ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่จนแต้ม! สองสหาย ‘กอดคอ’ ฝ่า ‘คว่ำบาตร’ สู้วิกฤติ!!

    เวเนซูเอลา “ไม่มี” เงินซ่อมโรงกลั่นน้ำมัน ก็ผลิตเบนซิน ดีเซล ฯลฯ ไม่ได้ (ถึงเวเนฯ ขุดน้ำมันดิบขึ้นมาได้ แต่มันยังไม่ ‘สุก’ เอามาใช้การไม่ได้ เครื่องยนต์เครื่องจักรก็เหมือนคน ต้องกินของ ‘สุก’ จึงต้องเอาที่ดิบๆมาต้มเพื่อ ‘กลั่น’ แยกส่วนออกมาเป็นเบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเตา ฯลฯ)

    เวเนฯ “ไม่มี” เงินซื้อเบนซิน ดีเซล เพื่อ ‘นำเข้า’ จากต่างชาติ

    เวเนฯ มีทอง แต่ “ไม่มี” ปัญญาจะแลกทองเป็นเงินมาใช้จ่าย เพราะโดนอเมริกาคว่ำบาตรอยู่ ไม่มีแบงค์ไหนกล้าทำให้

    “ไม่มี” “ไม่มี” “ไม่มี” … แล้วทำไง?

    เผอิญเวเนฯ “มี” พันธมิตรที่ชื่ออิหร่าน! และท่ามกลางความ “ไม่มี” ที่อิหร่านก็เผชิญอยู่เฉกเช่นเดียวกัน (โดนคว่ำบาตรเหมือนกัน) หากทว่าอิหร่าน “มี” น้ำใจ!!

    และ “มี” มันสมองด้วย

    ---

    ปฏิบัติการ “น้ำมันแลกทอง” จึงอุบัติขึ้น!

    ฝูงเครื่องบิน “มาฮาน แอร์” (ซึ่งสายการบินนี้ก็โดนคว่ำบาตร!) โฉบข้ามฟ้าจากแดนเปอร์เซีย มุ่งหน้าสู่ถิ่นละตินอเมริกา ขนทั้งของทั้งคน ได้แก่ สารเติมแต่งเบนซิน อะไหล่ และช่างซ่อม เพื่อไปเนรมิตปลุกชีวิตโรงกลั่นเวเนฯ

    นั่นคือขาไป … แล้วขากลับจะปล่อยให้ว่างทั้งลำหรือไร?

    เวเนฯ ย่อมมี ‘สินน้ำใจ’ ให้ขนกลับกรุงเตหะราน … สิ่งนั้นคือ “ทองแท่ง” 9 ตัน

    9 ตันนี่มันแค่ไหน หลักหน่วยเอง ดูไม่น่ามาก … เอิ่ม มูลค่า 5 ร้อยล้านดอลลาร์!!!!!

    สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย --- เวเนฯ ได้น้ำมันกลับมา ‘หล่อเลี้ยง’ ประเทศ อิหร่านก็ได้ทองแท่งมา … เอ่อ จะมาทำอะไรก็ช่าง ทองก็คือทอง มีค่ามหาศาล!

    ---

    ตอนนี้ เงินเวเนฯ แทบไม่มีค่าแล้วนะครับท่าน เงินเฟ้อปาเข้าไป 3,500%

    ถือเงินก็แทบไม่ต่างจากเศษกระดาษ จะเอาไปแลกเป็นสกุลอื่นก็ไม่รู้ต้องโกยต้องกอบมาสุมสักกี่สิบกำ ถึงจะได้สักเหรียญ (และก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะติดโดนคว่ำบาตร)

    อย่างที่ย้ำมาตลอด ทองมีค่าเสมอ พึงเก็บไว้เถิดจะเกิดผล! เคราะห์ดี เวเนฯ มีทองเป็นทุนสำรองฯ เป็นกระตั้ก ราว 70 ตัน เป็น ‘ทางรอด’ เป็น ‘ที่พึ่ง’ ยามเกิดเภทภัย

    และที่สำคัญ ยัง “มี” อิหร่านร่วมชะตากรรม

    เข้าตำรา “น้ำมันล่มในหนอง ทองจะไปไหน” … ก็อุดหนุนจุนเจือกันและกัน

    https://www.bloomberg.com/asia?sref=mu7Gtsbe

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปิดตำนานผู้บุกเบิกโรงแรมดุสิตธานี ‘ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย’ เสียชีวิตลงในวัย 99ปี

    ดุสิตธานี วันนี้(4 พ.ค.) มีข่าวเศร้าในวงการธุรกิจโรงแรมไทยกับการจากไปของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้บุกเบิกโรงแรม “ดุสิตธานี” เมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่ยังเป็นหญิงเหล็กผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เมื่อเย็นวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ด้วยวัย 99 ปี

    โดยมีกำหนดพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม ณ ศาลา100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการท่องเที่ยวไทย

    ประวัติของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” นับตั้งแต่ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์” เป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี ที่ถือเป็นโรงแรมห้าดาวแห่งแรกของไทย สัญลักษณ์แลนด์มาร์ก หัวมุมถนนสีลม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรื้อถอนเพื่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสที่ทันสมัย มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ที่จะเปิดบริการอีกครั้งใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ดินใจกลางเมืองและรับการลงทุนที่เปลี่ยนไป

    The post ปิดตำนานผู้บุกเบิกโรงแรมดุสิตธานี ‘ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย’ เสียชีวิตลงในวัย 99ปี appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #คิมจ็องอึน ผู้นำ #เกาหลีเหนือ ปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจากหายไปนานถึง 2 สัปดาห์ ท่ามกลางข่าวลือต่าง ๆ ทั้งติด #โควิด จนถึงเสียชีวิตไปแล้ว การที่จู่ ๆ ผู้นำโสมแดงหลบไปจากสาธารณะ หรือแม้แต่แกล้งตาย ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เป็นกลลวงที่ใช้มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศ
    #คิมอิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ ปู่ของคิมจ็องอึน น่าจะเป็นคนที่ชาวเกาหลีใต้หวาดกลัวและเกลียดชังมากที่สุด เขาส่งกองทัพเข้าโจมตีเกาหลีใต้เมื่อเดือนมิถุนายน1950 เปิดฉากสงครามเกาหลี ที่สหรัฐ จีน และไทยเข้าร่วมสมรภูมิ สู้รบกันนานกว่า 3 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปหลายล้านคน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยุติการต่อสู้กันไป แต่ว่าในทางกฎหมายแล้ว ยังถือว่าสองเกาหลียังคงเป็นปฏิปักษ์กันอยู่ เพราะไม่มีการประกาศยุติสงคราม หรือสงบศึกแต่อย่างใด
    .
    16 พฤศจิกายน 1986 โชซอล อิลโบ หนังสือพิมพ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ตีพิมพ์ข่าวจากผู้สื่อข่าวประจำกรุงโตเกียว ที่อ้างข่าวในญี่ปุ่นว่า คิมอิลซุงอสัญกรรมแล้ว
    .
    ในวันรุ่งขึ้นโฆษกกองทัพเกาหลีใต้ยังเปิดเผยว่า ที่ชายแดนฝั่งเกาหลีเหนือ มีการกระจายเสียงผ่านลำโพงว่า คิมอิลซุงถูกลอบยิงเสียชีวิต
    .
    18 พฤศจิกายน หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ทุกฉบับ พาดหัวใหญ่ว่า “คิมอิลซุงถูกยิงตาย” ข่าวทั้งฉบับมีแต่เรื่องการลอบสังหารครั้งนี้ และความเห็นของฝ่ายต่าง ๆ เรื่องอนาคตของสองเกาหลี ที่อาจสุ่มเสี่ยงเข้าสู่ความอลหม่านหลังสิ้นผู้นำคนสำคัญ
    .
    แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สื่อเกาหลีเหนือได้แพร่ภาพคิมอิลซุงปรากฏตัวที่สนามบินเปียงยาง เพื่อต้อนรับคณะผู้แทนจากมองโกเลีย
    .
    #เกาหลี ใต้ และตะวันตกเงิบกันถ้วนหน้า ตกหลุมพรางรายงานข่าวการสิ้นชีวิตของผู้นำเกาหลีเหนือ ด้วยข้อมูลที่เป็นการคาดการณ์และเสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่ไม่เคยมีการลงข่าวแก้ไข โชซอลอิลโบ นสพ.ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้เพิ่งจะออกมาขอโทษ ที่เคยรายงานข่าวนายคิมอิลซุงอสัญกรรมผิดพลาด ในวาระครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เมื่อเดือนที่แล้ว ทิ้งความผิดพลาดไว้นานถึง 34ปี
    .
    8 กรกฎาคม1994 คิมอิลซุงถึงแก่อสัญกรรมจากหัวใจวายด้วยอายุ 82 ปี ลูกชายคือ คิมจ็องอิล ขึ้นสู่อำนาจแทนโดยราบรื่น ปราศจากความวุ่นวายต่างจากที่ทั่วโลกคาดการณ์กัน
    *** #คิมจ็องอิล ไม่ขึ้นเครื่องบิน ยังถูกลือระเบิดตายคารถไฟ ***

    คิมจ็องอิล บิดาของคิมน้อย ผู้นำคนปัจจุบัน ก็มีข่าวลือเรื่องการสิ้นชีพหลายครั้ง ที่ดราม่าที่สุด คือในปี 2004 เกิดเหตุระเบิดรุนแรงที่สถานีรถไฟบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือกับจีน ท่ามกลางข่าวลือว่าเป็นความพยายามลอบสังหารคิมจ็องอิล ที่กำลังโดยสารรถไฟกลับจากการเยือนกรุงปักกิ่ง แต่ภายหลังปรากฏว่าเป็นเหตุรถไฟขนเชื้อเพลิงชนกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นการลอบสังหารผู้นำโสมแดงหรือไม่
    .
    คิมจ็องอิลไม่ขึ้นเครื่องบิน เดินทางโดยรถไฟเท่านั้น เขาจึงแทบไม่ไปต่างประเทศ เว้นแต่จีนและรัสเซียเท่านั้น โอกาสในการถูกลอบสังหารจึงน้อยลงไปได้วย แต่ถึงกระนั้นข่าวลือเรื่องการสิ้นชีวิตของผู้นำโสมแดงมีขึ้นอยู่เนือง ๆ หลายครั้งพบว่าเป็นการหยั่งเชิงของฝ่ายเกาหลีเหนือเอง แต่หลายครั้งก็พบว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อปั่นหุ้นหรือหาผลประโยชน์จากฝั่งเกาหลีใต้
    คิมจ็องอิลถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือนธันวาคม 2011 ด้วยอายุ 70 ปี แต่ก่อนหน้านั้นก็ปรากฏภาพของเขาซูบผอมลงมาก และลดการปรากฏตัวในที่สาธารณะ จึงไม่ได้เกิดความปั่นป่วนมากมาย
    *** คิมน้อยเปลี่ยนเกมอำนาจ ไม่เป็นเบี้ย ขอเป็นขุน ****

    คิมจ็องอึน เคยบอกว่ายึดถือคิมอิลซุล ปู่ของเขาเป็นต้นแบบ แต่คิมน้อยเป็นผู้นำที่แตกต่างจากปู่และพ่ออย่างสิ้นเชิง เขาได้รับการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์ รู้วิทยาการและแนวคิดของโลกตะวันตกเป็นอย่างดี ทันสมัยยิ่งกว่าปู่และพ่อ
    .
    คิมน้อยมีปัญหาสุขภาพจากโรคอ้วน สูบบุหรี่จัด ทำงานหนัก ช่วงปี 2014 เขาก็เคยหลบไปพักนานถึง 6 สัปดาห์ และกลับมาโดยต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง แต่ต่อมาก็ปรากฏว่าเขาเพียงแค่ไปผ่าตัดเนื้องอกที่ข้อเท้าเท่านั้น
    .
    ครั้งล่าสุดนี้ คิมน้อยหลังหายหน้าไปแค่ 2 สัปดาห์ แต่กลับมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมากมาย สำนักข่าวบางแห่งถึงกับอ้างคำบอกเล่าของชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ว่า “มั่นใจ 99%ว่าคิมจ็องอึนตายแล้ว” แต่สุดท้ายก็เงิบกันเป็นทิวแถว เมื่อคิมน้อยปรากฏตัวเดินเหินอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีวี่แววของคนที่เพิ่งป่วยหนักแต่อย่างใด
    .
    เกาหลีเหนือในยุคของคิมน้อยแตกต่างจากสมัยปู่และพ่ออย่างมาก คิมจ็องอึนไม่ได้พึ่งพาแต่จีน แต่จับมือกับโดนัลด์ ทรัมป์ กอดกับมุนแจอิน ยิงขีปนาวุธเขย่าขวัญญี่ปุ่น
    เกาหลีเหนือวันนี้ไม่ใช่ไพ่ตายในมือจีน ไม่ใช่หมากบนกระดานของมหาอำนาจ แต่พยายามจะเป็น “คนเดินหมาก” เอง
    หากแต่ “จุดอ่อน” ที่สำคัญของแดนโสมแดงคือ ผูกขาดอำนาจไว้ที่ตระกูลคิมเท่านั้น ถ้าคิมน้อยสิ้นชีพ โอกาสที่จะเกิดความอลหม่านสูงมาก หนทางที่จะรักษาอำนาจเผด็จการในแดนโสมแดงไว้ได้ในระยะยาว คือสร้างระบบการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แบบเดียวกับ #จีน ที่แม้เหมาเจ๋อตงสิ้นชีพ แต่แดนมังกรก็ยังคงอยู่ยั้งยืนยง และรุ่งโรจน์กว่าเดิมด้วย.

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เกาหลี ย้ำไม่จับชั่วคราว❗️ วอน #ผีน้อย ทุกชาติให้ความร่วมมือต้าน #โควิด
    รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศว่าจะหยุดการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายและจะช่วยให้พวกเขาได้รับการวินิจฉัยโรครวมไปถึงรักษา COVID-19 ด้วย
    .
    จากที่มีการออกมาประกาศว่าจะหามาตรการจริงจังกับการหยุดการระบาดของโควิด-19ในเกาหลีใต้ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะหยุดปราบปรามผีน้อยชั่วคราว ลั่นเตรียมข้อมูลครบด้านครบทุกภาษาในการขอตรวจและการขอรับการรักษา รวมทั้งตรวจหาเชื้อตามสถานประกอบการต่างๆ
    .
    ข้อมูลจะถูกส่งไปยังผีน้อยกว่า 390,000 คนทั้งหมด 16 ภาษาตามพื้นที่ๆมีแรงงานต่างชาติหนาแน่น
    .
    กระทรวงยุติธรรมออกมาเน้นย้ำว่าหยุดปราบปรามแล้วจริงๆ เพื่อจะได้ให้ทุกคนหายห่วงว่าจะไม่ต้องถูกส่งกลับประเทศ



     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักไวรัสวิทยาคนสำคัญ ปฏิเสธแปรพักตร์

    รายงานข่าวสื่อจีนเมื่อเสาร์(2 พ.ค.)ที่ผ่านมา ระบุว่านักไวรัสวิทยาชื่อดังแห่งสถาบันไวรัสวิทยา ณ เมืองอู่ฮั่น นาง สือ เจิงลี่ ผู้ตกเป็นเป้าของทฤษฎีวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่โจษจันกันว่า “เธอแปรพักตร์ และเผ่นหนีออกจากจีน”

    “ไม่ว่าจะต้องเผชิญปัญหาร้ายแรงแค่ไหน ไม่มีวันที่จะเกิดเหตุการณ์แปรพักตร์ตามที่ข่าวลือโจษจันกัน” นางสือ นักวิจัยไวรัสค้างคาวชื่อดังระดับโลก โพสต์ข้อความถึงเพื่อนๆในโซเชียล มีเดียจีน วีแชท เมื่อวันเสาร์(2 พ.ค.)

    https://mgronline.com/china/detail/9630000046566

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตอนนี้เกิดประเด็นพูดคุยกันอย่างมากที่ #ญี่ปุ่น ว่า เมื่อสามีไม่ได้ออกไปทำงานและต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านกับภรรยามากขึ้นกลับไม่ใช่เรื่องดี ทำให้เกิดปัญหา #ความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ที่บางบริษัทมีการลดเงินเดือน หรือบางสถานประกอบการก็ต้องปิดกิจการทำให้คนตกงานมากขึ้น
    https://mgronline.com/japan/detail/9630000045716

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โอโมเทนาฉิ เป็นลักษณะเฉพาะตัวของ #ญี่ปุ่น เพราะเห็นมาตลอดช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเสียจนชิน แต่ยังไม่เคยพบเจอบริการขนาดนี้ในประเทศอื่นเลย ความช่างคิดและละเอียดลออไปทุกกระเบียดนิ้วของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง
    https://mgronline.com/japan/detail/9630000046002

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนงานไทยใน #ไต้หวัน เมาจัดกลับหอไม่ถูก เดินขึ้นทางด่วน 5 กม. ถูกตำรวจช่วยเหลือลงมาได้ โดนปรับ 3,000 เหรียญ
    แรงงานไทยรายหนึ่ง ดื่มสุราเมาจนจำทางกลับโรงงานไม่ได้ เดินโซเซขึ้นทางด่วนสาย 74 เชื่อมระหว่างเมืองไทจงและเมืองจางฮั่ว ท่ามกลางรถยนต์ที่แล่นผ่านไปด้วยความเร็วสูง ทำเอาผู้ขับรถตกใจไปตามๆ กัน ต่างโทรศัพท์แจ้งตำรวจไปช่วยเหลือกลับลงมาได้อย่างปลอดภัย
    .
    เหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา บนทางด่วนเชื่อมระหว่างไทจงและจางฮั่ว ช่วงเขตอูรื่อ มีคนเมาสุราเดินเซไปเซมาอยู่บนไหล่ทางของทางด่วน ทำเอาคนขับรถผ่านไปมาตกใจ เพราะเสี่ยงต่อถูกรถที่แล่นด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชน จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจทางด่วน
    .
    เมื่อตำรวจไปถึง เห็นคนเมาหมอบกอดราวเหล็กขอบทางด่วน และมีอาการเหนื่อยหายใจหอบ ตำรวจเปิดโทรโข่งเรียกให้มาหา เพื่อพาขึ้นรถลงจากทางด่วนกลับไปยังโรงพักได้อย่างปลอดภัย พร้อมโทรศัพท์แจ้งพี่สาวที่มาตั้งรกรากในไต้หวันมารับกลับไป แม้จะโชคดีไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่การเดินขึ้นทางด่วนเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎจราจร ถูกปรับ 3,000 เหรียญไต้หวัน
    .
    จากการตรวจสอบพบว่า เป็นแรงงานไทยชื่อนายสมพงศ์ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ทำงานอยู่แถวเขตอูรื่อ นครไทจง หลังสร่างเมานายสมพงศ์ให้การว่า ตนเนื่องจากทะเลาะกับเพื่อน ไม่สบายใจจึงดื่มสุราที่ร้านอาหารไทยจนเมา และไม่ทราบเหมือนกันว่าเดินขึ้นทางด่วนได้อย่างไร ?
    .
    ตำรวจแจ้งให้ทราบว่า ทางด่วนขึ้นได้เฉพาะรถยนต์เท่านั้น ยานพาหนะชนิดอื่นอย่างจักรยาน จักรยานไฟฟ้าหรือรถมอเตอร์ไซค์ รวมทั้งคนเดินเท้าขึ้นไม่ได้ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 3,000-6,000 เหรียญไต้หวัน
    .
    แม้จะได้รับใบสั่งต้องไปเสียค่าปรับ 3,000 เหรียญ แต่นายสมพงศ์ก็แสดงความขอบคุณตำรวจที่ช่วยให้ตนลงมาจากทางด่วนได้อย่างปลอดภัย โดยกล่าวว่า ตำรวจไต้หวันมีอัธยาศัยดี เป็นมิตร ที่สำคัญได้ช่วยให้ตนรอดพ้นจากอันตราย ก่อนที่พี่สาวจะรับกลับไปยังโรงงาน นายสมพงศ์ขอถ่ายรูปร่วมกับตำรวจไว้เป็นที่ระลึกด้วย
    .
    ในอดีตเคยมีแรงงานไทยและเวียดนาม หลงทางปั่นรถจักรยานขึ้นทางด่วนมาแล้วหลายครั้ง ถึงขั้นบางคนถูกรถชนเสียชีวิตไปแล้ว จึงเตือนเพื่อนแรงงานไทยต้องระมัดระวัง หลีกเลี่ยงดื่มสุรา อย่าเดินขึ้นหรือปั่นจักรยานขึ้นทางด่วนเด็ดขาด ไม่เพียงเสียค่าปรับ ที่สำคัญเสี่ยงต่อการถูกรถชน

    https://th.rti.org.tw/radio/programMessageView/id/102588

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมก็ชอบคิดแบบนี้ เดี๋ยวเรื่องร้ายๆ ก็ผ่านไป พยายามทำแต่สิ่งที่ดี ไปในทางที่ดี วันหนึ่งก็จะพบความสุข เห็นตัวอย่างคนที่ทำร้ายตัวเอง คิดว่าตัวพบแต่เรื่องร้าย วันๆเอาแต่ดื่มเหล้า ไม่สนใจทำงานทำการ สุดท้ายชีวิตของเขาเป็นยังไง

    FB_IMG_1588583118820.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมือง #Samsun #ตุรกี
    ฝูงแกะตัวโตว้าว บุกเข้ายึดใจกลางเมืองซัมซัน ตุรกีระหว่างการกักกัน
    2020/03/05

    #Samsun #City #Turkey
    Wow huge flock of sheep invades Samsun Turkey city center during quarantine.
    03.05.2020

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศบค.ยันยังเปิดคินิกเสริมความงามไม่ได้ เหตุใช้เวลานาน มีความเสี่ยงแพร่โรคสูง ยังต้องปิดต่อเนื่อง

    เตือนคนแห่ซื้อเหล้า ซื้อสินค้า ยังต้องคงมาตรการป้องกัน 5 ข้อ

    1.ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส

    2.สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า

    3.ล้างมือบ่อยๆ

    4.รักษาระยะห่าง 1 เมตร

    5.ลดเข้าพื้นที่แออัด-ลดใช้เวลานาน

    ผู้ประกอบการ ผู้รับบริการต้องร่วมมือช่วยกัน ลั่นหากตัวเลขติดเชื้อเพิ่มจะกลับไปปิดตามเดิม หากทำได้ดี ตัวเลขไม่เพิ่มจะขยายผ่อนปรนต่อ

    #Qol #MGROnline #โควิด19

    https://mgronline.com/qol/detail/9630000046483

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประกันสังคมเผยลูกจ้างยื่นรับเงินทดแทนว่างงานจาก #โควิด19 จำนวน 1,177,841 ราย ไม่เข้าเกณฑ์ 2.19 แสนราย มีสิทธิรับเงินเยียวยา 9.5 แสนราย

    พบจ่ายเงินแล้ว 4.5 แสนราย เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท เร่งทยอยจ่ายอีก 2 แสนราย

    ส่วนอีก 2.9 แสนรายยังจ่ายไม่ได้ เหตุนายจ้างยังไม่รับรอง ย้ำต้องตรวจสอบก่อน หากนายจ้างยังจ่ายเงิน หรือจ่าย 75% ตาม กม.คุ้มครองแรงงาน จะใช้สิทธินี้ไม่ได้

    แจงเงินเดือนเท่ากันได้รับเงินไม่เท่ากัน เพราะวินิจฉัยจ่ายคนละวัน แต่รวม 90 วันได้เงินเท่ากันแน่นอน

    #Qol #MGROnline #ประกันสังคม

    https://mgronline.com/qol/detail/9630000046569

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.ชี้นางรำแก้บนสวมหน้ากาก-ใส่เฟซชีลด์ มีระยะห่าง 1-2 เมตร จัดสถานที่ไม่แออัด ไม่ใกล้ชิดคนดู สามารถทำได้ มีความปลอดภัยพอสมควร

    #Qol #MGROnline #นางรำ #รำแก้บน #โควิด19

    https://mgronline.com/qol/detail/9630000046621

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปิดโรงแรม”เชอราตัน”สุขุมวิท หยุดจ้างพนักงานชั่วคราว เหตุสุดวิสัย
    ..

    สืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงแรมอย่างรุนแรง จนทำให้โรงแรมไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ โรงแรมของเราจึงจำเป็นต้องปิดการดำเนินกิจการของโรงแรม โดยเป็นเหตุสุดวิสัยตามกฎกระทรวง เรื่องการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ในระหว่างที่โรงแรมปิดนี้ขอแจ้งให้ทราบว่า

    1.ในส่วนของสัญญาจ้างก่อนหน้า และข้อตกลงที่มีมา และจดหมายแจ้งใด ๆ จะหยุดชั่วคราว ท่านไม่ต้องมาทำงานเป็นการชั่วคราวอันเนื่องมาจากการปิดโรงแรมจากเหตุสุดวิสัย และจะไม่ได้รับค่าจ้างหรือเบี้ยเลี้ยงในระหว่างการพักงานชั่วคราวนี้

    2.อย่างไรก็ดี หากท่านได้จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือนในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา ท่านอาจมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายเดือน โดยคิดจากอัตราค่าจ้างรายเดือนสูงสุด 15,000 บาท เป็นระยะเวลาสูงสุด 90 วันต่อปี

    3.อายุงานของท่านจะยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง

    4.ในกรณีที่เหตุสุดวิสัยบรรเทาลง เราจะแจ้งให้ท่านทราบขั้นตอนต่อไป หากท่านได้รับคำสั่งให้รายงานตัวกลับเข้าทำงานแล้วไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่

    โปรดรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของตัวท่านเอง เรารู้สึกซาบซึ้งในความทุ่มเท ความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นของท่าน และขอขอบคุณที่ท่านเข้าใจและให้ความร่วมมือในช่วงระยะเวลาที่ท้าทายเป็นอย่างมากนี้
    หากท่านมีข้อวิตกกังวลใด ๆ ขอให้ติดต่อผม/ดิฉันได้ทันที

    ขอแสดงความนับถือ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ยะลาผลบวกเป็นลบทั้ง 40 ราย รัฐไทยปิดข่าวหรือเปล่า”
    .
    กรณีที่ จ.ยะลา ที่มีการคัดกรองแบบสแกนตรวจเชื้อในพื้นที่ระบาด แล้วมีรายงานผลจากห้องปฏิบัติการ (lab)หลุดออกมาว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิดรวดเดียว 40 รายจากกลุ่มตัวอย่างที่ตรวจ 311 ราย” ข่าวนี้สร้างความแตกตื่นอย่างมาก เงียบกันไปทั้งเมืองยะลา แต่ก็สร้างความน่าสงสัยสำหรับสายสุขภาพมากว่า “จริงหรือไม่”

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ทรัมป์” ขู่จีนพร้อมยกเลิกข้อตกลงการค้าเฟส 1 ตอบโต้ที่จีนป็นต้นเหตุของการระบาด COVID-19 นักลงทุนกังวลความขัดแย้งกดดันตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ร่วง 3-4% “บล.กสิกรไทย” แนะจับตาคู่กับทิศทางค่าเงินหยวน กลยุทธ์ช่วงนี้ “Sell in May 2020” ในช่วง 1,300-1,320 จุด โอกาสทยอยขายทำกำไร
    .
    บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย รายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้(4 พ.ค.63) ดิ่งลง 3-4% ภายหลังประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ออกมาขู่พร้อมยกเลิกข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับจีน โดยทรัมป์ให้สัมภาษณ์ถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีต้นกำเนิดจากจีน และทิ้งท้ายว่าหากจีนไม่สามารถทำตามข้อตกลง กล่าวคือนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ก็พร้อมจะยกเลิกข้อตกลงการค้าทั้งหมด
    ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่า สงครามการค้ารอบนี้แนะให้ดูทิศทางค่าเงินหยวนประกอบ หากอ่อนค่าในระดับ 7.2 แสดงสัญญาณไม่ดี จึงคงมุมมอง Sell in May 2020 โดยประเมินว่าระดับ 1,300-1,320 จุด เป็นโอกาสขายทำกำไร

    อย่างไรก็ตามจากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าเดือน พ.ค.จะให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ โดยเฉลี่ย SET ติดลบ 2% ( สถิติ 30 ปี SET -1.3%) และหากประเมินรายกลุ่มเราพบว่ากลุ่มที่ติดลบมากที่สุดได้แก่กลุ่มพลังงาน (-3.8%), กลุ่มธนาคาร (-2.85%), กลุ่มอสังหา (-1.58%), กลุ่ม ICT (-1.04%) และมีเพียง 2กลุ่มที่บวกนั่นคือกลุ่มก่อสร้าง (+4.1%) และกลุ่มค้าปลีก (+0.3%

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Schumann resonance แกมมาความถี่สูง เสียงสะท้อนของแมนน์แมนน์และผลของมันต่อจังหวะของความตื่นตัว - การนอนหลับของมนุษย์ Schumann resonance research เร็ว ๆ นี้
    06.11.2019


    6 ตุลาคม 2557, 03:08 น

    ต้นฉบับมาจาก alvantara ในเสียงสะท้อน Schuman และผลกระทบต่อจังหวะของความตื่นตัว - การนอนหลับของมนุษย์

    “ มันช่างน่าอัศจรรย์มากราวกับว่าผู้สร้างออกแบบไฟฟ้าบนโลกใบนี้”
    Nikola Tesla

    โลกและชั้นบรรยากาศของมัน

    ทุกอย่างเริ่มต้นจาก Nikola Tesla (1856-1943) ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับบรรยากาศรอบนอก จริงพยายามอธิบายออโรร่าและลักษณะเฉพาะของสนามแม่เหล็กโลกนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษได้แสดงความคิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของชั้นตัวนำในบรรยากาศชั้นบน แต่เรื่องนี้ไม่ได้ไปไกลเกินกว่าการคาดเดานี้: เหตุผลที่ว่าทำไมเลเยอร์ดังกล่าวควรมีอยู่อย่างชัดเจน

    สมมติฐานนี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะร่างชัดเจนขึ้น ในปี 1891 Nikola Tesla แนะนำการปรากฏตัวของรังสีคอสมิกมาจากดวงอาทิตย์ และหลังจากนั้นไม่นานนักวิทยาศาสตร์ก็ตระหนักว่ารังสีดวงอาทิตย์นี้น่าจะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกแตกตัวในระดับสูงและสร้างชั้นที่มีการนำไฟฟ้ารอบโลก (รูปที่ 1)

    เนื่องจากชั้นล่างของชั้นบรรยากาศเป็นฉนวนที่ดีชั้นบนที่มีกระแสไฟฟ้านี้ Tesla เชื่อว่าจะต้องมีประจุไฟฟ้าเมื่อเทียบกับพื้นผิวของโลกและแรงดันไฟฟ้ามหาศาล - มากถึงหลายแสนและโวลต์ถึงนับล้าน กล่าวอีกนัยหนึ่งโลกพร้อมกับชั้นนำไฟฟ้าสูงสูงเป็นเหมือนตัวเก็บประจุทรงกลมขนาดยักษ์

    ความคิดของเทสลานั้นเรียบง่ายและยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน: เพื่อเรียนรู้วิธีการใช้ไฟฟ้าแปลงและส่งแบบไร้สายไปยังมุมที่ห่างไกลที่สุดของโลก การทำให้ผู้คนมีความสุขยิ่งขึ้นด้วยการจัดหาไฟฟ้าฟรีจำนวนหนึ่งให้พวกเขาคือสิ่งที่เขาฝัน ในปี 1897 เขาได้ยื่นใบสมัครในสหรัฐอเมริกาและรัสเซียเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับส่งพลังงานไฟฟ้าในระยะทางไกลผ่านชั้นบรรยากาศชั้นบนที่บางมาก (คำว่า "บรรยากาศรอบนอกโลก" ปรากฏขึ้นภายหลังในการใช้งานทางวิทยาศาสตร์) สามปีต่อมาเขาได้รับสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย (รูปที่ 2)

    มะเดื่อ 2 สองปีหลังจากสิทธิบัตรของเทสลาในปี 1902 ศึกษาทางเดินของคลื่นวิทยุอังกฤษ O. Heaviside (1850-1925) และ American A.E Kennelly (1861-1939) เป็นอิสระมาสรุปว่ามีชั้นบรรยากาศที่แตกตัวเป็นไอออนที่มีการนำไฟฟ้าสูงเหนือโลกที่สามารถสะท้อนคลื่นวิทยุสั้น ๆ มันถูกเรียกว่าชั้น Heaviside-Kenneli และจากนั้นบรรยากาศรอบนอก

    การวิจัยเกี่ยวกับบรรยากาศรอบนอกได้เริ่มขึ้นแล้ว นักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศสะสมความรู้อย่างรวดเร็วและในไม่ช้ามันก็ชัดเจนว่าบรรยากาศรอบนอกมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นในวันนี้เป็นที่ชัดเจนว่าหากไม่มีเลเยอร์อันน่าทึ่งรอบโลกมันก็คงไม่มีชีวิตบนโลกของเรา ประการแรกเทสลาคาดเดาเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าของบรรยากาศรอบนอกได้รับการยืนยันแล้ว บรรยากาศชั้นบนที่แตกตัวเป็นไอออนและเป็นสื่อกระแสไฟฟ้าซึ่งสัมพันธ์กับพื้นผิวโลกนั้นมีประจุบวก ในทางกลับกันพื้นผิวโลกที่มีน้ำใต้ดินและน้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทรซึ่งมีค่าการนำไฟฟ้าที่สูงเพียงพอก็มีประจุลบ
    ระบบของลูกบอลที่มีประจุตรงข้ามกันสองจุดในระบบฟิสิกส์นี้เรียกว่าตัวเก็บประจุของลูกบอล (รูปที่ 3) ความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทรงกลมของตัวเก็บประจุของโลกกลายเป็นเรื่องใหญ่ - โวลต์นับแสน

    ความตึงเครียดนี้จะลดลงเมื่อใดก็ตามที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง มีการปลดปล่อยชั้นไอโอโนสเฟียร์บางส่วน แต่ตัวเก็บประจุของโลกไม่เคยถูกปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์: บรรยากาศรอบนอกจะถูกชาร์จด้วย "ลมสุริยะ" อย่างต่อเนื่อง อนุภาคพลังงานสูงของมันทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องและทำให้โมเลกุลอากาศแตกตัวเป็นไอออน ในความเป็นจริงแล้วบรรยากาศของไอโอสเฟียร์ตามที่เทสลาแนะนำนั้นกลายเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้านิรันดร์และการสะสมกระแสไฟฟ้า

    คุณสมบัติที่น่าทึ่งอันดับที่สองของบรรยากาศรอบนอกคือการที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับการแผ่รังสีบางอย่าง บรรยากาศรอบนอกนั้นทำหน้าที่เหมือนกระจกบานใหญ่ (รูปที่ 4) การสะท้อนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถส่งผ่านในระยะทางไกลได้

    แต่นี่ยังไม่เพียงพอ จากมุมมองของวิศวกรรมวิทยุทรงกลมขนาดใหญ่ทั้งสองนี้วางอยู่ที่อื่น - โลกและชั้นบรรยากาศรอบนอกของไอโอโนสเฟียร์ - ก่อตัวเป็น resonator ทรงกลมขนาดใหญ่คล้ายกับพื้นที่ภายในเครื่องดนตรีสตริงที่คลื่นเสียงดังก้อง ในกรณีนี้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะดังก้อง ช่องนี้เต็มไปด้วยสื่อนำไฟฟ้าที่อ่อนแอและล้อมรอบด้วยสองพื้นผิวที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้า - พื้นผิวโลกและชั้นบรรยากาศรอบนอก - เป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมเป็นท่อนำคลื่นสำหรับส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รูปที่ 5)

