ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    มาล่าช้าสำหรับเดือนนี้ ด้วยเพราะติดงานหลายๆอย่าง
    เหล่าเพื่อนๆก็ดีใจหาย ร่วมบุญกันมาเป็นปกติ
    ขอบคุณนะครับสำหรับเพื่อนๆชาว IRPC ทั้งหลายที่ได้สละปัจจัยคนละเล็กละน้อย
    เพื่อร่วมสะสมกำลังบุญ กำลังบารมี กำลังคุณงามความดี.....
    สำหรับเดือนนี้ เพื่อนๆรวมทั้งผมเองได้รวบรวม ร่วมทำบุญกันมาเป็นเงินทั้งหมด 1500 บาท
    และได้โอนเข้าไปในเวลา 16.13 น.ของวันหวยออก...00....

    ขอผลบุญที่เหล่าท่านทั้งหลายได้ทำ จงเป็นปัจจัยให้ท่านทั้งหลาย เป็นผู้รุ่งเรืองเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม สุขภาพแข็งแรง
    โรคภัยอย่าได้เบียดเบียน จงประสบพบแต่ความสำเร็จ หวังสิ่งไหน ต้องการสิ่งใด ขอท่านทั้งหลายจงได้ดั่งใจปรารถนา
    ด้วยพลานิสงค์อันยิ่งใหญ่แห่งการที่ได้ทำบุญกับสงฆ์อาพาธ ขอความสำเร็จ จงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด
    ขออนุโมทนากับเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ
    รวมถึงขออนุโมทนาบุญร่วมกับพี่น้องชาวทุนนิธิฯทุกท่านด้วยนะครับ
    ขอพี่น้องชาวทุนนิธิฯทั้งหลายจงมีส่วนแห่งบุญนี้ ....สาธุ สาธุ สาธุ....
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับหัวเรือใหญ่ของน้องชาญณรงค์ ที่ช่วยระดมทุนมาให้ทุกเดือนมิได้ขาด ผลบุญอันใดที่คิดไว้เดี๋ยวก็จะสำเร็จเองด้วยบุญที่เราได้ช่วยทุนนิธิฯ นี้ เพื่อนำปัจจัยที่รวบรวมมากจา่กเพื่อนๆ ที่ประกอบด้วยศรัทธาอันบริสุืทธิ พี่ตอบไม่ได้ว่าบุญจะมาตอบสนองเมื่อใด แต่เท่าที่เคยคุยกับพี่ใหญ่ที่เป้นฌาณลาภีบุคคล ก็ได้รับคำตอบว่า ข้างบนท่านรู้ ท่านทราบ ใครทำใครได้ และที่สำคัญก็คือ "ท่านไม่ทิ้งเรา" อีกอย่างให้ช่วยบอกเพื่อนๆ ด้วยว่า เงินที่ได้บริจาคมาอยู่ในทุนนิธิฯ อย่างน้อยก็ได้มีส่วนช่วย "พระอรหันต์" อย่างหลวงปู่โส ให้ท่านได้อยู่อย่างมีความลำบากทางธาตุขันธ์ อันเกิดจากโรคาพยาธิต่างๆ ได้น้อยลง หรือบรรเทาเบาบางลงไม่มากก็น้อย ซึ่งถือเป็นการต่ออายุให้ท่านได้มีโอกาสเป็นหลักชัยในครูอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์และหลานศิษย์ท่าน ซึ่งนับเป็นอานิสงค์ที่เหลือจะประมาณอย่างยิ่ง ยังไงก็ฝากขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนด้วยก็แล้วกันครับ
     
  3. alovesab2002

    alovesab2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +5,408
    ฝากท่านพี่พิจารณาด้วยครับ...เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ .อานุภาพเหลือประมาณจริงๆ .


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1060332_1.jpg
      P1060332_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      303.4 KB
      เปิดดู:
      201
    • P1060339_1.jpg
      P1060339_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      299.5 KB
      เปิดดู:
      108
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    แฮ่ะๆ จริงอ่ะ เรื่องอานุภาพไม่มีมิเตอร์มาวัดกันง่ายๆ นา.. คำว่าแรง ถ้าใช้กับเครื่องยนต์ล่ะพอไหว เพราะว่ากันด้วยแรงม้า พระพิมพ์ข้างต้นนี้ในกลุ่มนี้เล่นหากันสำหรับนักสะสมเท่านั้น เพราะเป็นพระพิมพ์ที่อยู่นอกมาตรฐานวงการพระเครื่อง หรือถ้าจะเรียกท่านให้ถูกต้องก็คือ "พระพิมพ์นอกมาตรฐานวงการ" ครับ เหมาะสำหรับเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่น ไม่ควรมาตั้งราคาซื้อขาย หาได้ตามแผงพระริมทางท่าพระจันทร์ทั่วไป จะรู้ว่าดีขนาดไหน ต้องให้ฌาณลาภีบุคคล หรือพระสงฆ์ที่ท่านฝึกจิตไว้ดีแล้วคอยตรวจให้ครับ อย่างที่ผมบอกไปตามพีเอ็มน่ะล่ะ สำหรับผมก็ต้องว่าตามครูอาจารย์ที่สอนมาคือท่าน อ.ประถม อาจสาคร และพี่ใหญ่ที่เป็นรองประธานที่ปรึกษาทุนนิธิฯ ให้เรียกพระพิมพ์สกุลนี้่ว่าพระพิมพ์สกุลปัญจสิริ เอาแค่นี้ครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาดูในกระทู้และฝากคำถามให้ตอบ แต่ถ้าให้ดีอย่างที่เรียนเชิญไว้ ไปทำบุญที่ รพ.สงฆ์ด้วยกันในสัปดาห์นี้วันอาิทิตย์ที่ 25/10 จะมีของดีให้ดูและสอนกันหลายชิ้นพอให้เป็นความรู้ในพระเครื่องในกลุ่มของพระที่สร้างในสมัยของวังหน้าในรัชกาลที่ 5 คือ พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ มากไปกว่านั้นต้องไปหาในกูเกิ้ลเอาเอง จะคีย์คำว่า พระวังหน้าก็ได้ สมเด็จวัดพระแก้วก็ได้ สมเด็จนอกพิมพ์ก็ได้ แล้วแต่จะเรียกกันต่างๆ นานา ครับ

