่พระคงคาพระเพลิง พระพาย พระพิรุณพระยายมราชพร้อมบริวารพญาครุฑ-พญานาคพร้อมด้วยบริวาร คนธรรณ์ชาวเมืองลับแลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้เคยไปอธิษฐานไว้ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำท่านทั้งหลายมาร่วมสวดบทพระมหาจักรพรรดิพร้อมกันกับพวกข้าพเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด<O:p</O:p

    บทบูชาพระ<O:p</O:p


    พุทธัง ชีวิตตัง เมปูเชมิ<O:p</O:p


    ธัมมัง ชีวิตตัง เมปูเชมิ<O:p</O:p


    สังฆัง ชีวิตตัง เมปูเชมิ<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    กราบพระ ๖ครั้ง<O:p</O:p


    พุทธัง วันทามิ(กราบ) ธัมมัง วันทามิ(กราบ)สังฆัง วันทามิ(กราบ)

    ครูอุปัชฌาย์อาจาริยคุณัง วันทามิ(กราบ) มาตาปิตุคุณังวันทามิ(กราบ) พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ(กราบ)<O:p</O:p




    <O:p</O:p


    บทสมาทานศีล<O:p</O:p


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓ ครั้ง)<O:p</O:p


    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ<O:p</O:p


    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ<O:p</O:p


    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ<O:p</O:p


    ทุติยัมปิ พุทธัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ทุติยัมปิ สังฆัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ตะติยัมปิ พุทธัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ตะติยัมปิ ธัมมัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ตะติยัมปิ สังฆัง สรณังคัจฉามิ<O:p</O:p


    ปาณาติปาตา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ<O:p</O:p


    อทินนาทา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ<O:p</O:p


    อพรัมจริยา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ<O:p</O:p


    มุสาวาทา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ<O:p</O:p


    สุราเมรยะ มัชชปมาทัฎฐานา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ<O:p</O:p


    อิมานิ ปัญจสิกขา ปทานิ สมาธิยามิ(๓ครั้ง)<O:p</O:p


    สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะโภคะสัมปทา<O:p</O:p


    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสธะเย<O:p</O:p



    บทอาราธนาพระ<O:p</O:p


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓ ครั้ง)<O:p</O:p


    พุทธัง อาราธนานังกะโรมิ<O:p</O:p


    ธัมมัง อาราธนานังกะโรมิ<O:p</O:p


    สังฆัง อาราธนานังกะโรมิ<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    คาถาหลวงปู่ทวด<O:p</O:p


    น้อมระลึกถึงหลวงปู่ทวดแล้วว่าคาถาดังนี้<O:p</O:p


    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (๓ครั้ง)<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    คาถาหลวงปู่ดู่<O:p</O:p


    น้อมระลึกถึงหลวงปู่ดู่แล้วว่าคาถาดังนี้<O:p</O:p


    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ (๓ครั้ง)<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    บทขอขมาพระรัตนตรัย<O:p</O:p


    โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโตมะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ<O:p</O:p


    โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโตมะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ<O:p</O:p


    โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโตมะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    บทสวดมหาจักรพรรดิ<O:p</O:p


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ(๓ ครั้ง)<O:p</O:p


    *สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ ๖[FONT=&quot], [/FONT]จันทร์ ๑๕[FONT=&quot], [/FONT]อังคาร ๘[FONT=&quot], [/FONT]พุธ ๑๗[FONT=&quot], [/FONT]พฤหัส ๑๙[FONT=&quot], [/FONT]ศุกร์ ๒๑[FONT=&quot], [/FONT]เสาร์ ๑๐<O:p</O:p


    นะโมพุทธายะ พระพุทธไตรรัตนญาณ

    มณีนพรัตน์สีสะหัสสะสุธรรมา

    พุทโธ ธัมโม สังโฆยะธาพุทโมนะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
    อัคคีธานัง วะรังคันธังสีวลีจะมหาเถรัง
    อะหังวันทามิทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโยอะหังวันทามิสัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะสังฆะปูเชมิ<O:p</O:p






    <O:p</O:p


    บทอัญเชิญพระเข้าตัว[FONT=&quot] ([/FONT]แผ่เมตตา)<O:p</O:p


    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมาสัพเพสังฆา

    พะลัปปัตตาปัจเจกานัญจะยังพลัง

    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิสัพพะโส[FONT=&quot]([/FONT]สวด ๕ จบ)<O:p</O:p






    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิสังฆังอธิษฐามิ

    [FONT=&quot]([/FONT]ให้อธิษฐานจิตแผ่บุญไปทั้งสามโลกธาตุ ภพภูมิทั้งหมดทั้งมวลบิดามารดา ญาติ เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ และส่งวิญญาณทั้งหลาย)<O:p</O:p





    คำอธิษฐาน ฝึกจิตเร่งสมาธิเร่งนิมิต

    ข้าพเจ้า ......(นามของท่าน)...ผู้เป็นข้ารับใช้แห่งพระพุทธองค์ขอนอบน้อมและน้อมนำบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าพระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิพระโพธิสัตว์และพระบรมมหาจักรพรรดิ ตั่งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆกันมาโดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุดขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะ พระกรรมฐานทั้ง40 ทัศ พระปิติทั้ง5 และวิปัสสนาญาณทั้ง9 ขอพระกรรมฐานทั้ง40 ทัศ พระปิติทั้ง5 และวิปัสสนาญาณทั้ง9 จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวารในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    .......ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะเมฆจิต สามารถกำหนดจิตรู้ภาวะการณ์ต่างๆทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกๆประการเหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,684
    ค่าพลัง:
    +9,239

