ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. ลูกปลาใหญ่

    ลูกปลาใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +577
    เมื่อวันที่ 02/05/53 ได้โอนเงินจำนวน 500 บาท เข้าบัญชีทุนนิธิฯ เพื่อร่วมทำบุญประจำเดือนพฤษภาคม 53 ครับ
     
  2. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ร่วมบุญเพิ่มเติม ประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ครับ
    <LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cxp%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel=File-List><STYLE>@font-face { font-family: SimSun;}@font-face { font-family: Angsana New;}@font-face { font-family: Tahoma;}@font-face { font-family: @SimSun;}@page Section1 {margin: 72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; size: 612.0pt 792.0pt; mso-header-margin: 36.0pt; mso-footer-margin: 36.0pt; mso-paper-source: 0; }P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.Section1 { page: Section1}</STYLE>ฝากเงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
    วันที่ 4 พฤษภาคม 2553 เวลา 12:xx น. จำนวน 200 บาท ครับ
    อนุโมทนา สาธุ ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    [​IMG]


    หลวงปู่ดู่เคยกล่าวถึง พระที่ท่านอธิษฐานจิต ว่า
    "ข้าว่าของของข้า...ไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน
    อยู่ที่คนนำไปใช้ว่า...ถึงหรือเปล่า
    ถ้าถึงจริงๆ แล้ว ก็ไปนิพพานได้"


    ท่านเคยเตือนให้ระวังรักษา "พระ" ของท่านว่า
    "ใครเขาจะทำ (อธิษฐาน) ให้เหมือนอย่างที่ข้าทำ
    พระที่ข้าทำ แกจงรักษาให้ดี"



    สุดท้าย หลวงปู่บอกว่า
    “พระของข้า องค์เดียวก็พอ ...ปฏิบัติให้มันจริง”
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,791
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="middle">
    </td> <td valign="middle"> รูป หลวงปู่ดู่ประกอบข้อธรรมคำสอนบนความงดงามที่ต่อเนื่อง


    </td> <td style="font-size: smaller;" align="right" valign="bottom" height="20" nowrap="nowrap">
    </td> </tr></tbody></table> <hr class="hrcolor" width="100%" size="1">
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,791
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    ถ้ า ท้ อ เ ป็ น เ พี ย ง ถ่ า น ถ้ า ผ่ า น จึ ง เ ป็ น เ พ ช ร​



    เพชร มีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า ทั้งๆที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน
    ไม้ ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน

    แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์
    ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว
    ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
    เพชร ที่เป็นเครื่องประดับอันงดงามพร้อมๆกับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก

    ถ้า ท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน

    ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยว ถูกสับอยู่ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ ?

    ถ้า สถานการณ์กำลังบีบคั้น แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า

    ถ้ายังถูก โหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....


    ใน สถานการณ์เช่นนั้น หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
    ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทาง สว่างได้เสมอ

    จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
    แม้เพชรจะ ตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
    แต่เพราะเพชรไม่เคย ย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
    ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป
    เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง

    เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
    จากอดีต... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต

    วันนี้คุณต้องการเป็นเพชรอันเลอค่า
    หรือ ต้องการเป็นเพียงเถ้าถ่านที่พร้อมจะมลายหายไปจากโลกนี้
    [​IMG]


    ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,791
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ๑๙ คมความคิดเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีสติ


    [​IMG]

    ๑. หากเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีวันมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง

    ๒. ความพยายามครั้งที่ ๑๐๐ ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทํา

    ๓. การศึกษาคือความรู้ที่ได้มาไม่ใช่สถาบัน

    ๔. อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่ายึดติดถือติด

    ๕. อ่อนโยน แต่อย่าอ่อนแอ

    ๖. ถ้าคนเราไม่ปล่อยวางอดีต ก็ไม่รู้จักอนาคต

    ๗. มนุษย์แท้จริงแล้วไม่ได้โตด้วยอาหาร แต่โตด้วยความลําบาก

    ๘. ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร แต่ตัดใจต้องใช้เวลา

    ๙. ทําแล้วเสียใจ ยังดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทํา

    ๑๐. จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทําตัว จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทํา

    ๑๑. ความจริงของคนๆ หนึ่ง ไม่ใช่ความจริงของคนทั้งหมด

    ๑๒. อย่าเก็บอดีตมาทําร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรืยนรู้จากมัน

    ๑๓. อย่ารอคอยในสี่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ากลัวในสี่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลื่ยนแปลงมันได้

