เรื่องเด่น ฌาณ+ญาณวสี แห่งองค์หลวงปู่ชอบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 23 ธันวาคม 2016.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    องค์ท่านหลวงปู่ชอบตอบหลวงพ่อบุญฤทธิ์

    “ จิตเฮาเป็นวสี มีความชำนาญในสมาธิ ฟ้าแลบขึ้นยังบ่ทันดับแสง เฮาระลึกชาติให้สัตว์โลกทั้งไปหน้าย้อนหลังในวาระเดียวกันได้ ๙๑ กัป ท่านอาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นระลึกชาติอดีตอนาคตได้หนึ่งอสงไขย ”..


    จาก..ชีวประวัติ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ตอน ระลึกชาติให้ลูกศิษย์ ..


    -------------------------------------------------------


    [​IMG]



    ชีวประวัติ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    วัดป่าสัมมานุสรณ์ - โคกมน บ.โคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

    เขียนบันทึกโดย..ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท..

    ตอน ระลึกชาติให้ลูกศิษย์..

    ( ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒ )

    คืนวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒ หลวงพ่อบุญฤทธิ์ ปัณฑิโต ท่านพาเฮียเม้ง ( คุณกวงเม้ง แซ่เล้า )
    พี่ชายเฮียเม้ง โยมดำ ( คนขับรถให้เฮียเม้ง ) มิสเตอร์จอน ( เป็นฝรั่งชาวแคนนาดา
    เคยบวชอยู่กับหลวงปู่หล้าวัดภูจ้อก้อ และเคยไปอยู่จำพรรษาปฏิบัติกับองค์ท่านหลวงตามหาบัว
    ที่วัดป่าบ้านตาดหลายปีก่อนที่จะลาสิกขา ) เข้ามาพักกับหลวงปู่ชอบที่กุฏิโรงเก็บรถ..

    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ท่านกราบเรียนหลวงปู่ชอบว่า ตอนกระผมอยู่วัดป่าบ้านใหม่ แม่ฮ่องสอน
    กระผมนิมิตเห็นตัวเองเป็นฤษีเดินจงกรมอยู่บนอากาศเหนือเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า
    ในนิมิตนั้นกระผมเห็นท่านพระอาจารย์เป็นฤษีดาบส เห็นท่านพระอาจารย์ลีวัดอโศการาม ( ท่านพ่อลี ธัมมธโร )
    ท่านทอง ( หลวงพ่อทอง วัดอโศการาม ) ท่านไพบูลย์พะเยา ( พระอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล )
    พระบ้านนอก ( ผู้บันทึก ) พากันเป็นฤษีดาบสปฏิบัติด้วยกัน

    เรื่องนิมิตนี้มันมีที่มาอย่างไรขอท่านพระอาจารย์พิจารณาให้เกล้ากระผมทราบด้วย..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบ “ สิ่งที่บุญฤทธิ์เห็นในนิมิตส่วนหนึ่งนั่น คืออดีตชาติหนึ่งของพวกเฮาเคยปฏิบัติถือศีลพรตมานำกัน ชาตินั่นเฮาเกิดเป็นอาจารย์ฤษีสอนธรรมสมาบัติให้พวกท่านอยู่เมืองยอนพม่า ชาตินั่นเฮามีบริวารลูกศิษย์ฤษีหลาย ที่นั่งอยู่นี่ ท่าน ( หลวงพ่อบุญฤทธิ์ ) โบ้ย ( ผู้บันทึก ) เคยเป็นลูกศิษย์เฮาในชาตินั่น ในชาตินั่นบุญฤทธิ์ตายอยู่แม่ฮ่องสอน เฮากับโบ้ยตายอยู่เชียงดาว ท่านเปลี่ยน ( พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ) ตายอยู่เชียงแสน ท่านไพบูลย์ ( พระอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล) ตายอยู่ภูกามยาวเมืองพะเยา ”..

    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ท่านกราบเรียนหลวงปู่ชอบ “ กระผมขอนิมนต์พ่อแม่ครูบาอาจารย์แสดงธรรมระลึกชาติให้ทุกคนในนี้ได้รู้เพื่อเป็นธรรมมานุสติเตือนใจในการปฏิบัติ ”..


    พอหลวงพ่อบุญฤทธิ์ขอโอกาส องค์ท่านหลวงปู่ชอบเปิดตึ้งใส่หลวงพ่อบุญฤทธิ์ทันที..

    “ สี่ชาติที่ผ่านมาบุญฤทธิ์เป็นฤษีอยู่พม่าหนึ่งชาติ ตายจากนั่นกะมาเกิดเป็นฤษีอยู่เชียงใหม่อีกหนึ่งชาติ ตายจากนั่นกะมาเกิดเป็นฤษีดาบสอยู่ภูหลวงเมืองเลยอีกสองชาติ ตายจากนั่นกะมาเกิดเป็นท่านบุญฤทธิ์ในชาตินี่ ”..

    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ถามองค์ท่านหลวงปู่ชอบ “ ระลึกชาตินี้ท่านอาจารย์ใช้เวลานานมั๊ย ”..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบตอบหลวงพ่อบุญฤทธิ์ “ จิตเฮาเป็นวสี มีความชำนาญในสมาธิ ฟ้าแลบขึ้นยังบ่ทันดับแสง เฮาระลึกชาติให้สัตว์โลกทั้งไปหน้าย้อนหลังในวาระเดียวกันได้ ๙๑ กัป ท่านอาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นระลึกชาติอดีตอนาคตได้หนึ่งอสงไขย ”..

    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ถามหลวงปู่ชอบ “ เถ้าแก่เม้งนี่อดีตชาติเขาเป็นอะไร ตอนอายุ ๑๕ ปี มันยังเป็นเด็กลูกจ้างปั่นจักยานส่งขนมปังอยู่ ทำไมมันถึงรวยเป็นเศรษฐีได้ในปัจจุบัน ”..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอก “ แต่ก่อนเถ้าแก่เม้งมันเกิดเป็นขอทานอยู่เมืองอินเดีย อนาถะบิณฑิกะเศรษฐีตั้งโรงทานนิมนต์พระพุทธเจ้ากับพระสาวกมาทำบุญอยู่บ้าน เถ้าแก่เม้งมันไปขอทานอาหารจากโรงทาน มันระลึกว่าเจ้าของนี่เกิดมาทุกข์ยากบ่มีอยู่บ่มีกินถือกะลาหาขอข้าวเขากิน จิตมันเกิดศรัทธาในพระพุทธเจ้าเอาข้าวสุกเจ้าของได้รับแจกทานมายกถวายพระพุทธเจ้าสมณะโคดมทั้งเบิ่ด พระองค์เจ้าฉันข้าวปั้นหนึ่งให้เถ้าแก่เม้งเห็น จิตมันเกิดปีติในบุญนี่หลายปรารถนาขอให้ผู้ข้าอย่าได้อดได้อยากนับแต่ชาตินี่เป็นต้นไป บุญนี่จั่งให้เถ้าแก่เม้งได้เกิดมาเป็นเศรษฐีบ่อดบ่อยากในชาตินี่ อย่าทิ้งนิสัยศีลทานเจ้าของ ชาติต่อไปกะสิบ่ได้อดได้อยาก ”..

    เถ้าแก่เม้งพอฟังองค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกอดีตที่มาของตนเอง เถ้าแก่เม้งน้ำตาไหลพรากออกมา เถ้าแก่เม้งบอกหลวงปู่ชอบ กระผมขอเอาหลวงปู่เป็นหลักใจ เอาหลวงพ่อบุญฤทธิ์เป็นหลักใจในชาตินี้..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกเถ้าแก่เม้ง “ ดีๆ บุญฤทธิ์คือเฮา เฮากับบุญฤทธิ์คือแผ่นทอง อันเดียวกัน ”..


    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ถามหลวงปู่ชอบ “ ทิดจอนฝรั่งนี่อดีตมันเคยเกิดเป็นอะไร มันเป็นฝรั่งทำไมมันถึงได้มาบวชอยู่เมืองไทย ”..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอก “ ทิดจอนมันเคยเกิดเป็นไก่อยู่พม่า ตายจากเป็นไก่อยู่พม่ามันกะไปเกิดเป็นหมาอยู่อินเดีย ตายจากหมามันกะมาเกิดเป็นคนขอทานอยู่อินเดีย เป็นหมู่ขอทานกับเถ้าแก่เม้ง มันเห็นพระพุทธเจ้ากับพระสาวกฉันข้าว มันอนุโมทนายินดีอยากบวช มันเลยได้บวชในชาตินี้ มันบ่ได้ตั้งปรารถนาบวชปฏิบัติให้พ้นทุกข์ วาสนามันเลยได้แค่บวช บ่พ้นทุกข์ ”..

