ธรรม...จักรวาล...การละเมิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 14 มิถุนายน 2007.

  1. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ละเมิด
    ทำลาย
    เบียดเบียน
    ทุกๆทาง การกระทำ คำพูด ความคิด

    มิจฉาฑิฐิ
    จะทำอย่างไร???
    ให้มนุษย์ เข้าใจ ถูกต้อง ตรงกัน???
    สัมมาฑิฐิ

    ตัวอย่าง เช่น
    กิน...พืช งอกใหม่ได้
    กิน...สัตว์ ทำลายชีวิต

    โปรตีน จากสัตว์ ใครสอน???
    การแพทย์แผนปัจจุบัน...ฝรั่ง ชอบสเต็ก
    อารยธรรมฝรั่ง...กี่ปี???
    พิสูจน์ได้ไหม???ว่าถูกที่สุด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  2. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    เดี๋ยวนี้ โลกกำลังเปลี่ยนไป
    อดีต-ปัจจุบัน

    เรา...ต้องการความสุข
    ความสุข...จากความพอใจ
    คือ ความสุขใจ ที่ได้จาก ความสุขกาย
    ที่ได้จาก ทรัพย์สิน เงินทอง วัตถุ เพื่อ สบายกาย
    ความภาคภูมิใจ ที่ให้คนอื่นชื่นชม ว่าเก่ง ในการหาทรัพย์
    ศักดิ์ศรี คือ มีทรัพย์สินสะสมมาก
    ยุคทุนนิยม วัตถุนิยม รูปกาย

    แนวโน้มต่อไป

    เราจะต้องการความสุข...จากความพอใจ..ที่ได้ทำดี
    ที่ได้จาก การให้ การทาน ทั้งวัตถุทาน และธรรมทาน
    คือ ความสุขใจยิ่งกว่า คือ อิ่มเอิบใจ ได้บุญ ได้กุศล
    ความภาคภูมิใจ ที่ให้คนอื่นชื่นชม ว่าเป็นคนดี มีใจบุญ
    ศักดิ์ศรี คือ ความดีที่สะสม
    ยุคความดีนิยม จิตใจนิยม
    (deejai) (deejai) (deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2009
  3. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    "กฎทางฟิสิกส์"
    แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา
    มุมตก = มุมสะท้อน
    โลกดูดดวงจันทร์=ดวงจันทร์ดูดโลก
    หลักแห่งความสมดุล
    กฎพลังงานไม่สูญหาย
    หรือรวมๆกันนี้ คือ ที่มาของ
    "กฎแห่งกรรม"
    : bat: : bat: : bat: ​
     
  4. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    นาม กับ รูป ที่สอนกันมานานนม
    รู้ความหมายที่แท้จริง ถูก หรือไม่???

    รูปที่แท้นั้น คือ ดวงจิตวิญญาณ
    อันไม่มีวันสูญสลาย หายไปไหน
    อันเป็นแหล่งเก็บ เวทนา สัญญา
    ไว้อมตะนิรันดร์กาล พร้อมที่จะไปสู่
    รูป กาย สังขาร ใดๆในจักรวาล
    ตามสัญญาแห่งกรรม ที่มีอยู่ คงอยู่

    แต่
    เราล้วนกำหนดได้ ด้วยการจัดการกรรม
    คือ การกระทำ คำพูด ความคิด สู่จิตใจ
    สัญญากรรม คือ เชือก ที่ผูกได้ แก้ได้
    ถ้าตัดขาดได้ จากสรรพสิ่ง คือ นิพพาน
    อันอยู่เหนือ กฎใดๆในจักรวาล ทั้งมวล
    แม้แต่ กฎแห่งกรรม สัญญาต่อสรรพสิ่ง
    :d :d :d
     
  5. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    สิกขา(การศึกษา)

    เป็นกระบวนการสร้างบูรณาการให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตมนุษย์ เป้นขบวนการพัฒนาสติปัญญา อารมณ์ สังคม และคุณธรรม ให้เกิดมีขึ้นในชีวิตและจิตใจของบุคคล อย่างสมบูรณ์พร้อมทุกด้านเท่าๆกัน ซึ่งทำให้บุคคลมีความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถ และมีการปฏิบัติอย่างกลมกลืนไม่ขัดแย้งด้านพฤติกรรม

    1.ศีล อบรมให้มีศีล มีวินัย เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