    ๑๔. กําลังใจเป้นสี่งสําคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

    ๑๕. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเรี่มใหม่หรือกดโหลดได้

    ๑๖. เราซื้อนาฬิกาได้แต่เราไม่สามารถซื้อเวลาได้

    ๑๗. การแต่งงานเป็นเรื่องง่าย แต่การครองเรือนมันเป็นเรื่องยาก

    ๑๘. มีเพียงคนอ่อนแอเท่านั้นที่รักตัวเอง ผู้เข้มแข็งเปิดหัวใจให้คนทั้งโลก

    ๑๙. คนทําดีไม่จําเป็นต้องให้ใครเห็น แต่มันอยู่ที่ใจเราต่างหากที่เห็นมัน
     
  7. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    วันที่ 4/5/10 เวลา 09.36 น. ได้โอนตังทำบุญประจำเดือน พ.ค เป็นจำนวน 4000 บาท
    เงินจำนวนนี้ หลักๆก็เป็นชุดเดิมๆที่ได้ร่วมบุญกันเป็นประจำในทุกๆเดือน ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยนะครับ
    แต่ที่พิเศษ ที่ทำให้เงินทำบุญเดือนนี้พุ่งมากกว่าปกติ นั่นคือบางท่านได้ทำบุญพิเศษเข้ามา
    โดยผ่านมาทางผม ดังนี้ครับ คุณนราสิฐ ทำบุญนี้เพื่อถวายแด่หลวงปู่โต 1000 บาท
    คุณเบญจาเพื่อนจากต่างแดน ทำบุญนี้เพื่อถวายแด่หลวงปู่บุญ 500 บาท
    น้องจุ๊บแจงและครอบครัว ร่วมทำบุญนี้ 500 บาท ทีเหลือ....ขาประจำที่ร่วมบุญกันมาโดยตลอด
    ขออนุโมทนาสาธุ กับทุกท่านด้วยนะครับ .....บุญกุศลทั้งหลายทั้งมวล ที่พึงมีพึงได้ จากการที่ท่านทั้งหลายได้ร่วม
    ทำบุญกับทุนนิธิสงฆ์อาพาธเพื่อช่วยเหลือพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านอาพาธ รวมถึงสาธารณะกุศล ที่เหล่าผู้นำบุญ
    โดยมีพี่เสือ....พันวฤทธิ์...เป็นหัวเรือใหญ่และคณะ นี้นั้น ขออาราธนาบุญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    พระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระมหาจักรพรรดิ์ โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวดเป็นที่สุด
    ได้โปรดปกปักรักษาเหล่าท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญกันมา จงเป็นผู้เลิศทั้งปวงถ้วนทั่วทุกสิ่งอย่าง
    ขอความสำเร็จจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ โรคภัยไม่กล้ำกลาย......โมทนาสาธุด้วยครับ
     
  8. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ลิงค์สำหรับ ชม animation เรื่อง พุทธศาสดา ที่เป็นเรื่องใหม่สุดๆ ภาพงดงามมากที่สำคัญ

    1. ให้โหลดกันชมฟรีๆ
    2. และน่าจะเป็นฝีมือชาวไทย
    ร่วมอนุโมทนากับผู้จัดทำสิ่งดีๆ เช่นนี้ด้วย<O:p</O:p

    http://buddha-thushaveiheard.com/page_01.html


    ขออนุโมทนาสาธุกับท่านผู้จัดทำทั้งหลายด้วยครับ
     
  9. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    [​IMG]


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่เคยพบ "หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร"
    ดังที่คุณวิรัตน์ โรจนจินดา ได้บันทึกไว้ดังนี้


    เหตุการณ์ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ข้าพเจ้า เริ่มตระเวนหาครูบาอาจารย์ตามวัดต่างๆ ตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัติธรรม
    วันหนึ่งข้าพเจ้าได้เดินทางไปกราบ หลวงปู่ดู่ ที่วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เมื่อไปถึงนั้นเป็นเวลา 4 โมงเย็น ข้าพเจ้าได้ไปถามเด็กวัดว่า กุฏิหลวงปู่ดู่ อยู่ทางไหน
    เด็กคนนั้นก็พาข้าพเจ้าไปจนพบตัวท่าน ขณะท่านกำลังอยู่ที่ศาลาริมน้ำ
    ข้าพเจ้าเข้าไปกราบเท้าท่าน
    ท่านก็เมตตาและถามว่า มาจากที่ไหน
    ข้าพเจ้าก็กราบเรียนถามท่านว่า มาจากกรุงเทพฯ ครับ


    แล้วท่านก็นั่งหลับตาอยู่นานสองนาน จนข้าพเจ้าคิดไปต่างๆนานาว่า ท่านคงไม่สบาย
    เวลาผ่านไปนานพอสมควร พอท่านลืมตาขึ้น
    ข้าพเจ้าก็รีบถามท่านทันทีว่า
    "หลวงปู่ไม่สบายหรือเปล่า หลานจะไปซื้อยามาถวาย"

    ท่านก็ตอบข้าพเจ้าว่า
    "ฉันกำลังคุยกับ หลวงพ่อเกษมที่ลำปางอยู่ จึงไม่ได้พูดคุยกับเธอ"


    เหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าพเจ้าแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า
    หลวงปู่ดู่ ท่านอยู่ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะสามารถส่งกระแสจิตติดต่อกับ "หลวงพ่อเกษม" ที่จังหวัดลำปางได้
    มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จิตใจก็เกิดปรามาสท่าน
    เพราะขณะนั้น ข้าพเจ้ายังไม่แตกฉานในเรื่องธรรมะ


    ภายหลังต่อมา ข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติพระกรรมฐาน
    เริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า
    ท่านคือ พระสุปฏิปันโนรูปหนึ่ง
    ข้าพเจ้าจึงได้กลับไปที่วัดสะแกอีกครั้งหนึ่ง พร้อมด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องสักการะ
    เพื่อขอขมาลาโทษ ที่ได้เคยล่วงเกินด้วย กาย วาจา หรือใจก็ตาม
    ท่านก็เมตตาให้โอวาท และ อบรมสั่งสอนธรรมะแก่ข้าพเจ้า...นับแต่นั้นมา


    จากนั้น ข้าพเจ้าก็ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน
    ท่านได้สอนวิปัสสนากรรมฐานจนข้าพเจ้าพอได้รู้ ได้เห็นบ้างตามสมควร ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่า

    พระสุปฎิปันโนนั้น...สภาวะจิต สภาวะธรรม ของท่านละเอียดอ่อน
    สามารถติดต่อถึงกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม


    หลังจากนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้คอยรับใช้ท่านอยู่หลายปี
    ท่านมีเมตตาเล่าเรื่อง "หลวงปู่ใหญ่" ให้ข้าพเจ้าฟังว่า...


