คุณและโทษของการสวดมนต์

​

คุณและโทษของการสวดมนต์


<HR align=center width="100%" SIZE=1>

โปรดกรุณาอ่านช้าๆ และ อ่านให้หมดและคิดพิจารณาไตร่ตรองตามด้วย<O</O



<O</O
คุณของการสวดมนต์คือสวดแล้วรู้เรื่อง - รู้ความหมาย -
ปฏิบัติได้ถูกต้องตามที่สวดนั้น -และสวดด้วยจิตใจอิ่มเย็นโอบอ้อมอารี
เพราะมนต์ทั้งหมดในพระพุทธศาสนาคือคำสอนแม้จะเป็นคำสรรเสริญก็คือคำสอนถ้าจะสวดเป็นบาลีก็ต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์ของภาษาบาลีด้วย
( แต่ต้องเป็นมนต์ที่พระพุทธเจ้าพาทำมาและสอนไว้)

<O</O
<O</O
โทษของสวดมนต์ คือสวดแบบไม่รู้เรื่อง - ไม่รู้ความหมาย - ทำไม่ถูกตามที่สวด -สวดเพื่อให้ขลัง - อ้อนวอน - สวดเสก - เป่าให้ผู้อื่นฉิบหาย หรือ
สวดแล้วรู้เรื่องและเข้าใจอย่างดีแต่ไม่ทำตาม เช่นพระสวดพระวินัยทุกๆ 15 วันแต่ก็ทำผิดพระวินัยมากมายและโยมสวดประกาศปฏิญาณตนมอบกายถวายชีวิตนับถือ พุทธ - ธรรม - สงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่ไม่กระทำตามนั้น
ยังไปนับถือสิ่งอื่นเพิ่มอีกเช่น ผี - เทวดา - เครื่องรางของขลัง ฯลฯ
<O</O
<O
เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมผิดต่อคำสวดที่ตนเองสวดคำพุทธเจ้าสอนอยู่
และโทษย่อมเกิดขึ้นกับตนผู้ไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาให้ดี<O</O



<O
สำหรับผู้ชอบสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ถ้าไม่รู้เรื่องคือไม่ได้แปลเมื่อไม่แปลก็ไม่เข้าใจความหมาย
เมื่อไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ถึงแม้จะมีสติกำกับอยู่อย่างดี แต่สตินั้นก็เป็นมิจฉาสติ
แม้กระทั่งมีความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติอยู่ด้วยก็ยังเป็นความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติที่ผิด<O</O
<O</O

สตินั้นมีอยู่ของมันทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าไประลึกผิดก็เป็นสติที่ผิด
ทุกอย่างต้องเข้าใจชัดเจนถูกต้อง จึงจะเป็นสัมมาสติจึงจะเป็นสติที่ถูกในความหมายของพระพุทธศาสนา<O</O
<O</O

พุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเรียนธรรม - วินัยของพระองค์ต้องเรียนด้วยภาษาที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้
ถ้าหากเรียนธรรม -วินัยด้วยภาษาที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ
พุทธเจ้าตำหนิเอาไว้แล้วว่าเป็นการ " ปฏิบัติผิด "
การปฏิบัติผิดนี่ต้องได้บาป
ต้องไปรับโทษในนรก - เปรต -สัตว์เดรัจฉาน
เมื่อได้หมุนวนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็เป็นมนุษย์ที่มีสติ - ปัญญาไม่ดี
เรียนรู้อะไรก็เข้าใจยากมาก เงอะงะๆ เซ่อๆซึมๆสาเหตุก็เพราะได้สร้างความงงงวย - งมงาย - ไม่รู้เรื่อง
เหยียบย่ำตัวเองเอาไว้แล้วเรียบร้อยในคราวนี้ด้วยการสวดมนต์คือคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ<O</O



<O
คำสั่งพระพุทธเจ้าให้กล่าวธรรม

 

สมก็สวดคาถาชินะบัญชรเกือบทุกคืน แม้จะไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด
แต่ก็พอทราบคราวๆเกี่ยวกับเนื้อหาความเป็นมงคลของคาถา
ไม่ได้ยืดโมหะไปในทางที่ไม่ดี
น่าจะได้อานิสงส์มากกว่าความไม่ดีมั้งคับ

 

เมื่อก่อนก็ไม่รู้เรื่องเวลาสวดมนต์ สวดไปงั้น ๆ เพราะเราไม่รู้ความหมาย
แต่พอได้เข้าปฎิบัติธรรมเวลาทำวัตรเช้า-เย็นมีการสวดมนต์แปล
เข้าใจในความหมาย ชอบและทำให้อยากสวดมากขึ้นด้วย
พอรู้ความหมายของบทสวดต่าง ๆ แล้วรู้สึกดีมาก ๆ
อยากให้ทุกวัดมีการสวดมนต์แปลทุกครั้งและยิ่งงานศพด้วย
สวดอภิธรรมอยากให้มีการแปลให้คนที่มาร่วมงานได้ฟังเค้าจะได้
เข้าใจความหมายค่ะ

 

ใหม่สวดอาจไมรู้ความหมาย
แต่ก็ดีกว่าไม่สวด
บทสวดมนต์บางสวดมันยาว
ต้องอาศัยเวลาในการจำ
เมื่อจำได้ก็ค่อยพิจารณาความหมาย
เช่น พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
เมื่อก่อนท่องแทบไม่ได้
เดี๋ยวนี้ท่องได้แล้ว ก็เริ่มหาความหมาย
ตอนนี้รู้ความหมาย สวดไปก็รู้ว่าเรากำลังยึดเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ

บทพาหุงมีหลายบทกว่าจะจำบทสวดหมดก็อาศัยเวลา
ตอนนี้จำพอได้หมด บทแรก ๆ เริ่มเข้าใจความหมายแล้ว
ค่อย ทำไป
แต่จะให้สวดครั้งแรก สวดได้คล่องเข้าใจความหมาย
ผู้ปฏิบัติคงท้อกันหมด

ผู้เริ่มปฏิบัติก็คงได้แต่สวดมนต์ไปก่อนอาจยังไม่รู้ความหมาย
แต่ก็ไม่ใช่จะผิดหรือไม่ดีเลยทีเดียว
เมื่อเริ่มคล่องก็หาความหมายแต่ละบท สวดไปพิจารณาไปจะได้ประโยชน์สูงสุด

ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติทุกคน อย่าได้ท้อ
ถ้าไม่ได้สะสมไว้ก่อนให้เริ่มปฏิบัติทีเดียวให้ถูกเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก

 

บางครั้ง ถ้าเราเริ่มสวดมนต์ เราก็จะได้คำแนะนำว่าให้สวดมนต์ทุกเช้าเย็น
บทสวดมนต์พาหุง บทสวดมนต์พระไตรปิฏก บทสวดมนต์คาถาชินะบัญชร ....
ซึ่งเมื่อมีการเริ่มสวดมนต์ ก็สวดมนต์ไปแบบตั้งใจ แบบสมาธิ แต่ก็ไม่รู้คำแปลได้เหมือนกัน
ซึ่งปัจจุบันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แต่ละบทสวดมนต์ได้ประโยชน์อะไร

จาก... คนโง่ที่เริ่มธรรมะ

 

อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
อนุโมทนาครับ.
บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
โทร.1900-222-200 6บาท/นาที​

 

ขอแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยนะคะ ผิดถูกอย่างไรขอท่านผู้รู้อภัยให้ด้วย ดิฉันคิดว่ามีพุทธสานิกชนจำนวนมากที่สวดมนต์โดยไม่รู้คำแปล แต่ถึงจะไม่รู้คำแปล จิตในขณะนั้นย่อมเป็นจิตที่เคารพนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมพุทธเจ้า องค์พระรัตนตรัย จิตที่ในขณะเคารพและนอบน้อมต่อองค์พระรัตนตรัยนี้ ย่อมเป็นจิตที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ปราศจากการปรุงแต่ง จิตมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ต้องการความหมาย ไม่มีคำแปล เป็นธรรมชาติของธรรมะที่แท้จริง จิตในขณะนั้นเมื่อบังเกิดแก่ผู้ใด ย่อมเป็นมงคลอันสูงสุด ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่วขณะสวดมนต์ก็ตาม

 

ขออนุญาตเห็นต่างค่ะ

.............................................................................................

จากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๑๖โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


สวดมนต์ผิด


หลวงพ่อคะ หนูสอนให้เด็กสวดมนต์ภาวนา ปรากฏว่าพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง เพี้ยนบ้าง เป็นการบาปหรือเปล่าเจ้าคะ..........?<O</O
ไม่บาป เป็นบุญนี่ มันอยู่ที่การตั้งใจ ตั้งใจเป็นกุศลใช่ไหม พูดถูกบ้างผิดบ้างไม่เป็นไร สำคัญตัวแรกสวดมนต์อาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ตั้งใจเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ใช้ได้เลย<O</O
มันมีตัวอย่างพระท่านเทศน์กัน คือเป็นอย่างนี้นะ นี่ไม่ใช่เรื่องบุญ เรื่องฤทธิ์ อาจารย์สอนเจริญกรรมฐานภาวนาว่านะโมพุทธายะ ท่านบอกว่า ภาวนาไปๆ แล้วเกิดเหาะได้ เหาะไปลงยอดเขาแห่งหนึ่งแล้วยังไม่กลับ<O</O
ทีนี้เกิดหิวขึ้นมาก็นึกว่าจะกินอะไรหว่า<O</O
ว่า นะโมพุทธายะ ตักหินไม่อ่อน จะกินหิน เอาหินเป็นขนมแล้วนะ เลยว่า นะโมพุทธรแยะ พอว่านะโมพุทธาแยะ หินก็อ่อนเหมือนกับวุ้น ก็ตักกินอิ่มทุกวัน<O</O
ต่อมาวันหนึ่งคิดถึงอาจารย์ ตอนนี้ก็ว่านะโมพุทธาแยะทุกวันละ ๒ เวลา ลืมนะโมพุทธายะ เลยล่อนะนะโมพุทธายะ เลยล่อนโมพุทธาแยะทุกวัน พอนึกถึงอาจารย์ก็เล่าให้อาจารย์ฟังว่า ผมภาวนานะโมพุทธษแยะ ดีจริงๆ ครับ เหาะก็ได้ เสกหินเป็นขนมก็ได้ อยากจะกินน้ำว่านะโมพุทธาแยะก็มีบ่อน้ำให้กิน<O</O
อาจารย์ฟังแล้วมันผิดนี่หว่า ก็บอก คุณ....ความจริงที่สอนไปสอนตัวผู้นะ แต่คุณว่านะโมพุทธาแยะนั้นนั้นตัวเมีย แต่ความจริงกลับเป็นตัวผู้ดีกว่า<O</O
พอกลับมาเล่นตัวผู้เหาะไม่ได้เลย นี่มันอยู่ที่กำลังใจ ศัพท์ผิดไม่เป็นไร แต่จิตใจมันทรงธรรมใช่ไหม คือถ้าว่าผิดไปบ้างไม่เป็นไร ใจเป็นกุศลอันนี้ไม่บาปนะ เป็นบุญ<O</O

 

ของเราเวลาสวดก็แบบรู้บ้างไม่รู้บ้าง อาจมีผิดพลาดมาก แต่ที่แน่ๆคือทุกครั้งที่เราสวด เราจะสวดด้วยใจที่บริสุทธ์ เคารพในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

เราว่าสวดต้องอยู่ที่เจตนาและความตั้งใจที่จะระลึกมากกว่าคำน่ะค่ะ เพราะถ้าสวดๆๆๆแต่ไม่ระลึกก็เหมือนท่องๆๆๆไปงั้นมากกว่า( ความเห็นส่วนตัวค่ะ)

 

สำหรับเราสรุปได้ว่าอยู่ที่เจตนาของคนสวดมากกว่า

 

ในความเห็นของผมนะ การสวดมนต์อยู่ ที่ความตั้งใจในการสวดสำคัญที่สุด ส่วนการรู้ความหมายเป็นเรื่องรองลงมา ถ้าเรามีความตั้งใจ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ มีความเมตตากรุณา ก็มีอานิสงค์อย่างมากแล้ว แต่การรู้ความหมายก็เป็นสิ่งที่ดี หรือการรู้ความหมายโดยรวมของบทสวดแต่ละบทก็น่าจะได้นะครับ เช่นบทพาหุง เป็นการสวดที่พูดถึงการชนะมารของพระพุทธเจ้า หรือบทชินบัญชร เป็นการพูดถึงการสรรเสริญและอัญเชิญพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต่างๆ เพื่อมาช่วยปกป้องเรา แค่นี้ก็น่าจะใช้ได้นะครับ การจะให้รู้ความหมายละเอียดคงเป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลธรรมดาอย่างเราๆ ที่ไม่ใช่พระ ซึ่งต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด
และการสวดมนต์ควรจะสวดเป็นภาษาบาลีน่าจะดีกว่าสวดบทแปล เพราะภาษาบาลีก็คือภาษามคธ ซึ่งเป็นภาษาศักดิ์สิทธ์ มีพุทธคุณในตัวของมันเองอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ความหมายละเอียด อย่างน้อยก็เป็นพุทธมนต์ ที่มีอานิสงค์ต่อผู้สวดอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย

 

การสวดมนต์นั้นต้องใช้จิตสวดครับไม่ใช่ใช้ปากสวดแต่จิตไม่นิ่งและต้องสวดด้วยความเคารพนับถืออย่างสูงส่วนเรื่องคำแปลหรือสวดผิดบ้างเพราะไม่เก่งภาษาบาลีไม่ได้เรียนมาผมว่าไม่บาปขนาดต้องตกนรกหรอกครับอยู่ที่เจตนามากกว่าถ้าตั้งจิตสวดแล้วสวดไม่เป็นต้องอ่านที่ละคำไม่คล่องต้องค่อยๆอ่านผิดบ้างถูกบ้างถ้าผิดรีบอ่านใหม่ด้วยความไม่ชำนาญผมรับรองว่าไม่ตกนรกแน่ๆเพราะตั้งจิตดีต้องการสวดมนต์ถวายพระพรพระพุทธองค์หรือเพื่อสงบจิตสงบใจผมว่าดีกว่าคนที่สวดคล่องๆเก่งๆแต่ใช้ปากสวดไม่ได้ใช้จิตสวด ปากก็สวดไปส่วนจิตก็คิดเรื่อยไปยังงี้ตกนรกใหมครับ?ส่วนคำแปลนั้นยิ่งแล้วใหญ่น้อยคนที่จะแปลออกเองส่วนใหญ่ก็มีคนแปลมาให้แล้วเราอ่านคำแปลนั้นไม่รู้ว่าถูกหรือผิดเพราะไม่เคยแปลเองสักที่ เอาง่ายๆแค่บทว่า อิติปิโส แปลว่าอะไรอย่าเอาตำราที่เค้าแปลไว้แล้วมาตอบนะครับลองถามใจดูว่าที่คุณรู้คำแปลนั้นมาจากตำราหรือมาจากตัวคุณที่ศึกษาภาษาบาลีมาคำตอบนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นบาปหรือไม่ถ้าเราสวดแล้วไม่รู้คำแปลด้วยตัวเองนะครับไม่ใช่อาศัยคนอื่นแปลมาแล้วเพราะคุณก็ไม่รู้ว่าที่เค้าแปลมาถูกหรือเปล่าถูกใหมครับถ้าบอกว่าไม่รู้คำแปลแล้วตกนรกผมคนละที่ต้องตกนรกเพราะผมไม่ได้เรียนภาษาบาลีมาผมแปลตามที่เค้าแปลมาให้ก็เลยรู้คำแปลตามนั้นแต่ที่คุณเขียนนี้บอกถ้าไม่รู้คำแปลแล้วตกนรกผมว่าคนเกือบ99%ตกหมดแหละครับรับรองได้อย่าได้เขียนอะไรที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงคุณอาจมีเจตนาที่ดีแต่ต้องอยู่ในเหตุและผลด้วยนะครับขอย้ำว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดีมากๆควรตั้งจิตสวดอย่าใช้ปากสวดแล้วคุณจะได้บุญส่วนคำแปลหรือสวดไม่คล่องผิดบ้างแต่แก้ไขผมคนละครับของรับรองว่าไม่ตกนรกแน่ๆเพราะพระพุทธองค์มิได้บอกไว้ในพระไตรปิฏกว่าไม่รู้คำแปลในบทสวดมนต์ต้องตกนรกหรือสวดภาษาบาลีไม่เป็นแล้วพยายามหัดสวดต้องตกนรกพระองค์ทรงสอนให้ใช้จิตภาวนาเท่านั้นครับ สาธุ

 

ธรรมมะอยู่ที่ใจเป็นธรรมชาติครับ

 

เรื่องของพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆค่ะ
ต้องศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วน รู้จริงนะคะ

อนุโมทนากับความรู้ดีๆ ของทุกท่านนะคะ

 

การสวดมนต์ด้วยใจที่เป็นกุศลจิตและศรัทธาย่อมได้บุญ ถึงแม้ว่าผู้สวดจะไม่ทราบความหมายของบทสวดอย่างถูกต้องแท้แน่นอน แต่ผู้ที่สวดนั้นย่อมเข้าใจผลของการสวดดีว่าเป็นกุศล, เป็นบุญ, มีพุทธคุณต่อผู้สวด เป็นเหตุทำให้ผู้สวดมีจิตใจเป็นสุข อิ่มเอมใจ ปลื้มใจ ผลของสวดมนต์นั้นย่อมส่งผลให้ผู้สวดได้บุญอย่างแท้แน่จริง กระผมเชื่ออย่างนี้ครับ

 

อนุโมทนาสาธุครับ เปรียบเสมือนคนปั่นจักยาน ถ้าไม่เคยหัดไม่เคยปั่นเลย มันก็ต้องล้มบ้างเซบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าปั่นเป็นแล้วขึ้นปั๊บใช้งานได้เลย ผมขอสารภาพว่าตัวผมเองสวดมนต์ถูกบ้างผิดบ้างนอกจากสำเนียงจะไม่เหมือนคนอื่นแล้ว ทำนองยังเพี้ยนอีก ไปสวดมนต์ร่วมกับหมู่คณะที่ใหนต้องสวดเบาๆ ถ้าอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่าคงจำลำบากน่าดู

 

เจริญในธรรม

 

ไม่เห็นด้วย

การสวดมนต์ ถึงไม่รู้ความหมาย ก็ไม่มีโทษ อย่างน้อยทำให้ผู้สวดมีสมาธิ ถ้าจะมีโทษจริง คงไม่มีการเผยแพร่ พระศาสนามายังดินแดนไกลโพ้นทะเล เพราะคนต่างภาษาจะเข้าใจภาษาบาลีได้อย่างไร ถ้าไม่มีการสอนกันต่อๆมา ลองพิจารณาให้ดี บทความนี้ เป็นทุคติ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง