เรื่องเด่น พิจารณาขันธ์ห้าละสักกายทิฏฐิ :หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 12 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    a.jpg

    พิจารณาขันธ์ห้าละสักกายทิฏฐิ
    ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    สักกายทิฎฐิ

    เห็นว่าร่างกายนี้ ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา
    ท่านละความเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นสัตว์บุคคล เราเขาเสียได้

    โดยเห็นว่า..


    ร่างกาย
    นี้เป็นเพียงแต่ธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    ประชุมกันชั่วคราว เป็นที่อาศัยของนามธรรม คือ

    เวทนา
    ความรู้สึก สุข ทุกข์ และไม่สุข ไม่ทุกข์
    คืออารมณ์วางเฉยจากอารมณ์สุขทุกข์

    สัญญา
    มีความจดจำเรื่องราวที่ล่วงมาแล้ว

    สังขาร
    อารมณ์ชั่วร้ายและอารมณ์เมตตาปรานีสดชื่น
    อันเกิดต่ออารมณ์ที่เป็นกุศลคือ ความดี
    และอารมณ์ที่เป็นอกุศล คือความชั่ว
    ที่เรียกกันว่า อารมณ์เป็นบุญและอารมณ์เป็นบาปที่คอยเข้าควบคุมใจ

    วิญญาณ
    คือ ความรู้ หนาว ร้อน หิวกระหาย เผ็ดเปรี้ยว
    หวานมันเค็ม และการสัมผัสถูกต้องเป็นต้น

    *** วิญญาณนี้ ไม่ใช่ตัวนึกคิด ตัวนึกคิดนั้นคือจิต
    วิญญาณกับจิตนี้คนละอัน
    แต่นักแต่งหนังสือมักจะเอาไปเขียนเป็นอันเดียวกัน
    ทำให้เข้าใจไขว้เขว ควรจะแยกกันเสีย เพื่อความเข้าใจง่าย ***


    อีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาอาศัยกาย และไม่ตายร่วมกับร่างกาย
    สิ่งนั้นก็คือ จิต


    ส่วน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ตายร่วมกับร่างกาย
    คือ กายตายก็ตายด้วย


    แต่ จิต ที่เข้ามาอาศัยกายนี้
    เข้ามาอาศัยชั่วคราว เมื่อกายตั้งอยู่
    คือ ดำรงอยู่ร่วมพร้อมกับ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    จิตก็อาศัยอยู่ แต่ถ้าขันธ์ ๕ มีร่างกายเป็นประธานตายแล้ว
    จิตก็ท่องเที่ยวไป แสวงหาที่อาศัยใหม่

    คำว่า เรา ในที่นี้ ท่านหมายเอา จิตที่เข้ามาอาศัยกาย
    เมื่อท่านทราบอย่างนี้ท่านจึงไม่หนักใจ
    และผูกใจว่า ขันธ์ ๕ คือร่างกายนี้ เป็นเรา เป็นของเรา
    เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

    เราคือจิต ที่เข้ามาอาศัยในกาย คือ ขันธ์ ๕ นี้

    ขันธ์ ๕ ถ้าทรงอยู่ได้ รักษาได้ ก็อาศัยต่อไป
    ถ้าผุพังแล้ว ท่านก็ไม่หนักใจไม่ตกใจ
    ไม่เสียดายห่วงใยในขันธ์ ๕

    ท่านปล่อยไป ตามกฎของธรรมดา

    เสมือนกับคนอาศัยรถหรือเรือโดยสาร
    เมื่อยังไม่ถึงเวลาลง ก็นั่งไป
    แต่ถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไร ก็ลงจากรถจากเรือ
    โดยไม่คิดห่วงใยเสียดายรถ หรือเรือโดยสารนั้น

    เพราะทราบแล้วว่ามันไม่ใช่ของเรา เขาก็ไม่ใช่เรา เราก็ไป
    ตามทางของเรา ส่วนรถเรือโดยสารก็ไปตามทางของเขา
    ต่างคนต่างไม่มีห่วงใย

    พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านมีความรู้สึกอย่างนี้
    พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมอรหันต์ พระองค์มีความรู้สึกอย่างนี้


    ท่านนักปฏิบัติ ที่ระลึกถึงพระคุณข้อนี้
    ก็ควรทำความพอใจตามที่พระองค์ทรงบรรลุเป็นพระอรหันต์
    อย่างนี้ จะเป็นเครื่องบั่นทอนกิเลสลงได้มาก
    จนเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์อย่างพระองค์

