ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    สู้ด้วยความพากเพียร : คนเช่นนี้เทวดาก็หยุดไม่ได้

    <!-- Main -->โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก




    <CENTER>[​IMG]


    "สู้ด้วยความพากเพียร"

    [​IMG]


    มีคนนิยามความหมายของชีวิตว่า ชีวิตคือการต่อสู้ ผมขอแถมอีกนิดว่า สู้แล้วต้องให้ชนะด้วย
    จริงอยู่ในสังเวียนแห่งการต่อสู้ ย่อมมีทั้งแพ้และชนะแต่นักสู้ต้องมุ่งเป้าไปที่ชัยชนะ
    แพ้น่ะได้ แพ้บ่อยๆก็ได้อีกเหมือนกัน แต่ในที่สุดเราต้องเอาชัยชนะให้ได้ !

    ทุกคนมีสิทธิ์สะดุดล้ม แต่ล้มแล้วนอนเป็นเรื่องน่าตำหนิ
    ล้มแล้วรีบลุกขึ้นเดินต่อไปสิ คนเขายกย่องสรรเสริญ

    ในประเทศญี่ปุ่นเขามีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่ง คือเขาจะนำ "ตุ๊กตาล้มลุก"ไปมอบให้แก่กัน
    ในโอกาสสำคัญๆ เช่นวันเกิด หรือปีใหม่อะไรนี่ผมก็จำไม่ถนัด แต่จำได้ว่า เขามอบตุ๊กตาล้มลุกให้กัน
    ตุ๊กตานั้นเดินไปได้หน่อยแล้วก็ล้ม แล้วก็ลุกเดินต่อไป ล้มลุก ล้มลุก อยู่อย่างนี้

    ดูกันเล่นสนุกๆ ก็ได้ ดูให้ดีให้เกิดปรัชญาชีวิตก็ได้
    คือเป็นเครื่องเตือนใจว่า อย่ายอมหยุดหรือเลิกรา ล้มแล้วให้ลุกเดินต่อไป
    อย่านอนแผ่หลาอย่างคนหมดท่าในชีวิต เพราะญี่ปุ่นเขามี "ปรัชญาชีวิต" อย่างนี้
    เขาจึงพัฒนาก้าวไกลไปสุดกู่ เมื่อคราวแพ้สงคราม ญี่ปุ่นย่อยยับไม่มีดี
    แต่ไม่กี่ปีให้หลังก็ฟื้นตัวและพัฒนาล้ำหน้าประเทศอื่นๆ
    เดี๋ยวนี้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่น่ากลัวที่สุดในโลกไปแล้ว
    เพราะพี่ยุ่นแกถือปรัชญา ล้มแล้วลุก ดังเช่นตุ๊กตาล้มลุกนั่นแหละครับ

    การล้มแล้วลุก แล้วๆเล่าๆ ถ้าถอดเป็นธรรมะก็ได้แก่ความพากเพียรนั่นเอง
    พระท่านเรียกว่า "วิริยะ" บ้าง "วิริยา-รัมภะ" บ้าง

    ความพากเพียร ไม่ได้หมายถึงทำอะไรหามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักพักผ่อน
    อย่างคนเรียนหนังสือ นั่งอ่านนั่งท่องอยู่นั่นแล้วตั้งแต่เช้ายันดึก ไม่กิน ไม่นอน
    อย่างนี้เขาเรียกว่า "หัก-โหม" มิใช่ความพากเพียร ขืนทำอย่างนี้ ไม่เกินสี่ห้าวันโรคประสาทกินตาย
    ความพากเพียรไม่ต้องทำมาก ไม่ต้องหักโหม ทำทีละน้อยๆ แต่ทำบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

    ท่านเคยเห็นแมงมุมไหม แน่นอนทุกคนคงรู้จักมันดี แต่น้อยคนที่จะสังเกตดูมันอย่างถี่ถ้วน
    ลองสังเกตดูมันสิครับเวลามันถักใย มันจะไต่จากมุมนี้ไปยังมุมนั้น
    มันมักจะตกสู่พื้นอยู่บ่อยๆ ไต่แล้วตก ไต่แล้วตก แต่มันก็ไม่ย่อท้อ
    ยังคงก้มหน้าก้มตาถักใยต่อไป
    ผลที่สุดมันก็ได้ใยแมงมุมที่สวยงามไว้ดักเหยื่อกินตามประสงค์

    คนที่พากเพียรไม่ต่างจากแมงมุงถักใย ไม่ว่าจะทำกิจการอะไร
    จะพากเพียรทำด้วยจิตใจแน่วแน่มั่นคง ไม่เลิกล้ม ไม่ย่อท้อ จนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ

    "คนจะล่วงพ้นทุกข์ได้เพราะความพากเพียร" พระท่านพูดไว้ไม่ผิดดอกครับ
    ทำอะไรล้มเหลวเพียงครั้งสองครั้ง อย่าได้ท้อแท้ ผิดหวังเลย ทำต่อไป สู้ต่อไป
    ถ้าหากการกระทำต่อสู้นั้นเป็นเรื่องถูกต้อง สุจริต ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรม
    ส่วนเรื่องผิดเรื่องชั่ว ไม่ต้องพากเพียรทำมันเพียงหลงทำครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

    "คนเช่นนี้เทวดาก็หยุดไม่ได้"

    ชีวิตคือการต่อสู้ และต้องสู้ให้ชนะ ชีวิตจึงมีความหมายในสังเวียนการต่อสู้
    เราอาจประสบความล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ได้ และอาจจะมีบ่อยครั้งด้วย
    แต่นั่นไม่สำคัญ ข้อสำคัญก็คือ ทุกครั้งที่เราล้มต้องรีบลุกทันที และก้าวเดินต่อไปอย่างมาดมั่น

    อันนี้แหละที่พระท่านเรียกว่า ความพากเพียรและพระอีกนั่นแหละบอกเรา
    ต่อไปว่า "คนที่มีความพากเพียร แม้เทวดาก็หยุดเขาไม่ได้"

    คงเคยได้ยินนิทาน (จำไม่ได้ว่านิทานชาดก หรือนิทานอีสป) เล่าว่า
    มีเด็กหนุ่มสองคนเป็นเพื่อนกัน ถูกหมอทำนายว่า
    คนหนึ่งจะลำบากในการทำมาหาเลี้ยงชีพ อีกคนหนึ่งจะได้นั่งกินนอนกิน

    คนที่หมอทำนายว่าจะลำบาก ไม่ท้อแท้ในชีวิต ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินหาทองเก็บหอมรอมริบไว้
    เพราะกลัวความทุกข์ยากลำบากตามที่หมอทำนาย แกคิดว่าเก็บหอมรอมริบไว้บ้าง
    ถึงจะลำบากในภายหน้าก็จะช่วยผ่อนเบาได้บ้าง
    ไม่ช้าไม่นานฐานะแกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นผู้มีอันจะกินระดับเศรษฐีน้อยๆ คนหนึ่ง

    ส่วนคนที่ได้รับคำทำนายว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไร ก็ได้นั่งกินนอนกิน
    ก็ประมาทนึกว่าดวงข้าดีแล้วจะขวนขวายทำมาหากเลี้ยงชีพไปทำไม
    เจ้าคนนี้ก็เอาแต่สำมะเลเทเมา สนุกสำราญ เป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมา
    ในที่สุดก็หมดเนื้อหมดตัว จนกระทั่งต้องกลายเป็นขอทานอาศัยนอนตามศาลาวัดบ้าง
    ข้างซอกตึกบ้าง ได้นั่งกินนอนกิน "ตามคำทำนายไม่ผิดเพี้ยน"
    ในขณะที่เพื่อนอีกคนมีหลักฐานมั่นคงอยู่ในขั้นเศรษฐีย่อยๆ คนหนึ่ง

    การก้าวมาสู่ระดับเศรษฐีมีเงินมีทองนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สะดวกสบาย
    ต้องอุตสาหะพากเพียรฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย
    ก็ถูกต้องแล้วที่หมอทำนายว่าแกต้อง "ลำบากตรากตรำในการทำมาหาเลี้ยงชีพ"

    นิทานเรื่องนี้ชี้คุณธรรมข้อเดิม คือ "ความพากเพียร"
    ทั้งสองคนมี "ศักยภาพ" ที่จะร่ำรวยได้ทัดเทียมกัน
    เพียงแต่คนหนึ่งไม่ "ดึง" ออกมาใช้ ในขณะที่อีกคนหนึ่ง "ดึง" ออกมาใช้เต็มที่

    ศักยภาพที่ว่านี้คือความพากเพียรครับ

    นิทานชาดกอีกเรื่องหนึ่งคล้ายกัน เปลี่ยนแต่เป็นเรื่องพระราชาสององค์รบกัน
    พระอินทร์ทำนายให้ฤๅษีฟังว่า องค์ที่มีแสนยานุภาพมากจะชนะ
    องค์ที่มีแสนยานุภาพน้อยจะแพ้ คำทำนายนี้ได้ยินไปถึงพระราชาทั้งสองพระองค์
    องค์ที่ได้รับคำทำนายว่าจะแพ้ก็ไม่ประมาทพยายามฝึกปรือกองทัพให้พรักพร้อม
    ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งประมาทผลการรบปรากฏว่าฝ่ายที่ว่าจะชนะกลับแพ้
    จึงไปต่อว่าฤๅษี ฤๅษีไปต่อว่าพระอินทร์ พระอินทร์บอกให้แง่คิดว่า

    "แนวโน้มบอกว่า ฝ่ายที่มีแสนยานุภาพมาก จะต้องชนะ
    แต่อีกฝ่ายเขาไม่ประมาทนิ่งเฉยพากเพียรฝึกปรือกองทัพให้พรักพร้อมเสมอ
    อย่างนี้รบกับใครที่ไหนก็ชนะ จำไว้เถิดว่าคนที่พากเพียรเต็มที่แม้เทวดาก็หยุดเขาไม่ได้"

    คนที่ชอบดูหมอโปรดอย่าลืมว่า คำทำนายเป็นเพียงบอกแนวโน้มว่า
    น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้น แต่การจะให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร
    อยู่ที่การกระทำด้วยความพากเพียรของเราเองครับ


    [​IMG]