    หลวงพ่อบุญฤทธิ์ท่านถามแต่ก่อนนี่พระบ้านนอกเป็นใคร องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอก “ แต่ก่อนมันเป็นลิงหัวหน้าวอกอยู่ผาจรุย ( อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ) ถืกเขายิงตกหน้าผาตาย ๓๗ ชาติที่แล้วมันเกิดเป็นพญานาคน้ำพุง เกิดเป็นพญานาคอยู่หนองหัวหมู ( อุดรธานี ) อีก ๖ ชาติ ชาติเฮาเกิดอยู่ท่าแขกเมืองลาวมันเกิดเป็นหลานเฮา ชาตินั่นมันเกิดเป็นลูกอีต๊ะ ( เสริมสิริ ผสมพงษ์ ) ชาติเฮาเกิดอยู่ท่าแขกประเทศลาว ในชาตินั่นท่านจวน ( พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ ) เกิดเป็นลูกชายเฮา เฒ่าเซียงหมุนเป็นพ่อเสี่ยว ”


    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1768720390118365&set=gm.1273689056026636&type=3&theater
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ธันวาคม 2016
  2. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    ยอดพระอรหันต์มหาอภิญญาสงฆ์ ทั้ง ๒ รูป

    กราบ กราบ กราบ
     
  3. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    พระแท้พระทองคำ กราบสักการะแทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์ สาธุๆๆ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    มีโอกาส ให้รีบไปกราบหลวงปู่บุญฤทธิ์นะครับ กราบนอกห้องปลอดเชื้อก็ได้ ไม่ต้องเข้าไป ท่านรับรู้ความคิด จิตอธิษฐานเรา นั่งภาวนาถวายท่าน ก็จะได้รับบารมีและกำลังที่ดีไม่น้อยเลย หรือร่วมบริจาคค่าดูแลรักษาพยาบาลท่านก็ยิ่งดี มหาอนุโมทนาสาธุครับ

    พระอาจารย์เปลี่ยน ยังทรงสังขารแข็งแรงที่เชียงใหม่

    หลวงพ่อไพบูลย์พระโพธิสัตว์ที่พะเยา ให้หาโอกาสร่วมบุญ ฝากกระแส กับท่าน

    ติดตามหรือสนทนา กับครูบากล้วย อดีตพระอุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ ก็จะได้ความรู้และทราบแหล่งนาบุญอันใหญ่อีกหลายที่

    ขออนุโมทนาสาธุกับมหากุศลทุกท่านที่จะได้ทำต่อไปครับ

    -------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 ธันวาคม 2016
  5. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...ลูกกราบนมัสการ
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465

    ตามความเข้าใจผม ท่านเลือกที่จะพูดตามความเหมาะสมกับบุคคล สถานที่ และเวลา ฯลฯ

    บางเรื่องพูดไป กับบางคนที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรับ จะเหมือนเอาต้นอ่อนไปตากแดดให้เกรียมไหม้ บอบช้ำจนไม่อาจสามารถเติบโตได้ตามขั้นตอน

    บางเรื่อง ท่านให้เป็นปริศนา ทั้งการกระทำให้เห็น คำพูดธรรมดา และแม้แต่
    การด่าแบบแรงมากๆ ที่ท่านเห็นด้วยญาณทัศนะแล้วว่า จะพอช่วยให้ใครสักคนเติบโตต่อไปได้ ไม่ทำให้เค้าชงัก หรือผิดทางที่ท่านจะชี้ให้ไป


    บางเรื่องท่านพูดแรงๆ ( ด่า ) ไว้ล่วงหน้าสองสามปี แล้วก็เป็นจริง
    และให้สติแก่คนบางคนที่จะตั้งใจเดินไปตามที่ท่านบอก

    หลายครั้ง จึงบอกเล่า ได้เพียงอุบายธรรมกลางๆ หรือ บุญฤทธิ์พิสดารที่ท่านแย้มให้เห็นว่า ่ของแท้ของจริงในพระพุทธศาสนา มีจริง และทำได้


    --------------------


    องค์หนึ่ง คือ พระอาจารย์เปลี่ยน ซึ่งมีเมตตาสูง
    ท่านก็จะกล่าวเรื่องเฉพาะตนให้เราทราบได้ ถ้าปัจจัยเหมาะสม
    แม้มีคนอื่นมากมายนั่งล้อมรอบเรา แต่ตัวเรา ย่อมทราบได้ดีว่าท่านกำลังพูดกับใคร
    จี้ลงไป เรื่องอะไร ตามวิสัยผู้มีเจโตปริยญาณ ฯลฯ

    การได้ หมั่นเข้าพบครูอาจารย์ บัณฑิต ผู้แจ้งในพระศาสนา
    จึงเป็นมงคลอย่างยิ่ง


    -------------------------

    การนำเรื่องราวคำพูด เหตุการณ์ต่างๆ ของครูบาอาจารย์มาเผยแผ่
    ผมได้นำมาหลายแบบ หลายกระทู้ กระทู้ที่เป็นคำสอนล้วนๆนำไปสู่ปัญญาธรรมก็มี
    กระทู้ที่เป็นแง่มุมอื่น ก็มี

    ส่วนผู้อ่าน จะรับและกลั่นกรองสิ่งมีคุณค่าตรงไหน สู่จิตใจตน
    ตามนิสัย วาสนา ความเคยชิน การแสวงหา และสติปัญญา
    ก็เชิญให้เลือกตามอัธยาศัย
    กระผมเป็นเสมือนแค่ลำโพง ที่ช่วยกระจายคลื่นไฟฟ้าสู่อากาศให้ทุกชีวิตได้ประโยชน์ที่ควรได้
    เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ธันวาคม 2016
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2c4-1.jpg
      2c4-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      361.8 KB
      เปิดดู:
      230
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ธันวาคม 2016
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เห็นด้วย
    ทำให้อายุพระศาสนาสั้นลง..
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    หลวงปู่ชอบ ท่านพูดถึงอดีตของ องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน )

    หลวงปู่ชอบ “ อาจารย์มั่นเพิ่นเคยปรารถนาพระพุทธเจ้า ถ่าเพิ่นบ่ละความปรารถนาตนเองในชาตินี่แล้ว เพิ่นบอกเฮา ภัทรกัปหน้าเพิ่นกะสิได้รับรองเป็นพระโพธิสัตว์ ถึงตอนนั่นเพิ่นกะสิเลิกความปรารถนานี่เจ้าของบ่ได้ ต้องบำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อไปอีกหลายภพชาติอสงไขย นับบ่ถ้วน "..

    " เพิ่นบอกเฮาตอนอยู่ห้วยไคร้นครนายก เพิ่นเห็นทุกข์เกิดตายเจ้าของในหนึ่งกัปย้อนหลัง แต่ละชาตินั่นเพิ่นทุกข์หลาย เพิ่นสลดใจในการเกิดตายของตนเองจนน้ำตาร่วง "..
    " อาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นเลยล้มความปรารถนาในเรื่องนี่ของตนเองอยู่ห้วยไคร้นครนายก มุ่งเอามรรคผลนิพพานให้เจ้าของในชาติปัจจุบันอย่างเดียว "..

    " เพิ่นบอกเฮา ท่านชอบเอ้ย..กว่าเฮาสิละความปรารถนานี่ลงได้ เฮาทำความเพียรตัดอาลัยในความปรารถนาเจ้าของจนสลบคาทางจงกรมสองเทื่อ ( จนสลบคาทางเดินจงกรมสองครั้ง ) อยู่นครนายก ”..

    เพื่อนโยมแดงบอกหลวงปู่ชอบ เสียตายตนเองเกิดไม่ทันหลวงปู่มั่น ถ้าตนเองเกิดทันหลวงปู่มั่นตนเองก็จะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านเหมือนกับหลวงปู่ชอบ เหมือนครูบาอาจารย์องค์อื่นๆที่ท่านได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น..

    หลวงปู่ชอบ “ คนเกิดบ่ทันพระพุทธเจ้ากะบอกว่า อยากเกิดทันเป็นสาวกเพิ่น คนเกิดบ่ทันอาจารย์ใหญ่มันกะบอกว่า อยากเกิดทันเป็นลูกศิษย์เพิ่น กิเลสมันพาว่า กิเลสมันพาให้เฮาท้อแท้ในการปฏิบัติ เกิดบ่ทันพระพุทธเจ้ากะให้ปฏิบัติในศีลธรรมคำสอนของเพิ่น เกิดบ่ทันอาจารย์ใหญ่มั่นกะให้พากันปฏิบัติตามคำสอนของเพิ่น กะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของเพิ่นคือกัน ”..

    หลวงปู่ชอบท่านมอบหนังสือปฏิปทาพระธุดงค์กรรมฐานฐานสาย ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตะเถระ เรียบเรียงโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ที่หลวงตามหาบัวถวายให้หลวงปู่ชอบนำมาแจกพระเณรญาติโยม หลวงปู่ชอบท่านได้แจกหนังสือนี้ให้คณะของโยมแดงหล่มสักที่นำรูปภาพขององค์ท่านหลวงปู่มั่นมาถวาย..