    2.สมาธิ อบรมให้มีใจแน่วแน่ ตั้งใจมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้มีความรู้ ไม่ท้อแท้แม้มีอุปสรรค โดยมีความตั้งใจที่จะศึกษาขวนขวาย แสวงหาความรู้ด้วยวิธีการต่างๆอันเหมาะสมกับอุปนิสัย และแนวโน้มความชอบของตน

    3.ปัญญา อบรมให้เกิดสติปัญญา รู้จักพิจารณาแยกสิ่งถูกสิ่งผิดออกจากกัน มีประโยชน์/ไม่มีประโยชน์ ดี/ชั่ว
    กลั่นกรองข้อมูล เท็จ/จริง
    ข้อมูลมีโทษไม่เกิดประโยชน์/สามารถนำไปใช้ประโยชน์

    ความงามของจิตใจก้าวล้ำไกลกว่าความงามของร่างกาย

    สีลัง อาภารณัง เสฏฐัง แปลและมีความหมายว่า ศีลได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องประดับหรืออาภรณ์ที่ประเสริฐ งามสง่ากว่าเครื่องประดับทั้งหลาย

     
  6. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    ธรรมจักรวาล
    พลังจักรวาล
    พระผู้เป็นเจ้า
    อัลเลาะห์
    นิพพาน
    อันเดียวกัน หรือเปล่า???
     
  7. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    วิถีแห่งการรู้แจ้ง ของปัจเจกชน
    คือ
    วิถีแห่งการเปลี่ยนแปลง โลก
    สู่
    ยุคศรีอาริยวิไล จักรวาล
     
  8. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ความรู้สึกตัวของหุ่นยนต์/ดร.ชิต เหล่าวัฒนา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มีนาคม 2552 09:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ชีวิตมนุษย์นั้นมีพื้นฐานจากอนุมูลไฮโดรคาร์บอนที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดนั้นสร้างออกมาในรูปของเซล อันประกอบไปด้วยเมมเบรนล้อมรอบของเหลวออกานิคและมีนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง นิวเคลียสนี่เองที่บรรจุ
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลักสัจจะธรรม & การหลุดพ้นทุกข์ ****

    หลักสัจจะธรรม คือ หลักธรรมเที่ยง ... ที่ปักไว้อย่างมั่นคง
    มีแก่นสาร คือ...."ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"

    หาก เราพิจารณา...จะพบว่า
    ผลตอบแทนของตัวกระทำ ก็คือ.... กรรม ที่เป็นของใครของมัน
    ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนา....ก็เกิดเป็นตัวกระทำ ขึ้นมา
    อุบัติเหตุ โรคภัย...เป็นตัวอย่างของ กรรมที่ไม่เจตนาให้เกิด
    แต่ มันเป็นผลจาก....การกระทำที่ไปเบียดเบียนผู้อื่น โดยไม่เจตนา

    เมื่อ พระพุทธเจ้า ... ค้นพบ หลักสัจจะธรรม ที่มีอยู่ในธรรมชาติแล้ว
    จึงได้ค้นคว้าหา....หนทางหลุดพ้นทุกข์
    พบว่า...
     
  10. โอซารัน

    โอซารัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบคุนครับจะเอาไปพิมแล้วอ่าน
     
  11. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    กฎแห่งกรรม...กับ...คลื่นแม่เหล็กธรรมชาติ[​IMG]

    โดย ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ
    หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 25 เมษายน 2552

    ได้พูดได้เขียนมาตลอดว่า ผู้เขียนเชื่อในกฎแห่งกรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น จึงเชื่อว่าหลังจากตายไปแล้ว ทุกคนต้องเกิดใหม่เพื่อใช้กรรมนั้น นั่น-ว่ากันตามศาสนาพุทธ แต่ความรู้แทบทุกสาขาที่อิงวิทยาศาสตร์ (กายภาพ) เป็นฐาน โดยเฉพาะชีววิทยานีโอ-ดาร์วินิสมไม่ยอมรับ เพราะไม่มีหลักฐานตามวิธีที่วิทยาศาสตร์กำหนด