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  3. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    คำแปลบทจักรพรรดิโดยหลวงตาม้า

    <O:p</O:p



    นะโมพุทธายะ<O:p</O:p


    พระพุทธเจ้า ๕พระองค์<O:p</O:p


    พระพุทธไตรรัตนะญาณ<O:p</O:p



    สุดยอดของศีลสมาธิ ปัญญา <O:p</O:p


    มณีนพรัตน์<O:p</O:p



    สมบัติจักรพรรดิ์

    <O:p</O:p



    สีสะหัสสะสุธัมมา<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    สีสะ<O:p</O:p


    แปลว่า ความคิด<O:p</O:p


    หัสสะ<O:p</O:p


    แปลว่า มือ ก็คือ การกระทำ<O:p</O:p


    สุธัมมา<O:p</O:p


    คือ การรู้ทั้ง ๓ โลกธาตุ
    รวมความคือ การคิดและลงมือทำ จนรู้ทั่วทั้ง ๓โลก<O:p</O:p



    พุทโธ ธัมโมสังโฆ<O:p</O:p



    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์<O:p</O:p


    ยะธาพุทโมนะ<O:p</O:p



    พระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตคือพระศรีอริยเมตไตรย<O:p</O:p


    พุทธบูชา ธรรมบูชาสังฆบูชา<O:p</O:p



    บูชาพระรัตนตรัย<O:p</O:p


    อัคคีธานังวะรังคันธัง<O:p</O:p



    อันตรายทั้งหมดทั้งมวลไม่เกิด<O:p</O:p


    สีวลี จะมหาเถรัง<O:p</O:p



    โชค ลาภ ธุรกิจการงานคลอบคลุมทั้งหมด<O:p</O:p


    อะหังวันทามิทูระโต
    อะหังวันทามิธาตุโย
    อะหังวันทามิ สัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะปูเชมิ<O:p</O:p


    บูชาทั้งหมดทั้งมวลในพระพุทธศาสนา
    หลวงตาม้าท่านย้ำว่าถ้าจะแปลกันจริงๆเนี่ยแปลออกมาได้เป็นหนังสือเล่มใหญ่ๆเล่มหนึ่งก็ อาจจะยังไม่หมดเลยครับ เพราะเยอะมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าพระอริยะสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง ๕พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
    การสวดครั้งหนึ่งเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตรวมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมกันอาราธนาเข้าที่กายและใจ
    และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีตถึง ปัจจุบัน และอนาคต
    การสวดครั้งหนึ่งมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักรวาลสามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บุญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ
    บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวรวมถึงการอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชค-มหาลาภ
    อานิสงค์แก่ผู้สวดมีทั้งมหาบุญ-มหาลาภเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลี รวมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐานหากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐานจะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุม และคุมการปฏิบัติของเราคลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

    หากสวดบทนี้สามารถอธิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่งกล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่านก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวดพระคาถาครอบจักรวาล(5)

    พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่แต่งขึ้นมานั้นนอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐานบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจากพระรัตนตรัยอย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้เกิด "พุทธนิมิต" เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้ามาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจัตุรมุข ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการสว่างไสวพร้อมด้วยโพธิสัตตราวุธทั้ง 4 ประการ ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่พระมหามงกุฎ ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบารมีของพระศรีอาริย์โพธิสัตว์ โดยมี "พระมหามงกุฎ" เป็นศิราภรณ์ที่เปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์ (หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์ระดับจตุปฎิสัมภิทาญาณได้เคยนำมาถวายหลวงปู่ดู่เป็นพุทธบูชาอีกองค์หนึ่งด้วย)

    ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง 3 ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูง มีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพระโพธิสัตว์และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่งหากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐานให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิได้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมากประดับด้วยเครื่องทรงแห่งพระมหาจักรพรรดิอย่างวิจิตรอลังการเปล่งรัศมีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญมณี เรียกว่า "พระมหาวิษิตาภรณ์"มาครอบสถิตผู้ภาวนา บารมีของหลวงปู่ดู่ที่ท่านน้อมนำอธิษฐานจิตจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากเพราะท่านใช้บารมีทั้งหมดของท่านอัญเชิญกระแสบารมีแห่งพระรัตนตรัยและตั้งองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิบรรจุลงไปในวัตถุมงคลที่บารมีท่านมาประจุอีกด้วย
    เรียบรียงจาก :หนังสือมิติแห่งโลกวิญญาณและการสร้างบารมี(6)


    สำหรับนักปฎิบัติเบื้องต้นใช้คู่กับพระผงจักรพรรดิจะทำให้ก้าวหน้าเร็วขึ้นมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  4. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    คำอธิษฐาน แผ่บุญหลังสวดมนต์

    ข้าพเจ้า ...(นามของท่าน)...ขอนอบน้อมและน้อมนำบารมีรวมแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าพระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ พระโพธิสัตว์ และพระบรมมหาจักรพรรดิทุก ๆ พระองค์โดยตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต
    โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด

    ในส่วนอักษรสีแดงนี้สำคัญมากเพราะหากไม่อ้างหรือกำหนดจิตอ้างดังกล่าวแล้วบารมีที่ส่งไปจะเป็นของเราเองซึ่งน้อยมากแต่เมื่อเราอธิษฐานด้วยวิธีนี้จนเกิดความเคยชิน เพียงแค่นึกถึงหลวงปู่ซ้อนภาพหลวงปู่ในกายเรา ก็สามารถทำได้แล้วหลวงตาว่ากระแสจิตของหลวงปู่รับรู้เร็วมาก ช่วงที่เรานึกถึงหลวงปู่ 1 ครั้งกระแสจิตไป-กลับ 7 รอบแล้ว

