เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 กุมภาพันธ์ 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไม่ได้ออกบิณฑบาต เนื่องจากต้องไปดูการเตรียมเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ สำหรับบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และทำบุญถวายอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่านของจังหวัดกาญจนบุรี

    เมืองหน้าด่านของจังหวัดกาญจนบุรีในอดีตทั้ง ๗ เมือง ประกอบไปด้วยเมืองทองผาภูมิ เมืองท่าขนุน เมืองไทรโยค เมืองลุ่มสุ่ม เมืองท่าตะกั่ว เมืองสิงห์ และเมืองท่ากระดาน ซึ่งเมืองทั้งหลายเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่มีเจ้าเมือง ซึ่งเป็นหัวหน้าชาวมอญอาสา ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทย

    กระผม/อาตมภาพได้รับแนวคิดมาจากคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ว่าเราควรที่จะมองเห็นบุญคุณของบรรดาอดีตเจ้าเมืองและบริวารทั้งหลาย ที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับประเทศไทย ยอมรับเป็นเมืองหน้าด่าน ซึ่งถ้ามีข้าศึกเข้ามาตีบ้านเราเมืองเรา เมืองหน้าด่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องปะทะกับข้าศึกก่อน เป็นการชะลอทัพให้ข้าศึกช้าลง จะได้ส่งข่าวให้ทางเมืองหลวงได้รับรู้ และเตรียมรับมือได้ทัน

    สมัยก่อนนั้นเรื่องของไข้ป่าและสัตว์ร้ายก็มีมาก ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องสละชีวิตของตนเอง เพื่อให้ประเทศของเราสงบสุขร่มเย็น จึงควรที่จะทำบุญเพื่ออุทิศให้กับท่านทั้งหลาย ในลักษณะของกตเวทิตาคุณ ก็คือรู้บุญคุณของท่านแล้วทำบุญตอบ

    กระผม/อาตมภาพเห็นด้วย จึงได้เริ่มจัดงานนี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน มาสะดุดหยุดยั้งลงในช่วงที่โควิด ๑๙ แพร่ระบาด หลังจากนั้นก็ได้เริ่มมาทำเหมือนเดิม แต่ทว่าร่างทรงผีมอญซึ่งมีชื่อเสียงที่สุด ก็คือท่านอาจารย์กามเทพ มิ่งสำแดงนั้น เกิดเสียชีวิตลงไปก่อน คณะที่เหลือก็ยังกลัว ๆ กล้า ๆ ไม่อาจจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ "ลง" กันได้อย่างเต็มที่เหมือนกับครั้งแรก ๆ จึงออกที่จะ "งานกร่อย"..!

    เมื่อกระผม/อาตมภาพออกไปถึงสถานที่เตรียมงานหน้าวัด ก็คือลานธรรมด้านข้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกของวัดท่าขนุน ก็เจอหลวงพ่อต๋อง (พระครูสุทธิสารโสภิต) เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน รองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค ซึ่งท่านเองก็มีเชื้อสายชาวมอญ จึงมีความเชี่ยวชาญในการจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ มารออยู่ตั้งแต่ ๖ โมงเช้าแล้ว..! ซึ่งท่านนายอำเภอเองบอกว่า ยังไม่เคยเห็นการเข้าทรงผีมอญแบบนี้มาก่อน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนท่านนายอำเภอไปว่า ศาสนาแรก ๆ ของผู้คนก็คือการนับถือผี แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์ ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ต่างก็รับรู้ว่ามีผีทั้งสิ้น ก็แปลว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษเขารู้เห็นได้เหมือน ๆ กัน แล้วในขณะเดียวกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าไม่เกินวิสัย บางทีผีทั้งหลายเขาก็สามารถที่จะบอกกล่าวล่วงหน้าได้เช่นกัน

    กระผม/อาตมภาพเองเจอมาตั้งแต่ต้นแล้ว คือการทำบวงสรวงในปีแรก ที่ท่านอาจารย์กามเทพเป็นร่างทรงนั้น กระผม/อาตมภาพรับปากกับบรรดาอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านว่า "จะทำบุญถวายแบบนี้ทุกปี" แต่ผีทรงท่านได้เตือนกลับมาว่า "ขออย่าได้พูดแบบนี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไร ทำให้สะดุดหยุดยั้ง ไม่สามารถที่จะทำบุญได้ เราก็จะเป็นคนเสียคำพูด แล้วถ้าหากว่าผีสางเทวดาเขาถือสา เราอาจจะเดือดร้อนกว่าที่คิด..!"

    กระผม/อาตมภาพตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พออีกไม่กี่ปีต่อมา เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้ไม่สามารถที่จะจัดงานได้ จึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า ที่แท้บรรดาอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองนั้น ท่านหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง..!

    เมื่อเครื่องบวงสรวงพร้อมแล้วทุกอย่าง บรรดาผู้ประกอบพิธีที่มาถึง ได้รับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย
    กราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ให้งานทำบุญประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๗ หัวเมืองนั้น สำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดี บุคคลที่มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย เด็กผู้ใหญ่ พระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชีหรือว่าฆราวาส ขอให้เดินทางไปกลับโดยสะดวกปลอดภัยทุกประการ

    หลังจากนั้นท่านนายอำเภอชาคริตก็จุดธูปเทียน อัญเชิญอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมือง แล้วคณะของป้าเล็กก็ทำการบวงสรวงและเริ่มทรง กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่พักใหญ่ สงสัยว่าทำไมทรงไม่ได้เสียที จึงสังเกตเห็นว่าตนเองนั่งสูงกว่าบรรดาร่างทรงทั้งหลาย จึงได้ชวนท่านนายอำเภอชาคริตถอยลงไปนั่งด้านหลัง

    ยังไม่ทันจะนั่งได้เต็มก้นเลย ป้าเล็กก็เกิดอาการ "หงายเงิบ" ปรากฏว่ามีการทรงไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังบอกด้วยว่าในพิธีไม่มีไก่ต้ม ให้ทางวัดจัดไก่ต้มแยกไปไหว้ต่างหากใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อที่จะให้เครื่องสังเวยครบถ้วนสมบูรณ์

    กระผม/อาตมภาพพอมองไปทั่วโต๊ะบวงสรวงแล้วก็รู้สึกขำ เนื่องเพราะว่าสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ นั่นก็คือเป็ดพะโล้ตัวใหญ่ ไม่ใช่ไก่ต้ม ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมเรื่องของผี เรื่องของเทวดา ถึงจะใช้แต่หัวหมูบ้าง ไก่ต้มบ้าง กุ้งพล่าบ้าง ปลายำบ้าง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ก่อนหน้านี้เคยสงสัย และกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงแล้ว ท่านบอกว่า "บรรดาเทวดาเขาไม่ยุ่งกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้หรอก แต่ว่าลูกน้องของเทวดาทั้งหลาย ซึ่งบางทีก็เป็นผีทั่วไป เขามีความต้องการ โดยเฉพาะถ้าในพิธีมีเหล้าอยู่ด้วย ก็จะต้องมีกับแกล้ม พวกบรรดากุ้งพล่า ปลายำ เพื่อที่จะได้สนุกสนานกันให้เต็มที่"

    แต่ว่าหลวงพ่อท่านก็ได้บอกพวกกระผม/อาตมภาพเอาไว้ว่า "โต๊ะบวงสรวงของเรานั้น ถ้าไม่ใช่เขาขอมาโดยตรง ก็อย่าให้มีเหล้าเลย เพราะว่าผีกับคนก็เหมือนกัน คือ เมื่อเมาขึ้นมา บางทีก็คุมสติไม่อยู่ อาจจะทำให้เสียงานเสียการไปได้..!"

    เมื่อดูการเข้าทรงไปได้พักหนึ่ง กระผม/อาตมภาพและท่านนายอำเภอชาคริตก็ต้องขอตัว ฝากงานไว้กับหลวงพ่อพระครูต๋อง ให้ช่วยดำเนินการต่อให้ด้วย เนื่องเพราะว่าต้องวิ่งไปที่โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งทางโรงเรียนมีการตรวจประเมินนักเรียนรางวัลพระราชทาน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๖ แต่มาตรวจประเมินกันต้นปี ๒๕๖๗ นี่เอง ซึ่งงานนี้น้องบลู (นางสาวธันสุดา กองมา) เข้ารับการตรวจประเมิน

    โดยเฉพาะทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยานั้น ได้รับรางวัลนักเรียนพระราชทานมา ๒ ปีซ้อนแล้ว ก็คือจากน้องเอิ๊ก (นางสาวสุคนธา อินนะสถิต) มาเป็นน้องบัว (นางสาวอัจฉรานันท์ วงศรีรัตนชัย) แล้วปีนี้น้องบลูเข้ารับการตรวจประเมินด้วย คณะกรรมการแจ้งให้ทราบว่า ถ้าได้รับรางวัล ๓ ปีซ้อน ก็ต้องเว้นเสีย ๑ ปี เพื่อที่เปิดโอกาสให้กับโรงเรียนอื่นบ้าง

    ส่วนทางด้านอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ก็คือท่านผู้อำนวยการยงยุทธ สงพะโยม ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเทพมงคลรังษีนั้น ท่านก็เคยได้รับรางวัลผู้บริหารสถานศึกษาดีเด่นมาแล้ว ส่วนกระผม/อาตมภาพ ปีนี้ก็ได้รับรางวัลคณะกรรมการสถานศึกษาดีเด่นระดับชาติเช่นกัน ก็แปลว่าหลังจากที่หกล้มหกลุก "ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง" กันมาหลายปี ในที่สุดทั้งผู้บริหารและนักเรียนของเรา ก็เปล่งประกายของตนเองออกมา สามารถคว้ารางวัลในระดับชาติต่าง ๆ มาให้เป็นที่ชื่นใจของพวกเราได้

    กระผม/อาตมภาพได้แนะนำตัว เมื่อทางคณะกรรมการขอให้กล่าวคำนิยม หลังจากนั้นก็เป็นท่านนายอำเภอชาคริต และท่านประเทศ บุญยงค์ ประธานกรรมการสถานศึกษา ซึ่งทุกคนกล่าวไปในแนวทางเดียวกันว่า น้องบลูนั้นไม่ใช่ว่าเรียนหนังสือเก่งอย่างเดียว หากแต่ว่าเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ในด้านต่าง ๆ มีการศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอ และมีจิตใจที่เป็นสาธารณะ พร้อมที่จะช่วยเหลืองานของทางด้านสถานศึกษา สถานราชการ ตลอดกระทั่งวัดวาอารามอย่างเต็มอกเต็มใจ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เมื่อสถานศึกษา สถานราชการ หรือว่าวัดวาอารามมีงานมีการ ก็นำเอาพี่น้องของตนไปร่วมงานอย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นงานของสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิก็ดี หรือว่างานของที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิก็ตาม จึงขอฝากไว้เป็นเครื่องพิจารณาอย่างหนึ่งของคณะกรรมการว่า เด็กของเรานั้น ถือว่าเป็นช้างเผือก ที่ปราศจากความด่างพร้อยในประวัติ สามารถที่จะไปสุ่มสอบถามจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งในอำเภอทองผาภูมิก็ได้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เรายินดีท้าพิสูจน์

    เมื่อถึงเวลาประมาณ ๑๐ โมง กระผม/อาตมภาพและท่านนายอำเภอชาคริต ก็ต้องขอตัวออกมา เพราะว่าท่านนายอำเภอต้องไปร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการในตัวจังหวัดกาญจนบุรี แล้วตอนค่ำค่อยมาร่วมพิธีเปิดงานประจำปี ปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน จังหวัดกาญจนบุรี

    กระผม/อาตมภาพเอง ต้องมาเป็นประธานในการสวดพระพุทธมนต์ และถวายภัตตาหารเพล เพื่ออุทิศให้แก่อดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ที่บริเวณห้องใต้ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ซึ่งได้รับความเมตตาจากพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม หรือว่าวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ส่งพระมาทำการสวดแบบมอญให้ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นเริ่มเคยชินแล้ว จึงจดจำขั้นตอนต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะฟังการสวดแบบมอญ ก็คือบาลีไทยดี ๆ นี่เอง

    เมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไป สถานที่ไหนที่ยังเตรียมการไม่พร้อมเพรียง ก็ไปเตรียมการต่อ บุคคลใดรับหน้าที่ในส่วนใด ก็ต้องไปเตรียมหน้าที่นั้นให้เรียบร้อย เพื่อที่เวลา ๔ โมงเย็นจะเริ่มเคลื่อนขบวนแห่เทิดไท้องค์ราชันและเทิดเกียรติอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรี จากบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ มายังบริเวณหน้าลานธรรมสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าขนุน ซึ่งถ้านับแล้วก็เป็นระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตรเศษ หลังจากนั้นก็จะทำพิธีเปิดและมีการแสดงต่าง ๆ ในตอนประมาณ ๑ ทุ่ม

    เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังมีงานแบบนี้ไปอีก ในวันที่ ๒๔ - ๒๕ - ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นี้ ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็น "ไฮไลท์" อย่างหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ เพราะว่าหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ก็มาร่วมรับรู้รับทราบ และมาร่วมพิธีเปิดด้วยทุกครั้ง กระผม/อาตมภาพเองเกรงว่าเมื่องานต่อเนื่องแล้ว จะไม่มีเวลามาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน จึงได้ทำการบันทึกเอาไว้ก่อนตั้งแต่ตอนนี้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...