    ก่อนที่จะเกิดใหม่ ตั้งแต่เกิดมากระทั่งกำลังย่างเข้าอายุ ๘๐ ปีบริบูรณ์ ผู้เขียนยังไม่เคยดูหมอจริงๆ แม้แต่ครั้งเดียว ไม่ใช่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เนื่องจากไม่ค่อยมีศัตรูและเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมกับการเกิดใหม่ ทั้งอยู่กับมรณานุสติจนเป็นนิสัย จึงไม่ได้คิดจะดูหมอ แท้ที่จริง เรื่องตายนี้ ผู้เขียนเคยบอกกับเพื่อนๆ หลายคนมาแต่ไหนแต่ไรว่า คิดว่าตัวเองคงตายเมื่ออายุ ๘๔ ปี เมื่อร่วม ๑๕ ปีก่อน อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยังเคยถามผู้เขียนว่า “รู้ได้อย่างไรว่าจะตายอายุ ๘๔?” ได้ตอบไปในตอนนั้นว่า “คิดตามหลักสถิติ” เพราะพ่อแม่ย่ายายอายุยืนทุกคน ซึ่งเป็นความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากไม่มีเวลาอธิบาย เพราะกำลังจะออกรายการโทรทัศน์สดๆ ด้วยกันในคืนนั้น ที่ไม่ได้บอกคือ ตัวเลข ๘๔ จะโผล่ออกมาเสมอๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่เล่ามานี้เพราะเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นนักเรียนเตรียมอุดมรุ่นเดียวกัน เป็นหมอเหมือนกัน แต่จบคนละสถาบัน จึงไม่เคยได้พบกันมากว่า ๕๐ ปี เพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้เองว่าดูหมอเป็นด้วยการผูกดวง เขาเลยดูดวงให้และทำนายว่าจะตายตอนอายุ ๘๙ ปี แต่เจียนตาย ๒ ครั้ง ตอนอายุ ๘๔ กับ ๘๗ ที่สำคัญและเกี่ยวกับบทความนี้คือ เพื่อนบอกว่า ผู้เขียนสนใจในเรื่องของจิตและความลี้ลับมาก และในเร็วๆ นี้จะสามารถอธิบายเรื่องลี้ลับบางอย่างได้

    เมื่อร่วม ๒๐ ปีมาแล้ว ผู้เขียนได้รับเชิญไปพูดให้นักวิชาการกลุ่มหนึ่งฟังเรื่องพลังงานธรรมชาติ ซึ่งผู้เขียนบอกว่าที่สำคัญที่สุด คือพลังงานคลื่นที่มีความถี่คลื่นขนาดต่างๆ มีผู้ฟังที่เป็นวิศวกรได้พูดขึ้นว่า ที่เขารู้ พลังงานที่สำคัญที่สุดของธรรมชาติ คือพลังงานที่ได้จากฟอสซิลคาร์บอนหรือไซคลิคไฮโดรคาร์บอน นั่นแสดงถึงความล้มเหลวและผิดธรรมชาติของระบบการศึกษาของเรา ที่มองเห็นแต่สิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติที่แปรเป็นเงิน หรือเป็นประโยชน์ของมนุษย์เฉพาะที่สามารถทำให้เราผลิตเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพที่ดีของชีวิต (มนุษย์) หรือความสุขได้ พูดง่ายๆ เราคงคิดว่า ธรรมชาติของโลกของจักรวาลมีคุณค่าและราคาเทียบได้กับเงินที่ให้ความทุกข์ความสุขกับการดำรงซึ่งชีวิตของเราแต่เพียงประการเดียว

    เพราะฉะนั้น ในที่นี้ ผู้เขียนจึงใช้คำว่า “คลื่นพลังงาน” ที่หมายถึงพลังงานธรรมชาติที่มีมากที่สุด พลังงานที่เป็นธรรมชาตินั้นพบได้ในทุกสถานที่ของจักรวาลตั้งแต่ที่ซึ่งเล็กที่สุด เช่น แรงในนิวเคลียสของอะตอม ไปจนมหึมา เช่น กาแลคซี หรือดาว เช่น ดวงอาทิตย์ของเรา นั่นคือพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามีลักษณะเป็นคลื่นความถี่ มีความถี่คลื่นต่อวินาที (เฮิร์ตซ์) ซึ่งเท่าที่วิทยาศาสตร์รู้ในปัจจุบัน คือมีความยาวตั้งแต่เท่าๆ กับเส้นผ่าศูนย์กลางของอะตอม เช่น รังสีแกมม่าที่ยาวสิบยกกำลังลบแปดเซนติเมตร (๑๐<SUP>-๘</SUP> ซม.) จนกระทั่งคลื่นวิทยุซึ่งยาวหลายร้อยเมตร จึงอาจพูดได้ว่าสรรพสิ่งและปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีหรือปรากฏอยู่ในจักรวาล ต่างอาศัยหรือถูกควบคุมโดยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งนั้น พลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็กนั้นเหมือนกันทุกประการ เพียงแตกต่างกันที่ทิศทางของการสั่นสะเทือน (vibration) โดยพลังงานไฟฟ้าจะสั่นสะเทือนไปตามแนวดิ่ง (vertical) ส่วนพลังงานแม่เหล็กจะสั่นสะเทือนทำมุมฉากกับพลังงานไฟฟ้า คือจะสั่นไปตามแนวนอน (horizontal) เราจึงเรียกรวมๆ กันว่าพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า

