เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    98350657_1514482815395832_823311150077706240_o.png

    ข้อกำหนดสำหรับผู้มาตึกจำหน่ายวัตถุมงคล บ้านสายลม (เริ่มเปิดทำการ ๑ มิ.ย. ๒๕๖๓ เวลา ๙.๐๐ - ๑๖.๓๐
    ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

    ๑. ต้องผ่านการตรวจวัดอุณภูมิทุกครั้งก่อนเข้าตึกฯ

    ๒. ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

    ๓. ล้างมือด้วยเจลทุกครั้งก่อนเข้าและก่อนออกจากตึกฯ

    ๔. เว้นระยะห่าง ๑.๕ - ๒ เมตร ทั้งก่อนเข้าและขณะอยูใน่บริเวณตึกฯ โดยยืนตามจุดเครื่องหมายเว้นระยะห่างตามที่กำหนดไว้

    ๕. เข้า-ออก ทางเดียว ตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด

    ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ



    https://www.facebook.com/PathToNirvana/
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    พระปัจเจก....jpg

    อาการและอานิสงส์ของสมาธิ (ในการภาวนาพระคาถาพระปัจเจกโพธิ์, พระคาถาเงินล้าน)


    คำว่า สมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่น คือมีอารมณ์ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ท่านจัดไว้เป็น 3 อย่าง คือ

    1. ขณิกสมาธิ
    2. อุปจารสมาธิ
    3. อัปปนาสมาธิ

    ขณิกสมาธิ ได้แก่สมาธิเล็กน้อย คือเมื่อขณะที่กำลังภาวนาคาถาอยู่นั้น อารมณ์สนใจเฉพาะแต่ในคาถาภาวนา ไม่มีอารมณ์โลภหรือรักในเพศ ไม่มีอารมณ์โกรธคั่งแค้น
    ไม่มีความคิดอย่างอื่นนอกจากบทภาวนา ไม่ง่วงเหงาหาวนอน ไม่เกิดความลังเลสงสัยในผลปฏิบัติ มีจิตสงัดจากอารมณ์ภายนอกตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็ทรงอารมณ์
    นั้นอยู่ในฌานไม่นาน ทรงได้สักประเดี๋ยวเดียว อารมณ์ตามที่กล่าวมาแล้วก็เข้ามารบกวน เมื่อรู้ตัวก็ตั้งต้นใหม่อย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกสมาธิ เป็นสมาธิเล็กๆน้อยๆไม่มาก ทรงอยู่ได้ไม่นาน

    อานิสงส์ในปัจจุบัน ทำให้เป็นคนพอมีความยับยั้งความรู้สึกที่เป็นโทษ พออดใจไว้ได้บ้างในบางขณะ

    ส่วนในพระคาถาให้ผล พอมีทางได้แก้จนเมื่อถึงคราวจำเป็น

    ในสัมปรายภพ ท่านว่าสมาธิขนาดนี้ให้เพียงเกิดในชั้นกามาวจรสองชั้น คือชั้นจาตุมหาราช กับชั้นดาวดึงส์ ชั้นใดชั้นหนึ่ง

    อุปจารสมาธิ เป็นสมาธิที่ใกล้จะเข้าระดับฌาน มีอารมณ์ตั้งมั่นอยู่ได้นานเกินกว่าสมาธิก่อน มีลมหายใจค่อยละเอียดลง คือมีอาการหายใจเบามาก มีความชุ่มชื่นในใจอย่างที่จะกล่าวได้ยาก มีความอิ่มเอิบชุ่มชื่นเบิกบาน มีอารมณ์สมาธิตั้งอยู่ได้นานพอสมควร มีการเห็นภาพแปลกๆ มีแสงสว่างปรากฏ มีอารมณ์เยือกเย็น

    ข้อที่ควรสนใจที่ถึงระดับนี้ก็คือ อย่ามัวหลงใหลในภาพที่เห็น เมื่อเห็นแล้วปล่อยเลยไป ตั้งใจรักษาอารมณ์สมาธิไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะรักษาได้ หากไปหลงภาพและแสงสีแล้ว ต่อไปอารมณ์จะซ่าน สมาธิจะเสื่อม จะไม่ถึงดี

    สมาธิระดับนี้มีอานิสงส์ในปัจจุบันคือ มีจิตอิ่มเอิบเบิกบาน หน้าตาชุ่มชื่นตลอดวัน มีความอดกลั้นต่ออารมณ์ที่เข้ามายั่วเย้าได้ดีมาก มีเมตตาปรานีเกิดขึ้นแก่ใจอย่างคาดไม่ถึง รักศีลมากกว่าการห่วงใยอารมณ์ภายนอก

    เกิดลาภสักการะขนาดใหญ่เสมอๆ ผลงานจะเกิดแก่ผู้ปฏิบัติอย่างคาดไม่ถึงมาก่อน

    เมื่อละอัตภาพแล้ว ท่านว่าอานิสงส์สมาธินี้ส่งผลให้เกิดชั้นยามา

    อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิแนบแน่นเป็นอารมณ์ฌาน คือเมื่อขณะบริกรรม คือภาวนาอยู่นั้น มีอารมณ์ 5 ของฌานครบถ้วน คือ

    1. นึกถึงบทภาวนา คือคาถาอยู่เสมอมิได้ขาด
    2. ใคร่ครวญตรวจสอบว่าคาถาที่ว่านี้ขาดตกบกพร่องหรือไม่ ลมหายใจเข้าออกนั้นก็กำหนดรู้ว่าหายใจเข้าหรือออก สั้นหรือยาว เมื่อหายใจเข้าออกนั้น
    3. มีความอิ่มเอิบปราโมทย์ ไม่อิ่มไม่เบื่อในการเจริญภาวนา
    4. มีความสุขใจสุขกายอย่างประณีต ซึ่งไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต
    5. รักษาอารมณ์ไว้ได้มีเวลานานๆ และสามารถตัดกังวลรำคาญจากเสียงภายนอกเสียได้ คือแม้จะมีเสียงรบกวนเพียงใดก็ไม่มีความสนใจต่อเสียง ไม่รำคาญในเสียงรบกวนนั้น

    อย่างนี้ท่านเรียก ปฐมสมาบัติ คือได้ ปฐมฌาน นั่นเอง

    อารมณ์ฌานขนาดนี้(ปฐมฌาน หรือ ฌาน 1)ย่อมมีอานิสงส์ในปัจจุบัน คือ มีผลเกิดจากเจริญภาวนาเป็นลาภใหญ่ และเยือกเย็นไม่มีโทษ ไม่มีความเดือดร้อน

    ท่านนายห้างประยงค์ตอนที่ท่านเริ่มรวยนั้น ท่านว่าท่านถึงตรงนี้(ปฐมฌาน)ท่านก็เริ่มรวย

    นอกจากรวยแล้วยังเป็นบุคคลที่สังคมคนดีปรารถนา เพราะเป็นฝ่ายประชาสงเคราะห์อยู่เสมอ ความสุขสดชื่นเกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เป็นที่เคารพบูชาของคนทุกชั้น

    ในปุเรชาติคือชาติต่อไป ท่านว่าฌานต้นนี้บันดาลให้ไปเกิดในพรหม 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 1, 2, 3 ตามระดับฌานที่ได้หยาบละเอียดกว่ากัน

    ญานที่ 2 อันนี้ถ้าเรียกเป็นสมาธิ ท่านเรียกอัปปนาสมาธิเหมือนกัน แต่มีความละเอียดสุขุมกว่าระดับต้น คือพอถึงฌานที่ 2 ท่านว่ามีความละเอียดของอารมณ์มากกว่าระดับก่อน จนมีอาการหยุดภาวนาไปเอง ไม่นึกไม่คิดอารมณ์ที่ภาวนาหรือลมหายใจอีก มีอาการเฉยต่ออารมณ์ที่เคยคิดนึกนั้น มีแต่ความปีติปราโมทย์อิ่มเอิบเข้าแทนที่ มีความสุขสงัดเกิดแต่วิเวก เป็นความสุขทางกายและใจที่หาอะไรเปรียบเทียบไม่ได้เลย มีอารมณ์แนบแน่นกว่าฌานที่หนึ่งมาก

    อานิสงส์ในฌานนี้ เรื่องลาภเกิดแทบนับไม่ได้ คือไม่ต้องคิดว่าจะหา ลาภชอบมาหาเอง คืออยู่เฉยๆก็มีคนแนะนำบอกให้เป็นลาภใหญ่เสมอ

    มีขันติธรรมประเสริฐมาก มีอารมณ์ชุ่มชื่น หน้าตาเบิกบานตลอดวันคืน มีเมตตาปรานี เป็นที่รักของชนทุกชั้นและสมณชีพราหมณ์ทั่วไป ตายไปแล้วท่านว่าคนที่ได้ฌานชั้นนี้ไปเกิดพรหม 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 4, 5, 6 ตามความหยาบละเอียดของฌาน

    ฌานที่ 3 มีอาการแตกต่างจากฌานที่ 2 คือ ตัดความปีติปราโมทย์เสียได้หมด คงมีแต่ความสุขประณีตละเอียดอ่อน มีความเยือกเย็นเป็นสุข มีอารมณ์ตั้งมั่นมาก เพราะอารมณ์ไม่ซ่านออกทางกายอย่างฌานที่ 2 มีแต่ความสุขประณีต และอารมณ์เป็นหนึ่งแนบแน่นไม่เคลื่อนที่ มีสภาพคล้ายกับเสาเขาปักไว้อย่างมั่นคงนั่นเอง

    อานิสงส์ปัจุบัน เรื่องลาภไม่ต้องพูดกัน ดูท่านนายห้างประยงค์ก็แล้วกัน เมื่อก่อนเจริญคาถานี้ ท่านบอกว่าเดือนใดท่านมีกำไรถึง 200 บาท ท่านว่าสองคนผัวเมียท่านดีใจจนนอนไม่หลับ พอถึงตรงนี้วันนั้นหลวงพ่อปานเรียกไป ให้รับออกเงินสร้างเขื่อนหน้าวัด ท่านว่าเท่าไรผมรับหมดครับ ผมไม่ท้อถอยแล้ว สุดแต่หลวงพ่อจะบัญชามา กี่หมื่นกี่แสนผมไม่อั้น

    ท่านว่าท่านยิ่งทำท่านยิ่งมีมาก และมีอารมณ์ผ่องใสเกือบเย็น หมดกังวลต่อเรื่องได้เรื่องเสีย ไม่สนใจรสอาหารปฏิบัติการกินแบบจระเข้ คือถือกินอิ่มเป็นประมาณ เป็นพระที่น่าบูชาของคนทั่วไป ถึงแม้จะเป็นชาวบ้านก็มีอาการคล้ายพระ

    เมื่อละอัตภาพแล้ว ท่านว่าฌานชั้นนี้ส่งผลให้ไปเกิดเป็นพรหม 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 7, 8, 9 ตามความหยาบและละเอียดของอารมณ์ฌาน

    ฌานที่ 4 ฌานนี้เป็นอันดับสำคัญที่สุดของรูปฌานคือเป็นฌานที่สร้างฤทธิ์ทางกายและทางใจให้เกิดแก่ผู้ที่ได้ฌาน

    ฌานชั้นนี้ตัดความสุขประณีตเสียได้ มีอารมณ์เป็นหนึ่งและความวางเฉย แยกกายกับจิตออกจากกันอย่างเด็ดขาด คือไม่รับรู้เวทนาทางกายเลย เรื่องปวดเมื่อยไม่ยอมรับรู้

    อาการที่ถึงฌานนี้ที่จะกำหนดรู้ง่ายก็คือลมหายใจไม่มี เมื่อปรากฎว่าลมหายใจไม่ปรากฎและมีอารมณ์เฉยต่อเวทนาใดๆแล้ว จงรู้เถิดว่าตอนนี้ท่านชักจะเป็นคนเต็มโลก คือครบโลกียฌานแล้ว เรื่องนรก สวรรค์ หรือถ้าอยากรู้ไปเสียเดี๋ยวเดียวด้วยอำนาจมโนมยิทธิ และนอกจากนั้นยังมีญาณเป็นเครื่องรู้ เช่น ทิพจักขุญาณ รู้อดีตอนาคต รู้นรกสวรรค์ รู้การเกิดของสัตว์ รู้ผลกรรมของสัตว์ รู้สุขทุกข์ในใจของสัตว์ ระลึกชาติได้ด้วยอำนาจของฌานที่ 4

    หากประสงค์มรรคผลนิพพานก็เอาฌานและญาณเป็นพี่เลี้ยงช่วยวิจัยตามสายของวิปัสสนา ก็จะมีญาณเป็นเครื่องรู้แจ้งเห็นจริงได้ชัดเจนแจ่มใส จัดเป็นอานิสงส์ใน
    ปัจจุบันที่แสวงหาได้ยากอย่างยิ่ง

    เรื่องลาภนั้นไม่ต้องคำนึงเพราะจะท่วมล้นความต้องการ

    เมื่อละสังขารท่านว่าด้วยอำนาจฌานที่ 4 จะบันดาลให้ไปเกิดในพรหมชั้นที่ 10 และ 11 เป็นยอดของฌานโลกีย์ฝ่ายรูปฌาน

    เป็นอันว่าการปฏิบัติคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าอันเป็นวิสัยที่จะช่วยชาวบ้านให้มั่งคั่งสมบูรณ์ในโภคทรัพย์นี้ หากท่านนักปฏิบัติมีความปรารถนาเพื่อความดีสูงสุดแล้ว
    และปฏิบัติตามแนวสมถภาวนา ก็จะมีผลตามที่กล่าวมาแล้วนั้น

    ขอยุติคำอธิบายในการปฏิบัติพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้เพียงเท่านี้

    (คัดลอกบางส่วนจาก "หนังสือคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าโปรดสัตว์ พระคาถา...แก้จน คาถาเงินล้าน")

    พระปัจเจกโพธิ์.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2022
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    0001 (62).jpg

    เป็นหนี้รอบตัว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ขณะนี้ไม่ทราบว่า พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกกับลูกเป็นประการใด เพราะว่าเป็นหนี้เขารอบตัวรอบเอวไปหมด เพราะว่ามีความจำเป็นหลายอย่างหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือว่า คนใกล้เคียงที่มีอุปการคุณนี่ก็ตายไปหลายคนแล้ว ยังไม่ได้ใช้หนี้เขาเลย

    ที่จะกราบเรียนถามหลวงพ่อก็คือว่า หลวงพ่อมีอะไรที่ดีๆพิเศษที่จะช่วยให้ลูกมีโชคมีลาภ เพื่อจะได้เอาเงินไปใช้หนี้เขา พอจะมีทางสงเคราะห์ได้บ้างหรือเปล่าเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : เออ...ก็ไม่มีอะไรลูกเอ๋ย นอกจากคาถาเงินล้าน ก็มีเท่านั้นแหละ และก็ทำให้เป็นสมาธิเสียซิ ทำแบบใจสบายๆนะ

    เวลาทำอย่าหวังลาภ หวังจิตเป็นสมาธิเฉยๆ ด้วยความเคารพพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่ช้าก็ลาภเกิด ถ้าหวังว่าจะทำให้รวย อันนี้ถอยหลัง

    (อีกคนหนึ่งจนแล้วก็ถูกหวยจนรวย แต่รวยแล้วก็จนอีก ก็มาหาหลางพ่อ ดูซิหลวงพ่อจะแนะนำว่าอย่างไร)

    จนแล้วถูกหวย รวย จนอีก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อฤๅษีที่เคารพอย่างสูง วันนี้ช้างหญิงมาสารภาพบาปเพื่อความสบายใจสักครั้ง กล่าวคือ ลูกมีเหรียญ ร.5 อยู่หนึ่งอัน เอามาจากบรรพบุรุษ เวลาลูกขออธิษฐานเอาไปขูดต้นไทรศรีราชาต้นโพธิ์ครั้งใด ปรากฎว่าถูกหวยทุกครั้งทุกครั้ง จนกระทั่งมีรถหลายคัน คือว่าราคานับล้าน ทองหยองเต็มบ้านไปหมด....

    หลวงพ่อ : โฮ้โฮ ตายแล้วๆ ไม่มีที่นอนไม่มีที่นั่ง โอ้ย ลำบากจริงๆนะ เอ้าว่าต่อ

    ผู้ถาม : ทองหยองเต็มบ้านสุขสำราญ จนกระทั่งในระยะนั้นไม่อยากทำบุญเลยเพราะเพลินกับถูกหวยเจ้าคะ

    ผลสุดท้ายปรากฎว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาสูญสลายหมด สมบัติเก่าที่เป็นมรดกหมด
    บ้านราคาร่วมล้านหมด ทุกอย่างก็หมดเลย อารมณ์ของลูกก็เลวร้าย วันหนึ่งลูกใช้ปืน
    ยิงสามีของลูก โป้งเดียวเท่านั้นเอง โชคดีไม่ตาย ไปเข้าโรงพยาบาลหมดไปเกือบ
    ครึ่งลัาน

    ในที่สุดปัจจุบันนี้ลูกหมดทุกสิ่งทุกอย่างจนต้องกลายเป็นแม่ค้าขายปลาสลิดที่สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อกลางวันนี้ลูกได้ถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ โดยขอตั้งสัจจปฏิญาณว่า ต่อนี้ไปจะสร้างแต่ความดี ขอให้เสด็จพ่อฤาษี กับ ร. 5 เป็นกำลังใจให้ช้างหญิงที่ต้นคดปลายตรงสักครั้งหนึ่งเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ: สาธุ ขอให้สมความปรารถนานะ ไม่เป็นไรตีตั๋วกลับใหม่ใช้ได้ ไม่ช้าก็ฟื้นตัว


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 108 กุมภาพันธ์ 2533 หน้า 18-19)



     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    160514.jpg

    พระบรมธาตุเสด็จงอกจากองค์พระคำข้าวของญาติธรรมอาวุโสท่านหนึ่ง

    ท่านบอกว่า....จะงอกออกมาทุกปีแล้วหลุดเป็นองค์เล็กๆ
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    ปรับ 5.jpg

    เรื่องพระพุทธชินราช



    "ทีนี้เกี่ยวกับพระพุทธชินราชนี่ พุทธลักษณะสวยสดงดงามนี่หมายถึงว่า พระพุทธชินราชนี่เป็นลักษณะคล้ายๆองค์ปฐมหรือพระพุทธกัสสป ครับ ?"

    ความจริงเรือนแก้วนี่เขาสมมุติขึ้นมาน่ะ แทนรัศมี ต้องไปถามพระเจ้าพรหมฯ

    "พระเจ้าพรหมมหาราชหรือครับ ?"

    ใช่ ความจริงพระพุทธชินราชที่พิษณุโลกนี่พระเจ้าพรหมมหาราชสร้าง พระเจ้าลือไทมาซ่อมทีหลัง

    "สมัยโน้นหรือครับ ?"

    ใช่ๆๆ คือว่าเวลานั้นท่านชื่อ พระเจ้าศรีธรรมปิฎก เราเรียกพระเจ้าพรหมฯ นั่นเป็นชื่อเดิม ชื่อที่เป็นพระราชาชื่อพระเจ้าศรีธรรมปิฎกสร้าง และต่อมาสมัยสุโขทัยนี่
    ซ่อมไม่ใช่สร้างนะ แต่เวลานั้นประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนไว้นี่ มันรุ่นก่อนประวัติศาสตร์

    ที่พิษณุโลกชุดที่เขาเอาพระบรมธาตุมาให้น่ะ ของเก่าเยอะ พระเก่าๆเยอะ เขาลือกันว่าเจดีย์อันนั้นที่พังไปแล้วพระเจ้าพรหมฯเอาของไปฝังไว้ที่นั่น พระบรมธาตุเขาลือกันนะ มิใช่เขาลือ เขารู้ข่าวลือ ฟังต่อๆมา และแกก็จะไปขุด พอเริ่มจะขุดเจ้าเสียงครึ่กครั่กๆ ตูมตามๆๆ เสียงในแผ่นดินนะ พอเขาจุดธูปบอกว่าจะขุดไปถวายหลวงพ่อ เสียงทั้งหมดเงียบและขุดได้ ได้พระเก่ามาตั้งเยอะ

    "พระที่ขุด ได้หมายถึงพระพุทธรูปหรือว่า...."

