ปกิณกธรรมสัปดาห์วันวิสาขบูชา วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ (ช่วงเช้า)

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 มิถุนายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ถ้าหากว่าพวกเราปฏิบัติธรรมไป ยิ่งทำ ทุกอย่างก็จะยิ่งเร็วขึ้น แต่เป็นความเร็วที่ไม่ผิดพลาด เพราะว่าสติสมบูรณ์ขึ้นไปเรื่อย ๆ

    จึงเป็นเรื่องที่พวกเราพึงสังวรว่า ถ้าทำอะไรช้า แปลว่ากำลังใจเรายังห่างความดีอยู่มาก เนื่องเพราะว่าคนที่ตั้งใจทำเพื่อความหลุดพ้น เขาจะไม่เอาเรื่องรุงรังรอบข้างแล้ว มุ่งตรงไปอย่างเดียว

    นักปฏิบัติธรรมกำลังใจต้องจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า งานตรงหน้าเราจะมีกี่สิบกี่ร้อยงานในวันนั้น เราก็จะมีแค่ ๓ งานเท่านั้น

    งานแรก คือ รู้ลมหายใจเข้าออก
    งานที่สอง คือ รู้คำภาวนา
    งานที่สาม คือ สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน ตรงนั้น เดี๋ยวนั้น สติจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า


    งานเราจะมีแค่นี้เท่านั้นในแต่ละวัน ต่อให้มี ๒๐ - ๓๐ งาน ก็จะมีแค่ไม่เกิน ๓ อย่างนี้ เพราะต้อง "ตอนนี้" และ "เดี๋ยวนี้" เท่านั้น

    พอถึงเวลามีงานอะไรมา ใช้สติใช้ปัญญา แยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของงาน อะไรมาก่อนทำก่อน เราจะมีงานอยู่ข้างหน้างานเดียวเท่านั้น แล้วก็จะไม่หนักเกินกำลัง

    แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะเอาหลาย ๆ งานไปหมกรวมกัน แล้วก็บอกว่าไม่ไหว หนักมาก ก็เพราะพวกเราแยกแยะความก่อนหลังเร็วช้า หรือความสำคัญของงานไม่ได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ดูอย่างเมื่อครู่นี้ ตั้งแต่เช้ามาก็บวงสรวงพุทธาภิเษกวัตถุมงคล แล้วก็มามอบทุนการศึกษา แปดโมงก็เว้นระยะบวชเนกขัมมะฯ ให้กับพวกเรา ช่วงนี้ถึงเก้าโมงก็รอแจกทุนการศึกษาอยู่อีกแค่ ๓ โรงเรียนเท่านั้น จากทั้งหมด ๓๔ โรงเรียน

    ปีนี้กระผม/อาตมภาพให้ทุนการศึกษา

    ระดับประถม ๖๐๐ ทุน ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท เป็น ๑,๒๐๐,๐๐๐ แสนบาท

    ระดับมัธยมและปวช. ๑๓๐ ทุน ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท เป็น ๓๙๐,๐๐๐ บาท

    ระดับอุดมศึกษา ๑๐ ทุน ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท เป็น ๓๐๐,๐๐๐ บาท

    ทุนปริญญาเอกพระภิกษุ ๒ ทุน ทุนละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท เป็น ๓๐๐,๐๐๐ บาท

    ทุนสามเณรภาคฤดูร้อน ๖๘ ทุน ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท เป็น ๑๓๖,๐๐๐ บาท

    รวมทั้งสิ้น ๒,๓๒๖,๐๐๐ บาท


    เขาบอกว่าใช้เวลามอบทุนโรงเรียนละ ๑๐ นาที แต่นี่ใช้เวลาแค่ไม่ถึง ๔ นาที เห็นหรือยังว่าเราสามารถทำให้เร็วกว่าที่ประมาณการไว้ได้

    เป็นความตั้งใจตั้งแต่ยังเป็นเด็กอยู่ ว่าถ้ามีโอกาสจะให้ทุนการศึกษา เนื่องเพราะว่าอาตมาเองเรียนมาด้วยทุนการศึกษาตลอด แล้วเป็นทุนการศึกษาที่โหดร้ายมาก ก็คือทั้งอำเภอมีทุนเดียว ๖๐๐ บาท เอาไปสอบชิงกัน เด็กทั้งอำเภอมีทุนการศึกษาให้ทุนเดียว..!

