เรื่องเด่น พระขุนแผนพรายเสน่ห์จันทร์ รำลึกศรัทธา 300 ปี “วัดละครทำ”

“พราย” คืออะไร?

เชื่อกันมาแต่โบร่ำโบราณว่า “พราย” นั้นก็คือ “จิตวิญญาณ” ชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กสุดตามลำดับที่สามารถปรากฏให้รับรู้ได้…พราย ภูต ผี ปีศาจ ส่วนใหญ่มักมาจากการหมักหมมของซากพืช…ซากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ ดวงวิญญาณนี้มักแสดงตนในลักษณะเป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว เป็นดวงไฟเรืองแสง…

ปรากฏให้เห็นกันในช่วงตอนหกโมงเช้า เที่ยงวัน หกโมงเย็น เที่ยงคืน

น่าสนใจว่าพรายมักจะอยู่ในคลอง แม่น้ำ ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีเรื่องเล่ากล่าวขานกันว่า เมื่อพรายจับเหยื่อได้ก็จะเอาร่างเหยื่อที่ไร้วิญญาณมาเป็นร่างของตน นี่เองกระมังที่ “ผีพราย” ส่วนมากจึงปรากฏร่างเป็นผู้หญิง นางไม้ บางครั้งก็ทึกทักจัดเอาไว้เข้าพวกกันไปด้วย เช่น พรายตะเคียน พรายตานี หรือแม้แต่ผีทะเล ผีน้ำก็ถูกเหมารวมเอาเข้าไว้ด้วยกัน เรียกชื่อว่า…พรายทะเล พรายน้ำ

นอกจากนี้แล้วในเรื่องขุนช้างขุนแผนยังปรากฏผีพรายก็คือ “โหงพราย” แต่ในเรื่องนี้เป็นผีผู้ชาย ถึงตรงนี้ให้รู้เอาไว้ด้วยว่า ยังมีความเกี่ยวโยงกับในเรื่องเครื่องรางของขลัง “พระขุนแผนสายพราย” ที่ตามปูมประวัติสืบค้นกันมานั้นถือกำเนิดเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดก็ยังไม่มีปรากฏหลักฐานชัดเจน แต่ยอมรับกันว่าพระเกจิผู้เรืองเวทเปี่ยมด้วยวิทยาอาคมนั้นมีจำนวนไม่น้อยเลยที่นิยมสร้าง…เพื่อไว้ให้ลูกศิษย์พกติดตัวบูชา



“เอก อัคคี” นักคิดนักเขียนแนวพระเครื่องส่งข้อมูลเปิดประเด็นเกี่ยวโยงตำนาน “วัดละครทำ” สมัยกรุงศรีอยุธยาจากเนื้อนาบุญอาถรรพณ์ของนางละครแม่เสน่ห์จันทร์สู่…“วัดบางแพรก” ต้นตำรับพระขุนแผนผงพรายเมืองนนท์!…น่าสนใจใคร่รู้ ยุคสมัยหนึ่งทางวัตรป่าเจ้าสัว จ.อุบลราชธานี ได้มีการมอบผงพรายกัญญาให้ทางวัดบางแพรกเป็นมวลสารตั้งต้นในการจัดสร้างพระเครื่องเพื่อหาปัจจัยมาบูรณะศาสนสถานที่ชำรุดทรุดโทรม

ที่สำคัญ…วัดเก่าแก่แห่งนี้ เมื่อท่านพระอาจารย์มหาธีร์ เจ้าอาวาสวัดบางแพรก ได้รับ “ผงพรายกัญญา” ที่ได้มาหนึ่งกระปุก ท่านได้เทผสมกับมวลสารอื่นๆของทางวัดที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วเก็บในโถกระเบื้องเซรามิกขนาดใหญ่ถึงสองโถเต็มๆและแบ่งมาสร้างพระขุนแผนของทางวัดไปแล้วสองรุ่น ซึ่งก็ตักมาผสมกับผงพุทธคุณอื่นๆ เพื่อใช้เป็น “ผงพุทธคุณผงพรายวัดบางแพรก”