    พระพุทธรูป พระพุทธรูปด้วยและก็พระบรมธาตุด้วย

    "ทีนี้ถ้าจะคิดถึงอายุองค์พระพุทธชินราช ที่ว่าสร้างสมัยพระเจ้าพรหมฯ ก็เท่าไหร่ล่ะนี่"

    ก็ไม่กี่ปี

    "พระเจ้าพรหมฯ ก่อนประวัติศาสตร์นี่นะครับ"

    นั่นแหละไม่กี่ปี ไม่เกิน 1,200 ปี

    "ทีนี้มีปัญหาอยู่ว่าพุทธลักษณะเหมือนองค์ที่หล่อองค์ไหนก็แล้วแต่ พุทธลักษณะสู้องค์นี้ไม่ได้เลย พระพักตร์สวยมาก สาเหตุนี่มาจากอะไรครับ ?"

    พระพักความจริงเรามองไม่เห็นหรอกนะ เห็นแต่พระหน้า พระพักนี่อยู่ที่ก้น (หัวเราะ) เวลาเขาพักน่ะก้นนั่งพัก

    เขาบอกว่าเทวดาร่วมสร้าง เทเท่าไหร่ๆ สร้างก็ไม่มีการทรงตัวไม่เป็นที่พอใจหุ่น เรียกว่าไม่เป็นที่พอใจของผู้สั่งให้สร้าง ผลที่สุดก็พระอินทร์ใช้ วิษณุกรรมเทพบุตร ให้ลงมานุ่งขาวห่มขาว เป็นคนเดินมาไม่มีข้าวจะกิน ก็ถามว่า ที่นี่มีข้าวไหม เขาบอก มี ถาม ทำอะไรกัน กำลังจะสร้างพระสักองค์หนึ่ง รูปร่างลักษณะแบบนั้นๆ ราชาสั่ง

    บอกไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นช่างปั้นครับ เป็นช่างปั้นด้วยช่างหล่อเสร็จ ทีนี้ถึงเวลากินข้าว เขาก็เลยเอาข้าวมาเลี้ยงก่อน ก่อนเวลา กลุ่มเดิมกินนี่นะ ก็กินข้าวก่อน ทีนี้ถึงเวลาพวกช่างกินข้าว ปรากฎกลับมาแล้วอีตาคนนั้นหายไป พระเสร็จเรียบร้อย

    "แค่กินข้าว หรือครับ ?"

    ใช่ แค่อิ่ม เห็นไหมอำนาจเทวดา แค่นึกเท่านั้นก็เสร็จเล้ว

    "แสดงว่าท้าววิษณุกรรมนี่มีฤทธิ์มีเดช เก่งเฉพาะเรื่องหล่อเรื่องสร้างหรือเก่งทุกอย่างครับ ?"

    หลายอย่าง เมื่อสมัยเป็นมนุษย์นะมีลูกก็เยอะ

    "เดี๋ยวครับตอนสมัยเป็นมนุษย์พอจะมีชื่อเสียงเรียงนาม"

    จำไม่ได้ เป็นมนุษย์หลายชาติ

    "แต่ละชาติเป็นช่างหรือเปล่าครับ ?"

    วิษณุกรรมก็ช่างสร้างศาลาใช่ไหมเล่า นัฏฐกีคือนายช่างผู้สร้างศาลาของมาฆมาณพ

    "สมัยโน้นที่ว่ามี พระพุทธชินสีห์ และก็ พระศากยมุนี รุ่นเดียวกันหรือเปล่าครับ ?"

    ทีหลัง พระพุทธชินสีห์ พระศากยมุนี นี่สมัยสุโขทัย เอาไปซ่อมพระพุทธชินราชแล้ว ไปซ่อมแล้วก็สร้างให้เป็นเพื่อนกัน แทนองค์นั้นแทนองค์นี้

    "ที่หล่อนี่หมายถึงอยู่ทางเหนือหรือหล่อที่พิษณุโลกครับ ?"

    ที่พิษณุโลก สมัยพระเจ้าพรหมฯ นั่นครองแผ่นดินถึงลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานี่นะ

    "เลิกจากรบทัพจับศึกแล้วก็สร้างวัดจำนวนไม่ใช่น้อย"

    วัดเดียว

    "ก็ไหนบอกใจบุญใจกุศลอย่างไรล่ะครับ ?"

    อ้าว ก็สร้างทีละวัดๆ ไม่ใช่จับมาเรียงได้นี่ ไปที่ไหนก็สร้างวัดเป็นเรื่องธรรมดา ชาวบ้านกับวัดแยกกันไม่ได้ พระราชากับวัดก็แยกกันไม่ได้เหมือนกัน เพราะอะไรรู้ไหม ถ้าประกาศอะไรขึ้นมาก็อาศัยวัด

    วัดเวลานั้นก็คือมหาวิทยาลัย สอนหนังสือ สอนวิชาการต่างๆ มันมีความจำเป็น

    "โรงเรียนเพิ่งจะมีสมัย ร. 5"

    ใช่ๆๆ บรรดาพวกขุนนางต่างๆ เมื่อออกมาแล้วก็บวชพระ เป็นคณาจารย์ไปเอง

    "พูดถึงว่าสมัยข้าราชการในยุคนั้นมีใจเป็นบุญเป็นกุศล"

    ใช่ๆๆ มากกว่า แต่ทิ้งไม่ได้มีอย่างหนึ่งคือ คอรัปชั่น

    "นี่ถือเป็นประเพณีเลยนะครับ"

    ใช่ ไม่งั้นโลกตั้งอยู่ไม่ได้ ความเลวเหมือนผ้าดำ ความดีเหมือนผ้าขาว ถ้ามีเฉพาะผ้าขาวผืนเดียวสีขาวไม่เห็น ถ้าดำแปะไปด้วยสีขาวจะเด่น เห็นไหม โลกจะต้องมีทั้งความดีและความชั่ว

    "ดีทั้งหมด ก็ไม่ใช่โลก"

    ไม่ใช่โลก เป็น โลกุตระ คือพ้นโลกไป

    "นี่ก็แสดงว่าอารมณ์ของผู้สร้างพระพุทธชินราชสมัยพระเจ้าพรหมฯ และก็อารมณ์สมัยกรุงเทพฯ วัดเบญจมบพิตร และอารมณ์ไปถึงวัดท่าซุงนี่เป็นอารมณ์เดียวกันหรือเปล่าครับ ?"

    ก็อารมณ์เดียวกันแต่คนละคน พระพุทธชินราชโน้นอารมณ์พระเจ้าพรหมฯ วัดเบญจ ร. 5 วัดท่าซุงคือฉันแน่

    "นี่ไม่เหมือนกันนะครับ"

    ชื่อก็ไม่เหมือนกัน ตัวก็ไม่เหมือนกัน

    "แต่พุทธลักษณะของพระพุทธรูป"

    นั่นเรื่องพระพุทธรูปท่าน

    "3 องค์นี่ท้าววิษณุกรรมก็คงวิ่งวุ่นมาโดยตลอด"

    คงจะมีหุ้นมั้ง เพราะเรื่องบุญ เทวดาย่อมสั่งสมบุญให้มากขึ้นเป็นของธรรมดา เทวดามี 2 อย่าง เทวดาที่เป็นบัณฑิตกับเทวดาที่เป็นพาล

    ที่เป็นบัณฑิตหมายถึงความฉลาด สั่งสมบุญบารมีให้มากขึ้น ที่เป็นพาล พาลแปลว่า โง่ มัวเมาในทิพยสมบัติ ถ้าตายแล้วบาปเก่าก็ดึงพุ่งหลาวลงนรกไป

    "ที่เป็นบัณฑิตก็ไปตีตั๋วต่อ"

    ใช่ๆๆ ไปนิพพานกันเยอะแยะ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 133 เดือนมีนาคม 2535 หน้า 17-19)

    https://www.facebook.com/tamroi.phrabuddhabat/posts/3026918520710095:0

    DSC04593.jpg
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    ลูกแก้วจักรพรรดิ์.jpg

    ลูกแก้วจักรพรรดิ์หลวงพ่อนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก


    ยกทรงถามว่า แล้วเมื่อหลวงพ่อได้ลูกแก้วจักรพรรดิ์จากหลวงปู่ชุ่มมา หลวงพ่อสั่งลุยงานก่อสร้างแล้ว ตอนปลุกเสกเอาลูกแก้วนี้มาเข้าพิธีด้วยใช่ไหมครับ

    เวลาทำพิธีจะเปิดไฟมากในโบสถ์ ท่านจะเอาลูกแก้วองค์แม่ใส่มือไว้ ท่านภาวนาอย่าง
    ไรบ้างก็ไม่รู้นะ แล้วเอาน้ำอบไทยราดบนลูกแก้ว ราดไปบนวัตถุมงคลไปเรื่อยๆ แบบ
    ให้เป็นตัวสื่อ

    มีอยู่วันหนึ่ง ท่านจะสร้างวัดเสร็จแล้ว ประมาณปี 2526-27 นี่แหละ จำพ.ศ.ไม่ได้ ก็ไปเลี้ยงหมากันกับหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่า เออ นันต์ ถ้าข้าตายนี่ลูกแก้วจะให้ใครหว่า ถ้าข้าตายนี่ลูกแก้วจะให้ใครดี เราก็อยู่กับท่าน 2 องค์ ถ้านึกอยากได้ท่านจะจวกเอา ก็ท่อง พุทโธ พุทโธ มึงอย่าอยากได้นะ

    แล้วท่านก็บอกว่านันต์ วัดท่าซุงข้าสร้าง ข้าทำพิธีหมดแล้วนะ ทำพิธีทั้งวัดเลย ไม่จำเป็นจะต้องเก็บลูกแก้วนี้ไว้หรอก ต่อไปพระอินทร์จะเอากลับไป

    ทีแรก (หลังจากหลวงพ่อมรณภาพเล้ว) ก็นึกจะเอาไปเก็บที่พระศพท่านเหมือนกัน กลัว
    ว่าหายไป จะหาคนรับผิดชอบไม่ได้


    คำภาวนาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว

    ท่านก็ให้ภาวนาตามที่สั่งมานะ แต่มันมีผลหลายอย่างนี่ คนนี่อยากรวยทุกคน บอกภาวนอย่างนี้นะจะรวยนะ จะมีความเป็นอยู่คล่องตัวนะ ให้มองลูกแก้วไว้นะ อยู่ในอกนะ อยู่ตรงไหนก็ได้ให้เห็นไว้

    ที่ได้ผลคือใจดี ใจสมาธิ 2. มีทิพจักขุญาณก็ได้ 3. เป็นบุญ 4. ระงับนิวรณ์ 5. ปัญญาเกิด ให้แก้วตัวเดียว ว่ารวยตัวเดียว ครบเลย ครบสูตร

    เมื่อมองแก้วแล้วจิตก็เป็นสมาธิ สมาธิก็เป็นพื้นฐานของทิพจักขุญาณ เมื่อเป็นทิพจักขุญาณแล้ว มีสมาธิแล้ว ปัญญาก็เกิด เห็นว่าร่างกายไม่เที่ยง ร่างกายนี้จะต้องตาย
    แน่ ปัญญาเกิด ทุกอย่างก็จะรวมหมด หลวงพ่อให้ชิ้นเดียวได้หมดเกือบทุกอย่าง ท่าน
    ให้ครบ

    ยกทรงถามว่า คาถาที่ให้เปิดเผยได้หรือเปล่า

    ฉันไม่ได้ท่องเลย กลัวจะรวยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่ใช่กลัวรวยหรอก ขี้เกียจมากกว่า คาถาลูกแก้วนี่คาถายังไง ถามดร.ปริญญา

    ดร. ปริญญา ตอบว่า คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

    คาถาพระปัจเจกฯ จะใช้มีผลได้จริงๆนี่ จิตต้องเป็นฌาน ถ้าเป็นฌานปุ๊บจิตมันจะ
    ท่องเองโดยอัตโนมัติของใจ รับรองได้เลย ลองถามคนมาหลายคนเลย ที่เขาเล่าให้ฟัง ที่ประสบความสำเร็จนะ

    ยกทรงถามว่า ท่องจนขึ้นใจหมายความว่าอย่างไรครับ

    ขึ้นใจ หมายความว่า ไม่ต้องตั้งท่าภาวนา มันจะขึ้นมาเอง ว่างแล้ว จิตมันจะภาวนาเอง อย่างนี้ทำอะไรขึ้น

    ฉันรู้จักผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง คนบ้านนอก ทำไร่ ทำแปลง ทำสัก 2 ไร่ ขายไม่รู้จักพอจริงๆ ถามว่าไปยังไง เขาบอกมันขึ้นมาเองเลย ไม่ต้องไปตั้งท่าเลย มันภาวนาเองตลอดไป เดินไปไหนมันก็ภาวนา ทำ 2 ไร่ ได้เงินตั้ง 60,000 บาท

    บอก เออ ผลจะขึ้นนะ มันจะขึ้นที่ใจผุดขึ้นมาเอง ภาวนาตลอดไป เรียกว่าเป็นฌาน แต่เราไม่ทันถึงฌาน ไม่เอาเสียแล้ว 9 จบนี่นานไป เอา 3 จบ คอยจะลดลงมาเรื่อย


    (จากธัมมวิโมกข์ เดือนมิถุนายน 2561 หน้า 25-26)


    5201340.jpg 5201341.jpg
    b.jpg
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    DSC_0052_1.jpg

    เป็นหนี้รอบตัว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ขณะนี้ไม่ทราบว่า พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกกับลูกเป็นประการใด เพราะว่าเป็นหนี้เขารอบตัวรอบเอวไปหมด เพราะว่ามีความจำเป็นหลายอย่างหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือว่า คนใกล้เคียงที่มีอุปการคุณนี่ก็ตายไปหลายคนแล้ว ยังไม่ได้ใช้หนี้เขาเลย

    ที่จะกราบเรียนถามหลวงพ่อก็คือว่า หลวงพ่อมีอะไรที่ดีๆพิเศษที่จะช่วยให้ลูกมีโชคมีลาภ เพื่อจะได้เอาเงินไปใช้หนี้เขา พอจะมีทางสงเคราะห์ได้บ้างหรือเปล่าเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : เออ...ก็ไม่มีอะไรลูกเอ๋ย นอกจากคาถาเงินล้าน ก็มีเท่านั้นแหละ และก็ทำให้เป็นสมาธิเสียซิ ทำแบบใจสบายๆนะ

    เวลาทำอย่าหวังลาภ หวังจิตเป็นสมาธิเฉยๆ ด้วยความเคารพพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่ช้าก็ลาภเกิด ถ้าหวังว่าจะทำให้รวย อันนี้ถอยหลัง

    (อีกคนหนึ่งจนแล้วก็ถูกหวยจนรวย แต่รวยแล้วก็จนอีก ก็มาหาหลางพ่อ ดูซิหลวงพ่อจะแนะนำว่าอย่างไร)

    จนแล้วถูกหวย รวย จนอีก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อฤๅษีที่เคารพอย่างสูง วันนี้ช้างหญิงมาสารภาพบาปเพื่อความสบายใจสักครั้ง กล่าวคือ ลูกมีเหรียญ ร.5 อยู่หนึ่งอัน เอามาจากบรรพบุรุษ เวลาลูกขออธิษฐานเอาไปขูดต้นไทรศรีราชาต้นโพธิ์ครั้งใด ปรากฎว่าถูกหวยทุกครั้งทุกครั้ง จนกระทั่งมีรถหลายคัน คือว่าราคานับล้าน ทองหยองเต็มบ้านไปหมด....

    หลวงพ่อ : โฮ้โฮ ตายแล้วๆ ไม่มีที่นอนไม่มีที่นั่ง โอ้ย ลำบากจริงๆนะ เอ้าว่าต่อ

    ผู้ถาม : ทองหยองเต็มบ้านสุขสำราญ จนกระทั่งในระยะนั้นไม่อยากทำบุญเลยเพราะเพลินกับถูกหวยเจ้าคะ

    ผลสุดท้ายปรากฎว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาสูญสลายหมด สมบัติเก่าที่เป็นมรดกหมด
    บ้านราคาร่วมล้านหมด ทุกอย่างก็หมดเลย อารมณ์ของลูกก็เลวร้าย วันหนึ่งลูกใช้ปืน
    ยิงสามีของลูก โป้งเดียวเท่านั้นเอง โชคดีไม่ตาย ไปเข้าโรงพยาบาลหมดไปเกือบ
    ครึ่งลัาน

    ในที่สุดปัจจุบันนี้ลูกหมดทุกสิ่งทุกอย่างจนต้องกลายเป็นแม่ค้าขายปลาสลิดที่สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อกลางวันนี้ลูกได้ถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ โดยขอตั้งสัจจปฏิญาณว่า ต่อนี้ไปจะสร้างแต่ความดี ขอให้เสด็จพ่อฤาษี กับ ร. 5 เป็นกำลังใจให้ช้างหญิงที่ต้นคดปลายตรงสักครั้งหนึ่งเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ: สาธุ ขอให้สมความปรารถนานะ ไม่เป็นไรตีตั๋วกลับใหม่ใช้ได้ ไม่ช้าก็ฟื้นตัว


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 108 กุมภาพันธ์ 2533 หน้า 18-19)


    DSC_0052_2.jpg
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    1.jpg

    เจริญสังฆานุสสติกรรมฐานแบบง่ายๆ

    การเจริญสังฆานุสสติกรรมฐานแบบง่ายๆนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านสอนไว้แล้ว พร้อมกับ จาคานุสสติกรรมฐาน และ ทานบารมี ท่านให้ทำดังนี้

    เมื่อถึงเวลากลางคืนท่านให้สวดคาถาวิระทะโย 1 จบ พร้อมกับเอาข้าวสารหรือ
    ข้าวเปลือก 1 จอก หรือขัน หรือถ้วยเล็กๆก็ได้ ใส่อะไรก็ได้ เพื่อเก็บไว้เพื่อถวายพระ
    เมื่อรวบรวมได้มากพอควร พร้อมกันนั้นให้ว่า คาถาวิระทะโย 1 จบ

    คาถานี้เป็นคาถามหาลาภ ทำให้หากินคล่อง จำกัดความยากจนเข็ญใจ ถ้าทำจนชินกำลังใจทรงตัวที่เรียกว่า "เป็นสมาธิ" จะมีความเป็นอยู่ดีมาก หรือตอนเช้าถ้ามีเวลาพอ มีพระมาบิณฑบาต ให้ใส่บาตรพระตามกำลังที่จะใส่ได้เป็นประจำ ก่อนใส่บาตรให้ว่า คาถาวิระทะโย 1 จบ

    การที่ท่านให้ทำอย่างนี้ ตามคำอธิบายของท่าน ท่านบอกว่าเพื่อให้มีการหาเลี้ยงชีพ
    คล่องตัว ไม่ยากจนเข็ญใจ แต่เนื้อแท้แล้วผลมีตามนั้นแน่ ท่านมีความฉลาดมาก เพราะเป็นพระผู้ทรงฌาน ส่วนวิปัสสนาญาณท่านถึงไหน อาตมาไม่ทราบได้ เพราะกำลังใจท่านสูงและละเอียดมาก ท่านดีกว่าอาตมามากมายเทียบกันไม่ได้เลย

    ผลการแนะนำของท่าน นอกจากจะมีผลในการคล่องตัวในการครองชีพแล้ว ก็เป็น "สังฆานุสสติกรรมฐาน" โดยตรง เพราะจิตคิดถึงพระสงฆ์เป็นปกติ และคิดถึงการถวายของพระ มีการใส่บาตร หรือเตรียมข้าวใส่บาตรเวลากลางคืนเป็น "จาคานุสสติกรรมฐาน" จะใช้ข้าวหรือไม่มีข้าวใช้เงินแทนก็ได้ จะใส่ด้วยเงินมากน้อยก็สุดแล้วแต่จะพึงมี เพียงหนึ่งหรือสองสตางค์ก็ได้ ถ้ามีทรัพย์น้อย

    ท่านที่คิดจะใช้เงินแทน ถ้าบังเอิญวันไหนไม่มีเงิน จะใช้เป็นผลไม้ หรืออะไรแทนก็ได้ที่บริโภคได้ หรือใช้เป็นประโยชน์ได้ ที่มีราคาไม่มากและไม่เดือดร้อน แทนเงินหรือข้าวก็ได้ เพื่อเอาไว้ถวายพระแทนเงินหรือข้าว เมื่อจัดไว้เพื่อถวายแล้วตอนนี้เป็น "ทานบารมี"


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 309 เดือนธันวาคม 2559 หน้า 56-57)


    DSC04997.jpg

    เหรียญมหาลาภเอกราช..jpg เหรียญผูกพัทธ 1.JPG
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    0001.jpg

    เรื่อง พระต่อต้านสวรรค์ นิพพาน

    เรื่องมีอยู่ว่า คุณจรรยา แซ่ปิง ไปกราบพระองค์หนึ่ง ที่จังหวัดสิงห์บุรี ไปเพราะว่าพี่
    ชายมีความศรัทธาเลื่อมใส จึงตามไป ไปแล้วก็ทำบุญกับท่าน ทำบุญแล้วก็อธิษฐานว่า ขอนิพานในชาตินี้ ท่านก็บอกว่า สวรรค์ นิพพานที่นี่ไม่มีหรอก พระโสดาบันก็อย่าไปหวังเลย เอาแค่มนุษย์สมบัติก็พอแล้ว คุณจรรยาได้ฟังถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าพระในพระพุทธศาสนา จะปฏิเสธเรื่องนี้ นึกสงสารพระลูกวัดที่อยู่กับท่านและรับคำสั่งสอนจากท่าน ได้นำเรื่องนี้มาปรารภกับพระครูปลัดอนันต์

    (พระครูปลัดอนันต์จึงบอกว่า)
    สอบความขันติบารมีเรา ขันติและความอดทน ปัญญาด้วย

    (ด็อกเตอร์ปริญญา บอกว่า)
    "แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่มีใครมาบังคับให้เราไปนะ เราไปเองนะ"

    (คุณจรรยา บอกว่า)
    "คือติดรถเขาไป ก็ต้องแวะไปตามเขาค่ะ ถ้าไปเองก็คงไม่ไป"

    ไปไม่เป็นไรหรอก ไปลองดูก่อน

    (ยกทรง พูดว่า)
    "เลยเจอดีเข้า"

    หลวงพ่อดาบสซิ ของเราแน่ ที่นี่ไม่มีโอ่ ท่านพูดให้เราดี ท่านไม่มีมารยาที่จะมาประ
    จบประแจงเรา

    พูดตามจิตจริงๆ พูดก็ไม่มากมายอะไร พูดตามจิตที่ท่านคิดว่า พูดมานานแล้วนี่ หนังสือท่านก็เขียนของท่านยังงั้น ที่ท่านเทศน์ที่ไหน หนังสือเขาก็เอาไปลง ก็เป็นยังงั้น ไปว่าท่านดีหรือเลวไม่ได้ ก็เพราะท่านไม่รู้นี่ ท่านรู้โทษท่านก็คงไม่พูด ถ้ารู้โทษก็คงไม่ตำหนิ ถ้ารู้โทษก็คงไม่นั่น ท่านรู้แค่นี้ ท่านก็ไปของท่านแค่นี้

    ปัญญามี ปัญญาเกิดเลยใช่มั้ยตอนนั้น

    (ยกทรง บอกว่า)
    "ทีนี้ ไม่ไปไหนง่ายแล้วใช่มั้ย ใครชวนก็ไม่ไปแล้วใช่มั้ย ?"

    (คุณจรรยา ตอบว่า)
    "ไม่ไปไหนแล้ว เจ้าค่ะ"

    ไปวัดก็อย่างหนึ่ง ไอ้ความกระทบกระทั่งใจก็ต้องดู ไอ้กระทบกระทั่งใจ แล้วไม่ทำความ
    ดีต่อนี่ เราฆ่าตัวเอง

    หลวงพ่อท่านก็เคยสอน

    "ถ้าแกทำโรงเรียน ถ้าเด็กมันอกตัญญูสักคนหนึ่ง แกจะไม่ทำความดีต่อ แกจะไปคิดว่าทำความดีแล้ว จะหวังผลตอบแทน อย่าไปหวังผลตอบแทน หวังผลตอบแทนอย่างเดียวคือ พระนิพพาน ที่เราจะต้องไป อย่างอื่นมันจะว่าเราดีหรือชั่ว อย่าไปสนใจ สนใจอย่างเดียวเราจะไปนิพพาน เราทำเพื่อพระนิพพาน ถ้าไปหวังผลตอบแทน ถ้ามันอกตัญญูขึ้นมาละก้อ เราจะไม่มีกำลังใจ ทำความดีต่อ"

    ไอ้ผลมันจะตกร้าย ตกกับเราอีก เพราะเราไม่ทำความดีต่อ ก็ใครล่ะที่ตกนรก สวรรค์
    ก็เราเองทั้งนั้น ฉะนั้น..ถ้าทำความดีจงตัดไปซะ ถ้าไปวัดก็ดี กระทบกระทั่งกับพระก็ดี กับใครก็ตาม ต้องทำใจว่า เราจะไปนิพพานนะ ใครก็ชั่งที่เป็นมาอยู่นี่ ไม่ช่วยให้เราไปนิพพานได้ เราต้องทำเอง ถ้าจะมีอะไรท้อถอย ก็ต้องสร้างกำลังใจของเรา

    หลวงพ่ออยู่ท่านก็อุ้มได้ เพราะท่านมีเจโต มีอยู่กลุ่มหนึ่ง

    (ด็อกเตอร์ปริญญา ถามว่า)
    "เป็นไงครับ?"

    พวกผู้หญิงมานี่หรือเปล่าก็ไม่รู้ สมัยก่อนห้องกรรมฐานก็ไม่มากใช่มั้ย ไปคนน้อยๆ ก็
    ไปพักห้อง ห้องกรรมฐานเฉพาะส่วนตัวนี่ ห้องที่เป็นแถวๆ นะ ก็อาบน้ำ มีห้องน้ำอยู่ในนั้นได้ ไปก็อาบกันเดี๋ยวนั้น ทีนี้ไปใหม่ พระท่านก็จัดให้อยู่รวมกันข้างนอก 3 ไร่ หรืออะไรยังงี้เนี่ย ก็ต้องนุ่งกระโจมอกไปอาบน้ำข้างนอก พอพระท่านจัดไปอยู่ที่นั่นเข้า สะบัดแล้ว ไม่เอาแล้ว พระพูดไม่รู้เรื่อง พวกฉันพวกสาวโสดทั้งนั้นนะ จะให้ใส่กระโจมอกไปอาบน้ำที่ไหนนี่ มันก็ห้องไม่มีนี่ พระท่านก็ว่างั้น ไม่รู้มาตั้งไกลตั้งขนาดไหนเนี่ย พวกฉันพวกสาวโสดทั้งนั้นนี่ เอาแล้ว...โมโหๆ โกรธพระด้วย ทีนี้ก็ไปยังไงล่ะ ก็จะกลับบ้าน ก็ไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อก่อน ยังรักหลวงพ่ออยู่

    (ยกทรง พูดว่า)
    "เอ้อ..ค่อยยังชั่วๆ"

    พอขึ้นไป หลวงพ่อก็ทักว่า "ว่าไง..พวกสาวโสด (หัวเราะ) แม่สาวโสด มาลูกมา มา
    ใกล้ๆ" ทักยังงี้เลย หลวงพ่อกับพระไม่รู้กันนะเนี่ย อูย..หลวงพ่อรู้แฮะ ว่าเรานี่ กลับอีกตานี้ไม่เคืองพระแล้ว

    หลวงพ่อท่านมีเจโตตรงนี้ไง คือถนอมประคับประคองใจ ทีนี้ใครจะประคับประคองล่ะฉันไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง (หัวเราะ) ต้องประคับประคองตัวเอง ต้องสร้างกำลังใจตัวเอง
    ไว้เพราะที่วัดเรามันต้องช่วยกันดูแล ขาดหลวงพ่อใครจะประคับล่ะ ใครจะจูงเรา ต้องจูงตัวเองทำไงให้เราถึงป้ายได้ ถึงเป้าหมายที่ปฏิบัติไว้นะ

    ตัวนี้ล่ะสำคัญ ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้ามีอะไร ไม่ใช่หลวงพี่จะต้องไปคอยเอาใจ ก็มันรู้เรื่องอะไรที่ไหน (หัวเราะ) บางคนงอนป่องไปถึงไหนๆก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ยังไม่รู้เรื่องสักอย่าง

    (ด็อกเตอร์ พูดว่า)
    "อุเบกขา ลูกเดียว"

    โกรธให้ตายก็ไม่รู้ เพราะไม่รู้นี่ ไม่ได้ตามประวัติไปถึงไหนๆ ก็ไม่รู้ แต่หลวงพ่อท่าน
    รู้นี่เพราะคนถึงรัก เพราะท่านมีตรงนี้มาก ประคับประคองใจคนได้ อุ้มคนไว้ได้ตั้งเยอะ
    แยะ ตรงนี้นี่สำคัญ จึงเตือนไว้ หลวงพ่อท่านเคยเตือนหลวงพี่ไว้เลย วันนั้นประชุมโรงเรียนว่า

    "แกทำโรงเรียน ต่อไปแกอยู่กับโรงเรียนสงเคราะห์เด็ก ต้องสงเคราะห์ทิ้งไปเลย ทิ้ง
    คือ ไม่หวังผลตอบแทน ต่อไปเด็กถ้าอกตัญญูซะแล้ว จะเสียกำลังใจ จะไม่ทำความดีต่อ ตัวนี้แกจะเสีย ถ้าเราทำดีให้มันเท่านั้นเท่านี้แล้วหวังจะให้มันมาสนองคุณ อย่าไปผูกพัน"

    วัดจึงให้ทุนแล้วไม่มีการผูกพัน จะว่าให้มาใช้ทุน ปี 2 ปี ไม่มีเลย ไม่มีคิด ไม่มีถามไม่มีตาม ไม่มีอะไร มีแต่ถ้าทำมาช่วยก็ดีใจ ไม่ใช่ไม่ดีใจ ไม่ใช่หยิ่ง ดีใจ แต่ต้องทำด้วยศรัทธาของตัวเอง ถ้าไปบังคับศรัทธามาทำ คนอยู่ก็ไม่มีความสุข คนรับก็ไม่มีความ
    สุข

    ที่คุยค้างไว้สักครู่นี้ว่า หลวงปู่แหวนก็ดี หลวงพ่ออะไรนะ ที่อยู่บ้านไร่เนี่ย อ๋อ..หลวง
    พ่อคูณ หลวงพ่อคูณก็ดี หลวงพ่อเรานี่คิดสายถูก ไม่ใช่ท่านสายผิด คือหลวงพ่อ
    เรานี่เลือกสาย ถ้าไปอ่านในประวัติหลวงปู่ปานก็ดี ที่ท่านบอกว่าที่พระมาห้ามหลวงพ่อ
    ไม่ให้ทำเรื่องฤทธิ์อะไรยังงี๊

    "คุณเอากสิณแค่ 7 กอง ก็พอ อย่าให้ถึง 10 กอง ถ้า 10 กอง จะอยู่กับคนลำบาก คนจะติดฤทธิ์"

    เราอ่านยังงั้น เราก็ฟังเฉยๆ เพราะเรายังชอบฤทธิ์อยู่แล้วใช่มั๊ย โอ้โฮ...มีฤทธิ์นี่ถึงจะ
    ดี โอ้โฮ...คนมันจะดัง ไอ้เรามันยังบ้าอยู่ เวลานี้ก็ยังบ้าอยู่ แต่คนติดฤทธิ์แล้วเนี่ย อย่างหลวงปู่แหวน คนไปหาหลวงปู่แหวนเนี่ย ไปเอาสอนกรรมฐานน้อย ไปเอาวัตถุมงคลกันนี่ ร้อยล ะ98 หรือ 99

    ทีนี้พอหลวงปู่แหวนมรณภาพ วัดร้างเลย มีอาจารย์หนูอยู่กับพระไม่กี่องค์ หรือไง ?

    (ด็อกเตอร์ปริญญา ตอบว่า)
    "องค์เดียวครับ"

    มีองค์เดียว ทีนี้ว่าหลวงพ่อเราเอาธรรมะ เอาธรรมะนำ ธรรมะนี่ ไม่ใช่แค่ศรัทราเฉยๆ
    ปัญญาเข้าไปด้วย ทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญา ท่านสอนครบ ที่วัดเราจึงไม่ใช่พระวัดท่าซุงเก่ง คนที่ลูกศิษย์หลวงพ่อท่านเก่ง คือ...มาด้วยปัญญา ด้วยศรัทธา ด้วยปัญญา ด้วยการปฏิบัติธรรม คือ ช่วยกันรักษาวัด เหมือนวัดของเรา เพราะว่ามีความผูกพัน มาด้วยปัญญา

    ฉะนั้น..วัดจึงรักษาตัวนี้ไว้ว่า ก็เรารักษาปฏิปทาหลวงพ่อไว้ ไม่ใช่ว่าเราจะมีความดีเท่า
    หลวงพ่อ แต่ว่าทำงานท่านไว้อย่าให้เสีย ท่านหาไว้ทุกอย่าง วัดจึงทรงตัว สร้างอะไรก็สร้างได้ ความทรงตัวก็มี ความรักวัดก็มากขึ้น หมายความว่า ไม่มีใครจูงแล้ว ก็ถามว่า เฮ้ย..ทำไมถึงมาวัดบ่อยจัง ก็ถามเขา

    เขาบอกว่า "แต่ก่อนนี้หลวงพ่อจูง นึกว่าหลวงพ่อจะไม่ไป พ่อไปแล้ว ต้องมาเอง ทีนี้ต้องจูงตัวเอง (หัวเราะ) แต่ก่อนหลวงพ่ออยู่ก็มาได้ ทีนี้จูงตัวเอง"

    ก็ทำถูก หลวงพ่อก็เคยพูดสมัยก่อนว่า

    "ข้าตายเถ๊อะๆ ไอ้พวกนี้ที่มันโต๊เต๊อยู่มันไม่มีที่พึ่งแล้ว อะไรมันก็เกาะแล้ว อะไร
    มันก็เอาแล้วทีนี้ มันอยู่กับพ่อกับแม่ หนีเที่ยวได้สบาย พ่อแม่ไม่อยู่ทีนี้โอ้โฮ..ตาลีตาเหลือกทำกินขยันขึ้น ไม่ขยันอดตายซิ"


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 188 เดือนพฤศจิกายน 2539 หน้า 107-110)

    1195152.jpg
    1016519_10201341084151930_1665743575_n.jpg

     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    ธธธธธ.jpg


    เรื่อง คนเข้าวัดเพราะมีบุญ


    (มีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมาทำบุญ พระครูปลัดอนันต์ปรารภว่า)

    เขามาเข้าวัดกันตั้งแต่เด็กๆกันแล้วพวกนี้ คนเรานี่ไม่ใช่เข้ากันได้ง่ายๆเหมือนกัน
    ผ่านหน้าวัดยังไม่เข้าก็มี ที่วัดใช่ไหม อยู่ติดกับวัดยังไม่เข้าเลย เอ้อ แปลก มันต้องถือว่าบุญก็แล้วกัน บุญของเรา แล้วมาเจอ...ยังไงล่ะ พูดแล้วก็จะมายกย่องครูบาอาจารย์ เออ ของจริงนี่ บุญของเรามาเจอของจริง

    ท่านบอกคนที่จะมีมรรคมีผล มันต้องมาเจอของที่มีมรรคมีผล ไม่อย่างนั้นก็สะเปะสะปะไป

    (ด็อกเตอร์ปริญญาพูดเสริมว่า)
    "ไม่อย่างนั้นเทวทัตก็มีลูกศิษย์ไม่ได้"

    ใช่

    DSC01976..jpg
    เล่าเรื่องหลวงพ่อ

    หลวงพ่อไปอยู่กับท่านน่ะ ไม่มีอะไรที่ถามแล้วท่านไม่รู้ ไม่มี ไม่ว่าทางโลกทางธรรม
    อะไรก็ช่างเถอะ

    มีอยู่เรื่องหนึ่ง ไอ้ฝรั่งเขาส่องกล้องบนดาวหลุมดำอยู่ที่ต่างโลก ที่อเมริกาเขาส่องอยู่นี่ หลวงพ่อท่านไปดูเสียแล้ว แล้วก็มาเล่าในหนังสืออ่านเล่นว่าเป็นอย่างนั้นๆ

    ท่านเล่าในหนังสือ ท่านเล่าอีกอย่างหนึ่ง เล่ากลางๆ แต่มาเล่าให้เราฟังนี่ท่านไปมาเลย ไปดูมาเป็นอย่างนั้นๆ พระพาไปดู

    ท่านน่ะของจริงทั้งนั้น เรื่องอะไรหลายๆอย่าง ในหนังสืออ่านเล่นก็ดี ของจริงทั้งนั้นแหละ



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 174 เดือนกันยายน 2538 หน้า 87-88)

    IMG_20180310_091120.jpg 12096622_10153723657974329_5080984066111141357_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2024
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    78615e67.jpg
    20170312_102005.jpg
    สมเด็จองค์ปฐมปางพระนิพพาน.jpg
    3846090.jpg
    IMG_2620.JPG

    พระสำคัญในวัดท่าซุง


    ก่อนจะมาก็ไปฟังเทปเก่าๆ ท่านบอกว่าคนรู้จักไหว้เป็นละก็ ไหว้เป็นเราก็ไม่รู้ไหว้ยังไงเหมือนกัน ก็ไหว้ธรรมดาพระที่มีลาภมากพระที่มีความสำคัญนี่

    ท่านเจ้าคุณฯถามว่า ใครอยากมีลาภมากไหม อยากใช่ไหม ก่อนมาได้ฟังเทปของหลวงพ่อ

    ท่านบอกให้ไปไหว้พระหลวงพ่อเงินไหลมาเทมาจุดหนึ่งนะ

    แล้วพระประธานที่วิหาร 100 เมตรจุดหนึ่ง

    พระปัจเจกฯจุดหนึ่ง

    แล้วพระประธาน 12 ไร่อีกจุดหนึ่ง

    เป็นพระที่มีความสำคัญและมีลาภมาก ถ้าใครไปไหว้ดีๆแล้วจะมีลาภมาก

    (ที่วัดท่าซุง) ถึงปีเวลาเข้าพรรษาทีจะทำกันที ทำใหญ่ หลวงพ่อเคยบอกไว้ บอกว่า

    "นันต์ แกไปไหว้พระผู้ใหญ่หรือยัง"

    บอก ไปแล้วครับ จัดพระวิรัชไป

    "ไปที่ไหนล่ะ"

    ไปในจังหวัดครับ

    (หลวงพ่อ) บอก ระยำ พระ(ผู้ใหญ่)ในวัด แกไม่ได้ไปไหว้เลยหรือ เดินผ่านไปผ่านมา

    ท่านก็บอกว่า "ที่แกมีกินอยู่เพราะพระที่มีความสำคัญในวัดมีอยู่ อย่างหลวงพ่อขนมจีนก็ดี หลวงปู่ใหญ่ก็ดี หลวงพ่อสุขก็ดี หลวงพ่อปานก็ดี และพระที่ 12 ไร่ก็ดี พระหลวงพ่อเงินไหลมาเทมาก็ดี พระ(ประธาน) ที่วิหาร 100 เมตรก็ดี พระพวกนี้เลี้ยงแกอยู่ทั้งนั้นนี่ แกเดินไปเดินมาแกไม่รู้จักพระผู้ใหญ่อีกหรือ"

    ไอ้เรานึกว่า ถึงปีต้องไปไหว้เจ้าคณะจังหวัด ใช่ไหม เพราะว่าเป็นพระผู้ใหญ่ของเรา ใหญ่ไม่จริงอันนั้น ที่วัดเราใหญ่จริง ความหยาบมันผิดกัน เรามันหยาบขี้ช้าง ของท่านลึกซึ้งนี่

    เพราะฉะนั้นเวลาเข้าพรรษาทีหนึ่ง รุ่งขึ้นจะเอาธูปแพเทียนแพไปไหว้ 15 แห่งในวัด ที่ท่านเลี้ยงดูมา

    (สมัยนั้น 15 แห่ง แต่ปัจจุบันนี้ 19 แห่งแล้ว ปีนี้มีหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์เพิ่มอีก 1 แห่ง)

    มันก็ตรงกับที่ท่านว่า ที่ท่านบอกกับฉันว่า ลูกแก้วนี้เวลาข้าตายจะให้ใครหว่า ตอนหลังที่เราให้ฟังว่าพระอินทร์จะเอากลับไป จะกลับไปเก็บไว้ที่ดาวดึงส์

    แล้วท่านก็บอกว่าวัดของเราพระท่านทำเรียบร้อยหมดแล้วนี่ ดูแลหมดแล้วนี่ เทวดาก็เป็นพันองค์ ที่ดูแลอยู่ช่วยเหลือวัดอยู่ คือศาลพระภูมิวัดเราใหญ่ที่สุดในโลก

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 471 เดือนมิถุนายน 2563 หน้า 13-14)

    0001 (40).jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UG5HK_Kuxg-P_a7fkM9IgLfb1LAb-QeM1fOT5JsfdLa4 (1).jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UM6mJqhe5cMeLNqKj4GadfZpRq1TlCPMRFDvtHVkAvaV.jpg
    DSC_0014.JPG
    DSC_0014.jpg
    49900136_10157035881149329_3148113880102731776_n.jpg พระปัจเจก.jpg พระปัจเจกฯ.jpg หลวงพ่อ 4 พระองค์.jpg หลวงปู่ปาน.jpg หลวงพ่อขนมจีน.jpg
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    S__56385554.jpg
    S__56385556.jpg

    น้ำมนต์ชาตรี

    ทีนี้น้ำมนต์ที่วัดที่เขาทำจำหน่ายกัน ทีแรกเราก็นึก เอ หลวงพ่อมรณภาพแล้วเขาทำ
    น้ำมนต์จำหน่ายกันทำไม

    (มานึกได้ทีหลัง) หลวงพ่อท่านบอกว่า ไอ้แสงเลเซอร์ ไอ้ตัวที่ผ่านตัวฆ่าเชื้อโรค ท่านทำไว้ตรงนี้

    สมัยก่อนหลวงพ่อไม่ทำพิธีเราก็ไม่ทำใช่ไหม บอก "ข้าทำไว้แล้ว ถ้าแสงตัวนี้มันผ่านตัวนี้แล้วก็ถือว่าใช้ได้" แสงอะไรที่มันฆ่าเชื้อ แสงอุลตร้าไวโอเลต

    ยกทรงถามว่า ถ้าน้ำมาผ่านแสงตัวนั้นก็เป็นอันว่าเสกน้ำมนต์ไปในตัวนะ

    ท่านเจ้าคุณตอบว่า ใช่ๆ

    ยกทรงบอก นี่แสดงว่าหลวงพ่อทำเผื่อหลวงลูกไว้เต็มที่เลยนะ

    ปีนี้ (2537) ไปทำโรงเรียนใช่ไหม โรงเรียนตอนหลังนี่ซื้อของมาก หลวงพ่อท่านจะ
    ทำบัญชีฝากไว้เลย เงินนี้เงินเดือนครู เงินนี้สงเคราะห์เด็ก เงินนี้ซื้อหนังสือ ท่านจะทำบัญชีไว้ เงินในบัญชีซื้อไปครึ่งหนึ่ง ก็เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ก็ซื้อถึงตัวแดงเลย

    ก็ทำไงล่ะ ก็เอาเงินน้ำมนต์นี้ไปซื้อ ก็ทำน้ำมนต์จำหน่ายและเอาเงินเก็บไว้สำหรับใช้กิจการโรงเรียน ให้ความรู้ ให้อะไรกับเด็ก

    ทีนี้ก็มีคนหนึ่งก้างติดคอ ทีนี้วัยรุ่นมันก็ไม่เชื่อ ก็จนตรอกแล้ว จะไปผ่าที่โรงพยาบาล
    แล้ว ก็เอาน้ำมนต์มา จนตรอกแล้ว บอกลองน้ำมนต์กินดู กินกรุ๊บเดียวหาย

    มันก็มาพูดละล่ำละลัก จริงๆเลย ผมนี่โดนมาแล้ว ยืนยัน เมื่อก่อนไม่เชื่อ จะไปผ่าคอแล้ว

    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนาที่บ้านสายลม" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 469 เดือนเมษายน 2563)

    S__56385561.jpg
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    0001.jpg

    จะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นั้นเป็นพระอริยะ


    ผู้ถาม : มีคนเขาถามผมมาอย่างนี้ครับหลวงพ่อ แต่ผมไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร เขาถามว่าท่าน (ขอสงวนนาม) เป็นพระอริยะหรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็ตอบไม่ยากนี่คุณ ให้ไปถามท่านเองซิ คนอื่นจะไปรู้เรื่องของตัวเองได้อย่างไรล่ะ มันเป็น ปัจจัตตัง แล้วพระอริยะองค์ไหนท่านจะบอกเป็นพระอริยะ

    ไม่มีพระอริยะองค์ไหนบอกตนเองว่าเป็นพระอริยะ และก็ไม่มีพระที่ไม่ใช่พระอริยะองค์ไหนที่ไม่บอกตัวเองว่าเป็นพระอริยะ ใช่ไหม

    ไอ้คนมีสตางค์มากๆทำจ๋อง ไอ้คนไม่ค่อยจะพอค่าก๋วยเตี๋ยวละเบ่ง อันนี้ไปพยากรณ์ไม่ได้หรอก เราจะพยากรณ์เขาได้ยังไง เราไม่รู้จิตใจเขานี่ ใช่ไหม พระอริยะน่ะเขาดูจริยาไม่ได้ พระอริยะนี่ถ้าดูที่จริยาภายนอกผิดหมด เพราะพระอริยะนี่เป็นคนใจเปิด

    ถ้าเป็นพระอรหันต์เมื่อใดก็ดูเหมือนเด็กๆ ตอนเด็กๆหรือก่อนบวชเป็นยังไงท่านจะใช้จริยานั้น เพราะเป็นพระไม่มีการผูกต่อไป จึงไม่มีมายา นิสัยเดิมๆเป็นยังไง พระอริยะก็ใช้นิสัยนั้น ท่านปล่อยตามสบาย เพราะจิตท่านไม่มีอะไร

    อย่าง พระสารีบุตร ท่านไปกับพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์ พอถึงลำราง พระองค์อื่นๆค่อยๆ ย่องไป พระสารีบุตรขัดเขมรโดดแพล๊บ นั่นพระอัครสาวกเบื้องขวานะ ภายหลังมีพระถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมพระอัครสาวกเบื้องขวาจึงขัดเขมรโดด"
    พระพุทธเจ้าบอก "อย่าไปว่าท่านเลย ลูกตถาคตไม่มีอะไรหรอก ก็มาจากลิง..."

    ทีนี้ที่คุณถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นั้นองค์นี้เป็นพระอริยะ ถามคนอื่นมันจะถูกรึ ถ้าหากว่าคุณกินแกงแล้วถามคนอื่นว่า เค็มไหม ? เขาจะรู้ไหม ?

    เรื่องของความเป็นอริยะ เรื่องของฌานสมาบัติก็เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของจิตใจ ในเมื่อท่านไม่บอก เราก็รู้ไม่ได้ ไอ้เรื่องที่จะรู้ได้ต้องเป็นเรื่องของ "สัพพัญญู" แปลว่ารู้ทั้ง
    หมด รู้ทุกอย่าง ก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว พระสาวกไม่มีสิทธิ์จะตอบ

    ผู้ถาม : แล้วอย่างมีคนเขาถามว่า ควรจะไปไหว้พระองค์ไหนดี เราควรจะแนะนำเขาว่าอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็ต้องเป็นไปตามศรัทธา เขาศรัทธาที่ไหนไปที่นั่น ปล่อยให้เป็นเรื่องจิตใจของเขา ถ้าคุณไปขัดคอเขา ดีไม่ดีปากคอเยิน

    ผู้ถาม : ถ้าเขาถามถึงสำนักปฏิบัติ แล้วให้เลือกเล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : เราก็เล่าเรื่องประวัติต่างๆเท่าที่เราพอใจให้เลือกเอา จะเอาวัดไหน การปฏิบัตินี่ต้องเป็นไปตามภูมิเดิมหรือภูมิเก่า คือต้องเป็นไปตามสาย สายของใครของมัน และต้องบำเพ็ญบารมีร่วมกันมานับเป็นอสงไขยกัปนะ เขาถึงจะพอใจกัน ถ้าไม่งั้นมีอารมณ์สะกิดหน่อยเดียว เดี๋ยวก็สะดุด เพราะฉะนั้นให้เขาย่องๆไปดูก่อน เขาชอบที่ไหนก็เลือกที่นั่น อันนี้เป็นความจริงนะ

    อย่างคุณพอใจสำนักใด คุณไปชวนคนอื่น ถ้าคนอื่นเขาไม่มา คุณไปว่าเขาไม่ดีไม่ได้ เพราะพูดให้เขาฟังรู้เรื่องไม่ได้ คุณฟังอย่างนี้รู้เรื่องแต่เขาไม่รู้ แต่ถ้าเขาไปหาอีกองค์
    หนึ่งเขาจะพอใจมาก เพราะว่าเป็นสายเดียวกัน อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา

    บางครั้งเราอาจคิดว่า แหม..ไอ้หมอนี่ เดี๋ยวไปที่นี่เดี๋ยวไปที่โน่น เดี๋ยวไปที่นั่น ที่เขายังต้องไปหลายจุด เพราะยังหาพวกไม่พบ ถ้าเขาหาพวกของเขาพบเมื่อไรก็จอด ดีไม่
    ดีบางคนไปหาพระไม่สบายใจไม่สนุก ไปเจอะเจ้าของเหล้า ร้องฮ้อ ! ใช้ได้


    (จากหนังสืออริยบุคคล หน้า 87-89)
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    แก้วมณีรัตนะปราบผี