    สู้ต่อไป
    อ้อย - กระท้อน

    <EMBED pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer src=http://www.mailboxdrive.com/flashplayer.swf?config=821697 width=168 height=16 type=application/x-shockwave-flash quality="high"></EMBED>
    </CENTER>
    http://www.bloggang.com/viewdiary.p...10-2009&date=10&group=2&gblog=93]Bloggang.com :
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

    <TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 15 สิงหาคม 2552 20:51:00 น.-->คติธรรมนำชีวิต


    <!-- Main -->[SIZE=-1][​IMG][/SIZE]

    [SIZE=-1]• ถ้าทำมักง่าย จะวุ่นวายภายหลัง[/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำใจร้อน จะร้อนใจภายหลัง [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าเห็นแก่ได้ จะเสียใจภายหลัง[/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าเห็นแก่กิน จะถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าพูดพล่อย ๆ จะเสื่อมถอยความนับถือ[/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าสบายเมื่อหนุ่ม จะกลุ้มใจเมื่อแก่ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำตามใจชอบ จะได้รับสิ่งที่ไม่ชอบใจ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำบาปแลกบุญ จะขาดทุนเรื่อยไป [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าเห็นแก่ธรรม สุขเลิศล้ำตลอดกาล [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำตัวแข่งกับสังคม ความล่มจมจะตามมา [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำงานเห็นแก่หน้า จะพบกับปัญหาเรื่อยไป [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำตัวเห็นแก่ได้ อย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ากลัวเกินไป จะทำอะไรไม่สำเร็จ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าขาดความพอดี จะเป็นหนี้ตลอดกาล [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าหวังแต่ความสนุก จะพบความทุกข์มหันต์ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าขาดความยั้งคิด ชีวิตจะหมดความหมาย [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำใจให้สงบ จะพบกับความสุขเยือกเย็น [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ามีความพอดี จะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ามีแต่ความงก จะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ามีเมตตาจิต จะมีญาติมิตรทั่วบ้าน [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าคิดถึงแต่ความหลัง จะพบรังแห่งความเศร้า [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ามีแต่ความมัวเมา จะพบความปวดร้าวภายหลัง [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำดีเพื่อเด่น จะถูกเขม่นจากญาติมิตร [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำความดีด้วยน้ำจิต จะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าหวังพึ่งแต่คนอื่น จะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ารู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้[/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้[/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ามั่วสุมกับอบายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าทำหูเบาเอาเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะตัวเอง [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะพบกับความสุขได้ที่ไหน [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าไม่ยอมปล่อยวาง จะพบกับความว่างได้อย่างไร [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าหาความสุขจากความมัวเมาเท่ากับเจอเงาในกระจก [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนงาม อย่าวู่วามโกรธง่าย [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนสบาย อย่าเบื่อหน่ายความเพียร [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนมั่งมี อย่าเป็นคนดีแต่จ่าย [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนนำสมัย อย่าทำลายวัฒนธรรม [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากมีความรู้ อย่าลบหลู่อาจารย์ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากหาความสำราญ อย่าล้างผลาญสมบัติ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนมีอำนาจ อย่าขาดความยุติธรรม [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้าอยากเป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ [/SIZE]
    [SIZE=-1]• ถ้ากินอยู่เกินฐานะ ชีวิตจะขรุขระเดือดร้อน [/SIZE]

    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]


    [SIZE=-1]ไปเจอเพลง "ฉันคือบุญชู" จากภาพยนต์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก
    [SIZE=-1]เป็นเพลงที่ชอบฟังมาก ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายดี[/SIZE]
    [SIZE=-1]จะว่าไป บุญชู บ้านโข้ง เด็กหนุ่มสุพรรณ คงจะเข้าใจคติธรรมนำชีวิต[/SIZE]
    [SIZE=-1]ข้างบนเป็นอย่างดีเพราะพื้นฐานของบุญชูเป็นคนธรรมะธรรมโม[/SIZE]
    [SIZE=-1]นิสัยเรียบง่าย ซื่อตรง เป็นคนดีมีสัมมาคาราวะ ช่วยเหลือคนรอบข้างและสังคม[/SIZE]
    [SIZE=-1]เพลงนี้ก็คงพอจะเข้ากับเนื้อหาในบล็อกนี้ได้บ้าง[/SIZE]
    [SIZE=-1]เชิญอ่านและรับฟังเพลงคลอไปด้วยเลยนะครับ[/SIZE]



    จรัญ มโนเพชร
    เพลง : ฉันคือบุญชู



    <OBJECT id=mediaplayer height=60 standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width=200 classid=CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6 VIEWASTEXT>
























    </p>&nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    </OBJECT>
    [/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></P></TD></TR></TBODY></TABLE></P>Bloggang.com : �ا���� : ��Ը����Ӫ��Ե
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!-- END WEBSTAT CODE -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height="95%" width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="75%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 21:34:28 น.-->คุณความสับสน


    <!-- Main --><CENTER>
    [​IMG]


    ความสับสนในชีวิต มาจากไหน
    เมื่อเราสงสัยเราจึงเกิดความคิดและคำถาม
    ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ใช่อย่างนั้นไม่ใช่อย่างนี้
    ทำไมเราไม่มีแบบเขา ทำไมเราไม่ได้อย่างเขา
    ... คุณต้องการอะไร

    บางครั้ง คุณหาสาเหตุของความสับสนสิ่งนั้นไม่เจอ ทำไมถึงต้องคิด
    ทำไมถึงต้องกังวล คุณใคร่ครวญถึงสาเหตุและถวิลหาถึงสิ่งนั้นมากมาย มากมายเหลือเกิน
    นี่คือกิเลสหรือเพียงแค่ความอยาก หรือมันเป็นความต้องการที่เหมือนคนอื่นตามปกติ

    บางที คุณตั้งคำถามว่าคนอื่นจะคิดเหมือนคุณบ้างไหม เขาถวิลหาสิ่ง
    ที่ต้องการเช่นเดียวกับคุณหรือไม่ ความคิดที่สับสน วนเวียนอยู่ในหัว
    คุณทุรนทุรายในห้วงความคิด
    คุณอยากได้ คุณอยากมี คุณอยากครอบครอง
    คุณอยากและอยาก

    วันนี้ คุณมองคนเดินเท้าที่สวนผ่านไปมาด้วยความคิดที่ว่าเขาจะคิดเหมือนกับคุณ
    แต่ไม่ใช่ทั้งหมด บางคนคิด บางคนหวัง บางคนโหยหา ถึงกิเลสที่ไม่มีวันได้มา
    หรือถ้าจะได้มาก็ยากแสนยาก คร่ำครวญเสียงดังอยู่ในจิตใจ
    แต่กลับเงียบกริบต่อสภาวะแวดล้อม
    คุณอาจกำลังมองหาคนที่เหมือนคุณ คนที่กรีดเสียงร้องอยู่ในห้วงคำนึงที่แสนเงียบ
    แต่ภายนอกเขากลับเงียบขรึม และเพิกเฉยต่อสิ่งแวดล้อมอันแสดง
    ความเป็นตรงข้ามกับจิตใจของเขา
    คุณความสับสน ... คุณหาคนๆนั้นไม่เจอ

    คุณออกเดินต่อไป ไกล แสนไกลเพื่อค้นหาคำถามที่เกิดจากความอยาก
    ในสิ่งที่คุณไม่มี
    คุณเดินไกลออกไป ไกลออกไป ในจิตใจที่สับสนและ วุ่นวายของคุณ
    ... ทั้งที่คุณไม่ได้ขยับตัวไปไหน ...

    ความอยาก คำถาม ความสับสน จะว่าไม่เกี่ยวกันเห็นจะไม่ได้
    เพราะถ้าคุณมีสักหนึ่งอยู่ในความคิดอยู่ในจิตใจ มันคงต้องเกี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้
    คุณอยากได้ ทำไมคุณไม่ได้ คุณอยากมี ทำไมคุณไม่มี
    แล้วทำอย่างไรคุณจึงจะได้ คุณจึงจะมี
    ต้องทำอย่างนี้ก่อน อย่างนั้นก่อน ทำให้ได้ เอาให้ได้ ฉันต้องได้
    คุณอยากได้ อยากและอยาก ความสับสนวุ่นวายในชีวิต
    คุณได้แต่คิดมันทุกๆวัน บั่นทอนสุขภาพจิต และคุณภาพชีวิต
    คิดให้น้อยลงเถิด จะดี

    มาถึงบรรทัดนี้ ลองถามตัวเองดูว่าคุณอยากมีอะไร
    คุณอยากได้อะไร และทำอย่างไรให้ได้มันมา
    คิดถึงขั้นตอน บันไดสู่ความสำเร็จ ตั้งเป้าหมายไว้
    หรือถ้าไม่ตั้ง ไม่มีเป้าหมาย คุณก็อย่าทำมันเสียเลย
    ถามตัวเองดูว่าคุณต้องการอะไร และอย่าลืมว่าเมื่อคุณเริ่มตั้งคำถาม
    ไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณต้องพร้อมสำหรับเพื่อนใหม่ เพื่อนใหม่ของคุณ...
    คุณความสับสน


    ผมเรียกมันเพราะไปหรือเปล่า?
    คุณความสับสน ...
    คุณความสับสน ...