    ตรงนี้มีข้อมูลเก่าของตันตริกพุทธศาสนาของมหายาน โดยเฉพาะวัชรยาน และข้อมูลที่มีอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าประสูติเสียอีกในปรัชญาโยคะจริยะของอินเดียโบราณ – ที่เชื่อกันว่าได้มาจากตันตระของลัทธิพระเวทกว่า ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว – คัมภีร์ตันตระของพระเวทที่สำคัญที่สุด ได้ตกทอดมาถึงศาสนาพราหมณ์กับศาสนาพุทธ (โดยเฉพาะวัชรยาน) ต่างก็ว่าของตนมาก่อนเพราะเน้นที่เนื้อหาคนละตอน (Arthur Avalon: Principle of Tantra, 1914) น่าสนใจและน่าแปลกใจที่ความสำคัญของข้อมูลเก่าๆ โบราณๆ ของตันตระ (โยคะจริยะหรือโยคะ) ที่ว่านี้ได้ตกทอดมาถึงพุทธศาสนาวัชรยาน (เข้าใจว่าเพราะเขียนเป็นภาษาสันสกฤตด้วยกัน) พูดถึงการเกิด-สิ้นสุดของจักรวาลตลอด (ไม่รู้ว่ามีพูดในไตรปิฎกหรือมีในภาษาบาลี (Pali Cannon) ของเถรวาทเราบ้างหรือไม่? เพราะหาไม่พบ) แต่มีอย่างแน่นอนในหนังสือของ อีแวน-เวนซ์ (W.Y.Evan-Wentz: The Bardo Thodol, 1927) ซึ่งให้ข้อมูลที่ตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของพลังงานแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์ที่เชื่อมโยงกัน (ดูพารากราฟข้างล่าง)

    หนังสือของ อีแวน-เวนซ์ เขียนไว้ในเรื่องของมณฑล (mandala) ว่า “... (มณฑลที่เกิดจาก) ศูนย์สองศูนย์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด นั้นคือ ศูนย์สมองบางทีเรียกว่าศูนย์เหนือ กับศูนย์หัวใจหรือศูนย์ใต้ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นสิ่งแรกสุดที่เกิดขึ้นในตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอ (embryo) ของมนุษย์ในครรภ์แม่ โดยมีพลังงานจากพื้นดินของโลกภายนอกซึ่งมีแหล่งรวมศูนย์ (central reservoir) อยู่ในดวงอาทิตย์ อันเป็นระบบสุริยะของเราทำหน้าที่บริหารจัดการรูป (มณฑลที่อยู่ในเอ็มบริโอหรือตัวอ่อนของมนุษย์ในครรภ์แม่) นั้นขึ้นมา” ซึ่งความถี่ของพลังงานธรรมชาติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ว่านี้ จะมีความถี่คลื่นต่อวินาทีที่จำเพาะของคลื่นนั้นๆ ไปตามชนิดหรือประเภทขององค์กรนั้นๆ – ไม่ว่าองค์กรนั้นมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เล็กละเอียดหรือใหญ่โตมโหฬาร เช่น โลกหรือดวงอาทิตย์ – ไปตามกฎของการสั่นสะเทือนนั้นๆ