    ขอพระบารมีอันหาที่สุดมิได้นี้โปรดจงส่งไปให้ถึงภพภูมิต่างๆทั้งหลายในทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุ อันประกอบไปด้วยเทพ 6 ชั้น พรหม 20 ชั้น เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามหาสมุทรโดย ทั่วทั้งหมื่นแสนโกฐจักรวาลเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าเทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตท่านปู่พระอินทร์เจ้าฟ้า ท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 พระยายมราชพร้อมด้วยบริวารทั้งหมดพระศรีสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์ วีรบุรุษและวีรสตรีทั้งหลายที่คอยปกป้องรักษาแผ่นดินสยาม โอปาติกะทั้งหลาย พระฤาษีและดาบสทั้งหลายศาลเจ้าพ่อหลักเมืองทุกๆจังหวัด พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระราหูวราหกเจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระโพสพ พระเพลิง พระพาย พระพิรุณพญาครุฑ-พญานาคพร้อมด้วยบริวาร คนธรรพ์ ชาวเมืองลับแลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้เคยไปอธิษฐานไว้ ตลอดจนถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายสรรพสัตว์ในดินแดนอบายภูมิทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้นขอโปรดจงได้รับมหากุศลผลบุญบารมีนี้ โดยถ้วนทั่วทุกตัวตน ทุกคนทุกท่านเทอญ…(ตั้งใจโน้มนำบุญและแผ่บุญออกไปด้วยบทสัพเพฯ)

    นี่เป็นตัวอย่างเช่นกัน จะย่นย่อ หรือกล่าวนามเทพ-พรหมสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันใดเพิ่มเติมก็แล้วแต่จริตครับการแผ่บุญอย่างนี้ดวงวิญญาณทั้งหลายที่กล่าวมาจะถึงแน่นอนแต่จะได้รับหรือไม่ขึ้นกับว่า เขารับหรือไม่หรือกระแสมิจฉาทิฐิครอบเขาจนกระทั่งไม่รับรู้อะไร ไม่ยอมรับอะไรหรือไม่ด้วยเหตุนี้เป็นคำตอบที่ว่า บางทีต้องไปปรับภูมิถึงที่ก็เหมือนกับเรานั่งอ่านพระไตรปิฎก กับไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรงตรงแทบพระบาทท่าน ธรรมมะเหมือนกัน แต่การเข้าถึง การเข้าใจย่อมแตกต่างกัน(มาก)เรื่องนี้ก็เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกัน

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา


    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกัน แสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังดวงวิญญาณที่จะปรับภพ ปรับภูมิให้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จะได้รับบุญ บางวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ หรือมีโมหะ คือ ไม่รู้เรื่องว่าโมทนาคืออะไร ก็จะยังไม่ได้รับ เราก็ต้องสัพเพฯ หลาย ๆรอบ จนบารพระท่านครอบกายทิพย์สว่างเย็นไปหมด ช่วยโน้มนำให้วิญญาณนั้นละพยศและความเขลานั้นได้สำเร็จ


    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    การนำไปใช้จริง


    ๑.ให้หมั่นอุทิศบุญดามวิธีดังกล่าวอยู่เสมอไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งไหน โดยเฉพาะเวลาไปจ่ายตลาดในตลาดสด วิญญาณสัตว์ที่พึ่งตาย หรือที่ค้างอยู่มีมหาศาลทุก ๆวัน ตามป่าช้าหรือข้างทางที่เราเดินทางไปทุกที่ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ทรงทั้งยามหลับยามตื่น เพราะเหล่าวิญญาณจะได้โมทนาได้ตลอด บางทีก็ครอบให้เสร็จสรรพ แบบมัดมือให้เลย การเดินทางไปต่างจังหวัดแต่ละทีก็เก็บได้มหาศาล



    ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งคล่องครับ ถ้าทำคล่องแล้วต่อไปเวลากำหนดแผ่ก็กำพระ แล้วน้อมกำลังบุญไปได้ แค่กำหนดจิตชั่วขณะโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ยังได้ ขอแค่ให้ใจทรงกำลังทั้งหมดที่อาราธนามาในขณะนั้นได้ก็พอ แล้วก็กำหนดแผ่ไปได้เลย ขณะกำพระ แต่ถ้าเป็นการอธิษฐานใหญ่หรือการสวดมนต์ประจำวัน ก็อธิษฐานใหญ่ตามเนื้อหาด้านบนได้เลย แล้วก็แผ่ไปทั่ว 3 โลก ไม่ว่าพรหมโลก เทวะโลก มนุษยโลก ภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆ นรกโลก และทุกๆ อบายภูมิ ผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทุกๆคน ญาติข้าพเจ้าทั้งหมดในโลกทิพย์ บริวารข้าพเจ้าทั้งหมด เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้า



    ๒.ก่อนทานอาหาร หลวงตาแนะนำให้ส่งวิญญาณด้วย ให้ทำจนเป็นนิสัย เนื้อไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะเป็นชิ้น หรือเป็นน้ำก็มีกระแสโยงถึงวิญญาณเจ้าของธาตุนั้นได้ ส่งให้เนื้อ กระแสบุญจะส่งถึงวิญาณเอง ให้อธิษฐานส่งให้ถึงสายใยอาหารของเนื้อนั้นทั้งหมดทั้งมวลด้วย ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน และอนาคต<O:p</O:p





    คำอธิษฐานรวมบุญ


    เพื่อความคล่องตัวในเรื่องการเงิน และทุก ๆเรื่องเป็นการเบิกบุญเก่าและบุญใหม่ที่ยังไม่ให้ผลให้ส่งผลเร็วขึ้น(ควรอธิษฐานทุกวัน)