    [​IMG]


    ขอมอบเพลงนี้สำหรับคนที่ยังสับสนในชีวิต และยังค้นหาตัวเองไม่เจอนะครับ


    <EMBED pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer src=http://www.mailboxdrive.com/flashplayer.swf?config=794810 width=168 height=16 type=application/x-shockwave-flash quality="high"></EMBED>


    เพลง "คนค้นฅน"
    เนื้อร้อง - ทำนองโดย " พจนารถ พจนาพิทักษ์ "

    โลกมีเรื่องราวเรียงราย
    เก็บงำความหมายซ่อนอยู่
    ไม่ออกไปค้น ไม่ออกไปดู ยิ่งไม่รู้ใหญ่
    หากคนไม่เคยรู้จัก
    หากมองหน้าไม่รู้ใจ
    หากสิ่งที่เห็น ไม่เป็นอย่างคิดมากมาย
    * ก็เลยต้องหาทาง ตามไปเจอไปดู คุยกันให้รู้ให้ลึกกว่าที่เห็น
    ยากเย็นจะยอมดิ้นรน คน ค้น คน

    ชีวิตนั้นมีหลายตอน
    มีความซับซ้อนซ่อนอยู่
    เคยตั้งคำถาม เคยอยากไปดู ไม่รู้เมื่อไหร่

    ไปเป็นเหมือนเงาตามกัน
    เผชิญคืนวันข้างใน
    ได้เก็บมาคิด ได้มองชีวิตเข้าใจ

    * ก็เลยต้องหาทาง ตามไปเจอไปดู คุยกันให้รู้ให้ลึกกว่าที่เห็น
    ยากเย็นจะยอมดิ้นรน คน ค้น คน
    ยากเย็นหรือว่าวกวน คนค้นคน
    เข้าใจในความเป็นคน คนค้นคน
    คน ค้น คน…….คน ค้น คน
    นา นา นา นา คน ค้น ฅน


    [​IMG]
    </CENTER>



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>Bloggang.com]Bloggang.com :
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2009
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ขออนุโมทนาและสาธุบุญกับทั้ง 3 ท่านด้วยครับ ในนามคณะกรรมการทุนนิธิฯ ขอให้ผลบุญจากทานมัยที่ท่านได้ตั้งใจบริจาคในครั้งนี้ ช่วยเติมเต็มให้กับบุญเก่าที่ติดมากับท่านในทุกภพทกชาติ ส่งผลให้ทั้ง 3 ท่านและครอบครัวพ้นจากโรคาพยาธิภัยอันร้ายแรงทั้งหลาย และให้มีความก้าวหน้าเจริญในธรรมพบพานแต่สิ่งที่ดี ตราบเท่าจนถึงฝั่งนิพพานด้วยเทอญ...นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ..

    [​IMG]

    พระกกุสันโธพุทธเจ้า

    พระพุทธรูปประทับยืนแกะสลักจากไม้ลงรักปิดทอง ประดิษฐาน ณ.อานันทวิหาร ประเทศพม่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2009
  5. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>" ....ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอนคอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานเปล่าๆ </CENTER><CENTER>โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว </CENTER><CENTER>ซึ่งเป็นสมบัติของพระะพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน ด้วยความเข้าใจผิด </CENTER><CENTER>ว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย </CENTER><CENTER>จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า </CENTER><CENTER>ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย" ....นี่คือคำสอนที่องค์หลวงปู่มั่นเคยพูดอยู่เสมอๆ</CENTER><CENTER></CENTER>
    ที่มา : www.luangpumun.org




    ขอบคุณ คุณkratium ครับที่แวะมาเยี่ยมกันบ่อย ๆ
    ธรรมที่นำมาฝากให้อ่านผมก็นำมาจากเว็บที่แว๊บไปแว๊บมาใน Internet ลองอ่านหัวข้อของพี่ๆ ที่เขานำมา postไว้ อาจสั้นๆ แต่ว่านั่นเป็นประสบการณ์ตรงที่เคยพี่ ๆ เขาเคยได้ผ่านมาแล้วและได้นำมาบอกต่อ บางครั้งเป็นเรื่องเหนือโลก หรืออาจเป็นเรื่องฤทธิ์ก็ได้ความรู้อีกแบบ

    โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2009
  6. นะจักรวาล

    นะจักรวาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,911
    ค่าพลัง:
    +8,327
    พระองค์นี้ใช่ของหลวงปู่เทพโลกอุดรไม๊ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • get_auc1_img.jpg
      get_auc1_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • get_auc2.jpg
      get_auc2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      61
    • get_auc3.jpg
      get_auc3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.1 KB
      เปิดดู:
      62
  7. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบริจาคทำบุญเกื้อหนุนพระสงฆ์อาพาธจำนวนเงิน 500 บาทให้แล้วครับ ขอบุญใดกุศลใดที่สำเร็จแล้ว..ขอจงถึงแด่พ่อแม่ ญาติ ครูอุปปัชฌาย์อาจาย์ เทวดา เปรต เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณและแด่ผู้เป็นเจ้าของกระทู้และผู้ร่วมบริจาคด้วยครับ
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 23:57:36 น.-->แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร

    <!-- Main -->เป็นคำที่พูดกันมาก แต่เข้าใจกันน้อย
    เอาไปใช้ในการแข่งขันกีฬาก็มี
    การแข่งขันนี้ป็นการแข่งขันกับใจตัวเอง ใช่ที่ใครอื่น
    คือ ตัว กับ ใจ
    การทำใจยอมรับผู้ที่ทำร้ายตนเอง ด้วยคำด่าบ้าง ด้วยการประทุษร้ายบ้าง
    โดยการไม่โต้ตอบ เป็นผู้สงบ เข้าใจในเหตุและผลของกรรมทั้งตนเองและผู้อื่นนั้นเป็นขันติอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเหตุเห็นโทษและภัยอันจะเกิดทุกข์แก่ตนและผู้อื่นไม่มีวันจบสิ้น โดยการเป็นผู้แพ้ คือแพ้จากการโต้ตอบผู้อื่น โดยเป็นผู้สงบ ถึงแม้โลกจะติเตียนว่าเรานี้เป็นผู้แพ้ แต่เนื้อแท้แห่งธรรมเราหาได้แพ้ด้วยไม่ เราแพ้ผู้อื่นด้วยเพราะเหตุการชนะใจของตน ธรรมจึงสมมติว่านี่คือเป็นผู้ชนะ เป็นพระแท้ เป็นผู้มีใจอันประเสริฐ มีธรรมอันเป็นที่พึ่งแก่ตน
    ส่วนผู้ชนะที่ว่ามารนั้น ก็คือเราที่พ่ายแพ้ต่อกิเลสตนเอง ไม่สามารถข่มใจไว้ได้ ไม่สามารถทนต่ออารมณ์นั้นๆได้

    โลกนี้ยังต้องแข่งขัน
    ใจเราก็ต้องแข่งขัน
    มีทั้ง ชนะ
    มีทั้ง แพ้

    จะชนะก็ที่เรา
    จะแพ้ก็ที่เรา

    จะชนะทางโลก
    หรือจะชนะทางธรรม

    อยู่ที่เราเลือกจะ "ชนะ" หรือ "แพ้" --- "โลก" หรือว่า " ธ ร ร ม "

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วิธีชนะแบบชาวพุทธ



    มีสำนวนไทยอยู่ ๒ ประโยค เกี่ยวกับความแพ้และความชนะ เป็นคำที่ชินหูคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มพุทธศาสนิกชน สำนวน ๒ ประโยคนั้น ก็คือ "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" อ่านเพียงเผิน ๆ ก็น่าจะให้เข้าใจว่า ความแพ้เป็นของดี คำสำนวนนี้สอนให้คนยอมแพ้ผู้อื่นไว้แหละดี เพราะการยอมแพ้ทำให้เรื่องสงบ การไม่ยอมแพ้ทำให้เรื่องยืดยาว ได้พยายามค้นหาที่มาแห่งสำนวน ๒ ประโยคนี้ว่า มีพระบาลีรับรองไว้หรือไม่ แต่ก็ไม่พบ และถามท่านผู้รู้หลายท่านก็กล่าวเป็นทำนองเดียวกันว่า ไม่เคยพบเช่นกัน พบแต่พระบาลีบทหนึ่งว่า




    "โยเชถ มารํ ปญฺญาวุเธน" "เธอทั้งหลายจงรบมารให้ชนะด้วยอาวุธคือปัญญา" แสดงว่า พระพุทธศาสนา มิได้สอนให้บุคคลเป็นฝ่ายแพ้ เพื่อคงความเป็นพระไว้ และมิได้สอนว่า ถ้าเอาชนะไว้ได้จะได้เป็นฝ่ายมาร ทรงสอนตรงข้ามว่า จงรบมารให้ชนะด้วยอาวุธคือปัญญา แต่ขอติงไว้ก่อนว่า ความชนะในที่นี้ มิได้หมายการเอาชนะในการกีฬา เพราะเรื่องของกีฬาเป็นการแข่งขันในด้านสมรรถนะ ทั้งทางกายและทางจิตว่าใครยิ่งหย่อนกว่ากัน ต้องมุ่งความชนะเป็นสำคัญ ผู้ชนะในการกีฬาย่อมได้ทั้งเกียรติและชื่อเสียงเป็นที่พอใจ ฉลองชัยชนะกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ความชนะในที่นี้หมายถึงการเอาชนะในการสู้รบกันด้วยกำลัง
    <!--MsgFile=0-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=left border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" align=left bgColor=#014990>พระสมเด็จพิมพ์โบราณ วัดระฆัง(1628)

    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=txtNormal>ชมพระสมเด็จองค์นี้แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ มีความรู้สึกอย่างไร เย็นตาสบายตา นี่แหละที่ผมพยายามเน้นหนักเรื่องเนื้อที่นุ่มนวลตามีความเป็นธรรมชาติ มองแล้วตัดสินใจง่ายกว่าพระเขาประกวดที่....เสียอีก พระพิมพ์นี้คนรุ่นเก่าๆเรียกขานกันว่าพิมพ์ฐานหมอน คือฐานพระมีลักษณะกลมมน เป็นพระสมเด็จที่สร้างขึ้นในยุคแรกๆสังเกตุได้จากเนื้อของพระที่มีมวลสารน้อยมาก เขาเรียกกันว่าเนื้อแก่ผงพุทธคุณ สวยงามมากพระเนื้อนี้หากผู้ใดพบเข้าละก็เก็บขึ้นคอได้เลยเก๊ไม่เป็น เป็นไงด้นข้างรากผักชี แตกปริมีไม๊ ไม่มีครับดังนั้นเราท่านก็ใช้สติปัญญาพิจารณากันเอาเองว่าจำเป็นไม๊ว่าต้องมีแตกปริ,ด้นข้างนะ คุยได้เลยว่า "เชื่อผมเถ๊อะ ผมแอบดูเขามามากแล้ว" ยุคนี้มันเจริญแล้วอย่าไปเชื่อใครง่ายๆ จงเชื่อมั่นในตัวของตัวเอง ไม่งั้นเราคงไม่เรียนจบมาได้หรอกเรียนสูงกว่าด้วยชั้นสี่วัดมหาธาตุ เอ้าเข้าเรื่อง ดูพระนี่หลักสำคัญคือความเป็นธรรมชาติ ต้องเป็นไปโดยธรรมชาติ การย่นยุบที่เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติแล้วมันจะสบายตาเนื้อจะไม่แข็งกระด้าง เลือกดูพระอย่างนี้ไปก่อนเพราะจะดูง่าย อย่าเพิ่งไปดูพิมพ์เพราะจะถูกความโลภเข้าครอบงำ หมดท่าเลยเข้าถึงพระรัตนตรัยด้วยความโลภนี่มันจะเข้าไปได้อย่างไร ให้หามาคล้องคอไม่ใช่หามาขาย โธ่ถังเอ๊ยดูยังไม่เป็นเลยคิดจะหามาขายเสียแล้ว อยากได้ด้วยความโลภนี่มันน่ารังเกียจมากเลย องค์ละยี่สิบล้านนะหามาได้ปุ๊ปก็ขายเลย มันไม่ใช่ของง่ายนะขอรับพี่น้องที่คิดจะขายพระสมเด็จนะ เอาแค่หาคนรับรองพระนี่ก็มึนตึบแล้ว แค่คิดตามนี่ก็ปวดหัวแล้ว มันได้มาแล้วมันจะไปขายใครว๊ะรู้หรือยังว่าจะขายให้ใคร สมเด็จนี่ท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ ท่านรู้นะว่าใครเคารพรักท่านจริง ไม่จริงอย่างไรนะ หรอกคนได้แต่หรอกเทวดาไม่ได้นะครับท่านรู้นะครับ

    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=620 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>















































    พระเครื่องเมืองสยาม : พระสมเด็จพุฒาจารย์โต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2009
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    คณะกรรมการฯ ต้องขอขอบคุณ คุณ rawats ในทานมัยครั้งนี้ที่ตั้งใจบริจาคให้พระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธทั้งหลายด้วยครับ และยิ่งได้เห็นความตั้งใจที่แผ่พลังบุญไปยังบุพการีและผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ควรโมทนารวมถึงพวกผมด้วยแล้ว อิ่มใจจัง ผมและคณะกรรมการฯ ก็ขอให้ผลบุญใดที่พวกผมได้กระทำด้วยดีแล้ว ยินดีแล้ว จงมีแด่คุณและครอบครัวด้วยครับ ขออนุโมทนา....


    [​IMG]


     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้แนะนำพระเครื่องดีมาแต่หัววัน แต่มาคราวนี้ แนะนำให้พวกเราไปรับของฟรีในวันลอยกระทงกันครับ ดูรายชื่อกันแล้ว สุดยอดหลายๆๆๆๆองค์จริงๆ เอ้า..เชิญอ่านกันครับ

    ห้ามพลาดพิธีพุทธาภิเษก วันลอยกระทง วัดเทพศิรินทร์ เเจกพระฟรี

    ในวันลอยกระทงนี้ 2 พฤศจิกายน 2552
    ทางคณะศิษย์หลวงปู่มหาอำพัน บุญหลง มีมติจัดงานรำลึก

    เจ้าคุณนรรัตน 111ปีเเละหลวงปู่มหาอำพัน108ปี
    ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    เวลาประมาณ18.09น เททองหล่อพระพุทธรูปเเละพระกริ่งนรรัตน พระกริ่งมหาสุรสิงหนาถ เเละพระกริ่งพุทธสโร

    โดย
    สมเด็จญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร
    เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
    พลโทนายแพทย์ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ ประธานฝ่ายฆราวาส

    พิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเจ้าคุณนรรัตน111ปีประกอบด้วยพระมหาเถราจารย์ดังนี้
    1สมเด็จญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส
    2หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา
    3หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา
    4หลวงพ่อพระมหาวิบูล วัดโพธิคุณ ตาก
    5พระครุสังฆรักษ์วีระ วัดราชสิทธาราม
    6พระครูวิมลฌาณอุดม พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ ลพบุรี
    7หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
    8หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    9หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม
    10.หลวงพ่อเกิด วัดโพธิ์แทน นครนายก
    11.หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ อยุธยา
    12.หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเ******ยง ชลบุรี
    13.หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
    14.หลวงพ่อหวล วัดพุธไธสวรรค์ อยุธยา
    15.หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
    16พระครูเขมคุณโสภณ (จันทร์แรม เขมสิริ)วัดเกาะแก้วธุดงค์สถาน
    17หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม
    18พระครูอุดมธรรมสุนทร (แปลง สุนทโร) วัดป่าอุดมสมพร
    19หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน
    20พระครูวิมลภาวนาคุณ (คูณ สุเมโธ) วัดป่าภูทอง
    21พระเทพวิสุทธิฌาน (ไพบูลย์ สุมังคโล) วัดอนาลโยทิพยาราม
    22พระครูสันติวีรญาณ (ฟัก สันติธัมโม) วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)
    23พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย สงขลา
    24เจ้าอาวาสวัดเเคราชานุวาส อยุธยา
    25เจ้าอาวาสวัดหนองโพ นครสวรรค์
    26เจ้าอาวาสวัดเชิงท่า ลพบุรี



    เสร็จพิธีมหาพุทธาภิเษกเวลาประมาณ 20.09 น.

    หลัง เสร็จพิธีเเจกหนังสือเเละพระเจ้าคุณนรรัตน 111 รวมทั้ง สมเด็จอรหังเวทาสากุเนื้อพิเศษ มวลสารสมเด็จสุก พร้อมด้วยผ้ายันต์หลวงพ่อทวด ฟรี เรียนเชิญพี่น้องในเวปทุกท่านเจอกันลอยกระทงนี้นะครับ
    หมายเหตุในงานไม่มีการจำหน่ายเเละจองวัตถุมงคลใดๆ


    ขอขอบคุณ
    www.suankhlang.com
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    จิตตานุภาพ...ของผู้มีอภิญญา นำมาให้อ่านเพื่อให้รู้ว่าจิตตานุภาพนั้นมีอยู่จริง แล้วบาป บุญ นรก สวรรค์ ต่างๆ ละ รึท่านว่าไง ทำบุญ ทำทาน ถ้าสวรรค์มีจริง เราก็สบายไป ถ้าทำบาปหรือทำชั่วแล้ว แล้วนรกมีจริงล่ะ ?


    เขียนโดย อำพล เจน
    วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2009 เวลา 14:11
    พูดกันบ่อย ๆ พูดกันหลายคน พูดกันหลายวาระว่า ปืนแตกสงสัยจังว่าปืนแตกนั้นมันแตกยังไง แบบไหน
    ขอให้พิจารณารูปปืนแตกที่ลงตีพิมพ์นี้.
    Remember that all news is biased
    จำเอาไว้ ข่าวสารทั้งหมดมีอคติ มีความเอนเอียง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้
    เพราะ ว่าผมกำลังให้ข่าวเอน ไปถึงหลวงพ่อเปลี้ย คุณสมฺปนฺโน วัดชอนสารเดช ลพบุรี ขอปิดชื่อผู้ยิงไว้ก่อน เนื่องจากว่าเขาเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการปราบมิจฉาชีพที่มีรายชื่อขึ้น บัญชีดำ ปิดสถานที่ทำการยิงไว้อีกด้วย เพื่อให้ยากแก่การทะลวงถึงแหล่งข้อมูล เมื่อปิดกันวุ่นวายอย่างนี้เรื่องคงมีน้ำหนักเบาลงไป แต่ผมไม่แคร์
    วันหนึ่งข้างหน้าตัวผู้ยิง คงจะเผยออกมาเอง อาจโดยผู้อื่นที่ไม่ใช่ผม ก๊วนยิงพระก๊วนนี้
    ยิง พระเป็นล่ำเป็นสันมาเนิ่นนาน ไม่เคยพบเหตุขั้นปืนแตกแบบนี้มาก่อน วันที่ปืนแตกก็เป็นวันปกติของการยิงพระทุก ๆ ครั้ง ยิงกระจุยกระจายไปหลายสิบองค์ แต่มีอยู่ 2 องค์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไรเลย
    องค์แรกคือรูปเหมือนลอยองค์ของหลวงพ่อกูด วัดหนองหัวหมู อุดรธานี
    กระสุนถูกพระเต็มเหนี่ยว แต่พระไม่มีรอยบุบสลาย
    จนกระทั่งถึงหลวงพ่อเปลี้ย ปืนก็แตกอย่างที่เห็น เหรียญที่ทำเอาปืนพังนั้นคือ เหรียญ “ทศบารมี 38
    ดู อย่างผิวเผินไม่ค่อยสวยจับใจนัก ลักษณะการออกแบบค่อนไปทางรุ่นเก่านิยม แต่พิจารณาใบหน้าหลวงพ่อแล้วรับว่ามีฝีมือแกะพิมพ์ที่ใช้การได้ ผมไม่มั่นใจว่าที่วัดชอนสารเดชยังมีเหรียญรุ่นนี้เหลืออยู่หรือเปล่า ทราบแต่เพียงว่าผู้ยิงเหรียญรุ่นนี้ได้เดินทางไปที่วัดและกวาดเหมาเอามาจน หมด ใครอยากลุ้นต้องไปลุ้นเอาเองที่วัด วัดชอนสารเดช อยู่ในตำบลชอนสารเดช กิ่งอำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
    หลวงพ่อเปลี้ยนั้นเข้าใจว่าท่านเป็น ศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ ปัจจุบันอายุราว ๆ 84 ปี (ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วย) ชราภาพมากแล้ว เป็นพระที่ค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่ปรากฏชื่อเสียง แม้ในเมืองลพบุรีเอง
    ทว่าปืนแตกระเบิดนั้น ผมกลับได้ยินเสียงระเบิดดังไกลจริง ๆ เฉพาะในกลุ่มผมหูอื้อไปหลายคน
    หันเข็มทิศไปที่วัดชอนสารเดชกันเป็นแถว หัวหมู่ทะลวงฟันทั้งหลาย บัดนี้ได้เวลาบุกกันแล้ว
    ดาบใครคมกว่า คนนั้นควรได้ชัยชนะ
    (ถ้า หาเหรียญทศบารมี 38 ไม่ได้, รุ่นอื่นก็เอาเถิด, ดีทั้งนั้น, หรือไม่ก็ให้รอฤษีรุ่นแรกของท่านซึ่งเสกเสร็จเรียบร้อยแล้ว, ฉบับหน้าจะลงรายละเอียดกันอีกที

