เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ภาพวาดลายเส้นของคุณเซลล์ เป็นภาพวาดที่แม้จะมีเพียงไม่กี่เส้น แต่ก็แสดงออกถึงอารมณ์ของบุคคลได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆค่ะ เป็น Style ที่พี่นักเขียนว่าเป็น pro แล้วหละค่ะ เพราะมี pro จำนวนไม่น้อยที่ผ่านการเรียนและฝึกฝนมานมนานหลายปี กว่าจะกลายเป็นมืออาชีพ และวาดภาพได้ใน style คล้ายๆกันนี้(rose)

 

ผมเจออยู่ที่หน้า 189 และหน้า 191 ครับ

+ บันทึกความฝันอย่างเป็นระบบ
http://palungjit.org/showthread.php?t=86527&page=189

+ ตัวอย่างการบันทึกความฝันของพี่นักเขียน
http://palungjit.org/showthread.php?t=86527&page=191

 

ขอบคุณครับพี่นักเขียน คำอธิบายพี่นักเขียนทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้นครับ เหมือนกับว่าพี่นักเขียนอธิบายเปรียบเทียบกับเซลมาหลายทีแล้วนะเนี่ย

ตอนนี้นึกว่าถ้ามีระบบที่ใช้คำถามแล้วไปค้นหาคำตอบของพี่นักเขียนที่เคยตอบไว้แล้วอย่างนี้ก็ดีหน่ะสิ คล้ายๆ ระบบ help ของโปรแกรม ที่ให้ใส่คียเวิร์ดบางคำลงไป

วันนี้ผมรู้สึกไม่เหมือนวันอื่นๆ... รู้สึกเงียบๆ เบื่อนิดๆ ออกจะนิ่งๆ หน่อยวันนี้.....

 

ขอบคุณนะครับคุณmead

 

กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O</O​

​

 

Amazing อีกแล้ว เมื่อคืนที่แล้วเพิ่งจะฝันเห็นตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีนเขาไปให้ถึงยอด ข้างบนมีคนรออยู่ แถมมือขวายังถือเค้ก 1 ก้อนด้วย ทั้ง ๆที่ถือเค้ก แต่เขามีความพยายามมากที่จะไต่ไปหาคนที่ยยอดเขา

 

เย้ จินตวดีถูก 71 อีก แล้ว มันฝันเห็นนัก เลยจินตนาการให้มันสร้างสรรค์ซะเลย จินตวดีคิดว่าพอจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการจินตนาการแล้วนะ ว่าแล้วคิดถึงความฝันเมื่อไม่นานตอนชายแก่กล่าวว่า "หล่อนจะได้ของที่หล่อนต้องการต่อเมื่อหล่อนหัดใช้จินตนาการให้เป็นเท่านั้น" หุ หุ ว้าวส์

 

71 เข้าล็อคอีกแล้วนะครับคุณจินตวดี..(แต่คงไม่ได้ซื้อไว้ อิอิ..)
เรียกว่าถูกก็แล้วนะครับ..คุณเซลล์ก็ใกล้เคียง..ออก 05 ฝันว่า 06
คงแล้วแต่ว่าเราจะเอาเลขไปทำอะไรนั่นล่ะ..สนุกดีครับ
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกังหันหรอก..แต่ดูแล้วสบายใจดีเลยเอามาฝากเพื่อนๆน่ะครับ..0_O

 

คุณจินต์ นี่เด็ดขาดจริงๆ...สามารถนำความฝัน มาก่อเกิดประโยชน์ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
สุดดดด...ยอดดด(good)

 

ขอบคุณพี่นักเขียนนะครับ ที่ให้กำลังใจ :d คงต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยวตัวตนศิลปินของจิตวิญญาณรวมเคืองแย่เลย อิอิ

ดีใจกับคุณจินต์ด้วยนะครับ (evil)
รูปกังหันของคุณ mead ดูแล้วสบายใจมากเลยครับ
ว่าแต่ทำกังหันลมเสร็จไปกี่อันแล้วครับ หากมีเหลือใช้ฝากมาไว้แถวๆนี้บ้างนะครับ :d

 

เราคงได้เคยพบเห็นตำนานศาสนาหรือลัทธิความเชื่อหลายข้อมูลด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่า โลกจะผ่านวิกฤตการณ์ไปอย่างโชกโชน หากโลกไม่ถึงจุดจบ โลกก็จะกลับคืนสู่ภาวะที่เต็มไปด้วยความสงบสุข มนุษย์จะมีจิตใจแตกต่างไปจากมนุษย์โลกที่เรารู้จักทุกวันนี้ และจะใช้พลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณได้เสมอเหมือนกับต้นกำเนิด - อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากได้รับข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัย พี่นักเขียนมีมุมมองและทัศนเกี่ยวกับโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดั้งเดิมพี่นักเขียนก็ไม่ได้เคยเชื่อว่าโลกจะถึงจุดจบ และอยากจะเชื่อว่าสักวันหนึ่งโลกจะถึงยุคสมัยของพระศรีอารยเมตรัย ซึ่งเป็นเสมือนสวรรค์บนดิน แต่เมื่อได้ศึกษาถึงความหมายของคำว่า ความสมดุลย์ของโลก และ ศึกษาถึงเป้าหมายของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดบนโลก พี่นักเขียนมีความเชื่อเปลี่ยนไปว่า โลกจะไม่ได้ผ่านวิกฤตการณ์ไปสู่ภาวะที่สุขสงบทุกหย่อมหญ้าหรือล่มสลายด้วยการทำลายของมนุษย์ เพราะธรรมชาติของจิตวิญญาณนั้นมาถือกำเนิดเพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ จิตวิญญาณทั้งหลายจึงกระจายความเป็นไปได้ออกไปจนเต็มภาพ เราจะไม่พบโลกที่ขาดความสมดุลย์ คือ มีแต่สร้างสรรค์โดยปราศจากการทำลาย มีแต่สุขโดยปราศจากทุกข์ มีแต่เกิดโดยปราศจากความตาย หรือ มีแต่สันติสุขโดยปราศจากความขัดแย้งหรือแม้แต่สงคราม

พี่นักเขียนเชื่อว่า เราจะเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงใบเดียวกันจากหลายขั้ว หลากหลายประสบการณ์อย่างเป็นอนันต์ โดยที่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราแต่ละคนจะก่อเกิดหรือดึงดูดประสบการณ์ที่คล้องจองมาสู่วิถีชีวิต ผู้ที่จดจ่อกับความสงบสุขและสันติ ก็จะดำเนินวิถีชีวิตในซีกโลกนั้นๆ ผู้ที่จดจ่อกับความขัดแย้งและสงคราม ก็จะดำเนินวิถีชีวิตในซีกโลกนั้นๆ และมนุษย์ต่างก็เรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าของความสงบสุข และ ตระหนักในทุกข์อันเกิดจากความขัดแย้งและสงครามได้อย่างลุ่มลึกต่อไปด้วยการรู้เห็นความแตกต่างเหล่านั้นได้ในโลก หากความสงบสุขหรือสงครามในทิศทางที่เรารู้จักจะแปลงสภาวะไป มันก็ยังคงมีรากฐานที่คล้ายคลึงกับรากฐานเดิม แต่ต่างประสบการณ์ออกไป

________________________________________________________________

เมื่อพูดถึงบ้านในฝัน พี่นักเขียนขอเตือนใจพวกเราว่า เราไม่สามารถดำเนินชีวิตในบ้านในฝัน-ในโลกในฝัน ที่เราเชื่อว่า มีอยู่ในอนาคตอันยาวไกลข้างหน้าได้ แต่เราสามารถดำเนินชีวิตในบ้านในฝัน-ในโลกในฝัน ที่เราเชื่อว่า มีอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ได้เท่านั้น เพราะเราทั้งหลาย สร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง หากเราเชื่อว่า บ้านในฝัน-ในโลกในฝันนั้นอยู่ในอนาคตอันยาวไกล เราจะไม่มีวันไปถึง เพราะอนาคตอันยาวไกลจะยาวไกลต่อไป ตามความเชื่อของเรา

________________________________________________________________

พี่นักเขียนเองเคยมีบ้านในฝันมาแล้วหลายหลังและก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านในฝันอยู่ ณ วันนี้ เหตุที่พูดเช่นนี้ไม่ได้จะอวดอ้างว่า ได้เคยประสพความสำเร็จในด้านอาชีพการงานเสียจนสามารถสร้างบ้านหรูหราได้หลายหลัง แต่ที่กล่าวเช่นนี้เพราะพี่นักเขียนมีความเชื่อว่า บ้านของเราคือสวรรค์ หากเรามีความทุกข์ใดๆมาจากนอกบ้าน เมื่อกลับเข้ามาบ้านแล้ว เราทุกคนควรจะทิ้งความทุกข์และความขุ่นใจทั้งปวงไว้นอกประตูบ้าน กลับเข้ามาแล้วเราควรจะคิดเสมอว่า บ้านคือสวรรค์ บ้านคือสถานที่ที่เราทุกคนกลับมาเพื่อพักกายพักใจ และแก้ปัญหาทั้งปวงได้อย่างหมดจดเสมอ บ้านของพี่นักเขียนจึงปราศจากความลับ และเป็นสถานที่ที่สมาชิกจะพูดคุยกันอย่างเปิดใจเสมอๆ

กฏหลักของบ้านในฝันของพี่นักเขียน ทำให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนเชื่อมั่นได้ว่า ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาและความขุ่นข้องหมองใจใดๆมาจากนอกบ้าน กลับมาถึงแล้ว จะสามารถพลิกผันอารมณ์ให้หัวเราะ และมองเห็นปัญหาทั้งหลายกลายเป็นเรื่องเล็ก และพบทางแก้ไขได้เสมอ กฏหลักของบ้านในฝันกฏนี้ ทำให้พี่นักเขียนมีบ้านในฝันหลังแล้วหลังเล่า

ตลอดชีวิตการแต่งงาน 28 ปี ได้เคยย้ายบ้าน-ย้ายที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 30 ครั้ง(เลิกนับเมื่อย้ายครั้งที่ 26 - สิบกว่าปีมาแล้ว) ทั้งในประเทศไทยและส่วนมากคือต่างประเทศ ต่างรัฐ ทั้งนี้นับที่ย้าย apartment ในตัวเมืองเดียวกันด้วยนะคะ แต่ย้ายบ้านจริิงๆที่เป็นบ้านส่วนตัวทั้งหมด 4 ครั้ง - ข้ามทวีป

พี่นักเขียนเข้าใจคำถามของหัวหน้านะคะ แต่เหตุที่ต้องพูดถึงบ้านในฝันในนัยนี้ เพราะเหตุว่า มันคือบ้านในฝันที่แท้จริงของพี่นักเขียนค่ะ แม้ว่าทั้งสามีและพี่นักเขียนจะเป็นสถาปนิก แต่เราก็มีความเห็นพ้องร่วมกันว่า บ้านในฝันที่แท้จริง คือบ้านหรือสถานที่ที่เราใช้พักจิต กล่อมเกลาจิตใจหรือแม้แต่พลิกผันจิตใจของเราให้สงบสุขได้เสมอ มันเกี่ยวพันกับความสะอาด ความสบายตา สบายกาย สบายใจ สีสันและการตกแต่งไม่น้อยค่ะ แต่หัวใจของบ้านในฝันคือพฤติกรรมและทัศนคติที่สมาชิกครอบครัวมีให้กันและกันเสมอ

บ้านในฝันของพี่นักเขียนไม่ค่อยใช้สารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง หรือ ยาฆ่าเชื้อโรคที่หาได้ง่ายและกลายเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาด แต่พี่นักเขียนพอใจที่จะทำความสะอาดจริงๆ จนแมลงสละสิทธิ์ที่จะอยู่ด้วยน่ะค่ะ ส่วนเชื้อโรคก็คงจะไม่ชอบอยู่ไปด้วยโดยปริยาย เพราะพี่นักเขียนชอบบ้านที่มีแสงแดดเข้าได้ตลอดปี มีต้นไม้ในบ้านที่เป็นสัญญาณเตือนว่า เรามีความชื้นมากน้อยเพียงใด และเรามีฝุ่นละอองมากน้อยเพียงใด (สังเกตดูได้จากสภาพของใบไม้ และการคายน้ำของใบไม้)

พี่นักเขียนเคยเลี้ยงสุนัข และเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคือ นอนในห้องนอนของเรา แต่ก็ทำให้รักษาความสะอาดอย่างหมดจดได้ยาก ยิ่งมาอยู่ Kansas ฤดูหนาวยาวนาน ก็ยิ่งเป็นไปได้ยากเพราะเขาต้องอยู่ในบ้านกับเรามากขึ้น จึงเลิกเลี้ยงสุนัขในบ้าน และหันไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตามธรรมชาติแทน ได้แก่เลี้ยงนก กระรอก กระต่าย raccoon ฯลฯ เรียกได้ว่าใครผ่านมาก็เลี้ยงหมดหละค่ะ รับเป็นสัตว์เลี้ยงโดยไม่มีการเกี่ยง สิ่งแวดล้อมที่อยากให้เป็นก็ดูเหมือนจะเป็นไปอยู่แล้วนะคะคือ อยู่ร่วมกับสัตว์เหล่านี้ที่ใครๆเรียกมันว่าสัตว์ป่าได้โดยเอื้อเฟื้อกันด้วยดี คนรู้จักบางคนที่ทราบว่าพี่นักเขียนเลี้ยง raccoon มักเตือนว่า ระวังมันกัดต้นไม้และทำลายข้าวของหากมันหิวและไม่ได้ให้อาหารอย่างเคย และเตือนให้ระวังโรคกลัวน้ำ แต่พี่นักเขียนเชื่อว่า สัตว์ป่าจะดุร้ายและทำลายข้าวของเรา เมื่อเราเชื่อว่าเขาดุร้ายและสื่อสารกับเราไม่ได้ หากเราเชื่อว่าเขาเชื่องและสื่อสารกับเราได้ เขาก็จะเชื่องและสื่อสารได้

raccoon ของพี่นักเขียนเคยแวะเวียนมาคืนหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้นำเอาอาหารไปวางทิ้งไว้ให้อย่างเคย เพราะเข้าใจว่าเขาไม่มาเพราะดึกมากแล้ว ปรากฏว่าเช้าขึ้น พบว่าเขากัดต้นโป๊ยเซียน ซึ่งเป็นไม้กระถางที่พี่นักเขียนเลี้ยงไว้ในบ้านในฤดูหนาว และนำออกไปวางไว้ที่ระเบียงหลังบ้านตลอดฤดูร้อน เขากัดตรงโคนต้น ทำให้กิ่งใหญ่ๆ ถูกตัดออกเป็นท่อนทั้งหมด 7 ท่อนด้วยกัน แต่ในกระถางก็ยังเหลืออยู่อีก 4 กิ่งย่อมๆพอดีกระถาง ไม้ดูล้นจนผิดสัดส่วนอย่างตอนแรก

พี่นักเขียนเห็นแล้วกลับคิดว่า เจ้า raccoon นี่แสนดีนะ ลงทุนกัดต้นโป๊ยเซียนซึ่งมีหนามแหลมคม พี่นักเขียนกะว่าจะแยกกิ่งนานแล้ว ไม่ได้แยกสักทีเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะตัดกิ่งตรงไหนดี เจ้า raccoon ก็มาตัดสินใจและลงมือทำให้ ตอนนี้เลยมีต้นโป๊ยเซียนทั้งหมดที่แยกเรียบร้อยแล้ว 3 กระถาง ซึ่งสวยงามสมส่วนดีค่ะ ยังไม่เห็นเขาอีกเลยนะคะตั้งแต่มาแอบทำสวนให้หลังสองยาม แต่ก็เชื่อว่าเขาคงจะสุขสบายดี เพราะตามปกติแล้ว raccoon ฟันคมและได้ชื่อว่า กินไก่เป็นๆได้ แต่ Garfielda ของเด็กๆดูจะอุ้ยอ้ายและเชื่องกว่านั้นมากเลยค่ะ และของชอบของเขาคือ potato chips

พี่นักเขียนเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะออกแบบบ้านในฝันให้มีความสวยงาม ทันสมัยและสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้มากมายเพียงใดก็ตาม ในที่สุดเราจะพบว่า บ้านในฝันที่แท้จริง คือบ้านที่ทำให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติทั้งภายในและภายนอกในวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้สมาชิกทุกคนสามารถพลิกอารมณ์จากความเครียด และความขุ่นมัวที่เกิดจากความรีบเร่ง ปัญหา หรือความสับสนในแต่ละวัน ได้อย่างฉับพลันเมื่อก้าวเท้ากลับเข้ามาในบ้าน

ภาพที่เห็นนี้ เป็นสมาชิกใหม่ที่มาเคาะประตูระเบียงหลังบ้านเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยเอาจะงอยปากเคาะกระจกวันละ 5-6 ครั้ง สามวันติดต่อกัน จนในที่สุดพี่นักเขียนเอากล้องออกมาถ่ายภาพไว้ แล้วออกไปทักทายเขาค่ะ ก็พบว่าเป็นลูกนกหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสวนหลังบ้าน พอทักทายกันแล้ว เขาก็ไม่ได้มาเคาะกระจกอีก แต่แวะมากินเมล็ดข้าวร่วมวงกับนกอื่นๆที่มาเป็นขาประจำนานแล้ว

เราแต่ละคนสามารถสร้างสรรค์โลกที่สุขสงบทุกหย่อมหญ้า และ บ้านในฝันของเราได้เสมอ-จากภายใน ณ วันนี้(rose)

 

ส่งขุนพลมาช่วย cheer up คุณ zip ค่ะ(rose)(rose)(rose)

 

ส่งขุนพลมาช่วย cheer up คุณ zip ค่ะ(rose)(rose)(rose)

 

กรรมใดก่อไว้ย่อมได้ผลกรรม


ยอกรกราบไหว้ครูผู้ทรงคุณอันประเสริฐสุด
สาธุกุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วหรือกำลังจะกระทำก็ตามอาตมาขออนุโมทนากับบุญกุศลนั้นๆด้วย และบุญอันใดที่อาตมาได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ อาตมาขออุทิศให้<O</O



กับทุกๆท่านขอเวรภัยจงดับมอดลง
ขอทุกรูปนามจงประสบชัย

 

Good Job!

คัดลอกมาจากอีกห้องหลังจากมีพายุใหญ่เข้ามา
คุณจินตวดีแต่งกลอนได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ

 

สวัสดีคะ

รบกวนพี่นักเขียน หรือ ท่านอื่น ๆ ช่วย แปลความหมายในฝันให้ด้วยคะ (พยายามจำความฝันของตัวเองคะ) มีสองคืน
คืนแรก
ฝันเหมือนกับว่า เราไป"ห้องสมุด" ห้องหนึ่งมีหนังสือเล่มใหญ่ 1 เล่ม พอเราสนใจอยากจะเปิดดูปุ๊บ เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือก็โผล่ออกมาให้เราเห็นสด ๆ
เหตุการณ์ดีหรือไม่ดี เราเป็นผู้เลือกคะ
เมือวาน ฝันว่านั่งรถเมล์ เหมือนอยู่ใยช่วงวันหยุด รถไม่แยะ คนขับกับประเป๋า คุยกัน ชี้ให้เราเห็นคนตายอยู่ข้างทาง ทุกร่างจะมีผ้าขาวคลุมอยู่ ตอนแรกเป็นศพผู้ชาย เหมือนจมน้ำ เพราะท่าแข็ง ๆ คล้ำ ๆ ผ่านมาอีกทีก็มีศพอีก เป็นสามศพ ผู้หญิง เราก็ตื่นคะ
ชอบไขความฝันให้หน่อยคะ

ขอบพระคุณคะ

 

ขอบคุณคุณ veggieguy ที่นำบทความดีๆนี้มาแบ่งปันนะครับ (ping)
คุณ jin เก็บเงียบไม่บอกถึงงานศิลปะชิ้นนี้เลยนะครับ อิอิ dencee

 

กลอนนี้แต่งมานานแล้วค่ะ เผอิญ มีคนเขาไปพบโดยบังเอิญค่ะ เลยเมลล์ขออนุญาติดิฉันมา จินตวดียินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นอีก 1 ผลงานที่ภูมิใจมาก ตอนที่คิดจะแต่งนั้นมีความคิดอย่างเดียวว่าอยากจะแต่งกลอนที่จะรวมทุกความเชื่อไว้ด้วยกัน ที่จะบอกเล่าว่าจริง ๆแล้วทุกฐานความรู้ล้วนมีพื้นฐานมาจากสิ่งเดียวกันทั้งนั้น พอคิดเสร็จก็ทำงานอะไรไม่ได้เลย มันต้องกลับมาจับกระดาษ + ดินสออย่างเดียว แต่งเสร็จภายใน 10 นาทีเท่านั้น (เรื่องจริง) มันไหลมาเองเลย จินตวดียินดีค่ะที่มีคนเห็นค่าของกลอนนี้

 

ไม่รุ้ผมเข้าใจถูกต้องรึเปล่าครับ ประโยคนี้มีความหมายสำหรับผมมากๆเลยครับ ในโลกสามมิตินี้ ทั้งกระบวนการสร้าง ดำรงอยู่ และเสื่อมสลายไป และก็กลับมาเป็นกระบวนการสร้างใหม่ เป็นวงจรที่มีอยู่เสมอในโลกใบนี้
ยุคใหม่ที่มาจากเงื่อนเวลาจริงๆแล้ว จึงไม่มีนัยสำคัญจริงๆสำหรับจิตวิญญาณ
ยุคใหม่ที่เราต่างใฝ่ฝันถึงความสงบสุขนั้นจึงไม่มีจริง เพราะทั้งยุคเก่าที่ผ่านมาแล้ว ยุคปัจจุบัน และยุคใหม่ที่คาดหวัง มีอยู่พร้อมกันหมด ณ ที่นี้ ยุคใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที ณ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ในจิตใจที่เป็นปัจจุบันของเราเอง ยุคใหม่ของจิตใจที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุข บนเส้นทางอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของเราที่เปลี่ยนไป

________________________________________________________________

 

กลอนนี้แต่งมานานแล้วค่ะ เผอิญ มีคนเขาไปพบโดยบังเอิญค่ะ เลยเมลล์ขออนุญาติดิฉันมา จินตวดียินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นอีก 1 ผลงานที่ภูมิใจมาก ตอนที่คิดจะแต่งนั้นมีความคิดอย่างเดียวว่าอยากจะแต่งกลอนที่จะรวมทุกความเชื่อไว้ด้วยกัน ที่จะบอกเล่าว่าจริง ๆแล้วทุกฐานความรู้ล้วนมีพื้นฐานมาจากสิ่งเดียวกันทั้งนั้น พอคิดเสร็จก็ทำงานอะไรไม่ได้เลย มันต้องกลับมาจับกระดาษ + ดินสออย่างเดียว แต่งเสร็จภายใน 10 นาทีเท่านั้น (เรื่องจริง) มันไหลมาเองเลย จินตวดียินดีค่ะที่มีคนเห็นค่าของกลอนนี้

YES It was me who found it by an accident!
After I wrote and share my spiritual journey on my forum,
I got lots of email complaint an accused me
that I tried to bring all religion into ONE.

I didnt know how to answer and explain so
I said to myself, there must be something/somewhere to help me to answer this problem.

And accidently, my hand clicked on some member profile and then it leads me to this wonderful poem by JINTAWADEE.
(Usually, I didnt have time to browse and read anything on website much.)

When I read her fantastic POEM, I realized I found the LIGHT! So I asked her for permission for copy and paste it into my own blog

I never come to this forum before, this is my firts time, and I read what veggie_guy and JINTAWADEE wrote about this story.

Nothing seem to happen by an accident in this universe, isn't it??? (Even in this forum). It is amazing universe where all thing connected into ONE.

From human perspective, it is very hard to understand, but from higher perspective of the spirit, everything is one and no accident

Thank you JINTAWADEE
Thanks God and the Universe<!-- / message -->