    ก่อนการรวมบุญก็อัญเชิญภพภูมิทั้ง3 แดนโลกธาตุมาร่วมรวมกองบุญด้วย จะทำให้เกิดกำลังที่มากขึ้น โดยอาจกล่าวสั้น ๆว่าขอเชิญภพภูมิทั้ง 3 แดนโลกธาตุ เพื่อนผองบริวารทั้งหลายทั้งปวงผู้มีพระคุณทั้งปวง ขอเชิญมาร่วมรวมกองบุญไปพร้อมกันกับข้าพเจ้าเถิด<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขอนอบน้อม และน้อมนำบารมีรวม แห่งพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ พระโพธิสัตว์โดยมีบารมีแห่งองค์สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน มีบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด ขอได้โปรดรวมกำลังบุญบารมีทั้ง 10 ทัศ อันได้แก่ ทาน, ศีล, เนกขัมมะ, ปัญญา, วิริยะ, ขันติ, สัจจะ, อธิษฐาน, เมตตา, อุเบกขา ของข้าพเจ้า เพื่อนำมาใช้เป็นกำลัง ให้มีความคล่องตัวในทุก ๆเรื่องอันใดติดขัด ขอให้คล่องตัว อันใดคล่องตัวอยู่แล้วขอให้คล่องตัวยิ่ง ๆขึ้นไปโดยขึ้นชื่อว่าความอด ความอยาก ความยาก ความจน ความไม่มี และการรอคอยจงอย่าได้บังเกิดมีในข้าพเจ้า ผู้เป็นผู้รับใช้แห่งพระพุทธศาสนานับตั้งแต่กาลบัดเดี๋ยวนี้ ตราบจนข้าพเจ้า เข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิดและโดยเฉพาะกาลนี้ ขอให้มีความคล่องตัวในเรื่อง<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    ...(อธิษฐานขอพิเศษเอา).....<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    ที่กล่าวว่า ผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ก็ด้วยเป็นกุศโลบายโน้มใจให้คนเข้าถึงพระไตรสรณะคมเพื่อปิดอบายและเร่งนิพพานนั่นเอง

    ตรงส่วน รวมกำลังบุญบารมีทั้ง 10 ทัศ ….” นี้ด้วยหากเป็นการรวมทั่วไปจะคิดกันแค่เรื่องทานทำให้คล่องตัวแต่เรื่องการเงินเท่านั้น บุญอย่างอื่นเช่น ปัญญา เมตตา(บริวารผู้มาช่วยเหลือ) ก็จะไม่มี จึงให้กล่าวบารมีรวมทั้ง 10 ทัศทำให้เกิดความคล่องตัวในทุกเรื่องนั่นเองแต่สำหรับเหล่าพรโพธิญานนั้นให้อธิษฐานเต็มที่สูงสุดไปเลยนั่นคือ "รวมกำลังบุญบารมีทั้ง 10 ทัศถึง 30 ทัศ "เพื่อพลานิสงส์อันสูงสุด<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมาสัพเพสังฆา

    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขังพันธามิ สัพพะโส<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆโน้มนำบุญบารมีเข้าตัว หากใจนิ่งสบาย ๆ แล้วจะสัมผัสอารมณ์อิ่มเอิบอย่างประหลาดได้ในช่วงนี้<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิสังฆัง อธิษฐามิ<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    ให้อธิษฐานทุกวันเช้าตอนก่อนออกทำงาน-ก่อนนอน หากได้เวลา 20.30 น.ด้วยยิ่งดีมากครับ<O:p</O:p

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  5. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    คำอธิษฐานในตอนเช้า (สามารถนำไปใช้ในตอนสองทุ่มครึ่งได้เช่นกัน)<O:p</O:p