    หลวงปู่ชอบท่านบอกโยมแดงและคณะ “ ท่านมหาบัวเพิ่นถอดธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นได้เบิ่ดสู่อย่าง เรื่องข้อวัตรปฏิบัติอาจารย์ใหญ่มั่นนี่เฮาลงใจท่านมหาบัว ให้พากันเอาปลื้มนี่ ( เอาหนังสือนี้ ) ไปอ่านเบิ่ง อ่านแล้วกะให้เก็บปลื้มธรรมไว้สูงๆ ธรรมเป็นของสูงควรค่าแก่การเคารพกราบไหว้ ผู้ใดเคารพธรรมแล้วผู้นั่นกะสิมีแต่ความเจริญในธรรมทั้งปัจจุบัน อนาคต ”..
    โยมแดงหล่มสักถาม หลวงปู่เคยเที่ยววิเวกกับหลวงตามหาบัวไหม..

    หลวงปู่ชอบ “ เฮากับท่านมหาบัวบ่เคยเที่ยววิเวกนำกัน เคยแต่ปฏิบัตินำกันอยู่บ้านหนองผือนาใน เฮา ( หลวงปู่ชอบ ) อาจารย์ขาว ( หลวงปู่ขาว อนาลโย ) ท่านมหาบัว ( หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ) เคยอุปัฏฐากพ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่มั่นอยู่บ้านหนองผือนาในนำกัน ”..

    ปี ๒๕๑๔ ท่านบอกเราอยู่บ้านสานตม ( วัดป่าสานตม ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย ) กับท่านเรียน ( พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร ) ท่านขันตี ( พระอาจารย์ขันตี ญาณวโร ) ท่านสมศรี ( พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ ) เราอยากจะซ่อมแซมศาลาโรงครัวแต่ไม่มีปัจจัยในการทำ..

    หลวงปู่ชอบ “ เฮาคึดในใจเจ้าของบ่มีผู้ใดใจบุญมาทอดกฐินผ้าป่าให้แน่บ้อ เฮาสิซ่อมศาลาโรงครัววัดนี่ หมู่เทพเทวดากะบ่อยากเฮ็ดบุญสงเคราะห์ศาสนานำเฮาบ้อ ”..

    พอออกพรรษาปีนั้น หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านพาลูกศิษย์เดินทางจากบ้านตาดมาทอดกฐินให้หลวงปู่ชอบที่วัดป่าสานตมโดยไม่การแจ้งกล่าวให้ใครทราบล่วงหน้า..

    ( ความนัยในเรื่องนี้ตนเองถาม พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น พระอาจารย์สมศรีท่านบอก วันที่หลวงตามหาบัวท่านจะมาทอดกฐินให้หลวงปู่ชอบที่วัดป่าสานตม หลวงปู่ชอบท่านบอกพระเณร " พากันเบิ่งแน่เด้อเผื่อมีแขกมีคนมาทอดกฐินผ้าป่าให้วัด "
    พระอาจารย์สมศรีว่าเราเดินจงกรมอยู่ ตอนบ่ายเห็นหลวงตามหาบัวท่านพาลูกศิษย์มาทอดกฐินให้หลวงปู่ชอบ
    พระอาจารย์สมศรี " เรื่องนี้ครูบาอาจารย์ทั้งสอง หลวงปู่ชอบ หลวงตามหาบัว ท่านติดต่อกันภายในโดยที่พวกเราไม่รู้เรื่อง พวกเราลูกศิษย์อยู่ดูเป็นพยานความรู้ของครูบาอาจารย์เท่านั้น จะถามหลวงตามหาบัวเราก็ไม่กล้า จะถามหลวงปู่ชอบเราก็กลัวท่านดุ ความนัยในเรื่องนี้นอกจากอาจารย์จันทร์เรียนแล้วก็ไม่มีพระเณรองค์ไหนรู้ "..)

    หลวงปู่ชอบท่านว่า “ เฮาถามท่านมหาบัวฮู้ได้จั่งใด๋ว่าเฮาอยู่นี่ มหาบัวบอกเฮา ข้าน้อยกะมาแบบทะโลกทะโลนั่นแล้วครูบาอาจารย์ มีโยมไปบอกข้าน้อยว่าท่านอาจารย์ชอบจำพรรษาอยู่นี่ยังบ่มีผู้ใด๋มาทอดกฐินให้เพิ่น ข้าน้อยถามธรรมลี ( หลวงปู่ลี กุสลธโร ) บ้านสานตมนี่มันอยู่ทางใด๋ พอธรรมลีบอกข้าน้อยกะพาลูกศิษย์เอากฐินมาทอดถวายให้ครูบาอาจารย์ เทวดาเขาอยากได้บุญบำรุงพระศาสนา เทวดาเขาเอาเจตนาเรื่องนี้ของเฮาไปบอกอาจารย์มหาบัว ”..

    หลวงปู่ชอบท่านบอกเรื่องนี้เราไม่เคยบอกใครให้ทราบ เราบอกเทวดาที่มาเยี่ยมเราให้ทราบเท่านั้น เทวดาที่เขานำเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์หาบัวอยู่บ้านตาด พอมหาบัวทราบเจตนาของเราจากเทวดาไปบอกท่านก็พาลูกศิษย์มาทอดกฐินให้เราที่บ้านสานตม..
    หลวงปู่ชอบ “ ตอนอาจารย์มหาบัวมาทอดกฐินอยู่บ้านสานตม เทวดาพากันมาอนุโมทนาบุญกับอาจารย์มหาบัวเป็นหมื่น พระอินทร์กะมา มหาบัวเพิ่นว่าเทวดาคือพากันมาหลายคักแท้ท่านอาจารย์ เฮาว่าเทวดาเขาอยากได้บุญนำท่านมหาบัวเขาเลยพากันมาอนุโมทนาบุญนำ เทวดาเขากะมีความคิดจิตใจบ่ต่างกันกับคนดีเฮา คนดีเห็นคนอื่นทำดี เขากะมีจิตยินดีอนุโมทนาบุญนำ คนพาลเห็นคนอื่นดีกว่าเจ้าของ ใจมันกะคึดอิจฉาเขา ”..

    กฐินของหลวงตามหาบัวมาทอดให้ในปีนั่นได้เงินสามหมื่นกว่าบาท หลวงปู่ชอบท่านให้ลูกศิษย์เอาเงินทั้งหมดมาซ่อมแซมศาลาโรงครัววัดป่าสานตมจนเสร็จทั้งหมด เงินเหลืออีกส่วนหนึ่งท่านก็เอามาทำกุฏิน้อยได้อีกหลังหนึ่งพอให้พระเณรได้เซาพักภาวนากันแดดกันฝน..

    หลวงปู่ชอบ “ อาจารย์มหาบัวปวารณาเฮา ถ้าอาจารย์ขาดเหลืออีหยังกะให้บอกข้าน้อย ข้าน้อยสิเฮ็ดบุญนำอาจารย์ ถ้าอาจารย์อยากสิไปโปรดสัตว์ทางใดติดขัดปัจจัยสี่กะให้บอก ข้าน้อยสิขอฮ่วมบุญโปรดสัตว์กับท่านอาจารย์ ”..

    หลวงปู่ชอบ “ มหาบัวมาเยี่ยมเฮาอยู่บ้านโคกมนเอาเงินมาถวายเฮา เฮาว่าเงินอีหยังนี่ท่านมหา มหาบัวเพิ่นบอก ค่าน้ำมันรถ ข้าน้อยถวายค่าน้ำมันรถให้อาจารย์เดินทางไปโปรดสัตว์ นิมนต์อาจารย์ไปคักๆโลด บ่พอจั๋งใด๋กะให้ไปเอากับข้าน้อยอยู่บ้านตาด ได้ค่าน้ำมันรถท่านมหาบัวเอาไห่ เฮากะไปมันคักโลดคือกัน ไปหาท่านเฟื่อง ( หลวงปู่เฟื่อง โชติโก วัดธรรมสถิตย์ จ.ระยอง ) ไปหาท่านมหาปิ่น ( หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต วัดอริยวงศาราม จ.ราชบุรี ) ไปหาท่าผองผาแด่น ( หลวงปู่คำผอง กุสลธโร สำนักสงฆ์ผาแด่น จ.เชียงใหม่ ) ”..

    ตนเองผู้บันทึกถาม หลวงตามหาบัวท่านให้ค่าน้ำมันพ่อแม่ครูอาจารย์ไปโปรดสัตว์ตอนนั้นมากเท่าไหร่..
    หลวงปู่ชอบ " ท่านมหาบัวเอาบุญโปรดสัตว์ให้ค่าน้ำมันรถเฮาหมื่นหนึ่ง " ( เหตุการณ์นี้เมื่อปี ๒๕๒๓ )

    หลวงปู่ชอบบอกอาจารย์มหาบัวท่านรู้ว่าเราเป็นผู้นิสัยชอบไป การเดินทางของเรานั้นมีเหตุผลในการไปการมาทั้งหมด..
    เหตุนอกเราไปเมตตาผู้คนให้เขาได้มีโอกาสทำบุญ..
    เหตุในเราไปเมตตาสงเคราะห์ธรรมแก่อมนุษย์ พวกกายทิพย์ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น..

