"ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน

คุณมีดครับ

ประมาณ 1 อาทิตย์มาแล้วผมฝันว่าอาหารขาดแคลนไม่พอกินแต่มีการแนะนำกันให้กินมะพร้าว หรือไม่ก็กินกะทิสดกะทิกล่องก็จะอยู่รอดได้ สถานที่ในฝันน่าจะเป็นที่มีต้นมะพร้าวเยอะๆ หรือเป็นแถบชายทะเลไม่แนใจ น่าจะมีความเป็นไปได้นะครับว่ามะพร้าวน่าจะใช้ประโยชน์ได้ดีในช่วงภัยพิบัติขาดแคลนอาหาร
แถมน้ำมันมะพร้าวเอามาใช้ในตะเกียงให้แสงสว่างได้ดีด้วยครับ แม้ว่าจะมีดังแป๊ะๆบ้างแต่ก็สว่างดีครับ

 

เมื่อคืน ผมฝันไปว่า
ได้ไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง
เป็นโดมแก้วครึ่งวงกลมที่ใหญ่มาก ผู้คนที่นี่จะแต่งชุดคลุมสีขาวทั้งหมด เดินไปมาพูดคุยกันแบบปกติ
ภายในโดมนี้จะมีโดมแก้วครึ่งวงกลมซ้อนอยู่ข้างในอีกโดมหนึ่ง จะมีคนคอยเฝ้าไว้ไม่ให้ใครเข้าไป
คนที่เข้าได้จะต้องมีรหัสที่อนุญาติเท่านั้น
จากนั้นก็จะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไป แต่ละคนจะถือถุงใบหนึ่ง ข้างในจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ตึก เทคโนโลยีต่างๆที่เราใช้กันประจำวัน แต่ละคนก็จะฝังถุงดังกล่าวลงดิน และนำต้นไม้ใหญ่มาปลูกทับอีกชั้น
เมื่อทำเสร็จแล้ว
ก็จะมีอีกกลุ่มเดินเข้ามาในโดม แล้วเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็นำต้นไม้ใหญ่ไปปลูกอีกด้านนึงของโดม
ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่าในฝันจะสื่อถึงอะไร

 

ฝันคุณเซลล์เหมือนเข้ากำลังเดินทางเข้าสู่วิหารสีขาวเลยครับ มีด่านนภาลัยที่ต้องใช้รหัสผ่านเพื่อคัดเลือกจิตวิญญาณ พวกวัตถุเทคโนโลยี่ที่เป็นขยะถูกฝังลงในดิน+พลิกฟึ้นธรรมชาติแท้จริงลงไปแทนที่ เป็นโลกใหม่ที่สวยงามครับ

 

รบกวนคุณมีด ช่วยอธิบายวิหารสีขาวหน่อยครับ ว่าเป็นอย่างไร

 

วิหารสีขาว เป็นมิติของพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สถานที่ ไม่กินเนื้อที่ ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีระยะทางจากโลก ไม่มีการเดินทาง ไม่มีการใช้เวลาเพื่อไปให้ถึง แต่เป็นสภาวะของจิตวิญญาณอันเป็นตัวตนรวมในธรรมชาติแห่งความเป็นจริงครับ
เท่านี้ล่ะครับเดี๋ยวจะกลายเป็นนิยายไปซะก่อน เพราภาษาไม่อาจอธิบายได้ครับ +

วิหารสีขาวอาจารย์ปริญญาเคยกล่าวถึงในหนังสือเล่มแรกๆ ลองไปค้นดูนะครับ

 

*** มะพร้าว ****

ดินแดนแบบภาคใต้...เมื่อคลื่นยักษ์กวาดเข้ามา
สิ่งที่เหลืออยู่น้อยมาก....อาศัยต้นมะพร้าว และมะพร้าวกินปะทังชีวิต

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เล่าเรื่องแบบไม่ฝัน

เมื่อต้นกุมภาพันธ์ 51 มีโอกาสได้พบพญานาคราชผู้ดูแลไตรยุคทั้งสามท่าน ซึ่งมาประชุมพร้อมกัน

