งานของกลุ่ม "พลังจิต พิชิตภัยพิบัติ"

ช่วงนี้มีงานที่อยากให้ช่วยกันรวบรวมโปรไฟล์การทำงานของห้องภัยพิบัติและการเตรียมการณ์ครับ

เนื่องจากมีหน่อยงานภายนอกสนใจที่จะประสานงานในกิจกรรมที่จะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ครับ

ส่วนแรก

-ทางดีแทค สนใจในเรื่องการส่งเอสเอ็มเอส เตือนภัยที่เราส่งให้สมาชิกหลายท่านจำนวนประมาณ 300 คนฟรีโดยที่เราควักเงินจากกองทุนภัยพิบัติและการเตรียมการณ์ เป็นค่าใช้จ่ายมาตลอด

ซึ่งหากตรงจุดนี้ หากทางดีแทคเข้ามาช่วยก็จะเกิดประโยชน์ช่วยประชาชนส่วนรวมได้มากกว่าที่พวกเราทำได้มากเนื่องจากเป็นผู้ให้บริการ และสามารถส่งข้อความ ข้อมูลเตือนภัยในหัวข้อที่กว้างกว่าที่เราส่งอยู่

เราส่งในส่วนที่แผ่นดินไหวแรงเกิน 7 ริคเตอร์ในต่างประเทศ และการเกิดแผ่นดินไหวในไทย รวมทั้งการเตือนสึนามิ

หากดีแทคดำเนินการ อาจเตือนได้ทั้งพายุฤดูร้อน แผ่นดินไหว สึนามิ ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก ภัยแล้ง รวมทั้งครอบคลุมประชากรและ พื้นที่มากกว่าเรามากครับ หากมีการเตือนภัยได้ทันก็จะช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมายครับ

ตรงนี้เขาขอข้อมูลและโปรไฟล์จากทางเราอยู่ครับ

-อีกหลายกลุ่มหลายท่านสนใจกิจกรรมที่เราทำอยู่เพื่อส่วนรวม รวมทั้งกิจกรรมการรวมกลุ่มในแต่ละภาคแต่ละพื้นที่ ซึ่งเมื่อรวมกันได้แล้วจะเกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ และคนในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงส่วนรวมในระดับมหาภาคด้วย

อยากขออาสาสมัครที่จะมาช่วยรวบรวมโปรไฟล์งานหน่อยครับ

-งานในด้านพระพุทธศาสนา

๐งานพระบรมสารีริกธาตุ
๐งานแจกเหรียญทำน้ำมนต์
๐งานสร้างพระพุทธรูปต่างๆ
๐งานสอนสมาธิงานสร้างคน

-งานเพื่อส่วนรวมทางโลก
๐งานให้ข้อมูลการเตือนภัย และความรู้การรับมือภัยพิบัติ
๐งานด้านการเตรียมตัวเรื่องภัยพิบัติ

๐งานด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง
๐งานด้านเทคโนโลยี่และพลังงาน

เมื่อรวบรวมมาแล้วจะทำให้เราเห็นภาพรวมของการทำงานได้ชัดเจนขึ้นครับ

 

ไปถวายเครื่องทรงพระยาธรรมิกราชมาค่ะ นำบุญมาให้พี่น้องอนุโมทนาฯ

 

ตอนนี้มีทีมงานที่ช่วยรวบรวมข้อมูลกันอยู่ครับหากท่านใดอาสาช่วยงานขอเชิญแจ้งมาได้ในกระทู้นี้เลยครับ

 

อนุโมทนาสาธุกับทุกดวงจิตครับ

อนุโมทนาสาธุกับทุกดวงจิตครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=153668
<O</O

 

มีผู้มีจิตศรัทธาจะเป็นเจ้าภาพถวายพระประธานครับ

ติดต่อตามอีเมล์ครับ

<center>Re: ต้องการบริจาคพระประธาน

</center>
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> อ้างอิง:
<table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ MBNY
<table width="100%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="msg" colspan="2">Ticket #119209 </td></tr><tr><td width="50%"><table class="ticketinfo" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1"><tbody><tr><th>Status:</th><td>open</td></tr><tr><th>Priority:</th><td>Normal</td></tr><tr><th>Department:</th><td>โฆษณาและบริจาค</td></tr><tr><th>Create Date:</th><td>19/04/2009 11:47 am</td></tr></tbody></table></td><td valign="top" width="50%"><table class="ticketinfo" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1"><tbody><tr><th>Name:</th><td>trakulwattana na chiengmai</td></tr><tr><th>Email:</th><td>trakulwattana@gmail.com</td></tr><tr><th>Phone:</th><td>813115240</td></tr><tr><th>Source:</th><td>Web 58.9.197.218</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td class="msg" colspan="2">Subject: ต้องการบริจาคพระประธาน</td></tr><tr><td valign="top" width="50%"><table class="ticketinfo" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1"><tbody><tr><th>Assigned Staff:</th><td>- unassigned -</td></tr><tr><th nowrap="nowrap">Last Response:</th><td>
</td></tr></tbody></table></td><td valign="top" width="50%"><table class="ticketinfo" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1"><tbody><tr><th>Related Tickets:</th><td>1 </td></tr><tr><th nowrap="nowrap">Last Message:</th><td>19/04/2009 11:47 am</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

