เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ขอบคุณครับคุณศุภชัย

 

อานุภาพน้ำมันชาตรี



(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 129 พฤศจิกายน 2534 หน้า 68-71)

 

สนทนาเรื่องน้ำมันชาตรี (วันอาสาฬหบูชา 26 กรกฏาคม 2534)

หมอจรูญ ซึ่งเป็นหมอประจำอาตมาเอง หมอประจำอาตมาน่ะมี 7 คน แต่หมอจรูญนี่ขาบวมมาก งอขาไม่เข้า แกรับหมากไป 2 คำ พอไปถึงบ้านตอนดึกตีหนึ่งกว่าๆ ก็ปรากฏว่าเจ็บมาก แกก็ตั้งใจจะเอาหมากมาละลายกับน้ำมันหลวงพ่อปานทา

แต่ในที่สุดตัดสินใจว่ากินดีกว่า เลยกินหมากเข้าไปคำหนึ่งไปห่อหนึ่ง ไว้ห่อ ห่อเล็กๆนะ พอกินหมากเข้าไปสักครู่เดียว ปรากฎว่างอขาได้

พอเช้าขาที่บวมหายหมด แต่เจ็บภายในนิดหน่อย รุ่งขึ้นเช้ากินอีกเม็ดหนึ่ง หายเลย กลับมาหาอาตมางอขาได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเร็วๆนี้ วันนี้มาหรือเปล่าไม่ทราบ ญาติโยมนครราชสีมา มาบอกให้ทราบ บอกว่าติดยา คำว่าติดยานี่ไม่ใช่ติดยาฝิ่น หมายความว่าต้องกินยาทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้กิน วันนั้นไม่สบาย

แกบอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาทำใหม่ๆ พระพุทธเจ้าให้ทำ ก็บอกว่าลองเอาหมากไปกินก็แล้วกัน แกก็เอาไปสองคำ เอาไปกินแล้วปรากฏมันดีขึ้น อาการดีขึ้นมาก ไม่ต้องกินยาเดิม

เป็นว่าเอาหมากคราวนี้จะเหมาหมด เผอิญหมากเรามีน้อย เลยเอาไปร้อยคำ ร้อยคำนี่หมื่นบาทนะ หมากนี่คำละร้อยนะโยมนะ แพงหน่อยนะ แพงไหม ถ้าแพงก็ขึ้นเป็นสองร้อย หากใครหาว่าถูกก็ลดไปห้าสิบบาท

แล้วก็สำหรับ น้ำมันชาตรี นี่ยังไม่มีใครทำกัน ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อปาน ก็ทำเฉพาะ อาจารย์ศรีโภคา อาจารย์ศรีโภคาท่านทำไว้ อาตมาก็ไปขโมยมาหน่อย สมัยนั้นเป็นพระรุ่น พระพรรษาเดียวนะ ขโมยมาหน่อยหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย กินเข้าไปแล้วมันหาย

สำหรับ น้ำมันชาตรี นี่ทำยากในชีวิตอาตมานี่ ตั้งแต่เกิดมา ตั้งแต่เด็กๆ นอกจากเห็นที่อาจารย์โภคาทำแล้ว ก็ไม่เคยเห็นใครทำกัน ก็คิดว่าทำอย่างไรจะทำ น้ำมันชาตรี ได้ ก็ว่าดี

เมื่อเที่ยวที่แล้วเดือนที่แล้ว ไปค้างที่ จังหวัดปทุมธานี จะไปกรุงเทพฯตอนเช้ามืด หลวงพ่อปานท่านมา ท่านบอกว่าให้ขอพร สมเด็จองค์ปฐม ว่าทำหมากก็ดี ทำน้ำมันก็ดี ให้เป็น น้ำมันชาตรี ด้วย น้ำมันชาตรี นี่ ญาติโยมที่รู้นะก็เงียบๆไว้นะที่รู้เรื่อง

ที่ไม่รู้เรื่องก็ขอบอกว่า น้ำมันชาตรี นี่รักษาโรคทุกอย่าง

คือว่าเมื่อคืนวานนี้ถามท่าน บอกว่าโรคเอดส์รักษาหายไหม ท่านบอกเรื่องเล็ก รักษาหาย หายจริงๆนะ ใครเป็นเอดส์บ้าง อาจารย์หง่า น่ากลัวเป็นเอดส์แล้ว หัวเราะก๊ากเลย

แล้วถามว่ามะเร็งล่ะขอรับ บอกมะเร็งเรื่องเล็ก เป็นเรื่องเล็ก แล้วก็โรคอื่นๆก็หาย

ให้ทาก็ใด้ ใช้กินก็ได้ ควรทาก็ทา ควรกินก็กิน

ถ้ากินนี่ต้องกินไม่น้อยกว่า หนึ่งช้อนกาแฟ ในหนึ่งวันนะ หนึ่งวันแค่หนึ่งช้อนกาแฟ

ถ้าได้ไปแล้วหนึ่งขวด ขวดหนึ่งเขาจำหน่ายร้อยบาท ญาติโยมไม่ต้องกลับมาเอาใหม่ ไปถึงแล้วก็เอาน้ำมันงา หรือ น้ำมันมะพร้าว ก็ได้มาแล้วมากๆ แล้วก็เติมลงไป เติมกี่ร้อยครั้งก็ตาม คุณสมบัติจะไม่เสื่อม จะมีคุณสมบัติเท่าเดิม ไม่ต้องเสียสตางค์บ่อย นี่ที่ทำคราวนี้ก็ทำไม่มาก ทำเพียงแค่สี่แสนขวด

ทำไมล่ะ อาจารย์หง่า นี่หัวน้ำมันนะ ญาติโยมทำไปแล้วก็อย่าลืมว่าไปซื้อน้ำมันงามาให้มากๆ แล้วก็เติมลงไป ถ้าใช้พอจวนจะหมดก็เทน้ำมันออกจากที่เอาใส่ภาชนะอื่น เอาน้ำมันใหม่มาใส่ในที่เดิม แล้วเอาน้ำมันนั่นเติมลงไป

อย่าเติมทับน้ำมันนะ ต้องเอาน้ำมันนี่ทับน้ำมันใหม่

อย่างนี้เติมเท่าไหร่ก็ไม่เสื่อมใช้ได้ผลทุกอย่าง

ทีนี้ท่านแนะนำบอกว่า การรักษาโรคจะกินก็ดี จะทาก็ดี ให้สังเกตว่าท่านเป็นโรคอะไรก็ตาม ถ้ากินเข้าไปแล้วรู้สึกร้อน จะรู้สึกว่าน้ำมันนี่รักษาโรคนั้นไม่หาย

ถ้ากินหรือทา ถ้ารู้สึกว่าเย็นหรือธรรมดาๆ รักษาโรคนั้นหายแน่ ให้เป็นที่สังเกตตามนี้นะ จะมีหนังสืออธิบายไว้ สำหรับหมากก็รักษาโรคเหมือนกันตานี้เป็นบางคน

ท่านบอกว่า ถ้าญาติโยมทุกคนต้องการให้เป็นมงคลประจำตัว มงคลประจำตัวนะ หมายความว่าจะไม่มีอัปมงคล นั่นคือ ตอนเช้าขึ้นมาเอาไม้ก้านธูปก็ได้ หรือไม้ขีดก็ได้ จิ้มลงไปนิดเดียว ก่อนจะจิ้มลงไปก็ว่า นะโม ตัสสะฯ เสียก่อน นึกถึงพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด เขามีคำอธิบายอยู่แล้ว แล้วก็ปลุกด้วย "อิทธิฤทธิพุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด" อย่างนี้เขามีหนังสือแจก

จะกินก็ตาม จะทาก็ตาม ก่อนจะแตะศีรษะ ว่าอย่างนี้ก่อน แล้วก็แตะที่ศีรษะ เพียงทำอย่างนี้ทุกวัน จะเป็นมงคลแก่ท่านทุกคน

แล้วก็ถ้ามียวดยานพาหนะ ต้องการให้รถของท่านเรือของท่าน ยวดยานพาหนะต่างๆปลอดภัย ก็เอาไปเจิมที่รถของท่านหรือพาหนะของท่าน ทีนี้ยวดยานพาหนะของท่านจะปลอดภัย

น้ำมันนี่ทำได้ยาก ขออนุญาตพระพุทธเจ้าท่านทำ ถ้าท่านไม่ช่วยนี่ทำไม่ได้นะ ท่านบอกว่าของทำได้ยาก จะทำบ่อยๆนี่ไม่ได้ เมื่อวานซืนก็ถามว่าในชีวิตผมนี่จะทำได้สักกี่ครั้ง ท่านบอกทำครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ หรืออย่างเก่งก็จะได้เป็นครั้งที่สอง

และท่านบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทถ้าได้ไปแล้วอย่าปล่อยให้หมดนะ ไม่จำเป็นต้องมาเสียสตางค์ใหม่ กลับไปถึงบ้านไม่ต้องกลัวจาง แต่ถ้ากลัวจางก็เติมไปสักครึ่งขวด เอาเก็บไว้ครึ่งขวด จะมีผลเสมอกัน

เป็นอันว่าวันนี้เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ถ้าญาติโยมอยู่พร้อมก็มาร่วมพิธีกรรมได้ เวลาที่มาร่วมพิธีกรรม เวลาเขาปลุกพระ อาตมาปลุก ก็นึกว่า

"ขอให้พุทธานุภาพไปในตัวข้าพเจ้าด้วยนะ ก็การปลุกน้ำมันคราวนี้ การปลุกหมากคราวนี้ก็ตาม ขอข้าพเจ้ารับด้วย"

ตั้งใจภาวนาพุทโธ อย่างนี้จะมีผลแก่ท่าน

แล้วก็สำหรับ น้ำมันชาตรี ไม่มีการประกาศเพราะว่า นึกมันใช้เวลากระชั้นมากเกินไป เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง กลับมา ไปขอท่านอนุญาตที่ซอยสายลม กลับมาก็หาซื้อน้ำมัน เผอิญซื้อน้ำมันมาได้ มาได้ไม่มาก ได้แค่ห้าร้อยปีบ ใส่ขวดได้ประมาณ สี่แสนขวดนิดหน่อย ใครจะเอามากไม่ได้นะ เอาไปคนละร้อยขวดได้ (หัวเราะ) ทำไมล่ะ มากกว่านั้นไม่มีให้นะ

ต่อจากนี้ไป ขอญาติโยมทุกคนนะ รับพรพระเอา (หลวงพ่อสวด ยถาสัพพีฯ)

อาจารย์หง่า เดี๋ยวๆก่อน อาจารย์หง่า อ้า นอกจาก น้ำมัน กับ หมาก แล้วญาติโยมนะ ก็มี มีดหมอ อยู่ด้วยนะ แต่ มีดหมอ นี่มีไม่มาก เพราะด้ามงาฝักงานี่เขาเอาแพงมาก เล่มใหญ่ๆหน่อยเขาเอาสองพันบาทกว่า ก็เลยทำเล่มขนาดเล็กมา แต่ว่าถ้าหาก มีดหมอนี่หมด ญาติโยมถ้าไม่ได้นะ วิสาขะ ปีหน้าอาตมาจะปลุกพระ จะทำอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้จองไว้สองพันเล่ม อาตมาคิดได้แค่สิบวันกว่าๆก็เลยทำ ช่างเขาทำไม่ทันได้มาไม่มาก อาจารย์หง่า ต่อไปได้นะ (อาจารย์หง่ากล่าวนำบทกราบพระ)


(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 12 หน้า 502-504)

 