ได้สอบถามท่านว่า ภายในปีนี้ในเมืองไทยจะมีการทำลายล้างครั้งใหญ่หรือไม่ ท่านตอบว่าไม่มีในแผนงาน แต่ขึ้นกับสถานการณ์บ้านเมือง(การเมือง)ของประเทศไทย หากร้ายแรงมาก็้อาจจะต้องมีการล้าง หรือกระทำการบางอย่าง ... ได้เคยบอก ดร.สุธาทิพย์ว่า ในปีนี้อย่าเน้นการทำนายภัยพิบัติ เพราะผู้ทำนายจะเป็นฝ่ายเสียหาย ...

แต่การเตรียมการณ์ต่างๆยังคงต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเหตุการณ์ภัยต่างๆที่ทราบกันนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน

ในเดือนที่ผ่านมา ศิษย์พี่ของผม ได้เดินทางไปประเทศจีนพร้อมคณะสงฆ์ 40 รูป เพื่อทำพิธีเปิดประตูมิติเชื่อมโยงกับประเทศจีน ... หลวงปู่สั่งให้ไปทำ เพราะปัจจุบันยังเหมือนการดูภาพผ่านจอโทรทัศน์ คือ ด้วยจิตของเรา เราสามารถรับทราบและเห็น แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงถึงด้วยกายเนื้อได้้ หากถึงเวลาต้องใช้งานจริงจะเป็นปัญหา เหมือนเห็นภาพอยู่หน้าจอแต่ยื่นมือไปทำอะไรไม่ได้

อาจจะมีการเปิดการเชื่อมโยงมิติในส่วนประเทศพม่าเร็วๆนี้

จบการสรุปข่าว

ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างนะครับ ติดภาระกิจการที่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะจัดการได้เสร็จ

 

เตรียมจิต
เตรียมกาย
อย่าประมาท
เพราะถ้าประมาท อาจไม่มีวันหลัง

 

<TABLE class=tborder id=post1159402 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>monsodsai2<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1159402", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:00 PM
วันที่สมัคร: Oct 2006
ข้อความ: 30 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 544 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 563 ครั้ง ใน 36 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1159402 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->มีเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง พอดีเห็นว่าเรื่องที่จะเล่านี้สอดคล้องกับกระทู้นี้พอดี อ่านแล้วขอให้ใช้วิจารณญาณกันเองนะจ๊ะ ถือเป็นคำเตือน ให้มีสติ ไม่ตื่นตูม รนราน หรือกลัวตายจนเกินไป เพราะถ้าถึงเวลาต้องตายก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ตายวันนี้ พรุ่งนี้ ไม่ต่างกันหรอก หากแต่เวลาที่ได้อยู่นานขึ้นนั้น ถือเป็นโอกาสให้เร่งสะสมความดี สร้างบารมี เพื่อชีวิตใหม่ในภพหน้า บางทีอาจเป็นความโชคดีของคนที่ตายก่อนด้วยซ้ำ เพราะหากเกิดภัยพิบัติใหญ่ แน่นอนว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ ย่อมพบเห็นแต่ภาพที่ไม่น่าดู สยดสยอง อดอยาก ยากแค้น ขาดแคลน หดหู่ และเศร้าหมอง จนยากแก่การประคองจิตให้เป็นปกติได้