    หลวงปู่ชอบ “ วาสนาอาจารย์มหาบัวเพิ่นสงเคราะห์มนุษย์ได้หลายกว่าเฮา วาสนาเฮาสงเคราะห์อมนุษย์พวกกายทิพย์ได้หลายกว่าท่านมหาบัว เฮากับท่านมหาบัวจั่งพากันสงเคราะห์กายทิพย์ กายหยาบ ฮ่วมกัน ”..

    หลวงปู่ชอบ “ มหาบัวบารมีเพิ่นเคยเป็นกษัตริย์กู้ชาติศาสนามาก่อน อยู่บ้านหนองผือนาในอาจารย์ใหญ่มั่นเว้าให้เฮากับอาจารย์ขาวฟัง ( หลวงปู่ขาว อนาลโย ) มหาบัวนี่บารมีหลาย อดีตท่านมหาบัวเคยเป็นกษัตริย์กู้ชาติศาสนาคือกันกับพระเจ้าอโศก ”..

    โยมแป๋ว ปนัดดา ถาม หลวงตามหาบัวท่านเคยเกิดเป็นพระเจ้าอโศกหรือเจ้าคะหลวงปู่..

    หลวงปู่ชอบ “ บ่แม่น ( ไม่ใช่ ) อดีต พระเจ้าอโศกมหาราช คือ อาจารย์ลีวัดอโศการาม ( ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ) ”..

    หลวงปู่ชอบ “ อดีต อาจารย์มหาบัว คือ พระเจ้านเรศ ผู้ขี่ซ้างฟันคอพม่า ในซาติท่านมหาบัวเกิดเป็น พระเจ้านเรศ ธรรมลี ( หลวงปู่ลี กุสลธโร ) เกิดเป็นซ้างคู่บารมีให้พระเจ้านเรศขี่คอรบกับพม่า ”..
    หลวงปู่ชอบท่านบอก เราเคยเกิดเป็นทหารพม่าสองชาติ ชาติแรกเราเกิดเป็นทหารทัพหน้าของพระเจ้าบาเยงนองมีหน้าที่ทำทางการศึก ( ทหารช่าง ) เพื่อให้ทัพหลวงพระเจ้าบาเยงนองลงมาตีกรุงศรีอยุธยา ในชาตินี้เรามาเป็นไข้ป่าป่วยตายที่เขตเวียงแหงเชียงใหม่..

    อีกชาติหนึ่งที่ท่านเป็นทหารพม่า ถูกทหารของพระเจ้าตากล้อมไว้เกือบหนึ่งเดือนให้ทัพที่ท่านร่วมอยู่อดข้าวอดน้ำจนพากันฆ่าช้าง ฆ่าม้า กินเป็นอาหาร ชาตินี้ท่านตายเพราะอดข้าวอดน้ำ..
    ก่อนจะตายในชาตินั้นท่านบอก “ เฮาอธิฐานสิบ่ขอเกิดในแผ่นดินสงครามอีกต่อไป เฮาขอเกิดในแผ่นดินรุ่งเรืองของพระพุทธเจ้า ตายจากซาตินั่นเฮามาเกิดเป็นคนลาวอยู่เมืองแก่นท้าว ไซยบุรี ตายจากซาตินี่เฮาไปเกิดเป็นชาวลาวพ่อค้าขายผ้าอยู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ตายจากซาตินี่เฮากะมาเกิดอยู่บ้านโคกมน ชื่อหนูบ่อ แก้วสุวรรณ์ หนูบ่อ คือชื่อเก่าพ่อแม่เฮาตั้งให้ ”..

    หลวงปู่ชอบ “ ท่านสาคร ( พระอาจารย์สาคร ธัมมวุโธ วัดป่าเวฬุวัน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ) นิมนต์เฮาไปเมตตาเมืองกาญฯ อยู่นั่น ( กาญจนบุรี ) พวกตายในสงครามไทยพม่ากะหลาย พวกตายในสงครามโลกกะหลาย ผู้ใดมีวาสนานำกันเฮากะโปรดเขาได้ ผู้บ่มีวาสนานำกันเฮากะโปรดเอาบ่ได้ ผู้บ่มีชนกกรรมบุญบาปให้พาเกิดกะยังอยู่นั่นต่อไปรอผู้มีวาสนานำกันไปโปรดเอา ”..





    เขียนบันทึกโดย..ครูบากล้วย..พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท..
    คัดลอกบางตอนจาก..ตอน ครูบาหนูบ่อ ( ๒๕๓๖ )..
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465

    ตามความเข้าใจผม ท่านเลือกที่จะพูดตามความเหมาะสมกับบุคคล สถานที่ และเวลา ฯลฯ

    บางเรื่องพูดไป กับบางคนที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรับ จะเหมือนเอาต้นอ่อนไปตากแดดให้เกรียมไหม้ บอบช้ำจนไม่อาจสามารถเติบโตได้ตามขั้นตอน

    บางเรื่อง ท่านให้เป็นปริศนา ทั้งการกระทำให้เห็น คำพูดธรรมดา และแม้แต่
    การด่าแบบแรงมากๆ ที่ท่านเห็นด้วยญาณทัศนะแล้วว่า จะพอช่วยให้ใครสักคนเติบโตต่อไปได้ ไม่ทำให้เค้าชงัก หรือผิดทางที่ท่านจะชี้ให้ไป


    บางเรื่องท่านพูดแรงๆ ( ด่า ) ไว้ล่วงหน้าสองสามปี แล้วก็เป็นจริง
    และให้สติแก่คนบางคนที่จะตั้งใจเดินไปตามที่ท่านบอก

    หลายครั้ง จึงบอกเล่า ได้เพียงอุบายธรรมกลางๆ หรือ บุญฤทธิ์พิสดารที่ท่านแย้มให้เห็นว่า ่ของแท้ของจริงในพระพุทธศาสนา มีจริง และทำได้


    --------------------


    องค์หนึ่ง คือ พระอาจารย์เปลี่ยน ซึ่งมีเมตตาสูง
    ท่านก็จะกล่าวเรื่องเฉพาะตนให้เราทราบได้ ถ้าปัจจัยเหมาะสม
    แม้มีคนอื่นมากมายนั่งล้อมรอบเรา แต่ตัวเรา ย่อมทราบได้ดีว่าท่านกำลังพูดกับใคร
    จี้ลงไป เรื่องอะไร ตามวิสัยผู้มีเจโตปริยญาณ ฯลฯ

    การได้ หมั่นเข้าพบครูอาจารย์ บัณฑิต ผู้แจ้งในพระศาสนา
    จึงเป็นมงคลอย่างยิ่ง


    -------------------------

    การนำเรื่องราวคำพูด เหตุการณ์ต่างๆ ของครูบาอาจารย์มาเผยแผ่
    ผมได้นำมาหลายแบบ หลายกระทู้ กระทู้ที่เป็นคำสอนล้วนๆนำไปสู่ปัญญาธรรมก็มี
    กระทู้ที่เป็นแง่มุมอื่น ก็มี

    ส่วนผู้อ่าน จะรับและกลั่นกรองสิ่งมีคุณค่าตรงไหน สู่จิตใจตน
    ตามนิสัย วาสนา ความเคยชิน การแสวงหา และสติปัญญา
    ก็เชิญให้เลือกตามอัธยาศัย
    กระผมเป็นเสมือนแค่ลำโพง ที่ช่วยกระจายคลื่นไฟฟ้าสู่อากาศให้ทุกชีวิตได้ประโยชน์ที่ควรได้
    เท่านั้นเอง
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    หลายเรื่อง ที่องค์พระบรมศาสดาทรงเล่า
    หลายเรื่องที่พระสาวกทั้งหลายทรงเล่า

    และหลายเรื่องที่พระบรมศาสดาทรงแสดง เช่นปาฎิหาริย์ต่างๆ
    โดยเฉพาะยมกปาฏิหาริย์

    ล้วนเป็นสิ่งที่สัตว์โลกจำนวนมากทำตามพระองค์ท่านและท่านเหล่านั้นยังไม่ได้

    แต่ก็ได้ทรงแสดง และ ได้กล่าว เพื่ออะไร


    ผู้มีปัญญาย่อมใช้โยนิโสมนสิการ มากกว่าเพียงเพื่อต้องการขัดแย้ง
    ตามมุมมองของตน


    ------------------------------

    มีครั้งหนึ่ง กระผม ได้กราบเรียนท่านหลวงตาพระมหาบัว
    เรื่องการประกาศตนในมรรคผลที่องค์ท่านได้.ในวงกว้างต่อสังคมโลก เพื่อจะทำโครงการผ้าป่าช่วยชาติฯ
    ว่า ย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย และเค้าเหล่านั้นย่อมตกนรกเมื่อออกมาขัดแย้ง และกระทำอกุศลกรรมต่อท่าน

    ท่านตอบว่า .... "....................."....