กระทู้นี้... จะแวะเข้ามาอ่านสักกี่ครั้งก็เกิดปิติครับ (^_^) ผมขอน้อมกราบอนุโมทนาบุญที่พี่วรรณได้เคยได้สร้างกระทำบำเพ็ญมาตั้งแต่ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบันวันนี้ด้วยครับ _/|\_
… ขออำนาจบุญจงรักษาพี่วรรณ และ ครอบครัว และ ทุกๆท่านที่เข้ามาโพสต์เผยแพร่เรื่องราวดีๆในกระทู้นี้ และ ติดตามอ่านกระทู้นี้ หรือ เข้ามาร่วมอนุโมทนาบุญในกระทู้นี้ด้วยเทอญ _/|\_ _/|\_ _/|\_







ขอน้อมกราบนมัสการพระเดชพระคุณท่านพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ด้วยความเคารพอย่างสูง

นายรชฏ, ลูกหลานคนหนึ่งของหลวงพ่อครับ

 

ขออนุโมทนาบุญบวชพระ,ปฏิบัติธรรมกับคุณรชฏด้วยนะครับ

 

ผมขออนุญาตพี่วรรณ โพสต์แบ่งปันบอกเล่าเรื่องราวดีๆที่พี่วรรณได้เมตตา อนุเคราะห์ และ สงเคราะห์ให้ความรู้และคำแนะนำดีๆกับผมไว้ให้พี่ๆ น้องๆ กัลยาณมิตรทุกๆท่านในกระทู้นี้ได้ทราบไว้เพื่อเป็นธรรมทานนะครับ (^_^)

ด้วยข้อจำกัดทางสติปัญญาในทางโลกและทางธรรม… ประกอบกับวัยวุฒิของผมที่ยังอ่อนด้อยอยู่ และ ความไม่ค่อยรู้เรื่องในเรื่องของพระเครื่องและวัตถุมงคลเท่าใดนัก … ผมได้ PM ไปสอบถามพี่วรรณในกล่องข้อความส่วนตัวของพี่วรรณในเรื่องลูกแก้วมณีรัตนะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดํา ว่าผมสามารถห้อยร้อยเอวเอาไว้กับพวงกุญแจที่หูกางเกงได้หรือไม่ครับ? หรือ ว่าผมควรจะอาราธนาแขวนไว้ที่คอน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ?

ด้วยความสัตย์จริงในตอนนั้นผมไม่คิดว่าพี่วรรณจะตอบคำถามผมด้วยซ้ำ เพราะผมเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้... อยู่ๆมา PM โพสต์สอบถามในกล่องข้อความส่วนตัว… แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ใจดี (พรหมวิหาร 4) ของพี่วรรณ (^_^) พี่วรรณได้กรุณาตอบอธิบายผมอย่างละเอียด พร้อมทั้งได้แนะนำข้อมูลสำคัญที่มีค่าและเป็นประโยชน์สำหรับผมมากๆครับ (^__^)
(ดูภาพ Capture ประกอบด้านล่างครับ)



ขออนุญาตบอกกันตรงๆแบบพี่ๆ น้องๆ กัลยาณมิตร ไม่ต้องเลี่ยงคำให้อ้อมค้อมครับ… ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจ และ วิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ พระผงรุ่นที่ระลึกครบรอบ 100 วันหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพ (6 ก.พ. 36) อ้างอิงจากโพสต์ #801 นี่ตั้งแต่ผมได้เช่ามาบูชาจากคำแนะนำที่พี่วรรณได้เมตตาแนะนำผมนี่… เวลาผมนำมากำพนมแล้วสวดมนต์อาราธนาหรือใช้ในการทำกรรมฐานนี่ผมรู้สึกสัมผัสได้ถึงกระแสพลังบางอย่างที่ไม่ธรรมดาครับ “ของดีราคาตอนนี้หลักร้อย แต่ มวลสาร และ พุทธคุณหลักร้อยล้านครับ” (^__^) ลูกหลานทุกๆคนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดําจำเป็นต้องมีครับรุ่นนี้… เชื่อผมครับพี่น้องครับ (^_^)

ขอบพระคุณพี่วรรณอีกครั้งครับสำหรับข้อมูลและคำแนะนำดีๆที่น่าสนใจมากๆ ในเรื่องพระเครื่องและวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ

รักและนับถือพี่วรรณครับ
Ray

 

เวลาที่เราพูดถึงพระเครื่องและวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดํา… เซียนพระ และ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง รุ่น 1, พระหางหมาก และ พระคําข้าว… เราลองมาวิเคราะห์กันดูนะครับ ในแง่ของพุทธคุณรายละเอียดในเรื่องของ การจัดสร้าง มวลสาร การเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอธิษฐานจิตปลุกเสก versus ราคาที่เราสามารถเช่ามาบูชานั้นจับต้องได้หรือไม่? และ พระเครื่องและวัตถุมงคลรุ่นนั้นๆมีการทำปลอมออกมา มากน้อย หรือไม่? อย่างไร? แน่นอนว่า เมื่อมีความศรัทธามาก มีความนิยมเป็นที่ต้องการที่จะมีไว้ครอบครองมาก มีอุปสงค์มาก อุปทานก็ต้องมากตามมา… แต่ อ๊ะๆ พระผงรุ่นที่ระลึกครบรอบ 100 วันหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพ (6 ก.พ. 36) อ้างอิงจากโพสต์ #801 นี่… พระเครื่องรุ่นนี้ถูกมองข้าม และ Underrated จากเซียนพระ และ คนส่วนใหญ่มากๆครับ… แท้ที่จริงแล้วพระเครื่องรุ่นนี้ Low profile, but High blessing มากๆครับ