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันจ. 28-4-51 นี้ แม่บ้านคนหนึ่งของบริษัท เธอผู้นี้มีสัมผัสพิเศษ มักเห็นวิญญาณ โดยเฉพาะเวลาไปงานศพมักจะเห็นวิญญาณผู้ตายเสมอ หรือสัมผัสรู้กับวิญญาณต่าง ๆ มีลางสังหรณ์ และมีฝันบอกเหตุ เธอมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้ามืด ได้ฝันประหลาดและน่ากลัวมาก ขนาดว่าตื่นขึ้นมาหัวใจยังเต้นระทึกอยู่เลย ภาพฝันนั้น ชัดเจน เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เธอไม่เคยรู้เรื่องคำทำนายเรื่องภัยพิบัติใดๆ ที่มีการเตือนกันในเวปนี้ และข้าพเจ้าก็ไม่เคยเล่าเรื่องแบบนี้ให้เธอฟัง เพราะเธอเป็นแม่บ้านของชั้นอื่น และเมื่อถามเธอว่าเคยรู้เรื่องคำทำนายภัยพิบัติหรือไม่ เคยอ่าน เคยคิด เคยดู หรือมีใครเล่าให้ฟังบ้างมั้ย เธอก็ยืนยันว่า ไม่เคย และสมมติว่าเคยได้ฟังมาก็จะไม่เชื่อด้วย
เธอเล่าว่าในเช้ามืดของวันนี้ (จ.28/4/51) ฝันว่า เห็นผู้คนจำนวนมากร่วงตกลงมาจากตึกที่กำลังถล่ม และมีน้ำท่วมกรุงเทพเป็นพื้นที่กว้างมากเหมือนเป็นทะเล มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำท่วมไปทั่ว และเห็นตัวเองกำลังว่ายน้ำหนี ในฝันเธอถามไปว่า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตอบมาว่า เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ เธอเล่าว่าภาพที่เห็นนั้นน่ากลัวมาก แม้เมื่อตื่น ใจยังเต้นระทึกอยู่เลย
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
"การเรียนรู้" ไม่มีวันสิ้นสุด...ตราบวันหยุด "ลมหายใจ"
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อวานนี้แว๊บขึ้นมาครับ ว่าที่ฝันเรื่องดังกล่าวนั้นบอกอะไร ความฝันของคนเราในบางครั้งก็จะเป็นการสื่อสารจากอีกมิติหนึ่ง เพื่อให้เรามีการพัฒนาตนเองครับ
ในฝันนี้ได้สื่อให้เห็นว่า เราต้องปลุกครูผู้มีใจอารีย์ ซึ่งเป็นครูคนแรก และครูคนสุดท้ายของเรา เพื่อมาสื่อสอนเราเอง
โดมแก้ว หมายถึง สมอง
คนใส่ชุดสีขาว หมายถึง พลังงาน
ต้นไม้ หมายถึง เซลล์สมอง
ตึก เทคโนโลยี หมายถึง อัตตาตัวตน
คนเฝ้าประตู หมายถึง ประตูที่สาม

การคิดโดยใช้สมองซีกซ้าย คือ สมองที่ยึดติดกับอัตตาตัวตน วัตถุภายนอก รูปกายภายนอก อารมณ์ที่ไม่สมดุลทั้งหลาย เป็นการคิดที่มองหาสิ่งที่เป็นอัตตาตัวตน ไม่ได้มองหาถึงคุณสมบัติภายในของสิ่งนั้น ในการมีความสัมพันธ์กับบุคคลมักต้องมองหาว่าใครเป็นผู้กระทำ ใครทำผิด ใครทำถูก แต่ไม่ได้มองว่าเรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร จุดประสงค์บอกเราอย่างไร ทำให้ต้องเสียสมดุลทางอารมณ์อยู่เสมอ การใช้ปัญญาจึงขาดพลัง เปรียบกับการปลุกเซลล์สมองมาใช้ได้ไม่เต็มที่นั่นเอง (ต้นไม้ที่เติบโตอยู่บนซากปรักหักพังทั้งหลายจะมีเพียงบางส่วนทางด้านซ้ายของโดม)