    สมัยที่ท่านออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรนั้น
    วันหนึ่งในฤดูหนาว ท่านเดินทางไปถึงดงพญาเย็น
    แล้วเกิดเป็นไข้มาลาเรียอยู่ท่านกลางป่าดงดิบ ท่านคิดว่า คงจะไม่รอดชีวิตแน่แล้ว
    แต่จู่ๆ ก็มี "พระรูปร่างสูงใหญ่" องค์หนึ่ง เอายาเม็ดกลมๆ ปั้นเหมือนลูกกลอนมาให้ท่านฉัน 2 เม็ด
    เมื่อท่านฉันเสร็จแล้ว ปรากฎว่า อาการไข้กลับทุเลาลง...อย่างน่าอัศจรรย์
    พอท่านหาย พระรูปร่างสูงใหญ่องค์นั้นก็จากไป
    โดยที่ท่านไม่ทราบว่า พระองค์นั้นชื่ออะไร


    ภายหลังที่ท่านกลับมาอยุธยา ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อาจารย์ของท่านฟัง
    หลวงพ่อกลั่นหัวเราะแล้วบอกว่า พระรูปร่างสูงใหญ่องค์นี้ ท่านเป็นพระหลายยุค หลายสมัย
    ท่านเข้ามาเผยแผ่ พระไตรปิฎกในสุวรรณภูมิ คอยค้ำชูบวรพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ไม่ให้ตกต่ำ
    จนกว่าจะถึง..."ยุคพระศรีอาริย์"
    พระภิกษุ สามเณร สมณชีพราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา ท่านใดได้พบเห็น
    ไม่ว่าจะเป็น กายทิพย์ หรือ กายเนื้อ ถือเป็นมงคลอันสูงสุด


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็น "หน่อพุทธภูมิ" ที่จุติลงมาเพื่อค้ำชูพระพุทธศาสนา
    ท่านเพียรสั่งสอนอบรมเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านให้ปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    เพื่อมิให้ตกไปสู่อบายภูมิ หลังจากละสังขารไปจากโลกนี้แล้ว


    ข้าพเจ้าได้พบเห็น "บารมี" ในทางธรรมของท่าน สมัยที่ข้าพเจ้าไปรับใช้ท่านอยู่
    เมื่อครั้งท่านสร้างพระสมเด็จ ลักษณะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับนั่งอยู่เหนือสุดของพระพรหม
    วิธีการสร้างของท่านนั้น ท่านแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาด้วยตัวของท่านเอง


    รวมทั้งท่านทำผงวิเศษเอง มีตระไคร่โบสถ์ ผงนะปัดตลอด
    ซึ่งท่านสำเร็จ "วิชานะปัดตลอด" มาจากครูบาอาจารย์ของท่าน
    ซึ่งวิธีการนั้น ทำได้โดยใช้ชอล์คเขียนอักขระ เลขยันต์ลงบนกระดานชนวน
    เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ก็ใช้มือลูบเบาๆ ที่อักขระ เลขยันต์นั้น
    ผงวิเศษก็จะทะลุกระดาษชนวนลงไปในบาตร
    จากนั้นนำ "ผงวิเศษ" นี้ไปผสมกับปูนขาว ปั๊มออกมาเป็นพระสมเด็จตามต้องการ


    พระที่หลวงปู่สร้างไว้รุ่นแรกๆ นี้ วิธีการอธิษฐานจิตของท่านเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ และเล่าขานสืบต่อมาดังนี้

    ท่านจะนำพระที่สร้างไว้แล้ว เข้าไปไว้หน้าพระประธานในโบสถ์
    โยงสายสิญจ์จากโบสถ์มาที่กุฎิของท่าน แล้วปิดหน้าต่างทุกบาน
    รวมทั้งประตูโบสถ์ก็ล็อคกุญแจเรียบร้อย
    วันนั้นเป็นวันอาสาฬหบูชา เมื่อพระภิกษุ สามเณร สมณชีพราหมณ์ และอุบาสิกาที่ไปปฏิบัติธรรมกับท่าน
    ทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็กล่าวว่า...


    “วันนี้เป็นวันดี ฉันจะเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระอริยสาวกทุกพระองค์
    และครูบาอาจารย์ของฉัน
    มี หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ
    มาร่วมอธิษฐานจิต ในเวลาสองยามของค่ำคืนนี้ ขอให้ทุกคนจงร่วมจิตอธิษฐานด้วย”


    พอได้เวลาสองยาม ท่านก็นั่งลง จุดธูปเทียนสักการะบูชา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
    และท่านเองก็นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตพระเครื่องของท่านด้วย
    และแล้วสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น
    เหล่าบรรดาพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ตลอดจน สมณชีพราหมณ์ ที่นั่งอยู่ในนั้น
    ต่างได้ยินเสียงสวดมนต์ ดังออกมาจากโบสถ์ ซึ่งปิดสนิทหมดทุกด้าน และไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย


    พระเครื่องของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รุ่นนี้
    ผู้ใดได้ไว้สักการะบูชา พร้อมทั้งปฏิบัติตนอยู่ในศีล ในธรรม
    มีกาย วาจา ใจบริสุทธิ์ ก็บังเกิดพระธาตุเสด็จมาที่องค์พระนั้น...เป็นที่อัศจรรย์



    ที่มา http://www.watsakae.com/
     
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  11. chaid8800

    chaid8800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +711
    ผม คุณแม่และเพื่อนๆขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ 2000 บาทครับ โอนเข้าบัญชีแล้วครับวันนี้