หลังจากที่ผมได้ทราบข้อมูลและคำแนะนำดีๆที่น่าสนใจมากๆจากพี่วรรณ... ผมพยายาม PM ไปสอบถามสมาชิกพรีเมี่ยมหลายท่านใน เว็บพลังจิต แห่งนี้ว่าพอจะมีพระเครื่องรุ่นนี้ เหลือแบ่งไว้ให้ผมเช่าบูชาได้บ้างไหม? สุดท้ายเหมือนธรรมะจัดสรรครับ ผมเจอจนได้ครับ จากสมาชิกพรีเมี่ยมท่านหนึ่ง กรุณาแบ่งให้ผมได้เช่าบูชาครับ ในราคา 150 บาท ส่งฟรีแบบลงทะเบียนไม่มีบวกค่าจัดส่งเพิ่ม ครับ… ห๊ะ? อะไรนะ? ราคา 150 บาท ส่งฟรีแบบลงทะเบียนไม่มีบวกค่าจัดส่งเพิ่ม ราคานี้จับต้องได้หรือไม่ครับ? ล้อกันเล่นหรือครับนี่? เมื่อพิจารณาจากมวลสาร การเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอธิษฐานจิตปลุกเสกแล้ว ราคา 150 บาท นี่เติมศูนย์ต่อท้ายอีกสักสี่หลักเป็น 1,500,000 บาท ได้หรือไม่ครับ?

สมาชิกพรีเมี่ยมท่านนั้นได้ attached ส่งรูปภาพพระเครื่องมาให้ผมพิจารณาดูด้วยครับ จากภาพมีรอยกะเทาะบิ่นนิดหน่อยที่ขอบมุมบนด้านขวาของพระเครื่องครับ แต่โดยรวมผมว่าน่าจะใช้ได้ครับ เพื่อความชัดเจนผมได้ PM ไปสอบถามพี่วรรณในกล่องข้อความส่วนตัวของพี่วรรณ ผมได้รบกวนขอความรู้และความเห็นจากพี่วรรณนิดนึงว่า เมื่อพิจารณาจากรูปภาพพระเครื่องที่สมาชิกพรีเมี่ยมท่านนั้นส่งมาให้ดูนี่ พี่วรรณคิดว่าน่าจะเป็น พระแท้และตรงรุ่น หรือเปล่าครับ?



พี่วรรณได้กรุณาโพสต์ตอบกลับมาว่า (ดูภาพ Capture ประกอบด้านล่างครับ)


สรุปคือ ผมจัดทันทีครับ (^__^) พระเครื่องรุ่นนี้ Low profile, but High blessing มากๆครับ… เชื่อผมครับพี่น้องครับ (^_^)

 

เรื่อง พิธีสะเดาะเคราะห์

สะเดาะเคราะห์นี่มันเป็นการบำเพ็ญ ไม่ใช่รับเคราะห์เขานี่ ต้องเชื่อกฎของกรรมอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส ไม่ใช่ว่าพอทำพิธีสะเดาะเคราะห์แล้วเคราะห์มาเข้าตัวเองอะไรอย่างนี้

พิธีสะเดาะเคราะห์ คือ ทำความดีหนีความชั่ว

หมายความว่าช่วงจังหวะที่อกุศลกรรมมันจะมาทันเราพอดี ทันพอดีเลยเวลานี้ เราเดินมาพอดีมันก็ถึงพอดี แต่ถ้าเราวิ่งไวกว่า มันก็พลาดเหมือนกัน คือวิ่งสปีดให้มันไวกว่าปกติสักหน่อย

มีอยู่คราวหนึ่งไปชลบุรีกับหลวงพ่อ มีหลวงพ่อ หลวงปู่ธรรมชัย ฉัน แล้วก็หลวงพี่โอ หลวงพ่อบอก เฮ้ย ! สามโมงออกเดินทางนะ สามโมงปุ๊บ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ก็มา จะเจิมนั่นจะเจิมนี่ จะให้หลวงปู่ธรรมชัยเจิม

หลวงพ่อท่านก็บอก หลวงปู่ เวลาก็ต้องเป็นเวลา ไป ! หลวงปู่ก็งง (หัวเราะ) หลวงพ่อดุนี่

"อ๋อ..หลวงปู่นี่เคยถูกดุเหมือนกันเหรอครับ"

โดน (หัวเราะ) หลวงปู่ธรรมชัยนะ หลวงปู่ธรรมชัย พอมาในรถท่านก็บอกตอนสามโมงน่ะ ที่ออกสามโมงนั่นน่ะ มันจะคลาดกันที่ตรงไหน รถมันจะชนกัน ถ้าเราไปช่วงหลังจากนั้นน่ะมันจะชนกัน ตรงนั้นเราไปไปชนกันพอดี เราไปช่วงนี้มันจะคลาดกันตรงนั้น

สะเดาะเคราะห์มันมีอะไรล่ะ เราไม่ได้เรียกเป็นเงินเป็นทองห้าบาท สิบบาท ร้อยบาท พันบาท แต่แสนบาทเราก็เอาใช่ไหม (หัวเราะ)

การเจริญภาวนาก็ถือว่าเป็นบุญ การฟังพระสวดอภิธรรมก็ถือว่าเป็นบุญ มีอานิสงส์
ใช่ไหม การรักษาศีลก็ถือว่าเป็นบุญสะเดาะเคราะห์ เดินมานี่ให้ภาวนาว่าพุทโธ ก็เป็นพุทธานุสสติเป็นบุญใหญ่ ไม้ที่แตะนี่ (คธาเสก) ก็พระพุทธเจ้าทำใช่ไหม ก็เป็นพุทธานุสสติ

บุญสามสี่อย่างมารวมกันนี่ มันก็มากกว่าธรรมดา มันก็เพิ่มพลังขึ้น ทำให้หนีได้เร็วขึ้น ไวขึ้น

(จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 162 สิงหาคม 2537 หน้า 82-83)

 

วันสะเดาะเคราะห์มีอาการเวียนหัว

ผู้ถาม : ในพิธีสะเดาะเคราะห์ที่ วัดท่าซุง มีคนฝากชื่อไปหลายคน

พอตอนบ่าย 2 โมงเป๋ง ปรากฎว่าคนที่ฝากไปนอนอยู่ที่บ้าน

1. มีอาการเวียนหัว

2. อาเจียน แล้วก็มีอาการเหมือนใจจะขาดรอนๆ เพียงครู่เดียวก็หายไป ตัวเนื้อโปร่งมีความสุขกายสบายใจ

ขอเรียนถามหลวงพ่อว่า อาการอย่างนี้หมายความว่ากระไรเจ้าคะ ?