    แก้ว 1.jpg แก้ว 2.jpg แก้ว 3.jpg แก้ว 4.jpg แก้ว 5.jpg แก้ว 6.jpg แก้ว 7.jpg แก้ว 8.jpg แก้ว 9.jpg แก้ว 10.jpg

    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่3 ฉบับที่ 22 หน้า 216 - 225)

    3  22.jpg

    ภาพทั้งหมดด้านบนจาก E-Book เวบวัดท่าซุง ท่านที่สนใจอ่านเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมหาอ่านได้จากลิงค์ url ด้านล่างครับ

    http://www.thasungmedia.com/wat/puy/ebook/index.php


    _7 (1).jpg 0.7.jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UIjR_WqXoxR7Eq1oY1_Nwb6V9svt220kxUvBt5_qc6Fe.jpg 1-17.jpg
     
  15. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,607
    ขอสอบถามการบนเรื่องขายที่ดินหน่อยครับว่าควรบนที่ไหนของวัดท่าซุงดีและควรบนด้วยอะไรครับ

    **บนหลวงพ่อ๕พระองค์แล้วไม่สำเร็จครับเลยมาสอบถามเพิ่มเติม
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    ลองไปบนกับหลวงพ่อขนมจีนดูครับ

    หลวงพ่อขนมจีน.jpg


    การบนหลวงพ่อขนมจีน

    เรื่องบนถามท่านว่า "ขนมจีนของหลวงพ่อ ใช้น้ำพริก น้ำยา ใช่ไหม"

    บอก "เฮ้ย ไม่เฉพาะเท่านั้น ไม่ได้น้ำพริกก็ได้ น้ำยาก็ได้ ซาวน้ำก็ได้ แกงเผ็ดก็ได้ แกง
    เขียวหวานก็ได้ แกงเผ็ดไก่ก็ได้ แกงเผ็ดเนื้อก็ได้ ให้ตั้งใจ 10 นาที เวลานั้นก็นั่งหลับตาไปด้วยก็ได้ 10 นาที แล้วเก็บของนั้นไปถวายสงฆ์ได้ เป็นบุญอีกต่อหนึ่ง แล้วควรจะทำที่ครอบกันแมลงไว้ด้วยพระจะได้ไม่มีโทษ

    แล้วก็ได้ผลพิเศษ มีคนหนึ่งเขาจะขายรถ ก็เลยไปบนท่าน วันรุ่งขึ้นคนนำขายก็นำไปหาคนซื้อ ไปถึงคนซื้อได้ยินยี่ห้อแล้วไม่สนใจเลย นั่งดูโทรทัศน์เฉย เรียกเขา เตือนเขา เขาบอกไม่เอา คนนำขายก็จับมือ "ไปดูหน่อยน่ะ" เพราะเพื่อนกัน พอเห็นรถปั๊บ ลองขับ ขับกลับมาเอาเดี๋ยวนั้นเลย คนนั้นบอกอัศจรรย์ บนวันนี้พรุ่งนี้ได้เลย



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 69 เดือนพฤศจิกายน 2529 หน้า 49-51)

     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    uthai33.jpg
    BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iEGM4vwjqYXB8nSmVRCDe20k4Z7kTI7Brzx-whvUy8uU.jpg
    ชื่อสีทอง


    ตอนอุทิศส่วนกุศล ลุงเข้ามาใกล้ๆ มากางบัญชีให้ดูบอกว่า คนที่มีสีทอง มีสีทองตัวโต อยู่ 40 คน

    ตัวโตนั่นหมายความว่า เข้าเขตแน่นอน แต่ว่าคนอื่นไม่ใช่ว่าไม่มีหวังนะ แต่ว่าท่านมาเน้นอยู่ตอนหนึ่งบอกว่า เพื่อเป็นการป้องกันอบายภูมิ คำว่าป้องกัน มันกันกันจริงๆ ไม่ได้ต้องช่วยกันประคอง ทีนี้เวลาจะไปในงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี่ เวลาที่จะเอาสตางค์หรือทองคำ ไปใส่ใต้แท่นพระบรมสารีริกธาตุ เวลานั้นเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ใช่ไหม

    ใส่ป๊อกลงไปในนั้นเท่านั้น เขาจดทันที จดลงตัวทอง


    เมื่อกี้ท่านบอก เมื่อกี้นะ ท่านเข้ามาใกล้ๆ แต่ว่าถ้าคนไปวันนั้นไม่ได้ ไปวันหลังก็ได้
    ท่านบอกว่า วันหลัง ปีติจะไม่เท่ากัน คือว่าเขาไม่จัดงาน ตัวปีติจะน้อยไปนิด แต่ว่าไม่
    เป็นไร แต่วันนั้นแน่นอนนะ

    ถ้าถามว่าใช้ทองกี่บาท ก็ไม่จำเป็น ไม่มีจริงๆ ท่านบอก สตางค์สลึงก็ใช้ได้ อยู่ที่กำลังใจนะ สร้างกำลังใจให้แน่นอน

    สร้างปีติ คือ ความปลื้มใจ อิ่มใจ ก็แล้วกันนะ

    (ปัจจุบันนี้เราก็ยังสามารถไปผาติกรรมเหรียญปิดทองคำแท้นำไปถวายเป็นพุทธบูชาธรรมบูชา สังฆบูชาได้ที่เจดีย์พระบรมธาตุ อยู่ข้างพระพุทธชินราชในวิหาร 100 เมตร ยังได้อานิสงส์บัญชีชื่อสีทอง)

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 101 เดือนกรกฏาคม 2532 หน้า 15)


    .พระพุทธชินราช.jpg
    พระประธานในวิหาร 100 เมตร

    หลวงพ่อท่านสั่งไว้เหมือนกันว่า พระประธาน (พระพุทธชินราช) ในวิหาร 100 เมตร สั่งไว้กับปากเองนะ ไม่สั่งปากใคร บอกที่วัด ถ้ามีความจำเป็นจริงๆละก้อ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปบอกพระประธานในวิหาร 100 เมตร ด้วยความเคารพนะ เอาดอกไม้ธูปเทียนจัดไป

    ท่านสั่งไว้นะ "เออ นันต์ เผื่อชาวบ้านเขาเดือดร้อนกัน ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล มันมีความเดือดร้อน ก็ให้เอาดอกไม้รูปเทียนไปขอด้วยความเคารพ"

    เราก็ไม่ได้ลองสักที กลัว ถ้าลองนี่มันปรามาสนี่ เราก็กลัวเราก็ไม่เดือดร้อนอะไร

    (จาก "คอลัมภ์ท่านเจ้าคุณฯสนทนาที่สายลม" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 469 เดือนเมษายน 2563 หน้า 22)
     
  18. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,607
    แล้วถ้าบนกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ต้องบนยังไงหรอครับ
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UCMNcv-vcgQvhoDglq21TXUlfGTgFTOjCptY7p9PmQPf.jpg
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UDV_C6ZHdPIlkVhajsDkxs7kIcFqQZqa0W0kn59JmAFY.jpg
    ส่วนใหญ่บนถวายผ้าห่มหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์กันครับ

    เคยมีคนบนขายที่ดินสำเร็จแล้วจะถวายเงินหมื่นนึง บนสำเร็จแล้วก็เอาเงินใส่พานมาถวายตรงหน้าท่านแล้วเอาเงินนี้ไปถวายหลวงพ่อเจ้าอาวาส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2020
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    118
    ค่าพลัง:
    +225,734
    0001.jpg

    คาถา สัมปะจิตฉามิ

    ดร.ปริญญาถามแทนว่า หนังสือสมบัติพ่อให้มีคาถาเงินล้าน มี "สัมปะจิตฉามิ" เพิ่ม
    ขึ้นจากเดิม ไม่ทราบว่าอันไหนถูกต้อง หลวงพี่ช่วยไขข้อข้องใจด้วยเจ้าค่ะ

    ท่านเจ้าคุณฯ ตอบว่า "สัมปะจิตฉามิ" นี่อาจจะมีคนรู้นะแต่ฉันไม่รู้นะ รู้แต่ "นาสังสิโม" มีในหนังสือสมบัติพ่อให้ใช่ไหม ด็อกเตอร์รับผิดชอบช่วยตอบหน่อย

    ยกทรงบอกว่า ด็อกเตอร์ทำหนังสือเอง รับผิดชอบเอง ตอบเอง

    ดร. ปริญญาบอกว่า จำได้ดีครับ ขอตอบว่า "สัมปะจิตฉามิ" หลวงพ่อได้ที่นิวซีแลนด์
    เพราะว่าตอนที่ท่านไปนิวซีแลนด์ (ปี 2529) มีพระดีไปด้วย แล้วก็จะทำร้ายท่าน พระ
    ก็มาบอกให้ว่าคาถานี้ว่า คาถาสัมปะจิตฉามิ นี่ตอกกลับ ผลักออก แล้วท่านก็บอกว่าคาถาที่ได้มาใหม่นี่ให้ไปต่อบนคาถาเงินล้าน ก็เลยต่อไว้ให้

    ท่านบอกคาถาที่มาทีหลังให้ต่อบน

    จริงๆ "เพ็ง เพ็ง พาพา หาหา ฤาฤา" ต้องต่อบน ไม่ใช่ต่อล่าง เพราะว่าถ้าได้ใหม่นี่ให้ต่อบนเสมอ

    แต่คาถาปิดท้ายนั้น "สัมปะติจฉามิ" คือให้สำเร็จเร็วๆ

    แต่ "สัมปะจิตฉามิ" นี่ผลักอออก เป็นคาถาย้อนกลับ

    ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า หลวงพ่อมาสายลม ตอนนั้นมีดหมอชาตรีออกใหม่ๆ คาถาใช้มีดหมอ (ชาตรี) ว่ายังไงนะ "ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ"

    บางคนก็ว่า ฯลฯ มันเพี้ยนไปไม่รู้กี่สายๆ บางคนก็บอกได้ยินมากับหูทั้งนั้น ก็ไม่ยอมกันสิ เลยต้องเขียนโพย 3 แผ่นให้หลวงพ่อเลือก หลวงพ่อครับอันไหนถูกแน่ครับ คือต้องฟังท่านถึงจะยอมกันได้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้

    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 472 เดือนกรกฏาคม 2563 หน้า 16-17)


     

แชร์หน้านี้

Loading...