    มะเดื่อ 5

    ในตัวสะท้อนพลังงานคลื่นความถี่บางอย่างที่สะท้อนซ้ำ ๆ จากชั้นไอโอสเฟียร์และพื้นผิวโลกสามารถรอบโลกได้มากกว่าหนึ่งครั้ง หากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในโพรงของแร่หลังจากปัดเศษโลกอีกครั้งเกิดขึ้นพร้อมกับเฟสของตัวเองนั่นคือเข้าสู่เสียงสะท้อนจากนั้นคลื่นนิ่งที่เรียกว่าจะเกิดขึ้น แม้จะไม่มีการชาร์จเพิ่มเติม แต่ก็สามารถมีอยู่ได้ระยะหนึ่ง

    คนแรกที่สังเกตและอธิบายปรากฏการณ์นี้ - การปรากฏตัวของความถี่ต่ำพิเศษใกล้โลก - คือ Nikola Tesla ต่อมาเมื่อมีการศึกษาเกี่ยวกับบรรยากาศนอกลู่นอกทางอย่างหนาแน่นในประเทศต่าง ๆ ความถี่เรโซแนนท์ของบรรยากาศรอบนอกถูกวัดด้วยความแม่นยำสูง

    Schuman Waves

    คนแรกที่รายงานว่า resonator ทรงกลม Earth-ionosphere ยักษ์มีความถี่คงที่หลายอย่างคือ Winfried Otto Schumann ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก (1888-1974) อดีตสมาชิกของสมาคมนาซีลับ Thule and Vril นักวิจัยของพลังงานทางเลือกรูปแบบและนักพัฒนาของ Levitator สำหรับจานบินของ Third Reich เผยแพร่ข้อมูลนี้หลังสงคราม - ในปี 1949 และในปี 1952 ตีพิมพ์ในวารสารฟิสิกส์ (รูปที่ 6)

    รูปที่ 6
    การสำรวจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในโพรงของโลก - ไอโอโนสเฟียร์แมนน์ทำนายการดำรงอยู่ของเรโซแนนซ์ธรรมชาติในไอโอโนสเฟียร์ในทางทฤษฎี การคำนวณของเขาขึ้นอยู่กับขนาดของโลกและบรรยากาศรอบนอกของมันเป็นครั้งแรกแสดงให้เห็นความถี่ของเสียงสะท้อนหลักของโลกที่ประมาณ 10 เฮิร์ตซ์ ต่อมาหลังจากการศึกษาและการตรวจสอบข้ามจำนวนมากความถี่ที่แน่นอนของโลกได้รับการพิจารณาทดลอง - 7.83 เฮิร์ตซ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคลื่นของความถี่นี้แพร่กระจายด้วยความเร็วแสงในเลเยอร์ทรงกลมระหว่างพื้นผิวโลกและไอโอโนสเฟียร์ที่ต่ำกว่าเวียนรอบโลกประมาณ 8 ครั้งต่อวินาที ตั้งแต่นั้นมาในทางวิทยาศาสตร์ความถี่ของ 7.83 Hz ได้รับการเรียกว่าความถี่เสียงสะท้อนแมนน์หรือคลื่นแมนน์ การรู้ความถี่ของโลกนั้นไม่ยากที่จะคำนวณความยาวคลื่น Schuman - 38,000 กม. คลื่นนิ่งนี้ประมาณสอดคล้องกับเส้นรอบวงของโลก - 40,000 กิโลเมตร

    พูดเกี่ยวกับแร่ "Earth - ionosphere" มันเหมาะสมที่จะเปรียบเทียบกับกระดิ่ง เสียงระฆังแต่ละอันตามที่คุณทราบมีความถี่พื้นฐานบางอย่าง - "โน้ต" และฮาร์โมนิกส์จำนวนหนึ่งที่ให้เสียงต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ เรารู้ดี: เพื่อให้เสียงระฆังสั่นสะเทือนจะต้องถูกกระทบ กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณต้อง "ปั๊ม" ด้วยพลังงาน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีเสียงกระดิ่งตรงไหนมันก็ตอบสนองทุกอย่างมันจะส่งเสียงหึ่งๆ ในทำนองเดียวกันพลังงานจะถูกสูบเข้าสู่ตัวกระจายพลังงานของโลก เช่นเดียวกับเสียงระฆัง resonator Earth-ionosphere มีความถี่พื้นฐานบางอย่าง (7.83 Hz) - "โน้ต" และหมายเลขฮาร์โมนิก - ความถี่เรโซแนนท์ วันนี้แปดความถี่ของแมนน์สเป็นที่รู้จักกัน ค่ากลมของพวกเขาคือ: 8-14-20-26-32-39-45-50 Hz คลื่นความถี่ต่ำพิเศษเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่าคลื่นแมนน์แมน (รูปที่ 7)

    มะเดื่อ 7

    มีสมมติฐานหลายประการสำหรับการปรากฏตัวของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในโพรงโลก - ชั้นบรรยากาศ วันนี้นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเหตุผลหลักสำหรับการกระตุ้นของบรรยากาศรอบนอกที่ความถี่เรโซแนนซ์คือการปล่อยกระแสไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ - ฟ้าผ่า พายุฟ้าคะนองฟ้าร้องทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นประมาณ 2,000 ดวงบนโลก - จาก 50 ถึง 100 ฟ้าแลบทุกวินาที ฟ้าผ่าแต่ละอันสำหรับบรรยากาศรอบนอกโลกนั้นเหมือนกับระฆัง สายฟ้าสร้างรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทรงพลังในเกือบทุกช่วงความถี่ แต่ resonator โลก - ionosphere จาก "เสียงสีขาว" นี้ดูดซับพลังงานส่วนใหญ่ที่ความถี่เรโซแนน การได้รับเครื่องสูบน้ำพลังงานคงที่จากฟ้าผ่าทำให้ชั้นบรรยากาศ "เสียง" ตรงตามความถี่เหล่านี้อย่างแม่นยำ โลกพูดพร้อมกับร้องเพลงหลายเสียง

    หลังจากอ่านบทความโดย Schumann ในปี 1952 ในความถี่เรโซแนนซ์ของบรรยากาศรอบนอก, Herbert Königแพทย์ชาวเยอรมันได้ให้ความสนใจกับความบังเอิญของความถี่เรโซแนนท์หลักของบรรยากาศรอบนอกของไอโซโทป 7.83 Hz ด้วยช่วงคลื่นอัลฟ่า (7.5-13 Hz) เขาพบสิ่งที่อยากรู้อยากเห็นนี้และเขาได้ติดต่อกับแมนน์แมน จากช่วงเวลานี้การวิจัยร่วมของพวกเขาเริ่ม ปรากฎว่าความถี่เรโซแนนท์อื่น ๆ ของบรรยากาศรอบนอกสอดคล้องกับจังหวะหลักของสมองมนุษย์ ความคิดที่เกิดขึ้นจากการสุ่มของเรื่องบังเอิญนี้ ว่าบรรยากาศรอบนอกนั้นเป็นออสซิลเลเตอร์ต้นแบบสำหรับ biorhythms ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกซึ่งเป็นตัวนำของวงออร์เคสตราที่เรียกว่าชีวิต (รูปที่ 8)

    มะเดื่อ 8

    การศึกษาดำเนินการในประเทศต่าง ๆ ในช่วงปี 1960-70 นักวิทยาศาสตร์มีความเข้มแข็งในความคิดเห็นนี้ ปรากฎว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกเป็นลูกของเธอซึ่งจังหวะในกระบวนการวิวัฒนาการปรับให้เข้ากับการเต้นของหัวใจและการหายใจของโลก

    ดังนั้นวันนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคลื่นสมองของมนุษย์ซึ่งถูกบันทึกไว้ในอิเลคโตรโฟโตแกรม วิทยาศาสตร์สมัยใหม่มีความแตกต่างในจังหวะสมองหลักสี่ (รูปที่ 9)

    เบต้าจังหวะ (13-35 Hz, แอมพลิจูด - 5-30 μV) พวกเขาแสดงออกได้ดีเมื่อบุคคลอยู่ในสถานะตื่นตัวตื่นตัวอยู่กับสภาพแวดล้อมและแก้ปัญหาทางปัญญา ตามอัตภาพจังหวะเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง: เบต้า -1 (13-25 Hz) - จังหวะของการทำงานของสมองประจำวันปกติ beta-2 (25-35 Hz) - จังหวะของการทำงานของสมองที่ตื่นเต้น ในกรณีที่มีกิจกรรมเบต้ามากเกินไปบุคคลนั้นจะรู้สึกวิตกกังวลหวาดกลัวและตื่นตระหนก ในทางกลับกันการขาดคลื่นเบต้าเกี่ยวข้องกับความหดหู่ความสนใจในการคัดเลือกต่ำและปัญหาเกี่ยวกับการจดจำข้อมูล

    จังหวะอัลฟ่า(7.5-13 Hz, แอมพลิจูด - สูงถึง 100 μV) อีกหนึ่งจังหวะสำคัญของสมองของเราคือจังหวะของคลื่นอัลฟ่าซึ่งเป็นคลื่นที่รุนแรงที่สุดในบรรดาคลื่นสมอง จังหวะอัลฟ่าเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มที่จะผ่อนคลายอย่างอดทนหยุดคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างรีบเข้าสู่สภาวะแห่งความสงบสุขเริ่มหลับในขณะหลับตา ในความเป็นจริงนี่คือจังหวะของเส้นขอบระหว่างการนอนหลับและความตื่นตัวมันเกิดขึ้นระหว่างการตื่นและก่อนหลับ จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้จังหวะของอัลฟาเปิดใช้งานกระบวนการบำบัดของร่างกายอย่างเข้มข้นมากกว่าจังหวะบีตาถึงสิบเท่า เป็นจังหวะนี้ครอบงำการเชื่อมต่อระหว่างจิตสำนึกของมนุษย์และหลักการ "พระเจ้า" บางอย่างที่ขจรขจายทุกอย่างรอบตัวเราด้วยเขตข้อมูลของจักรวาลมักจะมาเยี่ยมโดยคนที่มองการณ์ไกล, ข้อมูลเชิงลึกความคิดสร้างสรรค์ ... สังเกตว่าคลื่นอัลฟา ในสมองของสัตว์จะมีการบันทึกเฉพาะองค์ประกอบที่แยกได้และไม่สม่ำเสมอของจังหวะเหล่านี้ นี่เป็นสาเหตุที่สัตว์มีสติน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมนุษย์หรือไม่?
    มะเดื่อ 9

    จังหวะที(4-7.5 Hz, แอมพลิจูด - 10-30 μV) เมื่อเราเริ่มมีอาการง่วงนอนความเข้มของคลื่นอัลฟ่าจะลดลงพวกมันจะถูกแทนที่ด้วยจังหวะทีต้า ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อลดลงภาพที่ไม่คาดฝันเหมือนฝันปรากฏขึ้นในใจพร้อมกับความทรงจำที่สดใสโดยเฉพาะจากภาพในวัยเด็ก เราค่อยๆตกอยู่ในความฝันปกติ รัฐ theta เปิดการเข้าถึงเนื้อหาของส่วนที่หมดสติของจิตใจไปสู่จิตใต้สำนึก - ข้อมูลจากเขตข้อมูล, การเชื่อมโยงฟรี, ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่คาดคิด, ความคิดสร้างสรรค์ โปรดทราบว่าจังหวะ theta ยังมีลักษณะของสถานะของการทำสมาธิและความมึนเมายา ...

    จังหวะเดลต้า (0.3-4 Hz, แอมพลิจูด - 50-500 μV) และจังหวะที่ช้าที่สุดของสมองของเราคือจังหวะเดลต้า นี่คือจังหวะของคนที่หลับสนิทสัญลักษณ์ของการพักผ่อนที่สมบูรณ์การแช่สมาธิหรือความมึนงงเป็นสัญญาณของอาการโคม่า ... ด้วยการครอบงำของคลื่นเดลต้าสมองจะปลดปล่อยฮอร์โมนการเจริญเติบโตส่วนใหญ่และร่างกายมีส่วนร่วมอย่างมากในกระบวนการบำบัดด้วยตนเอง

    จังหวะแกมมา (35-100 Hz, แอมพลิจูดขนาดเล็ก - สูงถึง 15 μV) - จังหวะของการทำงานของสมองที่ตื่นเต้นและวิตกกังวล, การคิดเชิงตรรกะอย่างรวดเร็ว, การแก้ปัญหาในสภาวะที่ยากลำบาก, ด้วยความกดดันด้านเวลา, จังหวะการรุกราน

    พื้นที่ของจังหวะเหล่านี้แสดงให้เห็นตามอำเภอใจ: บนแกนความถี่พวกมันตามกฎแล้วทับซ้อนกัน แน่นอนว่ามีจังหวะสมองอื่น ๆ แต่พวกเขาจะสังเกตเห็นในคนจำนวนเล็กน้อย (5-15%) ของคนหรือในบางสถานการณ์เท่านั้น

    ผลของความถี่แมนน์สที่มีต่อจังหวะของสมอง

    ความจริงที่ว่าความเข้มของเสียงสะท้อนแมนน์แมนน์ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมประสาทที่สูงขึ้นของบุคคลและความสามารถทางปัญญาของเขาได้รับการพิสูจน์กลับมาในช่วงกลางศตวรรษที่ผ่านมา

    คาดว่าจะเป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดเราอยู่ใน resonator โลก - ionosphere ขนาดใหญ่ความถี่หลักที่เกือบจะสมบูรณ์ตรงกับความถี่หลักของสมองของเรา - จังหวะอัลฟาและเบต้า (รูปที่ 10) และหากพวกเขาเกิดขึ้นตรงกันพวกเขาก็เพียงแค่ต้องก้องกับพวกเขากระตุ้นพวกเขาซิงโครไนซ์พลังงานด้วยพลังงานเพิ่มเติม ยิ่งไปกว่านั้นคลื่นแมนน์มันเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการดำรงอยู่ของเรา อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่น่าแปลกใจ: ร่างกายของเราก่อตัวขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้ดังนั้นความถี่ของมันจึงเป็นถิ่นกำเนิดของเรา

    ที่รุนแรงที่สุดคือความถี่ Schumann ที่ต่ำที่สุดและคลาสสิก - 7.83 Hz มันสอดคล้องกับจังหวะอัลฟาและทีต้าของเรา แต่สมองมีความไวต่ออีกสี่คนที่สูงกว่าความถี่แมนน์ส พวกมันตกอยู่ในช่วงคลื่นเบต้าและกระตุ้นสมองของเราตามธรรมชาติ

    ดังนั้นการกระตุ้นสมองในช่วงเบต้าจะเพิ่มความมีชีวิตชีวาเสริมสร้างความสนใจและความจำระยะสั้น ที่ความถี่สูงของช่วงเบต้า (สูงกว่า 18 Hz) การกระตุ้นดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกิจกรรมทางจิตเพิ่มกิจกรรมโดยรวมช่วยให้คุณสามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินการวางแผนเชิงกลยุทธ์ จริงการกระตุ้นในช่วงนี้พร้อมกันช่วยเพิ่มองค์ประกอบความวิตกกังวลสถานะของการเตรียมพร้อมและความตื่นเต้น ในช่วงเบต้าโดยเฉลี่ย (15-18 Hz) การกระตุ้นจะช่วยเพิ่มความสามารถทางปัญญาส่งเสริมความคิดและความใส่ใจ ในช่วงล่างของช่วงเบต้า (13-15 Hz) การกระตุ้นจากภายนอกนั้นมาพร้อมกับความสนใจที่อ่อนแอลง แต่เป็นวิธีการที่สร้างสรรค์มากขึ้นสำหรับกิจกรรมของพวกเขา

    การกระตุ้นสมองของเราด้วยความถี่เรโซแนนท์หลักของโลกที่ 7.83 เฮิร์ตซ์ในช่วงจังหวะอัลฟาช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนจากการตื่นตัวตื่นตัวสู่การสงบนิ่งสงบเงียบสงบมากขึ้น ได้รับสมดุลภายในดังนั้นจึงจำเป็นสำหรับการพักผ่อนจากความเครียดและอารมณ์เกินพิกัด จิตสำนึกของเราเข้าสู่สถานะที่ลึกและสร้างสรรค์มากขึ้นเข้าสู่สถานะ "สแกน" ของภาพจิตและการรับรู้ภายในเข้าสู่โหมดการเปลี่ยนจากนามธรรมไปสู่การคิดที่มีรูปทรง

    ในระหว่างวันความถี่ของคลื่นพ้องของโลกจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย "เดิน" ดังนั้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดินเนื่องจากการขาดรังสีดวงอาทิตย์ความเข้มข้นของไอออนในชั้นบรรยากาศจะค่อยๆลดลงและชั้นบรรยากาศรอบนอกของไอโอโนสเฟียร์จะหมดลงเมื่อมันละลาย ในไม่ช้าเฉพาะชั้นที่สูงขึ้นยังคงอยู่ (รูปที่ 10) ตามธรรมชาติแล้วความถี่หลักของแมนน์แมนก็ลดลงเล็กน้อยนั่นคือบนกราฟที่มันเลื่อนไปทางซ้าย ในเวลาพลบค่ำนี้จิตสำนึกของเราจะค่อยๆเคลื่อนจากสภาวะตื่นตัวและการคิดเชิงตรรกะไปสู่พื้นที่แห่งการรับรู้เชิงจินตนาการและสัญชาตญาณ ไม่มีอุบัติเหตุที่ผู้คนเชื่อมานานแล้วว่าคุณไม่ควรนอนตอนพระอาทิตย์ตกดิน: ทั้งความฝันจะหนักและหัวจะเจ็บปวด เหตุผลที่เป็นไปได้สำหรับสิ่งนี้กำลังชัดเจนในวันนี้ เป็นไปได้มากว่าเป็นเพราะความไม่สอดคล้องกันระหว่างจังหวะของสมองและจังหวะของบรรยากาศรอบนอกที่เรียกว่า "การหายใจออก" ของโลกซึ่งคำนึงถึงความเฉื่อยของบรรยากาศรอบนอกประมาณสองชั่วโมง