    ( ลองใช้โยสิโสมนสิการดูว่า ท่านจะตอบว่าเช่นไร )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2016
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต / หลวงปู่ชอบ - หลวงพ่อสมศรี





    http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph__210.jpg
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม - วัดป่าสัมมานุสรณ์




    [​IMG]
    หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ - วัดป่าเวฬุวนาราม



    หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
    วัดป่าเวฬุวนาราม (วัดป่าผาน้อย)
    บ้านโนนกกจาน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย


    เย็นวันที่ ๒๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
    นั่งฉันน้ำกับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ด้วยกันสององค์ที่โรงน้ำร้อน
    หลวงพ่อสมศรีท่านชวนเรา (อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)
    คุยเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และเรื่องการปฏิบัติระหว่างท่านกับเรา
    ระหว่างที่คุยกันเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบด้วยความสนุกสนานกันนั้น
    หลวงพ่อสมศรีท่านถามเราว่า กล้วย...ตอนหลวงปู่เป็นพระหนุ่ม
    ท่านเคยมีใจชอบพอผู้หญิงบ้างไหม ท่านเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไหม
    ผมไม่กล้าถามท่านในเรื่องนี้กลัวหลวงปู่ท่านจะดุเอา
    รุ่นสุดท้ายผมก็เห็นท่านนี่แหละที่หลวงปู่ท่านเปิดออกมาทุกเรื่อง...

    เราก็เลยเล่าเรื่ององค์ท่านหลวงปู่ชอบหัวใจท่านตกหล่ม
    ที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ท่านหลวงพ่อสมศรีฟัง

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบไปเจอกับคู่วาสนาบารมีเก่า
    ที่เคยเกิดเป็นคู่กันในภพชาติที่ผ่านมา
    ท่านบอกพอมาเจอกันในชาติปัจจุบัน ใจท่านเกิดเอนเอียงไปกับผู้หญิงคนนี้
    สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีตมันตีขึ้นมาในจิตใจของท่าน
    ท่านว่าพุทโธที่เคยสั่งสมอบรมมากลายเป็น “พุดทอง” ขึ้นมาแทนที่
    หลวงปู่ท่านมีใจปฏิพัทธ์ให้กับสาวทองบ้านหินฮาว อำเภอหล่มเก่า
    จนท่านเจริญจิตเจริญธรรมในใจไม่ขึ้น...

    ขนาดตอนนั้นภูมิจิตขององค์ท่านได้ฌานสมาบัติแปดแล้ว
    ยังเกิดตื้อตันพลันสะดุดเพราะกามคุณมาปกปิดปัญญาของจิตเอาไว้
    องค์ท่านหลวงปู่ชอบทบทวนพิจารณาหาเหตุที่มาของกามคุณ
    ที่มากวนจิตใจของตนเอง ท่านพิจารณาเห็นเหตุ

    “เหตุเพราะความคิดนี้เองที่เป็นสะพานทอดผ่าน
    ให้กิเลสมันมาย่ำยีจิตใจของเราในตอนนี้”

    พอท่านพิจารณาเห็นสะพานของเหตุแล้ว
    องค์ท่านหลวงปู่ชอบจึงพลิกปัญญาทำลายสะพานความคิด
    ปิดเส้นทางสัญจรของกิเลสบุพเพอาละวาดของท่านลงไปได้
    แต่ตอนนั้นท่านเป็นเพียงละลาอาลัยในบุคคลเท่านั้น
    ท่านยังไม่ได้ถึงขึ้นถอดถอนในชั้นกามคุณ...

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบหนีออกไปจำพรรษา
    ที่ถ้ำนายม จังหวัดเพชรบูรณ์ กับตาผ้าขาวสง่า อนาคามี
    องค์ท่านเร่งความเพียรแบบเอาเป็นเอาตายเข้าแลก
    จนก้นกับเท้าของท่านแตก ท่านถือเนสัชชิกธุดงค์ไม่หลับไม่นอน
    จนตาท่านเกือบบอดเพราะความเพียร
    การแลกเอาธรรมอย่างอุกฤษฎ์ของท่านนี้หลวงปู่ท่านก็ได้ธรรมอย่างสมใจ
    จิตท่านยกภูมิขึ้นเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น เป็นพระโสดาบัน “เอกพีชี”
    เพราะผลจากกำลังวิปัสสนาภูมิขององค์ท่าน...

    ท่านบอกถ้าเราตายในตอนนั้นเราก็จะได้เกิดอีกเพียงชาติเดียว
    แต่เราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป เราจึงเร่งเอาให้มันจบทุกข์กันทีเดียวในชาตินี้
    สุดท้ายท่านก็มาจบทุกข์โศกที่เมืองพม่า...

    :b45:

    เราก็คิดคะนองอยากจะรู้เรื่องของหลวงพ่อสมศรี
    ในชีวิตบวชของท่านเคยมีเหตุแบบนี้หรือไม่...?
    เพราะท่านไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน

    ถามท่านว่า ชีวิตบวชของอาจารย์เคยสะดุดในเรื่องแบบนี้หรือเปล่า

    หลวงพ่อสมศรีท่านก็ยิ้มตามบุคลิกลักษณะนิสัยของท่าน
    ท่านบอกก็มีเหมือนกัน เคยเป็นครั้งเดียวตอนพรรษายังไม่ถึงสิบ
    หัวใจหลงทางอยู่สี่วันจึงแก้กลับคืนมาได้
    ตอนนั้นตัวท่านเองป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ

    พอว่าจบหลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะกับเรื่องราวของตนเองที่ผ่านมา

    เราก็เลยนิมนต์ขอให้ท่านเล่าถึงเหตุที่มาที่ไป
    และกลอุบายวิธีที่ท่านใช้แก้ไขจิตใจตนเองให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้
    หลวงพ่อสมศรีท่านก็พูด ผมไม่อยากเล่าให้ท่านฟังในเรื่องนี้
    เดี๋ยวท่านจะเอาไปเล่าต่อ ถ้าเล่าให้ฟังแล้วท่านอย่าเอาไปเล่าต่อได้ไหม

    เราก็บอกท่านว่า เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับปากเพราะผมเป็นคนปากบอน
    ถ้าเรื่องไหนได้ยินได้ฟังมาแล้วเป็นเรื่องที่สะดุดใจได้คติ
    ถ้าไม่ได้พูดไม่ได้เล่าออกมาแล้วมันจะจุกในใจ กินข้าวบ่แซบ
    นอนกะบ่หลับ หลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะอย่างใหญ่

    ท่านบอกท่านจะเล่าเพียงจบเดียวแล้วจะไม่เล่าอีก
    จากนั้นท่านก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องท่านจิตสะดุด ท่านว่า
    ตอนนั้นท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร
    พาท่านไปเที่ยววิเวกแถวภูเรือ หลังจากออกจากบ้านกลาง ตำบลสานตม
    อาจารย์จันทร์เรียนชวนท่านกลับมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบ
    ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน จังหวัดเลย
    อาจารย์จันทร์เรียนพากันเดินทางออกจากบ้านกลาง
    โดยท่านอาจารย์จันทร์เรียนเดินนำหน้าไปกับเณรอีกรูปหนึ่ง
    หลวงพ่อสมศรีท่านเดินตามหลังมาพร้อมกับเณรนารี (ทิดนารี)
    เนื่องจากตอนนั้นท่านป่วยเป็นไข้จึงเดินตามอาจารย์จันทร์เรียนไม่ทัน

    ท่านเดินทางผ่าทางบ้านถ้ำมูลตัดเข้าถนนเส้นภูเรือ-วังสะพุง
    โดยที่ท่านไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนแวะเข้าพักรอท่านอยู่ที่ถ้ำมูลน้อย
    ท่านเข้าใจว่าอาจารย์จันทร์เรียนคงแวะพักที่บ้านกกกอก
    พอเดินทางมาถึงทางปากทางแยกเข้าบ้านหมากแข้ง
    หลวงพ่อสมศรีกับเณรนารีจึงพากันแวะเข้าไปบ้านกกกอก
    เพราะท่านเข้าใจว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนท่านรออยู่ที่นั่น…

    ตอนเย็นท่านกับเณรนารีพากันเดินทางมาถึง
    วัดป่าบ้านกกกอก (วัดปริตตบรรพต)
    ปรากฏไม่พบท่านอาจารย์จันทร์เรียนอยู่ที่นี่
    และไม่มีพระเณรซักองค์อยู่ที่วัดป่าบ้านกกกอกเลยในตอนนั้น
    ไหนๆ ก็เดินทางมาถึงตอนค่ำมืดแล้ว
    ร่างกายตนเองก็ไม่ไหวเจ็บระบมเพราะพิษไข้
    ท่านกับเณรนารีจึงพากันพักอยู่ที่นี่ก่อน
    ท่านอยากจะพักฟื้นร่างกายของตนเองให้หายจากพิษไข้
    ก่อนที่จะเดินทางมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่บ้านโคกมน

    วันที่สองที่หลวงพ่อสมศรีท่านพักอยู่บ้านกกกอก
    ชาวบ้านเมื่อทราบว่ามีพระเณรมาพักที่วัด
    เป็นธรรมเนียมของชาวบ้านกกกอกสมัยนั้น
    เมื่อมีครูบาอาจารย์พระเณรเข้ามาพักอยู่ในวัด
    คนหนุ่มสาวเขาจะพากันมาตักน้ำใส่ตุ่มใส่ไห
    เอาไว้ให้ครูบาอาจารย์พระเณรใช้บริโภคอาบสรง
    วันนั้นหลวงพ่อสมศรีท่านยืนอยู่ที่ศาลา
    มองดูวัยรุ่นหนุ่มสาวพากันมาตักน้ำในวัดใส่ตุ่มใส่ไห
    สายตาของท่านก็ไปสะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มาตักน้ำกับเพื่อนๆ

    พอท่านได้สบหน้าสบตากับหญิงสาวนางนี้แค่เพียงชั่วขณะจิต
    ใจของท่านก็เกิดวูบวาบ มีใจปฏิพัทธ์ให้กับหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาในทันทีทันใด
    แต่ก่อนแต่ใดมาจิตใจของท่านก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
    แต่พอมาเจอกันกับหญิงสาวคนนี้ ใจของท่านถึงกับรวนเรเซซวนไป
    ตั้งแต่พบกับหญิงสาวคนนี้จิตใจของท่านก็ว้าวุ่น
    ข่มจิตข่มใจภาวนาไม่ลงปลงไม่ตก สามวันผ่านที่ใจเป็นแบบนี้
    ท่านก็ยังหาอุบายวิธีปลงจิตปลงใจให้กับตนเองยังไม่ได้...

    เข้าวันที่สี่ หลังจากหลวงพ่อสมศรีท่านเดินจงกรม
    ดับความว้าวุ่นให้หัวใจของตนเองไม่ลง
    ท่านเข้ามานั่งพักในศาลาวัดป่าบ้านกกกอก
    ท่านนั่งพิจารณาหาอุบายวิธีดับทุกข์ปัญหาคาใจให้กับตนเอง
    จู่ๆ เหมือนมีสิ่งดลใจหรือเป็นเพราะบุญบารมีธรรมของท่าน
    มาดลบันดาลให้ก็ไม่รู้ได้ ท่านเดินไปเปิดตู้พระไตรปิฎก
    เพื่อจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน
    ท่านบอกตอนนั้นเรากะจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน
    เพื่อแก้กลุ้มให้กับหัวใจของตนเองเท่านั้น...

    เหมือนมีสิ่งดลใจให้ท่านหยิบหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
    หนังสือเล่มที่ท่านหยิบขึ้นมาอ่าน
    ท่านบอกมีเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพระภิกษุบวชใหม่
    สมัยพุทธกาล แอบมีใจหลงใหลใฝ่รักหญิงสาวคณิกานางหนึ่ง
    ท่านเล่าแบบรวบรัดพระภิกษุรูปนี้พิจารณาซากศพของหญิงคณิกานางนี้
    จนปัญญาของท่านแตกฉานในอสุภกรรมฐาน
    ถอดถอนกามคุณออกไปจากจิตใจของท่านได้
    จนท่านพิจารณาในอวิชชาแตกฉาน สามารถบรรลุมรรคผลได้ในปัจจุบัน

    หลวงพ่อสมศรีท่านอ่านธรรมบทเรื่องนี้จบ
    ท่านหันเข้ามาพิจารณาตัวเอง
    กายเราก็ป่วย จิตเราก็ยังมาป่วยตามอีกหรือนี่
    ขณะนั้นกามคุณในจิตของท่านอ่อนตัวลงให้เห็น
    ท่านวางหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ไว้ที่ตัก
    ท่านพลิกหมุนจิตของตนเองเข้ามาพิจารณาในกายธาตุ
    ตามกำลังของวิปัสสนาที่กำลังฮึกเหิมห้าวหาญในตอนนั้น
    ท่านเกิดปัญญาพิจารณาในกายธาตุอย่างรวดเร็ว
    ท่านว่าเราพิจารณาเข้าไปในเนื้อหนังมังสาเอ็นเสาเถ้ากระดูกตรงไหน
    ปัญญาก็ทำหน้าที่อย่างแหลมคมตัดขาดปัญหานั้นๆ
    จนแหลกกระจุยขาดกันไปหมด
    ไม่ต่างอะไรกับเอามือฉีกกระดาษให้ขาดสะบั้นโดยทันที

    ท่านว่าใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลก
    จิตท่านก็ถอนจากความหลงใหลในผู้หญิงคนนี้
    และถอดถอนอุปาทานคนอื่นใดในโลกนี้
    ออกไปจากจิตของตนเองได้ทั้งหมด
    จิตพ้นสภาวะเป็นทาสของกามคุณ จิตเป็นธรรมไท
    เป็นอิสระสิ้นสุดในสัญญาของกามารมณ์
    มองหญิงมองชายคนไหนก็เป็นไปด้วยเมตตาธรรม
    จิตไม่ยึดติดกับบุคคลหญิงชายเหมือนกับคฤหัสถ์ผู้สร้างโลก
    ท่านมาสิ้นสุดในการอาศัยท้องผู้อื่นเพื่อถือกำเนิดที่บ้านกกกอกนี้เอง

    ฟังหลวงพ่อสมศรีท่านเล่าแล้วเราก็ทึ่งในบุญบารมี
    ที่ท่านถอดถอนกิเลสธรรมราชาหยาบหนาออกไปจากจิตใจได้
    เมื่อท่านยังเป็นพระหนุ่มพรรษาไม่พ้นสิบ
    ไม่แปลกใจเลยที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบ
    กล่าวยกย่องคุณธรรมของท่านให้พระเณรรุ่นน้องฟังว่า

    “ท่านศรีเห็นเงียบๆ อย่างนี้ ข้างในท่านแหลมคมแล้วนะ
    อย่าประมาทในคุณธรรมของท่านศรีเป็นอันขาด
    จะทำให้ตนเองเป็นกรรมภาวนาไม่ขึ้น”

    :b45:

    นึกถึงคำพูดที่เราเคยคุยกันกับ “หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร”
    ที่วัดป่าหมู่ใหม่ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    เมื่อคราวจำพรรษากับท่านปีพุทธศักราช ๒๕๔๔

    หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านบอก...
    อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็น “ลูกแพง” ของหลวงปู่ชอบ
    หลวงปู่ชอบฝึกฝนท่านอาจารย์จันทร์เรียนเพื่อเป็น “แก้วตา”
    อาจารย์สมศรีท่านเป็น “ลูกรัก”
    ที่หลวงปู่ชอบท่านฝึกฝนขึ้นมาเพื่อให้เป็น “ดวงใจ”
    คำพูดของหลวงพ่อประสิทธิ์ช่างเหมาะสม
    กับพี่ชายทางธรรมของเราทั้งสองเหลือเกิน




    [​IMG]
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร - วัดป่าหมู่ใหม่



    บันทึกโดย อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท
    ในระหว่างจำพรรษากับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ที่วัดป่าเวฬุวนาราม
    บ้านโนนกกจาน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ปี พ.ศ.๒๕๔๖
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    “ ช้างเผือกผาแด่น ” หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

    บันทึกโดย..ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท ( ๒๕๓๒ )

    ปีพุทธศักราช ๒๔๙๖ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านพา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต หลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร จำพรรษากับ หลวงปู่แว่น ธนปาโล ที่ วัดถ้ำพระสบาย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง..

    หลวงปู่บุญฤทธิ์เล่าการปฏิบัติของท่านให้ฟัง
    ตอนจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำพระสบายกับ องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม..

    ตอนจำพรรษาอยู่วัดถ้ำพระสบายหลวงปู่บุญฤทธิ์บอกเราเป็นอะไรก็ไม่รู้ธาตุขันธ์ตนเองแปรปรวนฉันอะไรไปก็จะเกิดอาการง่วงนอนอย่างผิดปรกติ แต่ไหนแต่ไรท่านบอกเราก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ บางครั้งนั่งฟังท่านอาจารย์ชอบพูดธรรมะให้ฟังตนเองเผลอหลับไปก็มี จนถูกท่านอาจารย์ชอบเอาฝ่ามือตบหัวให้ตื่น..

    หลวงปู่บุญฤทธิ์บอกวันที่ท่านแก้ธรรมเรื่องนี้ได้ หลังฉันข้าวแล้วท่านเอาบริขารหลวงปู่ชอบไปเก็บในที่พักขององค์ท่าน..

    หลวงปู่ชอบบอกหลวงปู่บุญฤทธิ์ให้เลือกเอาหน้าผาถ้ำพระสบายตรงไหนสูงที่สุดให้ขึ้นไปภาวนาอยู่บนนั้น ถ้าเผลอสติหลับเมื่อไหร่ก็ให้ตกลงมาตายเลย เราจะเผาศพให้ท่านเอง..

    หลวงปู่บุญฤทธิ์ท่านขึ้นไปภาวนาบนหน้าผาวัดถ้ำพระสบาย ท่านเลือกเอาหน้าผาจุดสูงสุดของถ้ำพระสบายเป็นที่นั่งภาวนา..

    ท่านว่า เราบอกกับตนเองเห็นไหมหน้าผาข้างล่างมีแต่โขดหินถ้าตกลงไปเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น..

    จากนั้นท่านตั้งสติภาวนาอยู่บนหน้าผา ท่านว่าไม่กี่นาทีจิตท่านพรวดลงฐานสมาธิทันที สติของท่านมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอจิตพักอิ่มตัวเต็มที่แล้วท่านบอกเราถอนออกจากอัปณาสมาธิพิจารณากำหนดดูกายตนเอง..

    ท่านบอกเรากำหนดพิจารณาหนังบริเวณหน้าอกของตนเอง พอเราจ่อจิตเข้ามาพิจารณาตรงนี้ จิตของเรากระซากหนังออกจากกายทั้งหมดเห็นเนื้อตนเองแดงเถือกดั่งเนื้อสดที่ขายในตลาด..

    ท่านเดิน “ ปัญญา ” เข้าพิจารณาใน “ กายะธรรม ” ท่านบอกเราใช้เวลาประมาณสี่-ห้าชั่วโมงพิจารณาเข้าออกในธรรม จิตเราเกิด “ ปัญญา ” รู้แจ้งเห็นโทษของ “ กามคุณ ” จิตเกิดปัญญา “ ถอนกามคุณ ” ออกทั้งหมดจนสิ้นซาก..

    ท่านบอก พอจิตเราถอนกามคุณออกไปหมดแล้ว จิตเราสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็น จิตรวมใหญ่ประกาศแจ้งภูมิตนเอง จากนี้ไปเราไม่ได้เกิดในท้องใครอีกแล้ว..

    พอเย็นตะวันจวนตกดินหลวงปู่บุญฤทธิ์บอกเราลงจากหน้าผามาหาพ่อแม่ครูอาจารย์ชอบ ตอนนั้นองค์ท่านหลวงปู่ชอบกำลังเดินจงกรมอยู่บริเวณหน้าถ้ำพระสบาย พอหลวงปู่ชอบเห็นท่านก็หยุดเดินจงกรมถามท่าน เป็นยังไงบุญฤทธิ์..

    ท่านบอกหลวงปู่ชอบ กระผมสบายแล้วขอรับท่านอาจารย์..

    หลวงปู่ชอบถามท่าน สบายเป็นยังไง..

    หลวงปู่บุญฤทธิ์ท่านเล่าความในที่เกิดขึ้นกับท่านตอนภาวนาอยู่บนหน้าผาให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบฟังทั้งหมด..

    หลวงปู่บุญฤทธิ์บอก “ ท่านอาจารย์ชอบบอกผม รู้แล้วใช่ไหมบุญฤทธิ์ว่าพระสบายเป็นยังไง ของหยาบมันหมดแล้ว จากนี้ไปให้ท่านจับเงื่อนนามธรรมพิจารณาเข้าออกให้ช่ำชอง ท่านก็จะรู้ว่า พระสบายที่สุดเป็นยังไง ทุกอย่างท่านจะรู้แจ้งแก่ใจตนเองโดยไม่ต้องแบกความสงสัยไปถามใครอีก ”..


    [​IMG]
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    เรื่อง "ตาผ้าขาวถ้ำนายม ผู้บรรลุพระอนาคามี" (โดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)

    ตาผ้าขาวนายมท่านนี้มีชื่อว่า “ พ่อสง่า ” อายุหกสิบกว่าปี พ่อสง่าท่านเป็นคนบ้านนายม ตำบลนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อสง่ามีลูกสาวลูกชายทั้งหมดสี่คน พอภรรยาตาย พ่อสง่าอยากจะบวชเพื่ออุทิศบุญให้กับภรรยาคู่ชีวิตของท่าน แต่ลูกๆทุกคนไม่อยากให้พ่อบวชเพราะเป็นห่วง เกรงว่าพ่อจะลำบากเนื่องจากพ่อสง่ามีอายุมากแล้ว

    เมื่อลูกไม่ให้บวชพ่อสง่าจึงประพฤติพรหมจรรย์ โดยการถือศีลแปดฝึกฝนอบรมสมาธิทุกวันอยู่ที่บ้าน พ่อสง่าจะอยู่ปฏิบัติสลับกันไปมาระหว่างบ้านกับวัด วันธรรมดาก็จะปฏิบัติอยู่ที่บ้านของตนเอง วันพระก็จะไปปฏิบัติอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน

    พ่อสง่าท่านเป็นผู้ที่มีวาสนารู้ธรรมได้เร็วมาก ท่านปฏิบัติภาวนาอยู่ที่บ้านจนบรรลุธรรมเบื้องต้นเป็นพระโสดาบัน จากนั้นท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว อยากออกไปปฏิบัติตามป่าเขาโดยเพียงลำพัง ท่านจึงบอกลูกหลานว่าจะไปอยู่ถือศีลภาวนาอยู่ที่ถ้ำนายม

    แรกๆ เมื่อมาอยู่ที่ถ้ำนายมตาผ้าขาวสง่าท่านจะพักเพียงคืนสองคืนก็กลับมาที่บ้านครั้งหนึ่ง ต่อมาพอเข้าพรรษาท่านก็ขอลูกหลานมาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม เบื้องต้นลูกหลานก็คัดค้านเพราะเป็นห่วงพ่อ อยากให้พ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน แต่ท่านไม่อยากจำพรรษาที่วัดในหมู่บ้าน เพราะมีเหตุบางอย่างที่มันติดขัดกับธรรมอยู่ในใจของท่าน สุดท้ายลูกหลานก็ยอมให้พ่อไปถือศีลภาวนา จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม

    ตาผ้าขาวสง่ามาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายมได้ไม่ถึงเดือน ลูกหลานก็พากันมาอ้อนวอนรบเร้าให้ท่านกลับไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นห่วงพ่อ ตาผ้าขาวท่านจึงขอกับลูกหลานว่าออกพรรษาพ่อถึงจะกลับบ้าน พ่อขอจำศีลภาวนาอยู่ที่นี่ให้พ้นพรรษาตามที่ได้ตั้งสัจจะวาจาไว้ ลูกหลานก็จนใจจำยอม ลูกหลานจะพากันมาเยี่ยมนำเสบียงมาส่งให้ท่านทุกสามสี่วันครั้งหนึ่ง

    พอออกพรรษาตาผ้าขาวสง่าท่านก็ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกหลานพากันมาอ้อนวอนให้กลับบ้านอย่างไรท่านก็ไม่ยอมกลับ เมื่อรบเร้าอ้อนวอนเท่าไหร่พ่อก็ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกชายกับลูกเขยจึงพากันจับตาผ้าขาวมัดมือมัดเท้าแบกท่านกลับบ้าน

    หลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้ องค์ท่านถึงกับสลดใจ ต่างคนต่างภูมิจึงไม่รู้ข้างในจิตใจกัน ที่ตาผ้าขาวท่านไม่อยากอยู่บ้าน เพราะท่านไม่อยากให้ลูกหลานญาติพี่น้องของท่านเป็นกรรม ซึ่งบางครั้งเขาอาจเผลอสติประมาทพลาดพลั้งท่าน ตามประสากิเลสของใจตนบงการ ตาผ้าขาวสง่าบอกท่านไว้ว่า

    "ลูกหลานของข้าน้อยจะพากันมาเอาตัวข้าน้อยกลับบ้าน ถ้าวันใดลูกหลานมาคุมตัวข้าน้อยกลับบ้าน อายุขัยของข้าน้อยก็จะสั้นลง "

    เมื่อหลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้ องค์ท่านถึงกับสลดใจ

    ตาผ้าขาวกลับไปอยู่บ้านได้สองสามวัน พอลูกหลานเผลอก็แอบหนีออกจากบ้านกลับมาที่ถ้ำนายม เพื่อมากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบเป็นครั้งสุดท้าย ตาผ้าขาวสง่ามากราบลาและบอกกับองค์ท่านว่า

    "ชาตินี้ข้าน้อยบ่มีวาสนาที่จะได้บวชเหมือนกับอาจารย์ ข้าน้อยบ่ได้สร้างบารมีทางนี้มา จากนี้ไปบ่นานดอกอายุขัยของข้าน้อยก็จะสิ้นแล้ว ข้าน้อยจะตายด้วยโรคลมปัจจุบัน เป็นเหตุให้ตนเองตกบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบตาย.."

    ตาผ้าขาวเล่าถึงอดีตกรรมของท่านให้หลวงปู่ชอบฟังว่า

    " เหตุที่ชาตินี้ตนเองไม่ได้บวชเพราะอดีตชาติครั้งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฐิ ตำหนิพระสงฆ์องค์เณรว่าเป็นคนเกียจคร้านไม่อยากทำงานจึงหนีไปบวช ลูกชายของตนเองในชาตินั้นมีศรัทธาอยากจะออกบวช ตนเองไม่อนุญาตห้ามลูกไว้ไม่ให้บวช กรรมนี้จึงส่งผลมาในชาติปัจจุบันเป็นเหตุให้ตนเองถูกขัดขวางไม่ให้บวช"

    อีกชาติหนึ่งของตาผ้าขาว ท่านเคยเกิดเป็นนาย เพชฌฆาต มีหน้าที่จับนักโทษประหารโยนลงเหว กรรมนี้จะเป็นเหตุให้ตนเองตกจากที่สูงตายในชาติปัจจุบัน

    ตาผ้าขาวบอกวันเวลาที่ตนเองจะตายให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบฟังทั้งหมด ตาผ้าขาวมาพักอยู่กับท่านที่ถ้ำนายมหนึ่งคืน พอพ้นอีกวันลูกหลานก็พากันมาตามให้ตาผ้าขาวสง่ากลับบ้าน ตาผ้าขาวสง่ากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบกลับบ้านพร้อมกับลูกหลาน นั่นคือครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่ชอบท่านได้เห็นตาผ้าขาวสง่าตอนท่านมีชีวิต

    ตาผ้าขาวสง่าท่านกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไม่นานนัก ท่านก็ตายตามวันเวลาที่ได้บอกกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบไว้ไม่มีผิด

    วันที่ท่านตาผ้าขาวสง่าตายนั้น ท่านเดินจงกรมอยู่ที่ระเบียงชานบ้านของตัวเอง เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆท่านเป็นลมหน้ามืด พลัดตกจากบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบอกตาย วันเวลาการตายตรงกับที่ท่านได้บอกกับหลวงปู่ชอบไว้ว่า "ท่านจะตายตอนพระเณรฉันเพล"

    หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า

    "ผู้ที่สำเร็จคุณธรรมเป็นพระอริยะบุคคลไม่ว่าชั้นใดก็ตาม ท่านจะอยู่ร่วมครองเรือนกับฆราวาสทั่วไปลำบาก การอยู่ครองเรือนย่อมจะมีกระทบกระทั่งกันทางอารมณ์ ผู้ที่มีภูมิธรรมท่านจะรู้จักละปลงปล่อยวางเป็น แต่ปุถุชนคนธรรมดาจะละวางไม่เป็น เมื่อมีเหตุกระทบกันจะทำให้เป็นบาปกรรมได้ ด้วยวิสัยของท่านผู้มีภูมิธรรม ท่านจะพิจารณาถึงอนาคตข้างหน้าของตนเอง หากท่านมีวาสนาทางเนกขัมมะบารมีท่านก็จะออกบวชเพื่ออยู่โปรดสัตว์โลก หากท่านพิจารณาเห็นตนเองไม่มีวาสนาบารมีในทางนี้ ท่านก็จะพิจารณาปลงสังขารละขันธ์ไปในที่สุด"
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]


    หลวงปู่บุญฤทธิ์ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ จ.นนทบุรี

    ภาพล่าสุด

    ขอเชิญร่วมทำบุญค่าดูแลธาตุขันธ์และทำบุญกับเนื้อนาบุญอันดี


    https://www.facebook.com/photo.php?...002.1073741828.100010520836060&type=3&theater
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]




    cr. มดงาน ภาพที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
    ภาพ..พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ พระอาจารย์คำแพง อัตตสันโต

    สรงน้ำสรีระสังขารพ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ..
    ครูบาอาจารย์ทั้งสองท่านนี้เป็นลูกศิษย์ขององค์ท่านหลวงปู่ชอบในยุคที่ ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร เป็นหัวหน้าคณะอุปัฏฐาก ..
    ครูบาอาจารย์ทั้งสองท่านนี้มีพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เป็นพระพี่เลี้ยงพาฝึกปฏิบัติเที่ยววิเวกทางภาคเหนือ จนพระอาจารย์คำแพงท่านได้ไปสร้างวัดป่าเขาวงมหาวัน ที่ บ้านวังผา ต.สันมะค่า อ.ป่าแดด จ.เชียงราย
    ย้อนอดีตไปเมื่อปี 2526-2527 ด.ช.วีระศักดิ์ โพธิสัตย์ ได้ไปรู้จักกับพระอาจารย์คำแพง อัตตสันโต ที่วัดป่าเขาวงมหาวันเชียงราย โดยตอนนั้นตนเองได้ติดตาม หลวงลุงเผด็จ ปภัสสโร ไปกราบพระอาจารย์คำแพง และ พระอาจารย์มหาบุญทัน ปุญญทัตโต ที่วัดป่าเขาวงมหาวัน
    ตอนเป็นเด็กเราถูกผีเปรตวัดป่าเขาวงมหาวันหลอกจนนอนไม่ได้ ตาผ้าขาวแฟ๊บ ( หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท ) สงสารท่านเลยพาไปนอนด้วยกันที่ศาลาวัดป่าเขาวงมหาวันซึ่งตอนนั้นพึ่งกำลังสร้างใหม่ เรากับหลวงปู่แฟ๊บเลยได้รู้จักกันตั้งแต่เราเป็นเด็ก ตั้งแต่หลวงปู่แฟ๊บท่านยังเป็นตาผ้าขาวลูกศิษย์ติดตาม ท่านพระอาจารย์คำแพง อัตตสันโต
    พระอาจารย์สมศรีท่านว่า เสียดาย..อาจารย์คำแพงท่านมีอายุสั้น หากท่านยังอยู่ ท่านจะเป็นแรงสำคัญอีกองค์หนึ่งในพระศาสนา
    พระอาจารย์คำแพง อัตตสันโต ท่านเป็นลูกศิษย์ที่ผ่านการฝึกฝนมาจาก
    องค์ท่านหลวงปู่ขาว อนาลโย องค์ท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม องค์ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ องค์ท่านหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ฯลฯ..
    พระอาจารย์คำแพง อัตตสันโต ท่านเป็นลูกศิษย์อีกองค์หนึ่งที่ตนเองเห็นองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม แสดงออกในกิริยาว่า " คำแพง " ..
    พระอาจารย์คำแพงท่านเป็นพระที่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร รักและเมตตามากอีกองค์หนึ่ง ..
    สายเลือดพี่น้องของท่านพระอาจารย์คำแพงที่สำคัญอีกองค์หน่งในปัจจุบันที่ครูบาอาจารย์ท่านยกย่อง พระอาจารย์ทองพูน ภูกระแต จ.หนองบัวลำภู
    ความบังเอิญไม่มีในโลกหากไม่มีวาสนา เรื่องราวของครูบาอาจารย์ตำนานอดีต สู่คนปัจจุบัน ..





    ขอเชิญร่วมงานวันบูรพาจารย์ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    วันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 7 - 8 มกราคม พ. ศ. 2560


    ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ.โคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย


    วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2560
    เวลา 19 . 00 น. เจริญพุทธมนต์ - แสดงธรรมเทศนาโดยพระเถราจารย์


    วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2560
    เวลา 07 . 00 น. ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาต
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐
    เป็นวันละสังขารครบรอบ ๒๒ ปี
    พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


    ครบรอบวันบูรพาจารย์ทุกปีที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ตนเองนั้นไปร่วมงานไม่เคยขาด
    มีปีนี้ที่ขาดด้วยเหตุสุดท้ายของผู้รู้จักที่มีคุณต่อกัน ได้แต่ฝากของ ส่งใจไปร่วมงานกับทุกๆท่าน..

    ย้อนหลังเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๓๘ ที่โรงพยาบาทศิริราช กรุงเทพฯ

    หลวงปู่จันทา ถาวโร หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ ท่านทั้งสองเข้ามากราบลาครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นครั้งสุดท้าย

    หลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่าผาแด่น จ.เชียงใหม่ หัวหน้าคณะอุปัฏฐาก องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พาทุกคนกราบขอขมาลากรรมต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย

    หลวงปู่คำผองท่านแจ้งบอกทุกคน
    หลวงปู่ชอบท่านไปไม่ถึงเมืองเลย

    วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๓๘
    ระหว่างเดินทาง เวลา ๑๑.๓๘ น.

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ก็ละขันธ์นิพพานที่บนทางด่วนโทล์เวย์

    " หลวงปู่ชอบท่านไปไม่ถึงเมืองเลย "
    เหมือนที่ หลวงปู่คำผอง กุสลธโร
    ท่านบอกกับทุกคนเอาไว้..

    อยู่ปฏิบัติรับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เกือบแปดปี

    ติดตามเป็นเงาพาองค์ท่านไปโปรดสัตว์ตามสถานที่ต่างๆจนค่อนโลก..

    เส้นทางพหูสูตรท่านเป็นผู้กำหนดให้

    ไม่มีวันไหนที่ใจลืมคำสอนครูบาอาจารย์ ให้เป็นผู้เสียสละ วาสนาเคยทำมาทางนี้

    #อย่าละความเพียรให้ทำทุกวัน

    มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ บ่มีผู้ใดทำแทนกันได้

    #สิ่งเหล่านี้เราต้องทำเอาเอง
    ี่
    พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ท่านจะสอนเราอยู่แบบนี้เสมอ..


    15895005_1210936082323552_8274720634791093590_n.jpg

    https://www.facebook.com/weerasak.phothisat
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...