เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 พฤษภาคม 2025 at 15:46.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,749
    ค่าพลัง:
    +26,614
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,749
    ค่าพลัง:
    +26,614
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่วัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร ถนนเจริญเมือง ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

    เมื่อวานนี้ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ ทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ก็ได้แจ้งให้ทราบว่า ทางสายการบินประกาศเลื่อนเที่ยวบิน พูดง่าย ๆ ก็คือเสียเวลาในการเดินทางอีกแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงนึกถึงท่านสุวัณณนาคราช ซึ่งดูแลพระบรมธาตุเชิงชุมอยู่ บอกกับท่านว่า "ขออาศัยสิทธิคนป่วย ไม่อยากที่จะเสียเวลารอนาน ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าประคองสังขารไม่อยู่ ก็คงจะต้องอับอายขายหน้าชาวบ้านเขา..!"

    ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านสุวัณณนาคราชไปทำวิธีไหน ? จึงทำให้เจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่องก่อนเวลาถึง ๒๕ นาที..! แล้วก็มาลงที่สนามบินสกลนครตรงเวลา ทั้ง ๆ ที่ตลอดทางนั้นก็ต้องฝ่าพายุฝนจนเครื่องสั่นสะท้านไปทั้งลำ ยังคิดว่าจะลงสนามบินสกลนครได้หรือไม่ ? แต่เมื่อกัปตันประกาศว่าทางด้านสกลนครอากาศแจ่มใส แม้ว่ารู้สึกใจชื้นขึ้น แต่ก็ไม่ไว้วางใจ จนกระทั่งลงแตะพื้นแล้วถึงได้รู้สึกว่าโล่งใจไปที..!

    หลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร นำรถมารอรับพวกเราอยู่แล้ว เมื่อไปถึงวัดพระบรมธาตุเชิงชุม กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปกราบหลวงพ่อองค์แสน ตลอดจนกระทั่งองค์พระบรมธาตุ

    ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อย เข้าสู่ที่พักแล้ว มารับการกราบจากครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสว่าง (ท่าช้าง) เมืองปากงึม แขวงกำแพงเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งพอทราบว่ากระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการหล่อรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลองทองคำ ก็ได้นำคณะญาติโยม นำเอาทองคำ ๑ กิโลกรัมมาร่วมบุญครั้งนี้ด้วย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,749
    ค่าพลัง:
    +26,614
    กระผม/อาตมภาพรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับศรัทธาของพี่น้องชาว สปป.ลาว ที่นอกจากจะร่วมหล่อพระพุทธรูปเนื้อเงิน พระพุทธรูปเนื้อนาก และพระพุทธรูปเนื้อทองคำ ให้กับทางวัดโพธิ์ศรีสว่าง (ท่าช้าง) แล้ว ยังอุตส่าห์ร่วมมาหล่อรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลองทองคำ ให้กับทางวัดพระบรมธาตุเชิงชุมอีกด้วย ซึ่งทองคำ ๑ กิโลกรัมนั้น ถ้าคิดเป็นเงินกีบแล้วก็มากมายมหาศาลหลายพันล้านกีบ..! จนบางคนเขียนตัวเลขไม่ถูกเสียด้วยซ้ำไป แต่ทางคณะญาติโยมก็เต็มอกเต็มใจถวายมาร่วมบุญ ต้องบอกว่าทุกท่านเป็นบุคคลที่รู้ว่าอะไรเป็นบุญ จึงได้ตั้งใจทำมาในลักษณะนี้

    ดังที่กระผม/อาตมภาพได้บอกไปเมื่อวานนี้แล้วว่า ตนเองทำบุญก็ทำแบบเอาบุญ ก็คือไม่ได้คิดว่าทำแล้วบุคคลอื่นจะคิดอย่างไร หรือจะเอาไปทำอย่างไร โดยเฉพาะการที่ได้ร่วมบุญกับอดีตหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๔ มาโดยตลอด กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนอะไร เพราะเข้าใจดีอยู่แล้วว่า บุคคลเราถ้าหากว่ายังไม่สามารถที่จะละกิเลสได้ ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าหักห้ามใจตนเองไม่อยู่ ท้ายที่สุดก็จะต้องทำผิดทำพลาดจนได้

    เพียงแต่ในส่วนที่สลดใจที่สุดก็คือว่า พุทธศาสนิกชนของเราเอง โดยเฉพาะบรรดานักบวชลาพรต ซึ่งพอเกิดเรื่องขึ้นกับพระพุทธศาสนา ก็ช่วยกันถล่ม ช่วยกันกระทืบ ช่วยกันขยำขยี้ซ้ำเติม เหมือนกับเกรงว่าพระพุทธศาสนาของเราจะบอบช้ำไม่เพียงพอ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมาก..!

    เหตุเพราะว่าอันดับแรกเลย ท่านทั้งหลายเคยอาศัยพระพุทธศาสนามาในระยะหนึ่ง แสดงว่าการศึกษานั้นไม่ได้ช่วยทำให้ท่านสามารถแยกแยะหลักธรรมในพระพุทธศาสนาออกจากตัวบุคคลได้เลย แล้วแถมยังเอากิเลสมาอวดคนอื่นเขาอีก ก็คือพยายามทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าตัวตนเองนั้นเป็นคนดีแบบไหน ทั้ง ๆ ที่บางท่านตอนที่บวชอยู่ก็ทำผิดทำพลาด ทำความเสียหายให้คนอื่นเห็นอยู่เช่นกัน

    บางคนถึงขนาดมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคม ให้แยกแยะว่าส่วนที่ทำดีก็คือความดี ส่วนที่ทำชั่วก็คือความชั่ว แต่เอาแค่เรื่องของอดีตหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มอย่างเดียว ท่านสร้างความดีให้กับคณะสงฆ์อย่างมากมายมหาศาล แต่ว่ากลับไม่มีคนเคยเห็นคุณงามความดีตรงนี้ของท่านเลย เมื่อถึงเวลาก็ช่วยกันขยี้ ช่วยกันกระหน่ำซ้ำเติม เพื่อที่จะยกตัวเองให้สูงขึ้นมา ให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองนั้นเป็นคนดี..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,749
    ค่าพลัง:
    +26,614
    กระผม/อาตมภาพไม่ได้สลดใจแค่นักบวชลาพรต เพราะคิดว่าท่านอาจจะบวชน้อยเกินไป จนกระทั่งทำให้คุณงามความดีในพระพุทธศาสนายังไม่ทันจะซึมเข้าเลือดเข้าเนื้อของท่าน เมื่อไม่เห็นคุณงามความดีแล้วมาช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของบุคคลที่ไม่มีความกตัญญู เนื่องเพราะว่าความกตัญญูนั้นไม่ใช่เฉพาะบุคคล หากแต่เกี่ยวข้องกับสถานที่ หรือว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เคยมีบุญมีคุณกับเราด้วย ในเมื่อท่านเป็นคนอกตัญญูก็ช่างท่านเถิด..!

    แต่บรรดาบุคคลที่คิดว่าตนเองเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ว่ามา "คอมเม้นต์" อยู่ในลักษณะช่วยกันกระทืบซ้ำด้วยความสนุกสนาน อยากจะให้ท่านรู้เหลือเกินว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่เราทำไป ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่ช้าก็เร็ว สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะย้อนกลับมาสนองตัวตนของท่านเอง ถึงเวลานั้น ท่านจะรู้สึกตัวก็อาจจะสายไปเสียแล้ว..!

    องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงฝากภาระธุระในพระพุทธศาสนา เอาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ปัจจุบันนี้ในสายเถรวาทของเราถือว่าไม่มีภิกษุณีแล้ว ครั้นจะสงเคราะห์แม่ชีเข้ามาด้วยก็ยาก เพราะว่าศีลต่างกันมากเหลือเกิน

    ในส่วนของภิกษุก็กะพร่องกะแพร่ง ไม่เหมือนกับสมัยพุทธกาลที่มากไปด้วยพระอริยบุคคล แต่ถึงกระนั้น ในสมัยพุทธกาลเราก็ยังมีพระเทวทัต มีพระโกกาลิกะ มีพระอุปนันทศากยบุตร เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนา จนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบัญญัติศีลขึ้นมาถึง ๒๒๗ ข้อ เราท่านจะเห็นว่าแม้ในสมัยพุทธกาล คนเราก็ยังเป็นคน ตราบใดที่เป็นปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส ถ้าไม่สามารถที่จะหักห้ามใจตนเองได้ ท้ายที่สุดก็จะต้องทำผิดทำพลาด แล้วก่อให้เกิดความเสียหายกับตนเอง หรือว่าพระพุทธศาสนาที่เป็นส่วนรวม

    แต่ว่าท่านทั้งหลายที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา มีหน้าที่คอยอุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศาสนา นอกจากด่าเอามัน ด่าเอายอดไลค์แล้ว ท่านทั้งหลายได้สร้างสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นคุณูปการกับพระพุทธศาสนาบ้าง ? นอกจากเอาแต่ด่าอย่างเดียวว่าคนอื่นทำผิดทำพลาด แล้วการป้องกันไม่ให้คนทำผิดทำพลาดนั้นเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายเคยชี้แจงบ้างหรือไม่ ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,749
    ค่าพลัง:
    +26,614
    โดยเฉพาะท่านที่เป็นอดีตนักบวชลาพรต ท่านได้ศึกษาไปถึงสาราณียธรรมหรือไม่ว่า ? เวลาคิดถึงผู้อื่น ก็ให้คิดถึงด้วยความเมตตา กล่าวถึงผู้อื่น ก็ให้กล่าวถึงด้วยความเมตตา ทำกับผู้อื่น ก็ให้ทำด้วยความเมตตา ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตามากระทืบซ้ำเติมคนล้ม อยู่ในลักษณะที่ปฏิบัติผิดไปจากโบราณที่ว่า "คนล้มอย่าข้าม"..!

    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วกระผม/อาตมภาพก็หนักใจมาก เพราะว่าสังคมของเราวิปริตผิดเพี้ยนไปหมด กลายเป็น "หัวดำอยากสวด หัวขาวอยากร้อง" อยู่ในลักษณะตรงกันข้าม ก็คือเป็นฆราวาสแต่ว่าสั่งสอนพระภิกษุสามเณร..!

    ท่านทั้งหลายที่รับหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือว่าวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาก็ช่างเถิด นั่นเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องสั่งสอนให้ความรู้อยู่แล้ว แต่ว่าการที่ท่านซึ่งมาสั่งสอนบุคคลที่เป็นนักบวชอยู่ โดยที่คิดว่าตนเองรู้มาก ตนเองรู้ดีกว่า ตนเองศึกษามาสูงกว่า อยากจะถามกลับว่าท่านศึกษามาดีแล้วจริงหรือ ? ถ้าหากว่าศึกษาดี ปฏิบัติดี เหตุใดจึงไม่สามารถบวชถวายชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนา หากแต่ว่ายังสร้างกรรมอันน่ารังเกียจ ด้วยการมากระหน่ำซ้ำเติมพระพุทธศาสนาอยู่แบบนี้..!

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่กระผม/อาตมภาพพูด ก็คงจะเลือนหายไปกับสายลมในเวลาอันไม่นาน เพราะว่าไม่ถูกใจคน ไม่สะใจคน ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้ระลึกถึงว่า กรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อยที่เราทำ ท้ายที่สุดก็จะกลับมาสนองตัวเราเอง เมื่อไม่สามารถที่จะกล่าววจีสุจริตได้ ก็อย่าได้กล่าววจีทุจริตเลย เพราะว่าบุคคลที่เป็นแฟนคลับ หรือที่สมัยนี้เรียกว่า FC ก็จะเห็นว่าท่านเป็นไอดอล แล้วท้ายที่สุดก็จะใช้วจีทุจริตเหล่านี้ เป็นการทำลายหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะเป็นโทษที่รุนแรงมาก..!

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้สติ และละเว้นจากสิ่งชั่ว ตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่สิ่งดี อย่างน้อย ๆ จะได้มีภพภูมิที่มั่นคงสำหรับตัวเอง
    ต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...