<table class="ticketoptions" width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="2"><tbody><tr><td><form class="inline" name="action" action="tickets.php?id=1474" method="post"><input value="1474" name="ticket_id" type="hidden"> <input value="process" name="a" type="hidden"> Action: <select id="do" onchange="this.form.ticket_priority.disabled=strcmp(this.options[this.selectedIndex].value,'change_priority','reopen','overdue')?false:true;" name="do"> <option value="" selected="selected">Select Action</option> <option value="change_priority">Change Priority</option> <option value="overdue">Mark Overdue</option> <option value="close">Close Ticket</option> <option value="banemail">Ban Email & Close</option> <option value="delete">Delete Ticket</option></select> Priority: <select id="ticket_priority" disabled="disabled" name="ticket_priority"> <option value="0" selected="selected">-Unchanged-</option> <option value="1">Low</option> <option disabled="disabled" value="2">Normal</option> <option value="3">High</option> <option value="4">Emergency</option></select> <input class="button" value="GO" type="submit"> </form></td></tr></tbody></table>

Ticket Thread
<table class="message" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="1" cellspacing="0"><tbody><tr><th>Sun, Apr 19 2009 11:47am

</th></tr><tr><td>ต้องการรายชื่อ วัด จังหวัด ผู้สามารถติดต่อได้พร้อมเบอร์โทร

เพื่อประสานงานสำหรับการคัดเลือกวัดที่เหมาะสม สำหรับถวายพระประธาน​

</td></tr></tbody></table>​

</td> </tr> </tbody></table>
จะประชาสัมพันธ์ให้ครับ
__________________

 

วันนี้ (๒๘ เม.ย.๕๒) ได้ร่วมกิจกรรมเพื่องาน พลังจิตพิชิตภันพิบัติ บ/ช ธนาคารกรุงเทพ สาขาคลองสาน เลขที่ ๑๕๑ - ๐ ๙๑๘๖๘ -๑ จำนวน ๓๐๐.- บาท สาธูค่ะ<O</O​

อิทัง โน ปุญญะภาคัง ราชาทีนัง อิสสะรานัง มาตาปิตุ อาทีนัญจะ
ปิยะชะนานัง สัพพะสัตตานัญจะ นิยยาเทมะ​

นโมฯ ด้วยความนอบน้อมคุณพระรัตนตรัย
ข้าพเจ้า ขอแผ่กุศลผลบุญคุณงามความดีที่ได้บำเพ็ญมาแล้วด้วยดีทุกประการ น้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศล​

แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เอกอัครศาสนูปถัมภก องค์พระประมุขของชาติ และ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุก ๆ พระองค์ ขอจงทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน มีความสุขเกษมสำราญ ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ

ขอแผ่กุศลผลบุญนี้ ไปถึงอดีตพระบุรพมหากษัตราธิราชเจ้า วีรบุรุษวีรสตรี นักรบ ผู้กล้ารักษาแผ่นดินเมือง ผู้ปกครองประเทศชาติราษฏร ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุก ๆ พระองค์ ทุก ๆ ท่าน ตลอดถึงคณะรัฐบาล ข้าราชการทหารตำรวจ ผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้รับใช้ประเทศชาติ พระศาสนา ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตทั้งหลาย ​

ขอแผ่กุศลผลบุญนี้ ถวายแด่องค์สมเด็จพระสังฆราช พระประมุขแห่งศาสนา พระเถรานุเถระ พระภิกษุ สามเณร ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควร แก่มรรคผลพระนิพพานทุกรูปทุกองค์ ขอได้โปรดอนุโมทนาสาธุการในมหากุศล อันประเสริฐสูงสุดนี้
<O</O​

ขอแผ่กุศลผลบุญนี้ ไปถึงปิยะชน คนผู้เป็นที่รักทั้งหลาย มีพ่อเกิดแม่เกิด บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ แลลูกหลานบริวารทั่งปวง ตลอดถึงคณะศรัทธาสาธุชน อุบาสก อุบาสิกาผู้อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายจงปราศจากทุกข์ โศก โรคภัย ประสบแต่ความสุขความเจริญทุกทิวาราตรีกาลเทอญ ​

ขออุทิศกุศลผลบุญนี้ ไปถึงผู้มีคุณผู้สูงชาติ ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม เทพเจ้าเหล่าเทพยดา เทพบุตรเทพธิดา อินทร์พรหม ยมยักษ์อสูร ครุฑนาค คนธรรพ์ กินรี พระภูมิเจ้าที่ พระแม่นางธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ แม่พระพาย แม่พระพิรุณ นายนิรบาล ท้าวจัตุโลกบาลทั้งสี่ เทพไท้เทวดาผู้รักษาประเทศชาติพระศาสนา มีพระสยามเทวาธิราชทุก ๆ พระองค์ เป็นต้น ขอจงอนุโมทนารับ เอากุศลผลบุญโดยทั่งถึงกัน ​

ขออุทิศกุศลผลบุญนี้ ไปถึงเจ้าบุญนายคุณ เจ้าบ่าวนายใช้ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเกณฑ์ชะตา เจ้าการบัญชี
เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้อยู่ในทิศทั้งสิบ คือ ทิศบูรพา ทิศอาคเณย์ ทิศทักษิณ ทิศหรดี ทิศปัจจิม ทิศพายัพ ทิศอุดร ทิศอีสานก็ดี
ผู้อยู่ในทิศเบื้องบน ตั้งแต่ ภวัคคพรหมลงมาก็ดี ผู้อยู่ในทิศเบื้องต่ำตั้งแต่มหาโลกันตรนรกขึ้นมาก็ดี<O</O​

ตลอดจนภูติผีปีศาจมารอสูร แลเหล่าบริวาร อันมี เปรตอสูรกายสัมภเวสี สัตว์เดียรัจฉาน สัตว์นรก มหาอเวจี ทั้งหลาย ทั้งสิบหกชั้นฟ้า จรดทั้งสิบห้าชั้นดิน จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนี้ ​

ขออุทิศผลบุญนี้ ไปถึงเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายทั้ง ๓๑ ภูมิ ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ทุกจำพวก ทุกตัวตน ทั้งที่มาเกิดแล้วก็ดี ยังไม่เกิดก็ดี จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญกุศลอันบริสุทธิ์อันดีร่วมกันกับข้าพเจ้าแล้วนี้ ​

ขอท่านทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งความทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ผู้ถึงแล้วซึ่งความสุข ขอให้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยอภัยทาน การละลดมานะทิฐิ การจองเวรซึ่งกันและกัน ทั่วถึงกัน ทุกท่าน ทุกดวงจิต ทุกดวงวิญญาณ ทุกตัวตน ตราบนาน ด้วยกันเทอญ​

สาธุ ฯ นะโม พุทธายะ นิพพานัง ปะระมัง สุขขัง​

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ กับทุก ๆ ท่านด้วยทุก ๆ ประการค่ะ







ภาพงานธรรมทานของกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติค่ะ

 

ขออาสาสมัคร "กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ "ช่วยทำงานเหล่านี้ด้วยครับ
http://palungjit.org/threads/ขออาสาสมัคร-กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ-ช่วยทำงานเหล่านี้ด้วยครับ.68413/page-5​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ตุ๊กตาแก้ว<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1998620", true); </SCRIPT>
ทีมเสียงพระธรรมเทศนา​

​

ขอรับอาสาสมัครเข้ามาร่วมสร้างบารมี ในงานต่อไปนี้ค่ะ (rose)​

(rose)1. งานไรท์แผ่น CD / DVD ธรรมะ แจกเป็นธรรมทาน
งานไรท์แผ่น ทีมงานจะเตรียมต้นฉบับ และ ไฟล์พิมพ์ปกส่งให้นะคะ​

(rose)2. งานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ / พระธาตุข้าวบิณฑ์ และ วัตถุมงคลอื่นๆ
เป็นชุดๆ เพื่อแจกผู้ศรัทธา และ สนับสนุนงานของพระพุทธศาสนาตามโอกาส​

(rose)3. งานหาพิกัดและลงจุดในกูเกิ้ลแม๊พ เพื่อดูเครือข่ายพุทธบารมี อันเกิดจากการ
ที่เราได้ร่วมใจกันไปหย่อนเหรียญทำน้ำมนต์ ลูกแก้วจักรพรรดิ สร้างพระพุทธรูป
และถวายพระบรมสารีริกธาตุไว้ ซึ่งจะมีผลต่อการป้องกันภัยพิบัติในอนาคต​

(rose)4. งานถอดความจาก MP3 / VDO แนะนำสมาธิ และ กิจกรรมต่างๆ ที่จะ
เป็นประโยชน์ต่องานภาพรวม (rose)5. อื่น ๆ จะได้มาบอกกันต่อไปค่ะ​

​

เชิญรับ CD รวมพระไตรปิฎก + พจนานุกรมพุทธศาสน์ + บทสวดมนต์ ฟรี !
เชิญรับ DVD MP3 ธรรมะ + E-book หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ฟรี !
แจกฟรี CD,DVD ธรรมะหลวงพ่อฤาษีฯ,หลวงปู่มั่น และอีกหลายรายการ อัพเดตเรื่อยๆ
โครงการแจก CD , DVD สอนการปฏิบัติธรรมโดยพี่เล็กและแผ่นธรรมะอีกหลายรายการ<!-- google_ad_section_end -->

แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย
งาน "พระธาตุ" ของพวกเรา พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
พระเจ้าองค์แสน

ลงชื่อรอรับ วิชชาที่จะทำให้อยูรอดฯ ฉบับพื้นฐานค่ะ

************************ (rose)(rose)

​

ท่านที่สนใจอยากเข้ามาร่วมทำบุญกัน อย่าลังเล สมัครกันเข้ามาเลย เรายินดีต้อนรับทุกท่าน มาช่วย
กันมากเท่าไหร่ งานธรรมทานก็จะขยายออกไปมากเท่านั้นเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากขึ้น ค่ะ (rose)​

ติดต่อร่วมงานอาสาได้ที่ทาง - ข้อความส่วนตัว ( PM )
ของคุณ (rose)ตุ๊กตาแก้ว(rose) Forever In LoVE (rose) nuttadet (rose) Sawiiika ค่ะ​

เพื่อขอทราบข้อมูลชื่อ / ที่อยู่ที่ติดต่อได้ / เบอร์โทรศัพท์
เพื่อจะได้สะดวกในการประสานงาน ร่วมสร้างบารมีกัน ค่ะ ​

*************
กราบโมทนาบุญกับ ทุก ๆ จิตใจที่ดีงามแห่ง ทุก ๆ ท่าน ค่ะ<!-- google_ad_section_end --> (rose)
ขอบพระคุณที่อาสาเข้ามาร่วม สร้างกุศล ร่วมบำเพ็ญบารมี ร่วมกันค่ะ​

 

ตอนนี้ยังขาดอาสาสมัคร ที่จะนำเหรียญทำน้ำมนต์ไปหย่อนอยู่อีกหลายจังหวัดเลยครับ จริงๆแล้ว อาสาเข้ามาได้ทุกๆจังหวัดครับ ยิ่งกำลังคนมีมาก งานก็จะยิ่งเสร็จเร็วขึ้นครับ ตราบใดที่งานยังไม่เสร็จ จะนิ่งนอนใจไม่ได้เลย ตอนนี้ภัยต่างๆก็เกิดมากขึ้น ไหนจะภัยจากคน ไหนจะภัยจากโรคร้ายที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ในอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน

อยากได้พี่น้องอาสาสมัคร ไม่เกี่ยงอายุ เพศ การศึกษา ฐานะ ขอให้มีใจตั้งมั่นในคุณพระรัตนตรัย คุณพ่อแม่ คุณครูบาอาจารย์ คุณความดี และตั้งใจทำความดีเพื่อส่วนรวมเป็นพอครับwel lcome_mokey http://palungjit.org/threads/แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ-ทั่วประเทศไทย.142323/

 

ช่วยกันเพื่อส่วนรวมครับ

 

พี่นุ้ย naraya95 ร่วมทำบุญเข้ากองทุนพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ 3,000 บาทครับ

ขอโมทนาบุญด้วยครับ

 

ขอโมทนาบุญด้วยครับ

วันนี้ที่ได้ไปถวายมหาสังฆทานก็ได้มี ผู้บริจาคช่วยงานกองทุนอีก 1000 บาท และ คุณจิตกุศลได้รวบรวมปัจจัย ถวายสร้างพระเจ้าองค์แสนอีก 9180 บาทครับ

ในงานเราได้แจกพระบรมสารีริกธาตุ และหนังสือธรรมมะอีกจำนวนหนึ่ง

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->rutchanon<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2082836", true); </SCRIPT>

สมาชิก

เรื่องมหัศจรรย์ เมื่อครั้นไปวางลูกแก้วที่วัดจามเทวี เมื่อสวดและอธิฐานเสร็จจะนำลูกแก้ว
ไปวางไปที่เจดีย์ ลูกแก้วเกิดหลุดมือ กระเด็นกระดอนระดับต่ำประมาณ ครั้งศอก แล้ว ..... *
" หายไปต่อหน้า " ขณะเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552
ครั้งนั้นกลัวว่าจะคิดไปเอง จึงไม่นำมาลงไว้

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาได้กลับบ้านที่เชียงใหม่ไปจัดหิ้งพระบรมสาีรีริกธาตุ และ
พระอรหันต ธาตุ และตรวจดูลูกแก้วที่วางไว้ในพาน 2 ลูก ( ลูกหนึ่งฝากไว้เพื่อจะนำไปถวายวัดใกล้
บ้านช่วงสงกรานต์ ) แต่ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่ออีกลูกที่เคยวางไว้
กลับขยายขนาด โตขึ้นประมาณ 4 เท่า ได้ถามแม่พี่น้องแล้ว ไม่มีใครนำลูก
แก้วมาเปลี่ยน และ จำรอยตำหนิของลูกแก้วที่นำมาวางไว้บนพานได้ ว่าเป็นลูกเืิดิม แต่ขนาดโตขึ้น

รูปที่ 1 เป็นรูปตอนนำลูกแก้วมาทำภูเขาบุญ และ อธิฐาน
รูปที่ 2 เป็นสถานที่วัดจามเทวีที่ลูกแก้ว หายไปต่อหน้าต่อตา
รูปที่ 3 ไป เป็นรูปลูกแก้วที่ขยายขนาดขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดเดิม
(ลูกแก้วสีเหลือง เป็นลูกที่ขยายขนาดขึ้นประมาณ 4 เท่า)<!-- google_ad_section_end -->

 

