กุมารทอง "คะนอง" ที่วัดบางพลีใหญ่

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 6 พฤษภาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    [​IMG]



    30 ปีที่แล้ว ผมได้มาเยี่ยมคุณตาที่จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการในเวลานั้น มันแตกต่างกับจังหวัดสมุทรปราการวันนี้ราวฟ้ากับดิน
    ถนนหนทางยังเป็นดินลูกรัง จะมีราดยางก็เป็นเพียงบางช่วงเท่านั้น ผมขึ้นรถเมล์แดง สาย 25 จากท่าช้างวังหลังมาลงที่ตลาดบางพลี จากนั้นก็ต้องนั่งเรือหางยาวมาอีกราวครึ่งชั่วโมง บ้านของคุณตาอยู่ติดกับวัดบางพลีใหญ่ ซึ่งในเวลานั้นสภาพของวัดยังเป็นวัดเก่าๆ ไม่สวยงามสะดุดตาเหมือนทุกวันนี้
    ..........คุณตาเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านยังเป็นเด็กอยู่นั้น ตอนเย็นๆ เคยมาวิ่งเล่นที่วัดลาน และก็มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆ
    "ส่วนมากจะเป็นเวลาโพล้เพล้ ตากับพวกเพื่อนๆ ชอบมาจับปลาท่าน้ำหน้าวัด ซึ่งบริเวณหน้าวัดมีปลาเยอะมาก แต่ก็ต้องคอยหลบหลวงพ่อให้ดี เพราะท่านสั่งห้ามไม่ให้คนมาจับปลาที่หน้าวัด หลวงพ่อท่านดุมาก แต่ประสาเด็กก็ชอบทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่ห้าม"
    และความสนุกของคุณตาผม (ในวัยเด็ก) ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน มันทำให้ท่านไม่กล้ามาจับปลาที่ท่าน้ำหน้าวัดอีกเลย
    "วันนั้นตาไปชวนเพื่อนให้ไปจับปลาที่หน้าวัด ไอ้เพื่อนตามันบอกว่ามึงไปเหอะ กูไม่ไปหรอก วันนี้มีลางสังหรณ์ ตาก็บอกว่าลางสังหรณ์อะไรของมึง เพื่อนมันบอกว่าวันนี้วันพระ เป็นวันปล่อยผี ไม่มีใครเขาทำบาปหน้าวัดหรอก ตาก็บอกว่าตามใจมึง ต่อไปก็อย่ามาชวนกูอีกก็แล้วกัน"
    "แล้วตาได้ไปจับปลาหรือเปล่าครับ?"
    "ไปซิ คนอย่างตาในเมื่อบอกว่าทำก็ต้องทำ ใครจะมาห้ามไม่ได้หรอก พอไปถึงท่าน้ำหน้าวัด ก็ลงมือเอาเบ็ดราวหย่อนลงไปในน้ำ พักเดียวก็ติดปลาสวายขึ้นมา ตัวโตมาก พอได้ปลาก็เอาไม้ทุบหัวมัน"
    "ทำไมต้องทุบมันด้วยล่ะครับ?"
    "ต้องให้มันตายซิ จะได้ร้อยเชือกผูกเป็นพวงเอากลับบ้าน เพราะตาไม่ได้เอาตะข้องใส่ปลาไปด้วย"
    "ทำไมไม่เตรียมไปด้วยล่ะครับ?"
    "ไม่มีใครเขาหิ้วตะข้องใส่ปลาเดินเข้าวัดหรอก เรามาลักขโมยปลาวัด ต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ โดยเฉพาะหลวงพ่อ ท่านคาดโทษเอาไว้ว่า ลูกเต้าใครกูไม่สน หากมาจับปลาในวัด ท่านตีไม่ไว้หน้า ท่านเป็นพระพูดจริงทำจริง"
    "วันนั้นได้ปลาเยอะมั้ยครับ?"
    "ไม่ได้สักตัว แถมยังถูกผีหลอกแทบตาย"
    อาจจะเป็นคำพูดประโยคสั้นๆ แต่ทำให้ผมถึงกับขนลุกขึ้นมาทันที
    "ตาถูกผีหลอก?"
    "อือ เรียกกุมารทองดีกว่า ตอนที่กำลังสาวเบ็ดอยู่นั้น ไฟบนกุฏิหลวงพ่อปิด แสดงว่าหลวงพ่อท่านจำวัดแล้ว ตาก็หมดห่วง ไม่ต้องระวังอะไรอีกแล้ว ตอนนั้นได้ปลาหลายตัวเหมือนกัน ตั้งใจว่าจะตกอีกสักพักก็จะกลับบ้าน เพราะมันค่อนข้างจะดึกแล้ว ตอนนั้นได้ยินเสียงเด็กหัวเราะดังมาแว่วๆ ในใจก็คิดว่า ใครกันวะมาวิ่งเล่นในวัดตอนกลางคืน"
    "ตาไม่เฉลียวใจเลยว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคน?"
    "ตอนนั้นเชื่อสนิทเลยว่าเป็นเสียงคน ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเสียงของผีหรือเสียงของกุมารทอง และไม่เชื่อด้วยว่าผีจะมีในโลกนี้"
    ฟังแล้วอาจจะเป็นเรื่องแปลกสักหน่อย ที่คนสมัยก่อนไม่เชื่อเรื่องผีๆ สางๆ แต่คุณตาท่านก็ให้มีเหตุผลของท่าน
    "ก็ตายังไม่เคยเห็นผี แค่ได้ยินเขาพูดจะให้เชื่อทันทีเลยรึไง ตอนนั้นตาอาจจะเป็นเด็กก็จริง แต่ก็มีเหตุผลพอสมควร เคยไปช่วยสัปเหร่อทำศพมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ก็ไม่เห็นผีมันจะลุกมาหลอกหลอนหรือมาแหกอกให้ดู ภาพที่เห็นเป็นแค่ร่างกายเน่าๆ เท่านั้น มันไม่ใช่ผี แต่ตาเห็นเด็กไว้ผมจุกหลายคน มีทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เสียงให้เจี้ยวจนหูแทบแตก แต่ก็ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่า เสียงดังออกอย่างนั้น ทำไมหลวงพ่อท่านไม่ได้ยิน แต่ตอนนั้นเริ่มผิดสังเกตแล้ว"
    "คุณตาเห็นอะไรผิดสังเกตครับ?"
    "ก็หมายังไง ตามปกติแล้วหมาที่หลวงพ่อท่านเลี้ยงเอาไว้ในวัด พวกมันจะปากเปราะกันทุกตัว เวลาได้ยินเสียงอะไรนิดอะไรหน่อยเป็นต้องเห่าทันที"
    "คืนนั้นมันไม่เห่าเลยหรือครับ?"
    "ใช่ พวกมันไม่เห่าเลย แต่พวกมันหอน เสียงหอนของมันฟังแล้วชวนให้ขนลุก มีความวังเวงน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตามาก่อนเลยจริงๆ แต่ตาก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ สักพักตาเห็นท่าไม่ดีก็เลยจะกลับบ้าน ตอนที่เดินผ่านกลุ่มเด็กพวกนั้น ตาได้ยินเสียงพวกเขาพูดว่า ได้ปลาเยอะน่าจะแบ่งกันบ้าง ตาก็ตอบไปว่าไปจับเอาเองซิ จะมาขอกันง่ายๆ ได้ยังไง พอตาพูดจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะ แล้วมีเสียงพูดว่ามันหวงแฮะ ตาก็พูดว่าหวงซิวะ กูนั่งตกแทบเป็นแทบตาย เรื่องอะไรจะต้องให้พวกมึงด้วย เด็กพวกนั้นบอกว่าไม่ให้ก็ไม่เอา แล้วตาก็เห็นเด็กพวกนั้นวิ่งไปที่ต้นโพธิ์ แล้วพวกเขาทั้งหมดก็หายวับไปเลย ตอนนั้นตายืนตัวแข็ง ก้าวขาไม่ออก พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที"
    คุณตาเล่าว่าพอท่านกลับถึงบ้านก็ล้มป่วยทันที
    "ตอนนั้นไข้ขึ้นสูงมาก ตัวร้อนยังกะไฟ คุณทวดเห็นท่าทางไม่ดี ท่านก็เลยพาตามาหาหลวงพ่อที่วัด เพื่อให้ท่านรดน้ำมนต์ หลวงพ่อท่านถามว่า เอ็งไปถูกผีที่ไหนหลอกมาวะ ตอนแรกตาไม่กล้าเล่าให้ท่านฟัง เพราะกลัวว่าจะถูกตี หลวงพ่อขู่ว่า หากเอ็งไม่เล่าข้าจะไม่ช่วย ตาก็เลยต้องเล่าความจริงให้ท่านฟัง"
    "หลวงพ่อท่านว่าอะไรคุณตาบ้างหรือเปล่า?"
    "ท่านหัวเราะชอบใจ แล้วพูดว่าสมน้ำหน้า ไอ้พวกนี้มันต้องเจอดีแบบนี้ พระอุตส่าห์มาเตือนกลับไม่เชื่อ คราวนี้คงจะเข็ดกันเสียที"
    หลวงพ่อบอกว่า เด็กๆ ที่ตาเห็นในคืนนั้น ไม่ใช่ผีสางที่ไหน แต่เป็นกุมารทอง
    "หลวงพ่อท่านบอกว่าใต้ต้นโพธิ์ข้างวัด เป็นที่ซึ่งพวกชาวบ้านได้นำรูปปั้นพวกกุมารทอง นางกวัก และพระพุทธรูปหักๆ มาทิ้งไว้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดาๆ แต่เป็นของที่ลงวิชาอาคมเอาไว้ วันดีคืนดีพวกเขาก็จะมาปรากฏร่างให้เห็น"
    "จากวันนั้นคุณตามาจับปลาในวัดอีกหรือเปล่าครับ?"
    "ไม่เอาแล้ว และตาก็ได้สาบานกับหลวงพ่อเอาไว้ว่า ต่อไปจะไม่ทำบาปอีกแล้ว"
    ...........ในขณะนั้นคุณตามีอายุแค่ 12 ขวบ แต่คุณตาท่านเป็นคนที่รักษาคำพูด ลองท่านพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น จากวันที่ท่านได้ให้วาจาสัตย์กับหลวงพ่อ คุณตาก็ไม่เคยมาจับปลาที่ท่าน้ำหน้าวัดอีกเลย แม้ว่าพวกเพื่อนๆ จะมาชวนก็ตาม
    ผมได้มีโอกาสมาที่วัดบางพลีใหญ่อีกครั้ง ระยะเวลาที่ผ่านไปเกือบ 30 ปี ทำให้สภาพของวัดบางพลีใหญ่มีความเปลี่ยนแปลงจนจำแทบไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คู่กับวัดบางพลีใหญ่แห่งนี้ก็คือหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวบางพลี และต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งคุณตาได้พบกับกุมารทองก็ยังคงยืนต้นเคียงคู่อยู่กับวัดเช่นเดิม ส่วนความความเร้นลับมหัศจรรย์ ผมได้รับการยืนยันจากคุณลุงโอด เทศรุ่งเรืองว่ายังมีเหมือนเดิม
    คุณลุงโอดเทศรุ่งเรือง ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงกับวัดบางพลีใหญ่ได้เล่าว่า เรื่องราวเกี่ยวกับกุมารทองมีมานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเห็นกุมารทองมาปรากฏร่าง วิ่งเล่นรอบๆ ต้นโพธิ์ภายในวัด
    "อำนาจของกุมารทองไม่ธรรมดา จะนานกี่ปีกี่เดือนอำนาจของกุมารทองก็ยังมีอยู่ เราต้องไม่ลืมว่ากุมารทองไม่ใช่ผี ไม่ใช่วิญญาณ ดังนั้นกุมารทองจึงอยู่ได้ทุกที่ที่เขาต้องการจะสิงสถิต การบูชากุมารทองหากทำอย่างถูกวิธี ก็จะส่งผลกับคนที่บูชา แต่หากบูชาไม่ถูกต้องผลที่ออกมาจะตรงกันข้าม ลุงก็เคยเห็นร่างของกุมารทองมากับตาตัวเอง ดังนั้นเรื่องที่พูดกันว่าวัดบางพลีใหญ่ผีดุจึงเป็นเรื่องจริง แต่อยากจะให้เปลี่ยนจะคำว่าผีเป็นคำว่าวัดนี้มีเรื่องเร้นลับจะน่าฟังกว่า…"
    ..........แต่สำหรับผม..จะเป็นผีหรือเป็นว่ากุมารทอง ก็น่ากลัวพอๆ กันนั่นแหละครับ !!!


    ที่มา...geocities.com/teeneep
     

แชร์หน้านี้

Loading...