    ตรงนี้เช่นกัน เกิดมีข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาจากองค์กรนาซ่าที่ศูนย์อวกาศก็อตดาร์ด (NASA – Goddart Space Center) โดยนักฟิสิกส์ชื่อ เดวิด ซีเบค ที่บอกว่า “…เพียง ๑๐ ปีก่อนหน้านี้ ผมมั่นใจเหลือเกินว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ได้มีอยู่แน่ๆ แต่ทุกวันนี้มันมีอย่างที่ใครจะปฏิเสธไม่ได้” (David Sibeck NASA 30 Oct. 2008 www.tinyurl.com/67uvh2) นั่นคือ ช่องทางที่เปิด-ปิดติดต่อกัน – เพื่อให้อนุภาพของพลังงานแม่เหล็กที่สูงยิ่ง – ระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก (flux transfer event = FTE) เชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนพลังงานกันและกัน ซึ่งช่องทางที่ว่านั้นจะเปิดเฉพาะกลางวันโดยจะเปิดทุกๆ ๘ นาที แล้วจะปิดไปเองในทุกๆ ครึ่งนาที (โดยประมาณ) ช่องทางที่ปิด-เปิด (portal) นี้ มีขึ้นเพื่อที่จะให้สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กโลก – ที่อยู่ห่างกันถึง ๙๓ ล้านไมล์หรือกว่า ๑๕๐ ล้านกิโลเมตร – สามารถที่จะเชื่อมต่อรวมประสานกันได้ ช่องทางปิด-เปิดนี้จะมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าๆ กับโลกทีเดียว “...แต่เราไม่รู้ว่าทำไมมันถึงต้องเปิดทุกๆ ๘ นาที และเราก็ไม่รู้ว่าสนามแม่เหล็กที่อยู่ในทรงกระบอกนั้นมันบิดหรือม้วนขดตัวของมันอย่างไร”

    หรือว่า? ความถี่ของคลื่นแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้าอันเป็นพลังงานธรรมชาตินี้ จะมีความหมาย จำเพาะอย่างหนึ่งอย่างใดต่อเอ็มบริโอหรือตัวอ่อนของชีวิตที่อยู่ในครรภ์แม่นั้น? ที่ยิ่งไปกว่านั้น หรือว่า? ปรากฏการณ์ที่ คาร์ล จุง เรียกว่า “ความพ้องจองซึ่งกันและกัน” (synchronicity) คือปรากฏการณ์ที่ทำให้ข้อมูลทางศาสนามาพ้องกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ (พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของดวงอาทิตย์ และพลังงานแม่เหล็กของโลก (geomagnetic)) ทั้งๆ ที่เวลาระหว่างข้อมูลทั้งสองห่างกันถึงกว่า ๔,๐๐๐ ปี ซึ่งถ้าหากความหมายจำเพาะและความพ้องจองซึ่งกันและกันที่ว่า มันเกิดเป็นความจริงขึ้นมาจริงๆ เราจะคิดว่าความหมายจำเพาะนั้น-เป็นอะไร? ผู้เขียนคิดว่า มันน่าจะเป็นไปได้ที่ความหมายจำเพาะนั้นจะเกี่ยวข้องกันกับเรื่องราวที่เล่ามาในสองพารากราฟข้างบนนั้น คือจะเป็นที่มาของกรรมของปัจเจกบุคคล? หรือเป็นแรงกรรมในอดีตของเอ็มบริโอหรือมนุษย์ผู้นั้นๆ ที่จะต้องได้รับในชาติใหม่นั้นๆ

    เรื่องเช่นนี้ผู้เขียนมีความรู้สึกแปลกๆ อย่างไม่มีเหตุผลว่า ในระยะหลังๆ มานี้ หรือจริงๆ ร่วมสิบปีมานี้ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ “โผล่ปรากฏ” ออกมาเป็นข้อมูลใหม่ๆ หรือเป็นความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ การโผล่ปรากฏของข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่น่าจะเรียกว่า “เป็นการค้นพบสิ่งที่เคยค้นพบมาแล้ว” (re-discover) ในทางศาสนา เช่น การค้นพบความจริงทางแควนตัมกับความจริงทางศาสนา (พุทธหรือเต๋า) นั่น-ทำให้ผู้เขียนนึกถึง เซอร์ อาเธอร์ เอ็ดดิงตัน นักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ชาวอังกฤษเจ้าของรางวัลโนเบล (๑๙๔๐) ผู้พบรอยเท้าประหลาดๆ ที่ชายหาดบนเกาะที่ไม่เคยมีสำรวจมาก่อน หลังจากที่เขาสร้างภาพจำลองรอยเท้านั้น เขาต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อปรากฏว่ารอยเท้านั้นเป็นรอยเท้าของเขาเอง หรือไม่ก็นึกถึง เบอร์นาร์ด รีแมน นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อ ซึ่งได้ค้นพบสมการทางคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน เขานึกว่าสมการที่เขาพบไม่มีประโยชน์ใดๆ หรือกับใครๆ เป็นแต่เพียงสมการประหลาดที่ไม่มีความหมาย แต่เพียงสิบกว่าปีให้หลัง ไอน์สไตน์ก็ได้ใช้สมการนั้น (เพียงสมการเดียว) ที่สามารถอธิบายกฎสัมพัทธภาพทั่วไปของเขาได้ ประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์เต็มไปด้วยความพ้องจองซึ่งกันและกันเช่นนี้เสมอๆ จน แบรนดอน คาร์เตอร์ เอามาเขียนเล่าไว้ว่า มีมากมาย (Brandon Carte: Large Number of Coincidences in the Anthropic Principle in Cosmology, 1974)