วันที่ 4 พ.ค. 2552 ได้ไปถวายสังฆทานที่วัดป่ามณีกาญจน์ ต.บางคูรัด นนทบุรี ได้คำแนะนำจากท่านหลวงพ่อสาคร เรื่องของถวายสังฆทาน ถ้าจะถวายสังฆทานต้องแยกออกระหว่างของใช้ในชีวิตประจำวัน สบู่ แปรงและยาสีฟันกระดาษทิชชู ฯออกถวายโดยตรงต่อพระ แต่ถ้าของกิน เช่น อาหารกระป๋อง น้ำตาล น้ำปลา น้ำผลไม้ ฯต้องแยกยกถวายให้วัดนำไปปรุงอาหารเลี้ยงพระเณรได้ เพราะถ้าท่านรับถวายสังฆทานโดยตรง จะเก็บไว้ไม่ได้ ผิดวินัยสงฆ์ ก่อนถึงวัดก็หลงทาง ขับรถไปอีก 500 เมตรเกือบถึงวัด กลับเลี้ยวกลับรถไปอีกทาง ต้องโทรถาม 3 ครั้งถึงวกกลับมาทางเดิมจนเจอวัด

 

ขออนุโมทนาบุญกับกุศลจิต ของทุกๆ ท่านๆ ครับ

ผมขออุทิศตน ทำความดี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ครับ

ขอให้ทุกท่านจงยึดมั่นใน
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

vnss <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: 87/20 ถ.เพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ 77110
อายุ: 29
ข้อความ: 456
<if condition=""></if> Groans: 4
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 4,313
ได้รับอนุโมทนา 4,032 ครั้ง ใน 416 โพส
พลังการให้คะแนน: 833


<center>ประชาสัมพันธ์งานด่วน

</center>
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> สวัสดีญาติธรรมทุกท่านค่ะ
ในวันศุกร์ เนื่องในวันวิสาขบูชานี้ ในกลุ่มคณะของนัสที่หัวหิน จะร่วมกันสวดมนต์ และเจริญภาวนา เพื่อเป็นพลังกระแสบุญ ในการหนุนนำประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง และช่วยผลักดันพลังงานที่ไม่ดี ที่กำลังส่งผลต่อประเทศ

โดยมีหลักการดังนี้ คือ

1. น้อมระลึกถึงบุญทั้งหมด ให้ละเอียดที่สุด เท่าที่ได้เคยทำมาในชาตินี้ และอธิษฐาน ถึงบุญแต่ครั้งอดีตชาติ ที่ยังคงมีบุญเหลืออยู่เบิกนำมาใช้ รวมกันกับปัจจุบันชาติ

2. เขียนรายชื่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือแม้แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ได้ ซึ่งรายชื่อทั้งหมดที่ได้จารึกลงมานี้ เราจะน้อมบุญทั้งหมดนี้นำส่งให้ดวงจิตวิญญาณที่ได้จารึกชื่อไว้ เมื่อได้รับแล้ว ขอให้ได้มาเกิด หรือจุติ เพื่อเป็นกำลังในการปกป้องดูแลประเทศชาติ

สิ่งที่จะขอความร่วมมือจากเพื่อน ๆ คือ หากท่านใดประสงค์จะส่งบุญช่วยชาติแล้ว ขอให้เพื่อน ๆ ได้เขียนชื่อของท่านเอง แล้วจำแนกบุญที่ได้ทำมาทั้งหมดเท่าที่ท่านจะสามารถระลึกได้ แจกแจงให้ละเอียดทุก ๆ บุญ ให้ได้มากที่สุด ส่งกลับถึงนัส E-Mail : venus.si@hotmail.com ก่อน เวลา 17.30 น. ของวัน พฤ. 7 เม.ย. 52

หรือหากท่านใด ต้องการจะเขียนชื่อ ญาติ คนรู้จัก ที่เสียชีวิตไปแล้ว ได้เข้าร่วมในพิธีนี้ ก็สามารถส่งมาได้เช่นกันค่ะ

งานนี้เป็นงานเพื่อช่วยชาติจริง ๆ ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง ใช้ความสมัครใจ ไม่บังคับค่ะ

นัส

 

ขอมีส่วนร่วม ในการสวดมนต์ภาวนา ด้วยครับ

ขออนุโมทนาบุญ ใน บุญ ที่ทุกๆ ท่าน กำลังสร้าง ครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ แว๊ด
เรียนญาติธรรมทุกท่านที่เคารพ
ด้วยวันศุกร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งมีความสำคัญยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ชมรมวิปัสสนากรรมฐานจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรมพิเศษประจำเดือนนี้ ด้วยการน้อมรำลึกถึงพระคุณอันอเนกอนันต์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประกอบพร้อมด้วยพระปัญญาคุณ พระมหากรุณาคุณ และพระบริสุทธิคุณ เป็นที่ตั้ง ด้วยการกระทำอามิสบูชา (การบูชาด้วยเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น) และปฏิบัติบูชา (การบูชาด้วยการปฏิบัติ เช่น การเจริญกรรมฐาน) ณ สถานที่และเวลาที่แต่ละท่านสะดวกและมีความเหมาะสม รวมทั้งแผ่เมตตาจิต อุทิศส่วนกุศล มอบความรักความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิตร่วมทุกข์ทั้งหลาย
หากท่านสะดวกขอเชิญปฏิบัติธรรมร่วมกันเป็นประจำ ทุกวันพุธ เวลา ๑๘:๓๐ น. ณ Learning Center อาคารซีพี ๒ ชั้น ๑๑
ด้วยความเคารพ
ชมรมวิปัสสนากรรมฐาน