    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
    (deejai)
     
  12. sophon2009

    sophon2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ข้าพเจ้า โสภณ ศิริดำรงค์ศักดิ์ และครอบครัว ขอร่วมบริจาคด้วย 500 บาทครับ

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#bdc9d5 align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD bgColor=#ffffff width="32%">บัญชีผู้โอน</TD><TD width="34%">
    5381011891 ​
    </TD><TD bgColor=#ffffff width="34%">
    SOPHON ​
    </TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD>บัญชีผู้รับโอน</TD><TD>
    Monk Donate ​
    </TD><TD bgColor=#ffffff>
    PRATOM F. ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD background=/krungsri_thai/pic_ib/bullet/dot_18.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD width="59%">
    จำนวนเงินที่ต้องการโอน​
    </TD><TD width="41%">
    500.00 บาท ​
    </TD></TR><TR><TD>
    ค่าธรรมเนียมการโอนข้ามเขต​
    </TD><TD>
    0.00 บาท ​
    </TD></TR><TR><TD>
    ค่าคู่สาย​
    </TD><TD>
    0.00 บาท ​
    </TD></TR><TR><TD>บันทึกช่วยจำ</TD><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    ค่าธรรมเนียม SMS​
    </TD><TD>
    ฟรี​
    </TD></TR><TR><TD>
    การแจ้งให้ทราบ​
    </TD><TD>
    ต้องการ​
    </TD></TR><TR><TD>
    แจ้งโดย​
    </TD><TD>
    SMS​
    </TD></TR><TR><TD>
    การแจ้งให้ผู้รับทราบ​
    </TD><TD>
    ไม่ต้องการ​
    </TD></TR><TR><TD>
    แจ้งโดย​
    </TD><TD>
    -​
    </TD></TR><TR><TD>
    หมายเลขอ้างอิง​
    </TD><TD>
    bayi15319669​
    </TD></TR><TR><TD>
    วัน / เวลา ​
    </TD><TD>
    06/05/2010 05:28:00 PM ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    ในตอนเช้าของวันนี้ คุณแม่ได้โอนเงินจำนวน ๕๐๐ บาท เพื่อร่วมทำบุญกับทุนนิธิ ฯ ประจำเดือนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,791
    ค่าพลัง:
    +16,105

    โอ้โฮ!..ก๊วนบุญชุดนี้ชุดใหญ่น่าชื่นใจดีจริง โดยเฉพาะเงิน 40ปอนด์จากอังกฤษ ที่มาพร้อมกับจดหมายน้อยได้รับแล้วเช่นกัน ในฐานะประธานทุนนิธิฯ ก็ขออนุโมทนาและสาธุบุญแทนพระสงฆ์ที่อาพาธทั้งหลายด้วยครับ บุญใดที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กหรือใหญ่ ใกล้หรือไกล "จิตเป็นใหญ่จิตเป็นประธาน" ยกมือขึ้นประนมระหว่างอกของท่านทุกคน อธิษฐานเอาบุญที่ได้จากการบริจาคปัจจัยนี้เป็นที่ตั้ง ขอผลบุญที่ได้กระทำด้วยความปิติ ด้วยความยินดีและความประณีตนี้ จงมาเกิดแก่ตนเองและครอบครัวให้พบพานแต่สิ่งที่ดี จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ข้าพเจ้าขอเอาบุญนี้เป็นที่ตั้งและหนุนนำข้าพเจ้า ให้ได้พบ ได้ฟังธรรม และได้สงเคราะห์พระอริยเจ้าทั้งหลาย และขอข้าพเจ้าได้ถึงซึ่งแดนฝั่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ..นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ




    [​IMG]

    ขอกุศลและผลบุญนี้จงสำเร็จแด่ทุกๆ ท่านด้วยเทอญ สาธุ...

     
  15. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>โอนจากบัญชี</TD><!--<td width="100">SAVING-01 </td> <td width="150" class="BorderR">THB 85,003.25</td>--><TD class=RightCL colSpan=2>419-2-10431-5</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย บุรักษ์ ศาลากิจ </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>348-1-23245-9</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>pratom foundation</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>750.00</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>0.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>วันที่ได้รับยอดเงินโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>07/05/2010 17.30 น.</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</TD><TD class=RightCL colSpan=2>06/05/2010</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi2038539</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ..........................................................

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัวขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าและครอบครัวในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    .................................................
     
  16. nui99

    nui99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +185
    ร่วมทำบุญ ครับ
    <link href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cxp%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel="File-List"><style>@font-face { font-family: SimSun;}@font-face { font-family: Angsana New;}@font-face { font-family: Tahoma;}@font-face { font-family: @SimSun;}@page Section1 {margin: 72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; size: 612.0pt 792.0pt; mso-header-margin: 36.0pt; mso-footer-margin: 36.0pt; mso-paper-source: 0; }P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: SimSun; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.Section1 { page: Section1}</style>ผมได้ฝาก เงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
    วันที่ 10 พฤษภาคม 2553 เวลา 07:50 น. จำนวน 200 บาท ครับ
    อนุโมทนา สาธุ ครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    ______________
     
  17. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนาด้วยทุกอย่างทุกประการค่ะ สาธุ
    กุ้งได้โอนเข้าบัญชี ธ.กรุงศรีอยุธยา วันนี้ เวลาประมาณ 14.40 น. ยอด 300 บาทค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  18. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    บางครั้ง.......... เราเห็นไฟมากกว่าควัน.... หรือเห็นควันมากกว่าไฟเท่านั้น...
    นั่น... มันก็เกิดจาก “เหตุ” ที่เป็น “ปัจจัย” ใน “กองฟืน” ของมันเอง.....

    ซึ่งเกิดจาก “ผู้ใส่เชื้อ” ว่ามี “เจตนา” อย่างไร....
    จึงเกิด “ผล” ไปตาม “เหตุ”

    แล้วใครจะเติมเชื้อให้ถูกหรือผิดไปตามปรารถนานั้น
    มันก็ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาของแต่ละบุคคล

    ด้วยเหตุนี้แล......พระอัสสชิเถระจึงกล่าวกะสารีบุตรว่า

    “ธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ”

    ดังนี้

    [​IMG]

    www.yokeedam.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • poem.jpg
      poem.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.3 KB
      เปิดดู:
      623
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2010
  19. โอลีฟ

    โอลีฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +257
    ร่วมทำบุญกับทุนนิธิ ฯ จำนวน ๒๐๐ บาทค่ะ เงินเข้าบัญชีวันที่ ๑๓ พ.ค. ๒๕๕๓ อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,791
    ค่าพลัง:
    +16,105

    การทำสมาธิแบบ พระพุทธเจ้า
    การทำสมาธิของคนส่วนใหญ่ประสบกับความล้มเหลว
    หรือก่อให้ เกิดความรู้สึกเป็นลบกับการทำสมาธิ
    เพราะขาดแนวทางที่ถูกต้อง
    หรือมอง แนวทางที่ถูกต้องแบบผิดๆ
    ซึ่งก็หมายความว่ายิ่งทำสมาธิเท่าไร
    ใจก็ ยิ่งแกว่ง หรือห่างไกลจากสมาธิที่ถูกที่ชอบมากขึ้นเท่านั้น

    ความเข้าใจ ขั้นพื้นฐานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด
    ถ้าขาดความเข้าใจ แล้วกระโดดไปพยายามทำสมาธิเลย
    เกือบร้อยทั้งร้อยจะพยายามเพ่งจับสิ่งใด สิ่งหนึ่งแน่นเกินไป
    หรือไม่ก็จ้องบังคับความคิดของตัวเองให้ดับไปดื้อๆ
    การ ทำสมาธินั้น ทุกคนหวังจะได้ผลเป็นความสุขสงบ
    พูดง่ายๆ สมาธิคือการเปลี่ยนอึดอัดเป็นสบาย
    แต่หลายคนทำสมาธิแล้วเปลี่ยนสบายเป็น อึดอัด
    แล้วจะไปชอบใจหรือเห็นค่าของสมาธิได้อย่างไรกัน?
    เพื่อจะมอง เห็นทั้งเป้าหมายของสมาธิแบบที่พระพุทธเจ้าสอน
    ตลอดจนทราบขั้นตอนของความ สำเร็จอย่างชัดเจน
    ก็ขอให้ทำความเข้าใจผ่านข้อสงสัยในหมู่นักเจริญสติ
    ที่ เกิดขึ้นบ่อยที่สุด และก่อให้เกิดความละล้าละลังที่สุด ดังต่อไปนี้



    ๑) การทำสมาธิกับการเจริญสติต่างกันอย่างไร?
    สมาธิคือภาวะของจิตที่ "ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว"
    คือนิ่งอยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่น
    หรือ เมื่อมีสิ่งอื่นมารบกวนก็ไม่แกว่งไกวตามง่ายๆ
    สติคือภาวะของจิตที่ "รู้เรื่องรู้ราว"
    คือไม่ใช่เอากันแค่นิ่งอยู่ในฝัก
    แต่ตัดเชือกกัน ว่าเอาตัวรอดได้หรือเปล่าด้วย
    เปรียบเทียบได้กับคนที่เผชิญกับอุบัติเหตุ กะทันหัน
    ต้องนิ่งด้วย แล้วก็มีความเฉียบคมฉับไวด้วย
    จึงจะหลีกหลบ สิ่งที่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
    ด้วยความเป็นอัตโนมัติทันเวลา
    ทาง พุทธเปรียบสิ่งกระทบหูตาและกายใจทั้งหลาย
    ว่าเหมือนเป็นภัยหรือยาพิษ
    เมื่อ ไม่รู้ว่าเป็นภัยหรือยาพิษเราก็ไม่หลีกหลบ
    ผลลัพธ์คือจิตเกิดความเสีย หายอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน
    สัมมาสติคือฝึกรู้ในสิ่งที่ควรรู้
    ไม่ว่า จะนับจากก้าวแรกที่เห็นลมหายใจ
    ไปจนถึงก้าวสุดท้ายที่เห็นธรรมทั้งปวง
    ล้วน แต่ควรรู้ว่าเหล่านั้นไม่เที่ยง
    บังคับให้เป็นอย่างใจไม่ได้
    ไม่อาจคง รูปให้เป็นตัวเป็นตนอย่างใดอย่างหนึ่งถาวร
    เมื่อรู้ความจริงก็จะได้ไม่มี อาการยึด
    เช่น เมื่อรู้แล้วว่าจิตไม่เที่ยง
    บังคับจิตให้เป็นไปตาม ต้องการไม่ได้
    เราก็จะได้ไม่คาดหวัง
    ยึดมั่นสำคัญผิดว่าจะให้มันทรง นิ่งอยู่ตลอด
    หรือเมื่อรู้แล้วว่ากายไม่เที่ยง
    เหนี่ยวรั้งให้กายคง อยู่ในสภาพใดสภาพหนึ่งไม่ได้
    เราก็จะหมดความทุรนทุรายเมื่อมันเหี่ยวย่น ลง
    หรือแม้กระทั่งร่างของบุคคลอันเป็นที่รักแตกดับ
    เราก็จะไม่ร่ำร้อง คร่ำครวญให้ร่างนั้นกลับฟื้นคืนชีพ
    การเจริญสติมุ่งหมายเอาการฝึกรู้กาย ใจตามจริง
    ผลลัพธ์สุดท้ายคือสมาธิที่เรียกว่า "อริยสมาธิ"
    คือจิตตั้ง มั่นรู้อยู่เองเป็นอัตโนมัติว่า
    กายใจไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ
    ดัง นั้น ถ้าจะกล่าวโดยภาพรวม
    ก็ต้องบอกว่าการทำสมาธิแบบพระพุทธเจ้า
    คือ "การเจริญสติ" แบบที่เราได้ยินกันมากขึ้นในยุคนี้นั่นเอง
    เมื่อทำสมาธิจน เป็นอริยสมาธิเต็มขั้น
    ก็คือการเกิดปรากฏการณ์ล้างผลาญกิเลสเป็นขั้นๆ
    เรียก ว่ามรรคผลขั้นโสดา สกทาคา อนาคา และอรหัตต์ตามลำดับ



    ๒) สมถะกับวิปัสสนาต่างกันอย่างไร?
    สมถะหมายถึงการอาศัยวิธีอันเป็นธรรมใดๆ
    ทำ ให้ใจสงบจากกิเลส เพื่อให้พร้อมรู้เป็นวิปัสสนา
    พูดสั้นๆคือ "ทำจิตให้สงบลงพร้อมตื่นรู้ตามจริง"
    ปัจจุบันคนมักพูดถึงการทำสมถะ
    ว่า คือการนั่งสมาธิและเดินจงกรม
    หรือหนักกว่านั้นคือสมถะเป็นเครื่องถ่วง
    ไม่ ให้สนใจวิปัสสนา
    ติดสมถะแล้วคือได้ไปเป็นพรหม
    หมดสิทธิ์เข้าถึงมรรคผล นิพพาน
    สมถะเลยถูกมองเป็นผู้ร้าย
    และเห็นวิปัสสนาเป็นพระเอก
    ข้อ เท็จจริงก็คือไม่มีใครเป็นผู้ร้าย
    ไม่มีใครเป็นพระเอก
    มีแต่ขาสองข้าง ที่พาเราเดินไปถึงฝั่ง
    ขาดข้างใดข้างหนึ่งก็เรียกว่าขาเป๋
    เดินลำบาก ไปถึงปลายทางได้ยาก
    หรือยิ่งถ้าขาข้างที่เหลือป้อแป้ปวกเปียก
    ก็ อาจออกจากจุดเริ่มต้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
    คำว่า "วิปัสสนา" นั้น
    รากของ นิยามมาจากที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสในวิธีเจริญสติ
    ใจความคือให้
    "ดูกาย ใจนี้ตามจริงเท่าที่ปรากฏอยู่เป็นปกติ"
    และที่เป็นปกติเลยก็คือทั่วทั้ง กายใจนี้
    กำลังแสดงความไม่เที่ยงให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา
    นับตั้งแต่ลม หายใจเข้าออกไปจนกระทั่งความรู้สึกนึกคิด
    ใครจะทำหรือไม่ทำวิปัสสนา
    กาย ใจก็แสดงความจริงอยู่อย่างนั้น
    ผู้ทำวิปัสสนาเพียงแต่เข้าไปดู เข้าไปรู้อย่างยอมรับเท่านั้นเอง
    ฟังดูเหมือนง่าย
    แต่ลงมือทำจริงจะ ยาก
    นั่นก็เพราะจิตกระเพื่อมด้วยพลังกระตุ้นของกิเลสอยู่เรื่อยๆ
    เช่น แค่ไม่อยากยอมรับว่าเราเป็นฝ่ายผิด
    จิตจะบิดเบี้ยว กิเลสจะกระตุ้นให้หาเหตุผลสารพัด
    มาพูดให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก
    คนเรา สั่งสมนิสัยเช่นนี้กันโดยมาก
    คนส่วนใหญ่จึงมีจิตที่ยอมรับตามจริงได้ยาก
    หรือ อย่างตอนฟุ้งซ่านหาทางแก้ตัวอยู่
    ตอนฟุ้งซ่านหาทางมีความสัมพันธ์ทางเพศ
    ตอน ฟุ้งซ่านหาทางแก้เผ็ดคนที่ทำให้เราเจ็บใจ
    จะไม่มีสิทธิ์เห็นความฟุ้งซ่าน
    และ ความฟุ้งซ่านย่อมบดบังทุกสิ่ง
    ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอกที่ปรากฏตรงหน้า
    หรือ จะเป็นโลกภายในทางกายทางใจใดๆ
    การทำสมถะจึงมีบทบาทสำคัญ ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังกระเพื่อม ไหวอยู่มาก
    หากอาศัยสมถะมาช่วย ก็จะเห็นอะไรชัดกระจ่างแตกต่างไป
    สรุป ว่าสมถะคือการลดระดับความกระเพื่อมไหว
    หรือสมถะคือการรักษาจิตไว้ไม่ให้ กระเพื่อมไหวก็ได้
    ประเด็นคือเมื่อจิตลดความกระเพื่อมไหวแล้ว
    จึงค่อย มีความสามารถเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ
    ไม่ใช่เห็นแบบโคลง เคลง ไม่ใช่เห็นแบบโยกไปไหวมา



    ๓) จะต้องเริ่มด้วยสมถะหรือวิปัสสนาก่อน?
    มักมีการอ้างถึงพระอานนท์
    ที่ ท่านใจกว้าง เปิดรับทั้งลูกศิษย์ที่ชอบทำสมถะก่อนวิปัสสนา
    หรือแบบที่ อยากทำวิปัสสนาก่อนสมถะ
    ตลอดจนแบบที่อยากทำทั้งสมถะและวิปัสสนาควบคู่กัน ไป
    ความจริงก็คือถ้าเราดูที่ตัวเองอย่างเข้าใจ
    ว่าเหมาะกับอะไร
    ไม่ ถือเอาตายตัวเป็นสากลว่าเริ่มอันไหนก่อนถึงจะดีกว่า
    ปัญหาก็จะหมดไป และไม่ต้องกังขาอยู่เนืองๆ
    ยกตัวอย่างถ้าเป็นคนกลัดกลุ้มรุ่มร้อนในราคะ โทสะ โมหะอยู่เรื่อยๆ
    ก็อย่าเพิ่งฝืนทำวิปัสสนาให้ยาก
    ต้องหาทางลด ความรุ่มร้อนลงเสียบ้าง
    เช่น ลดเหตุแห่งความตรึกนึกถึงเรื่องกามและเรื่องโกรธ
    หันมาแผ่เมตตาหรือปลง สังเวชในความเน่าเปื่อยแห่งกายเสียบ้าง
    พอร้อนเปลี่ยนเป็นเย็น พอทะยานอยากเปลี่ยนเป็นสงบระงับ
    จิตถึงค่อยพร้อมจะเห็นตามจริงแบบ วิปัสสนาได้
    แต่หากเป็นคนยอมรับตามจริงได้ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
    เคยมี นิสัยเห็นประโยชน์ตามที่มันเป็นประโยชน์
    เห็นโทษตามที่มันเป็นโทษ สำนักผิดตามที่ทำผิด
    กับทั้งรักษาวาจาสัตย์ พูดคำไหนคำนั้นไม่กลับกลอก
    ไม่ พูดเอาดีเข้าตัว ไม่โยนชั่วให้คนอื่น
    เช่นนี้ไม่ต้องพยายามทำสมถะมากก็ยก ขึ้นวิปัสสนาได้เลย
    ทำวิปัสสนาไป เดี๋ยวจิตคลายความยินดีในกิเลสทั้งหลาย
    กลาย เป็นสมถะไปในตัวได้เอง



    ๔) อานาปานสติคืออะไร?
    อานาปานสติ เป็นทั้งการทำสมาธิและการเจริญสติ
    เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาในคราวเดียว กัน
    แต่อย่างที่กล่าวแล้วว่าต้องมี "ความเข้าใจ" เป็นทุนก้อนแรกไว้ก่อน
    หาก ปราศจากความเข้าใจแล้ว
    อานาปานสติอาจเป็นสมาธิเก๊ๆ เป็นการเจริญสติเทียมๆ
    หรืออาจเป็นสมถะถ่วงความเจริญ หรืออาจเป็นวิปัสสนายาพิษ
    แทนที่จะเห็นอะไรตามจริง
    กลับเห็นแต่อะไร ที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เข้าข้างตัวเอง
    พอกพูนมานะอัตตาให้ยิ่งๆขึ้นไปได้ ทุกวัน
    ขอให้ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง
    หากกล่าวว่าอานาปานสติเป็น สมาธิ
    ก็หมายความว่าเป็นสมาธิ
    ที่อาศัยลมหายใจเป็นหลักตรึงจิตให้ตั้ง มั่น
    หากกล่าวว่าอานาปานสติเป็นการเจริญสติ
    ก็ต้องหมายความว่าเป็นการ เจริญสติ
    ที่อาศัยการยอมรับตามจริงว่าลมหายใจไม่เที่ยง
    ยอมรับตามจริง ว่าเมื่อใดถึงเวลาเข้า เมื่อใดถึงเวลาออก
    เมื่อถึงเวลาควรหยุด
    กระทั่ง เห็นชัดขึ้นมาเองว่าลมหายใจนั้น
    เข้าแล้วต้องออก ออกแล้วต้องหยุด หยุดแล้วก็ต้องเข้าใหม่
    เดี๋ยวก็ยาว เดี๋ยวก็สั้น หาความเที่ยงไม่ได้
    มี แต่ภาวะพัดไหวของธาตุลม
    ไม่ได้ต่างจากสายลมที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าแม้แต่นิด เดียว
    เห็นจนพอ ในที่สุดจิตก็ยอมรับตามจริงว่าลมไม่เที่ยง
    ไม่มีลมไหน เลยในชีวิตที่เป็นตัวเรา
    ไม่มีลมไหนเลยที่เป็นบุคคล ตัวตน เราเขา
    แม้ สุขที่เกิดจากอานาปานสติ
    ตั้งอยู่ได้นานแค่ไหนก็ต้องเสื่อมลงเป็นธรรมดา
    ไม่ ต่างจากลมหายใจแต่อย่างใดเลย
    เมื่อเข้าใจอยู่ด้วยมุมมองข้างต้น
    คำว่า สมถะและวิปัสสนาก็กลายเป็นเครื่องเสริมกัน
    ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องมาตีกันใน อานาปานสติ
    ลมหายใจและความสุขสดชื่นจะเป็นเครื่องล่อใหม่
    ให้จิตของ เราผละออกมาจากเหยื่อล่อแบบโลกๆ
    นั่นถือเป็นสมถะ ยกจิตให้พร้อมรู้
    และ ความไม่เที่ยงของลมหายใจที่ปรากฏให้รู้
    ก็จะก่อให้เกิดปัญญาเห็นตามจริง
    กระทั่ง "ทิ้ง" อุปาทาน เกิดปรากฏการณ์มรรคผลขึ้นในที่สุด



    ๕) ทำอานาปานสติควรลืมตาหรือหลับตา?
    คำตอบคือขึ้นอยู่กับว่าเรามีเวลาเท่าไร ทำที่ไหน
    มีเวลามากสักชั่วโมงหลับตาก็ดีจะได้ไม่วอกแวก
    มีเวลาน้อย ตอนคอยใครจะลืมตาก็ดีจะได้ไม่หลงเพลิน
    ในอานาปานสติสูตร
    พระพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงเจาะจงให้ลืมตาหรือหลับตา
    แต่ขอให้พิจารณาตามจุดยืนจริงๆของแต่ ละคน แต่ละขณะ
    ถ้าลืมตาจะวอกแวกตามเหยื่อล่อสายตาไหม?
    ถ้าหลับตาจะ เคร่งเครียดเห็นนิมิตล่อใจวุ่นวายไหม?
    ถ้ากำลังลืมตาหรือหลับตาแล้วเกิด ข้อเสียใดๆ
    ก็สลับกันเสีย เพื่อขับไล่ข้อเสียนั้นๆไป เท่านี้ก็จบ
    หาก ลืมตาแล้วรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่อง ก็ควรลืมตาให้มาก
    หากหลับตาถึงจะรู้ลม หายใจได้นานๆ ก็ควรหลับตาให้ต่อเนื่อง
    อย่าไปกลัว หรือไปยึดรูปแบบว่าจะเอาอย่างไหนถึงจะถูก
    เพราะมันถูกตรงจิต ตรงสติ ตรงความสามารถรู้ความไม่เที่ยง
    ไม่ใช่ถูกตรงหลับตาหรือลืมตา
    สำหรับคน ส่วนใหญ่จะพบว่าการหลับตา
    คือการปิดกั้นเครื่องรบกวนสายตา อันนี้ก็ถูก
    แต่ สำหรับคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ถูกรบกวนด้วยเครื่องล่อตาง่ายๆ
    และสมัครใจลืม ตาทำอานาปานสติ อันนี้ก็อย่าว่ากัน



    ๖) ทำอานาปานสติควรนั่งขัดสมาธิหรือนั่งเก้าอี้?
    ถ้านั่งขัดแข้งขัดขานานๆ
    กล้าม เนื้อจะหดเกร็ง
    และยิ่งถ้าได้ความพยายามเพ่งลมหายใจมาเสริม
    สักพัก เดียวก็อาจพบว่าเหน็บกินเหมือนร่ำๆจะพิการได้
    แรกเริ่มจึงควรนั่งเก้าอี้ ก่อน
    อย่าไปติดยึดว่านั่งขัดสมาธิได้ถึงจะเก่งหรือถึงจะถูก
    เมื่อนั่ง เก้าอี้เจริญอานาปานสติจนบังเกิดความชุ่มชื่นแล้ว
    คุณจะรู้สึกว่ากล้าม เนื้อผ่อนคลายสบายมาก
    เพราะร่างกายหลั่งสารดีๆออกมา
    และจิตก็ไม่ก่อ อาการบีบคั้นร่างกายดังเคย
    ถึงตรงนั้นถ้าเลื่อนขั้นมานั่งขัดสมาธิ
    ก็ จะได้ความสมดุลครบวงจร
    ตามที่พระพุทธเจ้าแนะว่าอานาปานสติที่สมบูรณ์



    ๗) เสียงช่วยกำกับการฝึกอานาปานสติมีประโยชน์อย่างไร?
    ปกตินักทำสมาธิหรือ นักเจริญอานาปานสติมือใหม่
    จะจับทิศจับทางไม่ถูก ได้หน้าลืมหลัง ไม่รู้จะเริ่มหนึ่ง สอง สามอย่างไร
    ถ้ามีเสียงบอกคอยช่วย ก็จะมีประโยชน์ตรงที่ไม่ต้องหลงทาง
    เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากสลบกลางหมอกจัด
    ถ้า มีใครมาจูงมือและคอยบอกว่าต้องก้าวขึ้นบันไดอย่างไร
    เตือนให้ช้าหรือเร่ง ให้เร็วตามความเหมาะสมที่จังหวะไหน
    โอกาสจะเข้าเขตปลอดโปร่ง ไม่ต้องหลงวกวนค่อยสูงขึ้น
    อย่างไรก็ตาม เมื่อจับหลักได้ถูกต้องแม่นยำแล้ว
    ก็ไม่ควรอาศัยเสียงเป็นเครื่องช่วย กำกับ
    เพราะเสียงเป็นปฏิปักษ์กับสมาธิจิต
    ถ้าคอยพะวงฟังเสียงหรือแปล ความหมายของเสียงอยู่
    จิตก็จะไม่วิเวกเต็มรอบ เข้าถึงฌานได้ยาก
    ไฟล์ เสียงช่วยกำกับการฝึกอานาปานสติจากดังตฤณ
    แบ่งออกเป็นหลายช่วง
    จุด ประสงค์เป็นไปเพื่อให้ฟังแล้วเข้าใจตลอดสาย
    ว่าจะดำเนินจิตแบบนับหนึ่ง สอง สาม กันท่าไหน
    ขณะหนึ่งๆอยู่ตรงขั้นใดของอานาปานสติ
    และกระทั่งจะ นำไปเทียบเคียงกับโพชฌงค์ได้อย่างไร



    การทำสมาธิแบบพระพุทธเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...