รวมไปถึงพระขุนแผนรุ่นล่าสุด “พระขุนแผนพรายเสน่ห์จันทร์” ที่มีการนำไปปลุกเสกภายในถ้ำฉัททันต์บรรพต สำนักวัดเขาอ้อ ที่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์แห่ง ภาคใต้ โดยมี อ.เปลี่ยน หัทยานนท์ ฆราวาสอาวุโส วัย 82 ปี ศิษย์ผู้น้องของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ชราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรม



คำบอกเล่าประวัติความเป็นมา “วัดบางแพรก” ในสมัยโบราณ ย่านนี้เป็นชุนชนชาวสวนริมคลองบางแพรก ซึ่งเป็นคลองแยกออกจากคลองอ้อมนนท์ในสมัยที่ยังไม่มีถนนรัตนาธิเบศร์ ชาวบ้านจะมาวัดทางเรือด้วยการพายกันมาในคลองบางแพรก แต่ทุกวันนี้คลองกลับกลายเป็นคูน้ำไปแล้ว

ย้อนหลังไปราวๆ 300 ปี วัดบางแพรกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ “วัดละครทำ” ว่ากันว่า…คณะบุคคลที่มาสร้างวัดแห่งนี้เป็นชาวคณะละครรำ แต่เนื่องจากวัดตั้งอยู่ริมคลองบางแพรก ในกาลต่อมาจึงมีผู้เรียกชื่อวัดตามชื่อคลองว่าวัดบางแพรก และจากการไปศึกษาค้นคว้าเอกสารเก่าพบว่า ตามหนังสือทำเนียบคณะสงฆ์ของกระทรวงธรรมการ พิมพ์เมื่อ ร.ศ.123 (พ.ศ.2448) ก็ได้มีชื่อวัดบางแพรกแล้ว




ความน่าสนใจของ “วัดบางแพรก” แห่งนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่โบราณที่ยึดเหนี่ยวชาวบ้านย่านนี้เรียกว่า “หลวงพ่อศิลาแลง” หรือ “หลวงพ่อหิน” พระคู่บ้านชาวสวนคนคลองบางแพรก ที่บนบานสิ่งใดมักจะต้องได้….นำไข่ต้ม ขนมตะไลมาแก้บนกันไม่ขาด

ท่านพระอาจารย์มหาธีร์ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 2552 ท่านได้สร้างพระเครื่องอันเปี่ยมในพุทธคุณและโด่งดังในวงการนักสะสมพระเครื่องสายพรายมงคล คือ “พระขุนแผนพรายชมจันทร์” และ “พระขุนแผนพรายเทวะประสิทธิ์” และเมื่อจัดสร้าง “พระขุนแผนพรายเสน่ห์จันทร์” เพื่อเตรียมมอบให้ญาติโยมที่จะร่วมงานบุญกฐินประจำปีนี้เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จึงน่าสนใจมาก




ด้วยเป็นการทำงานบุญเพื่อบูรณะซุ้มประตูวัด ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อว่า “พรายเสน่ห์จันทร์” นั้น มีที่มาน่าพิศวงอย่างมาก เพราะมีสุภาพสตรีคนหนึ่งมากราบเรียนท่านว่า ฝันว่า…มีนางละครรำที่มีลักษณะเหมือนคนโบราณไปเข้าฝันบอกว่าให้มาบอกท่านว่า นางรำผู้นั้นมีชื่อว่า “จันทร์” เป็นนางละครรำและอยากจะช่วยวัดอีกครั้ง…จึงเป็นที่มาของแรงศรัทธาดลใจให้คิดจะจัดสร้างพระขุนแผนพรายเสน่ห์จันทร์ขึ้นเพื่อรำลึกนึกถึง

“ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อ อย่างไรโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.

รัก-ยม


ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1376523