    ข้อสันนิษฐานที่เล่ามาข้างบนนั้น แปลกและไม่น่าเชื่อ ไม่มีเหตุผลว่าจะเกี่ยวกับเพื่อนที่บอกว่าผู้เขียนสนใจแต่เรื่องของจิตและความลี้ลับที่เราไม่เห็น แต่เรื่องที่เรามองไม่เห็นมาก่อนในอดีต ก่อนยุคสมัยวิทยาศาสตร์ “กายภาพ” หรือวิทยาศาสตร์คลาสสิคนานนักหนา เช่น อะตอมที่เดโมคริตัสบอกว่าเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด – และแบ่งแยกไม่ได้อีกแล้ว – ของสสารมาตั้งแต่ร่วม ๓๐๐ ปีก่อนคริสตกาล แต่พระพุทธเจ้าได้มาจากไหน? ที่บอกว่าสสารที่เล็กที่สุดเรียกว่า อัฏฐกัลละปะหรืออะตอมนี้ก็ยังแยกต่อไปได้ นั่นคือ “อนุกัลละปะ” ซึ่งก็คืออนุภาค นั่น-ก่อนเวลาของเดโมคริตัสอีกร่วม ๓๐๐ ปี แต่จนบัดนี้เราก็ยังไม่เห็นอะตอมจริงๆ เลย แต่นักฟิสิกส์ต่างก็เห็นพ้องต้องกันทั้งหมด ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นว่ารายละเอียดของอะตอมว่าเป็นอย่างไร โดยดูจากความสัมพันธ์ของมันกับสิ่งอื่นปรากฏการณ์อื่นๆ

    เพราะฉะนั้น ที่เราเรียกว่าเหตุผลคือเป็นความจริงตามที่ตาของมนุษย์เห็น หรือไม่เราก็เชื่อนักวิจัยวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มากๆ ว่า มันเป็นความจริงเช่นที่ตาเห็น ในความเห็นของผู้เขียน ความจริงจึงเท่ากับเหตุผล หรือเท่ากับตาของมนุษย์เห็น-จบ ดังนั้น เรื่องที่พลังงานแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กับพลังงานแม่เหล็กโลกและการเชื่อมโยงเข้าหากับช่องทางปิด-เปิดที่เปิดทุก ๘ นาที และข้อมูลทางตันตระพุทธศาสนาว่าด้วยพลังงานแม่เหล็กที่มาจากศูนย์กลางพลังงานแม่เหล็กร่วม (central reservoir) ของดวงอาทิตย์จะมองเป็นอย่างอื่นได้ยาก นอกจากคิดเช่นที่ผู้เขียนเชื่อว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์รวมของพลังงานแม่เหล็กโลกที่นำกรรมของปัจเจกบุคคลจากโลก เพื่อไปแลกเปลี่ยนกับพลังงานแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ซึ่งนำกรรมแห่งปัจเจกบุคคลอันเป็นกรรมใหม่ไปยังเอ็มบริโอผ่านมณฑลที่กล่าวไปแล้ว เพื่อที่จะให้มนุษย์ที่เติบใหญ่จากตัวอ่อนนั้นได้รับกรรมที่ตัวเองได้กระทำไปแล้วในอดีตอย่างยุติธรรม


    วันศุกร์ที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2009 at ที่ 15:30 น. by knoom
    ป้ายกำกับ: บทความมติชน, ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลักเดียวที่ปักไว้นิ่งไม่กระดุกกระดิก ****

    พระพุทธเจ้าทรงใช้ "หลักสัจจะธรรม" ...ในการอธิบายเรื่องกฎแห่งกรรม
    ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....นี่เป็นแก่นสารสัจจะธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. abnormal34

