เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2022
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันสอบนักธรรมสนามหลวงชั้นตรีวันแรก ต้องบอกว่าคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเราจัดงานสอบทุกครั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เจ้าคณะปกครองทุกระดับมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน จนกระทั่งต่างคนต่างก็รู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว

    เพียงแต่ว่าในระหว่างนั้นก็มีการ "ผลัดใบ" ก็คือเปลี่ยนตัวเจ้าคณะปกครองบ้าง เปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสบ้าง แต่ว่าบุคคลที่ทดแทน ถ้าในระดับเจ้าคณะปกครอง คือ เจ้าคณะตำบล ก็ผ่านการเป็นเจ้าอาวาสมาหลายปี พอที่จะศึกษาแนวทางล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ส่วนเจ้าอาวาสใหม่ ตามระเบียบที่บังคับไว้ว่า ต้องพ้นพรรษาที่ ๖ จบนักธรรมชั้นเอก ก็แปลว่าได้เห็นงานด้านการปกครองวัดมาหลายปีเช่นกัน จึงไม่มีอะไรให้หนักใจ

    เพียงแต่ว่าวันนี้ ปัญหาที่มองเห็นอยู่ชัด ๆ เลยก็คือ พระนักเรียนที่เข้าสอบไม่รู้ว่าจะอธิบายขยายความ "กระทู้ตั้ง" แล้วเอาไปเชื่อมความกับ "กระทู้รับ" อย่างไร ขนาดกระผม/อาตมภาพยกตัวอย่างไป ๔ -๕ กระทู้ ก็ยัง "ไปไม่เป็น" อยู่ดี ซึ่งลักษณะนี้สมัยก่อนเขาบอกว่า ถ้าเป็น "กล้วยเชื่อม" ก็ประมาณ "กล้วยอยู่ภาคเหนือ น้ำตาลอยู่ภาคใต้" ไปกันคนละทิศคนละทาง อยู่ในลักษณะของการ "อ่อนซ้อม"

    พระวัดท่าขนุนของเรายังดีที่ว่า เรามี "เสียงตามสาย" ฟังกันอยู่วันละ ๔ รอบ เนื้อหาที่เรารับฟังนั่นแหละสามารถเอามาอธิบายขยายความเชื่อมกับกระทู้วันนี้ได้ดีมาก เพราะว่ากระทู้ตั้งวันนี้ก็ก็คือ "อภูตวาที นิรยํ อุเปติ. คนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก" ซึ่งจะว่าไปแล้ว เป็นการออกข้อสอบที่ค่อนข้างจะ "โหด" สำหรับน้องสามเณร เพราะว่าสามเณรเล็ก ๆ ขาดประสบการณ์ที่จะอธิบายขยายความในลักษณะของเทศน์บนหน้ากระดาษแบบนี้

    แล้วส่วนใหญ่ก็จะเลือกกระทู้รับที่ตนเองเคยชินและสะดวก อย่างเช่น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร เหล่านี้เป็นต้น ปรากฏว่าเมื่อเจอกระทู้แบบนี้เข้าก็ "ไปไม่เป็น" จึงเป็นปัญหาที่ทางด้านผู้สอน และผู้เข้าอบรมก่อนสอบจะต้องเก็บเอาไว้พิจารณา แล้วนำไปแก้ไขในการอบรมครั้งต่อ ๆ ไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    สำหรับช่วงประมาณ ๒ - ๓ วันที่ผ่านมา อยู่ดี ๆ กระผม/อาตมภาพก็มีประสบการณ์ที่นึกไม่ถึง ก็คือมีโยมท่านหนึ่งทำไม้เท้ากลึงมาจากงาช้าง หัวไม้เท้าแกะเป็นรูปท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณยืนถือกระบองมาถวาย ด้วยความเคยชินกระผม/อาตมภาพ เมื่อลงน้ำมัน ลงขี้ผึ้งเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ซุกเอาไว้ใต้ที่นอน ถ้าถามว่าทำไมต้องซุกเอาไว้ใต้ที่นอน ? ก็เพราะว่าส่วนใหญ่งาช้าง ถ้าโดนไอตัวคนแล้วจะเปลี่ยนสีสวยมาก ก็คือแทนที่จะเป็นสีขาวก็จะเป็นสีเหลืองอ่อน

    แต่คราวนี้ปรากฏว่าพอซุกเข้าไปแล้ว คืนนั้นตอนนอน พอกระผม/อาตมภาพเอนตัวลงไป รู้สึกมีอาการเหมือน "โดนผีอำ" ขยับตัวไม่ได้ เรื่องของอาการผีอำนั้นมี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือท่านที่เรามองไม่เห็นตัว แต่ไม่ใช่ผี เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเรานั้น อะไรที่มองไม่เห็นก็เหมาเป็นผีไปหมด ท่านเหล่านี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่พระบนพระนิพพาน ลงมายันผีเล็กผีน้อยทั่วไป