    อย่าคิดว่าน้อย เพราะว่าตอนนั้นอาตมภาพเรียนชั้นมัธยมอยู่ ค่าเทอมปีละ ๒๒๐ บาทเท่านั้น ก๋วยเตี๋ยวชามละบาทเดียว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ช่วงนั้นยังใช้เศษสตางค์อยู่ มี ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ท็อฟฟี่เม็ดเบ้อเร่อเกือบเท่าลูกปิงปอง ราคา ๓ เม็ดหนึ่งสลึง ถ้าซื้อเม็ดเดียวคิด ๑๐ สตางค์ กระผม/อาตมภาพก็ยังไปนั่งเกาหัวตัวเองอยู่ตั้งนานว่าผู้ใหญ่เขาคิดเลขผิด เม็ดละ ๑๐ สตางค์ สามเม็ดต้อง ๓๐ สตางค์ ทำไมเขาเอาแค่ ๒๕ สตางค์ ? จะตีกันตาย..ไม่เข้าใจจริง ๆ..!

    มานึกถึงในยุคปัจจุบันนี้ เหมือนกับฝันไป จำได้ว่าเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกค่ารถเมล์ ๕๐ สตางค์ แล้วมายุคนายกฯ คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ค่ารถเมล์ขึ้นเป็น ๗๕ สตางค์ เขาเลยเรียกว่า "นายกฯ สามสลึง" นายกฯ คึกฤทธิ์โกรธมาก เลยให้ขึ้นรถเมล์ฟรีทั้งกรุงเทพฯ เลย..! จำได้ว่าผลาญงบประมาณรัฐประมาณห้าพันล้านบาทไปกับรถเมล์ฟรีตอนนั้น เพราะดันไปเรียกท่านว่านายกฯ สามสลึง มีใครทันขึ้นบ้างไหม ?

    อาตมาขึ้นจนกระทั่งค่ารถเมล์ขึ้นเป็น ๑ บาท ปรากฏว่าวันนั้นดวงจะซวย เหลือแบงค์ร้อยติดกระเป๋าอยู่ใบเดียว พอส่งให้ กระเป๋ารถเมล์มองหน้า แล้วเขาก็ทอนมา ๙๙ เหรียญ ใส่กระเป๋ากางเกงทีหลุดตูดเลย..! เขานึกว่า
    กระผม/อาตมภาพแกล้งเขา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ กระผม/อาตมภาพเหลือเงินอยู่ใบเดียวจริง ๆ

    ก็ไม่น่าเชื่อว่าโลกเราหมุนเร็วขนาดนี้ ยังจำได้ว่าตอนซื้อรถยนต์คันแรกอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ปี ๒๕๓๖ ยังไปเลาะหาน้ำมันดีเซลลิตรละ ๔.๕๐ - ๕ บาท แล้วก็คอยจำไว้ว่าปั๊มไหนราคาแค่ ๔ บาท แล้วก็วิ่งไปเติมที่โน่น เดี๋ยวนี้มีไหมดีเซลลิตรละ ๔ บาท ? ฝันไปชัด ๆ เลย..ใช่ไหม ? สมัยนั้นดีเซลลิตรละ ๔ บาท เบนซินลิตรละ ๖ บาท ตอนนี้เห็นลิตรละ ๔๐ กว่าบาท..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เมื่อวานพระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) เจ้าอาวาสวัดหนองบัว เมืองจะอีน ประเทศพม่า มาบอกว่า "อาจารย์ครับ เงินไทย ๑ บาท แลกเงินพม่าได้ ๘๕ จั๊ดแล้ว" โอ้..จะเป็นลม..!

    ปี ๒๕๒๔ อาตมภาพยังรับราชการทหารอยู่ ก็ต้องประจำการที่ชายแดน เงินพม่า ๑ จั๊ด แลกเงินไทยได้ ๒ บาท เงินพม่าใหญ่กว่าเงินไทยหนึ่งเท่าตัว

    ต่อมาปีแรกที่อาตมภาพข้ามไปสร้างวัดหนองบัว เงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๖ จั๊ด สร้างไป ๆ ก็ขยับขึ้นไปเป็นเงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๙ จั๊ด จนกระทั่งหลังสุดที่ไป กลายเป็นเงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๒๒ จั๊ด..!

    ที่จำได้แม่นก็เพราะว่าเอาเงินไทยไปหนึ่งล้านบาท ไปแลกเป็นเงินพม่าได้ ๒๒ ล้านจั๊ด เขาเอาใส่กระสอบปุ๋ยให้แบกไป อาตมาแบกได้ก็โยนโครมใส่ท้ายรถกระบะรับจ้าง แล้วตัวเองก็ไปนั่งหาข้าวกิน ไม่มีใครสนใจเงิน ๒๒ ล้านของเราเลย เพราะเขาไม่คิดว่ามีไอ้บ้าที่ไหนเอาเงิน ๒๒ ล้านไปโยนไว้ท้ายรถ..!

    ไม่มีอะไรหรอก อาตมาแค่ว่า "ขอให้เจ้าที่ช่วยรักษาด้วย ถ้าหากว่าเงินสูญหาย ถือว่าเจ้าที่ทำลายเงินของสงฆ์" โอ้โห..ข้อหานี้ไม่มีใครกล้ารับ ก็เลยต้องดูแลสุดชีวิต อย่าไปเลียนแบบนะ ถ้าเลียนแบบแล้วโดนเจ้าที่เขา "ตื้บ" ก็ตัวใครตัวมัน..!

    วันนี้พระต้องไปรับบิณฑบาตที่หน้าอำเภอด้วย เนื่องจากว่าเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี อาตมภาพความจริงก็ต้องไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายท่าน แต่ว่าปีนี้ขอทางด้านผู้บังคับบัญชาให้เว้นไว้สักปี เพราะว่าตรงกับวันมอบทุนการศึกษา

    พอท่านรู้ว่ามอบทุนให้ ๓๔ โรงเรียน ก็งอนิ้วนับเลย "อาจารย์เล็กทำอะไรเร็วมาก โรงเรียนละ ๑๐ นาที ๓๔ โรงเรียนก็ ๓๔๐ นาที..เกือบ ๖ ชั่วโมง..!" ท่านเลยบอกว่า "นิมนต์เถอะครับ ไม่ต้องไปก็ได้" แล้วพวกเราเห็นไหมว่าใช้เวลาถึง ๖ ชั่วโมงหรือเปล่า ? อย่างมากก็แค่โรงเรียนละ ๓ - ๔ นาที แต่ก็ดี..เพราะทำให้คนอื่นเขาเห็นว่างานเยอะ แล้วสามารถที่จะถอนตัวออกมาทำงานด้านนี้ได้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ตอนนี้ทางด้าน กกต. ยังไม่ได้รับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ โดยปกติถ้าหากว่ายังไม่ได้รับการรับรองและยังไม่ได้ไปรายงานตัว โดยมารยาทแล้วเขาจะไม่ทำอะไร เพราะว่าอันดับแรก ผู้รักษาการยังทำหน้าที่อยู่ อันดับที่สอง ยังไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไร แล้วไปทำงาน เขาถือว่าเสียมารยาท เพราะฉะนั้น..ปัจจุบันนี้ "ก้าวไกล" ทำท่าจะล้ำเส้น ถ้าเป็นฟุตบอลก็โดนกรรมการเป่าออฟไซด์..!

    อันนี้เราว่ากันตรงไปตรงมา แบบเดียวกับพระของเรา ถ้าหากว่าอดีตเจ้าอาวาสมรณภาพ แล้วยังไม่ได้บรรจุ ซึ่งก็คือเก็บศพ หรือว่ายังไม่ได้เผา เขาจะไม่แต่งตั้งเจ้าอาวาสใหม่ ถือว่าให้เกียรติเจ้าอาวาสเก่า เพราะฉะนั้น..อย่างเก่งก็มีแค่รักษาการเจ้าอาวาส

    เรื่องพวกนี้เป็นมารยาทในสังคมว่า อยู่ในสังคมเราต้องรู้ว่ามารยาทเป็นอย่างไร ไม่ใช่รุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาถึงก็จะชาร์จใส่งานเลย เดี๋ยวก็ได้ซวยไปตาม ๆ กัน ซวยตรงไหน ? ก็สมมุติว่าโดน กกต.สอย แต่คนนั้นดันทะลึ่งเซ็นตั้งใครไปสักคนหนึ่ง ก็ได้เฮงไปด้วยกัน

    โดยมารยาทแล้วเราก็จะยังไม่ทำอะไร เหมือนกับใส่เกียร์ว่าง ให้เกียรติผู้รักษาการเขาทำหน้าที่ไปจนวินาทีสุดท้าย แล้วเราค่อยไปรับช่วง