    ปล. คัดลอกบางส่วนและจัดวรรคตอนใหม่
    จากที่มา การระลึกตามบทพระพุทธคุณ ๙ อย่าง « ศูนย์พุทธศรัทธา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3662.jpg
      IMG_3662.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      17,130
  2. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
  3. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    3418A3DC-873A-42EA-9D7C-C356596C649D.jpeg

    จำให้ดีนะ คือว่าสักกายทิฏฐิเขาตัด ๓ ขั้น

    อย่าง พระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ใช้ปัญญาเล็กน้อย สมาธิเล็กน้อย
    แต่มีศีลบริสุทธิ์ แค่มีความรู้สึกว่า ร่างกายจะต้องตาย

    ถ้า อนาคามี เห็นร่างกายสกปรกโสโครก มีความเบื่อหน่ายเกิดนิพพิทาญาณ

    ถ้า อรหันต์ เห็นว่า ร่างกายไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา

    มี ๓ ขั้น

    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤๅษี) วัดท่าซุง
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    พ่อขอแนะนำว่า ตัด "สักกายทิฎฐิ" ตัวเดียว ลูกรัก

    คือ อย่าสนใจในรูป รูปเราก็ดี รูปเขาก็ดี รูปวัตถุธาตุก็ดี ตัดกันเสียที เรื่องการเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหมเลิกกัน เราไม่ต้องการมันต่อไป เพราะว่ามันเป็นของไม่ดี เราไปนิพพานกันดีกว่า

    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤๅษี) วัดท่าซุง

    91760EF1-1C21-4CF7-91E1-04094CD9B51A.jpeg
     
  5. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    1424498_1450637568586979_5960220692724050896_n.jpg

    พวกกระผมเป็นปุถุชน ถ้าจะปฏิบัติตนให้เป็นพระโสดาบันจะทำยังไงขอรับ?


    พระสารีบุตร
    ก็บอกว่า.. ถ้าพวกเขาทั้งหลายปรารถนาเป็นพระโสดาบัน ก็ จงพิจารณาขันธ์ 5 ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา ปลงให้ตกจนกว่าจะเลิกสังโยชน์ 3 ได้ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส เมื่อปลงขันธ์ 5 อย่างเดียวสังโยชน์ 3 มันจะขาดไปเอง เมื่อสังโยชน์ 3 ขาดลงไปแล้ว พวกเธอก็จะได้เป็นพระโสดาบัน

    พระพวกนั้นก็เลยถามต่อไป ว่า เมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้วจะเป็นพระสกิทาคามีจะทำยังไง ท่านก็บอกว่า.. พิจารณาขันธ์ 5 ตามแบบนั้นแหละ พิจารณาละเอียดลงไปก็จะเป็นพระสกิทาคามี เอง


    พระพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า เมื่อพวกกระผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว จะเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง ท่านก็บอกว่าปลงขันธ์ 5 นั่นเองทำอย่างว่านั้นแหละ แล้วกามฉันทะกับปฏิฆะ คือการกระทบกระทั่งจิต การโกรธ ความพยาบาท มันก็จะสิ้นไปเอง ก็จะเป็นพระอนาคามี

    ท่านพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้ว ผมจะเป็นอรหันต์จะต้องทำอย่างไร ท่านบอกว่าพิจารณาขันธ์ 5 ตามที่บอกมานั่นแหละก็เป็นพระอรหันต์ไปเอง สังโยชน์ 10 ก็จะขาดไป

    พระพวกนั้นก็จะถามว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์ละสังโยชน์ 10 ได้แล้วการพิจารณาขันธ์ 5 ไม่ต้องทำต่อไปใช่ไหมขอรับ พระสารีบุตรตอบว่าไม่ใช่ พระอรหันต์นี่แหละทำหนัก ยิ่งพิจารณาหนักเพื่อความอยู่เป็นสุข

    นี่แหละพระคุณเจ้าที่เคารพ เห็นหรือยังขอรับว่า..
    "ขันธ์ 5 ตัวเดียวเท่านั้นแหละเป็นเหตุละกิเลสได้ทุกตัว"

    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤๅษี) วัดท่าซุง
    จาก หนังสือ มหาสติปัฏฐาน สี่
     

แชร์หน้านี้

Loading...