หลวงพ่อ : หมายความว่าเวียนหัว (หัวเราะ)

ผู้ถาม : อ๋อ..เวียนหัว แปลว่า เวียนหัว

เอ๊ะ ! พิธีอยู่ที่ วัดท่าซุง ทำไมเขาเป็นได้ล่ะครับ ?

หลวงพ่อ : อ้าว ! ก็ชื่อเขาไปนี่ เขาตั้งใจก็ถึงซิ !

ผู้ถาม : ก็แสดงว่าหลวงพ่อสงเคราะห์ทั่วกันหมด

เอ๊ะ! ต่อไปถ้าวัดท่าซุงมีงาน เราไม่ต้องไปก็ได้ซิครับ ?

หลวงพ่อ : ได้ ! เคราะห์กรรมใดๆที่มีอยู่สลายตัวมาถึงเราหมด

ผู้ถาม : โอ้โฮ ! เข้าใจ อยากไม่ไป

(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 253 เดือนเมษายน 2545 หน้า 72-73)



อาราธนารับพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน

อาจารย์ยกทรง : กราบเท้านมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง งานสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง 4 เมษายน ศกนี้

หากลูกหลานบางคนจำเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ได้ไป สมมติ ติ๊ต่างว่าถึงเวลา 4 โมงเช้า

หลวงพ่อ : ติ๊ต่างๆๆๆ

อาจารย์ยกทรง : ไอ้ติ๊งต่าง ตุ๊ง มันตัวเดียวกันหรือเปล่าพ่อ

หลวงพ่อ : ติ๊งต่อง (หัวเราะ)

อาจารย์ยกทรง : เอานะ ถึงเวลา 4 โมงเช้าก็ดี บ่าย 2 โมงก็ดี ในขณะนั้นลูกควรจะปฏิบัติแบบไหน เผื่อจะได้มีโอกาสได้รับสิริมงคล

หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้แล้วกัน ตั้งใจรับแล้วภาวนาว่า พุทโธ

อาจารย์ยกทรง : อ้อ..ใช้พุทโธหรือครับ

หลวงพ่อ : ใช้เวลาประมาณสัก 15 นาที เวลาที่นั่นเขาจะทำเขาแนะนำกันก่อน เวลามีมากไป เวลาไม่น้อยก็ 15 นาทีก็แล้วกัน

ขอรับด้วยใช้ได้ เหมือนยันต์เกราะเพชรก็เหมือนกัน

อาจารย์ยกทรง : อ้อ..สะเดาะเคราะห์กับเป่ายันต์นี่คล้ายๆกัน

หลวงพ่อ : คล้ายๆกัน เพราะว่าทำพิธีเดียวกัน แต่บทต่างกัน

(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 15 หน้า 374-375)


******ท่านที่ไม่สามารถไปร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์ที่วัดได้ เราอยู่บ้านสามารถอาราธนารับได้เหมือนการเป่ายันต์เกราะเพชร ถ้าสามารถฝากเงินไปร่วมทำบุญและฝากชื่อไปใส่โลงในงานให้เผาไปด้วยจะดีมากครับ

 

นิทานเรื่องจริง

ว่าจะเล่านิทานเรื่องจริงให้ฟังสักเรื่อง เมื่อคืนนี้เวลา 3 ทุ่ม กล้บไปจากที่นี้ (จันทร์ 11 พ.ค. 2530) ก่อนฟังนะทุกคนตั้งใจนึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็ภาวนาคาถาของท่านว่า "สัมปติจฉามิ" กับ "สัมปจิตฉามิ" ว่าต่อกันไปเลยนะ

"สัมปติจฉามิ" ผลก็คือ หนึ่ง ข้าศึกไม่เห็นตัว สอง มีเมตตามหานิยมทุกอย่างเป็นเมตตาบารมี แล้วก็สาม ป้องกันอันตรายทุกอย่าง ทุกคนภาวนาว่า "สัมปติจฉามิ" นะ

แล้วก็บทที่ 2 "สัมปจิตฉามิ" ถ้าใครเขากลั่นแกล้งเราสักเพียงใดก็ตาม ผลการกลั่นแกล้งจะตกแก่ผู้กระทำและพรรคพวก

รวมความว่า "สัมปติจฉามิ" กับ "สัมปจิตฉามิ" ให้ทุกคนภาวนาไว้เป็นปรกติ

เวลาจะภาวนาให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน ถ้าภาวนาคาถา 2 บทนี้ หรือบทใดบทหนึ่งถือว่าเป็น "พุทธานุสสติกรรมฐาน" ทั้งนี้เพราะว่าเป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าให้โดยตรง

(จากหนังสือพ่อสอนลูก ฉบับพิมพ์เดือนกันยายน 2553 หน้า 10)



เลี่ยมกรอบแบบ 3 in 1 ครับ

 

ผมท่อง สัมปติจฉามิ" กับ "สัมปจิตฉามิ ทุกเช้า อย่างละ 3 จบ หลังอาราธนาพระคล้องคอครับ

 

ถูกกระทำไสยศาสตร์

ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง วันนี้ขอสักครั้งเถอะ ขอพึ่งบารมีหลวงพ่อ คือว่าลูกเป็นครูสอนหนังสือ ถูกกระทำไสยศาสตร์ทุกรูปแบบที่เขากระทำมา เป็นเหตุให้ครอบครัวเดือดร้อนเหลือเกิน แก้หลายแห่งไม่หาย กันหลายที่ก็ไม่อยู่

วันนี้จึงบากหน้ามาพึ่งเพื่อผ่อนคลาย ถ้าหลวงพ่อไม่ช่วยคราวนี้ลูกคงม้วยแน่เจ้าข้า

หลวงพ่อ : เขาไม่ได้เขียนอย่างนั้นละมั้ง

ผู้ถาม : ต่อให้อีกหน่อย

หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ฉันก็แก้ไม่เป็น

เวลาบูชาพระก็ภาวนาว่า "สัมปติฉามิ" สัก 7 ครั้งแค่นี้กันได้เลย

ผู้ถาม : ติ หรือ จิต ครับ

หลวงพ่อ : ติ ก็ได้ ติจ ก็ได้

ผู้ถาม : มันมี 2 คำ นะครับ จิตก็มี

หลวงพ่อ : อ๋อ..จิตนั้นย้อนกลับ

"สัมปติจฉามิ" หรือ สัมปติฉามิ" นี่กัน กันทุกอย่าง

ถ้า "สัมปจิตฉามิ" ถ้าเขาทำมากลับไปหาเขาเอง

(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 177 เดือนธันวาคม 2538 หน้า 85)

 

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๔ ทรงมีพระชนมายุครบ ๖๖ พรรษา



ประณตน้อมค้อมก้มกราบทาบพระบาท
วโรกาสมาบรรจบครบพรรษา
"กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ"
ผองประชาเทิดไท้องค์พระทรงชัย
ขอพระองค์จงทรงศักดิ์ประจักษ์สุข
นิราศทุกข์ภัยทั้งปวงล่วงสมัย
สัมฤทธิ์ผลสมพระราชหฤทัย
พลานามัยเกษมศานต์สำราญเทอญ



*** พระผู้เป็นดั่ง “เทพ” ของแผ่นดินไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ***

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า “นายรชฏ”
สมาชิกในเว็บพลังจิต

*** [หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากในโพสต์ #1 นี้ครับ]

 

ท่านที่จะไปทำบุญในงานทำบุญพิธีไหว้ครูประจำปีที่บ้านสายลม ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 นี้จะได้รับแจก "เหรียญหลวงตาแสง" นะครับ

"เหรียญหลวงตาแสง" เข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับรูปหล่อลอยองค์สมเด็จองค์ปฐมปางพระนิพพานเมื่อปีที่แล้วเมื่อวันเสาร์ 5 ที่ 28 มีนาคม 2563 ณ อุโบสถวัดท่าซุง

ท่านที่สนใจก็ไปร่วมทำบุญรับแจกเหรียญนี้กันได้ครับ

 

ทำอย่างไรจะค้าขายดี

ยกทรง : เอาอย่างนี้ดีกว่า น่าจะถามอย่างนี้ว่า คนที่มีร้านค้านี่ทำอย่างไรถึงจะการค้าดี จะเป็นธรรมะ จะเป็นมงคลวัตถุหรืออย่างไรประการใด ให้ท่านพระครูแนะนำได้ไหมครับ อย่างนี้จะทำให้เจริญรุ่งเรืองนี่ ควรจะปฏิบัติอย่างไร อธิษฐานแบบไหน

ท่านเจ้าคุณฯ : อันที่จริงนี่ไม่ค่อยเจอคนจริงสักที ถ้าคนจริงมันต้องทำอย่าง คุณประยงค์ ตั้งตรงจิตร

นี่สังเกตดูที่คนทำที่เจริญจริงๆนี่ คาถาที่...คาถาเงินล้านอะไรก็ช่างเถอะ อย่าง "พรหมา จะ มหาเทวาสัพเพยักขา ปะรายันติ" นี่เป็นคาถาของพรหม พรหมคือท้าวมหาพรหม ท่านเป็นคนบอก ทีนี้คาถามันมีตั้งหลายอย่าง หลายอาจารย์หลายคน

ทีนี้ว่าเมื่อท่องแล้วเพื่อความเจริญนี่ต้องท่องให้เป็นฌาน ต้องท่องให้เกิดสมาธิถึงจะมีผล ส่วนมากคนท่องบทเที่ยวสองเที่ยวก็จะเอาแล้ว จะเอาเท่านั้นเท่านี้ละ

ยกทรง : อย่างนั้นเวลาท่องจิตก็โลภไม่ได้สินะ

ท่านเจ้าคุณฯ :ให้จิตมันเตือนอยู่ในจิตอยู่เสมอ มันอยากท่องเองอยู่อย่างนั้น เรียกว่าเป็นฌาน ส่วนมากท่องสักบทสองบท โอ้โฮ เหนื่อย ไม่เอาแล้ว พอ พักก่อนดีกว่า

ยกทรง : หรือไม่ก็ โห ตั้งหลายเที่ยวไม่เห็นได้สักที ไม่เห็นรวยสักที อย่างนี้ไม่มีผลนะ

ท่านเจ้าคุณฯ : คงจะผลน้อยมาก

ที่เราเคยไปคุยกับเขาก็ดี คนที่มีผลน่ะ ทำอย่างไรให้มีผล ก็ท่องคาถาบทเดียวกันน่ะ สังเกตดูของเขาจะขึ้นมาในใจอยู่เสมอ มันขึ้นมาอยากท่องเองขึ้นมาเลย ภาวนาเองเลย อย่างนี้ทำอะไรก็คล่องตัวหมด

ยกทรง : ต้องไปถึงจุดนั้นถึงจะคล่องตัวนะ

ท่านเจ้าคุณฯ : ถึงจุดนั้นถึงจะคล่อง

ยกทรง : แล้วทีนี้ทำอย่างไรถึงจะถึงจุดนั้น ทำอย่างไรถึงจะคล่อง ทำอย่างไรถึงจะชิน ทำอย่างไรถึงจะเป็นฌานล่ะครับ