    อาตมาเองโชคดีตรงที่ว่า ไม่เข้าข้างใคร ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามกฎเกณฑ์กติกา ในเมื่อมองดูห่าง ๆ ก็เลยเป็นห่วง เป็นห่วงว่าพรรคก้าวไกลอาจจะทำให้ "ด้อมส้ม" เดือดร้อน

    เข้าใจคำว่า "ด้อม" ไหม ? ด้อมคำนี้เป็นศัพท์สร้างขึ้นมาใหม่ มาจากคำว่า แฟนคลับ + คิงดอม

    แฟนคลับก็ FC แปลว่า ผู้ติดตามผู้คลั่งไคล้
    คิงดอม (Kingdom) แปลว่า อาณาจักร
    แฟนด้อม (Fandom) ก็หมายความว่า มีผู้ติดตามจำนวนมากถึงระดับตั้งเป็นอาณาจักรย่อม ๆ ได้เลย


    พอมาถึงเมืองไทย "แฟนด้อม" ก็หล่นเหลือแค่คำว่า "ด้อม" สมัยนี้ศัพท์ใหม่เยอะ พยายามทำความเข้าใจหน่อย อย่าทำตัวเป็นไดโนเสาร์ ถ้าเป็นไดโนเสาร์จะตามเด็กไม่ทัน
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,680
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,554
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ถ้าถามว่า "ทำไมหลวงพ่อรู้เยอะ ?" ก็เพราะว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่อ่านข่าวแค่พาดหัว จะไม่อ่านเนื้อหา เพราะเนื้อหาไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่แล้วไป "คิดว่า" "คาดว่า" ใส่อารมณ์ไปเรื่อย เรื่องจะเกิดหรือไม่เกิดก็ไม่รู้ กูว่าไว้ก่อน

    การเขียนข่าวจริง ๆ แล้ว นำเสนอแค่สิ่งที่เป็นก็พอ อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะว่าตราบใดที่เรายังมีอคติอยู่ ก็จะอดเข้าข้างใครไม่ได้

    ขนาดไม่มีอคติ วิจารณ์ไปตามหน้าเสื่อ ถ้าวิจารณ์แล้วดีกับใคร..อีกฝ่ายก็เหม็นขี้หน้าเราอีก โบราณเขาถึงได้บอกว่า "คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" ผืนหนังคือหนังหุ้มตัวเรา ส่วนผืนเสื่อคือหุ้มศพเราได้ทั้งตัว คนรักแค่ผืนหนังอย่างไรคนชังก็เยอะกว่า เขาถึงได้บอกว่า "คนรักเป็นร้อย" แต่ลืมพูดประโยคต่อไปว่า "คนเกลียดเป็นล้าน..!"

    เพราะฉะนั้น..อย่ารับเอาเรื่องร้อนภายนอกเข้ามา ที่โบราณเขาบอกว่า "ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า" นั่นหมายถึงชีวิตการครองเรือน เรื่องร้อนข้างในอย่าเอาไปพูดข้างนอก แล้วอย่าเอาเรื่องร้อนข้างนอกเข้ามาในบ้าน

    คราวนี้เรามาดัดแปลงเข้ากับการปฏิบัติธรรมของเราได้ก็คือ อย่ารับเอาเรื่องร้อนหูร้อนตาเข้ามาในใจ เพราะฉะนั้น..ไฟนอกอย่านำเข้า แค่รับรู้..อย่าไปใส่อารมณ์ตาม รู้ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้น รู้ว่าวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก VNL ๒๐๒๓ โปแลนด์บี้ไทย ๓ - ๐ ก็พอ อย่าไปใส่อารมณ์ว่า "แม่งง..สูงตั้ง ๒ เมตรกว่า ก็ชนะเราสิ..!" แล้วทำไมเราไม่หา ๒ เมตรกว่าไปสู้กับเขาบ้างเล่า ?

    ถ้าหากว่าเราคิดเมื่อไร เราเอาเรื่องร้อนเข้ามาในใจ รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะเกิดง่าย ดังนั้น..หน้าที่ของเราก็คือต้องระวังรักษาใจให้ดี ในแต่ละวันถ้ามีสิ่งขุ่นมัวเข้ามาก็ถือว่าเราเสียท่ากิเลสแล้ว ต้องรีบไล่ออกไปให้เร็วที่สุด

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ปกิณกธรรมสัปดาห์วันวิสาขบูชา
    ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...