    มะเดื่อ 10

    ในตอนกลางคืนความกว้างของคลื่นเสียงสมันน์แมนน์ลดลง 5-10 เท่า มีข้อสังเกตว่าในเวลากลางคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่าง 2 ถึง 4 โมงเย็นคนตื่นตัวลดปฏิกิริยาของพวกเขาความสามารถในการคิดเชิงนามธรรมเพิ่มจำนวนข้อผิดพลาดในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และความวิตกกังวลปรากฏขึ้น โดยวิธีนี้ใช้ได้กับทั้ง "นกฮูก" และ "ลาร์ค" (รูปที่ 11) การสังเกตที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ: กระแสจิตและการมีญาณทิพย์ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วงสิบสองโมงเช้าและสี่โมงเช้า กลางคืนคือเวลาที่บุคคลได้รับคำตอบจากเขตข้อมูลไปยังคำถามที่ทรมานเขาในระหว่างวัน ("ตอนเย็นฉลาดกว่าตอนเย็น") นี่คือช่วงเวลาแห่งความฝันเชิงพยากรณ์, การพยากรณ์ล่วงหน้า, ข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลเชิงลึก

    น่าแปลกที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันในธรรมชาติ มันไม่น่าเป็นไปได้ที่มันจะเป็นเวลากลางคืนเมื่อความถี่หลักของ Schumann ลดลงอย่างเห็นได้ชัด (ไปทางซ้าย) ฮอร์โมนเมลาโทนินที่สำคัญมากเริ่มหลั่งในร่างกายของเรา ฮอร์โมนนี้เป็นตัวควบคุมจังหวะทางชีวภาพของเราซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพที่ยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและชะลอกระบวนการชรา เมลาโทนินยังส่งผลต่อจิตใจ: ช่วยเพิ่มอารมณ์ทำให้ความฝันมีชีวิตชีวาและอารมณ์อิ่มตัว และสิ่งที่เป็นลักษณะ - ระดับสูงสุดของฮอร์โมนนี้ในร่างกายมนุษย์ - ระหว่างเที่ยงคืนถึง 5 โมงเช้า - มากกว่า 30 เท่าในระหว่างวันและกิจกรรมสูงสุดเกิดขึ้นที่ 2 โมงเช้า - เรียกว่า "ชั่วโมงวัว"

    เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเนื่องจากการไอออไนซ์เพิ่มเติมโดยลมสุริยะชั้นล่าง (60 กม.) ปรากฏขึ้นในชั้นบรรยากาศไอโอนิกส์ความถี่หลักของคลื่นสมันน์เพิ่มขึ้นและพวกเขาก็เริ่มกระตุ้นกิจกรรมเบต้าในสมองของเรา สมองเข้าสู่ระบบการตื่นตัว - คิดอย่างมีเหตุผลและมีเหตุผล ยิ่งกิจกรรมเบต้ายิ่งสูงคนจะตื่นตระหนกและก้าวร้าวมากขึ้น
    คำแนะนำนั้นชัดเจน

    1. เราต้องพยายามใช้ชีวิตตามนาฬิกาธรรมชาติโดยไม่เน้นเวลาประดิษฐ์ บรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่อย่างไร: เข้านอนพร้อมกับการโจมตีของความมืดและตื่นขึ้นในตอนเช้าค่อย ๆ โดยไม่ใช้ความรุนแรงเข้าสู่ระบอบการปกครองที่เข้มแข็ง มีจุดสูงสุดสองจุดคือเที่ยง (เวลาที่สว่างที่สุดของวัน, ดวงอาทิตย์ที่จุดสูงสุด) และเที่ยงคืน เกี่ยวกับพวกเขาและคุณต้องสร้างชีวิตของคุณ การเปลี่ยนแปลงของเวลาสุริยะเทียบกับค่าสุริยคติสูงสุด (12 ชั่วโมงต่อวัน) ไปทางขวาหรือซ้ายนำไปสู่ความล้มเหลวของจังหวะภายใน

    เวลา "ฤดูร้อน" และ "ฤดูหนาว" เป็นความพยายามที่ค่อนข้างอึดอัดในการปรับให้เข้ากับจังหวะตามธรรมชาติ ในทางทฤษฎีไม่ควรเปลี่ยนเวลา แต่เป็นรูปแบบการดำเนินงานของสถาบัน แต่นี่เป็นปัญหาดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนมาใช้เวลา ตัวอย่างเช่นในฤดูหนาวในมอสโกความแตกต่างโดยประมาณกับเวลาจริงคือครึ่งชั่วโมง นั่นคือจำนวนที่คุณต้องตื่นในตอนเช้าก่อนเวลาจริง และหลังจากเปลี่ยนเป็นเวลาฤดูร้อนยิ่งเปลี่ยนเวลาไปข้างหน้าจากความเป็นจริงมากขึ้นโดยบวก 1.5 ชั่วโมง

    สิ่งที่ดีต่อเศรษฐกิจไม่ดีต่อร่างกายมนุษย์เสมอไป ทุกอย่างจะไม่เป็นไรคุณสามารถคุ้นเคยกับทุกสิ่ง แต่มีออสซิลเลเตอร์ต้นแบบตามธรรมชาติ - ไอโอสเฟียร์และคุณไม่สามารถหลอกได้ ฉันเข้าสู่ความไม่สมดุลกับเธอ - รอความเจ็บป่วย

    2. เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นคุณต้องนอนซึ่งหมายความว่าคุณต้องเข้านอนตามเวลา - ไม่นานหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ในเวลาที่มืดที่สุดของวัน (ตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 5 โมงเย็น) ขอแนะนำให้นอนหลับและตั้งแต่ 2 ถึง 4 โมงเย็น

    3. จะไม่สามารถชดเชยการกีดกันการนอนหลับตอนกลางคืนด้วยการนอนหลับตอนกลางวัน (เนื่องจากมีความถี่สูงในบรรยากาศรอบนอกและการทำงานของสมองเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้อง) ในช่วงบ่ายเมื่อความเหนื่อยล้าพัฒนาขึ้นการนอนหลับระยะสั้นก็เพียงพอที่จะผ่อนคลาย

    4. ในฤดูหนาวคุณต้องนอนให้มากขึ้น ในฤดูร้อนเมื่อมีการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติม - ตื่นตัวมากขึ้น
    ความถี่สมันน์หลักช่วยกระตุ้นสมองของเราในช่วง theta (รูปที่ 12) มันช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์เพิ่มความไวต่อข้อมูล noospheric บรรเทาการตรึงอารมณ์ส่งเสริมการผลิตของ endorphins และสร้างผลยาแก้ปวด

    ดังนั้นปรากฎว่าคลื่นไอโอโนสเฟียร์ของ Schumann มีแนวโน้มที่จะตื่นขึ้นและปลอบสมองมนุษย์โดยให้ทั้งพลังงานสำหรับการทำกิจกรรมที่รุนแรงและโอกาสในการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ธรรมชาติคิดค้นมันขึ้นมาอย่างชาญฉลาด

    ทุกชีวิตบนโลกปรับตามความถี่พื้นฐานของบรรยากาศรอบนอก แต่คนที่ต้องการความช่วยเหลือและความเครียดเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องการคลื่นสมันน์ ดังนั้นในยามรุ่งอรุณของอวกาศนักวิทยาศาสตร์ได้ให้ความสนใจกับความเจ็บป่วยของจักรวาลที่เรียกว่า: นักบินอวกาศและมนุษย์อวกาศคนแรกกลับสู่โลกพร้อมกับอาการปวดหัววิงเวียนงุนงงและความสนใจที่ฟุ้งซ่าน การศึกษาของโรคนี้แสดงให้เห็นว่าสาเหตุของมันคือการขาดการชาร์จจากคลื่น Schuman นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า (สหรัฐอเมริกา) และสถาบันเอ็มพลังค์ในเยอรมนีหลังจากการทดลองที่ยาวนานได้ข้อสรุปว่าคลื่นแมนน์แมนมีความสำคัญสำหรับการประสานจังหวะทางชีวภาพและมนุษย์ธรรมดา บนยานอวกาศเริ่มติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพิเศษของคลื่นเหล่านี้เปล่งการสั่นสะเทือนด้วยความถี่ 7.8 Hz ในช่วงเวลาที่เหลือของนักบินอวกาศพวกเขาจะทำให้สมองสงบและนำมันเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย เป็นผลให้นักบินอวกาศได้รับโอกาสที่จะนอนหลับอย่างเต็มที่และยาวนาน และนี่ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะรักษาสุขภาพจิตและร่างกายของพวกเขาให้อยู่ในสภาพดี หายไปจากอวกาศ

    แต่ปัญหายังคงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับเที่ยวบินบรรจุไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น และถ้าในระหว่างการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์บนยานอวกาศมันจะเป็นไปได้และจำเป็นต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพิเศษที่ประสานการทำงานของสมองมนุษย์มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำนายว่าสมองของนักบินอวกาศทำตัวอย่างไรบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ต่างด้าว ดาวเคราะห์แต่ละดวงมีขนาดของตัวเองบรรยากาศสนามแม่เหล็ก ... ซึ่งหมายความว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงมีความถี่เรโซแนนท์ที่ไม่ซ้ำกันซึ่งจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับจังหวะของสมองมนุษย์ และนี่เป็นคำถามสำคัญที่เกิดขึ้นจิตใจและสรีรวิทยาของนักบินอวกาศจะทำตัวอย่างไรกับดาวเคราะห์ต่างดาว สิ่งนี้จะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกคณะสำรวจความสัมพันธ์ภายในทีมภารกิจจะสำเร็จได้อย่างไร คำถามเหล่านี้อยู่ไกลจากวาทศิลป์ ปฏิกิริยาของนักบินอวกาศสามารถเป็นได้: จากความง่วงนอนไม่สามารถเอาชนะได้ไปจนถึงการนอนไม่หลับและการมีไข้มากเกินไปเรื้อรังจากความไม่แยแสและภาวะซึมเศร้าไปจนถึงการตื่นเต้นมากเกินไปหงุดหงิดและก้าวร้าว ภาพหลอนความคิดคลั่งไคล้หรือการฆ่าตัวตาย“ โซลาริสซินโดรม” อาจเริ่มหลอกหลอนผู้คน ... และใครจะรู้วิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้คือการส่งไปยังดาวเคราะห์ที่ห่างไกลไม่ใช่คน แต่เป็นอุปกรณ์หุ่นยนต์รวมถึง biorobots ด้วย?

    ไม่เพียง แต่นักบินอวกาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้สูงอายุและผู้ที่มีความอ่อนไหวทางพืชรวมถึงผู้ป่วยเรื้อรังด้วยตระหนักถึงการขาดคลื่นแมนน์แมน อย่างไรก็ตามคนทั่วไปบางครั้งตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ของจักรวาล จริงเรารู้สึกไม่ถึงแสงแฟลชและพายุแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์มากนัก แต่ปฏิกิริยาของไอโอสเฟียร์ของเรากับพวกมันซึ่งเราอยู่ในการกำทอนอย่างต่อเนื่อง ความถี่เรโซแนนท์ของบรรยากาศรอบนอกอิออนลดลงไปเล็กน้อยและเราก็บ่นว่าไม่สบาย

    บางทีคำสองสามคำที่ควรพูดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อของความถี่ไอโอออสเฟียร์กับความสามารถพิเศษของบุคคล ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วในตอนกลางคืนเมื่อจังหวะของสมองความถี่ต่ำเหนือกว่าในตัวเราถูกกระตุ้นโดยความถี่ไอโอสเฟียริกหลักของ 7.83 เฮิร์ตซ์ความสามารถในการกระแสจิตการมีตาทิพย์การมองอนาคตข้อมูลเชิงลึกที่เข้าใจง่าย ไม่มีเหตุบังเอิญที่ผู้คนพูดว่า "ในตอนเช้าตอนเย็นนั้นฉลาดกว่า"

    แต่ปรากฎว่าความสามารถพิเศษอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับความถี่ของบรรยากาศรอบนอก นักฟิสิกส์ที่รู้จักกันดีนักวิจัยคุณสมบัติทางแม่เหล็กไฟฟ้าของวัตถุชีวภาพและที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐดร. Robert Becker (1923-2008) มานานหลายทศวรรษได้ศึกษาการทำงานของสมองของหมอ, หมอผี, หมอฟัน, หมอนวด . และเขาพบรูปแบบที่เปิดเผยมาก: หมอทุกคนโดยไม่คำนึงถึงประเพณีทางศาสนาและจิตวิญญาณของพวกเขาในระหว่างการรักษาแสดงให้เห็นโครงสร้างของคลื่นสมองเดียวกันในพื้นที่ 7.8-8 Hz นั่นคือที่ความถี่หลักของแมนน์ส ยิ่งกว่านั้นผลการรักษาตามที่ Robert Becker เปิดเผยนั้นก็ต่อเมื่อสมองของผู้รักษาเริ่มสร้างที่ความถี่นี้ (รูปที่ 13)

    ปรากฎว่าคลื่นอัลฟาสมองของผู้บริจาคและผู้รับในระหว่างการปฏิสัมพันธ์ทางจิตจะประสานกันกับทั้งความถี่และในระยะ และอีกครั้งในการปลุกของแมนน์ และยิ่งแปลกใจพลังของเมตาบอลิซึมของพลังงานในกรณีนี้จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยพันครั้งเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับการแลกเปลี่ยนพลังงานของคนทั่วไป ดูเหมือนว่าในระหว่างการรักษาหมอสามารถดึงพลังงานเพิ่มเติมจากภายนอกเนื่องจากเสียงสะท้อนกับบรรยากาศรอบนอก เช่นเดียวกันนั่นคือความสามารถในการปรับแต่งสมองด้วยการกำทอนด้วยความถี่ของ Schumann บางครั้งก็อธิบายด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้าย
    เทสลาไอโอโนสเฟียร์และมหาอำนาจ

    ด้วยการครอบงำของจังหวะสมองบางอย่างในมนุษย์ความเป็นไปได้ในการเชื่อมต่อกับความเป็นจริงอื่น ๆ และการได้รับข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ปกติอาจเปิดขึ้น

    ผู้มีญาณทิพย์เอง Nikola Tesla รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อร้อยปีก่อน เขาประสบกับการกระทำของความถี่ที่แตกต่างกันซ้ำ ๆ ในร่างกายและสมองของเขาเอง เขาบอกว่าเขาเชื่อมต่ออุปกรณ์พิเศษกับหัวของเขาและส่งผ่านคลื่นสมองทำให้เขาเข้าสู่ภาวะมึนงง “ ฉันไม่ได้หมดสติ” เทสลาบอกกับนิวยอร์กไทม์ส“ แต่คงตกอยู่ในความฝันที่ง่วงเหงาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากทำตามขั้นตอน”

    ในขณะที่ทำการทดลองนักวิทยาศาสตร์ตระหนักว่าบรรยากาศรอบนอกเป็นตัวประสานโลกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก เทสลาเชื่อว่าการกระทำในรูปแบบพิเศษบนชั้นบรรยากาศของโลกและการเปลี่ยนลักษณะเป็นจังหวะนั้นเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความไวต่อข้อมูลของผู้คน เขามีแผนการที่กว้างขวาง: ด้วยวิธีนี้เพื่อพัฒนาความสามารถของผู้คนในการเชื่อมต่อกับ "แกนกลางที่ชาญฉลาดของจักรวาล" อย่างมีสติเพิ่มพูนจิตวิญญาณของพวกเขาและเร่งวิวัฒนาการของอารยธรรม (รูปที่ 14)

    เทสลาเรียนรู้ที่จะสร้างสายฟ้าเทียมและเพื่อกระตุ้นบรรยากาศรอบนอกโลกกับเขาในแบบที่เขาต้องการ อนิจจาในช่วงชีวิตของนักวิทยาศาสตร์และนักฝันผู้ยิ่งใหญ่แผนการของเขาที่จะเพิ่มจิตวิญญาณของมนุษยชาติไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นจริง
    การเปลี่ยนแปลงในความถี่ธรรมชาติ: ตำนานหรือความจริง?

    เป็นเวลานานความถี่หลักของแมนน์ที่ 7.83 เฮิร์ตซ์ ("การเต้นของหัวใจ" - จังหวะของโลก) มีเสถียรภาพมากว่าทหารปรับเครื่องมือของพวกเขา แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวปรากฏว่าความถี่มาตรฐานของโลกเริ่มเติบโตจาก 90s ของศตวรรษที่ผ่านมา แม้แต่การประเมินเชิงตัวเลขของกระบวนการนี้ก็ยังปรากฏ เว็บไซต์แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความถี่เฉลี่ยรายวันของแมนน์แมนน์ตั้งแต่ปี 1990 (7.83 Hz) ถึง 2012 (14.5 Hz) (รูปที่ 15) ปัจจุบันมันควรจะเป็นเกือบ 15 Hz และในไม่ช้ามันก็จะเพิ่มมากขึ้น - มากถึง 30 Hz หรือมากกว่า!

    มะเดื่อ 15

    ข้อสรุปที่ผู้สร้างไซต์เหล่านี้สรุปไว้มีค่าพอสำหรับการอ้างอิง:

    « นี่คือความถี่ของจังหวะเบต้า, จังหวะการปลุก ที่ความถี่นี้สมองทำงานเกือบจะไม่มีหมอกนั่นคือสมเหตุสมผล ดังนั้นทันทีที่สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกคนจะเริ่มหลับฝันและทำสมาธิในความเป็นจริง และจากนั้นปาฏิหาริย์ทั้งหมดของโลกใหม่สี่มิติจิตวิญญาณจะปรากฏแก่พวกเขา ด้วยการเพิ่มความถี่ของมันโลกจึงทำให้สมองของเราหลุดพ้นจากการจำศีลและทำงานอย่างมีสติมากขึ้น ผู้คนไม่ต้องนั่งสมาธิเพื่อเข้าถึงช่องทางต่าง ๆ ความสามารถ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการหายใจหรือการพูด แต่มีเพียงผู้ที่สามารถปรับสมองให้ทำงานที่ความถี่สูงเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้และอยู่กับสภาพจิตใจที่แข็งแรงในสภาวะใหม่” (รูปที่ 16)
    ข้อมูลเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของความถี่ของโลกและความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่าง ๆ นั้นมีอยู่ในเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตของการเคลื่อนไหวของ“ ยุคใหม่” ซึ่งอาศัยอยู่ในความคาดหมายของ“ อายุของชาวกุมภ์” - การก้าวกระโดด ด้วยความตื่นเต้นที่น่ายินดีข้อมูลนี้ซ้ำในการบรรยายที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาทางวิญญาณอื่น ๆ

    ข้อความย่อยของ“ การเปิดเผย” นั้นค่อนข้างง่าย:“ มาหาเราเราจะสอนให้คุณปรับสมองของคุณให้มีความถี่สูงขึ้นรับการตรัสรู้แล้วคุณจะติดอาวุธอย่างเต็มที่เมื่อถึงยุคของกุมภ์
    รูปที่ 16

    คุณเชื่อว่าข้อมูลเกี่ยวกับการเพิ่มความถี่ของ Schumann และความคิดเห็นที่ได้รับเพิ่มขึ้นเท่าใด ทำไมบางคนถึงตัดสินใจว่าด้วยความถี่ที่เพิ่มขึ้นจิตวิญญาณของมนุษยชาติจะเริ่มเพิ่มขึ้น?

    เริ่มแรกด้วยการไม่รู้หนังสือที่ชัดเจนของความคิดเห็นซึ่งถูกคัดลอกไปทางซ้ายและขวาอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นในวันนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในช่วงจังหวะอัลฟาเราสามารถเข้าถึงพลังสร้างสรรค์ที่อยู่นอกตรรกะและประสบการณ์ของเรา เปรียบเปรยโหมด alpha สามารถเปรียบเทียบกับหน้าต่างที่แสงแดดภายนอกเข้าสู่บ้านของเรา หากความถี่เรโซแนนท์ของโลกเพิ่มขึ้นนั่นคือมันเลื่อนไปทางขวาบนกราฟจะไม่มีการจัดหาพลังงานให้กับคลื่นอัลฟาของเรา! กล่าวอีกนัยหนึ่งหน้าต่างจะยังคงอยู่ แต่ดวงอาทิตย์จะไม่อยู่ด้านหลัง ตอนนี้เราสามารถพูดเรื่องจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ทุกสิ่งจะตรงกันข้าม จะไม่มีแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งการเปิดเผยทางวิญญาณวิสัยทัศน์ ... มีเพียงเหตุผลที่แห้งแล้งและมีสติและสามัญสำนึกเท่านั้นที่จะคงอยู่ มนุษย์จะกลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ไร้วิญญาณ แนวคิดเรื่องการเพิ่มจิตวิญญาณนี้มาจากไหน บางทีกฎตายตัวดั้งเดิมทำงานที่นี่: พวกเขาบอกว่าความถี่ที่สูงกว่าจิตวิญญาณที่สูงขึ้น ... แต่ไม่! ตรงกันข้ามเป็นเรื่องจริง

    มีอีกหนึ่งจุดคือ เพื่อให้ความถี่ธรรมชาติของดาวเคราะห์เปลี่ยนแปลงไปมากมันเป็นสิ่งจำเป็นที่เส้นผ่านศูนย์กลางของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปหลายร้อยกิโลเมตรหรือขอบเขตล่างของบรรยากาศรอบนอกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามไม่มีใครสังเกตเห็น อาจมีการเปลี่ยนแปลงความถี่ของโลกเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอื่น ๆ ที่เหนือธรรมชาติหรือไม่ ..

    อย่างไรก็ตามการตรวจวัดลักษณะทางไอโอสเฟียร์จริงพูดว่าอะไรด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว?

    ดังนั้น: ไม่ใช่หอสังเกตการณ์ไอโอโนเฟียร์เดียวในโลกที่ยืนยันข่าวลือดังกล่าว ตัวอย่างเช่นที่นี่ข้อมูลการใช้เครื่องมือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำโดยหอสังเกตการณ์ไอโอโนสเฟียร์ชั้นนำของเราใน Tomsk เราเห็นความผันผวนของความถี่รายวันตามปกติและความจริงที่ว่าความถี่ Schumann เฉลี่ยไม่ได้หายไปไหนและยังคงอยู่ในภูมิภาคที่ 7.83 Hz และการกระโดดเป็นกลางวันและกลางคืนความผันผวนทางภูมิศาสตร์และอุตุนิยมวิทยาปฏิกิริยาต่อลมสุริยะ ฯลฯ นั่นคือปรากฏการณ์ชั่วคราว

    กล่าวอีกนัยหนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของความถี่ของโลกที่จะนำไปใช้อย่างอ่อนโยนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ... (รูปที่ 17)

    มะเดื่อ 17. ข้อมูลนี้มาจากไหน? ความพยายามในการค้นหาแหล่งที่มาไม่ได้ให้ผลใด ๆ เป็นไปได้มากว่าข่าวลือเหล่านี้เกิดจากความตั้งใจของบางคนและขาดการรู้หนังสือของผู้อื่น มีบางคนเห็นข้อมูลโดยบังเอิญในความถี่ของ Schumann และตัดสินใจว่า "มันเริ่มต้นแล้ว" ... ดังที่พวกเขาพูดว่า "ไม่ได้มาจากจิตใจที่ยิ่งใหญ่ แต่มาจากใจที่บริสุทธิ์" ... ฉันต้องการอนาคตที่สดใสแห่งนี้เร็วขึ้น - Epoch of Voolee ที่รอคอยมายาวนาน

    อนิจจาความไม่รู้และข้อมูลเท็จแม้กระทั่งจากแรงจูงใจที่ดีที่สุดเท่านั้นที่ทำให้เสียความคิดอย่างมากเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณแนะนำความไม่เชื่อและการทำลายล้างให้กับผู้คน ...

    ท้ายที่สุดไม่เคยพิสูจน์ความหมาย!

    ใช่การขาดจิตวิญญาณของมนุษยชาติและแรงจูงใจพื้นฐานของพฤติกรรมทำให้เกิดการปฏิเสธในหมู่คนที่มีศีลธรรม จากกาลเวลาพวกเขาโหยหาปาฏิหาริย์ พวกเขากำลังรอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์อายุของชาวกุมภ์การเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่สถานะใหม่การทำความสะอาดที่ร้อนแรงจากฝาขยะ ...

    ด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาและโหยหาพวกเขาฟังผู้เผยพระวจนะทุกประเภทที่สัญญาเรื่องปาฏิหาริย์และความสุข“ ฟรี” ที่รวดเร็ว ในรอบพันปีช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงถูกคำนวณด้วยความแม่นยำของวัน ... (รูปที่ 18) แล้วพวกเขาก็หาข้อแก้ตัวเพิ่มเติมว่าทำไมปาฏิหาริย์ที่คาดหวังไม่ได้เกิดขึ้น ความดุร้ายและความไม่รู้ ...

    ไม่มีอะไรเกิดขึ้น "จู่ๆ" ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ช่วงเวลา "เปิด - ปิด" แต่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานโดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    มะเดื่อ 18

    เช่นเดียวกับรุ่งอรุณไม่ได้มาในไม่กี่วินาทีดังนั้นการเปลี่ยนไปสู่ยุคทางวิญญาณใหม่จะไม่เกิดขึ้นในเดือนหรือแม้กระทั่งหนึ่งปี แต่ในหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษ และคุณไม่ต้องไร้เดียงสาและเชื่อว่าคนที่สัญญาว่า "ความสุขตั้งแต่วันจันทร์" เพราะความถี่ของโลกเริ่มกระโดด ...
    ใช่แล้วอายุนี้จะไม่มา ...

    Resonance Schumann หมายถึงปรากฏการณ์การกำทอนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าธรรมชาติในท่อนำคลื่นแบบปิดที่เกิดขึ้นจากพื้นผิวโลกและชั้นล่างของบรรยากาศรอบนอก การดำรงอยู่ของมันถูกทำนายโดยนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน Wilfried Otto Schumann ในปี 1952 และค้นพบการทดลองโดยเขาและเพื่อนร่วมงานของเขา สำหรับทัศนคติที่ถูกต้องในการทำความเข้าใจหลักการของปรากฏการณ์นี้จำเป็นต้องเน้นทันทีว่าสัญญาณแมนน์สโตนเรโซแนนซ์ไม่ใช่สัญญาณอิสระของธรรมชาติพิเศษที่สร้างขึ้นโดยแหล่งที่มาเฉพาะ แต่สัญญาณที่ถูกปล่อยออกมาจากคุณสมบัติเรโซแนนท์ของ เสียงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำพิเศษตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ (แต่ไม่ใช่เพียงอย่างเดียว) จากการปล่อยกระแสไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ

    เสียงสะท้อนของแมนน์แมนน์เกิดขึ้นเนื่องจากความจริงที่ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจากแหล่งกำเนิดที่อยู่ในท่อนำคลื่นของโลก - ไอโอโนสเฟียร์ส่งผ่านซ้ำรอบวงกลมรอบโลกและในเวลาเดียวกันคาบเกี่ยวกัน ในแหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกระบวนการนี้สามารถอธิบายได้ด้วยโครงร่างสองมิติแบบคงที่ที่ง่ายที่สุดซึ่งเป็นการทำให้เข้าใจง่าย ดังนั้นสำหรับความคิดที่สมบูรณ์และถูกต้องมากขึ้นของเสียงสะท้อนและความเข้าใจในรายละเอียดที่สำคัญบางอย่างเราจึงหันไปใช้แบบจำลองสามมิติรวมถึง เป็นไดนามิก

    โดยทั่วไปแล้วหลักการการสะท้อนเสียงแบบแมนน์แมนแสดงในรูปที่ 1.1 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สร้างขึ้นโดยแหล่งกำเนิดความผันผวนเริ่มแพร่กระจายอย่างสม่ำเสมอในทุกทิศทางไหลทั่วโลก ที่จุดตรงกันข้าม diametrically - antipode เมื่อผ่านระยะทางเดียวกันกับส่วนโค้งใด ๆ ไปตามพื้นผิวโลกมันก็พบตัวมันเองหลังจากที่มันเคลื่อนที่ต่อไป ดังนั้น ที่จุดตรงข้าม, การย้อนกลับทางเรขาคณิตของคลื่นเกิดขึ้นด้วยความเคารพต่อตัวเอง, ซึ่งในระดับหนึ่งคล้ายกับการสะท้อนของคลื่นจากตัวสะท้อนแสงโดยไม่สูญเสีย ดังนั้นมันจะถูกต้องในการตั้งชื่อคลื่นที่เคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไปยังจุดย้อนกลับโดยตรงและคลื่นเคลื่อนที่จากจุดย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิดเป็นจุดย้อนกลับ

    หากแหล่งกำเนิดยังคงเปล่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากนั้นหลังจากที่คลื่นผ่านหนึ่งรอบการปฏิวัติระบอบการปกครองจะถูกจัดตั้งขึ้นที่จุดใดในช่องว่างระหว่างพื้นผิวโลกและไอโอโนสเฟียร์มีคลื่นสองวงที่สอดคล้องกัน (เช่นมีความถี่เดียวกัน ในทิศทางตรงกันข้ามกับส่วนโค้งที่เชื่อมต่อแหล่งกำเนิดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับแอนติโพดทางภูมิศาสตร์ หากในเวลาเดียวกันพวกเขาทำการปฏิวัติรอบโลกอย่างสมบูรณ์เป็นจำนวนเต็มเป็นระยะดังนั้นคลื่นนิ่งที่เกิดขึ้นในโลก - พื้นที่ไอโอสเฟียร์

    รูปที่ 1.1 Schumann Resonance Principle

    เวกเตอร์ของส่วนประกอบแมนน์ไฟฟ้าเรโซแนนซ์เรโซแนนซ์ถูกชี้นำในแนวตั้งดังนั้นการวางแนวของมันจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่นอะซิมุ ธ ในคลื่นนำในท่อนำคลื่นภายใต้การพิจารณาการเปลี่ยนแปลง เป็นผลให้ที่จุดย้อนกลับและที่จุดกำเนิดแอมพลิจูดของคลื่นไฟฟ้าไปข้างหน้าและข้างหลังเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งขนาดและในสัญญาณซึ่งเป็นผลมาจากการรวมและสร้าง antinode. นี่คือการยืนยันโดยการแสดงออกทางคณิตศาสตร์สำหรับผลรวมของคลื่นไปข้างหน้าและย้อนกลับโหมดทั่วไป (ไม่รวมการสูญเสียและการเปลี่ยนแปลงในส่วนนำคลื่น - ดูด้านล่าง):

    Sin (ωt + X) + sin (ωt - X) \u003d 2 sin (ωt) cos (x)

    sin (ωt + X) คือแอมพลิจูดของคลื่นโดยตรงที่มีความถี่วงกลมω ณ เวลา t ที่จุด X;

    sin (ωt - X) คือแอมพลิจูดของคลื่นย้อนกลับที่มีความถี่วงกลมω ณ เวลา t ที่จุด X

    ดังที่เห็นได้ว่าแอมพลิจูดสูงสุดของคลื่นนิ่งนี้แตกต่างกันไปตามแกน X ตามกฎของโคไซน์คือ แอนติโนดตั้งอยู่ที่ปลายครึ่งคลื่นซึ่งสอดคล้องกับแผนภาพด้านซ้ายบนของรูปที่ 1.1 ในกรณีนี้ความแรงของสนามที่แต่ละจุดของแกน X จะแปรผันตามเวลาตามกฎของไซน์

    เวกเตอร์ของส่วนประกอบแม่เหล็กของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามักเป็นฉากตั้งฉากกับเวกเตอร์ไฟฟ้าดังนั้นในกรณีนี้มันจะเป็นแนวนอน ในเรื่องนี้เวกเตอร์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาที่จุด S ในทิศทางตรงกันข้ามกับ diametrically จะออกจากเฟส antiphase นี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าพวกเขาจะพบกันที่จุด R และจะดำเนินต่อไปตลอดวงจรการจราจรที่กำลังจะมาถึง ดังนั้นที่จุด S และ R, แอมพลิจูดของคลื่นแม่เหล็กไปข้างหน้าและข้างหลังจะเท่ากัน แต่มีเครื่องหมายตรงข้ามซึ่งจะนำไปสู่การก่อตัวที่จุดเหล่านี้ นอต คลื่นนิ่ง ในกรณีนี้สมการจะอยู่ในรูปแบบ:

    บาป (ωt + X) - sin (ωt - X) \u003d 2 cos (ωt) sin (x)

    ซึ่งสอดคล้องกับแผนภาพด้านล่างซ้ายของรูปที่ 1.1

    อย่างที่คุณเห็นคลื่นเสียงแมนน์สโลว์และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกเคลื่อนย้ายซึ่งสัมพันธ์กันโดยหนึ่งในสี่ของความยาวในอวกาศและหนึ่งในสี่ของช่วงเวลา การเปลี่ยนแปลงของการก่อตัวขององค์ประกอบคลื่นนิ่งแสดงในรูปที่ 1.2 ในตัวอย่างของเสียงสะท้อนที่สองของการสั่นพ้อง

    0102.png


    รูปที่ 1.2 Schumann กำทอนคลื่นเสียงประสานที่สอง

    ด้านซ้ายเป็นคลื่นไฟฟ้าทางด้านขวาเป็นคลื่นแม่เหล็ก สีของคลื่นที่ยืนขึ้นและไปข้างหน้าและข้างหลังนั้นสอดคล้องกับสีของรูปที่ 1.1 ปุ่มเริ่มต้นเริ่มการเคลื่อนไหวภาพเคลื่อนไหวปุ่มหยุดจะคืนค่าแผนภูมิเป็นสถานะคงที่ดั้งเดิม

    ในรูปที่ 1.3 แสดงให้เห็นว่าเป็นแบบคงที่แบบสามมิติของ Schumann Resonance Resonance สำหรับ Harmonics ที่หนึ่งและที่สาม (ขึ้นอยู่กับภาพของแบบจำลองจากการนำเสนอไปยังรายงานภาพรวมของพนักงาน ESA S.T. Redondo "Schumann Resonance ใน Earth - Ionosphere" - ดูภาคผนวก B)

    0103-1.png
    0103-2.png

    เพื่อสลับระหว่างรุ่นฮาร์มอนิกที่หนึ่งและสอง / สามให้คลิกที่รูปภาพ

    รูปที่ 1.3 Schumann Resonance สามมิติ

    คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของแมนน์เรโซแนนซ์เนื่องจากเรขาคณิตของท่อนำคลื่นของมันคือการพึ่งพาเฉพาะของความแรงของสนามในระยะทาง หากในกรณีของแหล่งกำเนิดคลื่นในพื้นที่ว่างมันจะลดสัดส่วนตามกำลังสองของระยะทางจากนั้นในท่อนำคลื่นภายใต้การพิจารณาจะลดช่วงครึ่งแรกของเส้นทางจากแหล่งกำเนิดไปยังจุดกลับจากนั้นเพิ่มขึ้นและในกรณีของคลื่นนำคลื่นที่เหมาะสม . สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับความแรงของสนามของคลื่นย้อนกลับ เหตุผลสำหรับปรากฏการณ์นี้คือพื้นที่หน้าตัดของท่อนำคลื่นเพิ่มขึ้นตามระยะทางจากแหล่งกำเนิดและจุดกลับและถึงจุดสูงสุดในช่วงกลางของช่วงเวลาระหว่างพวกเขาโดยที่เส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนนำคลื่นนำคลื่นมีสูงสุด (รูปที่ 1.4) ดังนั้นเนื่องจากคลื่นครอบคลุมปริมาณคลื่นนำทั้งหมดความหนาแน่นของพลังงานจะลดลงเมื่อเข้าใกล้ช่วงกลางของช่วงเวลา

    0104.png

    รูปที่ 1.4 แมนน์แมนสนามพลังกำทอนเมื่อเทียบกับระยะทาง
    (สำหรับท่อนำคลื่นที่สมบูรณ์แบบ)

    ในการอธิบายรูปแบบนี้ในสูตรด้านบนและจำเป็นต้องแนะนำค่าสัมประสิทธิ์เพิ่มเติม K (X)<= 1.0, принимающий максимальное значение (1.0) в точках S и R и минимальное - в середине интервала. На трехмерных диаграммах рис.1.3 влияние площади сечения волновода учтено, что видно при сравнении амплитуд.

    พื้นที่หน้าตัดของท่อนำคลื่นมีค่าเท่ากับพื้นที่ของกรวยที่ถูกตัดทอนด้วยความสูงของโลกและค่าอิออนตามลำดับตามลำดับคือ - ท่อนำคลื่นไอโอโนสเฟียร์และรัศมีของฐานเท่ากับRзCos (α) และRиCos (α) ละติจูดของส่วนนำของท่อนำคลื่นสัมพันธ์กับ "เส้นศูนย์สูตร" - วงกลมที่มีระยะเท่ากันจากจุดของแหล่งกำเนิด S และ antipode (จุดย้อนกลับ) อาร์อย่างที่คุณเห็นพื้นที่ตัดขวางนั้นแปรผันตามกฎโคไซน์ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่าความหนาแน่นพลังงาน akzhe จะแตกต่างกันไปตามกฎหมายโคไซน์ อย่างไรก็ตามสมมติฐานนี้ต้องการการตรวจสอบโดยการคำนวณซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของบทนี้ ผลของการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ของการเปลี่ยนแปลงความกว้างของสนามแม่เหล็กขึ้นอยู่กับระยะทางสามารถพบได้ในภาคผนวก B ควรสังเกตว่าในแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่ที่อธิบายถึงพื้นฐานของการกำทอนเสียงแมนน์แมนน์เอฟเฟกต์นี้อาจไม่ได้กล่าวถึงเลย

    การคำนวณแบบง่าย ๆ ของความถี่แมนน์สแมนน์เรโซแนนซ์สามารถทำได้บนพื้นฐานของเงื่อนไขที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะต้องวางบนเส้นรอบวงของโลกด้วยจำนวนเต็มจำนวนครั้งโดยไม่มีการสูญเสียในท่อนำคลื่น ด้วยความคิดนี้เราจึงมีการแสดงออกต่อไปนี้สำหรับความถี่การสั่นพ้อง:

    F \u003d Cn / 2πRз \u003d 7.5n

    โดยที่ n คือจำนวนฮาร์มอนิกของเสียงสะท้อน C \u003d 300000 km / s คือความเร็วของแสง Rz \u003d 6370 km เป็นรัศมีของโลก จำนวนความถี่สำหรับห้าฮาร์โมนิกแรกของเสียงสะท้อนที่คำนวณโดยสูตรนี้จะแสดงในตารางและสามารถเห็นได้จากการเปรียบเทียบกับค่าจริงทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่เพิ่มขึ้นตามความถี่ที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในเหตุผลสำหรับเรื่องนี้คือการคำนวณแบบง่ายขึ้นอยู่กับเรขาคณิตแบบยุคลิดการใช้รูปทรงกลมนั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้นขั้นตอนแรกในการปรับปรุงแบบจำลองทางคณิตศาสตร์คือการใช้อุปกรณ์ของรูปทรงกลมซึ่งรวมถึง สัญลักษณ์พหุนาม Legendre สำหรับอธิบายคลื่น ผลลัพธ์คือนิพจน์ต่อไปนี้สำหรับความถี่:

    F \u003d (C / 2πRз) √n (n + 1) \u003d 7.5 √n (n + 1) Hz

    การแสดงออกนี้ให้ความถี่จำนวนมากที่มีข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่กว่า (ดูตาราง) เหตุผลก็คือมันเป็นเรื่องจริงสำหรับท่อนำคลื่นที่มีผนังที่ดำเนินการอย่างสมบูรณ์แบบ พื้นผิวโลกการประมาณครั้งแรกเป็นไปตามเงื่อนไขนี้ซึ่งไม่สามารถพูดได้เกี่ยวกับไอโอสเฟียร์การสูญเสียที่ชะลอความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลดความถี่ของเสียงสะท้อน V.O.Shuman นำปัจจัยนี้มาพิจารณาด้วยการแนะนำสูตรสำหรับท่อนำคลื่นแบบไม่สูญเสียในอุดมคติตัวหาร Re (σ) ซึ่งเป็นส่วนที่แท้จริงของดัชนีการหักเหของแสงที่ซับซ้อนและได้รับนิพจน์ต่อไปนี้:

    F \u003d √n (n + 1) \u003d √n (n + 1) Hz

    สูตรนี้ให้การประมาณค่าที่สำคัญของการคำนวณความถี่ของซีรีส์กับค่าจริงในพื้นที่ของฮาร์โมนิกที่สูงขึ้น (ดูตาราง) แต่ข้อผิดพลาดในพื้นที่ต่ำกว่าโดยเฉพาะที่ฮาร์โมนิแรกยังคงมีนัยสำคัญ นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าคุณค่าที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงดัชนีหักเหของบรรยากาศรอบนอกด้วยการเปลี่ยนแปลงความสูงดังนั้นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่ทันสมัยให้การใช้แบบจำลองที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบจำลองเชิงเส้นสองขั้นตอน (สองสูง)

    [paste:font size="3"]การสะท้อนเรโซแนนซ์ความถี่ที่เกิดขึ้นจริงและที่แท้จริง

    ในปีที่ผ่านมามีการพัฒนาตัวแบบเรโซแนนซ์ใหม่ที่มีความแม่นยำมากขึ้นคำนวณโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังเช่น TLM (Transmission-Line Modeling) นอกจากนี้ยังมีความพยายามในการใช้เครื่องมือไฟฟ้าเชิงควอนตัมแทนสมการแมกซ์เวลล์แบบดั้งเดิมเพื่อการคำนวณ พื้นที่เหล่านี้จะถูกกล่าวถึงในบทที่แยกต่างหาก

    ความถี่จริงที่ระบุในตารางคือค่าเฉลี่ยของความถี่กลางของสเปกตรัมฮาร์มอนิกที่ได้จากการวัดจำนวนมาก ค่าปัจจุบันไม่เสถียรและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพารามิเตอร์ของบรรยากาศรอบนอก (ดูรูปที่ 1.5)

    0105.png

    รูปที่ 1.5 การแปรผันของความถี่ของเสียงประสานสี่ครั้งแรกของ Schumann resonance
    (ข้อมูลจากสถานีตรวจสอบ Tomsk)

    ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้สึกเป็นระยะปรากฏในสิ่งพิมพ์ยอดนิยมที่ความถี่เรโซแนนซ์ที่คาดคะเนเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันไม่มีพื้นฐานวัตถุประสงค์ซึ่งจะแสดงในภายหลังในการวิเคราะห์ข้อมูลการตรวจสอบ

    ในรูป 1.6 สเปกตรัมทั่วไปของการแกว่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตามธรรมชาติที่บันทึกไว้ในแถบความถี่ที่สอดคล้องกับช่วงของเสียงสะท้อน Schumann จะแสดง (นำเสนอส่วนประกอบแม่เหล็กแนวนอน) Resonances สอดคล้องกับสเปกตรัมสูงสุดที่ความถี่ f1 - f7

    0106.png

    รูปที่ 1.6 สเปกตรัมความผันผวนในแถบความถี่ Schumann resonance

    (ขึ้นอยู่กับภาพประกอบจากบทความโดย K. Schlegel และ M. Füllekrug "50 ปีของการกำทอนแมนน์ส")

    อย่างที่คุณเห็นฮาร์มอนิกแรกมีระดับสัญญาณสัมบูรณ์และสัมพัทธ์สูงสุดในขณะที่ความถี่ที่เพิ่มขึ้นทำให้เสียงสะท้อนมีความเด่นชัดน้อยลง สัญญาณเรโซแนนซ์ส่วนเกินสูงสุดที่ความถี่กลางของฮาร์โมนิกบนพื้นหลังนั้นเล็ก นี่คือผลของปัจจัย Q ต่ำของ resonator Earth-ionosphere ซึ่งเป็นสาเหตุที่สเปกตรัมของฮาร์มอนิกมีการใช้ในแถบความถี่ที่ค่อนข้างกว้าง แอมพลิจูดของสัญญาณเช่นเดียวกับความถี่ที่พิจารณาข้างต้นไม่เสถียรในเวลา ความกว้างของสเปกตรัม (ตัวประกอบคุณภาพ) ของสัญญาณก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน ประเภทของลักษณะสเปกตรัมทั่วไปของฮาร์มอนิกและตัวอย่างกราฟของแอมพลิจูดของพวกมันจะแสดงในรูปที่ 1.7

    คุณเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมการออกไปข้างนอกเพื่อรู้สึกดีขึ้น

    ไม่กี่วันที่ผ่านมาภรรยาของฉันและลูกของฉันและฉันเดินไปตามแม่น้ำโชคดีที่เราอาศัยอยู่ใกล้ ๆ และทุกครั้งที่ฉันถูกโจมตีโดยผู้คนที่พำนักพักการย่างเคบับเดินกับสุนัขหรือนั่งบนพื้นดินหรือบนหญ้า แน่นอนฉันสงสัยว่าสิ่งที่ผู้คนได้รับจากการอยู่ในธรรมชาติและทำไมผู้คนถึงถูกดึงดูดไปที่ริมฝั่งแม่น้ำหรือทะเลสาบถึงแม้ว่าคุณจะสามารถผ่อนคลายในขณะนอนหลับอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ไม่กี่วันต่อมาฉันก็พบข้อมูลที่ฉันเห็นคำตอบสำหรับคำถามที่ถามก่อนหน้านี้ ฉันเชื่อมั่นอีกครั้งว่าจิตใต้สำนึกของเรานั้นทำงานไม่เหมือนใคร ทุกอย่างตามลำดับอ่านต่อ

    Resonance Schumann - ยืนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำและต่ำพิเศษระหว่างพื้นผิวโลกและไอโอสเฟียร์[/paste:font]
    นักฟิสิกส์และนักประดิษฐ์ Nikola Tesla เป็นคนแรกที่ค้นพบความถี่การสั่นต่ำและต่ำพิเศษในชั้นบรรยากาศของโลกจากนั้นหลังจาก 50 ปีของการวิจัยผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันยังคงดำเนินต่อไป - นักฟิสิกส์ Winfried Otto Schumann และแพทย์ Herbert Koenig พวกเขาพบว่าในชั้นบรรยากาศของโลกมีสิ่งที่เรียกว่า "คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ยืนอยู่" ซึ่งต่อมาเรียกว่าคลื่น Schuman

    มีสมมติฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของพวกเขาที่พบมากที่สุดของพวกเขาคือสมมติฐานพายุฝนฟ้าคะนองตามที่คลื่นเหล่านี้เกิดจากการปล่อยสายฟ้าในส่วนต่าง ๆ ของโลกของเรา สายฟ้าทำงานเหมือนเสาอากาศขนาดใหญ่ที่เปล่งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ประมาณ 100 kHz พวกเขาเป็นสาเหตุของการกระตุ้นของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ที่กว้าง ตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้อธิบายโดยการปรากฏตัวของความผันผวนความถี่ต่ำพิเศษที่มีเสถียรภาพซึ่งในทางปฏิบัติไม่ชื้นและมีความถี่คงที่

    ในปี 1952 นิกได้สร้างการเชื่อมต่อที่น่าประทับใจ: ความถี่หลักของแมนน์แมนน์เรโซแนนซ์สอดคล้องกับความถี่ของจังหวะอัลฟาของสมองมนุษย์ - 7.83 เฮิร์ตซ์และความถี่ฮาร์มอนิกที่สองของแมนน์เรโซแนนซ์ ต่อมาค่าเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากการศึกษาจำนวนมาก หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่อุทิศตนเพื่อการศึกษาของแมนน์เรโซแนนและบทบาทในธรรมชาติคือวูล์ฟกังลุดวิก

    Wolfgang Ludwig ตัดสินใจสำรวจสัญญาณธรรมชาติของบรรยากาศที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสุขภาพดี ในหลักสูตรการวิจัยเขาพบว่าทุกวันนี้ในบรรยากาศซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์มีสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจำนวนมากที่ทำให้การวัดยากมาก ในความเป็นจริงภายในขอบเขตของเมืองที่ทันสมัยการศึกษาของ resonance Schumann ได้กลายเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นลุดวิกจึงตัดสินใจทำการวิจัยในทะเลเปิดและจากนั้นในเหมืองใต้ดิน

    ในตอนกลางคืนเสียงสะท้อนของแมนน์แมนนั้นสว่างขึ้นในฮาร์มอนิกที่สอง (14Hz) นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าชั้นสะท้อนของชั้นบรรยากาศ (เรียกว่าชั้น Heaviside) สูงขึ้นในเวลากลางคืน (ในด้านมืดของโลก) - สูงถึง 300-400 กิโลเมตรเทียบกับตอนกลางวัน 60-70 กม. เป็นที่เชื่อกันว่าคลื่นแมนน์สมันแพร่กระจายด้วยความเร็วของแสงห่อหุ้มโลก 8 ครั้งต่อวินาทีและมีความยาว 38,000 กม.

    การใช้ประโยชน์จากมันสำหรับเราคืออะไร?
    Schumann resonance frequency ตรงกับความถี่สมองซึ่งบ่งบอกถึงการเชื่อมต่อหลักของสิ่งมีชีวิตกับโลก ซึ่งไม่น่าแปลกใจ - ร่างกายของเราเกิดและก่อตัวขึ้นบนโลกนี้ดังนั้นความถี่ของมันจึงเป็นที่รักของเรา นั่นคือการกลับมาจากจังหวะบ้าคลั่งที่ทันสมัยไปสู่แหล่งกำเนิดแม่เหล็กไฟฟ้าของการดำรงอยู่ของเราบุคคลได้รับการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพกับโลกและสามารถรักษารับพลังงานได้รับประสบการณ์การปรับปรุงในสภาพร่างกายและจิตใจของเขาซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างแน่นอน นั่นเป็นคำตอบว่าทำไมผู้คนถึงต้องการธรรมชาติ

    มันเป็นที่รู้จักกันว่าด้วยความบังเอิญที่แน่นอนของความถี่ของสมองกับความถี่ของแมนน์กำทอนเนื่องจากการสื่อสารกับโลกคนนอกเหนือไปจากการรักษาด้วยตนเองได้รับความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นพลังจิต, การมีตาทิพย์, การมีญาณทิพย์, การสื่อสารกับสัญชาตญาณ การปรับจูนร่วมกับความถี่ของแมนน์แมนทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อกับโลกแห่งวิญญาณจิตใต้สำนึกทั่วไปและดื่มด่ำกับโลกแห่งความคิดและความเป็นไปได้ที่ไร้ขีด จำกัด แน่นอนว่าการเปลี่ยนภาพนั้นไม่เพียง แต่เกิดขึ้นและไม่มากนักเนื่องจากความถี่เป็นสถานะที่ถูกต้องของสมอง ความถี่เป็นเพียงความช่วยเหลือช่วยโลก

    ศาสตราจารย์ Michael Persinger จากห้องปฏิบัติการสรีรวิทยาของมหาวิทยาลัย Lorana ในโตรอนโตแนะนำว่าบทบาทของผู้ให้บริการข้อมูล psi สามารถเล่นได้โดยความถี่อินฟาต่ำ (INCH) ของคลื่นแมนน์ส เขาชี้ให้เห็นว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันจากคลื่นเช่นนี้ซึ่งต้องใช้อย่างน้อย "บังเกอร์ใต้ดินเหล็ก"

    แต่จะตั้งค่าสมองให้ทำงานที่ความถี่ของแมนน์เรโซแนนซ์ได้อย่างไร
    แน่นอนว่ามีวิธีที่จะทำให้สมองทำงานในความถี่ที่แน่นอน (นี่คือการสะกดจิตตัวเองและการทำสมาธิและผลกระทบที่เกิดขึ้นหลายชนิด (ภาพสัมผัสสัมผัสเสียง) และยาเสพติดประสาทหลอนในท้ายที่สุดแม้กระทั่งวิธีเวทมนต์บริสุทธิ์ ฯลฯ เป็นต้น ฯลฯ ) แต่ปัญหาทั้งหมดก็คือความถี่ของการกำทอนของแมนน์แมนน์นั้นแปรเปลี่ยนมันเปลี่ยนทุกวินาทีและมันก็เป็นตัวแปรสำหรับที่เดียวบนโลก (นั่นคือมันแตกต่างกันเสมอทั้งในอวกาศและในเวลา) และการตั้งค่าโดยประมาณ (พูดที่ 7.83 Hz เดียวกัน) ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ นอกจากนี้สมองยังมีกลไกป้องกันที่ป้องกันไม่ให้เปลี่ยนความถี่ (จากอาการปวดหัวเป็นความบ้า) และการป้องกันนี้ไม่สามารถทำลายได้มันสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างระมัดระวังเท่านั้น ดังนั้นงานนี้จาก "การตั้งค่าวิทยุ" ที่ง่ายจะกลายเป็นแฮ็คของธนาคารสวิสบางแห่ง

    ในทางกลับกันถ้าสมองสมัครใจถึงความถี่ของการสะท้อนเสียงแมนน์มันก็จะรักษาด้วยเสียงสะท้อนนี้เองเช่น ปรับโดยอัตโนมัติโดยไม่คำนึงถึงสถานที่และเวลา จริงๆแล้วนี่คือสิ่งที่หมอและผู้มีญาณทิพย์หลายคนทำ

    และตอนนี้เราจะระลึกถึงจังหวะของสมองและช่วงของมัน:




      • น้อยกว่า 4 เฮิร์ตซ์คือคลื่นเดลต้านอนหลับสนิท
      • 4-7 Hz คือ Theta, นอนหลับปกติ
      • 7-13 Hz คืออัลฟ่าการผ่อนคลายภาวะมึนงง
      • 13-40 Hz เป็นเบต้ากิจกรรมสมองปกติทุกวัน
      • มากกว่า 40 เฮิร์ตซ์คือคลื่นแกมม่า, กิจกรรมที่แข็งแกร่ง (ความก้าวร้าวหรือการคิดเชิงตรรกะอย่างรวดเร็ว, การแก้ปัญหาในสภาวะที่ยากลำบากหรือภายใต้แรงกดดันด้านเวลา)
    ขณะนี้มีหลักฐานว่าความถี่ของ Schumann เริ่มเพิ่มขึ้นและถ้าเสียงสะท้อนของ Schumann เพิ่มขึ้นจาก 8 เป็น 13 Hz จากนั้นเขาจะ "เคาะประตู" เป็นความถี่เบต้าและนี่เป็นจังหวะของชีวิตปกติของเรา (ไม่ใช่ยุคใหม่ที่บ้า แต่เป็นชีวิตปกติ) . ที่ความถี่นี้สมองทำงานเกือบจะไม่มีหมอกนั่นคือสมเหตุสมผล กล่าวอีกนัยหนึ่งผู้คนไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเพื่อเข้าถึงช่องทางความสามารถ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการหายใจหรือการพูด

    ข้อมูลนี้ให้คำตอบว่าทำไมคนจำนวนมากจึงเริ่มมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองสุขภาพและการค้นหาวิธีการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาของพวกเขา เนื่องจากดาวเคราะห์ต้องการการเปลี่ยนไปสู่ความถี่ใหม่แน่นอนว่าเป็นการยากที่จะทำนายว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้นที่ยังคงอยู่ในระดับเดิม ดังนั้นผู้คนจำนวนมากพยายามดิ้นรนเพื่อธรรมชาติเราเกิดมาบนโลกใบนี้และเราต้องการหรือไม่ต้องการเชื่อฟังกฎโดยไม่รู้ตัว

    Schumann resonance research เร็ว ๆ นี้
    ในปีที่ผ่านมาความสนใจในการศึกษากลไกของอิทธิพลของปัจจัยสิ่งแวดล้อมระยะไกลในกิจกรรมของมนุษย์ได้เพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์ที่มีความสนใจในสาขานี้ได้รวมตัวกันภายใต้การอุปถัมภ์ของสมาคมระหว่างประเทศเพื่อชีวชีว เร็วเท่าที่ 1969 สังคมได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อศึกษา "ผลกระทบทางชีวภาพของอนุภาคที่เร็วและช้าและปัจจัยต่างดาว" อย่างที่คุณเห็นปรากฎการณ์อันยิ่งใหญ่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อนโดยตำนานนักเขียนบ้าและแม่บ้านไสยศาสตร์ตอนนี้ตกอยู่ในความเห็นของสมาชิกที่เคารพนับถือของชุมชนวิทยาศาสตร์ ขอบเขตของวิทยาศาสตร์ค่อยๆแพร่กระจายไปยังดินแดนที่ไม่นานมานี้เป็นของนักมายากล, ภราดรภาพที่เป็นความลับ

    ทุกวันนี้มีห้องทดลองที่สำคัญหลายแห่งทั่วโลกที่ศึกษาเสียงสะท้อนของแมนน์แมน หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ที่นี่ในรัสเซียใกล้ Tomsk พวกเขาได้ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและบันทึกการอ่านเซ็นเซอร์เป็นเวลานานและได้ข้อสรุป

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้คนจำนวนมากขึ้นให้ความสนใจในปรากฏการณ์ลึกลับทุกชนิดการพัฒนาทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติและวิวัฒนาการของโลกของเรา หนึ่งในหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงอย่างแข็งขันคือ Schumann resonance ลองมาดูกันว่าปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้คืออะไรและมีผลกระทบต่อคนอย่างไร

    ความถี่แมนน์สคืออะไร?
    มีปริมาณทางกายภาพที่เรียกว่าเสียงสะท้อนแมนน์แมนน์ (คลื่นแมนน์แมน) มันเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ 7.83 Hz การก่อตัวของมันมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันของรังสีจากโลกและขอบเขตของบรรยากาศรอบนอก

    โลกของเราถูกล้อมรอบด้วยชั้นอากาศที่เรียกว่าชั้นบรรยากาศ บรรยากาศรอบนอกของไอโอโนสเฟียร์กับพื้นผิวโลกเป็นตัวสะท้อนขนาดใหญ่ เครื่องสะท้อนแสงนี้ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวเฉพาะ

    นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Nikola Tesla เป็นคนแรกที่ค้นพบความถี่การสั่นสะเทือนต่ำและต่ำพิเศษของชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ของเรา ต่อมา Winfried Otto Schumann และ Herbert Koenig ก็จัดการเรื่องนี้ด้วย นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ยืนอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ พวกเขาได้รับชื่อ "Schumann Waves" เพื่อเป็นเกียรติแก่นักวิทยาศาสตร์ Winfried Otto Schumann

    Resonance Schumann หมายถึงความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าที่ดาวเคราะห์ของเราแกว่งไปมา ความถี่หลักที่นักวิทยาศาสตร์ระบุได้คือ 7.83 เฮิร์ตซ์ ความถี่นี้สามารถเรียกได้ว่าการเต้นของหัวใจหรือชีพจรของโลก

    ผล คลื่นแมนน์ต่อคน
    นักวิทยาศาสตร์พบว่าการสั่นสะเทือนของโลกและความถี่ที่สมองของมนุษย์ทำงานตรงกัน สิ่งนี้บ่งชี้ว่าทุกชีวิตบนโลกนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด นี่เป็นเรื่องธรรมชาติเพราะผู้คนเกิดและพัฒนาบนโลกดังนั้นพวกเขาจึงเป็นส่วนสำคัญ นี่เป็นการชี้ให้เห็นว่าการจูนคลื่นความถี่เป็น "ดั้งเดิม" ร่างกายมนุษย์สามารถกำจัดโรคต่าง ๆ ได้ ดังนั้นดาวเคราะห์โลกสามารถรักษาผู้คนด้วยพลังงานของมัน

    เป็นที่ทราบกันว่า NASA ใช้ความถี่ของ Schumann เพื่อรักษาสุขภาพของพนักงาน ดร. โรเบิร์ตเบกเกอร์ศึกษาว่าสมองของหมอและจิตวิทยาทำงานอย่างไรเมื่อพวกเขาเข้าร่วมการประชุม จากผลการวิจัยเขาเปิดเผยว่าในทุกวิชาทดลองความถี่ของการทำงานของสมองจะเท่ากันและเป็น 7-8 Hz

    เป็นที่น่าสนใจว่าหมอที่ศึกษาทั้งหมดปฏิบัติตามมุมมองทางศาสนาจิตวิญญาณและความลับที่แตกต่างกัน แต่ความผันผวนของสมองในระหว่างการประชุมนั้นเหมือนกันสำหรับทุกคน

    ญาณและนักเล่นกลอ้างว่าความถี่การรักษานี้ไม่เพียง แต่รักษาคน แต่ยังสามารถเปิดเผยความสามารถที่ผิดปกติในตัวเขาเช่นตาทิพย์และ telekinesis พวกเขาอ้างว่าด้วยการปรับความถี่ของ Schumann บุคคลสามารถเชื่อมต่อกับจิตไร้สำนึกร่วม - พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีความคิดและความคิดของผู้อยู่อาศัยทั้งหมดของโลก



    วิธีการปรับแต่งในคลื่นที่เหมาะสม?
    บางคนพยายามทำให้สมองทำงานที่ความถี่ 7.83 Hz เพื่อพัฒนาความสามารถของอาถรรพ์ ในการทำเช่นนี้พวกเขาใช้วิธีการที่แตกต่างกันตั้งแต่การสะกดจิตตัวเองและการทำสมาธิจนถึงยาประสาทหลอน บนอินเทอร์เน็ตคุณสามารถค้นหาการบันทึกเสียงด้วย Schumann frequency และฟังได้

    อย่างไรก็ตามปัญหาคือความถี่เสียงสะท้อนของแมนน์แมนน์ไม่คงที่ มันเปลี่ยนไปตามเวลาของวันและพิกัดเฉพาะ ปรากฎว่าตัวบ่งชี้นี้ไม่เหมือนกันในเวลาและในอวกาศ

    แน่นอนคุณสามารถลองปรับเป็นความถี่โดยประมาณ แต่พบว่าทดลองแล้วว่าการตั้งค่านี้ไม่ทำงาน นอกจากนี้สมองของมนุษย์มีการป้องกันที่ไม่อนุญาตให้บุคคลเปลี่ยนความถี่ตามดุลยพินิจของเขา การรบกวนขั้นต้นในการทำงานของอวัยวะที่บอบบางนี้สามารถนำไปสู่ผลที่น่าเศร้า (จากอาการปวดหัวไปจนถึงความวิกลจริต)

    สถานการณ์ที่ปลอดภัยคือเมื่อสมองปรับแต่งความถี่ของแมนน์แมนอย่างอิสระโดยไม่คำนึงถึงเวลาของวันหรือที่ตั้งของบุคคล ในกรณีนี้มันทำงานได้อย่างถูกต้อง มันเป็นปรากฏการณ์นี้ที่พบเห็นได้ในหมู่หมอและนักจิตวิทยา สมองของพวกเขาปรับคลื่นไปทางขวาโดยอัตโนมัติ เป็นที่เชื่อกันว่าที่ความถี่ 741 เฮิร์ตซ์สัญชาตญาณตื่นขึ้นในคน

    เสียงสะท้อนของแมนน์แมนน์กำหนดอะไร?
    ความถี่ของการสั่นสะเทือนของโลกแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดดังต่อไปนี้:




      • เวลาของวัน ในเวลากลางคืนความผันผวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเพิ่มขึ้นในระหว่างวัน
      • เวลาของปี ในฤดูร้อนการเพิ่มขึ้นของแอมพลิจูดของการแกว่งนั้นสังเกตได้ในซีกโลกเหนือ
      • พิกัดตำแหน่ง เสียงสะท้อนแมนน์แมนน์เพิ่มขึ้นในพื้นที่ของดาวเคราะห์เช่นแอฟริกา, อเมริกาใต้, อินเดีย, อินโดนีเซีย
      • กิจกรรมของดวงอาทิตย์ พายุสุริยะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของความเข้มของการแกว่ง
    ความถี่แมนน์เปลี่ยนไปจากปี
    เป็นเวลานานหลังจากการค้นพบคลื่นแมนน์แมนน์ยังคงมีเสถียรภาพ ความถี่ของ 7.83 Hz นั้นคงที่จนทำให้กองทัพสามารถกำหนดค่าอุปกรณ์ของมันได้ เป็นครั้งแรกที่ค่านี้ถูกวัดกลับในปี 1899–1900 จนกระทั่งปี 1980 มันไม่เปลี่ยนแปลง ในปี 1958 หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกยอมรับว่าเป็นคุณค่าหลักสำหรับการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์

    แต่หลังจากนั้นไม่นานนักวิทยาศาสตร์สังเกตว่าความถี่ของแมนน์แมนเริ่มเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 1995 ค่านี้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีนี้:




      • 1995 กรัม - 8.6 Hz;
      • 1999 g - 11.2 Hz;
      • 2,000 กรัม - 12 เฮิร์ตซ์;
      • 2001 g - 12.2 Hz;
      • 2002 g - 12.4 Hz;
      • ฤดูหนาว 2003 - 12.6 Hz;
      • ฤดูร้อน 2003 - 12.89 Hz;
      • ฤดูใบไม้ร่วง 2003 - 13 Hz;
      • ในปี 2560 ความถี่ Schumann ถึง 36 Hz
    ในรัสเซียมีสถานีที่พนักงานตรวจสอบเสียงสะท้อนของแมนน์แมนอยู่ตลอดเวลา ตั้งอยู่ในเมือง Tomsk บนพื้นฐานของ Tomsk State University บนเว็บไซต์ทางการของพวกเขาคุณสามารถดูความถี่สำหรับวันนี้ อัปเดตข้อมูลทุกสองชั่วโมง

    หอดูดาวธรณีฟิสิกส์อีกแห่งตั้งอยู่ในสโลวาเกียในเมืองโมดรา คลื่นแมนน์แมนก็มีการตรวจสอบที่นั่น

    มีข้อสันนิษฐานว่าการสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่วิวัฒนาการทางจิตวิญญาณและการตรัสรู้ของมนุษยชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ก็คือเวลาจะบอก


    หากคุณสังเกตเห็นข้อผิดพลาดการสะกดโปรดเลือกด้วยเมาส์แล้วคลิก Ctrl + Enter.

    บทความเกี่ยวกับเสียงสะท้อนของ Schumann นั้น“ ท่อง” อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานาน พวกเขาน่าตื่นเต้นที่สุดจนถึงปี 2012 และตอนนี้ผู้คนคุ้นเคยกับการเกิดขึ้นของข้อมูลใหม่และการสั่นสะเทือนสูงสุด

    จากข้อมูลที่ได้รับจากนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจังหวะของสมองการค้นพบถูกสร้างขึ้นมาและตอนนี้มีโรงเรียนมากมายในโลกที่พัฒนามนุษย์ทิพย์และกระแสจิต ด้วยการใช้ความถี่ที่แตกต่างกันคนมีส่วนร่วมในการรักษาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถนอนหลับได้กลายเป็นซึมเศร้าจากการนอนไม่หลับเรื้อรัง มันเป็นไปได้ที่จะมีส่วนร่วมในการเขียนโปรแกรมด้วยตนเองด้วยผลลัพธ์ที่ดีมากในการเติบโตส่วนบุคคลเพื่อกำจัดปัญหาทางจิตวิทยา

    แต่ ... คุณต้องระวังให้มากและไม่คิดว่าการช่วยเหลือผู้อื่นจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน เราต่างกัน และมีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญวิธีการใหม่ ๆ

    บัญญัติหลักของอาจารย์ไม่ได้เป็นอันตราย ฉันก็ไม่ได้ทำร้ายตัวเองเช่นกัน

    ด้วยความรักต่อทุกคนที่ได้ดูหน้านี้ - Tatyana Platonova

    เสียงสะท้อนของแมนน์แมนน์ - ยืนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำและต่ำพิเศษระหว่างพื้นผิวโลกและไอโอสเฟียร์

    นักฟิสิกส์และนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน Nikola Tesla เป็นคนแรกที่ค้นพบความถี่การสั่นต่ำและต่ำพิเศษในชั้นบรรยากาศของโลกหลังจากนั้น 50 ปีการวิจัยดำเนินการต่อโดยผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน - นักฟิสิกส์ Winfried Otto Schumann และแพทย์ Herbert Koenig พวกเขาพบว่าในชั้นบรรยากาศของโลกมีสิ่งที่เรียกว่า "คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ยืนอยู่" ซึ่งต่อมาเรียกว่าคลื่น Schumann มีสมมติฐานหลายประการเกี่ยวกับที่มาของพวกเขาซึ่งส่วนใหญ่คือสมมติฐานพายุฝนฟ้าคะนองตามที่คลื่นเหล่านี้เกิดจากการปล่อยสายฟ้าในส่วนต่าง ๆ ของโลกของเรา สายฟ้าทำงานเหมือนเสาอากาศขนาดใหญ่ที่เปล่งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ประมาณ 100 kHz พวกเขาเป็นสาเหตุของการกระตุ้นของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ที่กว้าง ตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้อธิบายโดยการปรากฏตัวของความผันผวนความถี่ต่ำพิเศษที่มีเสถียรภาพซึ่งในทางปฏิบัติไม่ชื้นและมีความถี่คงที่

    ทฤษฎีพายุคลื่นแมนน์ส

    ในปีพ. ศ. 2495 นิกได้สร้างความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจ: ความถี่หลักของแมนน์แมนน์เรโซแนนซ์สอดคล้องกับความถี่ของจังหวะอัลฟาของสมองมนุษย์ - 7.83 เฮิร์ตซ์และความถี่ของฮาร์โมนิกที่สองของแมนน์ ต่อมาค่าเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากการศึกษาจำนวนมาก หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่อุทิศตนเพื่อการศึกษาของแมนน์เรโซแนนและบทบาทในธรรมชาติคือวูล์ฟกังลุดวิก

    Wolfgang Ludwig ตัดสินใจสำรวจสัญญาณธรรมชาติของบรรยากาศที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสุขภาพดี ในหลักสูตรการวิจัยเขาพบว่าทุกวันนี้ในบรรยากาศซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์มีสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจำนวนมากที่ทำให้การวัดยากมาก ในความเป็นจริงภายในขอบเขตของเมืองที่ทันสมัยการศึกษาของ resonance Schumann ได้กลายเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นลุดวิกจึงตัดสินใจทำการวิจัยในทะเลเปิดและจากนั้นในเหมืองใต้ดิน

    ในตอนกลางคืนเสียงสะท้อนของแมนน์แมนนั้นสว่างขึ้นในฮาร์มอนิกที่สอง (14Hz) นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าชั้นสะท้อนของชั้นบรรยากาศ (เรียกว่าชั้น Heaviside) สูงขึ้นในเวลากลางคืน (ในด้านมืดของโลก) - สูงถึง 300-400 กม. ในเวลากลางวัน 60-70 กม. เป็นที่เชื่อกันว่าคลื่นแมนน์สมันแพร่กระจายด้วยความเร็วของแสงห่อหุ้มโลก 8 ครั้งต่อวินาทีและมีความยาว 38,000 กม.

    การใช้ประโยชน์จากมันสำหรับเราคืออะไร?

    Schumann resonance frequency ตรงกับความถี่สมองซึ่งบ่งบอกถึงการเชื่อมต่อหลักของสิ่งมีชีวิตกับโลก ซึ่งไม่น่าแปลกใจ - ร่างกายของเราเกิดและก่อตัวขึ้นบนโลกนี้ดังนั้นความถี่ของมันจึงเป็นที่รักของเรา นั่นคือการย้อนกลับจากจังหวะคลั่งที่ทันสมัยไปยังแหล่งกำเนิดแม่เหล็กไฟฟ้าของการดำรงอยู่ของเราบุคคลนั้นได้รับการเชื่อมต่อที่ทรงพลังกับ Mother Earth และสามารถรักษาตัวเองได้รับพลังงาน พรที่ไม่มีข้อสงสัยคืออะไร

    มันเป็นที่รู้จักกันว่าด้วยความบังเอิญที่แน่นอนของความถี่ของสมองกับความถี่ของแมนน์กำทอนเนื่องจากการสื่อสารกับแม่ธรณีบุคคลนอกเหนือจากการรักษาด้วยตนเองได้รับความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาคือพลังจิตและการมีญาณทิพย์ โดยวิธีการตามที่นักมายากลหลายคนมันเป็นที่ความถี่เสียงสะท้อนแมนน์แมนน์ที่เขตแดนระหว่างบุคคลและหมดสติหมดสติ (ตามฟรอยด์) ผ่าน นั่นคือนี่คือชายแดนการเปลี่ยนผ่านจากโลกของสิ่งต่าง ๆ ไปสู่โลกแห่งความคิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกอื่น แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนภาพนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความถี่ แต่เป็นเพราะสถานะของสมองที่ถูกต้อง ความถี่เป็นเพียงความช่วยเหลือช่วยโลก

    ศาสตราจารย์ Michael Persinger จากห้องปฏิบัติการสรีรวิทยาของมหาวิทยาลัย Lorana ในโตรอนโตแนะนำว่าบทบาทของผู้ให้บริการข้อมูล psi สามารถเล่นได้ด้วยคลื่นความถี่ต่ำ (INCH) ของคลื่น Schumann เขาชี้ให้เห็นว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันจากคลื่นเช่นนี้ซึ่งต้องใช้อย่างน้อย "บังเกอร์ใต้ดินเหล็ก" นี่หมายถึงการป้องกันความถี่ไม่ใช่การเหนี่ยวนำแม่เหล็ก

    สังเกตว่าคลื่น IF นั้นง่ายต่อการแพร่กระจายจากเที่ยงคืนถึงสี่โมงเช้าและมันง่ายกว่าที่จะส่งคลื่นจากตะวันตกไปตะวันออกเพอร์ซิงเกอร์หันไปหาวรรณกรรมเกี่ยวกับ ESP โดยหวังว่าจะได้พบจดหมายที่นี่ สมมติฐานของเขาได้รับการยืนยัน โดยปกติแล้วกระแสจิตและการมีญาณทิพย์มีประสิทธิภาพมากที่สุดระหว่างสิบสองในตอนเช้าและสี่ในตอนเช้า ระหว่างการติดต่อทางกระแสจิตตัวเหนี่ยวนำ (การส่งสัญญาณ) ในกรณีส่วนใหญ่จะอยู่ทางตะวันตกมากกว่าทางตะวันออกของการรับรู้ (การรับ) นอกจากนี้ Persinger พบว่าได้รับรายงานการทดลองที่ประสบความสำเร็จน้อยลงในช่วงที่เกิดพายุ geomagnetic พายุแม่เหล็กรบกวนการแพร่กระจายของคลื่น LF Persinger กำลังเตรียมทดสอบทฤษฎีของเขา

    แต่จะตั้งค่าสมองให้ทำงานที่ความถี่ของแมนน์เรโซแนนซ์ได้อย่างไร แน่นอนว่ามีวิธีที่จะทำให้สมองทำงานในความถี่ที่แน่นอน (นี่คือการสะกดจิตตัวเองและการทำสมาธิและผลกระทบที่เกิดขึ้นหลายชนิด (ภาพสัมผัสสัมผัสเสียง) และยาเสพติดประสาทหลอนในท้ายที่สุดแม้กระทั่งวิธีเวทมนต์บริสุทธิ์ ฯลฯ เป็นต้น ฯลฯ ) แต่ปัญหาทั้งหมดก็คือความถี่ของการกำทอนของแมนน์แมนน์นั้นแปรเปลี่ยนมันเปลี่ยนทุกวินาทีและมันก็เป็นตัวแปรสำหรับที่เดียวบนโลก (นั่นคือมันแตกต่างกันเสมอทั้งในอวกาศและในเวลา) และการตั้งค่าโดยประมาณ (พูดที่ 7.83 Hz เดียวกัน) ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ นอกจากนี้สมองยังมีกลไกป้องกันที่ป้องกันไม่ให้เปลี่ยนความถี่ (จากอาการปวดหัวเป็นความบ้า) และการป้องกันนี้ไม่สามารถทำลายได้มันสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างระมัดระวังเท่านั้น ดังนั้นงานนี้จาก "การตั้งค่าวิทยุ" ที่ง่ายกลายเป็นแฮ็คของธนาคารสวิสบางแห่ง

    ในทางกลับกันหากสมองสมัครใจถึงความถี่ของการสะท้อนเสียงแมนน์มันก็จะรักษาด้วยเสียงสะท้อนนี้เองเช่น ปรับโดยอัตโนมัติโดยไม่คำนึงถึงสถานที่และเวลา จริงๆแล้วนี่คือสิ่งที่หมอและผู้มีญาณทิพย์หลายคนทำ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะ นี่เป็นเพียงหนึ่งในวิธีการที่มีข้อเสีย ตัวอย่างเช่นคนที่คุ้นเคยกับการใช้ความช่วยเหลือของโลกจะไม่สามารถแสดงความสามารถเกินขอบเขต จนถึงตอนนี้มันก็ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถึงกระนั้น - ถ้าคุณใส่ต้นแบบในยานอวกาศและนำมันออกจากบรรยากาศรอบนอก (ที่ไม่มีคลื่น Schuman) เขาจะเลิกเป็นนาย

    มีความเห็น

    ทุกอย่างที่กล่าวไว้ในส่วนก่อนหน้านี้เป็นมุมมองหนึ่งแนวทางทั่วโลกหนึ่งวิธี แต่ยังมีอีก ตรงกันข้าม (หรือดูเหมือนว่า) มันไม่สอดคล้องกับหัวข้อของบทความนี้ดังนั้นอ่านเกี่ยวกับวิธีการนี้ในบทความ "สนามแม่เหล็กของโลกและการมีตาทิพย์"

    จริยธรรมและการแก้แค้น

    แต่ถ้าคนที่มีค่าต่ำโดยใช้วิธีการทางเทคนิคจะได้รับพลังจิตและการมีญาณทิพย์ทันที (และพวกเขาจะได้รับทันทีเนื่องจากในจักรวาลไม่มีการแบ่งออกเป็นความสามารถคนคิดค้นมัน) ตามกฎหมายของจักรวาลบุคคลดังกล่าวถือว่าเป็นมะเร็งและถูกทำลาย อย่างไรก็ตามตามที่เราเห็นในโลกสมัยใหม่มะเร็งกำลังถูกกำจัดให้สิ้นซากค่อนข้างซบเซาและมีเวลาที่จะ "ทำลาย" สิ่งมีชีวิตตามปกติ ดังนั้นเราไม่ควรนอนด้วยเช่นกัน แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเราถูกบังคับให้ระวังสัตว์เลื้อยคลาน

    ฉันคิดว่าปัญหาคือการขาดครูผู้สอนที่ดี (หรือไม่เต็มใจทำงาน) ท้ายที่สุดถ้าคนที่มีความปรารถนาต่ำต้องการได้รับการมีญาณทิพย์นี่ไม่ใช่อาชญากรรม ในขั้นตอนนี้คุณสามารถทำงานกับเขาบอกอธิบายให้โอกาสที่จะรู้สึกถึงสายลมแห่งความจริง จากนั้นคนนี้ต่อหน้าต่อตาเขาจะเติบโตเหนือตัวเขาและวันหนึ่งเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่ถูกต้อง

    ทำไมฉันถึงหยุดที่นี่ ความจริงก็คือตั้งแต่ปีพ. ศ. 2549-2550 ความถี่ของเสียงสะท้อนที่แมนน์แมนเริ่มเพิ่มขึ้น นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนใครซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในความทรงจำของมนุษยชาติ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องของบทความนี้ และตอนนี้เราจะระลึกถึงจังหวะของสมองและช่วงของมัน:

    1) น้อยกว่า 4 เฮิร์ตซ์เป็นคลื่นเดลต้านอนหลับสนิท

    2) 4-7 Hz คือ Theta, การนอนหลับปกติ

    3) 7-13 Hz คือ Alpha ผ่อนคลายสถานะมึนงง

    4) 13-40 Hz เป็นเบต้ากิจกรรมสมองประจำวันปกติ

    5) มากกว่า 40 เฮิร์ตซ์คือคลื่นแกมม่า, กิจกรรมที่แข็งแกร่ง (ความก้าวร้าวหรือการคิดเชิงตรรกะอย่างรวดเร็ว, การแก้ปัญหาในสภาวะที่ยากลำบากหรือภายใต้แรงกดดันด้านเวลา)

    และจะเกิดอะไรขึ้น - ถ้าเสียงสะท้อนของ Schumann ถึง 8 ถึง 13 Hz จากนั้นเขาจะ "เคาะประตู" เป็นความถี่เบต้าและนี่คือจังหวะของชีวิตปกติของเรา (ไม่ใช่ยุคใหม่ที่บ้าคลั่ง แต่เป็นชีวิตปกติ) ที่ความถี่นี้สมองทำงานเกือบจะไม่มีหมอกนั่นคือสมเหตุสมผล กล่าวอีกนัยหนึ่งผู้คนไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเพื่อเข้าถึงช่องทางความสามารถ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการหายใจหรือการพูด

    นี่คือสาเหตุที่ตอนนี้สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องปลดปล่อยพื้นที่พลังงานของโลกออกจากความคิดที่ไม่คู่ควรคุณค่าความคิดพื้นฐานและอื่น ๆ โดยเร็วที่สุดหากสิ่งนี้ไม่ได้ผลสิ่งหนึ่งในสองสิ่งจะเกิดขึ้น: หรือแม้แต่คนเลวก็จะได้รับความสามารถเหล่านี้ ผลก็คือจักรวาลจะต้องเข้ามาแทรกแซงและในที่สุดก็“ กำจัดขยะ”) หรือการเติบโตของเรโซแนนซ์จะหยุดจนกว่าจะถึงเวลาที่ดีกว่า ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าการพัฒนาจะไปทางไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก คุณเพียงแค่ต้องมีเวลาในการล้างโลกก่อนเวลานี้

    http://www.yasnovidenie.com/2010/08/07/резонанс-шумана/

    อุปกรณ์ทางเทคนิคกำลังเพิ่มขึ้นที่อยู่อาศัยทวีความรุนแรงขึ้น ยี่สิบสี่ชั่วโมงเราได้รับผลกระทบจากการทำลายล้างของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าประดิษฐ์พลังซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง 100 (หนึ่งร้อย!) ล้านเท่าสูงกว่าที่บรรพบุรุษของเราเคยประสบเมื่อวานนี้ ในเมืองใหญ่ความเข้มของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าประดิษฐ์นั้นสูงกว่าพื้นหลังตามธรรมชาติเป็น 100-1000 เท่าซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ก้าวร้าวซึ่งคุณไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากการปกป้องหรือลงโทษตัวเองให้เป็นโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่าความถี่ที่กำหนดโดยผู้สร้าง - ธรรมชาติ 7.8, 14.1 เฮิร์ตซ์ถูกทำลาย "หมอกควันอิเล็กทรอนิกส์" มีความไม่สมดุลมีความไม่สอดคล้องกันของระบบการทำงานทั้งหมดของร่างกายซึ่งในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติควรทำงานอย่างอิสระอย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่นต่อมไพเนียลซึ่งมีความถี่ 8 เฮิร์ตซ์บังคับให้ซีกซ้ายและขวาทำงานพร้อมกันซีกโลกเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสถานะนี้เริ่มควบคุมฮอร์โมนย่อยที่ผลิตฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงนี่ไม่ได้ควบคุมเทียม ภายใต้อิทธิพลของความถี่ 8 Hz เท่านั้นที่ต่อมไพเนียลสร้างขึ้นฮอร์โมน "เมลาโทนิ" แพทย์ได้ค้นพบว่าการพัฒนาด้านเนื้องอกวิทยาในร่างกายมนุษย์โดยไม่ต้องมีเมลาโทนิน นี่คือการพิสูจน์โดยการศึกษาของพนักงานเสิร์ฟของสหรัฐอเมริกาและสวีเดนศาสตราจารย์ของพวกเขา โรคนี้เป็นมะเร็งเต้านม การศึกษาแสดงให้เห็นว่าเมลาโทนิขาดในร่างกาย เมลาโทนินรวมถึงต่อมไทรอยด์ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือพวกเขาพบว่า EMR ทำลายต่อมไพเนียลเอง ทีนี้ในความเป็นจริงมีเพียงซีกขวาเท่านั้นที่ทำงานได้ดังนั้นความเจ็บป่วยทางจิตอย่างต่อเนื่องภาวะซึมเศร้าและอื่น ๆ

    http://www.telepat-defence.com/shuman.htm

    แพทย์พบความจริงที่น่าสนใจว่าเมื่อคนอยู่ในสถานการณ์เครียดที่คุกคามชีวิต (นักกีฬาไปที่บันทึกขับรถในอุบัติเหตุทหารในสนามรบ ฯลฯ ) จากนั้นก็มีกิจกรรมในซีกโลกระยะออกนอกเฟส ดร. โรเบิร์ตเบ็คนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ได้เดินทางไปทั่วโลกโดยการวัดหมอคลื่นสมอง เขาพบว่าหมอทั้งหมดแสดงโครงสร้างของคลื่นสมองเดียวกันความถี่ 7-8 Hz ในระหว่างการรักษา และไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเพณีทางศาสนาและจิตวิญญาณของพวกเขา จากนั้นเบ็คก็ถามคนเหล่านี้ภายใต้แรงกดดันซึ่ง "มือกลอง" ทุกคน "เดินขบวน" และโดยธรรมชาติทำไม เขาพบคำตอบในการสั่นของสนามแม่เหล็กโลก มันมีตั้งแต่ 7.8 ถึง 8 เฮิร์ตซ์ ความผันผวนเหล่านี้ (ความผันผวน) เรียกว่าคลื่นแมนน์ส ในการวิจัยเพิ่มเติมดร. เบ็คพบว่าในช่วงเวลาแห่งการรักษาคลื่นสมองของผู้รักษาจะประสานทั้งความถี่และเฟสกับคลื่นของแมนน์แมน ซึ่งหมายความว่าการเต้นของคลื่นสมองของผู้รักษาไม่เพียง แต่มีความถี่เดียวกับคลื่นแมนน์แมนเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นพร้อมกันด้วย สามารถสันนิษฐานได้ว่าหมอสามารถดึงพลังงานจากสนามแม่เหล็กของโลกเพื่อรักษาผู้ป่วยของพวกเขา กระบวนการนี้เรียกว่าการจับคู่ข้อมูล

    https://bioenergoplastika.ru/th/int...e-chastoty-gamma-shumanovskii-rezonans-i-ego/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7
    Schumann Resonance และ การอ่าน Amplitude 5/4 ~ 11:30 UTC การเพิ่มขึ้นของ "White Hot" ที่แข็งแกร่งยังคงอยู่

    http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7
    Schumann Resonance and Amplitude readings 5/4 ~ 11:30 UTC. Strong "White Hot" spiking currently still building.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘โลมาปากขวด’ กว่า 100 ตัว โผล่ว่ายน้ำเล่นใกล้ เกาะบอน จ.พังงา

    วันที่ 4 พ.ค.63 เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอความยาวกว่า 1 นาที พร้อมระบุข้อความว่า #ไม่สนประกาศปิดอุทยาน โลมาปากขวดร่วมร้อยชีวิต นัดรวมตัวใกล้เกาะบอน เจ้าหน้าที่เร่งบันทึกภาพเป็นหลักฐาน

    เมื่อวันที่ 4 พ.ค.63 เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้ออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพ(SMART PATROL) เส้นทางเกาะตาชัย-เกาะเมียง ทั้งนี้ขณะลาดตระเวนได้พบโลมาปากขวดราวหนึ่งร้อยตัวได้รวมตัวว่ายน้ำด้านทิศตะวันตกใกล้เกาะบอนของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจึงได้เข้าทำการตรวจสอบ

    ซึ่งขณะตรวจสอบพบว่าโลมาปากขวดฝูงดังกล่าวได้ทำการปิดล้อมเรืออุทยาน และไม่ได้มีการแสดงอาการเกรงกลัวเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด โดยมีพฤติกรรมยียวนด้วยการว่ายน้ำหลอกล่อ อีกทั้งยังมีการกระโดดลอยหน้าลอยตาท้าทายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกภาพและวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน

    ทั้งนี้อุทยานได้เข้มงวดและเพิ่มระยะเวลาในการลาดตระเวนหลังจากนี้ เนื่องจากเกรงว่าการกระทำของโลมาปากขวดอาจทำให้เกิดการลอกเลียนแบบของปลากระเบนราหูและฉลามวาฬได้

    #หยอกๆ #อยู่บ้านเพื่อชาติเราจะส่งธรรมชาติเพื่อคุณ

    The post ‘โลมาปากขวด’ กว่า 100 ตัว โผล่ว่ายน้ำเล่นใกล้ เกาะบอน จ.พังงา appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     

แชร์หน้านี้

Loading...