ท่านเจ้าคุณฯ : ก็ต้องมีคือ อิทธิบาท 4 นี่


ท่องคาถาเงินล้านได้ผล

มีโยมคนหนึ่งมาให้คำยืนยันว่า โยมท่องคาถาเงินล้านค่ะ

ท่านเจ้าคุณฯ : ได้ผลไหม

โยม : ได้ผลดีมากเลยค่ะ ท่องในรถเมล์ ว่างเมื่อไหร่ท่องเมื่อนั้น เห็นผลจริงๆ มีเหลือเก็บไว้ใช้

ท่านเจ้าคุณฯ : นั่นไงๆ ได้ตัวแล้วได้สักขีพยาน อยู่ในรถมงรถเมล์ท่อง นึกเมื่อไหร่มันท่องเมื่อนั้น นี่เห็นไหม พูดไม่ขาดคำเลย

ยกทรง : เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีหลักฐาน มันเกิดขึ้นเอง มันอัตโนมัติเองหรือครับ

ท่านเจ้าคุณฯ : มันเกิดขึ้นเองเลย นึกได้มันจะท่องขึ้นมาเอง ท่องแล้วมีความสุขด้วยนี่ จิตมันเป็นฌาน นี่มีพยานนะ เราก็คุยกับเขาหลายคนนี่ เขาบอกเป็นอย่างนี้ มันจะขึ้นมาในใจอยู่อย่างนี้

เวลาท่องสักหน่อย โอ๊ย เอะอะก็เหนื่อย ปล่อยให้ฟุ้งซ่านดีกว่า มันชินกับอารมณ์ฟุ้งซ่านซะเคย

ยกทรง : เป็นฌานฟุ้งซ่านซะเลยชิน

ท่านเจ้าคุณฯ : ชินในฟุ้งซ่าน

โยม : ท่องคาถาเงินล้านแล้วมันเปลี่ยนเป็น "สัมปจิตฉามิ" ไม่ทราบเพราะอะไรมันเปลี่ยนเองได้ จิตมันเปลี่ยนไปเอง

ท่านเจ้าคุณฯ : "สัมปจิตฉามิ" คือคาถาตีกลับไม่ใช่หรือ

ยกทรง : ใช่ๆ เด้งกลับ ตีกลับ

โยม : ไม่ทราบเหมือนกัน เวลาเจออะไร...

ท่านเจ้าคุณฯ : กลัวจะโดนของละมั้ง

ยกทรง : คาถาเงินล้านสมบูรณ์ การเงินก็มีคาถาเงินล้านกับพระคำข้าวมหาลาภที่หลวงพ่อสงเคราะห์ล่วงหน้าไว้แล้วนะ

บางรายก็ภาวนาคาถาเงินล้านว่าแล้วเงินเพิ่ม อันนี้ก็ประหลาดดีเหมือนกัน

ท่านเจ้าคุณฯ : ใช่

(จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 481 เดือนเมษายน 2564 หน้า 26-27)

 

เหรียญหลวงตาแสง

จัดสร้างโดยบ้านสายลม แจกให้คนทำบุญครั้งแรกในงานทำบุญพิธีไหว้ครูประจำปีที่บ้านสายลม วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564

เหรียญหลวงตาแสงเป็นเหรียญทรงพัดยศเนื้อทองแดงลงดำ เหรียญด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงพ่อ ด้านบนเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม มีคาถา "สัมปจิตฉามิ" อยู่ด้านล่าง

เหรียญอีกด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงตาแสง ด้านบนเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม ด้านล่างเขียนคาถาว่า "สัมพุทโธ มะอะอิ ระโชหะระนัง ระชังหะระติ"

ในงานพิธีไหว้ครูฯ หลวงพี่สมนึกเจ้าอาวาสท่านเล่าว่าเหรียญหลวงตาแสงนี้ผ่านพิธีมาแล้ว 3 พิธี

พิธีพุทธาภิเษกที่วัดท่าซุง 3 พิธีหลังสุดมีดังนี้

- พิธีพุทธาภิเษก วันเสาร์ 28 กันยายน 2562 เวลา 9.00 น. เหรียญดัสกรพินาศ กูผู้ไม่เคยแพ้ใคร
- พิธีพุทธาภิเษก (เสาร์ 5) วันเสาร์ 28 มีนาคม 2563 เวลา 9.00 น. รูปเหมือนลอยองค์สมเด็จองค์ปฐมปางพระนิพพาน
- พิธีพุทธาภิเษก วันเสาร์ 13 มีนาคม 2564 เวลา 9.00 น. รูปหล่อบูชาและรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์

 

กลัวลูกสาวหลงพระ

ท่านเจ้าคุณฯ : เดี๋ยวจะขอเล่าตัวอย่างคนสักคนหนึ่งนะ ฉันไปเชียงใหม่ ไปทอดกฐินที่วัดโขงขาว กฐินเขาเสร็จแล้วก็พักกันก็ออกมาข้างนอก ก็ไปเจอคนที่รู้จักกันที่ติดตามอยู่นี่ทอดกฐิน แต่กฐินเขาทอดไปแล้วก็ขึ้นมาคุยกันด้วย ลูกเขยก็แนะนำตัวนี่คุณพ่อเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอะไรนะที่ผ่าตัดทางสมองของเอกชน ก็คุยกันว่าสมัยก่อนนี่แกมีลูก ผู้อำนวยการมีลูกสาวเป็นนักเรียนอยู่แกแอบมาทำบุญกับหลวงพ่ออยู่เรื่อย หนีบ้างอะไรบ้างพ่อไม่ให้มานี่

ยกทรง : ทำไมไม่ให้มาครับ

ท่านเจ้าคุณฯ : แกหาว่าลูกจะงมงายเกินไป เชื่อพระลูกจะงมงายเกินไป แต่แกแอบมา มากับลูก ตามลูกมา มานั่งอยู่ตรงนี้หลวงพ่อก็นั่งรับแขกอยู่ตรงนี้ จะเล่าให้ฟังนะ ท่านก็นั่ง ไม่ได้นินทาเล่าให้ฟัง