    (ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 334 วันที่ 1 ธันวาคม 253)


    [​IMG]

    [​IMG]


    ควายธนู หลวงพ่อชุ่ม วัดท่ามะเดื่อ
    ควายธนู เป็นวิชาสำเร็จด้วยอิทธิฤทธิ์ของอาคม เป็นศาสตร์ทางไสยเวทอีกแขนงหนึ่ง ซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณกาล ผู้จะเรียนวิชานี้จนสามารถใช้ประโยชน์ได้ ต้องมีพลังจิตแก่กล้าสูงยิ่ง นับเป็นวิชาไสยศาสตร์อีกวิชาหนึ่ง ที่เรียนสำเร็จยากมาก เป็นการอธิษฐานฤทธิ์นิรมิตรูปกายจากสิ่งหนึ่ง ให้เป็นอีกรูปกายหนึ่ง จากการใช้ตอกไม้ไผ่สานให้มีรูปร่างคล้ายตัวควายตัวเล็ก ๆ แล้วปลุกเสกด้วยคาถาอาคม จนกลายเป็นตัวควายขนาดใหญ่ มีจิตวิญญาณและเคลื่อนไหวได้ มีความดุร้ายกราดเกรี้ยว และทรงพลังอำนาจดุร้าย ลองคิดดูเถิด จะต้องใช้พลังจิตสูงสักปานใด
    ผู้ที่เรียนวิชาควายธนู ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นภิกษุ หรือ ฆราวาส ผู้ใดก็เรียนได้ แต่จะใช้จนสำเร็จประโยชน์หรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการฝึกปรือ เคี่ยวกรำอำนาจจิตของตนเป็นสำคัญ วิชาควายธนูนี้มีพื้นฐาน เพื่อใช้ประโยชน์เป็นไปในทางป้องกันตัวเอง แต่ก็มีหมอไสยศาสตร์บางคน ที่มีมิจฉาสมาธิ นำวิชานี้ไปใช้ในการเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ให้ได้รับความเดือดร้อนอันตราย บุคคลประเภทนี้มักจะเป็นคนนอกศาสนาพุทธ เป็นพวกเคารพนับถือผีเป็นสรณะ และหวังได้รับผลประโยชน์ทางอามิสสินจ้าง คนพวกนี้แม้จะสำเร็จประโยชน์ด้วยคาถาอาคมได้ แต่ไม่ช้าไม่นานวิชามักจะเสื่อมไปในที่สุด
    ณ ที่นี้ จะนำเรื่อง อิทธิฤทธิ์ของควายธนู มาเล่า ให้รับรู้กันอีกเรื่อง ควายธนูที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อชุ่ม จันทโชติ วัดท่ามะเดื่อ (วัดอุทุมพรทาราม) อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
    วัดท่ามะเดื่อ หรือ วัดอุทุมพรทาราม ในปัจจุบัน สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๗ มีหลวงพ่อชุ่ม จันทโชติ เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ประวัติของหลวงพ่อชุ่ม ไม่ปรากฏชัดเจนเท่าที่ควร ทราบแต่เพียงว่า ถิ่นฐานบ้านเกิดของท่าน อยู่ที่ดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม แต่บางกระแสก็บอกว่า ท่านเป็นชาวตำบลโพธิ์หัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี แต่ที่แน่ชัดยิ่งกว่าอื่นใดก็คือ ท่านเป็นพระปฏิบัติ สายวิปัสสนาธุระ มีความเชี่ยวชาญทางไสยเวทพุทธาคม เป็นที่เลื่องลือ กล่าวได้ว่า เป็นพระอภิญญาแห่งลุ่มน้ำแม่กลองรูปหนึ่ง
    ในทุก ๆ ปี หลวงพ่อชุ่มจะลงไปสรงน้ำ ในแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งไหลผ่านหน้าวัดหนึ่งครั้ง ถึงเวลาท่านลงไปสรงน้ำในแม่น้ำแม่กลอง จะมีชาวบ้านทั้งตำบล พากันมาดูท่านสรงน้ำเต็มตลิ่ง เนื่องจากขณะหลวงพ่อชุ่มสรงน้ำ จะมีจระเข้ใหญ่ตัวหนึ่ง โผล่ขึ้นมาใกล้ ๆ ท่าน ว่ายวนเวียนดำผุดดำว่ายไปรอบ ๆ ตัวท่าน บางครั้งจะฟาดหางตีน้ำแตกกระจายดังตูมตาม บางครั้งจะว่ายเข้ามา เอาลำตัวเสียดสีกับตัวท่าน คล้ายกับแสดงความจงรักภักดีด้วยความเคารพ สำหรับหลวงพ่อชุ่มนั้น ท่านก็คงสรงน้ำไปตามปกติ ไม่ได้แสดงความหวาดหวั่น จระเข้ร้ายตัวนั้นแต่อย่างไร หลังจากท่านสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกลับขึ้นไปบนฝั่ง จระเข้ดังกล่าวก็จะจมน้ำหายไป
    เหตุการณ์เป็นที่อัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี ไม่มีผู้ใดทราบว่า เพราะเหตุใดจึงมีจระเข้ใหญ่โผล่ขึ้นมาทุกครั้ง ที่หลวงพ่อชุ่มลงไปสรงน้ำ ในแม่น้ำแม่กลอง มีผู้อยากรู้ความนัยเรื่องนี้เคยถามท่าน แต่ท่านไม่ตอบ
    หลวงพ่อชุ่มองค์นี้ เป็นญาติสนิทกับโยมบิดามารดาของ หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม หลวงพ่อเงินมีศักดิ์เป็นหลาน จึงเรียกหลวงพ่อชุ่มว่า “หลวงน้า” ตอนหลวงพ่อเงินเป็นเด็ก ได้มาเป็นศิษย์หลวงพ่อชุ่มที่วัดท่ามะเดื่อ และได้บวชเณรที่วัดนี้ เล่าเรียนเขียนอ่านอักขระอักษรไทยจนแตกฉาน เมื่ออายุครบบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดท่ามะเดื่อ แห่งนี้เช่นกัน
    เรื่องควายธนู ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อชุ่ม มีเหตุมาจากท่าน ไปดูแลบ้านน้องสาวของท่านที่ดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาเกี่ยวข้าว สามีน้องสาวของหลวงพ่อชุ่มไปช่วยเกี่ยวข้าวที่บ้านแพ้ว การทำนาสมัยก่อน ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้คนมาก เพื่อให้งานนั้นเสร็จสิ้นในเวลาอันจำกัด เช่น ดำนา เกี่ยวข้าว เพื่อนบ้านญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นวงศาคณาญาติ จะไปช่วยกันทั้งหมด เรียกว่า “ลงแขก” เป็นการเอาแรงงานไปช่วยกัน โดยไม่ต้องเสียค่าจ้าง การลงแขกแบบนี้ จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป

    เมื่อสามีน้องสาวหลวงพ่อชุ่ม ไปช่วยลงแขกที่บ้านแพ้ว จึงต้องทิ้งเมียเฝ้าบ้านคนเดียว อันที่จริง การอยู่บ้านคนเดียวไม่มีอันตรายใด ๆ เพราะมีเพื่อนบ้าน และ ญาติพี่น้อง ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ ๆ กันคอยดูแล แต่คราวนี้ไม่ทราบว่า หลวงพ่อชุ่มรู้ได้อย่างไรว่า น้องสาวอยู่บ้านคนเดียว และจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ท่านจึงได้เดินทางจากวัดท่ามะเดื่อ อำเภอบ้านโป่ง ไปยังดอนยายหอม โดยพาหลวงพ่อเงิน ซึ่งขณะนั้นเป็นสามเณรไปด้วย
    ไปถึงบ้านน้องสาวเป็นเวลาเย็นมากแล้ว น้องสาวคิดไม่ถึงว่า หลวงพ่อชุ่มจะมาเยี่ยม จึงรีบนิมนต์หลวงพี่ให้ขึ้นไปบนบ้าน จัดที่อันเหมาะสมให้ท่านนั่งพักผ่อน หลวงพ่อชุ่มบอกน้องสาวว่า คืนนี้ จะพักที่บ้านสักคืนหนึ่ง น้องสาวจึงได้จัดห้องให้ท่านพัก พร้อมสามเณรเงิน
    เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ หลวงพ่อชุ่มได้ล้วงเอาสิ่งหนึ่งออกมาจากย่าม เป็นรูปควายตัวเล็ก ๆ สานจากตอกไม้ไผ่หยาบ ๆ ท่านบอกกับสามเณรเงินว่า นี่คือ “ควายธนู” และสั่งให้นำไปวางที่โคนต้นมะม่วง ใกล้ ๆ กับ คอกควาย แล้วเรียกน้องสาวมาหา สั่งกำชับว่า หลังจากตะวันตกดินไปแล้ว ห้ามไม่ให้ตัวน้องสาว กับพวกลูก ๆ ลงจากเรือนอย่างเด็ดขาด และหากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นข้างนอกบ้าน อย่าเปิดประตูบ้านลงไปดู ท่านบอกเพียงแค่นั้น ก็ไม่พูดอะไรอีก
    คืนนั้นเป็นคืนข้างขึ้น เดือนหงายส่องสว่างไปทั่ว หลวงพ่อชุ่ม และ สามเณรเงิน เข้าห้องจำวัด ส่วนน้องสาก็พาลูก ๆ เข้านอนอีกห้องหนึ่ง เวลาผ่านไปจนล่วงเข้ายามดึก ทุกคนในตำบลดอนยายหอม ต่างพากันหลับสนิทนิทรา ที่กอไผ่ด้าน หลังเขตบ้านน้องสาวหลวงพ่อชุ่ม มีชายฉกรรจ์สามคน เข้ามาแอบซุ่มอยู่อย่างเงียบ ๆ สามคนนี้ คือ มิจฉาชีพ เป็นโจรลักขโมยควาย พวกมันสืบรู้ว่า น้องสาวหลวงพ่อชุ่มเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว กับลูกเล็ก ๆ จึงฉวยโอกาสจะลอบเข้ามาขโมยควาย เมื่อเห็นว่าคนในบ้านหลับสนิทดีแล้ว จึงย่องเข้าไปที่คอกควาย ตั้งใจจะเปิดคอกจูงเอาควายไปให้หมดทุกตัว
    แต่พอเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง พวกมันก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อเห็นควายตัวใหญ่มหึมา ยืนจังก้าขวางทาง นัยน์ตาแดงโชน เหมือนลุกเป็นไฟ
    ไม่ทันพวกหัวขโมยจะทันตั้งสติ ควายตัวนั้นก็ทะยานเข้ามาหา สามวายร้ายเผ่นกระเจิงวิ่งหนีไม่คิดชีวิต โดยมีควายธนูตามขวิดไปติด ๆ แต่ละคนลืมหมดว่า ที่ตัวเองบุกรุกเข้ามาในบ้านผู้อื่นด้วยเจตนาทุจริต แหกปากร้องให้คนช่วยเสียงลั่น พร้อมกับซอยเท้าวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
    ขณะที่พวกลักขโมย ตะโกนโวย ๆ และวิ่งไปรอบบ้าน สามเณรเงินได้ลุกขึ้นมามองที่หน้าต่าง เห็นควายตัวมหึมา วิ่งไล่สามวายร้าย ชนิดหวิด ๆ จะทันถึงตัว พร้อมกันนั้น บ้านใกล้เรือนเคียงซึ่งอยู่ติด ๆ กัน ได้ยินเสียงพวกขโมยตะโกนโหวกเหวกดังลั่น จึงจุดตะเกียง เพื่อออกมาดูว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
    พวกขโมยเห็นชาวบ้านตื่นกันหมดแทบทั้งหมู่บ้าน ก็กลัวทั้งควาย และ ชาวบ้าน จึงพากันวิ่งเตลิดเปิดเปิงออกทุ่งไป เมื่อไอ้พวกวายร้ายออกพ้นเขตบ้าน ควายธนูก็หายวับไป
    เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อชุ่ม บอกให้สามเณรเงิน ลงไปเก็บควายธนูของท่านกลับมา สามเณรเงินไปเจอควายธนูวางอยู่ข้างกอไผ่หลังบ้าน แสดงว่า สิ่งที่ตนเห็นเมื่อตอนดึกที่ผ่านมา คือ ควายตัวใหญ่ วิ่งไล่พวกขโมยเป็นความจริงทั้งสิ้น ไม่ใช่ตาฝาดไปอย่างแน่นอน และทำให้เกิดความเคารพนับถือหลวงน้า หรือ หลวงพ่อชุ่ม เป็นทวีคูณ
    หลังจากฉันเช้าแล้ว หลวงพ่อชุ่มก็พาสามเณรเงินกลับวัดท่ามะเดื่อ ก่อนจะกลับ ท่านได้มอบควายธนูให้กับน้องสาว และสั่งว่า เมื่อถึงตอนกลางคืน ให้นำควายธนูไปไว้ใกล้ ๆ คอกควาย และห้ามลงจากบ้านเป็นอันขาด เพราะควายธนูจะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคนร้าย อาจทำอันตรายได้ เมื่อสามีกลับมา ก็ให้ปฏิบัติตามที่ท่านสั่งไว้ด้วย แต่ท่านเชื่อว่า พวกหัวขโมย คงไม่กล้าเข้ามาลักขโมยควายอีกแล้ว เพราะเท่าที่มันเจอควายธนูครั้งเดียว ก็คงจะเข็ดหลาบไปจนตายแน่
    นี่คือเรื่องควายธนู ของหลวงพ่อชุ่ม จันทโชติ วัดท่ามะเดื่อ (วัดอุทุมพรทาราม) อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อชุ่ม ละสังขารไปในปี พ.ศ. ๒๔๖๕ และ หลวงพ่อเงิน ได้ออกจากวัดท่ามะเดื่อ ในปีนั้นเช่นกัน

    [​IMG]

    [​IMG]


     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    นี่ก็อีกตัวอย่างนึงครับ

    พิธีพระราชทานเพลิงศพครูบาผัด วัดศรีดอนมูล มีประชาชนและศิษยานุศิษย์
    จากทั่วสารทิศมาร่วมพิธีกว่าครึ่งแสนคน โดยช่วงทำพิธีเพื่ออัญเชิญผ้าไตรพระราชทาน
    และไฟหลวงพระราชทานนั้น เกิดลมพายุพัดตลอดเวลา ขณะเดียวกันรอบๆ
    วัดศรีดอนมูลเกิดพายุและฝนตกอย่างหนัก แต่บริเวณพิธีพระราชทานเพลิงศพครูบาผัด
    กลับไม่มีฝนมีแต่ลมพัดสร้างความเย็นสบายแก่ผู้มาร่วมพิธีเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
    ทุกคนต่างยกมือท่วมหัวสาธุ เพราะเชื่อว่าเป็นบุญญาบารมีของครูผาผัด

    หลังเสร็จพิธีอัญเชิญผ้าไตรพระราชทานและไฟหลวงพระราชทานแล้ว พระสงฆ์
    ประชาชนและศิษยานุศิษย์ร่วมกันวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นพระราชทานเพลิง
    โดยใช้พลุและดอกไม้ไฟนานาชนิดตามประเพณีแบบโบราณเพื่อเผาทั้งปราสาทนกหัสดีลิงค์
    โดยมีรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลชมภู คอยดูแลไม่ให้เพลิงลุกลามจำนวน 5 คัน
    ทั้งนี้ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ปราสาทนกหัสดีลิงค์และลามไหม้โลงศพแก้วบรรจุสังขารครูบาผัด
    จนเป็นจุณไปในพริบตา ปรากฏว่าสรีระของครูบาผัดที่นอนสงบอยู่ในโลงแก้ว
    กลับไม่ไหม้ไฟทั้งที่เปลวเพลิงลุกโหมรุนแรงตลอดเวลา ประชาชนและศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าดู
    ต่างฮือฮาและพากันก้มลงกราบพร้อมกับเปล่งคำว่า "สาธุ" ดังกระหึ่ม
    กระทั่งไฟได้ไหม้ปราสาทนกหัสดีลิงค์และโลง ศพจนหมดแล้วแต่กลับเหลือ
    สรีระของครูบาผัดนอนทอดยาวบนกองเพลิงไม่ได้ไหม้ไฟไปด้วย
    จากนั้นคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์จึงร้องขอให้พระครูสิริศีลสังวร
    หรือครูบาน้อย เตชปัญโญ ศิษย์เอกครูบาผัด นั่งอธิษฐานจิต
    เพื่อล้างอาคมในตัวครูบาผัดให้หมดสิ้นไปเพื่อไฟพระราชทานจะได้ไหม้ส่งดวงวิญญาณ
    ไปสู่สัมปรายภพ เมื่อครูบาน้อยนั่งจิตอธิษฐานเพลิงก็ค่อยๆไหม้สรีระครูบาผัดไปเรื่อยๆ
    คาดว่ายังคงมีวิชาอาคมบางส่วนยังล้างไม่ออก โดยเฉพาะวิชาตะกรุดกาสะท้อนที่แรงกล้าติดตัวท่าน
    นายภัทร กองคำ คณะกรรมการวัดศรีดอนมูล เปิดเผยว่า
    สาเหตุที่สรีระของครูบาผัดไม่ไหม้ไฟนั้น น่าเชื่อว่าเป็นเพราะวิชาอาคมในตัวของครูบาผัด
    ยังล้างออกไปไม่หมด ตอนที่ครูบาผัดมรณภาพทางครูบาน้อย
    ศิษย์เอกก็ได้นำน้ำสมป่อยล้างวิชาอาคมออกจากตัวครูบาผัดแล้วครั้งหนึ่ง
    จนหมดเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ผู้อยู่ร่วมงานหลายหมื่นคน


    <table class="tablebg" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="row2">พระปิดตา ครูบาผัด

    [​IMG]
    <!-- 120.jpg [ 100.28 KiB | เปิดดู 380 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row1"> <!--คำอธิบาย: ปิดตา
    --> ปิดตา

    [​IMG]
    <!-- 116.jpg [ 79.81 KiB | เปิดดู 378 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> <tr> <td class="row2"> <!--คำอธิบาย: เหรียญท่านครูบาผัด
    --> เหรียญท่านครูบาผัด

    [​IMG]
    <!-- 115.jpg [ 105.61 KiB | เปิดดู 375 ครั้ง ] -->
    </td> </tr> </tbody></table> หน้าแรกเนาวรัตน์ดอทคอม
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้ได้รับแจ้งจากทาง รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น โดยคุณวรารัตน์ จนท.หอสงฆ์อาพาธว่า เครื่องดูดเสมหะข้างต้น ทางหอสงฆ์ฯ ได้รับในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากหลวงปู่ใบฯ ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ทาง รพ.จึงยังไม่ได้มอบเครื่องนี้ให้หลวงปู่ไว้ใช้ แต่หากแพทย์สั่งให้หลวงปู่กลับวัดได้แล้ว ทาง รพ. จะได้ทำพิธีมอบให้ท่าน และจะส่งรูปมาให้ทุนนิธิฯ ดูเหมือนเช่นเคย จึงขอแจ้งมาให้ผู้บริจาคทราบล่วงหน้าครับโดยเมื่อได้รูปแล้ว จะรีบลงให้ดูเพื่อโมทนากัน

    ส่วนเครื่องดันอาหารของหอสงฆ์ที่ ทุนนิธิฯ ได้สั่งซื้อไปแล้ว เพื่อเตรียมถวายให้หลวงปู่พระมหาโส ยืมใช้งานเป็นปฐมฤกษ์นั้น ทางผู้ขายได้นัดที่จะส่งเครื่องไปให้หอสงฆ์อาพาธของ รพ.ศรีนครินทร์ ในสัปดาห์หน้า โดยเมื่อได้รับเครื่องดังกล่าวที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานและได้รับการยืนยันจากคุณวรารัตน์เหมือนเครื่องดูดเสมหะข้างต้นแล้ว ทุนนิธิฯ จะได้โอนเงินให้ทางผู้ขายต่อไป