การคิดโดยใช้สมองซีกขาว คือ คิดโดยปราศจากการตีกรอบให้กับตนเอง คิดในสิ่งที่เป็นคุณสมบัติภายในของอัตตาตัวตน คิดจากอารมณ์ที่สมดุลทั้งหลาย คือ ความรักที่บริสุทธิ์ พรหมวิหาร 4 เป็นการปลุกเซลล์สมองด้านขวาขึ้นมาใช้งาน และนำเซลล์สมองด้านซ้ายขึ้นมาใช้งานด้วยกัน ทำให้เกิดพลังงานในการใช้ปัญญาในระดับที่สูงขึ้น (ในฝันมีคนใส่ชุดสีขาวตามมาทีหลัง และปลูกต้นไม้ด้านขวาของโดม ปลูกโดยไม่ต้องมีซากปรักหักพังด้านล่าง ทำให้มองเข้าไปในโดมเห็นต้นไม้เต็มทั้งโดม เปรียบเสมือนการปลุกเซลล์สมองทั้งด้านขวา และด้านซ้ายมาใช้งานให้เกิดประโยชน์)

การเกิดเป็นมนุษย์ช่างแสนวิเศษ ที่เรามีเครื่องมือดีๆคือร่างกาย และสมองที่รองรับการคิดรู้ของจิตที่ยิ่งใหญ่ หากเราต้องกระทำผิดและไปเกิดเป็นรูปธรรมอื่นเช่น สัตว์ประจำโลก ทั้งหลาย ถึงแก่นแท้จะเป็นจิตวิญญาณเหมือนๆกัน ก็ไม่สามารถที่จะคิดรู้โดยใช้ปัญญาญาณร่วมกับสมองได้เป็นแน่แท้

ขอบคุณคุณมีดด้วยนะครับ ที่ช่วยแปลความหมาย ซึ่งจิ๊กซอว์ที่เราช่วยกันต่อ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ใช้บอร์ดนี้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกันครับ

 

เมื่อคืนฝันแปลกดีค่ะ...
ฝันว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ภูติผีปีศาจออกมาหลอกหลอนคน
คนอื่นๆ ก็วิ่งหนีกันไปแบบในหนัง
แต่เราหนีไม่ทัน...ก็เลยนั่งหลบอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง

สักพักมีผู้หญิงตัวใหญ่มากๆ เดินเข้ามาหา (ในความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่คน)
ถือขวดเหล้ามาด้วย...แล้วถามเราว่ากินเหล้ามั๊ย (ประมาณว่าหาเพื่อนกินเหล้าด้วย)

เราก็งงๆ นิดหน่อยว่าทำไมไม่หลอกอ่ะ...แถมยังชวนกินเหล้าอีก...555...
เลยตอบไปว่า...ก็กินบ้างไม่กินบ้าง...แล้วแต่โอกาส
แต่ช่วงนี้ถือศีลอยู่...ไม่กินหรอก

สังเกตเห็นว่าเธออึ้งไปนิดหน่อย ความรู้สึกบอกมาว่าเธอเริ่มกลัว
ก็เลยพูดสำทับไปว่าปกติถือศีลห้า แต่วันพระก็จะถือศีลแปด
คือเจตนาจะสาธยายเรื่องศีลให้ฟังซะเลย...
แต่พอพูดไปได้ไม่นาน เธอก็เดินหนีไปเลยแบบไม่สนใจเราอีกต่อไป

ตื่นมาก็ยังจดจำความฝันนี้ได้ขึ้นใจว่าแปลกดีจริง
ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าการรักษาศีลจะช่วยคุ้มครองเราได้จริงๆ
แบบพึ่งตัวเองได้เลย...

เล่าสู่กันฟังค่ะ....

 

เมื่อคืนนอนดึกเลยคิดว่าแค่สวดมนต์ก็พอ...ล้มตัวลงนอน...นอนไม่หลับ...ไม่คิดแต่จิตไม่หลับ...
เลยลุกขึ้นมานั่งสมาธิแผ่เมตตา...จึงสงบและหลับลงได้...
เช้าตื่นมาพยายามปลงอนิจจังสังขาร....ให้เป็นปกติ...ทุกข์ให้เป็นปกติ...สุขให้เป็นปกติ...
แต่จิตรู้สึกสัมผัสถึงความว่าง...ที่ขาดสมดุลย์ในธรรมชาติ...เหมือนมีใครดูดพลังงานธรรมชาติไปใช้...และแน่นอนไม่ใช่ฝ่ายผู้ให้...แต่เป็นฝ่ายทำลาย...
แม้ขณะนี้ก็ยังรู้สึกได้...
รอรับการโจมตี...