    นับถือ

    พันวฤทธิ์
    18/10/52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2009
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    พระเครื่องที่แนะนำในสัปดาห์นี้ เป็นเหรียญของคณาจารย์รุ่นใหญ่ในกลุ่ีมของลูกศิษย์ของท่านพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เหรียญของท่านรุ่นนี้ ราคายังไม่แพงมาก และหาเก็บได้ในราคาหลักร้อยเช่นกัน องค์ผู้ร่วมอธิษฐานจิตในพระเครื่องรุ่นที่แนะนำนี้ก็ใช่ย่อย อัฐิธาตุกลายเป็นพระธาตุครบทุกองค์ ทีนี้เราลองมาอ่านดูเนื้อเรื่องของท่านกันครับ


    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม
    จ.อุดรธานี ปี 2517


    [​IMG]
    [​IMG]

    เนื้อเรื่องขอขอบคุณ
    �ش� �شøҹ� �������Ѻ��� �ش� �ء�� UDON UDRON udon108.com
    รูปภาพขอขอบคุณ
    ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์ : เว็บ-พระ.คอม
     
  6. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ครอบครัวผมใอนเงินทำบุญสงฆ์อาพาธ
    จำนวน 500 บ.ประจำเดือน ต.ค 2552 *18/10/09 *17:49 น.*
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ขอโมทนาและสาธุบุญกับน้อง jirautes ด้วยเช่นกัน ที่ทำบุญกับทุนนิธิฯ มาโดยตลอด นับเป็นสมาชิกที่มั่นคงที่สุดคนหนึ่ง แม้จะเป็นน้องเล็กและอยู่ไกล สะสมบุญตั้งแต่อายุไม่มากกว่าจะโตเท่าพวกพี่ๆ บุญก็คงจะสะสมไปไกลมากโขอยู่ หากได้ภาวนาด้วยก็จะดีที่สุดกับตัวเองด้วย พี่ๆ ในนามคณะกรรมการของทุนนิธิฯ ขอโมทนากับน้องอีกครั้ง และขอให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้ตลอดไป...

    [​IMG]


     
  8. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,674
    ค่าพลัง:
    +3,472
    วันนี้19 ตค 52 เวลา 09.17 น.ได้โอนเงินผ่าน ATM จำนวน 200 บาท เข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9 เป็นประเดิม ตั้งใจจะบริจาคทุกเดือนครับ อนุโมทนา
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    พระดำรัสถวายพระพรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 60 ปี

    อาตมาภาพขอพระราชทานอัญเชิญพระพุทธพร มาถวาย สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระผู้ทรงพระคุณ อันประเสริฐ ในนามคณะสงฆ์ไทย และในนามพุทธศาสนิกชนทุกหนแห่ง ที่อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา ภายใต้ร่มพระบุญญาธิการที่ใหญ่หลวง

    บัดนี้ ล่วงมาถึงมหาอภิมงคลสมัย 60 ปี ทรงครองบัลลังก์ พระบุญญาธิการเลื่องลือระบือดัง ทั่วดินฟ้า ขอพระราชทานอัญเชิญ พระพุทธานุภาพ ซึ่งอานุภาพแห่งพระธรรม แห่งพระสงฆ์ แห่งองค์เทพพรหม ให้พรั่งพร้อม แวดล้อมรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถให้ได้ทรงประกาศ ความเป็นไทย ที่ใหญ่ยิ่ง ด้วยพระเมตตาบารมี ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

    ขอพระราชทานถวายพระพร

    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
    รูปภาพ http://www.krupra.net<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2009
  10. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]




    จิตตานุภาพ

    โดยท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิตวัดเทพศิรินทราวาส






    จิตตานุภาพคืออานุภาพของจิตแบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ

    จิตตานุภาพบังคับตนเอง
    จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น
    จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม


    จิตตานุภาพบังคับตนเอง

    ตนของตนย่อมเป็นที่พึ่งแก่ตนเอง เหตุนี้จึงต้องหัดบังคับตนเองผู้อื่นถึงจะเป็นศัตรูก็ไม่เท่าตนเป็นศัตรูต่อตนของตนเองถ้ายังไม่สามารถบังคับตนของตนเองให้ดีได้แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะบังคับผู้อื่นให้ดีได้


    จิตตานุภาพบังคับตนเองมี ๗ ประการ

    บังคับความหลับและความตื่น

    การหัดนอนให้หลับสนิทเป็นกำลังสำคัญยิ่งนักเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับมี ๒ ประการ คือ

    ๑.๑ร่างกายไม่สบายพอ
    อาหารที่ย่อยยากก็เป็นเหตุให้ร่างกายไม่สบายพอ ควรนอนตะแคงข้างขวาถ้านอนหงายก็ควรให้เอียงขวานิดหน่อย ถ้าต้องการพลิกก็ควรพลิกจากขวานิดหน่อยแล้วกลับตะแคงขวาตามเดิม นอนย่อมให้อวัยวะทุกส่วนพักผ่อนอย่าให้เกร็งตึงและไม่ควรตะแคงซ้าย

    ๑.๒ความคิดฟุ้งซ่าน
    เวลานอนถ้าจิตฟุ้งซ่าน ควรคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่อย่างเดียวครั้นแล้วก็เลิกละไม่คิดสิ่งนั้น และไม่คิดอะไรอื่นต่อไปอีกกระทำใจให้หมดจดเหมือนน้ำที่ใสสะอาด
    ควรบังคับตัวให้ตื่นตรงตามเวลาที่ต้องการ ก่อนนอนต้องคิดให้แน่แน่วสั่งตนเองให้ตื่นเวลาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็จะตื่นได้เองตามความประสงค์


    ทำความคิดให้ปลอดโปร่ง ว่องไวในเวลาตื่นขึ้น อย่าให้เซื่องซึมต้องเอาความคิดในเวลาตื่นเช้าไปประสานติดต่อกับความคิดที่เราทิ้งไว้เมื่อวันวานก่อนที่จะนอนหลับ ก่อนนอนควรจดบันทึกกิจการที่เราจะต้องทำในวันรุ่งขึ้นนั้นไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่งเสมอพอตื่นขึ้นมาก็หยิบดูเพื่อปลุกความคิดให้ตื่น

    เปลี่ยนความคิดได้ตามต้องการคือเมื่อต้องการคิดอย่างใดก็ให้คิดได้อย่างนั้น ทิ้งความคิดอื่น ๆ หมดและเมื่อไม่ต้องการคิดอีกต่อไป จะคิดเรื่องอื่นก็ให้เปลี่ยนได้ทันทีและทิ้งเรื่องเก่าโดยไม่เอาเข้ามาพัวพัน คือทำใจให้เป็นสมาธิอยู่ที่กิจเฉพาะหน้าการเปลี่ยนความคิดเป็นเหตุให้ห้องสมองมีเวลาพักชั่วคราวทำให้สมองมีกำลังแข็งแรงขึ้น

    สงบใจได้แม้เมื่อตกอยู่ในอันตราย หรือประสบทุกข์อย่าให้เสียใจหมดสติสะดุ้ง ดิ้นรนจนสิ้นปัญญาแก้ไข เกิดความท้อถอยไม่ทำอะไรต่อไปความสงบไม่ตื่นเต้นเป็นเหตุให้เกิดปัญญาประกอบกิจให้สำเร็จได้สมหวังเราจะแก้ไขเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแก่เราได้นั้นก็มีทางจะทำอยู่ ๒ ขั้น

    ๔.๑ต้องสงบใจมิให้ตื่นเต้น
    ๔.๒ ต้องมีความมานะพยายาม


    อ่านต่อ

    ขอขอบคุณเนื้อหา http://www.sathanimahaprash.com
    รูปภาพประกอบ www.debsirin.or.th
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2009
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    เมื่อวานนี้ คณะกรรมการฯ ได้ประชุมกัน และได้มีมติให้ดำเนินการเบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ โดยถือเป็นยอดกิจกรรมของทุนนิธิฯ ประจำเดือนตุลาคม 2552 ได้ดังนี้

    1. ยอดบริจาคให้ รพ.ต่างๆ

    1.1 รพ.สงฆ์
    - ค่าสังฆทานภัตตาหารเช้า 5,000.-
    - ค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 7,500.-
    - ค่าโลหิตส่วนกลาง 7,500.-
    1.2 รพ.แม่สอด จ.ตาก 6,000.-
    1.3 รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    1.4 รพ.สมเด็จพระยุพราช
    (ปัว) จ.น่าน 8,000.-***
    1.5 รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
    (ผ่านกองทุนหลวงปู่เทสก์) 5,000.-
    1.6 รพ.สมเด็จพระยุพราช
    ด่านซ้าย จ.เลย 5,000.-
    1.7 รพ.50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ
    จ.อบลราชธานี 5,000.-
    1.8 รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-

    รวมเป็นงบประมาณบริจาคทั้งสิ้น 57,000.-

    *** สำหรับที่ รพ.สมเด็จพระยุพราช(ปัว) จ.น่าน นี้ ได้รับแจ้งจากคุณพันธ์ทิพย์ อยู่เอนก จนท.พยาบาลประจำหอสงฆ์ที่ทุนนิธิฯ ติดต่อด้วย แจ้งว่า ช่วงนี้มี case หนักเข้ามามากขึ้น แต่มีผู้บริจาคเจ้าประจำคือทุนนิธิฯ ของเรา เงินที่บริจาคสะสมมาปีกว่าจะหมดแล้ว จึงต้องเพิ่มยอดจากเดิม 6,000.- เป็น 8,000.-ครับ

    2. ยอดบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์

    2.1 เครื่องดันอาหารบริจาคให้ รพ.ศรีนครินทร์ เพื่อใช้สำหรับรักษาสงฆ์อาพาธภายนอก รพ. โดยอนุญาตให้หลวงปู่โสฯ วัดป่าคำแคนเหนือ จ.ขอนแก่น เป็นผู้ยืมใช้รายแรก ราคาเครื่องละ 33,000.-
    2.2 เครื่องดูดเสมหะบริจาคให้ รพ.ศรีนครินทร์ เพื่อบริจาคให้ หลวงปู่ใบ ธีรปัญโญ วัดป่าบ้านศาลา ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดร ซึ่งมีอายุราวๆ 85 ปี และเป็นลูกศิษยฺ์ของหลวงปู่ลี ผาแดง พระกรรมฐานสายท่านหลวงตามหาบัว โดยท่านได้ป่วยเป็นโรควัณโรคปอดเรื้อรัง และมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องดูดเสมหะนี้เป็นอย่างมาก ราคาเครื่องละ 5,300.-
    2.3 ถังออกซิเจนขนาดกลางพร้อมอุปกรณ์เพื่อบริจาคให้ รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) สำหรับนำไปมอบให้ หลวงพ่อทวี แสนกาจอายุ 57 ปี พระธุดงค์ที่มาจาก จ.ลำพูน และมาอาพาธป่วยด้วยโรคปอดอุดตันเรื้อรัง และพักรักษาตัวที่วัดบ้านหนาด อ.ปัว ได้ใช้รักษา 1 ชุด ราคา 10,000.-บาท

    รวมเป็นงบประมาณสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งสิ้น 48,300.-

    และเมื่อรวมยอดบริจาคตามข้่อ 1. และ ข้อ 2. แล้ว คิดเป็นยอดเงินประมาณการทั้งสิ้น 105,300.- (หนึ่งแสนห้าพันสามร้อยบาทถ้วน) โดยเมื่อวานนี้ ผมและนายสติได้เบิกจากบัญชีของทุนนิธิฯ เรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ ผมได้ทยอยโอนเงิน และส่งธณาณัติ ไปทุก รพ. เรียบร้อยแล้ว โดยหลักฐานการโอนเงิน ผมจะสแกนให้ดูในวันพรุ่งนี้หรืออย่างช้าไม่เกินวันพุธให้ทั้งหมดครับ

    สำหรับเครื่องดูดเสมหะนั้น ผมได้นัดให้บริษัทที่ขายอุปกรณ์เครื่องนี้ ให้นำเครื่องไปให้เราได้ติดสติกเกอร์และโมทนาพร้อมกับชำระเงินกันในวันอาทิตย์นี้ ส่วนเครื่องดันอาหารนั้น ทุนนิธิฯ จะจ่ายเงินให้บริษัทผู้ขาย ทันทีที่ได้รับทราบว่าเครื่องถูกส่งไปยัง รพ.ศรีนครินทร์ในสภาพที่เรียบร้อยพร้ัอมใช้งานได้ โดยทางคุณวรารัตน์ สุนทราภา จนท.พยาบาล ประจำหอสงฆ์จะเป็นผู้ที่ตรวจเครื่อง และยืนยันมาให้ทราบก่อนชำระเงินด้วยเช่นกัน

    สำหรับกิจกรรมเสริมในการสอนดูพระนั้น เมื่อวานนายสติได้นำพระบางส่วนออกมาให้กรรมการฯ ได้ชมกัน หลายองค์สวยมาก ส่วนของหลวงปู่ใหญ่นั้น เป็นกรุเก่าทั้งหมด บางองค์มีราคาเช่าหาในช่วงแรก มากกว่าหมื่นบาท ยังไงก็ลองไปเรียนรู้เทคนิคการดูพระสกุลนี้กันครับ ไม่เสียหลาย ได้เห็นและได้สัมผัสของจริง จะได้จำได้ เจอที่ไหนจะได้เก็บกันไว้ นับว่าเป็นสุดยอดของพระอภินิหารจริงๆ หากตื้อนายสติมากๆ เข้า อาจยอมให้บูชาต่อกันก็ได้...รับรองนายสติไม่ใช่คนหวงพระและหวงความรู้แน่นอน

    พันวฤทธิ์
    19/10/52


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2009
  12. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    [​IMG]

    [​IMG]



    หมายเหตุ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปประชุมกรรมการทุนนิธิฯเรื่องการทำบุญประจำเดือน ตุลาคม นี้ที่บ้านพี่ใหญ่ มีผู้บริจาคเงินสมทบเข้าทุนนิธิฯผ่านทางพี่ใหญ่มา 2 ท่านดังนี้

    1. นายแพทย์ เอกพล ตั้งมานะสกุลและภรรยา 1000 บาท
    2. คุณ สุวลักษณ์ รัตนวานิชและครอบครัว 500 บาท

    ก็ขอกราบขอบพระคุณและโมทนาบุญในกุศลจิตของทุกๆท่านไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ

    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2009
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    หลักฐานสำเนาโอนเงินบริจาคไปยัง รพ.ภูมิภาคทั้ง 7 แห่ง ซึ่งมีทั้งโอนผ่านธนาคาร และผ่านทางไปรษณีย์ธนาณัติ ตามที่ได้แจ้งให้ทราบข้างต้น โดยทุนนิธิฯ นี้ มีจุดประสงค์ที่เป็นปณิธานสูงสุดคือช่วยพระสงฆ์ที่อาพาธให้ท่านได้รับการเยียวยาอย่างดีที่สุด อาจจะทุเลาลง หรือหายป่วย เพราะท่านเหล่านี้คือ "เนื้อนาบุญ แห่งพุทธศาสนา" ใครอยากได้บุญกับท่านที่อาพาธไม่ต้องเกรงใจ ใครทำใครได้ครับ ที่สำคัญก็คือ ขอให้ทำด้วยความเต็มใจ และยินดีก็พอ...แค่นี้พวกผมก็ยินดีและเต็มใจที่จะเป็นธุระในการประสานงานในเรื่องต่างๆ แม้ว่าบางครั้งจะยุ่งในธุรกรรมทางการเงินและการติดต่อกับ รพ.ต่างๆ ก็ตามที พอใจ และดีใจครับ


    [​IMG]

    รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
    และ รพ.มหาราช
    จ.เชียงใหม่
    [​IMG]

    รพ.สงขลา จ.สงขลา
    และ รพ.แม่สอด จ.ตาก

    [​IMG]

    รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย
    [​IMG]
    รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบลราชธานี
    และ รพ.สมเด็จพระยุพราช(ปัว) จ.น่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2009
  14. ก้าวพ้น

    ก้าวพ้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +390
    ร่วมทำบุญเดือนนี้300บาทโอนวันที่26ครับ พี่พันวฤทธิ์ครับพี่สาระยังแจกพระหลวงปู่โลกอุดรอยู่หรือเปล่าครับ อิอิ...อยากได้ ขออนุโมทนาครับสาธุ
     
  15. merits

    merits สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +10
  16. ~อมริศา~

    ~อมริศา~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +2,335
    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ
    และเมื่อเช้าวันจันทร์ ได้โอนเงินไปร่วมทำบุญด้วย 150 บาทค่ะ
     
  17. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    เมื่อสักครู่ผม ภรรยาและครอบครัว โอนเงินร่วมทำบุญ 200บาทครับ
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    [​IMG]

    [​IMG] คนเจ็บไข้ ผู้โชคดี [​IMG]

    โดย ธรรมรักษา


    “ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา

    ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ ”


    เราอาศัยอยู่ในโลก และโรคมันก็อาศัยอยู่ในตัวเรา
    มีคนในโลกนี้อีกมากมาย ที่เขาเป็นโรคมากกว่าเรา ร้ายแรงกว่าเรา
    ทรมานมากกว่าเราแถมยังไม่มีเงินรักษาอีกต่างหาก
    ท่านที่ยังสามารถหยิบหนังสือ เล่มนี้ขึ้นมาอ่านได้ก็ยังจัดว่าเป็น “ คนโชคดี ”
    อยู่ในแง่ที่ว่า ยังอาจจะรู้วิธีที่จะหาประโยชน์ อันเกิดจากความเจ็บไข้ได้บ้าง
    แทนที่จะนอนรอความตาย หรือปล่อยจิตใจให้มันฟุ้งซ่าน
    วิตกกังวลห่วงใยไปสารพัด จนจิตใจไม่มีความสงบเย็น

    ถ้าเป็นดังนั้น แทนที่เราจะเป็นโรคทางกายอย่างเดียว
    เราก็ยังแถมพ่วงเอาโรคทางใจเข้าไปทับถมอีกด้วย
    แล้วใครล่ะจะเป็นคนทุกข์ ? ใครเป็นคนเดือนร้อน ?
    ก็ตัวเราเองนั่นแหละ รับเหมาเอาไว้หมดมิใช่หรือ ?

    บางคนดูหน้าตาสะสวยดี
    อายุก็ยังไม่มากเป็นโรคปวดฟันจนนอนไม่หลับบ้าง
    บ้างโรคในท้องบ้าง โรคอะไร ๆ บ้าง

    ต่างกันแต่ว่ามันมีไม่ค่อยจะเหมือนกัน
    หรือเท่ากันเท่านั้นแหละทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลของกรรมเก่า และกรรมใหม่
    เมื่อมีการให้ผลกรรม คือ เกิดการเจ็บไข้แล้ว
    มันก็จะได้ใช้กรรมให้หมดกันไปเสียตอนหนึ่ง
    สบายใจว่าได้ใช้หนี้เก่าเขาไปเสียที จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป

    ถ้าเรากลัวต่อผลกรรม หรือความเจ็บไข้ในปัจจุบันหรือในอนาคต
    ก็มีทางปฏิบัติ ๓ วิธี คือ


    ก. จงอย่ามาเกิดอีก
    จงปฏิบัติธรรมให้จริงจังและถูกต้อง
    ภพชาติก็จะได้สั้นเข้า

    ข. จงเลือกปฏิบัติด้วยปัญญา จงพิจารณาถึงสิ่งที่เหมาะที่ควรแก่การกระทำ
    หรือฉลาดบริโภคโรคก็เกิดน้อย
    จงกินด้วยปัญญา อย่ากินด้วยตัณหา ปัญหามันก็จะไม่มี

    ค. อย่าเบียดเบียนผู้อื่น
    ไม่ว่าจะเป็นคนด้วยกันหรือสัตว์ใหญ่เล็กก็ตาม
    จงงดเว้นให้เด็ดขาด ไม่ว่าทางตรง คือการทุบ ตี ทรมาน
    หรือทางอ้อมก็คือเอามากักขังให้เขาเสื่อมเสียอิสรภาพ


    เคยเห็นมามากแล้ว คนที่ไม่ค่อยจะเจ็บไข้กะใครเขานั่นแหละ
    พอเป็นเข้าทีก็ปางตาย หรือตายไปแล้ว

    มันบ่แน่หรอกนาย ! หมั่นท่องไว้บ่อย ๆ
    ใจมันย่อมจะสงบก็ย่อมจะเป็นสุขได้ แม้ว่าจะเจ็บไข้อยู่

    จงเหลือบมองดูคนที่เขาเจ็บปวดมากกว่าเราบ้างเถิด
    แล้วใจของเราก็ย่อมจะสงบและพบสันติสุข


    เมื่อถึงเวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็มีเวลาเหลือเฟือ นี่ก็จัดว่า
    “ เป็นโชคดี
    สัจธรรม ที่ปรากฏเป็นของจริงอยู่เฉพาะหน้า
    คือความเจ็บปวดก็ตาม ความพิการก็ตาม ทั้งที่เกิดจากตนเอง
    และเกิดแก่ผู้อื่นก็ตามล้วนแต่เป็น “ ยอดกรรมฐาน ”
    ที่ควรแก่การน้อมนำเอามาพิจารณาเป็นอารมณ์ให้เกิดความสลดสังเวช
    จนเป็นเหตุให้จิตเบื่อหน่ายคลายถอน
    ความยึดถืออะไร ๆ ในโลกได้อย่างวิเศษสุด


    ยิ่งถ้าได้กัลยาณมิตรที่มีปัญญา
    หรือมีประสบการณ์ในทางนี้มาช่วยชี้แนะให้ด้วย
    ก็จัดว่าเป็น “ มหาโชคลาภ อย่างยิ่ง

    ขออย่าได้รีรอ “ โอกาสทอง ”
    จงถือโอกาสตักตวงเอาสาระให้เต็มที่ซึ่งในยามปกติท่านมักจะประมาท
    มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งเสีย ด้วยการทำดังนี้


    ๑. การรักษาทางร่างกาย จงทำไปตามปกติ
    ตามที่เห็นสมควรถ้าทำไม่ได้ก็จงปล่อยวางเสีย

    ๒. ในยามเจ็บไข้เช่นนี้ ให้ถือว่าเรื่องจิตใจ เป็นเรื่องสำคัญสุดยอด
    อย่าให้โรคทางใจเข้าไปแทรกกับโรคทางร่างกายโดยเด็ดขาด
    เพราะนอกจากจะรักษายากแล้ว
    มันยังอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีกด้วย

    ๓. ขอให้แยกร่างกายออกเป็นคนละส่วนกับจิตใจ

    อย่าให้ปะปนกัน และจงแยกอีกชั้นหนึ่ง
    คือ แยกโรคที่เป็น ออกจากร่างกายเสียด้วย

    ถ้าสามารถแยกได้ นอกจากโรคจะหายได้เร็วแล้ว
    อาการเจ็บปวดก็จะลดน้อยลงด้วย
    หรือแม้ว่าจะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
    มันก็จะตายด้วยอาการอันสงบ ถ้าควบคุมจิตไว้ได้ด้วยสติ

    ๔. จงวางภาระทางกายและทางใจเสียให้สิ้น

    ให้คนอื่นเขารับไปทำแทนเถิด อย่าคิดว่า “ ฉันคนเดียวเท่านั้นทำได้ ”
    บางทีเขาอาจจะฉลาดกว่าเราเสียด้วยซ้ำ
    แต่เพราะเราไม่ได้มอบหมายให้เขาทำมาก่อน
    เขาจึงทำได้ไม่เหมือนเรา

    จงห่วงตัวเองเถิดว่าตายแล้วมันจะไปนรกหรือสวรรค์ ?
    เราได้ทำที่พึ่ง (บุญนิธิ) อันเกษมไว้ในภพหน้าดีพอแล้วหรือยัง ?

    ขอให้ปลงใจเสียเถิดว่า ทรัพย์สมบัติ พ่อ แม่ เมีย ผัว ลูก หลาน
    สัตว์เลี้ยง มิตรสหาย หรือสิ่งใด ๆ ในโลกมันก็ย่อมจะต้องอยู่ในโลกนี้

    เมื่อเราตายไป มันก็ย่อมจะตกเป็นมรดกของคนรุ่นหลังหรือของแผ่นดิน
    คนมีปัญญาย่อมจะใช้จ่ายให้เกิดสาระได้
    สิ่งที่เหมือนเงาตามตัวเราไปในชาติหน้านั้น
    มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น สิ่งอื่นหามีติดไปได้ไม่


    อย่าหวังเลยว่า เมื่อเราตายแล้วญาติที่อยู่ภายหลังเขาจะทำบุญส่งไปให้ คือ

    เขาอาจจะลืมหรือไม่สนใจ หรือขี้เหนียวก็ตามเราก็ต้องทนอดแห้งอดแล้งต่อไป
    เพราะไม่ได้ทำเอาไว้เองก่อน

    เอ้า , สมมุติว่าเขากตัญญูต่อเราทำบุญอุทิศให้เรา
    แต่เราไปเกิดในภพหรือภูมิที่รับไม่ได้ เช่นเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์ดิรัจฉาน
    หรืออยู่ในภพภูมิที่รับไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

    ดังนั้น การทำกับไม้กับมือของตนเอง ที่ยังเป็น ๆ อยู่จึงเจ๋งกว่าแน่ ๆ
    และเป็นของเราแท้ ๆ ไม่มีใครจะมาแย่งเอาไปได้เลย.

    ...ว่าแต่ว่าเรามาหาประโยชน์อันเกิดจากความเจ็บไข้กันจะมิดีกว่าหรือ ?




    เฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยมาก

    ๑. สำรวมจิตให้เป็นสมาธิ

    ถ้าเคยทำสมาธิแบบไหนมาก่อนแล้วจิตมันสงบดี ก็จงทำวิธีนั้น
    ทำพอจิตสงบแล้ว ก็ เอาสมาธิคือตัวสงบนั่นแหละ
    เพ่งไปที่ความเจ็บปวด ที่ปวดอยู่มาก ๆ นั่นแหละ
    ให้จิตมันแน่นิ่งอยู่กับจุดที่ปวดนั้น ๆ นึกในใจว่า
    “ ปวดหนอๆ ๆ ” ก็ได้ หรือ “ พุท..โธ ” ก็ได้

    ๒. สำรวมจิตให้เป็นสมาธิ เหมือนวิธีแรก
    แต่ไม่ต้องให้จิตแน่วแน่มากนัก เอาสมาธิเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นแหละ

    พิจารณา ให้เห็นว่า ความเจ็บปวด (ทุกขัง)
    นี่มันก็ไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่อัตตา
    ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา (อนัตตา)
    และเราก็ไม่อาจที่จะบังคับมันได้

    ขอให้พิจารณาทบทวนไป-มา วนเวียนอยู่อย่างนี้

    ๓. สำรวมจิตให้เป็นสมาธิ ตามแบบก่อนนั่นแหละแต่ไม่ต้องมากนัก
    เพ่งและพิจารณาโดยความเป็น “ จตุลักษณ์ ” คือ