    อีกประการหนึ่งเกิดจากเลือดลมของเราเดินไม่สะดวก ถ้าเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่ง่ายมาก จะรู้สึกเหมือนมีอะไรดำ ๆ ใหญ่ ๆ กดทับเราอยู่ แค่พยายามหายใจยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้งก็ดิ้นหลุดได้แล้ว

    กระผม/อาตมภาพขยับดิ้นหลุดแล้ว ปรากฏว่าพอนอนลงก็เป็นอีก ๒ ครั้ง ๓ ครั้งด้วยกัน ท้ายที่สุดก็นึกขึ้นมาได้ ตอนแรกก็เข้าใจว่าไอ้การที่เราลงน้ำมัน ลงขี้ผึ้งไป ภาวนาไป เป็นการเสกไปในตัว แล้วไปนอนทับท่านเอาไว้ ทำให้ท่านไม่ชอบใจหรืออย่างไร ? ก็เลยตั้งใจภาวนากรณียเมตตสูตร

    ปรากฏว่าปกติดี พอตอนเช้ามาดูใหม่ถึงได้เข้าใจ เพราะว่าใต้หมอนของ
    กระผม/อาตมภาพที่ในสำนักงาน ก็คือ มีดหมอบรมครูปราบไตรโลก ของ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เอารูปท้าวเวสสุวรรณไปยัดไว้ใต้มีดหมอแบบนั้นย่อมเจริญ..!

    มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เป็นมีดหมอที่ได้รับความเชื่อถือจากบุคคลที่ทราบประวัติ ดีไม่ดีจะมากกว่าของหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ด้วย โดยเฉพาะประวัติที่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่ยิ้มได้ถวายมีดหมอให้เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่เสด็จไปศึกษาวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่ท่าน

    คราวนี้เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ โดยล่องไปตามแม่น้ำแม่กลอง เสด็จในกรมฯ ท่านเห็นว่ามีดหมอหลวงปู่ยิ้มเป็นฝีมือช่างชาวบ้าน สวยไม่ถูกพระทัย พระองค์ท่านก็เลยหย่อนลงน้ำทิ้งไปเลย ปรากฏว่ามีดหมอวิ่งทวนน้ำกลับไปวัดหนองบัวต่อหน้าต่อตา..! เรื่องของเรื่องก็เลยกลายเป็นที่เลื่องลือ พระองค์ท่านต้องให้เรือกลไฟวกกลับไปวัดหนองบัว กราบขอขมาหลวงปู่ แล้วขอรับมีดหมอคืนไป
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ความจริงมีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวนั้น ถ้าหากว่าท่านเคยเห็นของจริงจะแยกออกจากมีดหมอสำนักอื่นง่ายมาก ถ้าเป็นเล่มที่เป็นฝีมือช่างชาวบ้านเลย ก็พูดง่าย ๆ ว่าฝีมือหยาบ ๆ ตีพอเป็นรูปร่างเท่านั้น ทั้งมีดหมอ ทั้งพระขรรค์

    แต่ถ้าหากว่าเป็นมีดหมอที่หลวงปู่ท่านมีเวลาทำการหลอมบรรดาโลหะต่าง ๆ ตามคัมภีร์มหาศาสตราคม มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวจะออกสีเหลือบน้ำเงิน แบบที่เรียกกันว่า "สีปีกแมลงภู่" ไม่ใช่แมลงทับ แมลงทับสีปีกออกเขียวเหลือง และไม่เป็นสนิม ประเภทนี้กระผม/อาตมภาพ เคยได้มาหลายเล่มอยู่ แต่ว่าเล่มปัจจุบันที่ใช้อยู่นั้น เนื่องจากว่ามีจารเต็มฝักเลย จึงเก็บเอาไว้เพื่อที่จะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์


    เนื่องจากว่าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้ตั้งใจวางของ ในส่วนที่ตั้งใจจะวางของเป็นส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น จึงต้องคัดเลือกเอาสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีที่สุด อย่างเช่นในส่วนของมีดหมอ ก็มีของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว หลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ แล้วก็มีที่นอกเหนือไปจากระดับปรมาจารย์ทั้งหมด ก็คือมีดหมอหลวงปู่บุญมี วัดเขาสมอคอน ที่ถือว่าเป็นรุ่นหลังท่านทั้งหลายเหล่านี้ลงมา แต่ว่าการสร้างของท่านนั้น เป็นตำราที่สืบทอดกันมา ต่างจากมีดหมอสายอื่นอย่างเห็นได้ชัด

    ดังนั้น..ในส่วนนี้ของพวกเรา ถ้าหากว่าสนใจจะศึกษามีดหมอรุ่นหลัง ๆ ที่ราคายังไม่ถึงขนาด "หูดับตับไหม้" อย่างของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว หรือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ก็ยังพออาศัยได้