หมายเหตุ ชมรมนี้ตั้งขึ้นจากเวปไซด์ หลวงพ่อจรัญฯค่ะ (พี่ ๆ ในชมรมส่งมาให้ค่ะ)
-------------------------
ข้อมูลเกี่ยวกับวันวิสาขบูชา
"วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก “วิสา - ขบุรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองครั้ง ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗
วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ
๑. ประสูติ
เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน (ซึ่งเป็นดินแดนระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับกรุงเทวทหะ ปัจจุบันเรียกว่า ตำบลรุมมินเด แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล) พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
๒. ตรัสรู้
หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงถือเพศฆราวาสมา ๒๙ พรรษา จนมีพระโอรสคือ พระราหุล แล้วทรงเบื่อหน่ายทางโลก จึงเสร็จออกบรรพชา ทรงประจักษ์หลักธรรมขึ้นในพระปัญญา และได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ (ญาณอันประเสริฐสูงสุด) เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ ณ ร่มพระศรีมหาโพธิบัลลังก์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย) ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี (ขณะนั้นพระพุทธองค์มีพระชนม์มายุได้ ๓๕ พรรษา หลังจากออกผนวช ได้ ๖ ปี)
การตรัสรู้อริยสัจสี่ คือของจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ของพระพุทธเจ้า เป็นการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เสมอเหมือน วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงจัดเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่ให้เกิดมีพระพุทธเจ้าขึ้นในโลกชาวพุทธทั่วไป จึงเรียกวันวิสาขบูชาว่า วันพระพุทธ(เจ้า) อันมีประวัติว่า พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เรียกว่าการเข้า "ฌาน" เพื่อให้บรรลุ "ญาณ" จนเวลาผ่านไปจนถึง ...
- ยามต้น: ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ" คือทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น
- ยามสอง: ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือการรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
- ยามสาม: ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ" คือรู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจสี่ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ [อริยสัจ ๔] หรือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ได้แก่...
๑. ทุกข์ คือ ความลำบาก ความไม่สบายกายไม่สบายใจ
๒. สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ และ
๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์
ทั้ง ๔ ข้อนี้ถือเป็นสัจธรรม เรียกว่า อริยสัจ เพราะเป็นสิ่งที่พระอริยเจ้าทรงค้นพบ เป็นสัจธรรมชั้นสูง ประเสริฐกว่าสัจธรรมสามัญทั่วไป
๓. ปรินิพพาน
หลังจากพระพุทธเจ้าองค์ทรงใช้เวลาทั้งหมดเผยแผ่พระศาสนาและสั่งสอนธรรมแก่ ประชาชน จนพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ขณะประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ทรงประชวรอย่างหนัก และได้เสร็จดับขันธปรินิพาน ณ ร่มไม้รัง (ต้นสาละ) คู่ ในสาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย) ตรงกับวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี
[เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ก็ไปรับภัตตาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทะ ตามคำกราบทูลนิมนต์ พระองค์เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย ก็เกิดอาพาธลง แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีนั้น ได้มีปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อสุภัททะขอเข้าเฝ้า และได้อุปสมบทเป็นพระพุทธสาวกองค์สุดท้าย เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน ๖ นั้น]
การประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันและเดือนเดียวกัน คือ วันเพ็ญเดือนวิสาขะ จึงถือว่าเป็นวันที่สำคัญของพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนทั่วโลกทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต ต่างให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชานี้ จึงพร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณ พระปัญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก
องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของโลก
เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒ คณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นพ้องต้องกันประกาศให้วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลกทั้งนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญ อีกประการหนึ่งคือ พระองค์ ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จ จริงได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้พระปัญญา คุณสอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน
ประวัติความเป็นมา
พระบิดาพระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ พระมารดาพระนามว่าพระนางสิริมหามายา ก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นเจ้าชายในราชสกุลโคตมะ แห่งเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย คำว่า 'พุทธ' หรือ 'พุทธิ' ในภาษาบาลีและสันสกฤตมีความหมายเหมือนกัน แปลว่า ปัญญา หรือ การตรัสรู้
จากคำสอนในพระไตรปิฎกกล่าวว่า พระพุทธเจ้าคือผู้ที่ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงเป็นผู้รู้สัจจธรรม และทรงมีพระญาณทัศนะกว้างไกลที่พระองค์ทรงรู้เห็นกำเนิด และความเป็นไปของสัตว์โลกตลอดภพสาม มีพระพุทธเจ้านับไม่ถ้วนพระองค์ได้อุบัติขึ้นในโลกนี้ เมื่อแต่ละพระองค์ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐแล้ว ทรงสั่งสอนธรรมะเพื่อให้ชาวโลกพ้นจากวัฏสงสารด้วยมหากรุณา จากพระไตรปิฏก "อปทานสูตร และพุทธวงศ์" กล่าวถึงการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ นานนับอสงไขยกว่าที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
แม้ในขุททกนิกาย ชาดก ได้เล่าการสร้างบารมีถึง ๕๔๗ ชาติของพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ มาตลอดกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระชาติสุดท้าย เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเป็นผู้มีบุญที่เพียบพร้อมด้วยสติปัญญา และความเมตตา หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้เพียง ๗ วัน พระมารดาก็สวรรคต พระน้านางคือพระนางปชาบดีโคตมี เป็นผู้บำรุงเลี้ยงรักษา หลังจากประสูติได้ไม่นาน พระบิดาได้อัญเชิญอสิตดาบสมาทำนายอนาคตของเจ้าชายสิทธัตถะ อสิตดาบสแสดงอาการประหลาดต่อหน้าพระที่นั่งคือ หัวเราะและร้องไห้ หัวเราะเพราะดีใจที่ได้เห็นเจ้าชายสิทธัตถะ และได้ทำนายว่าเจ้าชายจะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน แต่ร้องไห้เพราะอสิตดาบสนั้นจะมีอายุไม่ยืนยาวทันรับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์นี้ คำทำนายนี้ได้รับการยืนยันจาก โกณฑัญญะ ซึ่งเป็นดาบสอีกท่านหนึ่งที่ทำนายว่า เจ้าชายสิทธัตถะจะสละราชสมบัติ เมื่อผนวชแล้วจะบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนดาบสอื่นๆ ล้วนทำนายว่า ถ้าเจ้าชายสิทธัตถะไม่ทรงผนวช จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ คำทำนายดังกล่าวสร้างความตระหนกพระทัยแก่พระเจ้าสุทโธทนะเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงปรารถนาจะให้เจ้าชายสิทธัตถะปกครองแว่นแคว้นสืบทอดราชบัลลังก์ต่อ จากพระองค์ และเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ จึงทรงป้องกันเจ้าชายสิทธัตถะไม่ให้เห็นความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่จะทำให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้สึกเบื่อหน่าย และอยากออกบวช
ด้วยเหตุนี้พระเจ้าสุทโธทนะ จึงทรงมีพระบัญชาให้เหล่าอำมาตย์เสนาบดี ช่วยกันสร้างปราสาทสามฤดูแก่เจ้าชาย ปราสาทแต่ละแห่งแวดล้อมด้วยเหล่าสนมกำนัลที่สวยงาม ชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะก่อนทรงออกผนวช จึงเป็นชีวิตที่เพียบพร้อมด้วย รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติอย่างแท้จริง เมื่อเจ้าชายทรงพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา พระมเหสีคือพระนางยโสธรา พิมพา ประสูติพระโอรส พระนามว่า ราหุล วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงรถม้าประพาสสวนนอกเมือง ทรงเห็นคนแก่ คนป่วย คนตาย และนักบวช ภาพคนแก่ คนป่วย และคนตายทำให้พระองค์นึกถึงความทุกข์ และความไม่เที่ยงแท้ของสังขารมนุษย์
ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงออกจากวัง ถือเพศเป็นนักบวชเที่ยวภิกขาจารไปเพื่อแสวงหาโมกขธรรม วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อมีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้ธรรม ณ ใต้ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่จะบรรลุธรรม เจ้าชายสิทธัตถะได้แสวงหาผู้สอนวิธีหลุดพ้นแก่พระองค์ ๒ คนคือ อาฬารดาบส และอุทกดาบส ซึ่งทั้งสองนี้สอนพระองค์ให้ได้ญานชั้นสูง แต่ไม่บรรลุธรรม เมื่อพระองค์บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทรงประกาศธรรม เผยแผ่คำสอนที่สามารถทำให้ผู้ปฏิบัติตามพ้นทุกข์ตามพระองค์ไปได้ พระพุทธองค์ ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเวลา ๔๕ ปี ทรงวางรากฐานพระพุทธศาสนา และมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ซึ่งในสมัยนั้นมีตั้งแต่ กษัตริย์ เจ้าชาย พ่อค้า แม่ค้า พราหมณ์ เศรษฐี ยาจกเข็ญใจ และชนทุกชั้นในสังคม
ประวัติความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงดำเนินรอยตาม แม้ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่ สมัยสุโขทัยนั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะ พระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นำการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย
ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า "เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุกหมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน
ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณร บริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า และเต่า ปลา เพื่อไถ่ชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุยืนยาวต่อไป"
ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฏหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดำริกับสมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟูการประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดยสมเด็จพระสังฆราชถวายพระพรให้ทรงทำขึ้นเป็นครั้งแรกในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน
ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามศรัทธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เป็นเวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกันเป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย
หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ
๑. ความกตัญญู คือ ความรู้อุปการะคุณที่มีผู้ทำไว้ก่อนเป็นคุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการะคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้นผู้ที่ทำอุปการะคุณก่อนเรียกว่า บุพการี ขอยกมากล่าวในที่นี้คือ บิดามารดา และครูอาจารย์ บิดามารดา มีอุปการะคุณแก่บุตร ธิดา ในฐานะเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ให้การศึกษา อบรมสั่งสอน ให้ละเว้นจากความชั่ว มั่นคงในการทำความดี เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้และมอบทรัพย์สมบัติให้ ไว้เป็นมรดก
บุตร ธิดาเมื่อรู้อุปการะคุณที่บิดามารดาทำไว้ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤติตัวดี สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่าน และช่วยทำงานของท่าน และเมื่อล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ครูอาจารย์ มีอุปการะคุณแก่ศิษย์ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดีสอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบัง ยกย่องให้ปรากฏแก่คนอื่นและช่วยคุ้มครองศิษย์ทั้งหลาย ศิษย์เมื่อรู้อุปการะคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารพไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดีส่งผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้ เพราะบิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำอุปการะคุณให้ก่อน และบุตร ธิดา ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำดีตอบแทน
สำหรับครูอาจารย์ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำอุปการะคุณ คือ สอนศิลปวิทยาอย่างเต็มที่และศิษย์ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเอง ด้วยการตั้งใจเรียน และให้ความเคารพเป็นการตอบแทน นอกจากจะใช้ในกรณีของบิดามารดากับบุตรธิดา และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อนี้ก็สามารถนำไปใช้ได้แม้ระหว่าง พระมหากษัตริย์กับพสกนิกร นายจ้างกับลูกจ้าง เพื่อนกับเพื่อนและบุคคลทั่วไป รวมทั้งมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงเป็นบุพการีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาและทรงสอนทางพ้น ทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์ พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้ จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา กล่าวคือ การจัดกิจกรรมในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ ด้วยการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนาสืบไป
๒. อริยสัจ ๔ อริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึง ความจริงที่ไม่ผันแปร เกิดมีได้แก่ทุกคนมี ๔ ประการ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวิต พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า มนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกันทั้งทุกข์ขั้นพื้นฐานและทุกข์เกี่ยวกับการ ดำเนินชีวิตประจำวัน
ทุกข์ขั้นพื้นฐาน คือ ทุกข์ที่เกิดจากการเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันคือ ทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการไม่ได้ตามใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหา พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์ทั้งหมด ซึ่งเป็นปัญหาของชีวิตล้วนมีเหตุให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัณหา อันได้แก่ ความอยากได้ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ความยึดมั่น นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวิตทั้งหมดนั้นแก้ไขได้ โดยการดับตัณหา คือ ความอยากให้หมดสิ้น มรรค คือ ทางหรือวิธีแก้ปัญหา พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิตทั้งหมดที่สามารถแก้ไขได้นั้นต้องแก้ไขตามมรรคมีองค์ ๘
๓. ความไม่ประมาท ความไม่ประมาท คือ การมีสติทั้งขณะทำ ขณะพูด และขณะคิด สติ คือ การระลึกรู้ทัน ที่คิด พูดและทำ ในภาคปฏิบัติเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึงการระลึกรู้ทันการเคลื่อนไหวอิริยาบถ ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติ ทำได้โดยตั้งสติกำหนดการเคลื่อนไหวอิริยาบถกล่าวคือ ระลึกรู้ทันในขณะยืน เดิน นั่งและนอน รวมทั้งระลึกรู้ทันในขณะพูดขณะคิด และขณะทำงานต่างๆ
ในวันนี้พุทธศาสนิกชนต่างพากันน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยการไปชุมนุมตามพระอารามต่าง ๆ เพื่อกระทำการบูชาปูชนียวัตถุอันได้แก่ พระธาตุเจดีย์หรือพระพุทธปฏิมา ที่เป็นพระประธานในพระอุโบสถอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยเครื่องบูชามีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น เริ่มด้วยการสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ด้วยบทสวดมนต์ตามลำดับดังนี้คือ
บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปนโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ
สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ
จากนั้นก็จะกระทำ ประทักษิณ หรือที่เรียกว่า เวียนเทียน รอบพระธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธปฎิมาในพระอุโบสถ ด้วยการเดินเวียนขวาสามรอบ รอบแรกจะสวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ รอบที่สองจะสวดบทสรรเสริญพระธรรมคุณ และรอบที่สามสวดบทสรรเสริญพระสังฆคุณ เมื่อครบ 3 รอบแล้วจึงนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธรูปในพระอุโบสถ ณ ที่บูชาอันควรเป็นอันเสร็จพิธีเวียนเทียน
จากนั้นก็จะมีการแสดงพระธรรมเทศนาในพระอุโบสถ ซึ่งปกติจะมีเทศน์ ปฐมสมโพธิ ซึ่งเป็นเรื่องพระพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พิธีเริ่มตั้งแต่ประชุมฟังพระทำวัตรสวดมนต์ แล้วจึงฟังเทศน์ ซึ่งจะมีไปตลอดรุ่ง
วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่พุทธศาสนิกชน ได้บำเพ็ญประโยชน์ตน และสืบต่อพระพุทธศาสนา ให้ดำรงคงอยู่อย่างถูกต้องตรงทาง เพื่อประโยชน์สุขของตนและของผู้อื่นตลอดชั่วกาลนาน.....เอวํ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.panyathai.or.th/wiki/inde...B8%8A%E0%B8%B2