แกก็มานั่งอยู่ แกก็นึกในใจ เอ ทำสังฆทานกันไปทำสังฆทานกันมาให้พระหลอกอยู่ได้ แกนึกอยู่ในใจพระก็เอาไปสร้างซะใหญ่โตเลย วัดวาอารามเอาไปทำไมนักหนานึกอยู่ในใจ

พอนึกอยู่อย่างนั้นหลวงพ่อท่านก็พูด ไอ้คนมันส่วนมากมันติแต่มันไม่ค่อยได้ทำบุญหรอก ไอ้คนช่างติไม่ค่อยทำหรอก

ได้แต่คิด ท่านก็บอก เอ๊ะ ว่ากูหรือเปล่าวะนี่ ว่ากูหรือเปล่า ไม่ได้ถาม คิดอยู่ในใจ ก็ไม่ได้สนใจก็ไม่ค่อยได้มาหรอก วันนั้นมาดูลูก ว่าลูกมาทำบุญที่ไหน

ทีนี้ก็กลับไป ลูกก็มาทำบุญเป็นปกตินั่นแหละ หนีพ่อหนีแม่มาทำ ทีนี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ตอนหลังนี่แกปลดเกษียณ แกก็ไปหาพระมาทั่วอยากจะปฏิบัติความดีทางกรรมฐานบ้าง ก็ไม่รู้จะถูกใจองค์ไหน ก็ตกกลางคืนตอนเช้านี้ก่อนนอนก็สวดมนต์ก็บอกว่า ขอให้เจอพระองค์ที่ถูกจริตกัน ขอให้มาโปรดหน่อย

พอตกกลางคืนเช้ามืดเห็นพระสงฆ์มาองค์ ยังหนุ่มๆผิวกายผ่องใสมาก นี่มันรูป...ใจมันบอกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่ ว่าไปนั่น แกบอกอย่างนั้น โอ้โฮ ใช่ อาจารย์เราแน่แล้ว อย่างนี้ที่มาสงเคราะห์ ขนาดตื่นมาร้องไห้เสียใจซะไม่มี ร้องไห้อยู่ บอก ผมไม่อายคนเลย ร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะว่าเสียใจว่าหลวงพ่อมรณภาพซะแล้ว

หลวงพ่อมรณภาพแกก็เสียใจก็หาเทปมาฟัง ฟังก็ชื่นใจสุขใจ ทีนี้ใจเป็นสุขมาก ก็มาฝึกมโนมยิทธิกัน พอฝึกมโนมยิทธิก็มีความรู้

มีคราวหนึ่งแกจะไปเชียงใหม่ จะไปเชียงใหม่นี่ พอเช้ามืดพอจะไปเชียงใหม่ เอ๊ะใจมันบอกว่าเห็นภาพ เห็นภาพมาบอกว่าวันนี้คนที่นัดจะไปมันไม่ไปหรอก พอเห็นภาพว่าคนที่นัดว่าจะไปไม่ไป เอ๊ะ บอกว่าคนที่จะไปพรุ่งนี้หรือจะไปวันนี้มันไม่ไปหรอก แล้วสักประเดี๋ยวหมาวิ่งมากัดแกที่ในฝันในนิมิตนั่น

นั่งตอนเช้ามืดนั่นแหละหมามากัด แกก็นึก เอ เป็นยังไง ก็ลองสอบดู พวกหมอไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆต้องสอบสวน ตอนเช้าเขาก็โทรศัพท์ไปถามบอกคนนี้ไปไม่ได้ติดธุระ พรุ่งนี้จะไปได้ โอ้โฮ มันตรงแล้วหนึ่ง ตรงแล้ว พอตรงบอกพรุ่งนี้เมียเขาจะไปด้วยเป็น 2 คน พอจะไปเพิ่มอีกคนเป็น 2 คน แกก็ เอ มันตรงสองอย่างแล้วนี่

เอ มันมีหมากัดอีกนี่ก็ไปที่เชียงใหม่ ไปที่วัดที่รู้จักกันพอขึ้นกระไดหมากัด แกบอกโอ้โฮ อารมณ์อย่างนี้มันแม่นจริงๆเลยอะไรอย่างนี้ แกก็เกิดความเลื่อมใสมาก

แกเสียใจอยู่อย่าง อีตอนพบหลวงพ่อยังไม่มีศรัทธา ยังค้านท่านด้วยซ้ำ แกก็เล่าที่แกค้านหลวงพ่อเรื่องอะไรให้เราฟัง

นี่เป็นตัวอย่างว่าบุญบางทียังไม่ถึง กุศลกรรมยังไม่ถึงมันก็ยังปิดอยู่เหมือนกัน

ยกทรง : ทำให้เป๋ไปเป๋มาได้

ท่านเจ้าคุณฯ : ทำให้เป๋ไปเป๋มา ยังไม่ถึงเวลา ก็ยังเสียใจ บอก แหม หลวงพ่อ ผมมีศรัทธาครับ คนรุ่นผมมีศรัทธาครับท่าน ท่านคงยังไม่ตายแน่ แกเป็นคนผ่าตัดเก่ง ผ่าตัดสมอง ผ่าตัดนี่เป็นหมอระดับหนึ่งของประเทศเหมือนกัน เป็นผู้อำนวยการ ลูกสาวลูกเขยเขามาทำบุญที่นี่ประจำ มันค้านซะด้วยนะช่วงนั้นน่ะ ลูกจะไปไหนมันจะหลงงมงายกับพระหรือเปล่าเลยมาดู

ยกทรง : แหม มือไม่พายยังราน้ำนะ

ท่านเจ้าคุณฯ : ตอนนี้พายเองเลย


(จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 481 เดือนเมษายน 2564 หน้า
16-17)

 

ที่บ้านสายลม ยังมีให้บุชาไหมครับ