    แต่อย่าไปหามีดหมอดาบฟ้าฟื้นของหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่าลูกศิษย์มีมาก มีดหมอมีน้อย ราคาไปไกลลิบตั้งแต่กระผม/อาตมภาพบูชามาแล้ว คือเขาไปตั้งเป็นราคาทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าหลวงตาเจริญ ฐิตธมฺโม ซึ่งเป็นพระอาวุโสที่สุดในวัดยุคนั้น อาวุโสกว่าหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ของพวกท่านอีก บวชก่อนหลายพรรษา ท่านจะสร้างพระประธานในโบสถ์ของวัดบ้านเกิด จึงมาปรึกษาหารือกับ
    กระผม/อาตมภาพ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจนะครับว่า ขนาดตอนหลวงพ่อฤๅษีฯ มรณภาพ กระผม/อาตมภาพเองเพิ่งจะได้แค่ ๗ พรรษา แล้วเรื่องนี้เกิดก่อนหน้านั้นหลายปี เท่ากับว่ากระผม/อาตมภาพเองเป็นเด็กเลย แต่หลวงตาเจริญท่านเห็นในเรื่องของการเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติของกระผม/อาตมภาพ โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน ที่ทำจนปรากฏผลอย่างชัดเจน

    ท่านจึงมาปรึกษาว่า "ผมอยากจะสร้างพระประธานในโบสถ์ที่วัดบ้านเกิด แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินอย่างไร ผมมีมีดหมอดาบฟ้าฟื้นของหลวงพ่อวัดท่าซุงติดย่ามอยู่เล่มเดียว ท่านพอที่จะช่วยผมได้ไหม ?"
    กระผม/อาตมภาพถามว่า "แล้วหลวงตาต้องการเงินสักเท่าไร ?" ท่านบอกว่า "ถ้าตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จก็เกือบจะแสนบาท" กระผม/อาตมภาพจึงโกยเงินหมดธนาคารถวายหลวงตาไปแสนกว่าบาท แล้วบรรดาลูกศิษย์เขาก็เอาอัตรานี้เป็นราคาตั้งต้นตั้งแต่สมัยนั้น..!

    แต่จะไปโทษใครก็ไม่ได้ เพราะว่ามีดหมอดาบฟ้าฟื้น หรือว่ามีดหมอตัดลูกนิมิตฉลองโบสถ์ วัดท่าซุงนั้น มีแค่ประมาณ ๖๐ เล่มเท่านั้น แล้วมีในส่วนของพระขรรค์ที่สร้างพิเศษอีกไม่กี่เล่มในรุ่นเดียวกัน ก็ต้องบอกว่าเป็นของแพง..ไม่ควรไปหา

    ถ้าจะหาของหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็หามีดหมอด้ามฤๅษีจะดีกว่า แม้ว่าหน้าตาจะไม่สวยงาม แต่กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าอานุภาพเหลือกินเหลือใช้ บรรดาลูกศิษย์ขอยืมไปทดสอบมาหลายงานหลายที่แล้ว เขาสรุปออกมาอย่างชนิดที่ ถ้าใครเป็นลูกศิษย์สายวัดหนองโพธิ์ ก็คงอยากจะไล่เตะปากไอ้คนสรุป

    เขาบอกว่ามีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เหมือนอย่างกับนายกรัฐมนตรี ก็คือยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ถึงเวลาก็ยังมีคนมาชะโงกหน้ามองบ้าง แต่มีดหมอหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนในหลวงเสด็จ..เงียบสนิท ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,698
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าไอ้คนพูดนั้นไม่รู้จริง เพราะว่ามีดหมอนั้นมีอยู่ ๒ ลักษณะ ถ้าหากว่าเน้นในด้านมหาอำนาจ มหาปราบจะเป็นในลักษณะอย่างนั้น แต่มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นั้น ใช้งานได้ทุกเรื่องเลย แม้กระทั่งอยู่ยงคงกระพัน มีดหมอที่ลักษณะแบบของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ก็คือมีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวและมีดหมอหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

    แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากสำหรับมีดหมอหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เพราะว่าในชีวิตที่ผ่านมือ
    กระผม/อาตมภาพมาเกือบ ๑๐ เล่ม ไม่มีสมบูรณ์แม้แต่เล่มเดียว เพราะว่าถ้าหากว่าท่านทำให้ลูกศิษย์ที่เป็นพระ ท่านจะหักปลายทิ้ง ป้องกันลูกศิษย์ใช้เป็นอาวุธ เพราะว่าพระเราถ้าจับอาวุธ ก็ต้องอาบัติศีลขาดไปแล้ว

    ไม่มีอะไรจะทำ ก็เลยเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า กระผม/อาตมภาพอยู่มาจนป่านนี้ อยู่ ๆ เกิดอาการเหมือน "ผีอำ" ปรากฏว่าเอาท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณไปซุกไว้ใต้มีดหมอโดยที่ตนเองก็ลืมไป ท่านก็เลยทำให้รู้ว่า "เอ็งทำกับข้าอย่างนี้ ข้าก็เหยียบเอ็งเล่นได้..!"

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...