    abnormal34 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +20
    สัจจะ หมายความว่าอย่างไร
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    สัจจะ...เที่ยง
    สัจจะธรรม....ธรรมเที่ยง
    สัจจะทำ...การกระทำเที่ยงด้วยสัจจะ
    การกระทำเที่ยง....กายทำได้ตามสัจจะที่ให้ไว้ เป็นกายสัจจะธรรม ปากทำได้ตามสัจจะที่ให้ไว้ เป็นปากสัจจะธรรม ใจทำได้ตามสัจจะที่ให้ไว้ เป็นใจสัจจะธรรม กายปากใจตรงกันตามสัจจะที่ให้ไว้ จึงเกิดเป็น การกระทำเที่ยง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ความรู้สึกตัวของหุ่นยนต์/ดร.ชิต เหล่าวัฒนา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มีนาคม 2552 09:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ชีวิตมนุษย์นั้นมีพื้นฐานจากอนุมูลไฮโดรคาร์บอนที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดนั้นสร้างออกมาในรูปของเซล อันประกอบไปด้วยเมมเบรนล้อมรอบของเหลวออกานิคและมีนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง นิวเคลียสนี่เองที่บรรจุ “ข้อมูลและความชาญฉลาด” ทำหน้าที่ควบคุมกิจกรรมต่างๆของเซล รวมทั้งการผลิตเซลตัวใหม่ (Cell Reproduction) ในขณะที่ “ชีวิตซิลิกอน” ของคอมพิวเตอร์ ถูกผลิตขึ้นมาในรูปแบบที่ต่างจาก “ชีวิตคาร์บอน” ของมนุษย์ ไม่มีส่วนใดที่บ่งชี้ความฉลาดเช่นเดียวกับในนิวเคลียสของเซลมนุษย์ คอมพิวเตอร์มีพื้นฐานจากทรานซิสเตอร์(Transistor) ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใน ปี พ.ศ. 2491 ทรานซิสเตอร์ทำเป็นอยู่อย่างเดียวคือ “ปิด-เปิด” กระแสไฟฟ้า ไม่เกี่ยวข้องกับเมตาโบลิซึ่ม (Metabolism)ใดๆไม่ผลิตสารเคมีและไม่สามารถสร้างลูกทรานซิสเตอร์ขึ้นมาด้วยตัวของมันเอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=336 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=336>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่ายังมีความคล้ายคลึงกันบ้างระหว่าง “สมองคน” และ “สมองกลอัจฉริยะ” หากเราพิจารณาคลื่นสมอง(Brain Wave)ของมนุษย์ที่วัดเทียบกันแกนเวลาจะพบว่าวิ่งด้วยขนาด(Amplitude)และความถี่(Frequency)ต่างๆกัน สาขาวิทยาการหุ่นยนต์ได้ใช้ประโยชน์จากลักษณะของคลื่นสมอง Electroencephalography(EEG) ไปทำการควบคุมอุปกรณ์อิเลกทรอนิคส์หรือแม้กระทั่งกลไกหุ่นยนต์ที่ยังอยู่ในขั้นทดลองในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมได้กล่าวถึงไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แต่ประเด็นวันนี้ผมขอแลกเปลี่ยนเรื่องที่ยังอยู่ใน จินตนาการของผม ที่ผมมั่นใจว่าภายในเวลา 10-20 ปี จะถูกพัฒนาขึ้นในหุ่นยนต์แห่งอนาคตนั่นคือ ความรู้สึกตัวของหุ่นยนต์ (Robot Consciousness)

    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า สมองของเราประกอบด้วยเส้นใยสมองที่เรียกว่านิวโรนมากมายและมีกระแสไฟฟ้าน้อยๆที่วิ่งไปมาระหว่างระหว่างประจุบวกและลบบนนิวโรนเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับขบวนความคิดและความรู้สึกตัวของเรา ปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดรู้จริงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและคุณภาพของข้อมูลต่อปริมาณกระแสไฟฟ้าเหล่านี้ แต่สำหรับบุคคลที่มีสมาธิดีนั้นจักสามารถจัดกระบวนการคิดได้เป็นเรื่องเป็นราว จนผลรวมของกระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะมีความชัดเจนส่งผลให้สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมีความเข้มขึ้นตามกันไป ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากคลื่นสมองจึงต้องมีการฝึกให้ผู้ใช้งานรู้จักขบวนการสร้างกิจกรรมจากความนึกคิดของตน มีผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าคลื่นสมองเหล่านี้นี้แหละที่ทำให้มนุษย์เราเกิด ความรู้สึกตัว (Consciousness) นั่นเอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ กลไกการตีความ (Cognition) เช่น นิวโรฟัสซี่ (Neuro-Fuzzy)ทำงานโดยอาศัย บิทค่าศุนย์และหนึ่งของข้อมูล ผลลัพท์การตีความก็เกิดจากผลรวม ของค่าเหล่านี้ในแต่ละโหนด ที่ผ่านมาเราใช้ผลลัพท์เหล่านี้มาควบคุมมอเตอร์หรือตัวขับเคลื่อนอื่นๆ เราก็สามารถใช้กลไกนี้ทำให้หุ่นยนต์รู้สึกตัวได้เช่นกันเพียงแต่ว่า ชุดข้อมูล (Input Arrays) นั้นต่างกัน เมื่อหุ่นยนต์รู้สึกตัวได้แล้วจึงจะพัฒนาไปถึง ความรู้สึก(Feeling) และอารมณ์(Emotion)ได้ ในทางทฤษฎี เราสามารถพัฒนาสมรรถนะการคิดของคอมพิวเตอร์ให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ได้ สมองมนุษย์นั้นมีเซลนิวรอนประมาณ 10<SUP>10</SUP> นิวรอนเหล่านี้สามารถสถานะ ปิด-เปิด: หนึ่งบิท ได้ด้วยความถี่ 1,000 ครั้งต่อวินาทีหรือเฮริตส์ ดังนั้น ถ้าทุกนิวรอนทำงานพร้อมด้วยความถี่สูงสุดนี้ กำลังการคำนวณรวมคือ 10<SUP>13</SUP> สถานะต่อวินาที เมื่อเปรียบเทียบกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดย่อมๆมี ทรานซิสเตอร์อยู่ประมาณ 10<SUP>9</SUP> ตัว เปลี่ยนสถานะปิด-เปิดได้เร็วกว่านิวรอน 106 เท่า ซึ่งก็คือ 10<SUP>9</SUP> เฮริตส์นั่นเอง นั่นคือความเร็วรวมทั้งระบบสูงถึง 10<SUP>18</SUP> เฮริตส์ ซึ่งสูงกว่าสมองมนุษย์ ถึง 10<SUP>5</SUP> หรือ แสนเท่า ภาษาทางเทคนิคเราเรียกว่า Five Orders of Magnitude ถือว่าแตกต่างกันมาก

    อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์ที่ผมกล่าวถึงนี้ไม่สามารถแสดงพลังสมรรถนะทั้งมวลนี้ออกมาได้ เพราะการทำงานของคอมพิวเตอร์ถูกออกแบบมาทำงานในลักษณะอนุกรม:มิได้ทำงานหลายๆชิ้นพร้อมกัน มีเพียง 1% ของ ทรานซิสเตอร์เท่านั้นทำงานในขณะใดขณะหนึ่ง ระยะหลังๆจึงมีการศึกษาโปรแกรมด้านการคำนวณเชิงขนาน (Parallel Computing) เพื่อแก้ไขจุดอ่อนนี้ แต่สมรรถนะยังไม่ใกล้เคียงสมองมนุษย์เลยที่สามารถควบคุมการทำงานส่วนต่างๆของร่างกายให้เป็นไปอย่างถูกต้องพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตามเรื่องคิดนั้นสมองคนเราคิดได้ที่ละเรื่อง แต่บางท่านสามารถสลับความคิดไป-มาได้รวดเร็วมาก เป็นไปในลักษณะ “ฟุ้งซ่าน”จนสร้างทุกข์จากความคิดของตนนั่นแหละครับ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=295>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หาก DNA เป็นกรรมเก่าที่มากำหนด Consciousness ของมนุษย์ Coding ต่างๆที่เรากำลังใส่เข้าไปเพื่อทำให้หุ่นยนต์มีความรู้สึกตัวขึ้นมาได้เองควรมีพื้นฐานที่ดี

    ที่ผมห่วงมากก็คือ กรรมเลวของมนุษย์ผู้สร้างหุ่นยนต์จะถูก code เข้าไปในสมองหุ่นยนต์โดยขาดการยั้งคิดถึงผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้น

    ท่านผู้อ่านสามารถส่งข้อคิดเห็น/เสนอแนะมาที่ผู้เขียนที่ djitt@fibo.kmutt.ac.th


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ในวาระดิถี ปีใหม่ 2553
    ขอให้ความสุข เบิกบาน
    พานพบ กับ ทุกๆท่าน
    เทอญ
    (f)(kiss)(ping)
     
  17. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    สอนสมาธิ ศาสตราจารย์ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
    สอนการนั่งสมาธิ คลิป คลิปจากหมวด ทั่วไป โพสต์โดย bamboo2009 แหล่งรวมคลิปวีดีโอ video clips

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา: มังสวิรัติเป็นวิถีแห่งชีวิต
    OSKNETWORK - OSK
     
  18. numnoina

    numnoina Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +53

แชร์หน้านี้

Loading...