    <O:p</O:p

    เริ่มต้นด้วยการสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิทันทีที่รู้สึกตัวตื่น จากนั้น ลุกขึ้น ล้างหน้า และตั้งจิตสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิในตอนเช้า 1, 3, 9 จบ หรือจะสวดตามกำลังวันก็ได้ หลังจากสวดเสร็จแล้วให้อธิษฐานแผ่บุญก่อน แล้วสัพเพฯ ไป 5 รอบเวลาสัพเพฯ ให้นึกถึงคนที่เราต้องการแผ่บุญไปให้ครบ หากมีมาก จะสัพเพฯ มากกว่า 5 รอบก็ได้ หรือให้นึกภาพรวมของกลุ่มที่เราต้องการจะแผ่บุญไป อย่างเช่นเรานึกถึงแผนที่ประเทศไทย ก็จะได้ทั้งหมด แม้แต่เทวดาก็จะได้ด้วย จากนั้นให้อธิษฐานรวมบุญดังนี้<O:p</O:p
    “...ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐาน สิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐาน ข้าพเจ้าอธิษฐานเพื่อชาติ ศาสนา ราชบัลลังก์ หมู่คณะ สัตว์ และมนุษย์ทั้งหมดที่ยังวนเวียนว่ายตายเกิด สิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานนี้ ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอบารมีกำลังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ ถึงองค์ปัจจุบัน บรมมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ ขอบารมีพระแก้วแดง พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ทั้งหลาย ขอบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่เป็นที่สุด<O:p</O:p
    ขอได้โปรดเมตตารวมบุญบารมีที่ข้าพเจ้าเคยสะสม เคยอบรมมา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันชาติ ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา และทศบารมี เพื่อนำกำลังนี้มาใช้เป็นประโยชน์ในปัจจุบัน.....(อธิษฐานเอาตามปรารถนา) เป็นประโยชน์กับชาติ พุทธศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์<O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวล แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ พระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหมด ทั้งมวล หลวงทวด หลวงปู่ดู่ พระศรีสยามเทวาธิราช หลวงตาม้า ผู้สวดคาถามหาจักรพรรดิทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน<O:p</O:p
    จนถึงอนาคตเทอญ ข้าพเจ้าขออธิษฐาน ขออาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดเมตตาสถิตเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า ได้โปรดเมตตาสถิตเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่อยู่เบื้องซ้ายและขวา เสมือนข้าพเจ้าสวดพระคาถามหาจักรพรรดิอยู่ตลอดเวลา ขอให้กายทิพย์ของข้าพเจ้าสวดพระคาถามหาจักรพรรดิตลอดเวลา และขอทุกลมหายใจเข้าออกของข้าพเจ้า เป็นสัพเพฯ แผ่กุศลผลบุญไปทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุอย่างไม่มีประมาณ แผ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกลมหายใจด้วยเทอญ<O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีหลวงปู่ดู่ สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย และใจ ขอข้าพเจ้ารู้ได้ตามสภาพความเป็นจริง<O:p></O:p>
    ขอให้ข้าพเจ้าพบแต่ความดีตลอดไป ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิด ณ ที่แห่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ ขอความขัดข้อง ความไม่มี อย่าได้เกิดกับข้าพเจ้าอีกเลย นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบจนข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ<O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขออธิษฐานต่อองค์พระศรีสยามเทวาธิราช โปรดเมตตา<O:p</O:p
    ขจัดปัดเป่าปัญหาและอุปสรรคในชีวิตข้าพเจ้าให้หมดสิ้นไป<O:p</O:p
    ขออธิษฐานต่อองค์พระอุปคุต โปรดเมตตาช่วยให้การงาน การเงินของข้าพเจ้ามีความคล่องตัว ไม่มีอุปสรรคใดๆ<O:p</O:p
    ขออธิษฐานต่อองค์พระกาล โปรดเมตตาเลื่อนเวลาแห่งความดีงาม ความสำเร็จทั้งในทางโลกทางธรรม เข้ามาสู่ชีวิตของข้าพเจ้าโดยพลัน เพื่อนำมาเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อชาติ พุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป....<O:p</O:p
    สัพเพฯ 5 รอบ หรือมากกว่า เวลาสัพเพฯ ให้นึกไปถึงธุรกิจการงานต่างๆ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง หากมีมาก ให้นึกถึงภาพรวม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิคือการชาร์จพลังงาน การสัพเพฯ คือการแผ่กระจายพลังงานออกไป”<O:p</O:p
    จากนั้นให้อธิษฐานขอหลวงปู่ท่านอีกครั้ง ขอท่านตรงๆ ง่ายๆ แต่ต้องขอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และอธิษฐานว่า<O:p</O:p
    “...ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมีหลวงปู่ดู่ด้วยกำลังแห่งพระมหาจักรพรรดิ<O:p</O:p
    ขอสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานนี้ สำเร็จเป็นจริงโดยฉับพลันทันใจทุกประการ ด้วยอิมังสัจจะวาจังอธิษฐมิ พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิฐามิ สังฆังอธิษฐามิ...”<O:p</O:p

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  6. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    อนุโมทนาด้วยครับ
    เพื่อนๆผมหลายคนก็บอกว่า ใช้ ภาวนาแล้วมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นครับ
     
  7. น้ำมนต์49

    น้ำมนต์49 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +157
  8. Delio

    Delio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +212
    อยากได้คำแปล บรรทัดต่อบรรทัด หลวงตาบอกว่า ต้องเข้าใจด้วย อย่าสวดนกแก้ว
     
  9. สิงห์เล็ก

    สิงห์เล็ก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +10
    การได้สวดภาวนา ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย อันทรงมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ย่อมจะส่งผลให้ตนแลครอบครัว มีสิริมงคล ขอให้หมั่นสวดมนต์ ไหว้พระ ถือศีลทั้งครอบครัว จะส่งผลให้สำเร็จทุกประการ..........ขออนุโมทนาแด่ท่านที่นำความรู้มาเผยแพร่ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เรียนเชิญทุกท่านร่วมเข้าฟังการบรรยาย
    ถามตอบปัญหาธรรมในแนวทางพระโพธิสัตว์ หลวงปู่ดู่ โดยหลวงตาม้า

    รายละเอียดคลิ๊ก

    กำหนดการณ์ถ่ายทอดสดการตอบปัญหาธรรมของหลวงตาม้า ประจำเดือน มีนาคม 2555

    อนุโมทนาสาธุ
     
  11. natyakuza

    natyakuza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +345
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. choke

    choke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    938
    ค่าพลัง:
    +1,651
    สงสัยจังครับ ทำไมวัดสะแก ไม่เคยกล่าวถึงคาถาจักรพรรดิ์เลย แม้แต่เวบวัดสะแกก็กล่าวว่าหลวงปู่ดู่ท่านไม่เคยแต่งบทนี้ เป้นแคาบทสวดมนต์ที่ท่านได้จากที่อื่นมา มีท่านใดทราบไหมครับ ว่าความจริงคืออะไรครับ
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จพระสมณโคดม องค์ปัจจุบัน ท่านยังสอนพระสาวกแต่ละคน ด้วยเทคนิคและธรรมที่แจกแจงไว้ต่างกัน

    แต่ละคน แต่ละท่าน ได้รับต่างกัน เหมาะสมตามวาสนาบารมีและจริต


    แต่...ทั้งหมด ท่านก็สรุปให้ลงในพระไตรสรณคมน์และการเห็นความจริงของโลก
    คือ ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นไตรลักษณ์


    ถ้ามัวฟังทางโน้น มาถามทางนี้ เก็บคำทางนี้ ไปถามทางโน้น จะหาจุดจบและสรุปก็คงนานก็ยาก

    ต้องเก็บสาระที่แท้จริงว่า "ท่านสอนเพื่ออะไร"

    และ เราต้องทดลองทำจนถึงที่สุดหรือทำจนเห็นผลด้วยตนเอง

    ไม่ใช่ ฟังแล้วก็สงสัย จับจรด จนเป็นวิกิจฉา ไม่ได้ดีจากอะไรสักอย่างเลย

    ถึงแม้ตอนนี้ จะนำคำพูดจากคนที่ได้รับถ่ายทอดบทสวดพระมหาจักรพรรดิมาบอกโดย่ตรงต่อผู้สงสัย ที่ไม่ได้ปฏิบัติจนเห็นผล ก็คงเป็นแค่ความสงสัย ที่สุดท้าย
    ก็ไม่ได้อะไรเลย นอกจากอกุศลธรรมที่ยังไม่ได้ขัดเกลาออกจากใจ และอาจเพิ่มการ
    กระทำกรรมที่เป็นอกุศลเช่นการปรามาสทั้งกาย วาจา ใจ เข้าไปอีก(ในบางคน)



    ------------------------------------------------------------------
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ส่งคำถามและข้อสงสัยทุกอย่างได้ทาง ข้อความส่วนตัวของFACEBOOK วัดถ้ำเมืองนะ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    [​IMG]


    เคยมีลูกศิษย์ที่ทันสังขารหลวงปู่ดู่ท่านหนึงสนทนากับหลวงปู่ถึงเรื่อง 'คาถามหาจักรพรรดิ'

    ลูกศิษย์ "หลวงพ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ คาถามหาจักรพรรดิ ใช่มั้ยครับ"

    หลวงปู่ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระ
    ก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ
    แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง" หลวงปู่ท่านถามเป็นนัยๆ

    ลูกศิษย์ "ปกติ การตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า
    นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นนี้
    ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ดู่ท่านพยักหน้ารับ ทั้งหลวงปู่ดู่ยังกล่าวต่อไป
    เกี่ยวกับบทบูชาพระที่นิยมนำมาเรียกกันว่าคาถาจักรพรรดิในปัจจุบันนี้อีกว่า

    "คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี" หลวงพ่อหัวเราะ และยังเสริมอีกว่า

    "คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก
    ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2016
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    หลักธรรมคำสอน ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ (บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์)

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พระอริยเจ้า แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา หลวงปู่ดู่ สอนเสมอว่า ไม่มีปาฎิหาริย์อันใด จะอัศจรรย์ เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็น “ปุถุชน” ไปสู่ความเป็น “อริยชน” ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชนต้องหมั่นเพียรปฏิบัติ เพื่อให้ไปถึง “หัวสะพาน” หรือทำให้ถึง “หนึ่งในสี่” คือความเป็น “พระโสดาบัน” จึงจะปลอดภัยแน่นอน โดยจะไม่กลับไปสู่ “อบายภูมิ” และเที่ยงแท้ว่า จะสามารถข้ามไปยังฝั่งแห่ง “พระนิพพาน” อันเป็นที่สุดแห่งการพ้นทุกข์ได้
    หลวงปู่ได้ให้โอวาทธรรม ตามแนวทาง พระพุทธองค์ นั่นคือ แก่นธรรม ที่นำไปยึดใช้ในการดำรงชีวิตให้มีความสุข พ้นจากทุกข์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เราทั้งหลาย เป็นผู้ดำรงตน อย่างมีศีล เป็นผู้มีสมาธิ มีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา เป็นผู้เกิดปัญญา รู้เท่าทันต่อความเป็นจริงตามธรรมชาติ ไม่เห็นถูกเป็นผิด ไม่เห็นผิดเป็นถูก เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามความเป็นจริงของมัน ตามกฎไตรลักษณ์ นั่นคือ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
    อนิจจัง ก็คือ ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง มีเกิด มีดับ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
    ทุกขัง ก็คือ ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง แฝงไปด้วยกองทุกข์ ทำให้เกิดทุกข์
    อนัตตา ก็คือ ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่เป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่ของๆเรา แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูของกู
    ให้เราทั้งหลายมุ่งละกิเลส และหมั่นตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้กิเลสลดน้อยถอยลง มุ่งปฏิบัติสมาธิภาวนา ไม่ประมาท ทั้งนี้ก็เพื่อจะพัฒนาจิตใจของตัวเอง ที่มีความรู้สึกว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความสุขนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุหรือสิ่งเสพภายนอก ยึดติดวัตถุนิยม เช่น มีความสุขกับการใช้ของแบรนด์เนม ของมีราคาแพง รถยนต์ยี่ห้อหรู กินอาหารราคาแพง ติดเกมส์ ติดโทรศัพท์มือถือ ติดเหล้า ติดการพนัน ติดเที่ยวกลางคืน ติดในกามตัณหาราคะ เป็นต้น โดยฝึกพัฒนาให้จิต ให้เกิดจากสุขภายใน ซึ่งเป็นความสุข ที่ไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุหรือสิ่งเสพภายนอก คือ สุขจากคุณธรรม ความดีงามในจิตใจ สุขจากจิตที่สงบเป็นสมาธิ สุขที่เกิดจากการสร้างคุณงามความดี(บารมี 10 ทัศ) เช่นอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคม อันไปสู่การที่จะช่วยกันพัฒนาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป และพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ความสุขที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น นั่นคือ ความสุขจากการหมดสิ่งรบกวนเผารนจิตใจ คือ ความโกรธ ความโลภ ความหลง อันไปสู่ความสุขที่เป็นนิจนิรันดร ที่จะไม่กลับกลายมาเป็นความทุกข์อีก นั่นคือ “พระนิพพาน”
    หลักธรรมคำสอนของหลวงปู่ เป็นหลักธรรมคำสอนอันลึกซึ้ง และเข้าใจง่าย โดยส่วนใหญ่ ใช้คำสอนสั้นๆ เป็นหลักธรรมคำสอนไว้ใช้เป็น คติคำสอนและข้อเตือนใจ หลวงปู่ให้หลักธรรมบางส่วนไว้ว่า
    “การจะปฏิบัติให้รู้ธรรม เห็นธรรม ต้องทำจริง จะได้อยู่ที่ทำจริง”
    “เรื่องของคนอื่น เราไปแก้ไขไม่ได้ ที่แก้ได้ คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องของโลก แต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม”
    “เรื่องโลก มีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด จนจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเอง แก้ไขที่ตัวเอง ตนของตนเตือนตน ด้วยตนเอง”
    “ของดีอยู่ที่ตัวเรา หมั่นทำ(ปฏิบัติ)เข้าไว้ ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต อย่าลืมตัวตาย และให้หมั่นพิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
    “ครูอาจารย์ดีๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแก ต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มาก นั่นแหละจึงจะดี”
    “การปฏิบัติ ถ้าอยากให้เป็นเร็วๆมันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็นมันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลาง ตั้งใจในกรรมฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้น แล้วภาวนาเรื่อยไป เหมือนกับเรากินข้าว ไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆกินไปมันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือ ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเรา แล้วจะรู้ชัดขึ้นมาว่า อะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป”
    การฝึกจิตให้ละกิเลสได้ เพื่อมุ่งไปสู่ “พระนิพพาน” ก็จะต้องหมั่นฝึกจิตของตนเองไปเรื่อยๆ อยู่เสมอๆ ให้จิตของตนเอง มีสติตั้งมั่น เกิดปัญญาอย่างแท้จริง ให้เห็นทุกสรรพสิ่งของโลกเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งนี้หลวงปู่ เปรียบเปรยว่า
    “ถ้าแกกินข้าวสามมื้อ มันก็มีกำลังวังชา เดินไปถึงได้ ถ้าแกกินข้าวมื้อเดียว มันก็พอไปถึงแต่ช้าหน่อย แต่ถ้าแกไม่กินเลย มันก็คงไปไม่ถึง ใช่ไหมล่ะ”
    ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ สนทนาปัญหาธรรมกับหลวงปู่ ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ว่า “เมื่อรู้สึกขี้เกียจ(ปฏิบัติ) จะทำอย่างไรดี” หลวงปู่ให้ตอบหลักธรรมว่า “หมั่นทำเข้าไว้ ถ้าขี้เกียจให้นึกถึงข้า ข้าทำมา ๕๐ ปี อุปัชฌา(หลวงพ่อกลั่น ) ข้าเคยสอนไว้ว่า ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าว นั่นแหละจึงไม่ทำ”
    “ต้องปฏิบัติธรรมให้มาก ถ้ารู้ใจเรายังแข็งแกร่งไม่พอ ถูกโลกเล่นงานง่ายๆ แกก็ต้องทำใจแกแกร่งให้ได้ แกถึงจะสู้กับมันได้”
    “ถ้าแกเกลียดกิเลส เหมือนเป็นหมาเน่า หรือของบูดเน่าก็ดี ให้เกลียดได้อย่างนั้น”
    หลวงปู่ให้หลักธรรม ในการดูความก้าวหน้าของการฝึกภาวนาไว้ว่า “ ปฏิบัติแล้ว โกรธ โลภ หลง ของแก ลดน้อยลงหรือเปล่า ถ้าลดลง ข้าก็ว่าแกใช้ได้”
    ในข้างต้นที่กล่าวมา เป็นหลักธรรมคำสอนบางส่วน ที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดได้จดจำมา แล้วนำมาปฏิบัติ รวมถึงได้นำมาเขียนหนังสือเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติ นำหลักธรรมคำสอน มาใช้เป็นคติ เตือนใจ
    หลักธรรมคำสอนของหลวงปู่ดู่ มีกุศโลบายที่ง่าย และเน้นให้สาธุชน มีการฝึกฝนพัฒนาจิตของตนเอง อยู่เนืองๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อฝึกจิตของตนเองนั้น ให้สงบ มีสติสัมปชัญญะที่แข็งแกร่ง โดยเน้นที่การสวดมนต์ โดยใช้บทสวด พระมหาจักรพรรดิ์ หรือ พระไตรสรณะคมณ์ จะเลือกใช้บทไหน ก็แล้วแต่จริตของตนเอง จะชอบบทสวดแบบยาว หรือแบบสั้น
    บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์ คือ นะโม พุทธายะ พระพุทธะไตร รัตนญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหัง วันทามิ ทูระโต อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
    บทสวดพระไตรสรณคมณ์ คือ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ให้สวด บทสวดมนต์ในใจ หรือออกเสียง ตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในช่วงทุกๆอิริยาบถ ของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็น ยืน เดิน นั่ง นอน ในช่วงเวลาทุกๆขณะที่เหมาะสม เช่น เริ่มตั้งแต่ ตื่นนอนตอนเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ หรือขณะที่นั่งปลดทุกข์ก็ทำได้ ทำกับข้าวหุงหาอาหาร เดินทางไปทำงาน ช่วงพักการปฏิบัติงาน ช่วงก่อนเข้านอนจนกว่าจะนอนหลับไป ถ้ามีเวลาที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามรูปแบบ โดยการ กราบพระ นั่งสวดมนต์ หน้าพระรัตนตรัย แล้วต่อด้วยการนั่งกรรมฐาน ก็จะเป็นการดีอย่างยิ่ง
    ถ้าในช่วงใด ที่จิตนั้น ไปกระทบกับกิเลส ที่ผ่านมาจากสัมผัสทั้ง6 นั่นคือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ อันเป็นบ่อเกิด ทำให้จิตใจเราฟุ้งซ่าน เกิดกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหา อุปทาน ก็ให้เรา สวดบทสวดมนต์ สวดบทพระมหาจักพรรดิ์ หรือ พระไตรสรณคมณ์ ในใจ สวดไปเรื่อยๆ หลายๆเที่ยวอย่างต่อเนื่อง จนทำให้จิตใจเรานั้นเกิดความฟุ้งซ่านลดน้อยถอยลง สวดไปเรื่อยๆ แล้วจิตของเรา ก็จะมุ่งไปสู่บทสวดเองโดยอัตโนมัติ จะไปสู่ความสงบเอง ถ้ามีความรู้สึกว่า จิตมันสงบได้ยาก ให้โน้มจิตไปสู้สภาวธรรม ให้มองเห็นสิ่งที่มากระทบจากภายนอก ให้เข้าใจสภาวธรรมที่เกิดนั้น ไปสู่ความเป็นจริง ตามกฎไตรลักษณ์ ฝึกจิตให้เกิด ปัญญา(โยโสมณสิการ) การที่แต่ละคนจะสามารถมุ่งไปสู่ความสงบได้ง่าย หรือรวดเร็ว หรือมีจิตเกิดปัญญา ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนพัฒนาจิตมาแตกต่างกัน ทั้งในอดีตชาติ และปัจจุบันชาติ ขอให้ผู้ปฏิบัติ มุ่งปฏิบัติทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ บำเพ็ญเพียร ไปด้วยความมุ่งมั่น ขยัน และอดทน(ขันติ) นอกจากนี้ ก็ขอให้หาเวลา และให้ความสำคัญกับการไปฝึกนั่งสมาธิตามรูปแบบ...
    การสวดมนต์ บทพระมหาจักรพรรดิ์ และ ไตรสรณคมณ์ ตามวิธีที่หลวงปู่ดู่ ให้สวดนั้น นอกจาก จะมีผลทำให้เราฝึกฝนพัฒนาจิตไปสู่ความสงบ ฝึกพัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ ฝึกให้จิตใจกล้าแกร่งมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งผลทำให้เราได้สร้างบุญบารมี เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะบทสวดทั้งสอง มีอานิสงส์มาก
    **บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์ มีอานิสงส์มาก เนื่องการเป็นการน้อมนำพลังบุญอันยิ่งใหญ่ของ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ พระโพธิสัตว์ และพระบรมมหาจักรพรรดิ์ ทุกๆ พระองค์ โดยตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด พร้อมบุญบารมีที่ตัวเราได้สร้างขึ้นแผ่ไปทั่วจักรวาล ตลอดสามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่ปรับภพภูมิแก่ สรรพสัตว์ ดังนั้น จึงเป็นการสร้างเมตตาบารมีที่ใหญ่หลวง ด้วยกำลังบุญจำนวนมาก แผ่ไปให้ดวงจิตทุกๆดวงจิตทุกๆภพภูมิ...
    **หลักการคือ เราส่งกระแสจิต ขออำนาจบารมีของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เพื่อให้ท่าน ได้น้อมนำดึงเอาพลังบุญอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ พระโพธิสัตว์ และพระบรมมหาจักรพรรดิ์ ทุกๆ พระองค์ โดยตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด พร้อมบุญบารมีที่ตัวเราได้สร้างขึ้น มาสู่ตัวของเรา เพราะเรามีธาตุขันธ์(ดิน น้ำ ลม ไฟ) แล้วแผ่พลังบุญไปยังเป้าหมายทั้งหมดไปทั่วจักรวาล ตลอดสามแดนโลกธาตุ (บทสัพเพ)
    **การสวดครั้งหนึ่ง มีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักรวาล ตลอดสามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่ปรับภพภูมิแก่ สรรพสัตว์ ตลอดจนเทวดาประจำตัว ญาติมิตรครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนำบทสวดนี้ไปแผ่ในนรก ไฟนรก จะดับลงชั่วขณะ นอกจากนี้การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ์นี้ ยังเป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัว แก่ผู้สวดอีกด้วย
    **บทพระคาถามหาจักรพรรดิ์นี้ มีพลังงานบุญมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สวดขณะนั่งสมาธิ กรรมฐาน เพราะจะก่อให้เกิดกระแสพุทธานุภาพครอบคลุม และคุมการปฏิบัติสมาธิของเรา และสามารถใช้อธิษฐานเรื่องราวใดที่มี ข้อติดขัด เรื่องร้ายทั้งหมด ทำให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นำมาซึ่งความเจริญแก่ผู้สวดทั้งทางโลกและทางธรรม...
    **** ผลที่เกิดขึ้น ผู้ปฏิบัติจะสามารถเข้าถึง และรับรู้ได้ด้วยตนเอง (ปัตจัตตัง) ขอให้มีความศรัทธา ยึดมั่น และหมั่นปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ****
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวโหลดข้อมูลได้จาก.............
    ไฟส์.........
    https://www.facebook.com/groups/835065319908394/files/
     

แชร์หน้านี้

Loading...