    สัปดาห์นี้คงมีเรื่องประชาสัมพันธ์ให้ทราบแค่นี้ครับ ก่อนจบมีเรื่องฝากนิดนึง ช่วงนี้พ่อแม่ครูอาจารย์สำคัญๆ หลายองค์ป่วยกันเยอะ เช่นหลวงตาบัว ฯ หากเป็นไปได้ หากใครจะไปกราบท่านหลายองค์ที่ได้ชื่อว่าสำเร็จกิจแล้ว แนะนำให้ไปช่วงปีใหม่ หรือหลังปีใหม่สักหน่อยก็จะดีหรือเป็นกุศลแก่ตนเองมากกว่าไปตอนนี้ครับ สาเหตุก็คือระยะเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ พ่อแม่ครูอาจารย์เหล่านี้ทุกรูปโดยหลวงตาฯ เป็นหัวเรือใหญ่ ท่านมีภารกิจเดียวกันคือเอาบารมีที่ได้บำเพ็ญมาช่วยพระโพธิสัตว์ใหญ่ที่ได้ป่วยหนัก จนในขณะนี้โพธิสัตว์องค์นี้ท่านได้หายดีแล้ว แต่พอช่วยเสร็จแต่ละรูปเจองานรับกฐินต่อกอรปกับพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายล้วนชราภาพแล้ว เลยหมดแรงทำให้พาลเจ็บป่วยกันหลายองค์คงต้องให้ท่านพักผ่อนกันเยอะๆ หน่อยครับท่านจะได้อยู่ให้เรากราบนานๆ อย่างเมื่อวันก่อนฟังหลวงตามหาบัวท่านให้พรตอนเช้าในคลื่น 103.25 ท่านเสียงแหบ บอกให้พรไม่ไหวไม่ค่อยสบายเป็นต้น...

    พันวฤทธิ์
    31/10/52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2009
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เอาไว้อ่านฆ่าเวลา แต่ไม่ฆ่าความรู้...

    พิมพ์หน้านี้ - สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

    http://gtmed.freeforums.org/topic-t1988.html

    <table align="center" bgcolor="#f9f9f9" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="text2" align="left">
    </td> <td align="right" height="17" width="20%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="2" width="220"> <tbody><tr class="text1"> <td class="text2" onclick="MM_openBrWindow('Option_ReportDelete.asp?MessageID=MSG-090514081220466','','width=370,height=150')" align="right"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td class="text1" align="left" height="20" valign="top">"ตอนที่สมเด็จโตท่านลบผงเพื่อทำพระสมเด็จนั้น กระดานชนวนจะลุกเป็นไฟตามรอยอักขระที่ท่านลบผงเลยทีเดียว..!!!!"
    หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="center" bgcolor="#f4f4f4" border="0" bordercolor="#ffffff" cellpadding="5" cellspacing="1" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td class="bot2" bgcolor="#f9f9f9" height="25"> nrs20303(1).png</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    http://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-071005084120608&PageNo=1&Other=#LoopStart


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2009
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    พระบารมี ธ สถิต ทั่วทุกอณูดวงใจ ไทยทุกดวง
    ขอพระองค์ จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


    พระครู ปราโมทย์ โมยกุล เจ้าอาวาสวัดบางโป่ง หมู่ 8 อ. เมือง จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า
    เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้กุฎิวัดวังโป่ง
    โดยมีกุฎิพระสงฆ์ได้รับความเสียหาย จำนวน 10 ห้อง
    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาล ต.วังกระพี้ ช่วยดับเพลิง จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ปรากฎว่ากุฎิห้องที่ 3 ที่เป็นของพระสมยศ จันทร์โอม
    พบพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
    ซึ่งแขวนอยู่เหนือหน้าต่าง กลับไม่ถูกไหม้ไฟหรือได้รับความเสียหายแต่ประการใด
    มีเพียงกรอบกระจกแตกร้าวเพียงเล็กน้อย เท่านั้น !!!!!
    ไฟไหม้กุฎิรุนแรงมากแต่ไม่น่าเชื่อว่า ไฟไม่ไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและพระราชินี
    เพราะพระบารมีของทั้งสองพระองค์จึงทำให้ไฟไม่ไหม้ เจ้าอาวาสกล่าว อย่างไรก็ตาม พระครูปราโมทย์ กล่าวว่า
    เป็นเพราะพระบารมีทั้ง 2 พระองค์จึงทำให้ไฟไม่ไหม้ ซึ่งชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์และทราบข่าวดังกล่าว
    จึงพากันมากราบไหว้ และขอให้ทางวัดเก็บรักษาพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง 2 พระองค์ เอาไว้ให้ดี
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เหรียญธรรมกับพระแก้วมรกตหลวงปู่หล้า
    วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) มุกดาหาร


    -----------------------------------------------------

    ปฏิปทาขององค์หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดภูจ้อก้อ ไม่เป็นไปในทางวัตถุมงคล ไม่รับนิมนต์ไปพิธีปลุกเสกพระเครื่อง ไม่อนุกญาตให้ใครสร้างวัตถุมงคลในนามท่าน แต่ท่านก็มีเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน

    เช่นเดียวกับหลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง
    แม้ไม่ไยดีในเรื่องวัตถุมงคลเลย ก็ยังมีอยู่อย่างน้อย 2 รุ่น มี เหรียญพัดยศฯ
    เป็นต้น


    ที่เหมือนกันที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องการสร้างรูปเหมือนของตัวท่านเอง ทั้งหลวงปู่เทสก์และหลวงปู่หล้า ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    เหรียญธรรม

    กลางปี 2537 ได้เกิดเรื่องเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ คือการปรากฏของเหรียญธรรม

    ตั้งแต่สิ้นหลวงพ่อชา กับหลวงปู่สิม ก็มีหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ที่ผมได้ไปกราบนมัสการบ่อยที่สุด ทำให้ได้เห็นดีในครั้งหนึ่ง

    ท่านชูเหรียญธรรมในมือขณะเรียกผมให้คลานเข้าไปใกล้ ๆ

    “นี่ไม่ใช่เหรียญของเรา เป็นเหรียญของคุณณรงค์ เขาทำมาตั้ง 2 หมื่นเหรียญแน่ะ เขาบอกว่าไม่มีรูปของเราในเหรียญ ไม่มีชื่อเรา ไม่มีชื่อของวัดเรา”


    “หลวงปู่ไม่ทราบหรือครับว่าในเหรียญมีอะไร หรือเป็นเหรียญอะไร” ผมนมัสการถาม

    “หึ”

    ผมรับเอาเหรียญที่ท่านส่งให้มาดู และอ่านรายละเอียดในเหรียญถวายท่านฟัง

    “เป็นเหรียญที่มีแต่ตัวหนังสือ ไม่มีรูปไม่มีชื่อหลวงปู่หรือชื่อวัดจริงอย่างที่เขาว่า”

    “ตัวหนังสืออะไรบ้าง”

    “ด้านหนึ่งมีคำว่า “รู้” อยู่กลางเหรียญ อีกด้านหนึ่งเป็นมรรคแปดประการ เป็นเหรียญที่มีแต่ข้อความเกี่ยวเนื่องกับธรรมะเท่านั้น เขาเข้าใจคิดทำนะครับ”

    “ไม่รู้เขาทำมาทำไม”
    หลวงปู่รำพึง “เขาเอาวางลงที่หลวงปู่แล้วทิ้งไว้ ไม่ยอมเอากลับหรือเขาจะลองเรานะ”

    ท่านนิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วตัดบทว่า

    “เอ้าก็ดีเหมือนกัน มารับเอาคนละเหรียญ”

    ท่านก็แจกทันที มีคนเข้าไปรับเหรียญที่แจกครั้งแรกนี้ไม่เกิน 20 คน ถึงคิวผมก็นมัสการท่านตามสไตล์ว่า “หลวงปู่ของผมเอาเยอะ ๆเพราะว่าพวกมีมาก”

    ท่านกำให้ 7 เหรียญพอดี

    หลังจากนั้นในวันต่อ ๆ มาผมพยายามเกณฑ์คนที่รักใคร่คุ้นเคยทั้งเพื่อนทั้งญาติไปขอรับเหรียญอยู่ถึงสามวาระ ท่านก็เลิกแจก

    ของดีอยู่บนหัวนอน

    คุณปัญญา โกวิทธวงศ์ ไปกราบหลวงพ่อคำพอง วัดถ้ำกกคู่ จังหวัดอุดรธานี ได้เอาหนังสือประวัติฉบับที่หลวงปู่หล้าลิขิตเองไปถวาย

    หลวงพ่อคำพองรับหนังสือแล้วก็กล่าวว่า

    “เอาแต่หนังสือมา ของดีอยู่บนหัวนอนหลวงปู่หล้าไม่รู้จักเอา”

    คุณปัญญาถามว่าอะไรคือของดี ท่านไม่ตอบ ทำยิ้ม ๆ เป็นปริศนาให้ไปหาคำตอบเอง

    วันหนึ่งผมไปกราบหลวงปู่หล้าเหมือนเคย พอท่านเลิกรับแขกเข้าพักผ่อน ก็ไปกราบสนทนากับท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์ กันตสีโล ที่กุฏิหลังภูเขา ได้กราบเรียนถามถึงเรื่องเหรียญธรรมที่หลวงปู่เคยแจกว่ายงมีเหลืออยู่หรือไม่ ท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์ตอบว่า

    “ยังมีอยู่ แต่ท่านไม่แจก ท่านเก็บไว้ที่หัวนอนของท่านตลอด”

    เมื่อเล่าให้คุณปัญญาทราบจึงร้องว่าอ้ออย่างนี้เอง

    เลยเป็นเรื่องอัศจรรย์ในหลวงพ่อคำพอง ท่านทราบอย่างไรว่าเหรียญธรรมเก็บอยู่บนหัวนอนหลวงปู่หล้า

    พระแก้วมรกต

    เพราะได้แวะกุฏิท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์เกือบทุกครั้งหลังนมัสการองค์หลวงปู่ จึงทำให้ได้เห็นดีอีกครั้งหนึ่ง คือเห็นท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์กำลังง่วนอยู่กับบล็อคพระ

    “อาจารย์ทำอะไรน่ะ”