    ทุกข์แท้ แปรผัน เน่าเหม็น แตกดับ

    ก็เอา “ ของจริง ” ที่เกิดขึ้นนั่นแหละ เป็นอารมณ์ของกรรมฐานไปเสียเลย


    ถ้าเกิดว่าเดี๋ยวปวดมากเดี๋ยวปวดน้อย
    ก็เอาความแปรผันนั่นแหละเป็นอารมณ์กรรมฐานไปเลย

    ถ้า เกิดว่า มีกลิ่นเน่าเหม็น อันเกิดจากบาดแผลนั้น
    เอากลิ่นเหม็น (ปฏิกูล) นั่นแหละ เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน
    พิจารณาไปตามความเป็นจริง

    ถ้าเกิดว่า มันจะตายจริง ๆ คือใจมันจะขาดแล้ว
    แต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง ก็ให้เจริญมรณานุสติไปด้วย
    พอหัวใจจะหยุดเต้นจะหมดลมจริง ๆ
    ก็ให้ปล่อยวางความยึดถืออะไร ๆ ในโลกออกให้หมดทั้งสิ้น

    ในช่วงนี้ ผู้พยาบาลอย่าได้เรียก
    อย่าได้จับตัวผู้ป่วยอย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายรอให้เขาตายสนิทก่อน

    ข้อควรคิด เมื่อ ผู้ป่วยใกล้จะตาย
    หรือแน่ใจว่าจะตายแน่แล้วขอให้ถอดสายยาง
    ที่ช่วยหายใจออกเสียเถิดผู้ป่วยจะได้อยู่ในภาวะปกติไม่ต้องทรมานเพราะสายยาง
    จะได้เจริญธรรมได้เต็มที่ เมื่อดับจิตไปในขณะนั้น ก็ย่อมจะไปสู่สุคติอย่างแน่นอน

    เฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยน้อย

    ๑. อ่านหรือฟังธรรมะ เอาเทปธรรมะมาเปิดให้ฟังบ่อย ๆ
    ตามที่ผู้ป่วยจะพอฟังเข้าใจหรือชอบ
    ให้จิตใจเกิดความเพลินเพลินไปในทางธรรม
    ใจก็ย่อมจะสงบและสบาย โรคก็ย่อมจะหายเร็ว

    ๒. คิดแต่สิ่งที่ดี จง คิดแต่เรื่องดี ๆ
    นึกถึงความดีที่เคยทำไว้ก่อนทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส
    ถ้าจะหางานอะไรเบา ๆ ทำได้ โดยไม่ขัดรับโรคก็ควรทำ
    เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในบางเวลา

    ๓. ปฏิบัติธรรม จะเป็นธรรมประเภทไหนก็ได้
    เช่น เจริญสติ สมาธิ และวิปัสสนา เป็นต้น
    แต่สติและสมาธิจะมีความจำเป็นมาก

    ขอให้เชื่อในคำสอนของพระพุทธศาสนาเถิดว่า
    เหตุที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยส่วนหนึ่งนั้น
    เป็นผลของอกุศลกรรมเก่าในอดีตตามมาให้ผล
    เราจึงควรแก้ด้วยการละลายอกุศลกรรมเก่า
    ด้วยการทำบุญประเภทต่าง ๆ จากบุญเบาไปหาบุญหนัก ดังนี้

    ขั้นที่ ๑. ตักบาตร จงทำตามกำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์
    แล้วอุทิศส่วนบุญกุศลนั้นเจาะจง
    ไปให้แก่เจ้ากรรมและนายเวรโดยเฉพาะเป็นครั้งคราว หรือทำทุกวันได้ก็ยิ่งดี
    แต่ว่าควรจะทำเป็นอันดับแรกก่อน

    ขั้นที่ ๒. ถวายสังฆทาน เป็นบุญที่สูงขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
    จะต้องสละทั้งทรัพย์และเวลามากขึ้น

    ขั้นที่ ๓. อภัยทาน ด้วย การปล่อยสัตว์ คือ การให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน
    เป็นทานที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
    จะเป็น เต่า ปลา นก วัว ควาย .. เป็นต้น
    ที่เขากำลังจะนำเอาไปฆ่าได้ ก็ยิ่งจะได้บุญแรง

    ขั้นที่ ๔. รักษาศีล มีการนุ่งขาว ห่มขาว กินเจได้ด้วยก็ยิ่งดี
    รักษาศีล ๕ ศีล ๘ และกุศลกรรมบถ ๑๐ ตามกำลัง
    และความสามารถยิ่งทำมากก็ยิ่งดี

    ขั้นที่ ๕. เจริญธรรม เช่น เจริญสติ เจริญสมาธิ
    เจริญอสุภะ เจริญมรณสติ เจริญวิปัสสนา เจริญกายคตาสติ เป็นต้น

    ขอจงพิจารณาดูว่า สิ่งใดเหมาะสะดวกแก่ตน
    และอยู่ในความสามารถจะทำได้ ก็ควรทำสิ่งนั้นก่อน
    แล้วก็พยายามเลื่อนทำให้สูงขึ้นไป

    อุทิศเจาะจงไปให้เจ้ากรรมและนายเวรในอดีต
    เพื่อขอให้ท่านได้รับส่วนบุญ และจงให้อโหสิกรรมแก่เราด้วย


    มีคนเจ็บไข้ได้หายจากโรคร้ายเพราะได้บำเพ็ญกุศลต่าง ๆ เหล่านี้
    แต่พระพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวไว้ว่า โรคบางอย่างก็รักษาหาย
    โรคบางอย่างก็รักษาไม่หาย จะหายก็ต่อเมื่อเราได้ตายไป
    และเมื่อเราตายไปจริง ๆ เราก็ย่อมจะมีความอุ่นใจ
    เพราะทำที่พึ่งไว้ในชาติหน้าอย่างดีแล้ว


    บทความจาก
    ลานธรรมจักร &bull; แสดงกระทู้ - ...คนเจ็บไข้ ผู้โชคดี...
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    น่าสนใจมั๊ย ชาวทุนนิธิฯ ยังไงก็ลองไปกราบท่านดูกันครับ

    พบพระพุทธรูปพิสดารในกรุงเก่า ทั้ง"ปางพยาบาล-ปางเรียกรับโชค" เคยให้โชคถูกรางวัลที่1

    <!-- Row 1 -->


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    อยุธยาพบพระพุทธรูปปาง"พยาบาลภิกษุอาพาธ"พักตร์อ่อนหวานคล้ายเจ้าแม่กวนอิมอุ้มพระสงฆ์ อีกองค์"ปางเรียกรับโชค" เผยเคยมีคนขอโชคลาภถูกรางวัลที่1

    วันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดขนอนเหนือ ริมถนนสายเอเซีย หลัก กม.12 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปปางพิสดาร จึงรุดไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว พบพระพุทธรูปตั้งอยู่ด้านข้างอุโบสถของวัดประดิษฐานอยู่บนซุ้มปูนปั้นทรงไทยยกฐานสูงจากพื้นดินประมาณ 180 เซนติเมตร ลักษณะของพระพุทธรูปปางพยาบาลอยู่ในท่านั่งเข่าขวาตั้งชัน สูงประมาณ 2 เมตร ไว้ผมมวย มีลักษณะพระพักต์อ่อนหวานคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิม ในอุ้งมือมีรูปปั้นพระสงฆ์นอนอยู่ในลักษณะคล้ายกับอาพาธหรือนอนป่วย ที่ฐานชุกวีด้านหน้า เขียนข้อความเป็นปูนปั้นว่า "พระพุทธรูปจริยาปางพยาบาลภิกษุอาพาธ"


    พระปลัดเนตร โกสโร เจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ กล่าวถึงความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ ว่า เจ้าอาวาสรูปเดิมได้สั่งให้ช่างปั้นชื่อหริ อยู่ที่บ้านหว้า หมู่ 4 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมวัดต่างสงสัยเข้ามาสอบถามกันบ่อยครั้ง ซึ่งขณะนี้ทางวัดกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมประวัติเพื่อจดบันทึกไว้เป็นประวัติของวัดด้วย เนื่องจากวัดขนอนมีความเป็นประวัติศาสตร์สืบต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในอุโบสถยังมีจิตกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราวสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้เป็นหลักฐานด้วย


    ด้านนายศิริ ภาคาหาญ อายุ 75 ปี หรือหริ ช่างปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาล กล่าวว่า สมัยเป็นหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี พระครูพิศาลวิมลกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ ไปพบภาพพระพุทธรูปปางอาพาธและเห็นว่าแปลกดี จึงได้นำรูปภาพพระดังกล่าวมาให้ปั้น เพื่อให้ชาวบ้านสักการะบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้ ชาวบ้านก็ศรัทธาเข้ามากราบไหว้บูชาขอบารมีรักษาโรคภัยไข้เจ็บหายได้ เพราะเชื่อว่าพระพุทธเจ้าผู้มีเมตรามารักษาโรคให้ ระหว่างปั้นได้มีชาวบ้านนำพระเครื่องหลายองค์มาบรรจุไว้ที่เศียรและหน้าอกด้วย แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าใด


    นายศิริ กล่าวอีกว่า หลังจากปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาลกลายเป็นที่โจษขานของชาวบ้านแล้ว ในปี 2522 เรื่องดังกระฉ่อนไปถึงพระช่วง อาจินตโน แห่งวัดบ้านหว้า ถนนสายเอเชีย กม.11 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน ได้ว่าจ้างให้ตนปั้นพระพุทธรุปปางเรียกรับโชคขึ้นอีก 1 องค์ โดยเจ้าอาวาสวัดบ้านหว้าได้นำเศียรพระพุทธรูปเก่า เนื้อหินทะเลที่ชาวประมงปากอ่าวไทย ลากติดอวนได้มา นำมาให้ตนเองต่อเป็นองค์ เป็น "พระปางเรียกรับโชค" นำไปตั้งประดิษฐานไว้ที่ปากทางเข้าวัดบ้านหว้าริมถนนสายเอเซีย โดยกำหนดให้มือขวาอยู่ในลักษณะกวักมือเรียกเขาหาตัว ส่วนมือซ้ายปั้นในลักษณะแบมือรับโชค หรือ อุ้มโชคไว้ องค์พระอยู่ในท่ายืนสงบนิ่ง สูงรวม 2 เมตร


    เมื่อปั้นเสร็จแล้วพบว่าชาวบ้านให้ความสนใจเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมากเพื่อขอบารมีโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น จนได้มีเศรษฐีถูกหวยรางวัลที่ 1 จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งนี้ พอสร้างพระพุทธรูปปางรับโชค เสร็จได้ไม่นานทางวัดบ้านหว้าได้ทำการก่อสร้างอุโบสถหลังใหญ่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทจนแล้วเสร็จเพียงปีเศษ เพราะได้เงินเข้ามาวัดเป็นจำนวนมาก


    ที่มา มติชน


    <!-- Row 2 --><CENTER>[​IMG]</CENTER>
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ใบอนุโมทนาบัตร, หนังสือขอบคุณ และเอกสารต่างๆ ที่ทุนนิธิฯ ได้บริจาคไป ซึ่งบางฉบับจะออกผิดเป็นผู้บริจาคคือ อ.ประถม อาจสาคร ผมจะได้โทร.ไปแจ้งแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

    ขออนุโมโทนาและสาธุบุญกับทุกๆ ท่าน อีกครัง
    นับถือ

    พันวฤทธิ์
    22/10/52
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...