 

ผมขอฝากข้อคิดที่ได้มาจากความฝันครับ
เราเคยมองตัวเราเอง ผู้คนรอบข้าง ธรรมชาติรอบๆตัว อย่างแท้จริงหรือไม่
หากเรามองผ่านสัญญาเดิม หรือความทรงจำเดิมที่มีต่อสิ่งนั้น (จิตอดีต) นั่นคือการมองเห็นอย่างแท้จริงหรือไม่?
หากเรามองจากจิตอดีต และตีความ จะทำให้เกิดความบิดเบือนหรือไม่?

หากเรามองโดยปราศจากการมองจากจิตอดีต จิตอนาคตแล้ว เราจะมองเห็นความจริงแท้ๆของตัวเราเอง ผู้คนรอบข้าง และธรรมชาติรอบๆตัว สิ่งนั้นเรียกว่าปัจจุบันขณะ ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีธรรมชาติรอบๆตัว แล้วเวลาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความขัดแย้งจะมีได้อย่างไร

เวลาเกิดจากความคิดในอดีต และความคิดในอนาคตใช่หรือไม่

 

อ้างอิง กระทู้คุณเกษม เรื่องการทำนายปฏิวัติ
http://palungjit.org/showpost.php?p=1170563&postcount=7651

บางทีคนเราก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องการทำนาย เอามาใส่ในเรื่องความฝันแล้วกัน

อาจารย์ปู่ผม ได้ทำนายอนาคตไว้ว่าจะเกิดการปฏิวัติในไทยเช่นเดียวกัน วิชาที่ท่านใช้เป็นวิชาเดียวกับที่ขงเบ้งใช้ในการพยากรณ์จนกล่าวกันว่า หยั่งรู้ดินฟ้า

ในอดีต ศิษย์น้องของท่านได้ทำนายการปฏิวัติในเมืองไทยโดยใช้วิชาเดียวกัน และแจ้งข่าวให้บุคคลหนึ่งเดินทางออกจากเมืองไทยได้ทันเวลาก่อนการปฏิวัติ

แต่เรื่องตามคำทำนายจะยังไม่เกิดในปีนี้ แต่ไม่นานเกินรอ เอาไว้ใกล้ๆค่อยมาว่ากันใหม่

ภัยพิบัติทางการเมือง ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ยากของประชาชน

ในช่วงหลายปีต่อไปนี้เมืองไทย ยังจะมีเรื่องร้าย การสูญเสียใหญ่ๆหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงขั้นอับจน เตรียมกาย เตรียมใจ กันไปเรื่อยๆครับ

 

คืนวันที่พายุนากิสถล่มพม่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวแล้วแต่คิดว่าไม่น่าจะร้ายแรงอะไร น่าจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนทุกๆปี วันนั้นนอนหลับไป และฝันตอนใกล้เช้า เหมือนจริงมากๆ

ข้าพเจ้าเห็นตัวเองวิ่งหนีลมพายุอยู่กลางทุ่งนา พายุแรงมาก มีเสาไฟฟ้าล้มโค่นลงมาขวางหน้า ผู้คนต่างพากันวิ่งออกมาจากบ้านเรือนของตนกันเต็มไปหมด ลมแรงน่ากลัวมาก ข้าพเจ้ามองเห็นตึกรูปครึ่งวงกลมเหมือนใกล้จะถล่มลงมา บริเวณรอบๆนั้นเป็นทุ่งนาทั้งหมด