    ท่านหันมาทำจุ๊ย์ปาก

    “อ้อ ทำพระเครื่อง” ผมว่า

    ท่านยกมือขึ้นเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากอีกครั้ง “เอ็ดไปน่ะ”

    “อ้าว ก็ทำพระอยู่จริง ๆ ไม่ใช่รึ ทำของใคร หลวงปู่รึ”

    “นั่นแหละ ก็แอบ ๆ ทำไม่มีใครรู้ ไม่กล้าขอท่าน กลัวถูกเอ็ด แต่มันอยากจะทำ ทำแล้วท่านจะเสกให้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”

    “อาจารย์ไม่ต้องแอบหรอกครับ ไง ๆ ในวัดนี้ใครทำอะไร อยู่ที่ไหน หลวงปู่ท่านรู้หมด ไม่ต้องให้ใครไปฟ้อง
    ท่านก็รู้”

    “จริงสิ ท่านคอยเทศน์เป็นราย ๆ เป็นคน ๆ ทั้งที่บางเรื่องไม่มีใครรู้ เจ้าของรู้อยู่คนเดียวแท้ ๆ”

    “ทำแบบองอาจผึ่งผายไปเลย ไม่ต้องกลัวท่านเอ็ด เพราะร้ายที่สุดก็แค่เอ็ด”

    ท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์พยักหน้าหงึก

    “จริง ๆ แล้วไม่ทันได้คิดทำหรอก บังเอิญเขาไปซ่อมกุฏิหลวงปู่มั่น เขารื้อไม้ที่ผุออก ก็เก็บมาท่อนหนึ่ง เป็นไม้ส่วนที่มุงหลังคากุฏิหลวงปู่มั่น ก็เลยเสียดาย คิดอยากเอามาทำเป็นพระ” ท่านอธิบาย

    ไม้ที่กล่าวนี้คือไม้มุงหลังคากุฏิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั่นแหละครับ

    “ทำเสร็จแล้ว หลวงปู่เสกให้แล้วอย่าลืมผมนา” ผมออกวาจาจองไว้ก่อน

    “เออน่ะ ไม่ลืม” ท่านรับรอง

    วันที่ 3 ธันวาคม 2537 ท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์โทรศัพท์มาหาผม

    “เร็ว ๆ รีบมาเอาพระเดี๋ยวหมดก่อนนา”

    “หลวงปู่เสกหรือยัง”

    “เสกซี่ ไม่เสกจะกล้าแจกเรอะ มาเร็ว ๆ แล้วกัน”

    วันที่ 5 ผมรีบบึ่งไปหาท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์ทันที

    “ตกลงเป็นยังไง หลวงปู่ไม่เอ็ดรึ” ผมซัก

    “ไม่เอ็ดสิ” ท่านอาจารย์สิทธิศักดิ์ว่า “พระนี่ทำเสร็จตั้งนานแล้ว ทำได้แค่ 80 องค์ ทำเสร็จแล้วก็ยังไม่กล้าเอาไปใหลวงปู่ คิดหาอุบายจะไม่ให้ท่านเอ็ด ก็คิดไม่ออก พอดีมีพระจะสึกเลยได้การ จัดแจงฝากท่านที่กำลังจะไปลาสึกถือเขาไป ฉันเองก็ย่องเข้าไปด้วย พอเอาพระในกล่องถวายท่าน ท่านก็ถามว่ากล่องอะไร เรียนท่านว่าเป็นพระ ก็บอกให้เปิดดู แล้วหยิบขึ้นมาองค์หนึ่ง ท่านเห็นแล้วก็ออกปากว่านี่เพราะแก้วมรกต เลยได้เล่าเรื่องพระแก้วมรกตให้พระทุกองค์ที่อุปัฏฐากในห้องพักฟื้นฟังอย่างละเอียด แล้วก็อธิษฐานจิตให้เลย ไม่เอ็ดไม่ว่าสักคำ พูดแต่ว่าดีแล้ว ๆ”

    “ไหมล่ะ ผมก็ว่าแล้ว”

    “ก็เท่านั้นเอง พระเลยแทบจะหมดไปทันที ทุกองค์ที่รู้เรื่องพากันมาขอคนละองค์ เหลืออยู่แค่นี้เอง”

    ผมจึงถือเป็นวาสนา ที่ได้พระแก้วมรกตนี้กับเขาด้วยคนหนึ่ง

    วัตถุมงคลที่เป็นทางการ

    ถ้าจะนับวัตถุมงคลที่เป็นทางการของหลวงปู่หล้าแล้ว เห็ฯว่ามีอยู่ 2 รุ่นนี้เอง

    เหรียญธรรม กับพระแก้วมรกต

    ลักษณะเหรียญธรรม เป็นเหรียญทองแดง ไม่รมดำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร มีจำนวนสร้างทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นเหรียญ ผู้สร้างคือ คุณณรงค์ (ใครก็ไม่รู้) เริ่มแจกตอนกลางปี 2537 ราว ๆ เดือนกันยายน-ตุลาคม

    พระแก้วมรกต ลักษณะมวลสารหยาบ ๆ ไม่มีความสวยงาม เพราะคนสร้างไม่ใช่นักสร้างพระมืออาชีพ มีมวลสารหลักเป็นไม้มุงหลังคากุฏิหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถร เกศาหลวงปู่หล้า ข้าวก้นบาตร ผงดอกไม้บูชาพระ และน้ำที่เหลือจากหลวงปู่หล้าฉัน มีจำนวนสร้างสุทธิ 80 องค์ แจกพระเณรบนวัดภูจ้อก้อเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีแพร่หลายออกข้างนอก

    วัตถุมงคลทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นทางการที่สุด

    เป็นมรดกขลัง มรดกแห่งมงคลที่หลวงปู่หล้าเมตตาทิ้งไว้ให้ผู้เคารพเลื่อมใสในองค์ท่านใครได้ไป ย่อมเป็นวาสนาของผู้นั้นอย่างแท้จริง

    บันทึกเอาไว้เพื่อไม่ให้มรดกหลวงปู่หล้าทั้งสองอย่างนี้สาบสูญไป

    (พระอาจารย์สิทธิศักดิ์ กันตสีโล เวลานี้ท่านธุดงค์ไปอยู่ไหน ใครรู้จักท่านช่วยกราบเรียนหรือส่งข่าวท่านให้ผมทราบด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง)
    ----------------------------------------------------------------------

    ข้อมูลจากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ประมาณปี 2537
    -----------------------------------------------------------------------


    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอขอบคุณ
    สวนขลังดอทคอม



     
  19. sophon2009

    sophon2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ผมโสภณ ศิริดำรงค์ศักดิ์ และครอบครัว
    ขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธครับ จำนวน 1500 บาท

    Type of Transaction : Money Transfer to other party's account within the Bank
    From Account No. : 5381011891
    To Account No. : Monk Donate
    Amount (Baht) : 1,500.00
    Transaction Fee (Baht) : 0.00
    Regional Fee (Baht) : 0.00
    Reference No. : bayi11448988
    Transaction Date/Time : 01/11/2009 08:14:06 PM
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    อัฐธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ภูริทัติโต ผมนำมาลงให้ดูเพื่อให้เห็นว่ามรรคผลมีจริง และบาปบุญก็คงจะมีจริงดังคำสอนของท่านครับ ไม่อย่างนั้น อัฐธาตุของท่านคงจะไม่แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นพระอรหันต์ธาตุอย่างนี้ ขอโมทนาและสาธุบุญ กับผู้บริจาคเข้าทุนนิธิฯ เพื่อมีปณิธาณในการรักษาเหล่าสงฆ์อาพาธ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพุทธบุตรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ ท่าน แม้มรรคผล ยังไม่ปรากฏชัดในชาตินี้ เราก็เพียงหวังว่า มรรคผลนี้จะตามติดตัวเราไปทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ โดยอย่างน้อย และผมเองก็มั่นใจว่าทุคคติภูมิคงไม่ใช่ที่อยู่ของพวกเราแน่นอน เพราะพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลายที่ท่านได้รับความช่วยเหลือจากทุนนิธิฯ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่แฟ๊บ วัดบ้านม่วง สกลนคร หรือหลวงปู่พระมหาโส วัดป่าคำแคนเหนือ จ.ขอนแก่น ฯ ท่านเหล่านี้ล้วนเป็นอริยสงฆ์ทั้งนั้น ทุกท่านย่อมทราบดีถึงความตั้งใจของพวกเรา อย่างหลวงปู่พระมหาโส ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ไหว แต่พอ จนท.หอสงฆ์บอกว่าขอผ้าอังสะเก่าๆ ให้ผู้ที่บริจาคเครื่องดูดเสมหะมาให้หลวงพ่อที่กรุงเทพฯ ได้มีไว้บูชากันบ้าง ท่านใจดีมาก รีบอธิษฐานให้ทันที ทั้งที่ผู้อื่นจะขอยากมาก ตอนนี้ผมได้รับมาแล้ว ไว้งานบุญคราวหน้าผมจะตัดแล้วนำมาแจกให้กันครับ ส่วนผู้บริจาคที่อยู่ไกล รออีกนิดนึง ไว้สิ้นปี จะมีของแจกให้เช่นกันโดยจะแจกพร้อมกับผ้าอังสะของหลวงปู่พระมหาโสด้วยครับ

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td width="32%">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td width="33%">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td width="35%">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]ทันตธาตุหลวงปู่มั่น ณ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จ.ปทุมธานี [/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]อัฐิธาตุและฟันกรามหลวงปู่มั่น ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่[/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2">
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]ทันตธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร[/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]อัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ลักษณะต่างๆ[/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> <td>
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1][​IMG][/SIZE][/FONT]​
    </td> </tr> </tbody></table> [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]เกสาธาตุหลวงปู่มั่น[/SIZE][/FONT]
    [FONT=Angsana New, AngsanaUPC][SIZE=+1]ภาพจากหนังสือ " ธรรมวิสุทธิ์ ๙๐ ปี หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน"
    กราบขอบพระคุณ ท่านพระครูสุทธธรรมาภรณ์ ( พระอาจารย์พยุง ชวนปญฺโญ )
    วัดป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    [/SIZE][/FONT]​
     

แชร์หน้านี้

Loading...