**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

..วันที่ 26/1/2568 ทางโรงหล่อได้รับชนวนมวลสาร และทำการหล่อชนวนพระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งแม้แต่เจ้าของโรงหล่อที่หล่อชนวนมวลสารชุดนี้ยังบอกว่า "ขนาดอยู่หน้าเตาหล่อยังไม่รู้สึกร้อนเลยชนวนชุดนี้พลังเย็นมาก"

..ท่านอาจารย์บุญเลิศ ท่านบอกไว้ก่อนแล้วครับว่า "พลังเย็นเป็นพลังงานดับความร้อน เป็นพลังงานด้านเมตตา การไหลเวียนของทรัพย์สินเงินทองโดยเฉพาะเป็นพลังงานบวก..." ท่านสมาชิกสามารถติดตามภาพ VDO การหล่อชนวนมวลสาร ได้ที่ FB:วัตถุมงคลพลังจิต ครับ

​

 

เรื่อง พระพุทธานุภาพ
โดย : พระธรรมวราลังการ (หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ)
**********

สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน(สมัยเป็นพระศาสนโสภณ)
หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ และ พระอาจารย์โสภณ สุทธจันโท(เจ้าคุณนาซาว)
​

...หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเลย(ธ) ท่านเคยเมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า..

...หลวงปู่ศรีจันทร์ ท่านเป็นพระที่มีคุณธรรมสูงมาก เวลาท่านอยากแสดงอะไรให้ดูเพื่อเป็นการหยังศรัทธา ท่านพูดอะไรสิ่งนั้นจะปรากฏทันที เช่น เมื่อปี 2520 ปีนั้นตรงกับวันวิสาขบูชา หลวงปู่ท่านก็พาพระเณรลงอุโบสถศีลในโบสถ มีพระรูปหนึ่งชื่อพระมหาชวน(ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว) ท่านเป็นคนอุดร มาจำพรรษาที่วัดศรีสุทธาวาสในปีนั้น พระมหาชวนถามหลวงปู่ศรีจันทร์หลังจากลงอุโบสถเสร็จแล้วว่า "กระผมขอโอกาสกราบเรียนถามเรื่องที่สงใส พุทธคุณของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ไม หรือคุณของพระพุทธเจ้าได้หายไปพร้อมพระพุทธเจ้า เมื่อท่านนิพพานแล้ว"...??

....หลวงปู่ศรีจันทร์ก็เมตตา บอกพระมหาชวนว่า "คุณชวน คุณพระพุทธเจ้าไม่หายไปไหนหรอก ท่านระลึกถึงเมื่อไรคุณพระพุทธเจ้าก็มาประทับในใจท่านเมื่อนั้น"

....มหาชวนถามหลวงปู่ต่อ "กระผมไม่ได้หมายถึงพระพุทธในอารมณ์ปรุงแต่งแบบนั้น(หมายถึงคิดเอา) แต่หมายถึงพุทธานุภาพที่กำหนดความรู้สึกได้ว่ามีอยู่จริงๆ"

....หลวงปู่ศรีจันทร์เมตตาตอบอีกครั้งว่า "พุทธานุภาพมีจริงๆ และสัมผัสได้จริงๆ

....พระมหาชวนถาม "แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีจริงๆไม่ได้มีเพราะอารมณ์ปรุงแต่งครับ"

....หลวงปู่ศรีจันทร์ท่านชี้ไปบนฝ้าเพดานโบสถ์ ทุกคนที่นั่งอยู่ทั้งพระและเณรบางส่วน (เพราะหลังเสร็จจากลงอุโบสถพระและเณรบางองค์ก็ลงจากโบสถ์ไปแล้ว) ได้แหงนคอขึ้นมองตามที่หลวปู่ท่านชี้ขึ้นข้างบน แล้วท่านบอกว่า "นั้นเห็นพระพุทธเจ้าไม"

....ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคณะ ท่านเมตตาเล่าตรงนี้ว่า "ภาพที่ปรากฏบนฝ้าเพดานโบสถ์เห็นเป็นภาพพระนั่งสมาธิแต่เห็นเป็นภาพจางๆ คล้ายลายน้ำบนธนบัตรแต่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าชัด เป็นภาพพระพุทธเจ้านั่งใต้ต้นโพธิ์คล้ายว่าเพิ่งจะตรัสรู้ และกำลังนั่งเสวยวิมุติสุขอยู่..."

....ภาพถูกฉายอยู่นานประมาณราวๆ 3 นาทีในระหว่างนั้นทุกคนต่างมองจองไปบนฝ้าเพดานอุโบสถ์ด้วยใจจดจ่อ ต่างคนต่างเงียบเสียงราวกับว่าบริเวณนั้นไม่มีคนอยู่เลย เพราะทุกคนตั้งใจมองไปยังภาพพระพุทธเจ้าอย่างตั้งใจ สักพักภาพก็หายไปกลับมาเป็นฝ้าเพดานสีแดงเหมือนเดิม

....เมื่อภาพหายไป ต่างคนก็ต่างมองลงกลับมาที่หลวงปู่ศรีจันทร์ รวมถึงพระมหาชวนด้วย แต่ก็ไม่ได้ถามหรือคุยอะไรกันในเรื่องที่เกิดขึ้น พระเณรทุกรูปต่างนั่งก้มกราบหลวงปู่พร้อมกัน ก่อนที่หลวงปู่จะลงจากพระอุโบสถไปเพื่อกลับไปพักผ่อน

....พระอาจารย์โสภณ สุทธจันโท ท่านได้มาปรารภกับพระเณรภายหลังว่า "เหตุการณ์วันนั้น หลวงปู่ศรีจันทร์ ท่านคงอัญเชิญคุณพระพุทธเจ้าให้เกิดเป็นพุทธนิมิตร ยืนยันให้เราๆที่เห็นในวันนั้นเชื่อมั่นว่า "พุทธคุณ" ยังมีอยู่จริงๆ มรรคผลก็มีอยู่จริงๆ ผู้ปฏิบัติอย่างตั้งใจตามคำสอน ก็ย้อมได้มรรคผลจริงๆ.."

***************
​

 

***********************
​

....วันนี้ทางโรงหล่อได้ส่งภาพพระชัยวัฒนบัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า "ได้ส่งภาพพระองค์จริง" ที่หล่อเสร็จมาให้คณะจัดสร้างดูแล้วครับ บอกเลยว่าสวยตามแบบ 100% ครับ ตอนนี้รอขัดล้างนิดหน่อย แล้วจึงส่งกลับมาเข้าพิธีต่อไปครับ

...ขออนุญาตเรียนชี้แจงให้ท่านสมาชิกทราบครับว่า "ผู้เขียนได้นำเรื่องการยิงเลเซอร์โค๊ต ฉายาหลวงปู่ฤทธิ์" คือ ปุญญวัณโณ ไว้ด้านหลังองค์พระ วันนี้ได้นำภาพพระชัยวัฒน์ที่หล่อเสร็จไปกราบเรียนท่านอีกครั้งครับ ท่านปรารภว่า "พระนี้ดีอยู่แล้ว มีรูปดอกบัวแล้ว บ่ต้องเอาฉายาไปลงหรอก พระนี้เป็นองค์พระบ่คือผู้ใดแล้ว มีลายดอกบัวดีหลายๆ" (ท่านบอกทำนองว่าพระนี้ดีมากแล้วมีลายดอกบัวเป็นสัญลักษณ์แล้วไม่เหมือนใครหรอก)

...ทางคณะจึงเห็นว่า "องค์พระก็สวยแล้ว และมีขนาดเล็กยิงลายลงไปคงไม่สวยแน่นอน(สังฆาฏิจะออกลายๆครับ)" ดังนั้นเมื่อหลวงปู่ท่านปรารภมาแบบนี้ "ทางคณะจึงขออนุญาตยกเลิกการยิงเลเซอร์สังฆาฏิไปนะครับ" เพราะจะทำให้องค์พระออกมาไม่สวยและทำตามเจตนาของหลวงปู่ที่เมตตาแนะนำด้วยครับ

....ปล.เพราะพระนี้สวยและมีเอกลักษณ์คือบัวหลวงใต้ฐานอยู่แล้วครับ (ไม่เหมือนใครในโลกแน่นอนครับ) และพระทุกองค์ผู้เขียนจะทำ ทำเนียบลงไว้ให้คนรุ่นหลังทราบต่อไปครับ

จึงเรียนแจ้งมาเพื่อทราบ ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ​

 

**เมตตาบารมีธรรม หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ**
​

...พระธรรมวราลังการ (หลวงปู่ศรีจันทร์วัณณาโภ) องค์ท่านเป็นพระมหาเถระบูรพาจารย์สำคัญในธรรมอีกรูปหนึ่งของเมืองเลยที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม องค์ท่านได้กล่าวยกย่องให้กับลูกศิษย์ฟัง.

" เจ้าคุณศรีจันทร์เลยหลงนี่ เวลาเพิ่นแผ่เมตตายามใด อบายภูมินี่สิซุ่มเย็นขึ้นมาได้ชั่วขณะ "

**ต้องมีบารมีเมตตาจิตขนาดไหน แม้สามารถทำให้อบายภูมิชุ่มเย็นขึ้นมาได้ ถ้าในสมัยพุทธกาล นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว "ก็มีเพียงพระโมคคัลลานะเท่านั้นที่ปรากฏว่าไฟนรกในอบายภูมิดับลงชั่วคราว ขณะท่านแผ่เมตตาให้ญาติท่านในนรก"..

ขอขอบคุณข้อมูล : ครูบากล้วย

 

...วันนี้ 1/2/2568 ทางคณะผู้จัดสร้างนำโดย อ.อุทิศ(ที่ปรึกษาอาวุโสชมรม) ได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปุญวัณโณ(วัดป่าสัมมานุสรณ์) ได้นำ "พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า" ทั้งหมดเข้ากราบขอเมตตาหลวงปู่ท่าน เมตตาอธิษฐานจิตในวาระแรกนี้ครับ

...ท่านเมตตาบอกว่า "เออดีหลายแล้ว(ดีมากแล้ว)" อ.อุทิศจึงกราบเรียนท่านว่า "หลวงปู่ชอบเสกพระชัยวัฒน์ปี 2536 ให้ลูกศิษย์เอาไปทำน้ำมนต์ได้ รุ่นนี้กระผมกราบขอเมตตาหลวงปู่ฤทธิ์เมตตาอธิษฐานให้เอาไปทำน้ำมนต์นะครับ...." หลวงปู่บุญฤทธิ์ท่านเมตตารับอธิษฐาน และอธิษฐานจิตยาวนานถึง 35 นาทีครับ ถือว่านานมากครับ

ตอน อ.อุทิศ กราบเรียนท่าน ท่านเอียงหูฟังเพื่อให้ได้ยินถนัด
เพราะหลวงปู่ท่านหูไม่ค่อยดีครับ




​

 

วันที่ 4/2/2568 เวลาประมาณ 6.30 น. ทางคณะผู้จัดสร้าง "พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า" ได้นำพระชัยวัฒน์ทั้งหมดกราบขอเมตตา "พระอาจารย์พล ธัมมวโร" วัดภูพงษ์ เมตตาอธิษฐานจิตพระชัยวัฒน์ในวาระที่ 2 นี้ครับ...

​

....พระอาจารย์ท่านเมตตา บอกคณะจัดสร้างว่า "ให้นำพระทั้งหมดไปไว้บนศาลา เดียวท่านฉันท์เช้าเสร็จท่านจะขึ้นไปเมตตาให้ พรุ่งนี้(5/2/2568) ค่อยมาเอา"

ในการนี้ได้น้อมถวายปัจจัยวัดจำนวน 2000 บาท ด้วยครับ​

หลังจากพระอาจรารย์พลท่านเมตตาเสร็จ "ท่านอาจารย์บุญเลิศจะทำพิธีไหว้ครูบูชาพระตามแบบโบราณจารย์ตามตำรา แบบยาวๆหลายวันเลยนะครับ(ตามฤกษ์ที่กำหนด) หลังเสร็จพิธีผู้เขียนก็จะเริ่มทยอยส่งพระให้สมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญต่อไปครับ"

ขออนุโมทนาครับ

​

 

....เมื่อวันที่ 7/2/2568 เวลาประมาณ 20.30 น. ผู้เขียนและทางคณะผู้จัดสร้างได้เดินทางไปที่สำนักงาน ท่านอาจารย์บุญเลิศ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อไปรับวัตถุมงคล "พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า" ที่ฝากท่านทำพิธีไว้ตั้งแต่วันที่ 6/2/2568

พระรุ่นนี้มีใบฝอยการบูชาพระ
และการใช้ทำน้ำมนต์แบบละเอียดเลยครับ
ท่านอาจารย์บุญเลิศบอกว่า "รุ่นนี้สร้างไว้ให้ทำน้ำมนต์ด้วยตัวเองได้เลยให้พึ่งพาตัวเองทำได้โดยอ้างคุณพระพุทธานุภาพนี้..."
​

....ท่านทำพิธี 2 รอบครับตอนเช้าท่านทำพิธีบูชาพระ ตอนเย็นท่านทำพิธีอธิษฐานจิตอีกครั้งแต่ตอนที่ผู้เขียนไปเพิ่งทำพิธีเสร็จ(สั่งเกตุจากเทียนที่ยังไม่ดับ) ผู้เขียนเลยขออนุญาตท่านบันทึกภาพพระทั้งหมดหลังเพิ่งเสร็จพิธี ท่านก็อนุญาตให้เก็บภาพได้ครับ

​

​

...ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า "พระชัยวัฒน์นี้พอกำหนดจิตบทบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ยังไม่ทันจบบทเลยจิตวูบสงบเข้าไปเลย พระชัยวัฒน์บัวหลวงนี้พลังงานsmooth มากมีพลังงานไหลผ่านองค์พระเรื่อยๆไม่ขาดสาย พลังงานนี้เต็มทุกด้านเลยเพราะพลังงานไหลไม่หยุดเลยละ เหมือนกับว่าไปอยู่ที่ใดก็จะมีพลังงานเพิ่มเรื่อยๆจนไล่พลังงานไม่ดีในบริเวณนั้นให้หายไปและเพิ่มพลังงานที่ดีให้มากขึ้น เหมือนน้ำที่ดีไล่น้ำเสียนั้นแหละ..."

**************
​

ปล.พระชุดนี้เดิมทีหล่อมาได้ 200 กว่าองค์ แต่อาจารย์บุญเลิศท่านมาคัดอีกทีเหลือเพียง 135 องค์เท่านั้นครับ โดยท่านพิถีพิถันมากครับ ท่านคัดเลือกเฉพาะองค์ที่ 1.หน้าตาสวยคมชัด 2.ดอกบัวใต้ฐานต้องชัด ด้วยโดยท่านให้เหตุผลว่า "พระแบบนี้ไม่ได้สร้างพร่ำเพรื่อ สร้างทั้งทีต้องดีทั้งภายนอกและภายใน ต้องสร้างให้ดี" ดังนั้นพระที่เหลือท่านจะเก็บไว้ให้ใช้เป็นมวลสารหล่อพระอื่นๆต่อไปครับ(แม้ว่าเป็นพระหล่อเสีย แต่ก็มีชนวนมวลสารเหมือนพระสมบูรณ์)

 

...วันที่ 9/2/2568 เวลา 10.30 น. ทางคณะผู้จัดสร้างได้นำ "พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า" กราบขอเมตตาพระอาจารย์คาน ธัมมธโร วัดป่าห้วยเดื่อ เมตตาอธิษฐานจิตพระชัยวัฒน์ทั้งหมดในโอกาสนี้ครับ

**************​

....และในวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 13.30 น. ทางคณะได้เข้ากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเลย(ธ) น้อมถวายปัจจัยจำนวน 5000 บาท จากปัจจัยที่ท่านสมาชิกร่วมบุญบูชา "พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า" ในโอกาสนี้ครับ ขออนุโมทนาครับ

​

 

ในวันนี้ 13 / 2 / 2568
ผู้เขียนได้จัดส่ง
"พระชัยวัฒน์บัวหลวงบูชาพระพุทธเจ้า"

ให้สมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญครบทุกท่านแล้วนะครับ ส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

************************​

หมายเหตุ : พระชัยวัฒน์ได้ส่งไปพร้อมใบฝอยของตำราเดิม แต่นำมาพิมพ์ใหม่เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น แต่เนื้อหาเหมือนเดิมครับ โดยได้ลงรายละเอียดการทำน้ำมนต์ไว้ชัดเจน พร้อมคาถาทำน้ำพระพุทธมนต์ ท่านสามารถนำทำน้ำมนต์เองได้เลยครับ เพราะท่านอาจารย์บุญเลิศบอกว่า "พระชัยวัฒน์ชุดนี้สำเร็จแล้วด้วยมนต์พุทธปริตร" ท่านที่นำไปบูชาสามารถพึ่งบารมีพุทธานุภาพได้เองเลย ท่านบอกว่า "ขอรับรองว่าถ้าทำตามนี้น้ำพระพุทธมนต์ที่ทำจะมีพุทธานุภาพ เสมือนพระอานนท์รับพุทธบัญชาจากพระพุทธเจ้าให้ทำน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อไล่สิ่งอัปมงคลออกจากเมืองเวสาลีเลยทีเดียว"

แต่ในใบฝอยไม่ได้อธิบายวิธีทำน้ำมนต์ดื่มไว้ ท่านอาจารย์บุญเลิศ บอกว่า "ด้วยสมัยก่อนคนโบราณจะต้มน้ำ ใส่ตุ่มเอาไว้เวลาทำน้ำมนต์ดื่มจะผสมหัวน้ำมนต์เข้าไป" แต่ในปัจจุบันมีน้ำสะอาดที่เป็นขวดไว้ดื่ม ท่านอาจารย์จึงแนะนำว่า "นำพระมากำไว้ในมือแล้วอธิษฐานน้ำที่ดื่ม(ภาวนาตามคาถาในใบฝอย) โดยที่ไม่ต้องแช่จะดีกว่า และจะได้น้ำที่สะอาดดื่มกิน" เพราะพระพุทธานุภาพเป็นฉัพพรรณรังสี สามารถเข้าถึงน้ำในขวดนั้นให้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ดื่มกินเพื่อเป็นมงคล ขับไล่สิ่งไม่ดีได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนถูกของคุณไสย น้ำพระพุทธมนต์นี้จะช่วยขับชะล้างให้ออกไปจากร่างกายได้ดีเลยทีเดียว....ครับ

 

ยอดธรรม ยอดขุนพล
อุปเท่ห์แห่งคุณธรรมอันวิเศษ ดังแก้วสารพัดนึก
**************


หลวงปู่คำ อรโก(นั่งซ้ายมือ) หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ(นั่งขวามือ)
​

....พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเลย ท่านเมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังครับว่า สมัยก่อนหลวงปู่ศรีจันทร์ ท่านมักจะปรารภธรรมเรื่องนวะหรคุณนี้ไว้หลายที่ หลายวาระ โดยท่านกล่าวไว้โดยสังเขปว่า "พุทธคุณเก้าประการ ของพระพุทธเจ้านี้เป็นคุณสมบัติอันวิเศษของผู้เป็นพระพุทธเจ้าเสียเท่านั้น พระสาวก หรือพระโพธิสัตว์แม้บารมีเต็มแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ย่อมไม่มีคุณธรรมอันเศษดังกล่าวนี้ได้ คุณธรรมเก้าประการนี้ เป็นดังแก้วสารพัดนึก ของพระพุทธเจ้าที่เป็นยอดกว่าคนทั้งหลาย ทั้งยอดปัญญาธิคุณ ทั้งยอดบุญฤทธิคุณ ทั้งยอดอิทธิฤทธิคุณ ทั้งยอดเมตตามหากรุณาธิคุณ ยอดทั้งหลายเหล่านี้คือคุณวิเศษของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่บรรยายไว้ในบทสรรเสริญพระพุทธคุณ หรือที่เรียกกันว่า นวะหรคุณ หรือ นวอรคุณนี้แล "

***************​

.... นวหรคุณ หมายถึงคุณเก้าประการ ของพระพุทธเจ้าที่ใช้ในการตรัสรู้ โดยถอดมาจากบทพุทธคุณนั้นเอง หรือ ที่เรียกกันตามตำราว่า อิติปิโสเก้าห้อง บ้างก็เรียกหัวใจอิติปิโสก็มี

(หัวใจอิติปิโส) อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ คือ

1.(อะ) อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง
บทนี้ใช้ด้านกันไฟทั้งปวง

2.(สัง) สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง
บทนี้ใช้เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี

3. (วิ) วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ
บทนี้ใช้ด้านโภคทรัพย์โชคลาภ

4. (สุ) สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี
บทนี้ใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

5.(โล)โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
บทนี้ใช้ภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด

6. (ปุ) อนุตตโร ปุริสะทัมมะสารถี หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
บทนี้ใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี

7. (สะ) สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
บทนี้ใช้ทางเมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู

8. (พุ) พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
บทนี้ใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน

9. (ภะ) ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนก ธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้
บทนี้ใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายอันจะกระทำแก่เรา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์
อมนุษย์ อสูรกาย สัตว์เดียรฉาน ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ ทั้งสิ้น

*************
​

.....แม้พระนิรันตราย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปจำลองที่ ร.4 ท่านทรงสร้างขึ้นเพื่อครอบพระพุทธรูปทองคำอีกที ร.4 ท่านก็ได้น้อมนำคุณวิเศษ 9 ประการของพระพุทธเจ้ามาลงไว้ในพระพุทธรูป โดย พุทธลักษณะพระนิรันตรายจำลองนี้ คือ "มีพระพุทธเจ้านั่งตรัสรู้ประทับภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งบริเวณต้นศรีมหาโพธิ์ของพระนิรัตรายนี้เอง ร.4 ท่านได้นำคุณวิเศษ 9 ประการของพระพุทธเจ้า มาประดิษฐานโดยใช้อักขรคาถาหัวใจนวะหรคุณ ไว้โดยรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์จารึกเป็นอักษรขอมไทย เนื่องจากพระองค์ท่านทรงทราบดีครับว่า นวะหรคุณนี้เป็นพระคุณอันวิเศษของพระพุทธเจ้าและยังเป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า ดังนั้นการนำอักษรดังกล่าวมาประดิษฐาน ก็เพื่อน้อมนำพลังงานอันวิเศษมาเพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เป็นศิริมงคล แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสมากราบบูชาสักการะ"
​

พระนิรันตรายจำลอง ร.4 ทรงสร้างขึ้นครอบพระทองคำอีกที


​

 

ยันต์ "แก้วสารพักนึกพระพุทธเจ้า" นวะหรคุณ
ถอดจากตำราอิติปิโสกลบท
ท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม) วัดมกุฏกษัตริย์

***********

​

....ซึ่งแต่ละบทแต่ละบาท ท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ท่านได้รจนาเอาไว้ โดยภาพที่นำมาให้ชมนี้เป็นการสแกนมาเฉพาะภาพปะหน้านะครับ เพราะภายในเป็นกลบทวิชาที่มีมากผู้เขียนจึงจะยกมาให้ชมบางส่วนครับ

​

....เช่น ตัว อะ 1 คำลง จะมีตัวคาถาอีก 32 คำ(คล้ายรัตนมาลัย) เป็นบทเสก เช่น ตัว อะ(มาจากคำว่า อะระหัง) เมื่อลงตัว อะ ก็จะเสกด้วยบทนี้..

​

...โดยการลงยันต์จะลงแบบกลม้าหมากรุก วนจากวงภายนอกเข้าภายในเหมือนวงกลมของลูกแก้วหรือที่ว่าง(เรียกว่าสูญญตา) ลงอักขรจนครบทุกตัวอักษร อะรังวิสุโลปุสะพุภะ และเสกให้เกิดนิมิตรเป็นแก้วสารพัดนึก ตามตำราท่านว่า "เมื่อเข้าถึงพระพุทธเจ้า(พุทโธ) ย้อมเป็นดั่งแก้วสารพัดนึก"

​

...เรื่องนี้ย้อมเชื่อมโยงกับเรื่องนิมิตรธรรมของ"คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" ที่ท่านเคยกล่าวว่า "ฉัน(หมายถึงคุณแม่บุญเรือน) อธิษฐานพระพุทโธน้อยนี้ให้บูชาเป็นนิมิตรภายนอกให้ผู้นำไปบูชาเอาพุทโธภาพนอกนี้ เข้ามาเป็นพุทโธภายใน(ใจ) เมื่อเธอทั้งหลายเห็นพุทโธภายในแจ่มชัดแล้ว เธอทั้งหลายปรารถนาสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นดั่งแก้วสารพัดนึก"

​

...และหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ท่านก็เคยกล่าวเรื่อง "แก้วพุทโธ(แก้วสารพัดนึก)" ไว้เช่นกันครับว่า "ให้เอาพุทโธเข้ามาในจิต แล้วทุกอย่างจะสำเร็จดังที่หวังได้แน่นอน พุทโธเป็นที่พึ่งได้จริง..."

ฉะนั้นตามตำรากลบทของท่านเจ้าคุณธรรมปาโมกข์ จึงถูกรจนาขึ้นเพื่อน้อมนำกำลังพระพุทธเจ้ามารวมเป็น "แก้วดวงธรรม" จนเกิดความหนาแน่นแห่งพลังงาน(frequency) จนแก้วนั้นสามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆตามปรารถนาได้ แต่ที่สำคัญผู้บูชาต้องหมั่นสวดมนต์ภาวนา "ให้จิตสามารถเข้าถึงพุทโธให้ได้จึงจะเชื่อมโยงกับพลังงานแก้วสารพัดนึกนี้ได้ครับ"

********
​

...ซึ่งในช่วงนี้ทางชมรมไปได้วิชากลบทนี้มาแบบครบสูตร ทั้งจากตำรา "ที่ท่านอาจารย์บุญเลิศบันทึกไว้" ผนวกกับ "บันทึกหลวงปู่ศรีจันทร์" และของท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม) วัดมกุฏกษัตริย์ โดยท่านพระครูอ้วน เมตตามอบยันต์มหาจักรวาล(สายเขาอ้อ) มาให้ด้วย จึงถือเป็นตำราที่ "หน้าจะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับวิชายันต์แก้วสารพัดนึก" นี้ครับ

...เมื่อถึงวาระสำคัญ(หรือเร็วๆนี้) ทางชมรมจะจัดสร้างพระยอดธรรม
ยอดขุนพล ที่มีพุทธานุภาพ ดุจดั่งแก้วสารพัดนึก เป็นมหาสะท้อน ถอดถอนขับไล่ คุณไสยมนต์ดำ อาถรรพ์ คำสาปแช่ง ภูตผีปีศาจที่ไม่ดี ให้สะท้อนกลับไป กระเด็นกระดอนกลับหายมลายสิ้น ด้วยอุปเท่ห์สูตรนี้ครับ

...รอติดตามได้ในบอร์ดนี้นะครับ สร้างเพียง 150 องค์เท่านั้น เพื่อสืบสานสรรพวิชาที่รวบรวมมาได้ถึง 3 ตำราอย่างตรงและสอดคล้องกันมากที่สุดนั้นคือตำรา "นวหรคุณ หรือดวงแก้วสารพัดนึก" ครับ
​

​

​

​

 

​

....ซึ่งโดยปกติแล้วตามพุทธธรรมเนียม "พระพุทธเจ้าจะไม่ยกมือไหว้ให้ความเคารพผู้ใด" อันเนื่องมาจากว่า "พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้เลิศในโลกแล้ว เป็นโลกะวิทู(ผู้แจ้งโลก) อนุตฺตะโร(เป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก) และ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ(เป็นอาจารย์สูงสุดของมนุษย์และเทวดา)" ดังนี้พระพุทธเจ้าท่านจึงจะไม่ให้ความเคารพกราบไหว้ผู้ใดได้

....ท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี(อาจารย์ฆราวาสสายวัดประดู่ทรงธรรม) ท่านกรุณาอธิบายความในข้อนี้ครับว่า "สายวิชาวัดเขาอ้อ สำนักนี้เขาจะมีคติวิชาหนึ่งที่สูงสุดมากๆอยู่วิชาหนึ่ง ซึ่งสูงยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าอีก ด้วยวิชาที่สูงสุดๆนี้ สำนักเขาอ้อจึงมักสร้างรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้ายกมือพนมไหว้เป็นสัญลักษณ์(symbol) แทนการที่พระพุทธเจ้าท่านให้ความเคารพสิ่งที่สูงกว่าท่าน มักจะเรียกพระพิมพ์ลักษณะพระพุทธเจ้ายกมือพนมนี้ว่า "พระพิมพ์ยอดขุนพล" (อันหมายความโดยนัยยะคือ กำลังอันสูงสุดนั้นเอง)......"

....ผู้เขียนจึงขอความกรุณาท่านอธิบายวิชาที่ว่าสูงสุดนี้เป็นอย่างไร ท่านอธิบายว่า "สิ่งที่สูงสุดกว่าพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ให้ความเคารพ คือ "พระธรรมะ"นั้นเอง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ จะให้ความเคารพพระธรรมเป็นสิ่งสูงสุด แม้ในขณะใดสาวกของท่านแสดงธรรมท่ามกลางหมู่ชน ถ้าพระพุทธเจ้าท่านเห็นท่านจะไม่เข้าไปท่ามกลางการแสดงธรรมนั้นเลย จนกว่าพระสาวกของท่านจะแสดงธรรมเสร็จ เพราะด้วยท่านให้ความเคารพพระธรรมเป็นสำคัญ"

....ดั่งปรากฏในพระไตรปิฎก พระสูตรที่ชื่อว่า "คารวสูตร" คือสูตรที่ว่าด้วยสิ่งที่ให้ความเคารพมีปรากฏเป็นคาถาความว่า...

เย จ อตีตา สมฺพุทฺธา เย จ พุทฺธา อนาคตา
โย เจตรหิ สมฺพุทฺโธ พหุนฺนํ โสกนาสโน
สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน วิหรึสุ วิหรนฺติ จ
อถาปิ วิหริสฺสนฺติ เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา
ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน มหตฺตมภิกงฺขตา
สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ สรํ พุทฺธาน สาสนนฺติ ฯ
​

....พระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายแม้ในอดีตกาลก็ดี พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอนาคตกาลก็ดี และพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันกาลก็ดี ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ยังคุณอันประเสริฐ ผู้ขจัดความเศร้าหมองของหมู่ชนทั้งหลายให้เสื่อมไป พระพุทธเจ้าทุกพระองค์นี้ ทรงเคารพพระสัทธรรมเป็นสิ่งสูงสุด อยู่ทุกเมื่อตลอดกาล ข้อนี้เป็นธรรมดาของ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
......เพราะเหตุนั้นแหละ กุลบุตรผู้รักตน หวังความเป็นผู้ใหญ่ เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย พึงเคารพพระสัทธรรม ฯ
​

***ด้วยเหตุดังกล่าวนี้พระยอดขุนพลของสำนักเขาอ้อ จึงเป็นพิมพ์รูปลักษณ์พระพุทธเจ้าพนมมือให้ความเคารพ "พระธรรมเป็นอันสูงสุด"​

​

**********************************


​

....ยันต์ดาวแก้วสารพัดนึก ชุดนี้ลงอย่างสมบูรณ์โดยตำราของท่านอาจารย์บุญเลิศ(นวหรคุณสายวัดประดู่ทรงธรรม) และ อิติปิโสกลบทตำรา พระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม จตฺตสลฺโล) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ลงและเสกตามคัมภีร์ คารวสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่าด้วยเรื่อง "พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เคารพพระธรรมอย่างยิ่งสูงสุด"

...ท่านอาจารย์บุญเลิศลงไว้เมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมาและได้กราบขอเมตตาหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปุญญวัณโณ เมตตาอธิษฐานจิตให้เพื่อเป็นชนวนในการสร้างเหรียญ "ยอดธรรม ยอดขุนพล"
​

​

....แผ่นจารยันต์ "นวหรคุณ" อิติปิโสกลบทตำรา พระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม จตฺตสลฺโล) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ที่ท่านอาจารย์บุญเลิศลงไว้ตั้งแต่ปี 2550(ตามสูตร) และได้นำไปกราบขอเมตตา หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2550

.... ซึ่งหลวงพ่ออุดม อัตตมปัญโญ ท่านเป็นครูบาอาจารย์สายตรงวัดประดู่ทรงธรรม ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม และ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ปัจจุบันหลวงพ่ออุดมท่านมรณะภาพแล้วครับ
​

หลวงพ่ออุดม อัตตมปัญโญ


​

....ซึ่งผู้เขียนได้รับมอบจากอาจารย์บุญเลิศมา 50 แผ่น และยันต์ตุ๊กตาพุทธนิมิตรจำนวนอีก 12 ดอก(ที่ม้วนๆในรูป)เป็นตะกรุดของหลวงพ่ออุดมโดยตรง ทีแรกผู้เขียนกะว่าจะนำไปม้วนเป็นตะกรุดดอกเล็กบรรจุมวลสารไว้แจกครับ แต่ท่านอาจารย์บุญเลิศบอกว่า "ให้นำไปหล่อพระจะได้ตามสูตรของครูบาอาจารย์" ถ้าทำถูกต้องแล้วครูบาอาจารย์ท่านจะมาประสิทธิให้ขลังศักดิ์สิทธิ์เอง...

ดังนั้นเหรียญยอดธรรม ยอดคุณขุนพล ที่ทางชมรมจะได้จัดสร้างครั้งนี้
จะถือโอกาสนำแผ่นจาร "นวหรคุณแก้วสารพัดนึก'
ดังกล่าวนี้หล่อเป็นชนวนทั้งหมดครับ

*************
"นวหรคุณ" อิติปิโสกลบทตำรา
พระธรรมปาโมกข์ (แจ่ม จตฺตสลฺโล) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร




​

 

​

....แผ่นจารยันต์มหาจักรวาล พระครูอ้วน(สายวัดเขาอ้อ) อันเป็นยันต์ที่รวมรวมยันต์ต่างๆ ที่เป็นกำลังแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิทั้งแสนโกฏิจักรวาล พระธรรมเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์ทั้งปวง เทพพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ให้ปรากฏ

....ยันต์นี้ถือป็นยันต์สายเขาอ้อที่ลงยากมากๆครับ ต้องลงกำกับทั้งยันต์มหาโภคทรัพย์ ยันต์มหาระงับ ยันต์สุริยเทวา ยันต์มหาอาวุธเทพ ยันต์ไตรสรณคม ยันต์องค์ท้าวจตุพรเทพ เป็นต้น และท่านพระครูอ้วนเมตตามอบให้ผู้เขียนนำไปเป็นชนวนมวลสารหล่อ "เหรียญยอดธรรม ยอดขุนพล" ชุดร่วมบุญที่จะถึงครั้งนี้ครับ

**ยันต์นี้ลงจารและบวงสรวงตามสูตรอย่งถูกต้อง(เพราะพระครูอ้วนท่านครอบครูสายเขาอ้อโดยตรงครับ)
​

​

 

ยันต์พุทธัสสะ สาวะโก ::: ยันต์พระโมคคัลนะ และ ยันต์พระสารีบุตร​

...ยันต์พุทธัสสะ สาวะโก(สาวกพระพุทธเจ้า) ชุดนี้ครูบาอาจารย์ท่านได้รจนาเอาไว้ในตำรา “ปัญจนิบาตอรหัง” ซึ่งเป็นตำราที่เอ่ยอ้างคุณวิเศษของพระสาวกของพระพุทธเจ้าไว้ทั้ง 5 ท่านคือ พระโมคคัลานะ(เด่นด้านฤทธิ์เดช) พระสารีบุตร(เด่นด้านปัญญา) พระมหากัจจายนะ(ด้านแสดงธรรมได้พิสดาร) พระสีวลี(ด้านผู้มีลาภมาก) และ พระสุภูติ(ด้านอรณวิหาร และทักขิเณยยบุคคล)

....โดยในตำราปัญจนิบาตอรหังนี้ โบราณจารย์ท่านได้รจนา คุณวิเศษแห่งพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์ไว้โดยเขียนขึ้นเป็นโครงสร้างยันต์ในรูปแบบต่างๆ และถอดคาถามาจากพระไตรปิฎกใน “สาวกสูตร” ซึ่งเป็นสูตรที่ว่าด้วยเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงยกย้องพระอสีติมหาสาวกของท่าน ที่มีคุณวิเศษเด่นในด้านต่างๆ ทั้ง 80 องค์ โดในตำราปัญจะนิบาตอรหัง ครูบาอาจารย์ท่านได้ยกพระอรหันตสาวกผู้มีคุณวิเศษมา 5 องค์เขียนเป็นยันต์พร้อมอุปเท่ห์ต่างๆไว้(ซึ่งอุปเท่ห์ต่างๆก็บรรยายมาจากเหตุการณ์ที่พระอรหันต์องค์นั้นๆท่านได้แสดงคุณวิเศษของท่านที่ปรากฏในพระไตรปิฏก) และบรรยายสรรพวิธีคุณแห่งยันต์อันเป็นการน้อมนำพลังงาน “แห่งคุณวิเศษของพระสาวกองค์นั้นๆมาลงที่ยันต์นี้” เพื่อให้เกิดผลวิเศษตามคุณของพระสาวกองค์นั้นสู่ผู้ที่บูชา(ผู้บูชาจะได้มีสื่อกลางพลังงาน และสามารถน้อมนำพลังงาน(connect) ต้นทางคือพระอรหันต์องค์นั้นๆมาเกื้อหนุนส่งเสริมชีวิตได้)

....ซึ่งท่านอาจารย์บุญเลิศได้กรุณา ลงยันต์จากตำราปัญจนิบาตอรหัง ให้ โดยนำยันต์พระสาวกทั้ง2องค์ คือ พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร ท่านให้เหตุผลว่า “ในรูปลักษณ์เหรียญพระยอดธรรม ยอดขุนพล(ที่ทางคณะนำมาให้ท่านดู) มีรูปลักษณ์ของพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร อยู่ด้วย (สาวกซ้ายขวาของพระพุทธเจ้า) ดังนั้นเมื่อมีรูปท่านก็ต้องน้อมพลังงานท่านมาสถิตด้วยจึงจะเหมาะสม และยังเป็นการสถิตนาม(ผ่านยันต์ของท่าน) ให้มีพลังงานทั้งด้านฤทธิ์ของท่านพระโมคคัลลานะ และน้อมพลังงานพระสารีบุตรมาสถิตด้านปัญญา” ผู้ที่บูชาจะได้มีทั้งเดช(ผู้คนเกรงใจมีตบะเดชะ มหาปราบ เป็นด้านมหาอำนาจ) และมีทั้งปัญญา(มีความฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อเป็นปัจจัยแก้ไขปัญหา และหาทางออกจากปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างราบรื่น)

....ฉะนั้นยันต์พระสาวกทั้ง 2 คือ “ยันต์พระโมคคัลลานะ(เด่นด้านฤทธิ์) และยันต์พระสารีบุตร(เด่นด้านปัญญา)” จะนำหล่อในเหรียญนี้เพื่อเป็นต้นทางพลังงานน้อมพลังงาน ของพระสาวกทั้งสองมาสถิตในเหรียญนี้ด้วยครับ

​