สักพักก็มีคนวิ่งออกมาจากบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าพเจ้าวิ่งเกาะกลุ่มกับคนอีก 2-3 คนหนีไปแบบไร้จุดหมาย พอเข้ามาในเขตเมืองเห็นมีเสาใหญ่ๆเหมือนปั้นจั่นล้มลงมาทับคนตายเลือดกระจาย น่ากลัวมาก

ฝันนั้นไม่เหมือนฝันเลย มันเหมือนข้าพเจ้าเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆต่างหาก พอตื่นขึ้นมา ดูข่าวโทรทัศน์ตอนเย็นเห็นยอดผู้เสียชีวิตในพม่าจากพายุลูกนี้เป็น 300 คน ยังคิดว่า ทำไมตายกันเยอะจัง

ตกตอนกลางคืน ยอดผู้เสียชีวิตกลับพุ่งขึ้นเป็น 10,000 คนไปแล้ว และมองเห็นตึกครึ่งวงกลมแบบที่เห็นในฝันอยู่ในทีวี สภาพเละมากจากแรงลม

แล้วในฝันนั่นคืออะไรกัน !

 

สัญญาณตามที่เราฝัน มี2เรื่อง เรื่องแรกก็พายุหมุน ถ้าไซโคลนนากิส คนตายเป็น10000 นี่คงใช่ เหลืออีกอันคือตึกถล่ม เห็นคุณข้างบนบอก ก็คล้ายกัน แต่ไม่แน่ใจว่าตึกแบบที่คุณnck2046บอกหรือเปล่า

เห็นทีจะต้องเร่งความเพียรซะแล้ว ความเพียรมันมาเป็นหย่อมๆ เหมือนหย่อมความกดอากาศ เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ

จริงๆไทยเนี่ย เป็นแดนศักดิสิทธิ์นะ อะไรที่จะต้องเกิด ก็ปัดเป่าไปหมด แต่ถ้านากิสยังไม่ใช่สัญญาณ พายุต้องเข้าที่อ่าวไทย ก็เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีเถิดครับ

 

ไม่ประมาท...พึ่งการกระทำตนเอง

 

เมื่อคืนฝันว่า ตนเองได้เห็นเหตุการณ์ของครอบครัวหนึ่ง
แต่เป็นจิตที่ไม่มีรูปร่าง จะแปรเปลี่ยนไปตามความต้องการของแต่ละบุคคลในครอบครัว เช่น ต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม จิตก็จะเปลี่ยนไปอยู่ด้านในของปืน และคอยขับเคลื่อน ถือแม้จิตไม่ต้องการที่จะทำตาม แต่ขัดขืนไม่ได้ ต้องทำตามนั้น
ไม่ว่าต้องการที่จะทำลายกันด้วยอาวุธ หรือการทำดีต่อกัน จิตก็จะเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้กระทำทั้งสิ้น ถึงแม้จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม

พอตื่นขึ้นมา ก็เลยเข้าใจว่า เราทุกคนต่างก็มีจิตอีกดวงที่เร้นอยู่ภายในจิตภายนอก ถึงแม้จะคิดรู้ได้เอง รู้ว่าสิ่งไหนเหมาะสมที่จะกระทำ ก็ไม่สามารถทำได้เลย หากจิตสำนึกภายนอกไม่ได้ต้องการที่จะกระทำ ก็เลยเป็นข้อคิดเตือนใจตนเองว่า เคยทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนเองกันเต็มที่รึยัง

 

จิตอีกดวง...หมายถึง นิสัยเก่าๆ สันดานเดิมๆ
มันจะ....ควบคุมตัวเรา

สัจจะ...ฝืนไม่ให้ทำตามใจนิสัยตน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะ ****

เคย ... ฆ่าคน
รับ สัจจะ... ปีนี้ไม่ฆ่าคน
ปีนั้น ....ก็ไม่ฆ่าใครเลย

เกิดเป็น... การกระทำใหม่ ขึ้นมา
พอรู้ว่า....ไม่ฆ่าคนเป็นสุขอย่างไร
ใจ นิสัย ฆ่าคน...ก็หมดไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "